แสงแดดส่องสาดส่องเข้ามายังบานหน้าต่าง มนต์ลดาขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะใช้หลังมือขยี้ตาเพื่อปรับแสง สิ่งแรงที่ปรากฏตรงหน้าของเธอคือคุณลุงกำลังหลับตาพริ้มลมหายใจเป็นจังหวะ เด็กสาวลอบมองใบหน้าคมของเขาพลางย้อนนึกถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ผ่านมา
บางทีสิ่งที่ฉันเคยได้ยินมาก่อนหน้านี้อาจจะจริงก็เป็นได้ที่ว่ากันว่า เหตุการณ์เลวร้ายที่สุด อาจนำพาเรื่องดี ๆ มาให้เราก็เป็นได้ ไม่มีสิ่งไหนบนโลกนี้ที่แย่ไปเสียหมด น้ำฟ้าบ่นฉันเสมอเรื่องความคิดแง่บวกที่ดีเกินเรื่องเกินราวของฉัน แต่ให้ทำอย่างไรได้ล่ะ ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร
เด็กสาวขยับตัวหยิบโทรศัพท์มือถือเพื่อเช็กตารางงานของเธอ ช่วงเย็นวันนี้เธอต้องเดินแบบคลอกเลกชั่นใหม่แบรนด์ของคุณณภัทร ยิ่งไปกว่านั้นงานครั้งนี้เป็นการเดินแบบครั้งแรกของฟาริดา น้องสาวคนเดียวของเธอ
แม้มนต์ลดาจะตารางแน่นจนแทบไม่ได้พักผ่อนแต่ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับราเชนทร์ เธอมีเวลาให้เขาเสมอ ช่วงเช้าวันนี้เด็กสาวตั้งใจลงไปช่วยป้าเดือนทำอาหารเช้า พร้อมดริปกาแฟให้ชายคนรักเหมือนทุกสุดสัปดาห์
“คุณลุงขา เจ็ดโมงครึ่งแล้วนะ รีบกลับห้องก่อนเถอะค่ะ” เธอกระซิบแผ่วเบา ถึงมนต์ลดาอยากให้เขาได้พักผ่อนมากกว่านี้แต่การที่ราเชนทร์ย่องเบาเข้ามานอนห้องเธอบ่อยครั้ง ทำให้ป้าเดือนที่เป็นเสมือนผู้ปกครองของเขาบ่นอุบ และเธอก็ไม่อยากให้เขาโดนว่าด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทว่า ราเชนทร์ลืมตามองหน้าเธอ พลางกระชับอ้อมกอดแน่น
“ไม่ครับยังไม่อยากรีบตื่นนี่” เขาพูดทั้งที่ยังหลับตา
“อย่าดื้อสิคะ”
“วันอาทิตย์แท้ ๆ ยังไม่ต้องรีบตื่นก็ได้นิ”
“คุณลุงจะนอนต่อน้ำมนต์ก็ไม่ว่าหรอกนะคะ ถ้าคุณนอนที่ห้องของตัวเอง”
แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมามนต์ลดาพักอยู่ชายคาเดียวกับราเชนทร์แต่เธอก็ยังต้องการความเป็นส่วนตัว แน่นอนว่าเธอไม่ยอมพักห้องเดียวกับชายหนุ่ม นั่นยิ่งทำให้ราเชนทร์หาสารพัดวิธีเพื่อย่ำกรายเข้ามาห้องนอนของเด็กสาว
‘หนูเปิดประตูให้ผมหน่อยสิ คุณไชยวัฒน์ส่งแบบร่างมงกุฎนางงามที่ทางกองประกวดให้บริษัทเราออกแบบ แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ หนูช่วยผมดูให้ผมหน่อยสิครับ’
นั่นคือเหตุผลที่ผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์หาข้ออ้างเข้ามาในห้องของฉันเมื่อคืน ท้ายที่สุดก็จบด้วยลูกอ้อนที่ฉันเคลิบเคลิ้มทุกครั้ง ทำยังไงได้ก็หลวมตัวหลงรักเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วนินะ ถ้าจุดอ่อนของประธานหนุ่มหน้าขรึมคนนี้คือฉัน แน่นอนว่าจุดอ่อนของฉันก็คือเขาเช่นกัน…
ราเชนทร์กระชับอ้อมกอดแน่นยิ่งขึ้น ฝ่ามือข้างหนึ่งดันศีรษะของมนต์ลดาให้ซบลงบนอกแกร่ง
“เดี๋ยวป้าเดือนขึ้นมาปลุกคุณก็โดนดุอีกหรอก”
“โธ่ หนูน้ำมนต์ผมอายุสี่สิบแล้วนะ ป้าเดือนชอบทำเหมือนผมเป็นเด็ก ๆ น่าอายชะมัด”
“น่ารักดีออกนะคะ อย่างตอนคุณเข้าครัวกับป้าเดือนแล้วถูกป้าตีมือเพราะมัวแต่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ หยิบอะไรไม่ถูก” เธอย้อนนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น แล้วหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
“ไม่ยุติธรรมเลยหนูเข้ามาอยู่บ้านไม่ถึงปี ใคร ๆ ก็เอ็นดูหนู ส่วนผมตอนนี้กลายเป็นหมาหัวเน่าซะแล้ว”
มนต์ลดาใช้วงแขนเล็กเรียวโอบล้อมรอบคอแกร่งคอชายหนุ่ม ก่อนจะกดจมูกหอมศีรษะกลมที่มีเส้นผมนุ่มยุ่งเหยิงปรกหน้า “ไม่เหม็นซะหน่อยค่ะ คุณลุงของหนูหัวหอมที่สุด แต่ถ้าคุณยังนอนเน่าอยู่แบบนี้ สงสัยว่าคุณลุงจะเหม็นจริง ๆ แล้วค่ะ”
“ยังไม่ลุกไม่ได้เหรอครับ” เขาร้องโอดครวญแต่ก็ยอมคลายอ้อมกอดโดยดี
“เดี๋ยวน้ำมนต์จะรีบอาบน้ำแต่งตัว ไปช่วยป้าเดือนเตรียมอาหารเช้าก่อน คุณลุงรีบตามลงไปนะ” เด็กสาวพูดจบเธอจุมพิตแก้มชายหนุ่มทั้งสองแก้ม โดยปกติวันจันทร์ถึงศุกร์แม่บ้านที่นี่จะตั้งโต๊ะอาหารเช้าประมาณหกโมงครึ่ง หากเป็นวันเสาร์อาทิตย์ที่บ้านจะตั้งโต๊ะทานอาหารเช้าสายกว่าเดิมราว ๆ แปดโมงครึ่ง เนื่องจากราเชนทร์และรินทร์วดีต่างทำงานหนักมาตลอดสัปดาห์ ในวันหยุดก็เป็นธรรมดาที่จะตื่นลงมาสายกว่าปกติ ผิดกับเด็กสาวที่ไม่ว่าจะเป็นวันเสาร์อาทิตย์หรือวันธรรมดาเธอก็ตื่นแต่เช้าเพื่อช่วยป้าเดือนเตรียมอาหารสำหรับราเชนทร์เสมอ ไม่แปลกที่ป้าเดือนและทุกคนในบ้านต่างให้ความรักและเอ็นดูเธอ
“คุณลุงคะ เดี๋ยววันนี้ช่วงบ่ายสามน้ำมนต์ออกไปงานเดินแบบแบรนด์คุณณภัทรที่ห้างเทอมินอล 21 ” มนต์ลดารวบช้อนส้อมก่อนจะหยิบแก้วน้ำยกดื่ม
“ไหนหนูบอกว่านี่เป็นวันครอบครัวยังไงล่ะ”
“หนูลงคิวไว้ในตารางงานคุณแล้วนี่คะ น้ำมนต์ไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงหรอกค่ะ เดี๋ยวก็กลับมา”
“วันนี้ผมจะไปด้วย” เขาเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาฉาบด้วยความหึงหวงอย่างไม่เก็บอาการ
”คุณลุงจะไปทำไมคะ ทำงานหนักมาทั้งสัปดาห์อยู่พักผ่อนที่บ้านดีกว่า”
“หนูกลัวคนอื่นมองว่ามีแฟนมาเฝ้าเหรอ งั้นผมไม่ไปก็ได้นะ”
“ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ เวลาน้ำมนต์ทำงานจะโฟกัสแต่สิ่งที่กำลังทำตรงหน้า หนูเกรงว่าไม่มีเวลามาดูแลคุณลุงสิคะ” เธอเอ่ยเสียงอ่อนด้วยความกังวลใจ
แม้งานเดินแบบจะใช้เวลาเดินจริงเพียงไม่กี่นาทีแต่การเตรียมตัวและรอรันคิวในการขึ้นโชว์ค่อนข้างนานพอสมควร เธอไม่อยากให้ราเชนทร์ต้องทนนั่งรอ ทั้งยังมีกลุ่มนักข่าวที่คอยเกาะกระแสโมเมนต์ของเธอกับชายหนุ่มอีกด้วย
“หนูก็ทำงานของหนูไป ผมโตแล้วดูแลตัวเองได้” ราเชนทร์เอ่ยเสียงหนักแน่น
“แต่…”
“เดี๋ยวผมไลฟ์บรรยากาศงานให้แฟนคลับหนูให้ได้นะ สนใจไหม”
ริมฝีปากสวยได้รูปหยักยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาพราวระยับอย่างคนมีแผนการ ในขณะที่เด็กสาวคลี่ยิ้มกว้างแทนคำตอบ
“งั้นตกลงตามนี้นะครับ วันนี้ผมเป็นตากล้องภาคโซเชียล ดีล”
“ดะ เดียวก่อนนะคะ มีที่ไหนตากล้องภาคโซเชียล”
“ก็มีแล้วนี่ไงครับ ผมแต่งตั้งตัวเองเรียบร้อย” ราเชนทร์เดินอารมณ์ดีตรงมากดจูบที่กลางศีรษะกลมอย่างพอใจ
ตั้งแต่วันที่ราเชนทร์ประกาศขอเธอแต่งงานกระทั่งวันนี้ก็ผ่านมาหกเดือนกว่าอีกสามเดือนจะถึงฤกษ์แต่งงานของเรา ทว่าตอนนี้เด็กสาวยังคงมีสนุกกับการทำงานในตำแหน่งเดิมเพิ่มเติมคือรับงานในวงการบันเทิงอย่างเต็มตัว รวมถึงบริหารกิจการร้านเพชรย่านศาลาแดงด้วย เพียงไม่นานกระแสความนิยมในสายงานนางแบบของมนต์ลดาก็เริ่มกลับเข้าสู่ช่วงขาขึ้นอีกครั้ง…
รินทร์วดีลงมาพร้อมดอกไม้ช่อโตที่สั่งให้ร้านดอกไม้มาส่งเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ขณะนั้นหล่อนพบกับพี่ชายตรงหน้าห้องนั่งเล่นก่อนจะขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ “พี่เชนแต่งตัวหล่อขนาดนี้จะไปไหนกันคะ”
หญิงสาวรู้ดีว่าพี่ชายเธอรักการอยู่บ้านมากกว่าสิ่งใดแต่ดูเหมือนจะรักแฟนสาวมากยิ่งกว่าจนยอมทิ้งบ้านแต่งตัวแปลกตาออกบ้านได้ รินทร์วดีลอบมองการแต่งกายของพี่ชายตั้งแต่ผมจรดเท้า หญิงสาวกระตุกยิ้มอ่อน หล่อนมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่า นี่คือแฟชั่นที่แฟนสาวของพี่ชายจับของเธอแต่งตัว ราเชนทร์ในลุควันนี้สวมเสื้อเชิ้ตแฟชั่นด้านในเปิดกระดุมโชว์แผงกล้ามอกแน่นปั่ก สวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตหนังแบรนด์ดังราคาหลายแสนเข้าคู่กับกางเกงยีนสีเข้ม เซตผมปล่อยปรกหน้าราวกับอปป้าที่หลุดออกมาจากซีรีส์เกาหลี
“ไปงานอีเว้นท์ที่เทอมินอลกับน้ำมนต์น่ะ” ราเชนทร์ตอบเสียงเรียบระหว่างที่รอแฟนสาวกลับขึ้นไปหยิบมือถือที่เธอลืมไว้ในห้องนอน
“พอดีเลยค่ะ วดีก็จะไปเหมือนกัน งั้นขอติดรถพี่เชนไปด้วยนะคะ ขากลับเดี๋ยวให้พี่ภัทรมาส่งที่บ้าน”
“ไปด้วยกันก็กลับด้วยกันสิ จะให้มัน...”
ประจวบเหมาะกับแฟนสาวกำลังเดินลงบันไดมา จ้องแฟนหนุ่มด้วยตาเขม็งราวกับมีรังสีกดดันพุ่งตรงมายังเขา ราเชนทร์ทำได้เพียงถอดถอนหายใจยาว
“เฮ้อ ก็ได้”
“น้องน้ำมนต์จ๊ะ พี่ได้ข่าวว่าวันนี้น้องสาวหนูจะเดินแบบครั้งแรกงานของพี่ภัทรใช่ไหม”
“ค่ะ ขอบคุณพี่วดีมากเลยนะคะ รับทั้งน้ำมนต์และน้องสาวอยู่ที่บริษัทด้วย” เด็กสาวพูดพลางกอดแขนพี่สาวด้วยความสนิทสนม
รินทร์วดียกฝ่ามือเรียวบางขึ้นมาลูบศีรษะเธอเบา ๆ อย่างเป็นห่วง “อะไรที่พี่ช่วยได้พี่ก็เต็มใจค่ะ ช่วงนี้งานเยอะเลยพักผ่อนบ้างนะ”
ราวชั่วโมงกว่า ๆ พวกเขาก็เดินทางมาถึงยังห้างสรรพสินค้ากลางเมืองชื่อดังย่านอโศก หญิงสาวทั้งสองขอตัวแยกย้ายกันไปตามหน้าที่ของตัวเอง ราเชนทร์กวาดสายตาไปยังด้านหน้าที่เป็นโซนจัดงาน สายตาเขาสะดุดกับณภัทรซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ที่จะจัดแสดงโชว์ในครั้งนี้ เหมือนว่าชายหนุ่มก็สังเกตเห็นเขาเช่นกัน
“สวัสดีครับ คุณราเชนทร์” ณภัทรเอ่ยทักทายเสียงใส
“จัดงานใหญ่เลยนะครับ ยินดีด้วยนะขอให้คลอกเลกชั่นใหม่ประสบความสำเร็จนะครับ” ราเชนทร์เอ่ยอวยพรพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณมากครับ น้องวดีมาด้วยไหมครับ”
“ครับ เข้าไปด้านหลังเวทีกับน้ำมนต์”
“คุณราเชนทร์เชิญเข้ามานั่งรอตรงนี้ก่อนเลยครับ” เขาพูดพลางเดินนำไปหนังโซฟาด้านหน้าเวที
“เกรงว่าจะไม่เหมาะ ผมเป็นแค่คนมาร่วมงานและช่างภาพจำเป็นเท่านั้น”
“ไม่เป็นไรเลยครับ นั่งตรงนี้เดี๋ยวผมจัดการอะไรต่อมิอะไรเรียบร้อยแล้วจะมานั่งคุยด้วย อยากจะปรึกษาคุณราเชนทร์เกี่ยวกับสั่งทำจิลเวลรีด้วย” ณภัทรเอ่ยเสียงนุ่มทุ้มพร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ครับ ด้วยความยินดี”
ด้านหน้าเวทีต่างวุ่นวายอย่างที่ราเชนทร์ไม่เคยเห็นมาก่อน ที่ผ่านมานั้นเขาเคยออกงานอีเว้นต์หลายครั้งแต่ก็มาเมื่อตอนทุกอย่างตระเตรียมไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่เคยเห็นเบื้องหลังว่าแต่ละฝ่ายต้องทำงานสู้กับเวลาขนาดนี้ ระหว่างรอชายหนุ่มเปิดไอแพดขึ้นมาเข้าอีเมลเพื่อตรวจสอบงานไปพลาง
ราว ๆ เกือบสี่สิบนาทีมนต์ลดาออกมาด้วยชุดแฟชั่นสีครีมตัดกับสีขาวดูเรียบง่ายสบายตา ตามสโลแกนของแบรนด์ ‘Referter ดูดีได้ทุกเพศ’ ไม่บ่อยนักที่เขาจะเห็นหนูมนต์ลดาเกล้าผมมวยสูง เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้ดูสวยแปลกตากว่าที่เคย แต่ไม่ว่าเธอจะแต่งกายอย่างไรเธอก็สวยงามที่สุดในสายตาเขาอยู่แล้ว
“หนูแวะออกมาหาคุณ เหงาไหมคะ”
“หนูแต่งตัวเรียบร้อยแล้วเหรอ วันนี้หนูสวยมากครับ” ราเชนทร์ไม่พูดเปล่า ฝ่ามือหนาเกลี่ยพวงแก้มนุ่มอย่างอบอุ่น
“จริง ๆ ก็ยังไม่ค่อยเรียบร้อยดีหรอกค่ะ แต่หนูเป็นห่วงคุณลุงก็เลยขอพี่เขาออกมา แต่อีกเดี๋ยวต้องกลับเข้าไปแล้วค่ะ”
“หนูไม่ต้องกังวลผมหรอกนะ ผมจะนั่งเป็นกำลังใจให้หนูอยู่ตรงนี้ โชว์วันนี้ทำให้เต็มที่นะครับ”
มนต์ลดาคลี่ยิ้มหวานก่อนจะเดินกลับเข้าหลังเวทีไป หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงหน้างานเริ่มเปิดให้ลงทะเบียนแขกเหรื่อเริ่มเข้ามาจับจองที่นั่งหน้าเวที รวมถึงนักข่าวที่เกาะกลุ่มกันพุ่งเล็งสายตามายังราเชนทร์จนชายหนุ่มรู้สึกอึดอัด กระทั่งนักข่าวสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาแนะนำตัวว่าเธออยู่สำนักข่าวบีนิวส์ และเธอเคยสัมภาษณ์เขาเมื่อปีก่อนที่งานสมาคมอัญมณี สักพักนักข่าวหนุ่มหน้าหวานอีกคนเดินเข้ามาสมทบก่อนจะมีอีกหลายสำนักถือกล้องจ่อไมค์ตรงหน้าเขา
ราเชนทร์ขมวดคิ้วแน่นส่งสายตาหาเจ้าของงาน ทว่าณภัทรกลับคลี่ยิ้มเจื่อนแล้วส่งข้อความทางไลน์ รบกวนให้เขาช่วยรับหน้ากับนักข่าวไปก่อนเพราะงานในวันนี้อาจจะช้ากว่ากำหนดแต่ไม่น่าจะเกินสิบนาที ชายหนุ่มถอดถอนหายใจด้วยความกดดัน นี่เขาคิดถูกหรือผิดกันแน่ที่ดันทุรังมางานนี้แทนที่จะนอนตากแอร์ ไม่ก็ทำสวน หรือให้อาหารปลาคาร์ปอยู่บ้านมากกว่า คิดได้ตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว ถึงอย่างไรเขาต้องช่วยแฟนของน้องสาวรับหน้านักข่าวกลุ่มนี้ก่อนสินะ!
“ไม่ทราบว่าวันนี้คุณราเชนทร์มาดูแฟชั่นโชว์หรือว่ามาให้กำลังใจใครบางคนหรือเปล่าคะ” นักข่าวคนหนึ่งส่งเสียงมาถามเปิดประเด็นก่อนจะมีอีกหลายต่อหลายคำถามที่พยายามจับคู่ให้เขากับหนูน้ำมนต์ ราเชนทร์ไม่เข้าใจในสิ่งที่ทุกคนพยายามยัดเหยียดให้เขา
‘ทำไมต้องสร้างโมเมนต์ให้เขากับหนูน้ำมนต์ ทั้งที่จริงนางแบบคนนี้ก็เป็นของผมอยู่แล้ว’
ที่ผ่านมาราเชนทร์พอจะรู้ว่ามนต์ลดาทำงานในวงการ เพราะครั้งแรกที่เจอกันเด็กสาวก็เป็นพิธีกรในงานเปิดตัวไวน์ของเจ้าสัววิฑูร จวบจนวันนี้เขาพึ่งรู้ว่าเธอดังมากกว่าที่คิดก็ตอนที่มีไมค์หลายสิบตัวจ่ออยู่ตรงหน้าของเขาราวกับเขาเป็นคนดังอย่างไรอย่างนั้น โชคยังดีที่วันนี้ราเชนทร์ยอมให้แฟนสาวจับแต่งตัวอยู่นานสองนาน ทั้งที่คราวแรกตั้งใจว่าจะสวมเพียงเสื้อยืดกางเกงยีนธรรมดาเท่านั้น
งานเดินแบบในวันนี้ผ่านพ้นไปด้วยดี มนต์ลดาเดินแบบชุดแบรนด์ Referter รอบสุดท้ายก่อนจะถ่ายภาพหมู่เพื่อเป็นที่ระลึก ระหว่างนั้นราเชนทร์ยังคงกดบันทึกไลฟ์สดพร้อมกับเป็นพิธีกรจำเป็นให้กับแฟนคลับหนูน้ำมนต์ คอมเมนต์ต่างหวีดชื่นชมราเชนทร์ที่นอกจากทำตัวเป็นแด๊ดดี้แสนอบอุ่น ทั้งยังคอยเก็บภาพให้แฟนคลับทีมหน้าจอได้ติดตามผลงานอีกด้วย…
หลังจากที่งานจบลงเรียบร้อยเธอกล่าวลาทุกคน นางแบบสาวหันมาระบายรอยยิ้มหวาน โบกมือทักทายกับแฟนคลับในไลฟ์สด ก่อนจะเดินรี่ปรี่ตรงมายังชายคนรักที่รอเธออยู่หลายชั่วโมง จู่ ๆ กลับมีชายหนุ่มภูมิฐาน หน้าตาดี ดักรอเธอเพื่อจะพูดคุยกับนางแบบสาวเสียก่อน ราเชนทร์เห็นดังนั้นเขารู้สึกได้ถึงโลหิตในกายสูบฉีด หัวใจเต้นสั่นระรัว หน้าร้อนผ่าวด้วยพิษรักแรงหวง เขาหยัดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วพุ่งตรงไปยังนางแบบสาวอย่างไม่สนใจสายตาของใคร
“นี่นามบัตรของผมนะครับ” ชายหนุ่มหน้าตาดีผู้นั้นคลี่ยิ้มกว้าง ยื่นนามบัตรให้กับหนูมนต์ลดา สายตาหวานหยาดเยิ้มแสดงให้เธอรู้ว่าเขากำลังรู้สึกสนใจตัวเธอ ทว่านางแบบสาวกลับระบายยิ้มตอบกลับอย่างเจื่อนสนิท พลางส่งสายตาขอความช่วยเหลือมายังแฟนหนุ่มที่หยุดยืนตรงหน้าเธอได้ทันเวลาพอดี ฝ่ามือหนาโอบจากด้านหลังเอวบางอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
“มีอะไรหรือเปล่า” ราเชนทร์เอ่ยเสียงเรียบสนิท สายตาดุดันราวกับพ่องูจงอางหวงไข่
“ขะ ขอโทษด้วยครับ” ชายผู้นั้นมองวงแขนแกร่งของราเชนทร์สลับกับใบหน้าสวยหวานของนางแบบสาว เขาก็พอเข้าใจได้ทันทีว่า คือผู้ชายของเธอ และดูเหมือนว่าเขาจะเป็นคนประเภท 'หึงโหดมาก' ชายผู้นั้นจึงเก็บนามบัตรกลับคืนพร้อมกับค้อมศีรษะ แล้วขอตัวแล้วเดินจากไป
“ผมเผลอเก็บภาพให้หนูเดี๋ยวเดียว ก็มีหนุ่มมาจีบซะแล้ว ไม่ไว้หน้ากันเลย”
“เขาแค่เข้ามาทักยังไม่ทันได้คุยอะไรกันเลย คุณก็เข้ามาก่อนแล้ว ว่าแต่คุณลุงปิดไลฟ์สดไปแล้วหรือคะ”
ราเชนทร์หึงเลือดขึ้นหน้าจนลืมโทรศัพท์ที่กำลังไลฟ์ไปเสียสนิทใจ “นี่ครับ” เขายื่นโทรศัพท์คืนให้กับเจ้าของทั้งที่ยังไม่ได้ปิดไลฟ์ มนต์ลดาจึงยิ้มกับกล้องอย่างเขินอายพร้อมกับทักทายแฟนคลับทางบ้านให้หายคิดถึงก่อนจะกดปิดจบไลฟ์ไป
“คุณลุงไม่ไว้ใจน้ำมนต์หรือคะ”
“ไม่ใช่แบบนั้น”
“สีหน้าคุณกำลังบอกว่า คุณลุงกำลังโกรธหนู” เธอเอ่ยถามด้วยความกังวล ท่าทางของเขาเมื่อครู่ทำให้เธอหัวใจแทบตกลงไปถึงตาตุ่ม
“ผมไม่ได้โกรธ ที่ผมเป็นก็แค่...”
เด็กสาวสบตาราวกับคาดคั้นรอคำตอบ หัวคิ้วสวยทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันจนเป็นปม
“ผมแค่หึง”
“โธ่นึกว่าอะไร งั้นเดี๋ยวน้ำมนต์รีบไปเปลี่ยนชุดก่อนนะคะ คืนนี้เราดินเนอร์กันไหมคะไหน ๆ ก็มาแถวนี้แล้ว”
“ได้สิครับ แล้วหนูไม่เหนื่อยเหรอ ทำงานตั้งหลายชั่วโมง”
“วันนี้มีกำลังใจพิเศษติดขอบเวทีแบบนี้…จะเหนื่อยได้ยังไงกัน จริงไหมคะ” เด็กสาวหันซ้ายหันขวา เธอฉวยหอมแก้มชายหนุ่มดังฟอดอย่างเร็ว ๆ แล้วรีบกลับเข้าไปหลังเวทีเพื่อเปลี่ยนชุดคืนให้กับเจ้าของงาน ก่อนจะเตรียมดินเนอร์กับแฟนหนุ่มลุคเกาหลี และจบลงด้วยค่ำคืนอันเร่าร้อนรัญจวนใจเฉกเช่นทุกครั้ง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?