ตอนที่ 13แรงบันดาลใจ...นัยดวงตา

[ ราเชนทร์ ]

ตั้งแต่ท่านประธานได้รับนักศึกษาฝึกงานชุดนี้เข้ามาทำงานที่บริษัท การทำงานของเขาก็มีสีสันมากกว่าทุกปีนับตั้งแต่เขาเข้ามาทำงานที่นี่ เช้าก็อยากที่จะมาทำงาน ระหว่างวันก็ได้เฝ้ามองเด็กฝึกงานที่อยู่ห้องข้าง ๆ แม้งานจะหนักแค่ไหนแต่ความสุขเล็ก ๆ ที่ได้จากการเฝ้ามองเด็กสาวอย่างหนูมนต์ลดาจริงจังกับการทำงาน นั่นเป็นทางที่ทำให้ราเชนทร์มีไฟในการทำงานมากขึ้น

ราเชนทร์นึกถึงช่วงที่เขาเข้ามาทำงานในบริษัทนี้ใหม่ ๆ เขาตั้งใจทำงานและพยายามเรียนรู้ทุกอย่างจากคนรอบข้าง นั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้พนักงานบางคนที่อายุมากกว่าราเชนทร์ยอมรับเขาเป็นหัวหน้างานอย่างเต็มใจ การที่เห็นหนูมนต์ลดาทำงานอย่างตั้งใจ ใส่ใจทุกรายละเอียด ตั้งแต่รีเสิร์ชตลาด อ่านงานวิจัย ยันเลือกเฟ้นหาอัญมณีที่เหมาะสมสำหรับออกแบบเองทั้งหมด ก็ยิ่งทำให้เขามีไฟในการทำงานมากยิ่งขึ้น ต้องยอมรับตามตรงเลยว่า ยิ่งทำงานในวงการนี้นานยิ่งขึ้นความสดใหม่ของไอเดียก็น้อยลงบ้างตามเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีนัก ผู้บริหารบางคนเลือกท่องเที่ยวต่างประเทศเพื่อค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ บางคนรักความสงบ อาจเลือกเข้าป่าชมธรรมชาติตามหาแรงบันดาลใจใหม่ ๆ

‘สำหรับผมแล้ว…ผมก็ลืมไปแล้วว่าความชอบของผมแท้จริงคืออะไร?’

ตั้งแต่เจอหนูมนต์ลดาถูกทำร้ายวันนั้นมันทำให้ราเชนทร์รู้สึกอยากปกป้องดูแลเธอ และยิ่งเห็นเธอเอาจริงเอาจังในการทำงาน ยิ่งทำให้หัวใจของเขาเต้นแรง หรือการค้นพบแรงบันดาลใจใหม่สำหรับราเชนทร์ นั่นคือการได้ ‘ทำงาน’ กับคนที่ตั้งใจจริงและมีความพยายามในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ

‘หรือ…แค่เป็นหนูน้ำมนต์ ผมถึงมีไฟในการทำงานอีกครั้ง!’

ราเชนทร์รู้ดีว่าการที่ช่วงนี้เขาชอบเปิดม่านมู่ลี่ทำให้ทีมพิเศษรู้สึกแปลกใจ แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาในการทำงาน เพราะท่านประธานรู้ดีว่าทีมงานของเขามีโลกส่วนตัวสูง อีกทั้งบริษัทเราอนุญาตให้พนักงานสามารถนั่งทำงานจากที่ไหนในออฟฟิศก็ได้ ราเชนทร์เป็นผู้บริหารที่เน้นผลลัพธ์มากกว่าวีการ เขาจึงไม่เคร่งเครียดหากพนักงานบางคนอยากจะอู้บ้าง เพียงขอแค่ได้งานที่มีประสิทธิภาพก็พอ

‘นั่นมันอาไชยวัฒน์นี่ เข้าไปคุยอะไรกับหนูน้ำมนต์กัน’ ราเชนทร์ชำเลืองมองด้วยสายตาไม่ชอบใจนัก

ท่านประธานกดโทรศัพท์หาเด็กฝึกงานก่อนจะอ้างว่าอยากจะรีบเช็คงานที่สั่ง เขารู้ดีว่าหนูมนต์ลดาอาจจะงงว่าเพราะอะไรต้องรีบตรวจงานขนาดนั้น

‘แต่ทำอย่างไรได้ ผมไม่อยากให้หนูน้ำมนต์เข้าใกล้มัน!’

แม้ไชยวัฒน์จะมีศักดิ์เป็นอาของราเชนทร์ แต่อายุทั้งเขาและไชยวัฒน์ห่างกันเพียงหกปีเท่านั้น เหตุผลที่ทำให้ราเชนทร์กับอาไม่ค่อยลงรอยกันนั้นก็เพราะทั้งคู่มีเรื่องตั้งแต่สมัยเรียนในวัยเด็ก พอเริ่มทำงานใหม่ ๆ ก็เป็นเรื่องของการทำงาน ไชยวัฒน์ถือว่าตัวเองก็เป็น “เกริกก้องรัชตะ” คนหนึ่ง เขาก็อยากเป็นเจ้าของบริษัท แต่ตำแหน่งประธานบริหารกลับตกอยู่กับราเชนทร์ จึงทำให้ไชยวัฒน์ไม่พอใจ

เมื่อห้าปีก่อน ราเชนทร์คบกับรินชญา นักธุรกิจหญิงสาวสวย ทายาทเหมืองกิจติมณี ซึ่งเป็นเหมืองใหญ่ที่สุดในจังหวัดจันทบุรี ตั้งแต่ราเชนทร์ผิดหวังกับอัยลดาอดีตแฟนสาวที่คบกันมานานก็ได้รินชญาคอยดามใจ เขาจึงตั้งใจจะสร้างครอบครัวกับรินชญา ท้ายที่สุดเรื่องเก่า ๆ ปมเดิม ๆ ที่ราเชนทร์เคยเจอก็เกิดขึ้นกับเขาอีกครั้งทุกอย่างก็ไม่เป็นอย่างที่เขาหวัง

คืนหนึ่งราเชนทร์ตั้งใจจะเซอร์ไพรส์วันเกิดเธอด้วยดอกกุหลาบช่อใหญ่ และบีเอ็มดับบลิวรุ่นใหม่ที่รินชญาเปรยว่าอยากได้ ชายหนุ่มใช้การ์ดสำรองเพื่อเปิดเข้าห้องของแฟนสาว แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับทำให้ราเชนทร์เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่า แฟนสาวสุดที่รักของเขากำลังกอดก่ายอยู่บนร่างกำยำของอาไชยวัฒน์ ฉากรักร้อนแรงที่รินชญาเป็นผู้คุมเกม เสียงครางกระเส่าระงมสลับกับลมหายใจหอบหนัก ยิ่งบีบหัวใจของเขาจนแทบจะแหลกสลาย แก้มนวลที่เขาเคยสัมผัส ผิวเนียนสวยที่เขาเคยชอบ ริมฝีปวกอวบอิ่มที่ราเชนทร์เคยหลงใหล บัดนี้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นอาแท้ ๆ ของเขากลับตีท้ายครัว แอบเป็นชู้กับผู้หญิงของหลายชายตัวเอง

จังหวะที่ไชยวัฒน์ผลักรินชญาลงไปนอนรับบทรักที่โซฟาหน้าทีวีนั้น ไชยวัฒน์หันมาประชันหน้ากับราเชนทร์ที่กำลังยืนมองพวกเขาบรรเลงบทรักร้อนแรงที่หน้าประตู มันไม่ได้รู้สึกเกรงใจเขาแม้แต่น้อย หนำซ้ำวูบหนึ่งไชยวัฒน์ยังแสยะยิ้มร้ายพร้อมกับกระหน่ำบทรักราวกับเย้อหยันให้ผมเจ็บปวดใจ เจ้าของตัวจริงอย่างราเชนทร์ทำได้เพียงสะกดกลั้นความขุนเคืองไว้ในใจ ก่อนจะวางการ์ดสำรองไว้ที่ตู้วางรองเท้าหน้าประตู และออกจากห้องนั้นไปโดยไม่คิดจะกลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย

การโดยหญิงคนรักหักหลังเขาติดกันสองครั้งซ้อน ทำให้ราเชนทร์เข็ดขยาดกับการเปิดใจให้ใคร แต่หนูมนต์ลดาแตกต่างจากคนอื่น ๆ ที่ผมเคยเจอมา เธอไม่เคยเรียกร้องอะไรจากผม มีแต่ผมที่อยากหยิบยื่นสิ่งต่าง ๆ ให้เธอ ทว่าเธอไม่ค่อยรับน้ำใจจากชายหนุ่มเลย กระทั่งผมตั้งใจใช้เรื่องงาน เป็นข้ออ้างที่ทำให้เราได้เข้าใกล้ชิดกันมากขึ้น

อาไชยวัฒน์ยังไม่เลิกตอแยหนูมนต์ลดา หนำซ้ำยังช่วยเด็กสาวถือแฟ้มงานเข้ามายังห้องตนบวกกัน คำพูดไม่ให้เกียรติตั้งใจกระทบกระทั่งทำให้หนูมนต์ลดารู้สึกแย่ที่ต้องขึ้นตรงกับตน ออกจากปากของมันคำแล้ว คำเล่า ขณะที่หนูมนต์ลดาส่งแววตาเชื่อมั่นในตัวเขาผ่านสายตานั่น แม้เด็กสาวจะไม่เอ่ยคำพูดใด แต่ก็ทำให้ท่านประธานรู้สึกภูมิใจในตัวเธอ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในทีมพิเศษ

มนต์ลดาเชื่อมั่นในตัวราเชนทร์ เธอไม่หวั่นไหวต่อคำพูดคนอื่น ไชยวัฒน์เอ่ยชวนท่านประธานเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันและเลี้ยงต้อนรับเด็กนักศึกษาฝึกงานด้วยกัน ประธานหนุ่มรู้ดีว่าไชยวัฒน์พูดเพื่อรักษามารยาทเท่านั้น แต่เขาตั้งใจจะเป็นเจ้ามือในมื้อนี้ และถือโอกาสชวนทีมพิเศษไปด้วยกัน ซึ่งประกอบด้วยเอก ทีม และแก้ว ‘ได้ ในเมื่อมันอยากมีบทมากนัก ผมจะลดตัวลงไปเล่นกับมันสักหน่อย’

“คุณไชวัฒน์อุตส่าห์ชวน งั้นเดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเองครับ”

‘มุกหลอกเด็กของมันก็ยังมุกเดิม ๆ ตีสนิท พาเลี้ยงข้าว ซื้อของขวัญให้ สุดท้ายก็หลอกไปกิบตับ แล้วก็ล้วงความลับโปรเจ็กต์งาน’ ราเชนทร์มองหน้าไชยวัฒน์อย่างเอือมระอา ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์มือถือ

กระทั่งไปถึงร้านสเต๊ก ตามที่คาดการณ์อาไชยวัฒน์ก็เอาแต่พูดโอ้อวดโชว์ความเก่งกาจของตนกับทีม ท่านประธานไม่ใส่ใจนัก เขาเลือกที่จะไปนั่งรวมกับกลุ่มเด็กนักศึกษาฝึกงานและทีมพิเศษ ในเวลางาน ท่านประธานอาจจะมีท่าทางจริงจัง แต่ช่วงเวลาพัก ราเชนทร์ไม่ใช่คนถือตัว เด็กนักศึกษาต่างค่อย ๆ ทำตัวเป็นกันเอง เสียงพูดคุยหัวเราะเกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศที่แสนผ่อนคลาย…

หลังจากรับประทานมื้อเที่ยงแสนพิเศษจบลง ท่านประธานเอ่ยลาก่อนจะแยกย้ายกับเด็กนักศึกษา เหลือเพียงทีมงานพิเศษเหล่าพนักงานยอดมนุษย์ของเขา ราเชนทร์เคยได้ยินพนักงานในบริษัทตั้งฉายาให้ทีมงานพิเศษของตนว่าเป็น ‘พวก-ยอดมนุษย์’ จะว่าไปแล้วเรียกแบบนั้นก็คงไม่แปลกอะไรเพราะแต่ละคนมีศักยภาพในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น และการที่ราเชนทร์ส่งให้หนูมนต์ลดามาอยู่กับทีมพิเศษ เพื่อให้หนูมนต์ลดาได้ทักษะรอบด้าน เผื่อวันข้างหน้าเด็กสาวจะได้มาเป็นคนข้างใจ เคียงคู่ทำงานไปด้วยกัน…

ราเชนทร์อนุญาตให้ทีมงานพิเศษเลิกงานก่อนเวลาได้ เพราะเขาเชื่อว่าสุดท้ายทุกคนก็แยกย้ายไปทำงานอยู่ดี วันนี้ทีม กับคุณแก้วแจ้งว่าพวกเขาจะหาร้านกาแฟน่ารักนั่งคิดงาน รายนี้ไปไหนมักพกงานไปด้วยเสมอ เธอเคยบอกกับผมว่า เพราะทุกที่คือที่ทำงาน ถึงคุณแก้วจะอัธยาศัยดีแต่ เวลาหล่อนทำงาน หล่อนมีสมาธิสูงมาก เป็นคนที่วางแผนได้อย่างละเอียด มองตลาดขาด ต่างกับทีม แม้จะอายุห่างกันเพียงสามปี แต่ทีมออกจะเก็บตัวมากกว่า โดดเด่นในด้านการวิเคราะห์รวมไปถึงการนำเสนองานออกมาให้ลูกค้าตรึงใจอยู่เสมอ ตั้งแต่ราเชนทร์แอบดูการทำงานของ ‘ทีม’ สังเกตเห็นเด็กหนุ่มมักมีนิสัยแปลก ๆ อย่างการชอบเข้าไปหลับใต้โต๊ะทำงาน แต่ทุกครั้งคุณแก้วมักจะจัดการทีมด้วยวิธีต่าง ๆ ด้วยตัวเองเสมอ

ส่วนคุณเอกรินทร์หัวหน้าของทีมเป็นคนที่ราเชนทร์ไว้วางใจที่สุด เขาเป็นรุ่นน้องของราเชนทร์แค่ปีเดียว แต่เราสนิทกันมาก บางครั้งเหมือนเอกรินทร์อ่านสายตาของเขาออกว่าราเชนทร์รู้สึกอย่างไรกับหนูมนต์ลดา แน่นอนว่าหัวหน้าทีมคนนี้เป็นคนจริงจังกับการทำงาน เขาเลือกกลับออฟฟิศเพื่อไม่ให้เป็นที่ครหาว่าทีมพิเศษได้รับสิทธิพิเศษเหนือพนักงานคนอื่น

“ส่วนคุณ ไปกับผม” ท่านประธานพูดพลางสบตากับเด็กนักศึกษาฝึกงานเพียงคนเดียวของกลุ่ม

“น้ำมนต์หรือคะ ไปไหนคะ?” เด็กสาวเอียงคอนิด ๆ ขมวดคิ้วหน่อย ๆ ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดู

“ก็ไปเตรียมของสำหรับออกงานต่างจังหวัดกับผมยังไงล่ะ” ท่านประธานพูดเสียงเรียบก่อนจะหันไปสบตาหัวหน้าทีมพิเศษอย่างมีนัยยะบางอย่าง

“ตอนนี้เลยหรือคะ” มนต์ลดาถามด้วยเสียงอ่อน

“ใช่ครับ ตอนนี้” ชายหนุ่มยกยิ้มพลางดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้มอย่างยียวน

ราเชนทร์ตั้งใจพามนต์ลดาสำรวจตลาดและอยากดูไหวพริบของเด็กสาวด้วยว่าโดดเด่นด้านไหน จุดด้อยคืออะไร เพื่อจะได้ให้คุณเอกเน้นย้ำและเสริมทักษะเพื่อมาเป็นมือขวาของเขาในอนาคต อยากได้เด็กเก่งไฟแรงมาร่วมงานก็ต้องฟูมฟักตั้งแต่ก้าวแรกนี่ล่ะ!!!

ราเชนทร์พาหนูมนต์ลดาไปดูชอปที่มีทั้งเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับทั้งหมดสามแบรนด์ ซึ่งเป็นแบรนด์ที่แตกต่างกันมาก และผมอยากรู้แนวคิดของเธอว่าจะมีมุมมองอย่างไร แต่ดูเหมือนว่าเด็กดื้อของผมจะเริ่มหงุดหงิดเสียแล้ว ไม่แปลกหรอกที่หนูมนต์ลดาจะหงุดหงิด ก็ผมพาเธอเดินแทบทุกซอกทุกมุมในร้าน และทั้งสามแบรนด์นั้นก็อยู่คนละมุมห้าง นอกจากจะทดสอบหนูมนต์ลดาแล้ว ผมก็แค่อยากใช้เวลาอยู่กับเด็กดื้อคนนี้ให้นานอีกหน่อย

“คุณพาน้ำมนต์เข้าออกมาตั้งสามแบรนด์แล้วนะ” หนูมนต์ลดาขมวดคิ้วแน่น เอ่ยด้วยเสียงเข้ม

ผมชอบเวลาที่หนูมนต์ลดาทำตัวสบาย ๆ เมื่อได้อยู่กับผมสองต่อสอง มันทำให้ผมได้เป็นตัวของตัวเอง และรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้เธอ

“ใช่แล้ว เราเข้าออกร้านมาตั้งสามแบรนด์แล้ว” ท่านประธานเอ่ยเสียงนุ่ม ใบหน้าเปื้อนยิ้มอบอุ่น

“คุณยิ้มอะไรคะ”

“แล้วสามแบรนด์ที่เราเข้า หนูน้ำมนต์เห็นถึงความแตกต่างอะไรบ้าง” ท่านประธานเอ่ยด้วยเสียงนุ่มทุ้ม

ราเชนทร์หันกลับมาสบตาคู่สวย ก่อนจะใช้มือหนาลูบเรือนผมอ่อนนุ่มอย่างเอ็นดู เขาไม่รู้ว่าตัวเองว่าเป็นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรการแสดงออกที่ชอบลูบเรือนผมของหนูมนต์ลดาเวลานึกเอ็นดู ราเชนทร์รู้สึกราวกับหนูมนต์ลดาเป็นแมวตัวน้อย ที่พอเข้าไปใกล้ก็ไม่สามารถเดาใจได้ว่าจะโดนแมวตัวนี้ตะปมหรืออ้อนกลับ เธอแตกต่างจากผู้หญิงทั่วไปที่เขาเคยเจอ เหมือนจะเข้าถึงได้ง่าย แต่เข้าหาเท่าไรก็เหมือนยังเข้าไปไม่ถึงหัวใจเธอสักที

“คะ?” เด็กสาวขานรับเสียงสูง คิ้วคู่สวยขมวด

หนูมนต์ลดาอธิบายถึงความแตกต่างระหว่างแบรนด์แต่ละแบรนด์ที่เพิ่งจะไปมาได้อย่างกลาง ๆ ไม่ลงรายละเอียดมากเกินไป แต่ก็ยังคงจับจุดสำคัญได้ แสดงให้เห็นถึงการที่เธอถนัดมองภาพกว้างมากกว่าลงรายละเอียดถือเป็นเรื่องที่ดีสำหรับมุมมองเช่นนี้ เพราะเป็นมุมมองของผู้บริหาร

“อื้ม หนูน้ำมนต์เก่งจัง ช่างสังเกตจริง ๆ” ราเชนทร์พูดพลางฉวยโอกาสใช้หัวแม่โป้งเกลี่ยแก้มใส

เด็กสาวก้มหน้างุด พวงแก้มขึ้นสีเลือดฝาด ยิ่งทำให้ชายหนุ่มอยากแกล้งซ้ำแล้วซ้ำอีก “คุณนี่นะ ฉวยโอกาสตลอด”

คุณลุงท่านประธานกระตุกยิ้มร้าย ก้มลงมากระซิบข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า “แล้วถ้าผมอยากจะฉวย หนูจะว่ายังไง?”

ราเชนทร์ตั้งใจพ่นลมหายใจอุ่นให้กระทบผิวของหนูมนต์ลดา การที่เขายั่วใจเธอครั้งนี้ยิ่งทำให้ใบหน้าของเด็กสาวที่แดงระเรื่ออยู่แล้วยิ่งแดงขึ้นไปอีก ลมหายใจของเธอค่อย ๆ กระชั้นขึ้นตามความตื่นเต้น กลิ่นหอมอ่อนจากสาวแรกรุ่นเย้ายวนใจจนอยากจะเข้าใกล้เธอมากยิ่งขึ้น อยากสัมผัสเธอมากขึ้น ทว่าเวลานี้ยังคงไม่เหมาะ

จู่ ๆ หนุ่มหน้าเกาหลีที่ไหนก็ไม่รู้เข้ามาขัดจังหวะความสุขของผม ทำให้หนูมนต์ลดารีบดีดตัวออกจากผมอย่างรวดเร็ว ‘แล้วไอ้หน้าใสนั่นมันเป็นใครกันวะ’

“น้องน้ำมนต์ สวัสดีครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักหนูมนต์ลดา

มนต์ลดายกมือไหว้พร้อมกับฉีกรอยยิ้มหวานบนใบหน้าสวย “

คุณณภัทร สวัสดีค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะ คุณณภัทรแวะมาดูชุดหรือคะ”

เธอแนะนำผมกับไอ้หน้าหล่อที่ชื่อณภัทรอะไรนั่น เห็นว่าเป็นเจ้าของแบรนด์ชื่อดังที่เพิ่งเปิดตัวในไทย ถ้าผมจำไม่ผิดบริษัทนี้มีรายชื่อในการเข้าร่วมงานที่เรากำลังจะไปด้วย ดู ๆ แล้ว หนูมนต์ลดาและไอ้หมอนี่สนิทกันน่าดู

“ผมรบกวนเวลาคุณน้ำมนต์หรือเปล่าครับ” ณภัทรเอ่ยด้วยแววตาพราวระยับ แฝงไปด้วยความกะล่อน

“กวนครับ” ราเชนทร์รีบเอ่ย ‘เรื่องอะไรที่ผมจะยอมให้หนูน้ำมนต์ไปกับมันสองต่อสอง แต่ถึงอย่างไรก็ทำความรู้จักมันเอาไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย ใช่แล้ว ผมจะไปเป็นก้างขว้างคอ แล้วใครจะทำไม หนูน้ำมนต์ของผมเท่านั้น ไอ้หน้าหล่อนี่ไม่เกี่ยว’

“งั้นมื้อนี้ให้ผมเป็นเจ้ามื้อเลี้ยงคุณณภัทรเอง เราไปด้วยกันดีไหมครับ”

“ยินดีมากเลยครับ”

มนต์ลดาหันมาสบตาท่านประธานอย่างหวาดระแวง ทว่าราเชนทร์กลับส่งยิ้มให้ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ พลางดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้มราวกับคิดเรื่องสนุกบางอย่างได้ เด็กสาวเฝ้ามองเขาอย่างจ้องจับผิด แต่มีหรือที่คนอย่างราเชนทร์จะบอกให้รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไร ที่แน่ ๆ ราเชนทร์มองออกว่าสายตาที่ณภัทรจ้องมองมนต์ลดาคือสายตาของหมาป่าที่อยากหยอกแมวอย่างหนูน้ำมนต์

‘ไอ้หน้าหล่อ แกไม่มีทางสมหวังหรอก’

ณภัทรเดินนำหน้าราเชนทร์เล็กน้อยก่อนจะสลับฝั่งเดินตีคู่กับมนต์ลดา เด็กสาวยิ้มรับตามมารยาทพลางหันมาสบตาคุณลุงท่านประธานเพื่อขอความช่วยเหลือ ไม่นานนักคุณณภัทรก็หยุดยืนที่หน้าร้าน Tea Time ร้านบรรยากาศน่ารักและเต็มไปด้วยเบเกอรีน่ารับประทาน กระนั้นมนต์ลดากลับไม่รู้สึกตื่นเต้น ทว่าลึก ๆกลับรู้สึกอึดอัดใจอย่างน่าประหลาด

ณภัทรเดินนำเข้าไปอย่างชำนาญราวกับมาร้านนี้บ่อย ราเชนทร์สังเกตเห็นพนักงานทักทายคุณณภัทรอย่างสนิท มนต์ลดาดูเกร็งจนท่านประธานส่งสายตาและรอยยิ้มอบอุ่นเป็นเชิงให้กำลังใจ ‘ดูแล้วยัยเด็กดื้อก็ไม่ได้อยากมากับไอ้หน้าหล่อนี่สักเท่าไร แต่ทำไมถึงไม่ปฏิเสธไปซะให้สิ้นเรื่อง หรือว่ามีซัมธิงอะไรมากกว่านั้นนะ’ ราเชนทร์พลางใช้ความคิดก่อนจะรีบเดินไปเลื่อนเก้าให้เด็กสาวนั่งตัดหน้าณภัทร แว่บหนึ่งเจ้าของแบรนด์หน้าหล่อเผลอทำสีหน้าไม่พอใจราเชนทร์ แต่เขาไม่สนใจ กลับแสร้งยิ้มอย่างยียวนก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างมนต์ลดาอย่างไม่ยี่หระ

“ร้านนี้ชากุหลาบรสชาติดีกลิ่นหอมมาก” ณภัทรยื่นเมนูพร้อมขยับตัวเข้าใกล้ ชี้แนะนำเมนูให้เธอ

“ค่ะ ก็น่าสนใจดีนะคะ” มนต์ลดาแก้มแดงระเรื่อเมื่อเงยหน้าขึ้นไปพอดีกับที่คุณณภัทรกำลังมองใบหน้าหวานของเธอ

“ชากุหลาบทั้งหอมและช่วยเรื่องผิวพรรณด้วยนะครับ”

“งั้นน้ำมนต์รับชากุหลาบน้ำผึ้งกับครัวซองต์เอมอนด์ค่ะ”

“ชากุหลาบยังช่วยอีกเรื่องด้วยนะครับ” ณภัทรเอ่ยเสียงนุ่ม

“ยังไงคะ คุณณภัทรน้ำมนต์ไม่ค่อยได้ดื่มชา ปกติดื่มแต่กาแฟค่ะ”

“กาแฟน่ะบีบหัวใจ ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพนะครับ ลองนี่ดีกว่า ชากุหลาบมีสรรพคุณช่วยบำรุงให้หัวใจของคุณน้ำมนต์แข็งแรงนะครับ” คุณณภัทรพูดพลางหันมาขยิบตาอย่างยั่วโมโหใส่ราเชนทร์ที่แอบชำเลืองตามองอยู่อย่างนึกสนุก

‘แหม…กาแฟบีบหัวใจ แต่ชากุหลาบบำรุงหัวใจ มุกห่าอะไรของมันวะ ชิชะ! มุกเด็กน้อยมาก หึ ไอ้เด็กนี่ เริ่มไม่ค่อยชอบมันหน้าแล้วสิ นี่มันไม่คิดเกรงใจกันเลยหรือยังไง’ ราเชนทร์คิดขณะชำเลืองตามองเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าหน้าหล่อ

“ดูคุณณภัทรจะรู้เรื่องชาเยอะจังเลยนะครับ ถ้าไม่บอกว่าเป็นเจ้าของแบรนด์เสื้อผ้า ผมเกือบจะคิดไปว่าคุณเป็นเจ้าของไร่ชาซะแล้ว” ราเชนทร์กระตุกยิ้มร้าย

“ท่านประธานรับเป็นลาเต้เหมือนเดิมหรือเปล่าคะ” มนต์ลดาพูดขึ้นเมื่อเห็นชายหนุ่มทั้งสองเริ่มส่งสายตากดดันใส่กัน

“ครับ ปกติเห็นคุณน้ำมนต์เคยบอกกับผมว่าชอบดื่มมอคค่าร้อนยามบ่าย เพราะคาเฟอีนทำให้คุณสดชื่นและตื่นตัวนี่ครับ” ราเชนทร์ตอบรับพลางหันไปยิ้มอ่อนโยนให้กับเด็กสาว

“วันนี้ลองชากุหลาบก็ได้ค่ะ ก็น่าสนใจดี” เธอระบายยิ้มหวานรับ

“ว่าไปแล้ว…คุณราเชนทร์ก็ดูมีความรู้เรื่องเครื่องดื่มไม่น้อยไปกว่าผมเลยนะ” คุณณภัทรเลิกคิ้วอย่างยียวน

“ผมรู้ได้หมดแหละครับ ถ้าเรื่องนั้นเกี่ยวกับคนของผม” เขาตอบเสียงแข็งพลางหันไปสบตากับหนูมนต์ลดา ทั้งสองสบตากัน ก่อนจะพูดคุยกันเรื่องขนมที่เพิ่งมาเสิร์ฟจนลืมสนใจว่าบนโต๊ะยังมีชายหนุ่มอีกคนที่กำลังหน้าเสียอยู่

“ว่าแต่…ตอนนี้น้องน้ำมนต์ยังรับถ่ายแบบอยู่ไหมครับ” ณภัทรพยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการถามเรื่องงานของมนต์ลดา

“รับค่ะ ยังรับตลอด” มนต์ลดาตอบด้วยเสียงกระตือรือร้น

“ดีเลยครับ พอดีตอนนี้มีคอลเลกชันออกใหม่ ยังไม่ได้ถ่ายภาพลงโปรโมต ผมอยากให้น้องน้ำมนต์มาเป็นนางแบบให้สักหน่อย พอจะมีคิวให้ผมไหมครับ” ณภัทรพูดพลางกระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

มนต์ลดายิ้มร่าดีใจ ก่อนรอยยิ้มสดใสจะแปรเปลี่ยนเป็นความกังวล

เจ้าของแบรด์ Referter เอ่ยถามอย่างสงสัย “มีอะไรหรือเปล่าครับ หรือติดปัญหาอะไรไหม?” ณภัทรสนใจน้ำมนต์มาตั้งแต่คอลเลกชันแรก แต่ช่วงนั้นเธอกำลังอยู่ในกระแส เรียกได้ว่าเป็นตัวท็อปของวงการจึงไม่มีคิวว่างพอให้แบรนด์เขา แต่ครั้งนี้ณภัทรตั้งใจจะใช้เรื่องงานเพื่อสร้างสัมพันธ์ส่วนตัว ณภัทรรู้ดีว่าในวงการนางแบบและพริตตี้ น้ำมนต์เป็นผู้หญิงที่ไม่ว่าใครเข้ามาเสนอเงินให้มากสักแค่ไหนก็ไม่สามารถเป็นเจ้าของเธอได้ นั่นยิ่งทำให้เด็กสาวคนนี้น่าสนใจในสายตาของณภัทรมากยิ่งขึ้น

“พอดีช่วงนี้น้ำมนต์ฝึกงานอยู่ค่ะ อาจจะไม่สะดวกถ่ายงานวันธรรมดา”มนต์ลดาเอ่ยด้วยเสียงอ่อน เธอกลัวจะพลาดงานนี้ เพราะตั้งแต่พี่บัวลอยแพเธอ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากจ้างงานเธอเลย และแน่นอนว่าเธอรู้ว่าเรื่องนี้เป็นเพราะอะไร

“เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหาเลยครับ งั้นถือว่าน้องน้ำมนต์ตกลงแล้วนะครับ งั้นผมขอไลน์ไว้หน่อยได้ไหมครับ เผื่อเอาไว้นัดวันเซ็นสัญญา” ณภัทรพูดพลางยื่นโทรศัพท์มือถือให้เด็กสาว

“นี่ คุณณภัทร ผมก็ไม่อยากจะขัดเรื่องงานของคุณหรอกนะครับ แต่ปกติเจ้าของแบรนด์ติดต่องานเองเลยหรือครับ เพื่อนผมก็ทำแบรนด์เสื้อผ้า เรื่องพวกนี้เขาจะให้เลขา หรือไม่ก็พนักงานเป็นคนติดต่อกันเองทั้งนั้น”

มนต์ลดาสะกิดขาคุณลุงท่านประธานใต้โต๊ะ แต่แทนที่คุณลุงจะรู้ตัวว่าเขาอาจพูดมากเกินไป ราเชนทร์กลับคว้ามือเธอดึงไปกอบกุมไว้แน่น ก่อนจะหันมาขยิบตาอย่างเจ้าเล่ห์ใส่ แววตาที่เหมือนเด็กกำลังคิดแผนแกล้งคนอื่นได้

“ปกติก็เป็นอย่างที่คุณราเชนทร์บอกนั่นแหละครับ แต่สำหรับน้องน้ำมนต์…” ณภัทรหันไปยิ้มอย่างจริงใจ

“เด็กของผมทำไมหรือครับ” ราเชนทร์เอ่ยเสียงแข็ง ขยับตัวเล็กน้อย

“แค่เด็กฝึกงานหรือเปล่าครับ บริษัทคุณเป็นกันเองกับลูกน้องดีนะครับ ขนาดเด็กฝึกงานยังดูแลดี แล้วพนักงานประจำจะดูแลดีขนาดไหน” ณภัทรพูดพลางแสยะยิ้ม ตั้งใจพูดจายียวนกวนประสาทให้ท่านประธานหนุ่มที่สุดจะเย็นชาคลั่ง

ราเชนทร์กัดฟันกรอดอยากจะตอกกลับไอ้เจ้าของแบรนด์หน้าหล่อนี่สักยก แต่ด้วยวุฒิภาวะบวกกับที่มันอาจจะเป็นคนที่จ้างงานหนูมนต์ลดาในอนาคต ราเชนทร์จึงไม่อยากแสดงอากัปกิริยาไม่ดีที่อาจทำให้หนูมนต์ลดาได้รับผลกระทบ เขาทำได้เพียงข่มความรู้สึกไม่ชอบหน้านายณภัทรไว้ในใจ…

ณภัทรส่งสายตาพราวระยับให้หนูมนต์ลดา “งั้นผมขอพูดตรง ๆ เลยนะครับ ผมอยากจะจีบน้องน้ำมนต์ หากไม่ว่าอะไร…”

“เอ่อ น้ำมนต์คิดว่า…”

มนต์ลดาตกใจ วูบหนึ่งสบตากับคุณลุงท่านประธานแล้วตั้งใจจะเอ่ยปฏิเสธ

“เดี๋ยวก่อนสิครับ อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธผม พี่ขอแค่ให้น้ำมนต์อนุญาตให้พี่จีบก็พอแล้ว ส่วนผลจะเป็นยังไง พี่คิดว่าให้มันเป็นเรื่องของอนาคตดีกว่า”

ณภัทรพยายามงัดเหตุผลร้อยแปดเพื่อให้เด็กสาวไม่เอ่ยตัดน้ำใจตนเอง

“แหม คุณณภัทรเป็นคนตรงดีนะครับ ผมนับถือ” ราเชนทร์ปรายตามอง ยิ้มแบบไม่เต็มใจ

“คนวัยรุ่นก็แบบนี้แหละครับ คิดเร็วทำเร็ว ต่างจากผู้ใหญ่ที่คิดมากคิดเยอะ คิดจนบางครั้ง…หึหึ อาจไม่ทันการ” ณภัทรยกยิ้มมุมปากอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

“แต่บางทีการที่คิดไวทำไวอาจไม่รอบคอบเท่าคิดเยอะก็ได้นะครับ คุณได้ลองสำรวจตลาดแล้วหรือยัง? สิ่งที่คุณคิดบางทีอาจจะกลายเป็นว่าคิดไปเอง” ราเชนทร์เค้นหัวเราะในลำคอ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่อาจทำใจยอมรับให้ไอ้หน้าอ่อนนี่เข้ามาเป็นก้างขวางใจระหว่างเขากับน้ำมนต์ได้

“หากมัวแต่สำรวจตลาด มัวแต่หาข้อมูล…ยุคนี้ สมัยนี้ มันจะไม่ทันเอานะ แต่อย่างว่านะครับ ผมกับคุณราเชนทร์ดูจะคนละรุ่นกัน ยังไงก็ต้องมีช่องว่างระหว่างความคิดเยอะกว่าอยู่แล้ว เหมือนพวกรุ่น พ่อรุ่นแม่นั่นแหละครับ ผมเข้าใจ คุณราเชนทร์ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ” ณภัทรพูดด้วยท่าทางสบาย ๆ ความเป็นหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรง ดีกรีนักเรียนนอก ทำให้การแสดงออกของณภัทรเป็นคนตรงไปตรงมา จนหลายคนมองว่าณภัทรไร้มารยาท

ราเชนทร์ถอนหายใจแรงด้วยความขุ่นเคืองจนมนต์ลดาสังเกตเห็นได้ชัด เด็กสาวจึงเลื่อนมือออกไปแตะที่หน้าขาคุณราเชนทร์เบา ๆ พร้อมกับส่งสายตาอบอุ่นกับรอยยิ้มห่วงใยเป็นเชิงให้กำลังใจ ทำให้ความคุกรุ่นของเขาทุเลาเบาบางลง ท่านประธานกุมมือเด็กสาวที่ข้างใต้โต๊ะพร้อมยกยิ้มอย่างอ่อนโยน

“คุณณภัทรดูเป็นคนหนุ่มที่ทำงานรวดเร็วดีนะ มิน่าล่ะ ประสบความสำเร็จไว แต่รุ่นพี่ที่อยู่สนามธุรกิจมานานอย่างผม ขออนุญาตแนะนำอะไรสักนิดนะครับ เปิดตัวแรงแบบนี้…หากผลที่ได้มันไม่สำเร็จ จะเจ็บหนักและขายหน้าเอานะครับ ยังไงผมก็เป็นกำลังใจให้นะครับ ไฟต์ติง” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุขุม มองคนตรงหน้าด้วยนัยน์ตาสงบ

ณภัทรฟังคำราเชนทร์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ไม่สามารถโต้ตอบอะไรนอกจากยกชาคาโมมายล์ของตัวเองดื่มเพื่อคลายความขุ่นเคือง

“อื้ม ชากุหลาบหอมมากเลยนะคะ ว่าแต่วันนี้คุณณภัทรว่างหรือคะ?”

“ก็ไม่เชิงหรอกครับ ผมแวะเข้ามาดูสาขาเฉย ๆ พอดีเห็นน้องน้ำมนต์ในชอปแต่ผมเข้าไปทักไม่ทัน ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอที่ร้านนั้น”

“ค่ะ ดีใจเช่นกันที่ได้พบคุณณภัทร” มนต์ลดาเอ่ยด้วยเสียงหวาน

ราเชนทร์บีบมือเด็กสาวแน่นจนเด็กสาวหันมาทำสายตาดุใส่แล้วพยายามจะดึงมือออก แต่คนแก่กว่ากุมมือแน่นยิ่งขึ้น ขณะที่เขายังทำสีหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“น้องน้ำมนต์ครับ เดี๋ยววันเสาร์นี้แวะมาที่ชอป Referter หน่อยนะครับ พอดีทีมดีไซเนอร์จะแวะเข้ามา เผื่อนอกจากจะเป็นนางแบบเซตนี้แล้ว พี่อาจจ้างในคอลเลกชันหน้าด้วย” ณภัทรขยับตัว พลางพูดด้วยเสียงจริงจัง

“ได้เลยค่ะ ว่าแต่ทำไมอยู่ ๆ คุณณภัทรดีกับน้ำมนต์ขนาดนี้คะ ขอบคุณที่ให้โอกาสน้ำมนต์นะคะ” มนต์ลดพูดพร้อมกับยกยิ้มด้วยความดีใจ หากได้รับงานนี้จะเป็นทางออกให้กับหนี้สินของเธอ

“ให้พูดตามตรงเลยนะครับ ผมจะติดต่อให้น้องน้ำมนต์มาร่วมงานกับผมหลายรอบแล้ว ติดที่คุณบัวบอกว่าตารางงานชนกันบ้าง คิวไม่ได้บ้าง แต่ตอนนี้พอได้ข่าวว่าน้องน้ำมนต์ไม่ได้สังกัดกับโมเดลลิงคุณบัวแล้ว และวันนี้บังเอิญเจอน้องน้ำมนต์ที่นี่ด้วย พี่ก็เลยรีบคว้าโอกาสน่ะครับ จะเรียกว่าพรหมลิขิตได้ไหมนะ?”

“เหอะ ๆ ค่ะ” มนต์ลดายิ้มแห้ง

ขณะที่ทั้งสามคนนั่งดื่มเครื่องดื่มกันอยู่ หญิงสาวสวยแต่งตัวจัดจ้านเดินตรงเข้ามาทักมนต์ลดา

“เอ๊ะ น้ำมนต์นี่ สวัสดีจ้า” หญิงสาวเอ่ยทักด้วยเสียงแหลม

มนต์ลดายิ้มเจือน “สวัสดีจ้าน้ำผึ้ง”

“แหม ควบสองเลยเหรอ เห็นข่าวไม่ดีในกรุ๊ปงานว่าถูกหมายหัว น้ำผึ้งก็เห่วง ว่าจะโทร.หา แต่เห็นแบบนี้ก็สบายใจ เดี๋ยวนี้รับงานกินข้าวแล้วเหรอ แหมทีตอนนั้นโยนให้น้ำผึ้งตลอดเลยนะ” หญิงสาวเอ่ยทักด้วยสีหน้าเย้ยหยัน

“น้ำผึ้ง มันไม่ใช่แบบนั้น”

หนูมนต์ลดารีบท้วงทัก เพราะสิ่งที่เพื่อนพูดมานั้นไม่ใช่ความจริง มนต์ลดายังเป็นคนเดิม ผู้หญิงที่ตั้งใจทำงานและยังยืนยันว่าไม่รับงานสีเทา งานเด็กเอ็นกินข้าว

แม้หลายวันที่ผ่านมามีนายหน้าหางานที่ส่งเด็กสาวให้นักธุรกิจหรือผู้มีอิทธิพลหลายรายทักมนต์ลดาเข้ามาเผื่อว่าเธอเปลี่ยนใจอยากจะรับงานแนวนี้ เธอก็ตอบปฏิเสธไปตลอด ถึงตอนนี้เธอจะมีรายรับน้อยลงกว่าแต่ก่อนทั้งที่หนี้สินยังคงเดิม แต่มนต์ลดาก็ยังไม่อับจนหนทางถึงขนาดต้องเอาตัวเข้าแลก การที่ณภัทรเข้ามายื่นเสนองานให้มนต์ลดา เท่ากับชีวิตที่มืดมนของเธอกลับมีทางเลือกอีกครั้ง

“แล้วแบบไหน ก็เห็นอยู่ตำตา น้ำมนต์สบายดีก็ดีแล้ว”

หล่อนกระแทกเสียงแหลม แล้วหันไปหากลุ่มเพื่อนก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะอื่นราเชนทร์ลุกขึ้นจากโต๊ะทันทีก่อนจะเดินไปทางกลุ่มของน้ำผึ้งพลางยกยิ้มมุมปาก “คุณครับ” เขาเอ่ยเรียกน้ำผึ้งด้วยเสียงนุ่มทุ้ม

“คะ? เรียกน้ำผึ้งหรือคะ?” เด็กสาวขมวดคิ้วยุ่ง แต่ด้วยความหล่อและภูมิฐานของราเชนทร์ทำให้น้ำผึ้งคลี่รอยยิ้มการค้าที่เธอถนัด พร้อมกับแสร้งทำตัวอ่อนหวาน

“ผมมีอะไรอยากจะคุยกับคุณสักหน่อย” ราเชนทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“ได้เลยค่ะ งั้นเชิญนั่งที่โต๊ะน้ำผึ้งกับเพื่อนได้เลย” น้ำผึ้งเอ่ยเสียงหวาน ชำเหลือตาแสยะยิ้มหันไปทางมนต์ลดา

ราเชนทร์รับคำเชิญนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อนของหนูมนต์ลดาที่ชื่อน้ำผึ้งภายใต้สายตาของสาว ๆ ในโต๊ะที่จับจ้อง ทำให้ราเชนทร์รู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่เขามีเรื่องสงสัยที่มั่นใจว่าถามกับหนูมนต์ลดาเธอต้องไม่ตอบเขาอย่างแน่นอน…

ผมรู้ดีว่าหนูมนต์ลดาอาจจะแปลกใจ จู่ ๆ ผมก็ขอตัวเดินตามเพื่อนของเธอมาเช่นนี้ แต่ขอให้หนูรู้ไว้เถอะว่าที่ผมทำทั้งหมดก็เพราะหนูนั่นล่ะ…

“เมื่อครู่ผมได้ยินคุณพูดว่าน้ำมนต์ถูกหมายหัว และเรื่องรับงานกินข้าวแทน หมายถึงอะไรหรือครับ พอบอกได้ไหม?”

ใช่แล้ว ช่วงหลังผมสังเกตเห็นหนูมนต์ลดาดูไม่ค่อยสบายใจ อีกทั้งยังพูดเปรย ๆ ว่าอยากหางานเพิ่ม แต่ก็ยังไม่มีใครรับสักที ทั้งที่ผมก็บอกเธอแล้วว่าจะจ้างเธอเป็นพรีเซนเตอร์ เพียงแต่ว่าเครื่องประดับชิ้นนั้นมีปัญหาจึงทำให้ล่าช้ากว่าที่วางแผนไว้ และผมรู้จักนิสัยเธอดีว่าหากยื่นเงินทองให้หนูมนต์ลดา เธอไม่รับแน่นอน เผลอ ๆ จะมองผมไม่ดีด้วยซ้ำ!

น้ำผึ้งขมวดคิ้วยุ่ง มองราเชนทร์อย่างไม่ไว้ใจ ชายหนุ่มจึงล้วงมือเข้าไปในเสื้อสูทก่อนจะยื่นนามบัตร พร้อมกับแนะนำตัวเองให้หญิงสาวอีกครั้งอย่างเป็นทางการ ขณะที่น้ำผึ้งรับนามบัตรนั้นไว้ ชำเลืองสายตาเห็นตำแหน่งหน้าที่การงานของราเชนทร์ชัด ๆ ใบหน้าที่ระแวงก็เปลี่ยนเป็นยิ้มหวานทันที

“คุณราเชนทร์อยากรู้อะไรหรือคะ?” น้ำผึ้งใช้เรียวนิ้วปัดผมทัดหู ระบายยิ้มหวานหยาดเยิ้ม พลางส่งสายตาเย้ยหยันไปทางมนต์ลดาที่ผู้ชายเดินตามเธอ แทนที่จะนั่งอยู่กับมนต์ลดา

“ผมอยากรู้ว่าน้ำมนต์ถูกหมายหัวเรื่องอะไร? และคุณน้ำผึ้งต้องรับงานทานข้าวแทนคือยังไงครับ?” ราเชนทร์เริ่มพูดเข้าเรื่องที่ต้องการรู้ เขาไม่อยากเสียเวลาตรงนี้นานนัก ที่สำคัญไม่อยากเปิดทางให้ณภัทรจีบหนูน้ำมนต์นานไปกว่านี้

“งั้นเรื่องรับงานแทนก่อนเลยนะคะ น้ำมนต์อยู่โมเดลลิงเดียวกับน้ำผึ้งค่ะ อย่างที่รู้ ๆ กันว่าบางครั้งเด็กในสังกัดต้องมีงานออกไปกินข้าวกับนักธุรกิจบ้าง ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลบ้าง คุณอย่ามองน้ำผึ้งแบบนั้นสิคะ ทุกอย่างก็แล้วแต่เด็กในสังกัดจะสมัครใจค่ะ ไม่ได้มีการบังคับซะหน่อย ตอนนี้น้ำมนต์ก็ไม่ต่างกับน้ำผึ้งใช่ไหมล่ะ? แหม…ทีเมื่อก่อนนะมันไม่เอาเลยนะคะงานแบบนี้ ทะเลาะกับเพื่อนในสังกัดบ่อย ๆ เลยว่าเลือกงาน ใคร ๆ ก็มองว่าน้ำมนต์น่ะไม่ฉลาด รับงานงานเดียวสบายกว่าต้องไปยืนงานนั้น งานนี้ ว่าแต่คุณราเชนทร์สนใจติดต่อน้ำผึ้งได้นะคะ นี่นามบัตรและก็ไลน์น้ำผึ้งค่ะ” น้ำผึ้งเล่าพลางส่งสายตายั่วยวนหวังจะอ่อยราเชนทร์

ชายหนุ่มรีบขยับมือออกจากการกอบกุมมือของน้ำผึ้ง “ขอบคุณมากครับ แล้วเรื่องข่าวฉาวล่ะครับ”

“เห็นว่าน้ำมนต์ไปมีปัญหากับเจ้าสัววิฑูรตอนงานเปิดตัวไวน์ ทำให้เจ้าสัวไม่พอใจ คนในวงการเลยไม่กล้าจ้างงานน้ำมนต์ อย่างว่า…ไม่มีใครอยากมีปัญหากับเจ้าสัววิฑูรหรอกค่ะ” น้ำผึ้งเล่าด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว

“โอเค ขอบคุณมากครับ” ราเชนทร์ทำท่าจะลุกขึ้น แต่น้ำผึ้งรีบคว้าข้อมือดึงมากุมไว้แน่น “เดี๋ยวก่อนสิคะ” เสียงหวานรั้งชายหนุ่ม พยายามส่งสายตายั่วเย้าราเชนทร์ทอดถอนหายใจยาว ก่อนจะแกะมือปลาหมึกของน้ำผึ้งแล้วหยิบบางอย่างจากด้านในเสื้อสูทออกมายื่นให้กับน้ำผึ้ง เด็กสาวขมวดคิ้วยุ่ง มองราเชนทร์อย่างเสียอารมณ์ “อันนี้เป็นกิฟต์เวาเชอร์ ร้านเครื่องประดับในเครือบริษัทผม” ราเชนทร์เอ่ยเสียงเรียบ

“นี่คุณราเชนทร์ให้น้ำผึ้งจริง ๆ หรือคะ นี่มันคูปองแทนเงินสดเลยนะคะ สะ...สองแสน” น้ำผึ้งมองตัวเลขบนคูปองด้วยสายตาเป็นประกาย

“ครับ สำหรับค่าเหนื่อยที่ช่วยเล่าให้ผมฟัง ไปเลือกได้ตามสบายเลยนะครับ บอกว่าได้รับมาจากผม พนักงานในร้านจะดูแลคุณน้ำผึ้งเอง”

ราเชนทร์มองหน้าน้ำผึ้งด้วยความเหนื่อยหน่ายใจ พลางคิดเปรียบเทียบในใจ หากเป็นหนูมนต์ลดา นอกจากเธอจะไม่รับ เขาคงจะโดนโกรธอยู่หลายวันเลยทีเดียวราเชนทร์เดินกลับมานั่งที่เดิม ขณะที่มนต์ลดามองเขาด้วยสายตาเง้างอน

“สเปกคุณราเชนทร์หรือครับ ไปซะนานเลย” ณภัทรเอ่ยแซวผมด้วยสายตาราวกับมันได้รับชัยชนะ แน่นอนว่ามันคงบอกหนูมนต์ลดาว่าผมสนใจเด็กน้ำผึ้งนั่น จึงทำให้หนูมนต์ลดามองผมด้วยสายตาไร้เยื่อใยเช่นนั้น

“พอดีผมคุยธุระนิดหน่อยครับ” ราเชนทร์ตอบด้วยเสียงจริงจัง ทำให้ณภัทรหน้าเจื่อนลงไปเล็กน้อย

หลังจากดื่มเครื่องดื่มเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องแยกย้ายกัน ณภัทรมองมนต์ลดาด้วยสายตาของหมาป่าเสียดายเหยื่อ เห็นเนื้อชิ้นโตอยู่ตรงหน้าก็ได้แต่มอง ทว่าไม่อาจนำมาขย้ำกินอย่างที่ใจต้องการได้

“จริง ๆ แยกกันตรงนี้ก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมไปส่งน้องน้ำมนต์ให้ก็ได้” ณภัทรยังคงใช้ความพยายามเริ่มรุกจีบน้ำมนต์ซึ่งหน้า

“คนของผม...ดูแลเองได้” ราเชนทร์เอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับนัยน์ตาแข็งกร้าว

“Are you serious?” เขาเอ่ยทีเล่นทีจริง คนถูกถามนั่งหน้านิ่งไม่เล่นด้วย

“คุณณภัทรคะ น้ำมนต์ขอแยกกับคุณก่อนดีกว่าค่ะ พอดีน้ำมนต์กับคุณราเชนทร์มีธุระต้องทำต่อ”

มนต์ลดาพูดกับคุณณภัทรด้วยเสียงอ่อนหวาน ใบหน้ายิ้มละมุน

“ยังไงเดี๋ยวพี่ไลน์หานะครับ ถึงวันนี้จะไม่ได้มากินขนมกันสองคน แต่พี่ดีใจนะครับที่น้ำมนต์เปิดโอกาสให้พี่”

รอยยิ้มของมนต์ลดาเจื่อนลงจนแทบจะไม่เหลือ แต่เธอก็ยังคงรักษากิริยาแม้แต่ณภัทรไม่ทันรู้ตัวว่าเด็กสาวเริ่มอึดอัดกับคำพูดของเขา แต่มีเหรอที่คนอย่างคุณลุงท่านประธานจะไม่ทันสังเกตว่าหนูมนต์ลดาเริ่มรำคาญ

ราเชนทร์นึกถึงคำที่หนูมนต์ลดาเคยบอกเขาตอนอยู่ด้วยกัน

‘ถึงน้ำมนต์ดูเป็นคนที่รับฟังผู้อื่นมากกว่าพูด แต่ลึก ๆ แล้วน้ำมนต์ก็ไม่ชอบคนจ้างงานที่เอาเรื่องงานมาบีบให้น้ำมนต์ต้องทำโน่นทำนี่ แต่ทำยังไงได้ล่ะคะ? ถ้ามันไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ต้องฉีกยิ้มอดทนให้ได้รับเลือกทำงาน จะได้มีเงินเยอะ ๆ มาให้ครอบครัว’ ราเชนทร์มองหน้าณภัทรพลางนึกถึงคำพูดของหนูมนต์ลดาแล้วเข้าใจรอยยิ้มการค้าของเด็กสาวในทันที

เธอคลี่ยิ้มอ่อนหวาน พลางรีบพูดตัดบท “หากเซ็นสัญญา…บรีฟงานวันไหน คุณณภัทรแจ้งน้ำมนต์ได้เลย แต่น้ำมนต์รบกวนขอเวลาวันเสาร์ – อาทิตย์นะคะ”

“ครับ เรื่องนั้นไม่มีปัญหา งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ณภัทรเอ่ยขอตัวทั้งที่ทำสายตาอาลัยอาวรณ์

“หนูน้ำมนต์ครับ…วันนี้เราไปนั่งเล่นที่สวนกันไหม?”

ราเชนทร์เอ่ยเสียงนุ่มทุ้มขณะกำลังเดินไปยังลานจอดรถชั้น B2 เขาตั้งใจจะพาหนูน้ำมนต์ไปผ่อนคลายอารมณ์ยังสวนสาธารณะที่เดิมของเรา เด็กสาวเคยเปรยบ่อยครั้งว่าชอบบรรยากาศที่นั่นมาก เขาเองก็ชอบที่นั่นเช่นกัน และมักไปที่นั่นเสมอเมื่อรู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน

“ไม่ค่ะ” มนต์ลดาเอ่ยเสียงไร้เยื่อใย

“แล้วหนูอยากไปไหนไหมครับ”

“ไม่ค่ะ อยากรีบกลับไปทำงานส่งท่านประธานในวันพรุ่งนี้ค่ะ” เธอเอ่ยเสียงน้อยใจอย่างไม่ปิดบัง

“หนูน้ำมนต์ ทำไมเรียกผมห่างเหินแบบนั้นล่ะ”

“ก็ปกตินี่คะ น้ำมนต์เป็นเด็กฝึกงาน คุณเป็นท่านประธาน น้ำมนต์พูดผิดตรงไหนคะ เดี๋ยววันนี้น้ำมนต์ขอกลับเองนะคะ วันนี้ขอบคุณมากเลย สวัสดีค่ะ”

มนต์ลดาพูดพลางยกมือไหว้ก่อนจะหมุนตัวเดินหนีท่านประธานไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง ‘ไม่ได้การแล้ว ผมจะไม่ยอมปล่อยให้ยัยเด็กดื้อเข้าใจผมผิดแล้วหนีไปแบบนี้’ ราเชนทร์ก้าวเท้าฉับเดินตามเด็กสาวอย่างหมดมาด ก่อนจะคว้าข้อมือเด็กสาวแล้วพาเดินไปยังประตูทางหนีไฟบริเวณลานจอดรถ

“หนูน้ำมนต์ ผมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ