[ราเชนทร์]
ราเชนทร์เดินตรงเข้ามาห้องโถงชั้นยี่สิบสามของโรงแรม แกรนด์เดอรีสเตอร์ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวที่ถือได้ว่าหรูหรามากที่สุดและยังเป็นอีกหนึ่งโรงแรมในเครือของตระกูล หิรัญศิริกุลชัย หนึ่งในธุรกิจของบ้านอัยลดา ท่านประธานหนุ่มเดินเข้างานมาพร้อมกับแฟนสาวพ่วงตำแหน่งเลขาจำเป็น คืนนี้มนต์ลดาสวยจนใจของเขาอ่อนระทวย แม้ราเชนทร์จะอายุใกล้เข้าเลขสี่แต่ที่ผ่านมานอกจาประกายดาวและแก้วทีมงานของเขา ชายหนุ่มก็ยังไม่เคยควงหญิงที่ไหนออกงานเลยสักครั้ง
การที่คืนนี้ประธานหนุ่มแห่งเกริกก้องรัชตะกรุป ควงคู่มากับหญิงสาวหน้าตาสะสวยทำให้ทุกสายตาคอยจับจ้องและอยากเข้ามาทำความรู้จักกับเธอ แต่สิ่งที่ทำให้ชายหนุ่มต้องประหลาดใจนั่นคือมนต์ลดาสามารถพูดคุยกับผู้บริหารแต่ละคนได้อย่างพอเหมาะพองาม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนัก ๆ อย่างการลงทุนหุ้นตัวไหนจึงเหมาะสมในช่วงนี้ กองทุนแห่งไหนได้ผลตอบแทนในระยะยาวที่คุ้มค่า หรือแม้แต่ภาวะโลกร้อน แนวทางการป้องกันและรณรงค์ ผู้ใหญ่ที่เข้ามาจะชวนมนต์ลดาคุยเรื่องใด เด็กสาวก็มีปฏิภาณไหวพริบในการโต้ตอบได้เป็นอย่างดี รู้จักฟังจับใจความ เป็นผู้ฟังมากกว่าผู้พูด ทั้งยังใช้คำถามที่ทำให้ผู้พูดเกิดความรู้สึกดี ‘นี่สิผู้หญิงของผม’
ขณะนั้นหางตาเขาก็เหลือบเห็นคุณจิรากรซึ่งเป็นพันธมิตรของบริษัทด้านอสังหาฯ ของตระกูลเขามาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ ราเชนทร์จึงถือโอกาสเข้าไปเอ่ยทักทายพร้อมกับให้มนต์ลดาแวะไปพักกับทีมงานที่โต๊ะก่อน แม้ดวงหน้าหวานจะแย้มยิ้มแต่เขาสังเกตเห็นเด็กสาวลอบถอนหายใจอยู่หลายครั้ง ราเชนทร์เข้าใจว่าการออกงานสังคมแต่ละครั้งก็ไม่ต่างจากการสวมหน้ากากเข้าหากัน ฉากหน้าอาจเป็นการประมูลเพื่อนำรายได้ไปพัฒนาสังคม แท้จริงทุกคนต่างก็อยากมาสานสัมพันธ์กับบริษัทคู่ค้าด้วยกันทั้งนั้น งานแบบนี้หากคุยกันถูกคอจะนำไปสู่เรื่องของธุรกิจในอนาคต คืนนี้นักธุรกิจจากหลายแขนงจึงได้มารวมตัวกันอย่างคับคั่ง ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งในสปอนเซอร์หลักของสมาคมอัญมณีภายในประเทศ วันนี้หนูมนต์ลดาก็ทำหน้าที่ของเธอได้อย่างไม่มีที่ติ เกินความคาดหมายของเขาเสียด้วยซ้ำ การวางตัวดีของเด็กสาวยิ่งทำให้ราเชนทร์ตกหลุมรักเธอซ้ำแล้ว ซ้ำอีก
“เดี๋ยวไปรอผมที่โต๊ะก่อนนะครับ” ราเชนทร์เอ่ยเสียงเรียบแม้ใบหน้าจะเคร่งขรึม ทว่าแววตากลับมีประกายความห่วงหาให้เธออย่างไม่ปิดบัง
“ได้ค่ะ” มนต์ลดาขยับรอยยิ้มหวานก่อนจะค้อมศีรษะลงเล็กน้อยแล้วก้าวขาฉับ ๆ เดินไปโดยไม่หันกลับมามองประธานหนุ่ม เธอไม่แม้แต่จะถามจุกจิก การที่เธอแสดงออกเช่นนี้ทำให้ราเชนทร์รู้สึกสบายใจในการจะปล่อยให้เธอไปอยู่กับเพื่อนคนอื่นแทนที่จะคอยกังวลห่วงความรู้สึกว่าเป็นการผลักไสให้เธอไปนั่งคนเดียว
ราเชนทร์เจอนักธุรกิจหลายท่านที่ไม่ได้พบกันมานาน เวลาล่วงเลยไปกระทั่งการแสดงเดินแบบชุดแรกได้เริ่มขึ้น งานจัดแสดงคืนนี้ใช้เวลาราวสองชั่วโมงเท่านั้น การเดินแบบและงานประมูลจะเป็นช่วงท้ายของรายการวันนี้ ราเชนทร์เดินกลับไปยังโต๊ะวีวีไอพีสองแต่กลับไม่พบหนูมนต์ลดา ทั้งที่เธอควรจะนั่งรอเขาอยู่ที่โต๊ะแท้ ๆ จนเวลาผ่านไปเกือบสิบห้านาที ยังไม่พบวี่แววของเธอ เขาก็เริ่มกังวลใจยิ่งเหลือบไปเห็นคุณหญิงเพ็ญพรรณภรรยาของเจ้าสัววิฑูรแน่นอนว่าโจทก์เก่าของมนต์ลดาก็ต้องมาด้วยเช่นกัน
“คุณแก้วลองไปตามน้ำมนต์ที่ห้องน้ำอีกรอบได้ไหมครับ” ประธานหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงเจือความกังวลจนลูกน้องเริ่มสงสัยทว่าเรื่องส่วนตัวของเจ้านายมีหรือที่หล่อนจะกล้าเอ่ยถาม
“แก้วไปมารอบหนึ่งแล้วไม่เห็นน้องน้ำมนต์เลยนะคะ”
“ท่านประธานลองไปดูที่ระเบียงดาดฟ้าด้านโน้นหรือยังครับ” เอกรินทร์เสนอขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบพลางยกไวน์จิบ สายตาทอดไปยังนางแบบบนเวทีอย่างไม่สนใจความกังวลใจของผู้เป็นนายเลยแม้แต่น้อย
“ตรงนั้นมันเป็นที่สูบบุหรี่ไม่ใช่เหรอพี่เอก น้องจะไปตรงนั้นทำไมครับ?” ทีมเอ่ยถามเพราะจำได้ว่าโซนนั้นมีบรรยากาศที่น่ายืนรับลมก็จริงแต่ก็เต็มไปด้วยสิงห์อมควัน น้องไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ก็ไม่น่าจะพาตัวเองไปยืนรับควันเข้าปอดที่นั่น
“แต่ก็เป็นไปได้นะคะ แก้วเห็นน้องน้ำมนต์สีหน้าไม่ค่อยดีเลย”
ทันทีที่ได้ข้อมูลจากลูกน้อง ราเชนทร์เริ่มมั่นใจว่าแฟนสาวต้องเจอหน้าโจทก์เก่าแล้วแน่นอน เขากวาดตามองไปรอบ ๆ ไม่พบเจ้าสัววิฑูรยิ่งทำให้ความกังวลของเขาแทบจะปะทุขึ้นมา ราเชนทร์ไม่รอช้าเขารีบหยัดร่างสูงโปร่งขึ้นพร้อมรีบไปตามหามนต์ลดาด้วยความห่วงใย “งั้นเดี๋ยวผมมานะ”
“ท่านประธานให้ยกประมูลแทนไหม?” เอกรินทร์ถามพลางเสตาไปทางเวที
“ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมกลับมาประมูลเอง ขอบคุณมาก”
ราเชนทร์เร่งฝีเท้าตามหาแฟนสาวด้วยความว้าวุ่นใจจนไปถึงโซนเอาต์ดอร์บริเวณดาดฟ้าที่มีลมโกรกเย็นยะเยือก ตกแต่งด้วยไม้เลื้อยเรียบง่ายประดับด้วยหลอดไฟดวงเล็ก ๆ มีเก้าอี้ม้านั่งสีขาววางไว้ทั่วบริเวณ แต่สิ่งที่ประธานหนุ่มเห็นคือเจ้าสัววิฑูรกำลังพยายามยัดบางอย่างใส่มือหนูมนต์ลดา สีหน้าเธอดูเป็นกังวลท่าทางดูไม่สู้ดีนัก นัยน์ตาแข็งกร้าวอย่างคนโกรธจัด หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแน่น
ราเชนทร์จึงรีบสาวเท้าเดินไปหาแฟนสาวด้วยความกังวล ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าหากเจ้าสัววิฑูรทำเรื่องอัปรีย์ใส่หนูมนต์ลดาอีกครั้ง คราวนี้เขาจะไม่ไว้หน้าพร้อมตัดความสัมพันธ์เรื่องธุรกิจทั้งหมดโดยไม่ให้เหลือสักโครงการ
“รับไปเถอะถือว่าแทนคำขอโทษก็ได้” เจ้าสัววิฑูรเอ่ยเสียงอ่อน ขณะที่ท่านประธานหนุ่มเดินเข้าไปพร้อมปะทะ เสี้ยวนาทีนั้นหนูมนต์ลดาสบตาเข้ากับเขาพอดีแววตาหวาดหวั่นแปรเปลี่ยนไปในทันที เธอหันกลับไปเอ่ยกับเจ้าสัววิฑูรด้วยเสียงแข็งกร้าวนัยน์ตาเจือความเดือดดาลอย่างที่ราเชนทร์ไม่เคยเห็นมาก่อน
“เรื่องงานน้ำมนต์ขอเวลาปรึกษาคุณราเชนทร์ก่อน ส่วนเช็คเงินสดนี้ขอไม่รับ เพราะเรื่องที่เจ้าสัวทำกับน้ำมนต์มันยากเกินให้อภัยจริงๆ”
มนต์ลดาพูดจบเธอก็รีบเดินมาหาคุณลุงท่านประธานมือเย็นเฉียบชื้นเหงื่อ เด็กสาวโผเข้ากอดที่วงแขนแกร่งทันทีราวกับลูกนกโหยหาที่พักพิงในยามอ่อนล้า ราเชนทร์สัมผัสได้ถึงเรือนกายที่สั่นเทา ที่พยายามสะกดกลั้นไว้อย่างสุดกำลัง เขาโอบเอวหนูมนต์ลดาแนบแน่นเพื่อบอกโดยนัยว่าเขาอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็พร้อมที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องแฟนสาวแสนบอบบางคนนี้
“มันทำอะไรหนูหรือเปล่า”
“ไม่ค่ะ เขาไม่ได้ทำอะไรน้ำมนต์”
“หนูมีอะไรจะบอกผมไหม?”
เด็กสาวพยักหน้าแรงนัยน์ตาเต็มไปด้วยความสับสน ราเชนทร์จำได้ว่าช่วงนี้หนูมนต์ลดายังต้องทานยาคลายเครียด ยานอนหลับจนกว่าหมอจะสั่งให้หยุดยาได้
“งั้นเดี๋ยวเราไปนั่งตรงโซฟาด้านโน้นดีกว่านะ หนูได้พกยามาด้วยไหม”
“ไม่ได้พกมาค่ะ ตอนนี้มีแต่ยาก่อนนอนทานแล้วจะง่วงมาก”
“จับมือผมไว้ หนูรู้ใช่ไหมไม่ว่าเจอเรื่องอะไรผมก็พร้อมจะอยู่ข้างหนู ขอแค่พูดความจริงไม่ปิดบังกัน เพราะผมเกลียดที่สุดคือ…คนที่โกหก”
มนต์ลดาเม้มปากพยักหน้ารับ เธอเอ่ยเสียงอ่อนพลางบีบมือแฟนหนุ่มแน่น “เจ้าสัววิฑูรอยากให้น้ำมนต์ช่วยเดินแบบฟินาเล่ทับทิมสยามค่ะ”
ราเชนทร์สบตาเด็กสาวราวกับพยายามหาคำตอบ เขาไม่เข้าใจว่าการที่เธอหลุดพ้นจากเจ้าสัววิฑูรมันไม่เป็นการดีแล้วหรือ เพราะอะไรจึงอยากเอาตัวเองไปในวงโคจรของเขาอีก “แล้วหนูอยากเดินแบบให้มันเหรอ?”
มนต์ลดาถอนหายใจยาวไม่รู้จะเริ่มอธิบายจากตรงไหนก่อน อย่างไรเธอก็ยังไม่อยากให้ราเชนทร์รู้เรื่องที่เธอต้องคอยหาเงินใช้หนี้ เพราะไม่อยากให้ราเชนทร์คิดว่าการที่เธอตอบตกลงเป็นแฟนเขาเป็นการกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเหมือนที่คนอื่นชอบคิดกัน
ราเชนทร์รับรู้ได้ถึงความสับสน กดดัน และความว้าวุ่นใจของเธอ ถึงเขาไม่อยากให้แฟนสาวเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้าสัววิฑูร แต่ถึงอย่างไร งานเดินแบบก็เป็นงานที่เธอรัก ต้องยอมรับว่าเจ้าสัวก็มีพาวเวอร์มากพอสมควรที่จะทำให้มนต์ลดากลับมามีงานอีกครั้ง ถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจวงการนี้ดีเท่าไรนัก หากเป็นความต้องการของมนต์ลดาโดยอยู่ในสายตาเขาทุกอย่าง มีหรือที่คนอย่างเขาจะขัดใจ “ถ้าหนูอยากเดินก็ตามใจนะครับ แต่ผมต้องอยู่ด้วยตลอดเวลา”
“คุณจะเข้าไปด้านหลังเวทีด้วยหรือคะ?”
“ใช่ เข้าไปในห้องแต่งตัวด้วย ผมไม่ไว้ใจมัน”
ยิ่งฟังคำพูดเป็นห่วงที่เอาแต่ใจของเขาแล้ว มนต์ลดาก็ยิ่งกังวลสายตาคนอื่นที่มองมา อย่างไรเสียคุณราเชนทร์ก็เป็นถึงประธานใหญ่และยังเป็นทายาทของเกริกก้องรัชตะกรุป การที่เขาเข้านั่งเฝ้านางแบบที่จริง ๆ แล้วเป็นเพียงเด็กนักศึกษาฝึกงานเช่นเธอ มันออกจะไม่เหมาะสมกับเขาเสียเลย
“แล้วแบบนี้คนอื่นจะมองคุณยังไงคะ คุณราเชนทร์เป็นถึงประธานนะคะ”
“ผมจะเข้าไปดูแลเมียของผม ใครหน้าไหนกล้าว่าอะไรก็ลองดู”
“ดูพูดจาเข้า...น่าเกลียด” มนต์ลดาหลุดยิ้มออกมาเพราะประโยคแสดงความหึงหวงนั่นทำให้เขาดูน่ารักขึ้นอีกหลายระดับ เธอไม่เคยคิดว่าคุณราเชนทร์จะเป็นพวกหึงแรงเช่นนี้
“หรือมันไม่จริง ต้องให้ผมทบทวนอีกสักน้ำ สองน้ำไหม” ชายหนุ่มขมวดคิ้วคมจนยุ่ง หายใจฟึดฟัดอย่างคนที่กำลังจะถูกขัดใจ น้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“คุณลุงบ้า พูดจาทะลึ่ง คุณเป็นพวกหึงโหดหรือไงคะ”
“ก็ไม่เชิงหรอก แต่อะไรที่เป็นของผมคนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์” ราเชนทร์โต้ด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“แบบนี้ไม่เรียกขี้หึงแล้วเรียกอะไรคะ” มนต์ลดาใจกระตุกวูบเมื่อเห็นแววตาขุ่นเคืองของเขา
“หนูต้องไปเตรียมตัวใช่ไหม งั้นเรารีบไปกันดีกว่า” ราเชนทร์เลี่ยงที่จะไม่ตอบแต่กลับชวนให้เธอรีบไปตอบตกลงงาน
แม้ในใจลึกๆ ราเชนทร์จะไม่อยากให้แฟนสาวต้องเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้าสัววิฑูรแต่อย่างไรนี่ก็เป็นความต้องการของมนต์ลดามีหรือที่เขาจะห้าม เขาทำได้เพียงดูแลอยู่ใกล้ๆ อย่างหวงๆ ก็เท่านั้น ราเชนทร์นั่งรอมนต์ลดาในห้องแต่งตัวจริงอย่างที่เขาปรารภไว้ตั้งแต่แรก ท่ามกลางสายตาหลายคู่ของทีมงานที่จับจ้อง ชายหนุ่มดูดีมากกว่าจะเป็นเพียงผู้จัดการส่วนตัวตามที่เขาได้เอ่ยกับทุกคน
“สวัสดีค่ะ คุณราเชนทร์จำน้ำผึ้งได้ไหมคะ” นางแบบสาวผิวสองสี หุ่นเซ็กซี่ได้รูปเดินเข้ามาส่งสายตากะลิ้มกะเหลี่ยไปยังชายหนุ่มที่นั่งรอในห้องส่วนตัวของมนต์ลดา
“นี่มันห้องส่วนตัวไม่ใช่หรือครับ คุณเข้ามาได้ยังไง”
“แหมๆ คุณนี่ยังเย็นชากับน้ำผึ้งเหมือนเดิมเลยนะคะ” นางแบบสาวพยายามเข้าใกล้ประธานหนุ่มกระนั้นราเชนทร์กลับลุกหนีโดยไม่สนใจสีหน้าที่ซีดเผือดของหล่อน
“เห็นพี่บัวบอกว่าน้ำมนต์มาเดินฟินาเล่ น้ำผึ้งก็เลยแวะมาทักทายตามประสาเพื่อนโมเดลลิงเก่าก็เท่านั้นค่ะ”
เพียงเวลาไม่นานมนต์ลดาก็เดินออกมาพร้อมกับชุดราตรีลูกไม้สีไวน์แดงรัดรูปช่วงบน โดยเว้าช่วงด้านหน้าโชว์เนินอกอิ่มผิวขาวนวล สะโพกเป็นผ้าซาตินพลิ้วพร้อมกับส้นสูงสีเงินเสริมให้เธอดูสง่าสมกับชุดฟินาเล่
“โชคดีมากเลยค่ะ ที่คุณจ้างช่างมาแต่งหน้าให้น้ำมนต์แค่เปลี่ยนชุดก็เตรียมขึ้นโชว์ได้เลย”
“นี่หรอกหรือ ชุดฟินาเล่ สวยดีนะ”
“น้ำผึ้ง เข้ามาได้ยังไง” มนต์ลดาแสดงสีหน้าแปลกใจที่เจอคนนอกเข้ามาอยู่ในห้องแต่งตัวของเธอ และที่สำคัญดูสนิทสนมกับคุณราเชนทร์เสียด้วย
“จะไม่ทักทายเพื่อนเก่าหน่อยเหรอ?” น้ำผึ้งเอ่ยเสียงห้วน ทว่าสายตากลับจ้องคุณราเชนทร์ชนิดที่ว่าตาแทบจะไม่กะพริบ
“สวัสดีไม่ค่อยได้เจอกันเลย น้ำผึ้งดูดีขึ้นเยอะเลยนะ” มนต์ลดาคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตรพร้อมเอ่ยชมเพื่อนเก่าอย่างจริงใจ
“ไม่เท่าน้ำมนต์หรอก แหม หายไปตั้งนานกลับมาอีกทีก็ได้ชุดฟินาเล่ทั้งที่ไม่ได้แคสต์งานด้วยซ้ำ”
แต่ใครจะไปคาดคิดคนที่เคยมองว่าเป็นเพื่อนกลับพูดจากระทบกระทั่งกันได้อย่างหน้าตาเฉย “เดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะน้ำผึ้ง เราต้องรีบแต่งตัวก่อน”
“แหมได้ดีแล้วไล่กันเลยนะ”
“น้ำมนต์ไม่ได้ไล่นะ แค่จะบอกว่าขอเตรียมตัว” มนต์ลดาถอนหายใจยาวอย่างหน่ายใจ น้ำผึ้งก็นิสัยแบบนี้ตลอดชอบพูดจาแขวะคนอื่นทั้งที่ตอนรู้จักกันแรก ๆ หล่อนเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่งกระทั่งรับงานนอก จนได้เป็นนางบำเรอของไฮโซสักคนหนึ่งในแวดวงอสังหาฯ น้ำผึ้งก็นิสัยเปลี่ยนไป “โอเค” น้ำผึ้งตอบรับสั้น ๆ พลางกระตุกยิ้มร้ายเดินตรงไปหาราเชนทร์พร้อมฉวยจูบแก้มโดยที่ชายหนุ่มไม่ทันตั้งตัว
“น้ำผึ้งทักไลน์หา…ทำไมคุณราเชนทร์ไม่ตอบน้ำผึ้งบ้างคะ น้อยใจนะ” เธออ้อนด้วยน้ำเสียงหวาน พลางเลื่อนมือขึ้นมาหวังจะลูบวงแขนแกร่งของเขาแต่ราเชนทร์กลับเบี่ยงตัวหนีพร้อมกับขึ้นเสียงอย่างหัวเสีย
“คุณเป็นผู้หญิงทำแบบนี้ได้ยังไง”
“เอาเป็นว่า คุณราเชนทร์เบื่อน้ำมนต์เมื่อไหร่ ไลน์มานะคะ น้ำผึ้งพร้อมดูแล”
“ผมไม่คิดว่าคุณจะหน้าไม่อายขนาดนี้นะ” เขายกหลังมือเช็ดถูแก้มอย่างแรง
ขณะที่น้ำผึ้งกำลังเดินออกจากห้องแต่งตัว จู่ ๆ หล่อนก็หยุดยืนแล้วหมุนตัวกลับมาทิ้งท้ายให้มนต์ลดาหงุดหงิดใจก่อนจาก “ไหนเคยประกาศกร้าวว่า…ต่อให้ตายก็ไม่ยอมเป็นนางบำเรอของใคร และที่เป็นอยู่จะแก้ตัวว่ายังไงกันจ๊ะ” น้ำผึ้งพูดทิ้งท้ายโดยไม่รอฟังคำตอบ ทิ้งให้มนต์ลดายืนหน้าชารับคำพูดแรงที่เสียดแทงใจ
ราเชนทร์เดินเข้าไปโอบเอวแฟนสาวด้วยความเป็นห่วงใบหน้าสวยกลับมีหยาดน้ำตารื้นเอ่อแพขนตางาม แม้เขามีประสบการณ์ชีวิตมามากกว่าหนูมนต์ลดารอบกว่า แต่ด้วยความที่เธอไม่ค่อยเล่าเรื่องส่วนตัวให้ฟังเท่าไรนัก ทำให้เขาอดนึกสงสัยไม่ได้ มีอีกหลายเรื่องที่เขาอยากรู้แต่ด้วยสภาพจิตใจตอนนี้เขาคงทำได้เพียงเก็บความสงสัยเอาไว้แล้วอยู่เคียงข้างเธอเป็นกำลังใจให้เท่านั้น
“ชุดสวยมาก แต่ผมว่าตัวนี้…เว้าอกลึกเกินไปหรือเปล่าครับ”
“ก็นิดหน่อยค่ะ พอใส่สร้อยทับทิมสยามเดี๋ยวก็ดูไม่โป๊แล้ว”
“ทีมงานมีชุดอื่นให้เปลี่ยนอีกไหมครับ” เขาพูดพร้อมลูบไล้ทรวดทรงยั่วเย้าของมนต์ลดาไปพลาง
“น้ำมนต์เปลี่ยนชุดที่สามแล้วนะคะ เดินแบบไม่นานหรอกค่ะ เดี๋ยวจะรีบลงมาเปลี่ยนชุดเดิมกลับเลย”
ท่านประธานหนุ่มดึงมนต์ลดาเข้ามาสวมกอด เอ่ยกระซิบเสียงทุ้มต่ำพร้อมไล้ปลายจมูกไปที่ซอกคอระหง “ตรงนี้ของผม...ผมหวงนะ”
เด็กสาวไม่ทันได้ปัดป้องมือหนาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปนก็ค่อย ๆ ลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนก่อนจะนวดเฟ้นสะโพกผายอย่างเอาแต่ใจ
“ตรงนี้ก็ด้วย”
ริมฝีปากร้อนกดจุมพิตเนินอกอิ่มแผ่วเบาทว่ามืออีกข้างหนึ่งขยำเข้าเต็มมือปลายนิ้วเขี่ยสะกิดส่วนที่อยู่ใต้ชุดเดรสซึ่งชูชันเป็นไตสู้นิ้วท่านประธานหนุ่ม
“ตรงนี้ก็ใช่ ของผมทั้งหมดเลย”
แม้มนต์ลดาจะร้องครางห้ามประท้วงแต่เขาก็ไม่สน ราเชนทร์ผลักเธอให้เข้าไปยังห้องเล็กๆ ที่กั้นเป็นที่เปลี่ยนชุดก่อนจะปิดประตูแล้วกระชากเธอเข้ามารับรสจูบเร่าร้อนจนเธอแทบหลอมละลายคากลีบปากนุ่มของเขา เรียวลิ้นหยาบเกี่ยวตวัดดูดดุนเข้ามาอย่างเอาแต่ใจ เด็กสาวกลั้นใจผละอกแกร่งออกแล้วรีบกอบโกยอากาศเข้าปอด “นี่…คุณลุงพอแล้วค่ะ”
“จำไว้…หนูเป็นของผมแล้วห้ามให้ใครมายุ่งอีก เข้าใจไหม” คำประกาศกร้าว พร้อมสายตาดุดันของคุณราเชนทร์ ทำเอาเด็กสาวขนลุกชัน ถ้าอาการแบบนี้ไม่เรียกว่าขี้หวงจะให้เธอเรียกว่าอย่างไรได้อีก?
“น้ำมนต์ยังไม่ได้ยุ่งกับใครเลยนะ”
“ที่จับมือกับเจ้าสัววิฑูรจะแก้ตัวว่ายังไงครับ” ราเชนทร์เชยคางเด็กสาวเพื่อให้สบตาเขาได้อย่างถนัด “น้ำมนต์บอกคุณแล้วยังไงล่ะ เขาพยายามให้เช็คเงินสดกับน้ำมนต์เพื่อแทนคำขอโทษ แต่น้ำมนต์ไม่รับ”
ราเชนทร์ฟังเธออธิบายด้วยใบหน้าเคร่งขรึม ใช่ว่าเขาอยากทำตัวไร้สาระกับเรื่องเล็กน้อยเท่านี้ แต่ความหงุดหงิดหัวร้อนของเขากลับระอุมากยิ่งขึ้นเมื่อ ใครบางคนเคาะประตูจากด้านนอก ประธานหนุ่มจึงกลับไปนั่งรอยังโซฟาตัวเดิม ปรากฏเป็นเจ้าสัววิฑูรเคาะกับผู้จัดการเก่าของเธอ ราเชนทร์จึงปล่อยให้หนูมนต์ลดาบรีฟงานโดยมีเขาเพ่งเล็งอยู่ไม่ห่าง
ถึงอย่างไร ราเชนทร์ก็ไม่อาจไว้ใจเจ้าสัววิฑูรได้ เป็นที่รู้กันว่าเจ้าสัวมีนิสัยเจ้าเล่ห์ หากมันอยากได้ผู้หญิงคนไหนแล้วละก็ มันก็จะพยายามหาหนทางเอาหญิงสาวคนนั้นมาเป็นนางบำเรอให้จงได้ ใคร ๆ ต่างก็รู้กันดีว่าเจ้าสัววิฑูรคนนี้มีบ้านเล็กบ้านน้อยไปทั่ว โดยที่ภรรยารู้เห็นเป็นใจ หนำซ้ำยังคอยจัดหาเด็กสาวให้เสมอ ไม่รู้ว่าครอบครัวนั้นเขาอยู่กันยังไง แต่การกระทำแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับราเชนทร์อย่างแน่นอน
“น้องน้ำมนต์ยังสวยเหมือนเดิมเลยนะ งานวันนี้เต็มที่นะจ๊ะ เดินทั่วเวทีไปก่อนแล้วค่อยโพสต์ถือสร้อยโชว์ด้านหน้าเวทีค้างไว้จนกว่าพิธีกรจะแนะนำประวัติของทับทิมสยามเส้นนี้เรียบร้อย หลังจากนั้นเดินวนอีกรอบแล้วถึงเข้าสู่ช่วงของการเปิดประมูล สงสัยอะไรไหมจ๊ะ ถามได้เลยถึงจะไม่ได้เดินซ้อมก่อนแต่พี่บัวเชื่อในตัวน้ำมนต์นะ” พี่บัวเอ่ยน้ำเสียงเรียบ “งานนี้ให้น้ำมนต์เดินสไตล์ไหนดีคะ”
“เดินแบบถนัดของน้ำมนต์เลยจ้ะ ทอดตัวช่วงบนไปด้านหลังเล็กน้อย ให้ช่วงขาเดินนำพร้อมกับสายตานิ่ง อมยิ้มนิด ๆ พอให้หน้าไม่บึ้ง แล้วเดินแบบทิ้งจังหวะให้นวยนาดหวาน ๆ ประมาณนี้” พี่บัวพูดพลางให้นางแบบสาวซ้อมเดิน และโพสต์ท่า ก่อนจะขึ้นเวทีจริง
“เดี๋ยวอีกห้านาทีถึงคิวของน้ำมนต์แล้วนะ” พี่บัวพูดพลางยกข้อมือดูเวลา
“ให้น้ำมนต์เดินให้ดูอีกรอบไหมคะ แล้วพี่บัวมีเพลงช่วงที่น้ำมนต์เดินไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ พี่เลือกเพลงเดิมที่น้ำมนต์เคยเดินที่งานเปิดตัวเบอร์วิวดี้ จิวเวลรี่ น้ำมนต์จำงานนั้นได้ใช่ไหม?” มนต์ลดาพยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้งเพื่อเช็กความเรียบร้อยของใบหน้า
“น้ำมนต์ พี่ขอบคุณหนูมากเลยนะ ถ้าน้องไม่รับงานนี้พี่โดนเจ้าสัวตัดงบงานปีหน้าแน่ๆ”
เจ้าสัววิฑูรเดินตรงมายังมนต์ลดาก่อนจะยื่นเช็คเงินสดให้มนต์ลดาอีกครั้ง “นี่เป็นค่าจ้างงานนี้นะ ตามที่เฮียสัญญาว่าจะจ่ายให้ก่อนเริ่มงาน”
มนต์ลดาลุกขึ้นยืนพร้อมยื่นมือไปรับเช็คใบนี้แต่โดยดี แต่ตัวเลขที่ปรากฏบนเช็คฉบับนี้มีบางอย่างที่ผิดปกติจากที่ตกลงกันไว้ “เจ้าสัวใส่ตัวเลขผิดหรือเปล่าคะ”
“อาบัวออกไปดูงานด้านนอกก่อน เดี๋ยวเฮียขอคุยกับน้ำมนต์สักหน่อย”
แม้พี่บัวจะเป็นกังวลแต่หล่อนก็ไม่อาจขัดคำสั่งคนจ่ายเงินได้ พี่บัวหันมาสบตากับมนต์ลดาพร้อมกับลูบไหล่เบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจ เด็กสาวคลี่ยิ้มอย่างเป็นมิตรตอบกลับ แม้เธอจะเคยโดนผู้หญิงคนนี้ทำเจ็บช้ำน้ำใจมาหนักหนาสาหัสก็ตาม
เมื่อพี่บัวออกไปแล้วยิ่งทำให้บรรยากาศในห้องแต่งตัวดูเงียบลงอย่างถนัดตา ราเชนทร์หยัดตัวเต็มความสูงพร้อมเดินตรงเข้ามาประชิดตัวเด็กสาวเอาไว้อย่างประกาศความเป็นเจ้าของ “เช็คนี้เซ็นจ่ายชื่อหนูถูกต้องแล้วนี่ครับ”
“แต่ที่เราตกลงกันไว้ถ้าน้ำมนต์รับเดินแบบงานนี้ เจ้าสัวจะให้ค่าจ้างน้ำมนต์ ห้าหมื่นไม่ใช่หรือคะ แต่เช็คนี้เขียนยอดสองแสน น้ำมนต์รับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
“ถือเป็นคำขอบคุณที่คุณราเชนทร์อุตส่าห์ปล่อยเด็กคนโปรดให้มาเดินแบบไงครับ เด็กของคุณราเชนทร์ทั้งทีจะให้เรตน้อยแบบนั้นได้ยังไง”
“ถ้าเจ้าสัวยังพูดจาไม่ให้เกียรติน้ำมนต์แบบนี้อีก อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ” ราเชนทร์เอ่ยเสียงแข็งกร้าวด้วยความเหลืออด
“แหม ของใหม่สินะ เอาเป็นว่าถ้าคุณราเชนทร์เบื่อเมื่อไหร่เรียกผมนะครับ ถึงจะไม่ได้เป็นคนแรกแต่ถ้าต่อจากคุณราเชนทร์ผมก็ไม่ติด…” เมื่อเจ้าสัวเห็นคนหน้าขรึมอย่างราเชนทร์แสดงสีหน้าอื่นนอกจากนิ่ง ยิ่งทำให้เขารู้สึกสนุกจึงอยากแกล้งก็เท่านั้น แต่เรื่องของมนต์ลดาเขาตั้งใจว่าจะไม่ตอแยเธออีก นอกเสียจากเธอจะตกลงปลงใจเอง
ราเชนทร์กำหมัดแน่นอยากจะเงื้อมือต่อยคนปากพล่อยให้ได้สติ ทว่า หนูมนต์ลดากลับรั้งมือของเขาไว้ทั้งที่ชายหนุ่มไม่เข้าใจ
“เจ้าสัวแก้ตัวเลขเป็นตามที่ตกลงดีกว่าค่ะ น้ำมนต์บอกแล้วว่ายังไงก็ไม่รับคำขอโทษ หรือขอบคุณอะไรจากเจ้าสัวทั้งนั้น” เด็กสาวเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับสายตาจริงจัง แม้เธออยากได้เงินมาใช้หนี้มากแค่ไหน แต่ถ้าให้รับเงินนี้แล้วลืมเรื่องที่เจ้าสัววิฑูรเคยทำกับเธอคงเป็นไปไม่ได้ เพราะบาดแผลในใจที่เขาเป็นคนก่อไม่มีวันที่จะรักษาหาย ไม่ว่าจะเงินอีกกี่แสน หรือกี่ล้าน ก็ไม่ทำให้เธอลืมความจริงที่เขาเกือบจะข่มขืนเธอได้แน่นอน
เจ้าสัววิฑูรแสยะยิ้มร้ายก่อนจะวางเช็คนั้นไว้บนโต๊ะกระจกอย่างไม่ไยดี “ถ้าหนูไม่รับเฮียจะวางไว้ตรงนี้ละนะ เงินแค่นี้ไม่ต้องคิดมากหรอกรับไปเถอะ ไม่รับคำขอโทษไม่เป็นไร แต่เฮียรู้ว่าหนูจำเป็นต้องใช้เงิน”
มนต์ลดาหน้าร้อนผ่าวใบหน้าถอดสีแม้เธออยากจะหยิ่งผยองรักศักดิ์ศรีเพียงใดแต่ในเวลานี้เธอจะหาเงินจำนวนมากขนาดนั้นได้อย่างไรกัน เสี่ยอู๊ดส่งข้อความมาย้ำหากวันพรุ่งนี้ไม่จ่ายหนี้ตามสัญญา จะให้บอดี้การ์ดฉุดเธอจากหน้าบริษัทในวันจันทร์ และถ้าเธอคิดจะหนีเสี่ยอู๊ดจะส่งคนไปพังร้านของแม่
‘มันเกินไปแล้วนะ ส่งข้อความมาข่มขู่กันแบบนี้ฉันสามารถแจ้งความได้เลย แต่ถึงยังไงเป็นหนี้เขาก็ต้องจ่ายอยู่ดีเป็นทางเดียวที่จะทำให้ชีวิตฉันอยู่รอดปลอดภัยโดยที่คุณราเชนทร์จะไม่รู้เรื่องนี้’ เด็กสาวพลางคิดในใจพร้อมกับเอื้อมมือไปกำเช็คเงินสดไว้แน่นด้วยอารมณ์คุกรุ่น
ราเชนทร์ยืนสังเกตการณ์ทุกอย่างด้วยความนิ่งเงียบ มีเรื่องอะไรที่เจ้าสัวรู้ แต่เขาไม่รู้อีกหรือ? “หนูมีอะไรจะเล่าให้ผมฟังไหม” เสียงนิ่งเรียบทว่านัยน์ตากลับเจือไปด้วยความดุดัน
“ใกล้ถึงเวลาขึ้นโชว์แล้วคุณไปรอหนูหน้าเวทีดีไหมคะ?”
“ถ้าหนูพร้อมเล่าอย่าลืมนะ ผมอยู่ตรงนี้ข้างใจหนูเสมอ” ราเชนทร์เอ่ยเสียงอ่อนเมื่อเขารู้ว่าการใช้ไม้แข็งกับหนูมนต์ลดาไม่ได้ผล คงทำได้เพียงรอให้เธอพร้อมเล่าให้ฟังด้วยตัวเอง หรือไม่ก็เดินไปถามเจ้าสัวให้รู้แล้วรู้รอด
ราเชนทร์เดินออกมานั่งรอด้านหน้าเวทีเพียงไม่นานสักอึดใจหนึ่ง แสงไฟจากห้องจัดเลี้ยงก็ริบหรี่ลงปรากฏภาพของนางแบบสาวในชุดราตรีสีแดงเดินออกมาจากด้านหลังเวทีพร้อมกับทับทิมสยามที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังผู้ล่วงลับ ท่วงท่าการเดินและการหยุดยืนโพสต์หยุดสายตาแขกเหรื่อในงานราวกับต้องมนตร์สะกด หัวใจของราเชนทร์กระตุกไหวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน หนูมนต์ลดาที่เขารู้จักก็ว่าสวยพริ้มใจเขาแล้ว ยามที่เธออยู่ท่ามกลางแสงสีและไฟสาดส่องความงดงามและเจิดจรัสยิ่งทำให้ราเชนทร์หลงใหลเธอมากยิ่งขึ้น
การประมูลเริ่มต้นด้วยราคาหนึ่งแสนบาทถ้วน แขกที่เข้าร่วมประมูลต่างยกป้ายขึ้นมาประชันตัวเลขกันอย่างไม่ลดละรวมถึงราเชนทร์ มีหรือที่เขาจะพลาดการประมูลสร้อยเส้นนี้ ราคาประมูลค่อย ๆ พุ่งพรวดอย่างไม่คาดคิด กระทั่งตอนนี้ตัวเลขสู้กันถึงสองล้านแปดแสนห้าหมื่นบาท ทว่าผู้เข้าร่วมประมูลยังคงแย่งกันเสนอราคาอย่างไม่มีใครยอมใคร อย่างที่เข้าตำราเสียเงินไม่ว่าเสียหน้าไม่ได้
ในชั่วเสี้ยวนาทีนั้นเองสายด่วนจากมิสเตอร์ฟรานซ์ต่อตรงจากรัสเซียทำให้ราเชนทร์ต้องออกไปรับสายสำคัญนี้ เขาจึงพลาดการประมูลไปอย่างหวุดหวิด จู่ ๆ ก็มีนักลงทุนหน้าใหม่ร่ำลือกันว่าเขาเป็นพวกที่ชื่นชอบสะสมของที่มีเรื่องเล่าเขาเสนอราคาประมูลสามล้านบาท จึงไม่มีใครที่อยากสู้ราคา เพราะหากพูดถึงคุณภาพของทับทิมเส้นนี้จริง ๆ มูลค่าก็อาจไม่มากนักหากแต่เครื่องประดับชิ้นนี้มีความเป็นมาจึงทำให้สร้อยเส้นนี้เพิ่มมูลค่าได้มากกว่าที่ควรจะเป็น
มนต์ลดาถ่ายภาพเป็นพิธีก่อนที่จะรีบกลับเข้ามาเปลี่ยนชุดพร้อมกับถอดสร้อยออกเพื่อส่งให้เจ้าหน้าที่นำไปทำความสะอาดก่อนส่งมอบ ผ่านไปครู่สั้น ๆ เด็กสาวก็ออกมาด้วยชุดเดิมที่คุณราเชนทร์เป็นคนเลือกให้พร้อมกับเดินตรงไปยังแฟนหนุ่มที่รอเธออยู่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง “ทำไมถึงทำหน้าแบบนี้ล่ะคะ”
“แล้วทำไมหนูไม่ยอมให้ผมเข้าไปดูแลล่ะ”
“โธ่ หนูก็คิดว่าเรื่องอะไรซะอีก” มนต์ลดาทำเสียงกระเซ้า
“ทำเสียงหวานแบบนี้คืนนี้จะโดนไม่ใช่น้อย”
“ก็มาสิคะ…” มนต์ลดาหัวเราะคิกคักจนลืมไปว่าพี่ทีมกับพี่แก้วจับจ้องอยู่ด้วยสายตาเปล่งประกาย
“ตามสบายเลยครับท่านประธาน ส่วนพี่แก้วเดี๋ยวผมดูแลเอง” ทีมพูดน้ำเสียงอ้อแอ้พลางนั่งอิงซบไหล่แก้ว ในขณะที่ฝ่ายสาวเจ้าก็เมาไม่แพ้กัน นัยน์ตาหวานพริ้มเอนศีรษะไปกับพนักพิง โชคยังดีที่ในเวลานี้แขกเหรื่อในงานกลับกันเกือบหมดแล้วเหลือเพียงทีมงานแค่บางคนเท่านั้น
“คุณแก้ว คุณทีม พวกคุณไหวหรือเปล่าผมบอกหลายครั้งแล้วคอไม่แข็งออกงานก็อย่าดื่มเยอะ คุณเอกยังไงผมฝากดูแลสองคนนี้ด้วยนะ แล้วคืนนี้จะพักที่ไหน” ประธานหนุ่มเอ่ยเสียงแข็งกร้าวเจือด้วยความห่วงใย
“ผมว่าจะวนรถไปพักบ้านแก้วครับ” เอกรินทร์เอ่ยตอบพลางมองหน้ารุ่นน้องทั้งสองคนอย่างหน่ายใจ
“เอาแบบนี้ดีกว่า เปิดห้องพักที่นี่ก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยกลับก็แล้วกันจะได้พักผ่อนให้เต็มที่” ท่านประธานพูดพร้อมกับยื่นบัตรเครดิตให้กับลูกน้องคนสนิท
“ขอบคุณครับ พรุ่งนี้ให้ผมแวะไปที่พักช่วยเก็บของไหม?”
“เดี๋ยวผมโทรไปบอกแล้วกัน”
ในขณะเดียวกันนั้นเจ้าหน้าที่สตาฟก็วิ่งกระหืดกระหอบตรงมายังนางแบบสาวด้วยสีหน้าวิตกกังวล “คุณน้ำมนต์คะ เชิญด้านหลังเวทีหน่อยค่ะ”
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” มนต์ลดารับรู้ถึงความผิดปกติ ใบหน้าที่แย้มยิ้มกลับแปรเปลี่ยนเป็นความกังวล
“สร้อยทับทิมสยามที่คุณน้ำมนต์ใส่ประมูล…หายไปค่ะ” สตาฟสาวพูดด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“อะไรนะคะ จะหายไปได้ยังไง?” มนต์ลดารีบลุกจากโต๊ะรับรองพร้อมกับราเชนทร์เพื่อไปเจรจากับพี่บัว เจ้าสัววิฑูร รวมถึงนายกสมาคมเครื่องประดับและอัญมณีภายในประเทศที่ด้านหลังเวที เป็นการชี้แจงยืนยันความบริสุทธิ์ใจของเธอ ทว่าเจ้าหน้าที่หลายคนรวมถึงเธอก็ยังไม่สามารถหาสร้อยเจ้าปัญหานั้นเจอ เด็กสาวยืนยันด้วยความมั่นใจว่าเธอถอดสร้อยเส้นนั้นวางลงไปในกล่องที่ทีมงานเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
“ทีนี้จะทำยังไงกันดีคะ งั้นเรียกคุณเปรมวัฒน์คนที่ประมูลสร้อยมาไกล่เกลี่ยก่อนดีไหม?” พี่บัวเสนอด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล
เป็นที่รู้กันว่างานประมูลเช่นนี้นอกจากทุกคนรวมตัวกันเพื่อมาแลกเปลี่ยนคอนเนกชันกันแล้ว การบริจาคก็ถือเป็นส่วนสำคัญเพราะรายได้จากการประมูลจะนำไปบริจาคให้มูลนิธิต่าง ๆ ตามที่แจ้งไว้ อีกทั้งทับทิมสยามเส้นนี้ราคาประมูลสูงถึงสามล้านบาท ผู้ที่สู้ราคาย่อมอยากได้เครื่องประดับมากกว่า ที่สำคัญมนต์ลดาก็ไม่มีปัญญาที่จะชดใช้เงินจำนวนสามล้านให้แก่เจ้าของสร้อยด้วย
เจ้าสัววิฑูรผู้ที่เป็นคนจัดงานเหงื่อกาฬผุดหน้าซีดเนื่องจากนายกสมาคมตำหนิเขาอย่างจัง การที่ของมีค่าหายในงานเช่นนี้ย่อมเกิดจากความหละหลวมของการจัดงาน
มนต์ลดาเดินตรงไปพูดกับเจ้าสัววิฑูรด้วยความจริงใจ “เจ้าสัวคะ น้ำมนต์วางไว้ในกล่องเครื่องประดับหน้ากระจกก่อนจะเปลี่ยนชุดแล้วจริง ๆ ใช่ไหมคะพี่บัว”
“ใช่ค่ะเจ้าสัว บัวเป็นคนช่วยถอดให้น้องเองกับมือ แล้วน้องก็วางลงในกล่องที่ทีมงานจัดไว้ให้เรียบร้อยแล้ว” พี่บัวเสริมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ว่าจะยังไง ตอนนี้ของมันหายไปแล้ว อย่างน้อยก็ต้องมีคนรับผิดชอบ” แม้เขาจะเห็นใจเด็กสาว แต่เจ้าสัววิฑูรยังคงยืนยันคำเดิม
“เจ้าสัวคะ น้ำมนต์ไม่ได้เอาไปจริงๆ นะคะ” เด็กสาวกระเซ้าหนุ่มใหญ่ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ราเชนทร์ยืนฟังเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนจะสอบถามกับทีมงานถึงรายละเอียดของคนที่ประมูลทับทิมสยามเส้นนี้ จากนั้นเขาก็รีบสาวเท้าเพื่อตามหาคุณเปรมวัฒน์ โชคยังดีที่นักธุรกิจหนุ่มยืนคุยโทรศัพท์อยู่หน้าห้องโถง ราเชนทร์จึงเอ่ยทักทายพร้อมกับบอกจุดประสงค์ที่เขาต้องการ
“อะไรกันคุณจะเอาเงินฟาดผมเพื่อซื้อต่อแบบนี้มันไม่แฟร์กับผมเลยนะ” เปรมวัฒน์เค้นเสียงด้วยความขุ่นเคือง
“เข้าใจครับการที่ผมขอซื้อต่อจากคุณหลังจบงานแบบนี้ ถือเป็นการเสียมารยาท แต่ลองคิดดูนะครับ หากคุณรับเงินจำนวนนี้ไปสามารถหาของสะสมที่ดีกว่า สมราคากว่าชิ้นนี้ได้ ที่สำคัญผมสามารถช่วยเหลือธุรกิจของคุณให้ทุกอย่างราบรื่นกว่าที่คุณคิดแน่นอน” ราเชนทร์เอ่ยเสียงสุขุมพร้อมกับยื่นนามบัตรให้กับเปรมวัฒน์ พลางกระตุกยิ้มอย่างคนเป็นต่อ อันที่จริงเขาก็ไม่อยากใช้เรื่องเส้นสายหรืออำนาจของประธานเครือเกริกก้องรัชตะ กรุป สักเท่าไร แต่ครั้งนี้การใช้เรื่องนี้เป็นข้อเสนอ เขาเห็นว่าเป็นเรื่องไม่น่าเสียหาย หนำซ้ำยังได้สิทธิ์ถือครองสร้อยทับทิมเจ้าปัญหานี้ เพื่อจะจบเรื่องวุ่นวายในคืนนี้เสียที…
“คุณราเชนทร์ ทายาทคนโตของเกริกก้องรัชตะ กรุป ที่เขาร่ำลือใช่ไหมครับ” เปรมวัฒน์พึมพำพร้อมถอนหายใจ ขณะที่ราเชนทร์แย้มยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าเป็นเชิงรับ
“ขอโทษด้วยครับ พอดีผมพึ่งเรียนจบจากนิวซีแลนด์ แล้วเข้ามารับช่วงต่อจากธุรกิจอสังหาฯ กับธุรกิจอัญมณีของครอบครัวเลยไม่ค่อยคุ้นหน้าคุณราเชนทร์ แต่ชื่อเสียงของคุณร่ำลือไปทั่ว ยังไงผมเปรมวัฒน์ขอฝากตัวด้วยนะครับ” เขาเอ่ยด้วยกิริยานอบน้อม
“จริงๆ ก็ไม่ถึงขนาดนั้นนะครับ” ราเชนทร์ถ่อมตัวด้วยน้ำเสียงสุภาพ แววตาเคร่งขรึมอย่างมีมาด
“สร้อยทับทิมสยามชิ้นนี้มอบให้คุณราเชนทร์เพื่อเป็นของขวัญสำหรับการรู้จักกันครั้งนี้ก็ได้ครับ หวังว่าคุณราเชนทร์จะให้โอกาสบริษัทผมในงานประมูลครั้งหน้าด้วยนะครับ” เปรมวัฒน์เอ่ยเสียงสุภาพพร้อมยื่นนามบัตรของตัวเองให้ราเชนทร์อย่างนอบน้อม
ราเชนทร์หยิบเช็คเงินสดพร้อมกับจรดปากกาเขียนตัวเลขเป็นจำนวนเงินสามล้านสามแสนบาทลงไปในนั้น พร้อมส่งให้คุณเปรมวัฒน์ด้วยใบหน้าคลายความกังวล “เช็คเงินสดสำหรับสร้อยทับทิมพร้อมค่าเสียเวลาครับ”
“สามล้านสามแสน” เปรมวัฒน์เอ่ยพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
“ครับ หากธุรกิจคุณเปรมวัฒน์ติดขัดอะไร ผมยินดีช่วยเพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับเรื่องสร้อยทับทิมสยามในคืนนี้นะครับ นี่เป็นนามบัตรที่ให้เฉพาะคนสนิทในนั้นมีเบอร์ส่วนตัวผมอยู่”
ราเชนทร์รู้สึกถูกชะตากับชายหนุ่มคนนี้เนื่องด้วยความนอบน้อมแม้ในคราวแรกจะดูไม่ยอมคนไปบ้างแต่พอรู้ว่าเขาอาจมีประโยชน์ต่อธุรกิจครอบครัวก็เสียงอ่อนลงพูดจากับเขาดี คนแบบนี้หากติดต่อเอาไว้น่าจะมีประโยชน์ในเชิงธุรกิจ เผลอๆ เป็นคนประเภทหลอกใช้ง่ายอีกด้วย ธุรกิจก็แบบนี้ละ หากใครมองจุดอ่อนคู่แข่งได้ไวกว่าก็จะเป็นผู้ถือไพ่เหนือกว่า แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ชอบเอาเปรียบคน แต่อะไรที่ลงทุนไปแล้วมองไม่เห็นกำไรประธานหนุ่มก็ไม่อยากจะเสี่ยง ทว่าการช่วยมนต์ลดาในการซื้อสิทธิ์การประมูลทับทิมสยามครั้งนี้อาจเป็นข้อยกเว้นก็เป็นได้ เพราะเขาไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยนอกจากทำให้แฟนสาวไม่ต้องลำบากเรื่องสร้อยหาย อย่างไรเสียคนที่เป็นเจ้าของสร้อยก็คือเขา หากเขาไม่เอาเรื่องปัญหานี้ก็น่าจะจบโดยง่าย
“ขอบคุณมากจริงๆ ครับ” เปรมวัฒน์ค้อมศีรษะ พร้อมคลี่ยิ้มกว้าง
“ยินดีครับ ผมชอบนักธุรกิจหน้าใหม่ พออยู่ด้วยแล้วรู้สึกมีไฟดีครับ” ราเชนทร์กระตุกยิ้มร้ายพร้อมกล่าวลาอย่างเรียบง่าย
ขณะที่ราเชนทร์กำลังยืนสบายใจกับการคลี่คลายปัญหาด้วยเงินอยู่นั้น อัยลดาก็เดินออกมาจากงานตรงปรี่เข้ามาหาราเชนทร์ด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“เห็นเขาลือกันว่านางแบบที่เป็นเด็กฝึกงานของพี่เชนทำสร้อยทับทิมสามล้านหายหรือคะ”
“รู้เรื่องนี้ได้ยังไง” ประธานหนุ่มถอนหายใจยาวด้วยความหน่ายใจก่อนจะหมุนตัวกลับเพื่อจะเข้างานไปหาแฟนสาว
“ลืมไปแล้วหรือคะว่าที่นี่เป็นโรงแรมของบ้านไอริน ของมีมูลค่าขนาดนั้นมาหายในโรงแรมก็ต้องเป็นเรื่องสิคะ” อัยลดาเอ่ยน้ำเสียงเหนื่อยใจก่อนจะแสร้งเข้ามากอดวงแขนแกร่งแล้วซบหน้าอย่างถือวิสาสะ ราเชนทร์แกะมือปลาหมึกของหล่อนออกในทันที พร้อมกับเบี่ยงตัวหนี แววตาเจือความไม่พอใจอยู่ในที “ไอรินจะกลับแล้วเหรอครับ”
“พี่เชน อะไรกันวันนี้ยังไม่ค่อยได้คุยกับไอรินเลย เจอหน้ากันหน่อยก็จะไล่กลับซะแล้ว หรือหัวเสียที่เด็กของตัวเองไปร้องไห้ออเซาะเจ้าสัววิฑูรคะ” อัยลดาพูดพลางหัวเราะอย่างชอบใจ ขณะที่ณภัทรพึ่งคุยธุรกิจกับรุ่นพี่ในวงการจบเหมือนเขาได้ยินชื่อหญิงสาวที่เขาเฝ้ามองมาตลอดคืนนี้ด้วยหัวใจหวั่นไหว
“ไอรินว่ายังไงนะ” ณภัทรเน้นเสียงย้ำถามด้วยความกังวลใจ
อัยลดาไม่ตอบหนำซ้ำยังแสดงสีหน้าไม่รับรู้พร้อมแสร้งเสตามองไปทางอื่น ราวกับตั้งใจจะยั่วโมโหชายหนุ่มทั้งสองคนให้คลุ้มคลั่ง
ก่อนหน้านี้อัยลดาพยายามเกลี้ยกล่อมราเชนทร์เกี่ยวกับเด็กสาว หล่อนมั่นใจว่าเด็กสาวคนนี้ต้องเข้ามาตีสนิทกับเขาเพราะหวังได้เป็นคุณนายสบายไปทั้งชาติ ทั้งที่มนต์ลดายังอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ หน้าตาสะสวย หนำซ้ำยังมีดีกรีเป็นถึงนางแบบ หากไม่ได้เข้ามาหาราเชนทร์เพื่อหวังกอบโกยมีหรือที่คนสวยระดับนั้นจะยอมมาคบกับคนที่แก่กว่าตัวเองรอบกว่าเช่นเขา ทว่าแทนที่ราเชนทร์ฟังแล้วจะเชื่อคำพูดหล่อน อย่างน้อย ๆ ก็ในฐานะคนรู้ใจเก่า ราเชนทร์กลับมองว่าอัยลดาอยากเอาชนะมนต์ลดาจึงพยายามใส่ความเด็กสาว พอ ๆ กับเพื่อนสนิทของหล่อน ณภัทรถึงขั้นขู่จะตัดเพื่อนหากไอรินยังพูดให้ร้ายมนต์ลดาอีก
‘ฉันไม่เข้าใจว่าเด็กน้ำมนต์นั่นมีดีอะไร ทำไมผู้ชายรอบตัวถึงหลงเธอกันหมด’
“นี่ไอริน ภัทรถามว่าน้องน้ำมนต์เป็นอะไร?”
“ก็แม่เด็กสาวของภัทรน่ะสิ กำลังร้องไห้ออเซาะเจ้าสัววิฑูรไม่ให้เอาเรื่องที่นางทำสร้อยทับทิมหายไป เห็นว่านายกสมาคมยังไงก็ไม่ยอมเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ” อัยลดาเล่าด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนผิดกับชายหนุ่มทั้งสองเมื่อฟังคำพูดของหล่อนจบก็ตรงปรี่กลับเข้าไปในงานด้วยความเกรี้ยวกราด
ภาพที่ราเชนทร์เห็นคือแฟนสาวของเขานั่งหลับตาพริ้มพร้อมคราบน้ำตาโดยพิงแนบอกเจ้าสัววิฑูร ความขุ่นเคืองเกาะแน่นราวกับไฟลาวาเดือดระอุใกล้ปะทุเต็มทน ความหึงหวงสุมในอกพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ ราเชนทร์พุ่งตัวเข้าไปกระชากเด็กสาวออกจากเจ้าสัววิฑูรมาไว้ในอ้อมแขนของตนอย่างไม่เบามือพร้อมกับความเดือดดาลเข้ามาแทนที่ ประธานหนุ่มไม่พอใจที่มนต์ลดายอมให้เจ้าสัวดูแลแทนที่จะเป็นเขา แรงกระชากของราเชนทร์ทำให้มนต์ลดาได้สติ เธอลืมตาขึ้นพร้อมกับกอดราเชนทร์ไว้แน่นก่อนจะเริ่มร้องกระซิกอย่างคนใจเสียอีกครั้ง
“แหม เดี๋ยวกระเซ้าเจ้าสัวที เดี๋ยวออเซาะคุณราเชนทร์ที นี่น้องเลือกสักคนสิ”
“ที่ไอรินพูดจริงไหม?”
“น้ำมนต์ไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ” มนต์ลดาพยายามอธิบายให้ราเชนทร์ฟังน้ำเสียงอ่อนล้า คืนนี้เธอเจอเรื่องหนักหนาสาหัสมากจริงๆ คราแรกมนต์ลดาคิดว่าราเชนทร์จะเป็นคนเดียวที่เข้าใจและเคียงข้างเธอดั่งที่เขาปรารภ ทว่าสีหน้าท่าทาง รวมถึงแววตาดุดันในเวลานี้ตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาเคยบอกอย่างสิ้นเชิง
“แล้วที่ผมเห็นนั่งซบเจ้าสัวคืออะไร น้ำมนต์” เขาตวาดเสียงดังลั่นจนเธอสะดุ้งตัวโยน เรือนกายสั่นเทาด้วยความกลัว พยายามสะกดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลริน
“นี่คุณราเชนทร์อย่าคิดมากเลยครับ เฮียเห็นหนูน้ำมนต์ร้องไห้จนอยู่ๆ ก็เหมือนจะเป็นลม เฮียก็แค่เข้าไปรับเท่านั้นเอง” เจ้าสัววิฑูรพูดเสียงอ่อน เขาไม่คิดว่าคุณราเชนทร์จะคิดจริงจังกับเด็กสาวถึงเพียงนี้ แต่ก็ช่วยไม่ได้ตอนที่เกิดปัญหาเขาไม่อยู่ตรงนี้เองนี่!
ทันทีที่ราเชนทร์ได้ฟังความเดือดดาลในใจก็ปะทุดั่งลาวาระเบิด เขาบีบแขนมนต์ลดาอย่างแรงจนขึ้นรอยริ้วสีแดง แม้พยายามสะกดกลั้นความโกรธแต่ราเชนทร์ก็ไม่อาจทำใจให้สงบลงได้ในตอนนี้ ชายหนุ่มยื่นเอกสารมอบอำนาจสิทธิ์ผู้รับสร้อยทับทิมสยามที่ระบุเป็นชื่อเขาแทนผู้ประมูลคนก่อนหน้าให้แก่เจ้าสัววิฑูร
“สร้อยเส้นนี้ถือเป็นของผมแล้ว คุณเป็นคนจัดงานก็หามาคืนแล้วกัน” ราเชนทร์เอ่ยเสียงกระแทกกระทั้น พร้อมกับจ้องหน้ามนต์ลดาอย่างเหลืออด เด็กสาวสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิตอันน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่พุ่งเข้าสู่ตัวเธอ
“คุณราเชนทร์คงยังเอาตัวเด็กคนนี้กลับไปไม่ได้” เจ้าสัววิฑูรแย้งเสียงลุ่มลึก พลางกอดอก ลูบเคราอย่างใช้ความคิด
“คนของผมทำไมจะเอากลับไปไม่ได้ เจ้าสัวมีสิทธิ์อะไรมาสั่งห้าม” ราเชนทร์หน้าร้อนผ่าวด้วยความโมโห ดวงตาถลึงกว้างดุดันราวกับมีเปลวไฟลุกโชนอยู่
“เพราะหนูน้ำมนต์เป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับสร้อยทับทิมสยาม”
“ถือว่าผมริบตัวเด็กคนนี้แทนหนี้ทั้งหมดแล้วกัน ใครหน้าไหนก็ห้ามเข้ามายุ่ง”
บรรยากาศโดยรอบตกอยู่ในความเงียบงันชวนให้น่าอึดอัดใจ กระทั่ง อัยลดาท้วงน้ำเสียงสูงแหลม ทว่าราเชนทร์กลับไม่สนใจคำพูดใครนอกจากเด็กคนนั้น
“แบบนั้นได้ยังไงคะพี่เชน”
ราเชนทร์เงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความฉุนเฉียว พลางกระชากแขนมนต์ลดาด้วยโทสะ เขาไม่ชอบเห็นคนของเขาหรือแม้แต่สิ่งของที่เป็นของเขาไปตกอยู่ที่มือคนอื่น หรือแท้จริงแล้วมนต์ลดาก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กสาวทั่วไป ที่พร้อมเอาตัวเข้าแลก ยิ่งเขาคิดเช่นนั้นความขุ่นเคืองในใจก็ยิ่งโหมแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววขุ่นเคืองอย่างหัวเสีย
นี่หรือคนที่เขาคิดมาตลอดว่าอ่อนโยนน่าทะนุถนอม
นี่หรือเด็กสาวที่เขายอมเปิดใจให้เข้ามาเป็นคนสำคัญ
นี่หรือคนที่บอกว่าเป็นของเขาแค่คนเดียว หรือจริง ๆ แล้วหนูมนต์ลดาเข้ามาก็เพื่อหวังผลประโยชน์จากเขาเหมือนที่อัยลดาคอยย้ำเตือนเขากันแน่
“คุณจะพาน้ำมนต์ไปไหน” ณภัทรเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง เขาเห็นริ้วแดงที่ข้อมือ น้ำตาอาบสองแก้มนวล ตัวสั่นระริกแต่ยังอดทนยอมให้ถูกกระทำป่าเถื่อน
“เรื่องของผม คุณไม่เกี่ยว” ราเชนทร์ตวาดเสียงดังลั่น
“แต่ที่คุณทำอยู่ กำลังทำให้น้องน้ำมนต์กลัว” ณภัทรพูดตามที่เห็น
“ว่าไง อยากไปซบอกไอ้หน้าหล่อนี้อีกคนไหมล่ะ” ราเชนทร์หันไปสบถคำร้ายกาจใส่ เสียงตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวของเขาทำให้เสียงร้องไห้ของเธอหายไปในทันที ‘นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!’
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?