คุณราเชนทร์ขับพาหนูมนต์ลดามายังร้านอาหารริมหาดส่วนตัว จะเรียกว่า ‘ร้านลับ’ ก็ไม่ผิดแปลกอะไร เพราะร้านนี้ทางเข้าด้านหน้าเป็นเหมือนร้านอาหารธรรมดาที่เปิดตอนกลางคืน ไม่หวือหวา แต่เมื่อเข้ามาด้านในโดยเฉพาะส่วนของโซนที่นั่งริมระเบียงแล้ว บรยากาศที่นี่อบอุ่น สวยงามราวกับหลุดออกมาจากนิยาย
ดวงไฟเล็ก ๆ สีส้มนวลประดับประดาพร้อมกับผู้คนแย้มรอยยิ้มเป็นกันเองด้านหน้าเป็นเวทีเล็กกำลังบรรเลงอะคูสติกส์คลอเบา ๆ เข้ากับบรรยากาศริมทะเล ส่วนถัดจากเวทีเป็นบาร์ขนาดยาว สไตล์การตกแต่งร้านเรียกได้ว่าตกแต่งตามใจเจ้าของร้านเสียมากกว่า ดูรวม ๆ ไม่ค่อยจะเข้าพวกกันสักเท่าไร แต่แปลกที่จัดวางเข้าด้วยกันแล้วดูอบอุ่นลงตัวมากกว่าร้านอาหารในโรงแรมหรูห้าดาวเสียอีก
“ร้านนี้เป็นยังไงบ้างครับ” ราเชนทร์เอ่ยถามเมื่อเห็นเด็กสาวมองภายในร้านด้วยสายตาแปลกประหลาด เขาเดาใจเธอไม่ถูกว่าเป็นความรู้สึกอย่างไร?
“ผิดคาดมากค่ะที่คุณราเชนทร์พาน้ำมนต์มาร้านนั่งชิลล์แบบนี้”
“หนูอยากไปดินเนอร์ที่อื่นหรือเปล่าครับ”
“ที่นี่ดีแล้วค่ะ บรรยากาศสบาย เป็นกันเอง มาแบบนี้คิดถึงพวกพี่แก้วเลย”
“น่ารักจริง ๆ คิดถึงคนอื่นอยู่เสมอ แต่อย่าลืมคิดถึงความสุขของตัวเองด้วย”
“ถ้ามีความสุขอยู่คนเดียวแบบนั้น มันจะเรียกว่าความสุขได้หรือคะ” เด็กสาวคลี่ยิ้มอ่อนหวาน ไม่นานนักอาหารที่สั่งไว้ค่อย ๆ มาเสิร์ฟจนเต็มโต๊ะ
“คุณดื่มเบียร์หรือคะ ผิดคาดจัง น้ำมนต์คิดว่าระดับคุณ…จะจิบไวน์ซะอีก”
ราเชนทร์ยกเบียร์สดสีเหลืองใสขึ้นมาดื่ม พลางสบตาเด็กสาวอย่างนึกเอ็นดู“เบียร์กับบรรยากาศแบบนี้เข้ากันดีนะครับ ระดับไหนก็ดื่มเบียร์ได้ ยิ่งถ้ามากับคนที่ใช่…ต่อให้ดื่มน้ำเปล่า ผมก็มีความสุข” เขาไม่พูดปากเปล่า มือซุกซนเอื้อมมากุมมือหนูมนต์ลดาไว้แน่น
“วันนี้คุณหยอดเก่งจริง ๆ นะคะ”
“หยอดขนาดนี้...รับหัวใจผมแล้วหรือยังครับ”
“คุณราเชนทร์มั่นใจแล้วหรือคะ อันที่จริงเราเพิ่งจะรู้จักกันไม่นานเลยนะ”
“ครั้งหนึ่งผมเคยคิดว่าการคบใครสักคนต้องใช้เวลา แต่สิ่งที่ผมเคยเจอมาทำให้เรียนรู้ว่าจริง ๆ การคบกันมันใช้แค่ความเชื่อใจและความเข้าใจกันมากกว่า”
“คุณราเชนทร์จะบอกว่าระยะเวลามันไม่สำคัญอย่างนั้นหรือคะ?”
“เวลาก็เป็นส่วนหนึ่งครับ แต่ไม่ใช่ส่วนที่คิดว่าสำคัญที่สุด แล้วสำหรับหนูน้ำมนต์ล่ะ?”
“น้ำมนต์ก็ยังไม่แน่ใจค่ะ ที่ผ่านมาก็เคยมีคุย ๆ กันมาบ้าง แต่เอาเข้าจริงน้ำมนต์ก็ยังไม่เคยมีแฟนที่คบกันจริงจังสักคน”
‘หนูน้ำมนต์น่ะหรือยังไม่เคยมีแฟน!?’ ราเชนทร์หรี่ตามองเด็กสาวอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
“ทำไมคะ มองแบบนี้คุณไม่อยากเชื่อใช่ไหม? น้ำมนต์ก็ไม่อยากเชื่อตัวเองเหมือนกันค่ะ ที่ผ่านมาน้ำมนต์อาจให้ความสนใจกับเรื่องอื่นมากกว่าเรื่องความรักมั้งคะ จนคนที่เข้ามาก็เห็นแค่เพียงเปลือกนอกของน้ำมนต์เท่านั้น”
“แล้วจริง ๆ หนูคิดว่าตัวหนูเป็นคนยังไงล่ะครับ” ราเชทร์ขยับตัวเข้าหาเด็กสาวเล็กน้อย ก่อนจะตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอจะตอบ
“แปลกจัง น่าจะเป็นน้ำมนต์มากกว่านะคะที่ต้องถามคุณราเชนทร์ ว่าจริง ๆ แล้วคุณมองว่าน้ำมนต์เป็นคนยังไง?” มนต์ลดายกค็อกเทลสีฟ้าอ่อนตกแต่งด้วยลูกเชอร์รี่ผลแดงสดขึ้นมาดื่มเล็กน้อย ก่อนจะลำดับความคิดว่าจริง ๆ แล้วเธอเป็นคนเช่นไร?
“น้ำมนต์เป็นคนสบาย ๆ ค่ะ ถ้ารู้สึกดีกับใครหรืออะไรก็จะทุ่มเทและให้ความสำคัญเต็มที่ แม้ใครจะมองว่าน้ำมนต์โง่ น้ำมนต์ก็ไม่สนค่ะ แต่ถ้าจากรักกลายเป็นเกลียดแล้วล่ะก็ จะมองเป็นอากาศธาตุเลย” เธอพูดพลางใส่อารมณ์
“หนูเป็นประเภทรักแรงเกลียดแรงงั้นเหรอ?”
“แล้วคุณราเชนทร์ล่ะคะ มองน้ำมนต์เป็นคนแบบไหน?” มนต์ลดาอยากรู้มุมมองที่เขามีต่อเธอบ้าง ตั้งแต่เรารู้จักกันมา เธอก็มีแต่เรื่องวุ่นวายตอนเจอเขาตลอด ถึงทำงานด้วยกันแต่หลาย ๆ ครั้งก็ใช่ว่าจะได้เปิดใจคุยกันแบบนี้ ทริปนี้จึงเป็นการเดินทางที่แสนพิเศษสำหรับเธอจริง ๆ
“อืม…”ราเชนทร์ลากเสียงยาว ลูบคางอย่างคนใช้ความคิด “ผมเคยบอกหนูไปแล้วไงครับว่าหนูน้ำมนต์เหมือน ‘แมว’ ดูเผิน ๆ น่ารัก เข้าใกล้ง่าย แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้วปิดกั้นตัวเองซะจน...”
“ไม่ได้ปิดกั้นตัวเองสักหน่อย เรียกว่ามีโลกส่วนตัวสูงต่างหากล่ะค่ะ”
“แล้วโลกของหนู...พอจะมีที่ว่างให้ผมเข้าไปอยู่ในนั้นบ้างจะได้ไหมครับ?”
“เอ๊ะ...ได้ไหมนะ คุณลองกินกุ้งตัวนี้สิคะ อร่อยนะ” หนูมนต์ลดาจงใจบ่ายเบี่ยงแกล้งไม่ตอบคำถามของเขา พลางหัวเราะคิกคักกับท่าทางเหมือนเด็ก ๆ ที่ราเชนทร์แสดงออกมาเมื่อถูกขัดใจ
“เนี่ย...หนูจงใจเปลี่ยนเรื่องอีกแล้ว”
“วันนี้ขอบคุณมากเลยนะคะ อาหารก็อร่อย เพลงก็เพราะ ไม่ค่อยได้ออกมาพักผ่อนแบบนี้เลย” มนต์ลดาพูดพลางยกค็อกเทลสีสวยเข้าปาก ความหอมหวานอมเปรี้ยวผสานความเฝื่อนที่ปลายลิ้น ยามปกติเธอไม่ถนัดดื่มแอลกอฮอล์สักเท่าไร ทว่าคืนนี้เป็นดินเนอร์ระหว่างเขาและเธอ โอกาสพิเศษเช่นนี้ทำให้มนต์ลดาดื่มเข้าไปหลายต่อหลายแก้วจนเริ่มรู้สึกหนักอึ้งที่ศีรษะ ท้ายที่สุดเด็กสาวยังยกกระดกค็อกเทลจนหมดแก้ว ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นด้วยดวงตาฉ่ำปรือ
“หนูจะไปไหน ผมว่าคืนนี้พอแล้วดีกว่า…เริ่มเมาแล้วนะ” ราเชนทร์เอ่ยเสียงดุ
มนต์ลดาตอบกลับด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้ “ไหนคุณบอกหนูว่าเวิร์กฮาร์ด เพลย์ฮาร์ดเดอร์ไงล่ะคะ วันนี้หนูจะดื่มค่ะ” เธอพูดพร้อมกับชี้ไปทางเจ้านายที่รัก
“และคุณ ต้องดูแลน้ำมนต์ด้วยนะคะ”
เด็กสาวพูดพลางเดินออกไปริมระเบียงฝั่งที่ยื่นออกไปทางชายหาด น้ำมนต์ใช้มือทั้งสองข้างเท้าราวระเบียงก่อนจะหลับตาพริ้มโน้มตัวลงรับลมทะเล ในขณะที่ราเชนทร์เดินตามมาติด ๆ
“หนูชอบทะเลใช่ไหม?”
“ชอบค่ะ”
‘ชอบทั้งคุณ ชอบทั้งทะเล ‘ ชายหาดยามค่ำคืน แม้จะดูเหงา แต่เพียงมีเขาอยู่เคียงข้างฉันตอนนี้ก็ทำให้ความอ่อนล้าในใจคลายลงได้อย่างน่าประหลาด
มนต์ลดาหมุนตัวพลางใช้สะโพกพิงราวกั้น หันสบตาราเชนทร์ด้วยสายตาหวานฉ่ำ “คุณรู้สึกยังไงกับหนูคะ?”
ราเชนทร์ดึงมือเด็กสาวกอบกุมไว้หลวม ๆ สบตาหวาน มือข้างหนึ่งลูบเรือนผมนุ่มสลวยอย่างที่เขาชอบทำมาตลอด “ผมชอบหนูน้ำมนต์ ชอบตั้งแต่วันแรกที่เราได้พบกัน”
“แล้วคุณมั่นใจเหรอว่าเราจะอยู่ด้วยกันได้ น้ำมนต์เป็นแค่เด็กนักศึกษาฝึกงาน คุณไม่กลัวคำครหาหรือไง?”
“เรื่องส่วนตัวของผม ผมไม่สนหรอกว่าใครจะคิดยังไง แค่หนูเข้าใจและยอมรับได้ว่า...บางครั้งผมอาจจะบ้างานไปบ้างก็เท่านั้น” เขาเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง สายตาหนักแน่น พร้อมกับบีบมือเธอให้แน่นขึ้นเพื่อตอกย้ำในสิ่งที่พูดออกไป
“จริง ๆ เวลาคุณทำงานก็ดูหล่อไปอีกแบบนะคะ”
ด้วยความที่ห้องทำงานของเราติดกันและคุณลุงท่านประธานก็ชอบเปิดผ้าม่านให้มองเห็นกัน ทำให้มนต์ลดาเห็นแทบทุกอิริยาบถของคุณราเชนทร์ ความเป็นตัวเขาค่อย ๆ ซึมลึกในใจเด็กสาวจนกลายเป็นความเคยชิน เธอรู้ว่าที่เขาพยายามทำงานหนักเช่นนั้นเพราะอะไร...
“ถ้าอย่างนั้นแล้ว หนูคบกับผมได้ไหมครับ ผมจะดูแลหนูให้ดีที่สุด”
มนต์ลดาใช้มือหนึ่งประคองหน้าของชายหนุ่ม เธอลูบเคราที่เริ่มขึ้นไรสีเขียวเบา ๆ พลางคลี่ยิ้มอย่างเด็กขี้เล่น “งั้นเดี๋ยวน้ำมนต์มานะคะ”
“หนูจะไปไหนครับ?”
“หนูก็จะไปตอบคำถามของคุณไงคะ รอฟังนะคะ”
มนต์ลดาเขย่งกระซิบที่ข้างหูเขา ก่อนจะทิ้งให้ชายหนุ่มสับสนกับคำพูดของเธอ ในเวลาเดียวกันนั้นหนูมนต์ลดาก้าวเท้าฉับ ๆ ไปทางเวทีท่ามกลางสายตาของคนภายในร้านที่มองเธอเป็นสายตาเดียวกัน
เธอกระซิบบางอย่างกับมือกีตาร์ แล้วแย้มยิ้มอ่อนหวานด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ย่างก้าวไปกลางเวทีอย่างสง่า รับไมค์โครโฟนมาถือไว้ในมืออย่างเกร็ง ๆ ถึงมนต์ลดาจะเคยเป็นพิธีกรมานับไม่ถ้วน ยืนหน้าคนมาหลายร้อยหลายพันคน แต่ในคืนนี้มีราเชนทร์ที่จับจ้องเธออยู่ด้วยสวยตาหมายมาด ยิ่งทำให้คนที่เจนเวทีอย่างมนต์ลดาเกิดตื่นกลัวเอาเสียดื้อ ๆ แสงไฟภายในร้านค่อย ๆ ริบหรี่ลง ในขณะที่สปอตไลต์ทุกดวงส่องลำแสงฉายสาดมาที่มนต์ลดาเพียงผู้เดียว เธอเจิดจรัสกลางเวทีนัยน์ตาเปล่งประกายพร่างพราว รอยยิ้มสดใสและความมั่นใจของเธอดึงดูดเขาได้ชะงักงัน
มนต์ลดากำไมค์โครโฟนแน่น กรอกเสียงหวานลงในนั้น ผู้คนในร้านต่างส่งเสียงหวีดร้อง ปรบมือให้กำลังใจเธอ “สวัสดีทุกคนที่อยู่ในร้านด้วยนะคะ คืนนี้น้ำมนต์อยากขออนุญาตทุกท่านในร้าน ขึ้นมาร้องเพลงสักเพลงเพื่อตอบคำถามของคนคนหนึ่งค่ะ”
หลังจากมนต์ลดาเอ่ยทักทายแขกเหรื่อที่อยู่ภายในร้านจบ เธอส่งสายตาหวานฉ่ำลงมายังผู้ชายร่างสูงโปร่งที่ยืนกอดอกอมยิ้มราวกับให้กำลังใจเธออยู่ด้านล่างของเวที
ลองใช้จินตนาการ ถ้ามีความรักจะเป็นยังไง
ดีไหมถ้าฝนโปรยปราย มีใครกางร่มให้กัน
เสียงใสขับร้องเพลงทำนองน่ารักเสียงเล็กหวานหูเมื่อมีกีตาร์คลอบรรเลง ยิ่งทำให้เพลงน่าฟังมากขึ้น มนต์ลดาร้องพลางโยกตัวอย่างเป็นธรรมชาติ ถึงเธอรู้สึกเคอะเขินมากเพียงใด แต่ทุกครั้งที่เธออยู่บนเวที เสน่ห์และความเป็นตัวตนของเธอมักจะเจิดจรัสดึงดูดสายตาผู้คนได้เสมอ รวมถึง ‘ราเชนทร์’ ด้วย
อยากรู้...ทุกฤดูคงดูสดใส ดีใช่ไหม…‘ถ้ารักเธอ’
(เพลง จินตนาการ นักร้อง ดาเอ็นโดฟิน)
เสียงปรบมือและดังเกรียวกราวพร้อมกับชายหนุ่มที่เดินเข้ามามอบดอกกุหลาบสีแดงสดให้กับมนต์ลดา หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างแปลกใจเล็กน้อยพร้อมกับแย้มยิ้มเจื่อนราวดอกไม้ผลิบานในฤดูร้อน
“คุณน้ำมนต์ร้องเพลงเพราะนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ คุณณภัทร”
มนต์ลดาเดินลงจากเวทีตั้งใจจะตรงไปหาคุณราเชนทร์ ทว่าณภัทรกลับชวนให้เธอนั่งกับเขาแทน “พอดีน้ำมนต์มากับคุณราเชนทร์ค่ะ”
ทันทีที่ราเชนทร์เห็นว่าชายหนุ่มหน้าอ่อนที่มอบดอกไม้ตัดหน้าเขาคือ ‘ณภัทร’ ความเดือดดาลผสมกับแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปหลายต่อหลายแก้วเริ่มทำงานร่วมกันอย่างควบคุมไม่อยู่ ราเชนทร์เดินเข้าไปหามนต์ลดาก่อนจะดึงข้อมือเธอเบา ๆ ให้กลับมาที่โต๊ะ
“สวัสดีครับ คุณราเชนทร์”
ณภัทรเอ่ยทักด้วยน้ำเสียงกวนประสาท ถึงเขารู้ว่ามนต์ลดาพยายามปฏิเสธเขาทางอ้อมมาตลอด แต่คนน่ารักแสนดีอย่างมนต์ลดาถ้ายังไม่ได้คบใครจริงจัง ‘เขาก็มีสิทธิ์จีบไม่ใช่เหรอ?’
“พอดีผมเพิ่งมาครับ คืนนี้คนเยอะ โต๊ะน่าจะหายาก ผมขอเสียมารยาทนั่งด้วยคนได้ไหมครับ”
“อ้าว ไอ้หน้าอ่อน ก็รู้นี่ว่าเสียมารยาท” ราเชนทร์บ่นพึมพำ
“ได้ไหมครับคุณน้ำมนต์” ณภัทรเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงอ้อน พลางส่งสายตาพราวระยับมาให้น้ำมนต์
“เอ่อ...คือ...” มนต์ลดายกยิ้มเจื่อน แอบสะกิดแขนคุณราเชนทร์เบา ๆ ให้ช่วยตอบ เธอไม่กล้าเอ่ยปฏิเสธณภัทร อย่างน้อยเขาก็เป็นลูกค้าที่จ้างงานเธอ
จู่ ๆ มีผู้หญิงรูปร่างอรชรผิวขาวนวล ใบหน้าจัดว่าสวยราวกับนางแบบ ดวงตาคมขลับ แต่งหน้าเข้ม ทาลิปสติกสีแดง สวมชุดเดรสสีเลือดนกโชว์เนิ่นอกอิ่ม และแผ่นหลังเนียน ขณะที่การมาของหญิงสาวสะกดสายตาหนุ่มในร้านได้อยู่หมัด หล่อนเดินตรงเข้ามายังณภัทร พร้อมเอ่ยทักทายอย่างคนสนิทสนม “สวัสดีภัทร มาที่นี่ทำไมไม่บอกล่ะ”
“ไอริน มาที่นี่ได้ยังไง?” ณภัทรเอ่ยทักด้วยความดีใจที่เจอเพื่อนเก่า
“ทำไมจะมาไม่ได้ ที่นี่มันร้านของน้องชายไอรินนี่ ภัทรมีที่นั่งหรือยัง มานั่งกับเพื่อน ๆ ไอรินไหม?”
“คุณณภัทรมีที่นั่งแล้ว ผมกับน้ำมนต์ขอตัวนะครับ” ราเชนทร์รีบพูดตัดบท
“พี่เชน ใช่พี่เชนจริง ๆ ด้วย” อัยลดาเดินเข้ามาเกาะแขนราเชนทร์แน่น หล่อนจ้องหน้าราเชนทร์ด้วยสายตาเปล่งประกาย
ทั้งมนต์ลดาและคุณณภัทรต่างประหลาดใจที่สาวสวยคนนี้รู้จักคุณราเชนทร์ ทั้งยังเรียกด้วยสรรพนามที่ดูสนิทสนมมากเป็นพิเศษ ในขณะที่ราเชนทร์ประหลาดใจที่เขาพบกับอัยลดาที่นี่ ตอนนี้! หากเลือกได้ เขาขอเลือกที่จะไม่พบหน้าไอรินอีก
“งั้นเดี๋ยวไอรินเปิดโต๊ะใหม่ เราไปนั่งด้วยกันทั้งหมดนี่เลยดีไหมคะ?” อัยลดาหันไปเรียกพนักงานก่อนจะสั่งให้เคลียร์ที่โซนดาดฟ้าเพื่อจัดเป็นที่สำหรับวีวีไอพี
“ไม่เป็นไรครับ คืนนี้ผมมากับน้ำมนต์”
“พี่เชนขา ทำไมทำตัวห่างเหินกับไอรินจังเลยคะ”
“นี่ไอรินรู้จักคุณราเชนทร์ด้วยเหรอครับ?”
“ใช่จ้ะภัทร...เรารู้จักกันดีเลยล่ะ จริงไหมคะ พี่เชน?”
ราเชนทร์หันไปสบตามนต์ลดาก่อนจะพูดด้วยเสียงขุ่น “เคยรู้จักกันน่ะ” เขาจูงมือเด็กสาวพลางเดินกลับไปที่โต๊ะพร้อมด้วยดอกกุหลาบขาวช่อโตที่ยังไม่ทันได้ยื่นให้เธอ
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อไอริน” ราเชนทร์เอ่ยขึ้นมาน้ำเสียงเรียบ
มนต์ลดาขมวดคิ้วสวยจนยุ่ง เธอไม่เข้าใจทำไมจู่ ๆ ราเชนทร์ถึงหัวเสียได้ขนาดนี้ ปกติถึงเขาจะไม่ชอบใจ แต่เขาก็มักจะเก็บอาการได้ดีเสมอ
“ผมกับไอรินเคยคบกันเมื่อหกปีก่อน”
“เล่าให้น้ำมนต์ฟังทำไมคะ?”
“เพราะผมจริงใจกับหนู และไม่คิดว่าดินเนอร์พิเศษของเราจะ...”
“จะ….เจอแฟนเก่าเหรอคะ?” เธอไม่จำเป็นต้องกังวลใจ เพราะเธอเชื่อว่าทุกคนมักมีอดีตด้วยกันทั้งนั้น และการที่คุณราเชนทร์เป็นคนเล่าให้เธอฟังด้วยตัวเองก็ดีกว่าให้เธอรู้จากปากคนอื่น
“แล้วคุณยังรักเธออยู่ไหมคะ?”
ราเชนทร์ส่ายหน้าแรง พลางกุมมือหนูมนต์ลดาไว้แน่นราวกับตอกย้ำคำที่จะเอ่ยต่อจากนี้ “สำหรับผม ไอรีนคืออดีตที่ผ่านมานานแล้ว แต่สำหรับหนูน้ำมนต์คือปัจจุบันที่ผมอยากใช้ชีวิตด้วยครับ”
“ถ้าอย่างงั้น คุณก็ไม่ต้องคิดมากนะคะ ว่าแต่ดอกไม้ช่อนั้น…คุณจะให้หนูหรือเปล่าน้า...” มนต์ลดาพอมองออกว่าคุณราเชนทร์อึดอัดเมื่อผู้หญิงคนนั้นปรากฏตัวขึ้น ซึ่งเธอก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่หล่อนและคุณณภัทรรู้จักกัน เด็กสาวเลื่อนเก้าอี้ด้านข้างเธอออก แล้ววางช่อดอกไม้สีแดงสดของณภัทรลงบนนั้น ก่อนจะหันมาสบตาหวานให้คนสำคัญแทนที่
ราเชนทร์ยื่นดอกกุหลาบสีขาวช่อโตให้มนต์ลดา ในขณะที่เธอรับมาด้วยสีหน้าสดใส “คุณรู้คำตอบแล้วใช่ไหมคะ?”
“ผมคิดว่าผมรู้แล้วครับ แต่อยากได้ยินหนูบอกให้ผมชัด ๆ อีกสักครั้ง”
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังสบตาหวาน หมายมาดจะเอ่ยคำบอกรัก…ที่ยังไม่ทันได้พูดออกไป แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็เดินตรงมาหาเขาอีกครั้ง
“พี่เชนคะ บอกอะไรกันอยู่คะ ไปนั่งดาดฟ้ากันดีกว่าค่ะ ไอรินเตรียมโต๊ะใหม่ไว้ให้แล้ว” อัยลดาเรียกอดีตคนรักเสียงแหลมใส
“ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปนั่งด้วยนี่ครับ”
“โธ่ พี่เชนขา เราไม่ได้เจอกันตั้งหกปีกว่า ไม่คิดถึงไอรินบ้างเหรอคะ” อัยลดาเดินมาแทรกกลางระหว่างราเชนทร์กับเด็กสาวหน้าหวาน ทำให้มนต์ลดาซวนเซไปด้านหลัง โชคยังดีที่ณภัทรเข้ามาโอบรับไว้ได้ทัน
“หนูเป็นอะไรหรือเปล่า / เป็นอะไรไหมครับ” ทั้งราเชนทร์และณภัทรเอ่ยถามพร้อมกัน แต่เป็นณภัทรที่รับมนต์ลดาไว้ก่อน ทำให้ชายหนุ่มทั้งสองคนหันไปส่งสายตาดุใส่ไอรินพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย
“นี่หนุ่ม ๆ ทำไมมองไอรินแบบนี้ล่ะคะ มันเป็นอุบัติเหตุ ซอร์รี่นะจ๊ะ” อัยลดาพูดด้วยสีหน้าไม่แยแส
“ดอกไม้ของคุณราเชนทร์ช่อใหญ่ขนาดนั้น คุณน้ำมนต์จะทิ้งดอกไม้ดอกเล็ก ๆ ของผมไหมน้า...” ภัทรเอ่ยแซวดอกไม้ช่อโตที่เขาพอจะเดาได้ว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้ไม่น่าจะใช่แค่เพียงเจ้านาย - ลูกน้องอย่างคนทั่วไป
“จะทิ้งได้ยังไงคะ คุณณภัทรอุตสาห์ให้น้ำมนต์มา”
เด็กสาวคลี่ยิ้มเจื่อนอย่างอ่อนโยน พลางหันไปรวบดอกไม้ของชายหนุ่มไว้ในมือแน่น คืนแสนพิเศษที่มนต์ลดาคิดว่าจะผ่านไปอย่างสวยงาม กลับกลายเป็นวันรวมญาติที่แสนวุ่นวายและน่ากระอักกระอ่วนใจ
“ผมกับน้ำมนต์ว่าจะกลับแล้วล่ะครับ” ราเชนทร์เอ่ยเสียงเรียบ พลางแกะมือปลาหมึกของอัยลดาออกอย่างไร้เยื่อใย
“คุณราเชนทร์อย่าเพิ่งกลับสิครับ นี่ยังหัวค่ำอยู่เลย มาสนุกกับพวกเราก่อนสิ”
“ผมจะกลับแล้วครับ...”
“อะไรกันคะ หรือพี่เชนกลัวห้ามความคิดถึงที่มีให้ไอรินไม่ได้”
“ยังติดนิสัยคิดเข้าข้างตัวเองอยู่อีกเหรอไอริน” ราเชนทร์ตอบกลับเสียงเข้ม ขบกรามแน่น กระแทกเสียงที่บ่งบอกให้หญิงสาวรู้ว่าเขาไม่พอใจที่หล่อนตั้งใจยั่วโมโห และพยายามรื้อฟื้นเรื่องเก่า ๆ
“ถ้าพี่เชนไม่ได้คิดอะไรกับไอรินแล้ว ก็ไปนั่งสนุกด้วยกันสิคะ” ไอรินพยายามหาเหตุผลชักแม่น้ำทั้งห้าเพื่อให้อดีตคนรักไปนั่งทบทวนความหลังกับหล่อน
ราเชนทร์หันไปสบตาหนูมนต์ลดา ถอนหายใจยาวอย่างกังวล ขณะที่เด็กสาวคลี่ยิ้มมุมปาก พยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตอบรับ
“ผมนั่งต่ออีกแค่แป๊บเดียวนะครับ วันนี้ขับรถมาตั้งแต่เช้า จะรีบกลับไปพัก”
“ได้ค่ะ พี่เชนมาทางนี้เลยค่ะ ไอรินให้เด็กจัดโต๊ะมุมดี ๆ ไว้ให้แล้ว” อัยลดาเอ่ยเสียงใส พลางควงแขนชายหนุ่มแล้วกึ่งดึงกึ่งลากไปยังดาดฟ้า
ที่ผ่านมาไม่ว่าท่านประธานหนุ่มจะเจอเหตุการณ์ที่ยากจะรับมือแค่ไหน แต่ราเชนทร์ก็จัดการอยู่เสมอ ทว่าหญิงสาวหัวดื้ออย่างอัยลดานิสัยรั้น ชอบเอาชนะ หากราเชนทร์ยังดึงดันที่จะกลับในตอนนี้ ชายหนุ่มกังวลว่าเจ้าหล่อนจะเอาความพ่ายแพ้ในครั้งนี้มาตามก่อกวนหนูมนต์ลดาในวันข้างหน้า ราเชนทร์จึงยอมไปตามมารยาทเพื่อให้ไม่เกิดปัญหาในอนาคต
“คุณน้ำมนต์เชิญครับ”
ณภัทรได้โอกาสจึงสวมรอยดูแลมนต์ลดาแทนราเชนทร์
อัยลดาพาทุกคนขึ้นมายังโต๊ะที่จัดขึ้นเป็นพิเศษของดาดฟ้า ทำให้เสียงเพลงเบาลงแต่บรรยากาศย่อมดีกว่าด้านล่าง ลมทะเลโชยพัดปะทะผิวกาย แสงไฟสลัวสาดส่องกระทบริ้วผ้าที่ทางร้านตกแต่งเอาไว้ ให้ความรู้สึกอบอุ่น ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับทำตัวอึมครึมกว่าปกติ ด้วยความเอาแต่ใจของอัยลดาที่พยายามชวนอดีตคนรักมานั่งกับหล่อนด้วยในคืนนี้
อัยลดา หิรัญศิริกุลชัย หรือ ไอริน ลูกสาวคนโตของเจ้าสัวไพศาล เจ้าพ่ออสังหาฯย่านตะวันออก รวมถึงยังเป็นเจ้าของธุรกิจโรงแรมวาติกา แอนด์ บีช โฮเต็ล (Vatika and Beach Hotel) หนึ่งในโรงแรมชั้นนำติดอันดับหนึ่งในห้าโรงแรมน่าพักของเมืองไทย อัยลดาเป็นอดีตคนรักของราเชนทร์ที่เลิกรากันไปเมื่อหกปีก่อน
“ทำไมนั่งเงียบกันจังเลยครับ” ณภัทรเอ่ยทัก
“ภัทรมาเมืองจันทร์ตั้งแต่วันไหนล่ะ” อัยลดาเอ่ยถาม
“เราเพิ่งมาถึงตอนหัวค่ำนี่เอง คืนพรุ่งนี้ได้รับเชิญไปงานการกุศล คุณราเชนทร์กับน้องน้ำมนต์ก็ตั้งใจมางานนี้เหมือนกันใช่ไหมครับ”
“ผมทำงานในสายงานนี้มีหรือครับจะพลาด แต่คุณณภัทรทำสายแฟชั่นไม่ใช่หรือครับ”
“จริง ๆ แบรนด์ผมก็มีเครื่องประดับนะครับ แต่อย่างว่า กลุ่มเป้าหมายของแบรนด์เราเป็นวัยรุ่น วัยที่เพิ่งทำงานอย่างน้องน้ำมนต์ ไม่แปลกหรอกที่คุณราเชนทร์จะไม่ค่อยรู้จัก ออกจะเกินทาร์เก็ตแบรนด์ไปสักมากหน่อย” ณภัทรแกล้งเย้าคนแก่กว่าจนราเชนทร์หน้าม้าน
“นี่ คุณณภัทร” ราเชนทร์เสียงแข็ง
“ชุดคอลเลกชันใหม่ที่คุณน้ำมนต์สวมในคืนนี้สวยมากเลยครับ”
“น้ำมนต์ว่าเพราะคุณณภัทรดีไซน์ชุดนี้ออกมาได้ดีมากกว่าค่ะ” มนต์ลดาเอ่ยพลางคลี่ยิ้มอ่อนหวาน เรียวนิ้วถัดปอยผมเข้าที่หลังกกหูอย่างเคอะเขิน
“อย่าบอกนะว่าชุดนี้เป็นแบรนด์ของภัทร” อัยลดาเอ่ยถามเสียงเล็กแหลม
“ใช่แล้วไอริน”
“อืม...ก็พอดูได้นะ” อัยลดาชำเลืองมองด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตร
“ผมขอเซลฟี่คู่น้องน้ำมนต์หน่อยสิครับ”
“จะดีหรือคะ?” มนต์ลดาพูดพลางสบตาคุณราเชนทร์ เด็กสาวรู้ดีว่าเขาไม่ชอบให้เธออยู่ใกล้กับคุณณภัทรสักเท่าไร ที่สำคัญเธอมากับคุณราเชนทร์ แม้ตอนนี้คุณไอรินจะดึงเขาไว้ข้างกายก็ตามที
“ดีสิครับ คุณน้ำมนต์จะเป็นพรีเซนเตอร์คนใหม่ของแบรนด์ผม และคืนนี้ใส่ชุดนี้ก็สวยสะดุดตามาก ๆ”
มนต์ลดาสบตากับคุณราเชนทร์อีกครั้งก่อนจะหยิบกล้องถ่ายภาพขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าคลัตช์ เธอเปิดกล้องก่อนจะยกชูขึ้นเพื่อรีบถ่ายภาพให้เรียบร้อย แต่ไม่ว่าถ่ายกี่ครั้งคุณณภัทรก็อ้างว่ายังเห็นชุดมนต์ลดาไม่ชัด ทุกครั้งชายหนุ่มค่อย ๆ ขยับเข้าหามนต์ลดาทีละน้อย ๆ
“เดี๋ยวผมถ่ายให้ครับ” ราเชนทร์ถอนหายใจยาว หากปล่อยให้มนต์ลดาเป็นคนถ่ายเอง ไอ้หน้าอ่อนก็หาข้ออ้างเข้าใกล้เธอขึ้นเรื่อย ๆ
“ถ้าคุณราเชนทร์ถ่ายให้จะเรียกว่าเซลฟี่ได้ยังไงครับ” ณภัทรเอ่ยเสียงเรียบ
“ใครถ่ายก็เหมือนกันล่ะภัทร พี่เชนถ่ายภาพสวยนะ เมื่อก่อนเวลาออกทริปพี่เชนถ่ายให้ไอรินสวยทุกภาพสวย” อัยลดาพยายามรำลึกความหลังที่ควรฝังกลบ
“พอแล้วไอริน” ราเชนทร์ดุสายตาแข็งกร้าว
มนต์ลดาลุกขึ้นไปยังมุมหนึ่งของร้าน ไฟดวงเล็กที่ตกแต่งรั้วระเบียงดาดฟ้า บวกกับผ้าแก้วสีฟ้าอ่อนพลิ้วไหวตามแรงลม ยิ่งทำให้เด็กสาวดูน่ารักอ่อนหวาน ราเชนทร์มองภาพคนสวยที่กุมหัวใจเขาตั้งแต่แรกพบผ่านหน้าจอแสดงผลของกล้องถ่ายภาพ ทว่าชายหนุ่มต้องขมวดคิ้วแน่นเนื่องจากณภัทรใช้มือข้างหนึ่งโอบมนต์ลดาอย่างหลวม ๆ ราเชนทร์ถอนหายใจ ถึงเขาจะไม่ค่อยพอใจที่นายณภัทรทำท่าทางสนิทสนมกับมนต์ลดาขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่งี่เง่าขนาดแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานไม่ออก เขารีบเล็งมุมที่เธอสวยที่สุดก่อนจะรีบกดรัวชัตเตอร์ แล้วยื่นให้นายณภัทรผู้เป็นเจ้าของแบรนด์ตรวจสอบภาพ
“ฝีมือคุณราเชนทร์สวยเหมือนที่ไอรินโฆษณาไว้จริง ๆ ด้วยนะครับ น้องน้ำมนต์ดูภาพนี้สิครับ ทั้งชุด ทั้งคุณ…สวยจนใจผมสั่นเลย”
จู่ ๆ ราเชนทร์กระแอมขึ้นมาอย่างไม่มีที่มาที่ไป
“พี่เชนดื่มน้ำก่อนดีกว่าค่ะ”
“ผมไม่เป็นไรครับ” เขาเอ่ยกับอัยลดาเสียงเรียบ แม้กระทั่งหน้าราเชนทร์ยังแทบไม่อยากมองเพราะสิ่งที่เจ้าหล่อนทำกับเขามันมากเกินกว่าที่เขาจะให้อภัย
ราเชนทร์เรียกพนักงานเพื่อสั่งเบียร์สดเพิ่ม ในขณะที่มนต์ลดาสั่งค็อกเทลสูตรลับพิเศษของทางร้านเช่นกัน
“คุณน้ำมนต์ลองดื่มแดรี่มาร์ตินี่สิคะ ที่นี่ชงได้ละมุนถึงใจมากเลยค่ะ” อัยลดาเอ่ยแนะนำโดยตั้งใจให้มนต์ลดาเมาแล้วโวยวาย หล่อนจำได้ว่าพี่เชนเกลียดผู้หญิงขี้เมาที่สุด และนี่อาจเป็นช่องโหว่ของศัรตูหัวใจคนสำคัญ
ตั้งแต่ที่อัยลดาเข้าร้านมาช่วงหัวค่ำ คืนนี้หล่อนตั้งใจนั่งดื่มกับเพื่อนเก่าสมัยประถม แต่สายตาเจ้าหล่อนกลับเหลือบไปเห็นกระดานที่แจ้งชื่อสำหรับการจองโต๊ะในคืนนี้ ‘ราเชนทร์’ นั่นคือชื่อของผู้ชายคนหนึ่งที่จองไว้ในเวลาสองทุ่ม แค่เพียงคนชื่อเหมือนเท่านั้น ยิ่งทำให้อัยลดาหวนคิดถึงเรื่องราวแสนหวานในวันวาน ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้จะเป็นคนเลือกทางเดินด้วยตัวเอง ทว่าหัวใจของอัยลดากลับไม่เคยลืมเขาเลยสักวัน การเลิกรากับ ‘พี่เชน’ เป็นเรื่องเดียวที่อัยลดาคิดผิด
“เอาตามที่คุณไอรินแนะนำก็ได้ค่ะ คุณจะรับด้วยสักแก้วไหมคะ?” มนต์ลดาคลี่ยิ้มอ่อนหวาน ถามคุณอัยลดากลับด้วยสีหน้าเป็นมิตร ในขณะที่เจ้าหล่อนส่ายหน้าปฏิเสธเบา ๆ แล้วนั่งมองเธอกับคุณราเชนทร์คุยกันอย่างเงียบๆ
“แดรี่มาร์ตินี่จะไม่แรงไปสำหรับน้องน้ำมนต์หรือครับ ค็อกเทลตัวนี้ใช้เหล้าเพียว ๆ เหมาะกับนักดื่มที่คอแข็งมากกว่านะครับ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณไอรินแนะนำทั้งทีน้ำมนต์จะพลาดได้ยังไงคะ”
มนต์ลดาคลี่ยิ้มอย่างสดใส แม้เธอจะรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยกับคุณณภัทร แต่การได้มาพูดคุยกันในคืนนี้ทำให้เธอรู้สึกดีกับชายหนุ่มมากขึ้น ณภัทรเป็นเพื่อนที่ดี เป็นคนใจเย็น ความคิดแง่บวก แต่นิสัยจริง ๆ จะค่อนข้างขี้เล่นและชอบพูดจายียวนไปสักหน่อย แต่รวม ๆ เขาก็เป็นคนที่น่ารักและคุยสนุกคนหนึ่งเลย
“ทำไมวันนี้คุณณภัทรมาดื่มคนเดียวคะ?” เธอชวนเขาคุยด้วยท่าทางสบาย ๆ
“อย่างที่คุณรู้ คืนพรุ่งนี้มีงานของสมาคมฯ วันนี้ผมเคลียร์งานเสร็จเลยล่วงหน้ามาก่อน เห็นว่าแถวนี้มีบาร์ลับก็เลยลองแวะ แต่เข้ามาผมก็เห็นน้องน้ำมนต์กำลังขึ้นร้องเพลงอยู่พอดี บังเอิญจังเลยนะครับ” เขายิ้มจนตาหยี เอ่ยชมน้ำเสียงมนต์ลดาอย่างไม่ขาดปาก
“ไม่ก็...เป็นพรหมลิขิต” อัยลดาพูดโพล่งขึ้นมา พร้อมจ้องหน้าราเชนทร์ แล้วยกไวน์แดงในมือจิบ พลางถอนหายใจเหลือบมองเขาด้วยสายตาคะนึงหาจับใจ
“ถ้าเป็นแบบที่ไอรินบอกก็ดีสิ” ณภัทรหันไปพูดพลางยักไหล่ให้เพื่อนสาวคนสวยด้วยท่าทางยียวน ก่อนจะแย้มยิ้มให้กับมนต์ลดา แววตาฉ่ำหวาน
ราเชนทร์รู้สึกว่าการที่เขาได้มาพบกับไอรินและณภัทรในวันเดียวกันแบบนี้ บังเอิญเกินไปสักหน่อยราวกับจงใจ “ไอรินดูสนิทกับคุณณภัทรดีจังเลยนะครับ!”
วูบหนึ่งอัยลดารู้สึกดีใจที่พี่เชนยังนึกถามถึง หากหล่อนไม่หลงตัวเองจนเกินไป เขาต้องรู้สึกหึงหวงหล่อนอยู่แน่ ๆ เพราะนิสัยที่ใครหลายคนต่างไม่เคยล่วงรู้ แท้จริงแล้วราเชนทร์เป็นคนหึงหวงมากกว่าที่คิด
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?