ราเชนทร์ขับรถมายังถนนศรีจันทร์ในตัวเมืองจันทบุรี บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของร้านพลอยและอัญมณีต่าง ๆ ตลอดจนถึงตรอกกระจ่าง ซึ่งอาจนับได้ว่าที่นี่เป็นตลาดค้าพลอยเจียระไนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มนต์ลดาซึ่งเริ่มก้าวเข้าสู่วงการเครื่องประดับจึงตื่นตาตื่นใจเป็นพิเศษ
ประธานหนุ่มจอดรถบริเวณหน้าร้านทีแอนด์วายจิวเวลรี ซึ่งเป็นร้านตึกแถวสองคูหา แม้หน้าร้านสาขานี้จะดูไม่ใหญ่มากนัก แต่ถือว่าเป็นร้านที่เปิดมานานกว่าแปดสิบปี สิ่งที่พิเศษกว่าเรื่องความเก่าแก่ของร้านจิวเวลรีนี้คือคุณประทีป ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเป็นเพื่อนสนิทกับคุณตาของราเชนทร์ ที่นี่ยังเป็นร้านประจำของคุณตาผู้ที่ริเริ่มก่อตั้งธุรกิจเครื่องประดับจนตระกูลเกริกก้องรัชตะเป็นที่รู้จักไปทั่ว ราเชนทร์ลงจากรถหรูครู่หนึ่งก่อนจะกลับมาด้วยรอยยิ้มที่ดูแปลกไปกว่าเดิม
“คุณทำสีหน้าแบบนี้มีข่าวดีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“คุณแยมบอกผมว่าวันนี้มีทับทิมน้ำงามเข้ามาพอดี ช่วงบ่ายสามเราค่อยแวะมาที่ร้านอีกครั้ง” ราเชนทร์พูดด้วยเสียงเรียบ
“ปกติคุณซื้อกับร้านนี้เหรอคะ?”
“ร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านประจำทำการค้ากันมาตั้งแต่สมัยคุณตาของผมแล้วล่ะ ตอนนี้คุณแยมเข้ารับช่วงต่อแทนคุณตาของเธอครับ”
“คุณแยม…เธอสวยไหมคะ?” มนต์ลดาพูดพลางกะพริบตาหวาน เธอรู้สึกหวั่นใจที่คุณราเชนทร์พูดถึงผู้หญิงคนอื่นด้วยสายตาที่พิเศษ ทำให้เธอมั่นใจกับตัวเองว่าความรู้สึกที่เธอมีให้คุณราเชนทร์นั้นมากขึ้นกว่าเดิมจนทำให้เธอรู้สึกเกิดความหวง
“เดี๋ยวคืนพรุ่งนี้หนูก็เจอเธอที่งาน ผมจะแนะนำให้รู้จักนะครับ”
เด็กสาวพยักหน้ารับด้วยแก้มสีแดงระเรื่อ
“งั้นเราลงไปเดินเล่นกันดีไหมคะ?”
“ได้สิครับ แต่ที่นี่คนค่อนข้างเยอะ หนูต้องเดินระวังนะครับ”
“คุณไม่ต้องห่วงหนูหรอก เรื่องแค่นี้สบายมาก คนเยอะแค่นี้เองน้ำมนต์ไม่หวั่นหรอกค่ะ”
“ผมว่าจับมือกันไว้แบบนี้ดีกว่าเดี๋ยวหนูจะหลง” ราเชนทร์กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะตีหน้านิ่งจูงมือเธอเพื่อออกไปเดินเล่นยังตลาดพลอยหน้าตาเฉยโดยไม่ฟังคำทัดทานจากเด็กสาว ยิ่งมนต์ลดาเอ่ยทักท้วง คุณลุงท่านประธานยิ่งตีหน้ามึนกระชับแน่นขึ้นไปอีก เด็กสาวจึงทำเพียงปล่อยให้เขาพาเธอไปทางโน้นทีทางนั้นที…
บรรยากาศที่ตลาดพลอยนอกจากจะคึกคักด้วยผู้คนมากมายที่แวะเวียนมาเลือกซื้อ และมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็นคนขาย เรามักเรียกว่า ‘คนเดินพลอย’
“คุณราเชนทร์มาเลือกซื้อเองที่นี่เลยหรือเปล่าคะ”
“ปกติจะมีซัปพลายเออร์เจ้าประจำที่บริษัทคอนแทกต์ไว้ ผมไม่ค่อยซื้อกับคนเดินพลอยเท่าไรครับ นอกเสียจากจะบังเอิญเจอที่ถูกตาต้องใจพอดี”
“แล้ววันนี้เจอที่ถูกใจบ้างหรือยังคะ”
ราเชนทร์ใช้มือข้างหนึ่งลูบคาง เอียงศีรษะเล็กน้อยอย่างคนใช้ความคิด แล้วหันมาเชยคางเด็กสาวด้วยสายตากะลิ้มกะเหลี่ย “ผมว่านะ…วันนี้คงไม่มีอัญมณีเม็ดไหนจะสวยไปกว่าหนูน้ำมนต์ของผมไปได้หรอกครับ”
“นี่คุณราเชนทร์แกล้งน้ำมนต์อยู่เรื่อยเลยนะ”
“ผมพูดจริง” ประธานหนุ่มเอ่ยเสียงเข้ม แววตาดูจริงจัง เขาโน้มหน้าลงใกล้กับระดับเดียวกันของเด็กสาว ก่อนจะฉวยหอมแก้มนวลของเธออย่างมันเขี้ยว มนต์ลดาตกใจตัวเกร็ง หัวคิ้วสวยขมวดจนยุ่ง ส่งสายตาดุใส่คนแก่กว่า
“หนูน้ำมนต์งอนผมเหรอ?”
“คุณมันคนหน้าไม่อาย” เธอไม่ทันระวัง เธอชนเข้ากับอกแกร่งจนต้องลูบหน้าผากอย่างหัวเสีย
“จะกลับแล้วหรือครับ?”
“คุณหอมน้ำมนต์กลางถนนแบบนี้ได้ยังไงคะ น่าเกลียด!”
ราเชนทร์แสยะยิ้มร้าย กระซิบข้างหูเด็กสาวอย่างแผ่วเบาแต่เย้ายวนใจ “ถ้าไม่ใช่กลางถนน ทำได้ใช่ไหมครับ!?”
“คุณราเชนทร์…น้ำมนต์ไม่พูดด้วยแล้วค่ะ นี่ก็เกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว ต้องแวะเข้าร้านไปดูทับทิมนี่คะ”
“แถว ๆ นี้มีร้านไข่กระทะเล็ก ๆ อยู่ผมมาต้องแวะทุกครั้งเลย”
“ดะ...เดี๋ยวก่อนสิคะ”
ราเชนทร์พูดพลางจูงมือเด็กสาวไปยังร้านไข่กระทะที่ว่านั่น ที่นี่จะเรียกว่าร้านก็เรียกได้ไม่เต็มปาก เพราะด้านหน้าเป็นเพิงออกมา มีโต๊ะม้าหินเพียงสองโต๊ะ ด้านในมีคุณตาคุณยายกำลังยืนอยู่หน้าเตา ก้ม ๆ เงย ๆ ทำบางอย่างอยู่ สิ่งที่มนต์ลดาตื่นเต้นจนยิ้มไม่หุบนั่นคือกลุ่มคนที่นั่งอยู่ด้านในสุดของร้านไข่กระทะ
“ท่านประธาน น้ำมนต์ ทางนี้จ้า” เสียงแหลมใสของพี่แก้มเอ่ยทักพร้อมกับโบกมือเป็นสัญญาณให้คนที่มาใหม่อย่างเขาและคุณราเชนทร์
มนต์ลดาคลี่ยิ้มรับอย่างดีใจ เด็กสาวเหลือบตามองคุณลุงท่านประธานพลางสะบัดมือออกเพราะกังวลว่าพวกพี่เอกรินทร์จะเห็นเราทั้งสองคนสนิทสนมกันเกินกว่าพนักงานทั่วไป ยิ่งเธอสะบัดมือที่กุมกันออก คุณลุงท่านประธานกลับตีหน้านิ่งกุมมือเด็กสาวแน่นขึ้น เธอระทึกใจ กลัวพวกพี่ในทีมเห็นเขาจับมือเธอยิ่งกว่าตอนที่กลัวอาจารย์เห็นเธอแอบย่องเข้าห้องเรียนตอนที่มาเข้าคลาสเรียนสายอีก
“นี่คุณ ปล่อยน้ำมนต์ก่อนสิคะ”
ท่านประธานปล่อยมือที่กุมเด็กสาวก่อนจะโอบเอวเธอหลวม ๆ ก่อนจะเดินตรงไปหาทีมงานด้วยท่าทางสบาย ๆ ผิดกับมนต์ลดาที่ทำสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด มนต์ลดายกมือไหว้ทักทายพี่ในทีม แต่ที่แปลกกว่าการที่เจอพวกพี่เอกรินทร์คือพวกเขาไม่มีทีท่าตกใจสักนิดที่เห็นเธอสนิทสนมกับท่านประธาน
“แอบมากินกันก่อน…ไม่รอผมเลยนะ” เขาคลี่ยิ้มอย่างเอ็นดู แซวทีมที่กินไข่ข้นหมดไปหลายกระทะ ในขณะชายหนุ่มก็ไม่ยอมให้เจ้านายแซวแต่เพียงฝ่ายเดียว
“ทีมว่าวันนี้ท่านประธานคงไม่หิวแล้วมั้งครับ” ทั้งที่พี่แก้วรู้ว่าทีมหมายถึงอะไร แต่ก็ร่วมด้วยช่วยกันแซวเจ้านายที่รักเช่นกัน “อ้าว ทำไมล่ะจ๊ะทีม”
“ก็เพราะวันนี้เจ้านายของเรามีน้องน้ำมนต์อยู่ด้วย…อิ่มใจ ไม่ต้องกินมันแล้วไข่กระทะแล้วไง ฮิ้ว…” ทีมแซวก่อนที่เอกรินทร์จะด่าจนพวกเขาหมดจังหวะได้ตบมุก
“เอ่อ…พี่ ๆ คะ” มนต์ลดาหน้าเสีย
“ทีมกับแก้ว เลิกแซวท่านประธานได้ล่ะ พวกแกดูสิ…น้องน้ำมนต์หน้าซีดเป็นไก่ไหวเจ้าแล้ว” พี่เอกรินทร์ผู้เป็นความหวังสุดท้ายของเธอก็ร่วมด้วยช่วยกันแซวทำให้เด็กสาวประหลาดใจกับปฏิกิริยาของพี่ ๆ ในทีม
“นะ…นี่มันอะไรกันคะ” มนต์ลดาเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก
“ท่านประธานจะเป็นคนบอกเองหรือจะให้แก้วบอกดีคะ?”
“หนูน้ำมนต์ไม่ต้องเกร็งทุกคนในทีมหรอก ทุกคนในที่นี่เขารู้เรื่องของเราสองคนมาพักใหญ่แล้ว” คุณลุงท่านประธานพูดด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ ยกแก้วน้ำบลูฮาวายที่แก้วสั่งไว้ให้มาดื่มอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“อะไรนะ ระ…เรื่องของเราสองคนงั้นเหรอคะ?”
“น้องน้ำมนต์มานั่งตรงนี้เลยจ้า ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ที่นี่มีแค่พวกเรากันเอง น้องจะหวานแหววจู๋จี๋กันก็ไม่ต้องกังวลหรอก” พี่แก้วพูดอย่างเข้าอกเข้าใจ พลางตบบ่าเด็กสาวปุ ๆ
“ดะ…เดี๋ยวก่อนนะคะ น้ำมนต์ว่าพวกพี่ ๆ คงเข้าใจกันผิดแล้ว”
“เข้าใจผิดยังไง เอาน่า ไม่ต้องคิดมาก พวกพี่สบายๆ” พี่ทีมพูดหน้านิ่งพร้อมกับเดินไปสั่งไข่กระทะที่สาม โดยทำท่าทีไม่สนใจเรื่องความสัมพันธ์ของเจ้านายอีก
“แต่น้ำมนต์กับคุณราเชนทร์ เอ่อ…กับท่านประธานไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ!”
“ตอนนี้ยังไม่เป็น แต่ตอนอื่นก็ยังไม่แน่” ราเชนทร์รีบพูดตัดบท
“นี่คุณ อย่าพูดแบบนี้สิ พวกพี่ ๆ ยิ่งเข้าใจกันผิดอยู่”
“เอาน่าน้ำมนต์ พวกพี่ไม่ได้คิดอะไรเรื่องนั้นหรอก ยังไงก็เป็นเรื่องส่วนตัว” เอกรินทร์คลี่ยิ้มย้ำด้วยเสียงจริงจัง ก่อนจะหันไปคุยกับคุณราเชนทร์เรื่องทับทิมของร้านคุณประทีป
นี่คือเหตุการณ์ปกติของทีมงานเรา คนอื่นอาจคิดว่าพวกเราเป็นพวกบ้างาน แม้กระทั่งเวลาพักส่วนใหญ่แล้วเราก็ยังคุยกันเรื่องงาน ในขณะที่ราเชนทร์กำลังนั่งเปิดเช็กไฟล์เอกสารและพวกพี่ ๆ กำลังนั่งคุยเล่นกัน
‘แม้ฉันจะรู้สึกเซอร์ไพรส์ที่ทุกคนโผล่มาที่นี่ แต่การที่มีทีมเวิร์กมาทำงานต่างสถานที่ด้วยกันนั้นก็เป็นเรื่องที่ทำให้ฉันอุ่นใจมากขึ้น’
“แล้วพวกพี่ ๆ มากันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
“พี่เอกขับรถมารับพวกพี่ตอนสาย เห็นบอกว่าจะมางานที่จันทบุรีก็เลยถือโอกาสกลับบ้านมาเยี่ยมแม่ และมาช่วยน้ำมนต์กับท่านประธานทำงานด้วยไงจ๊ะ” พี่แก้วตอบ
“มีพวกพี่ ๆ มาด้วยต้องสนุกแน่ ๆ เลยค่ะ นี่ใช่ไหมที่บอกว่าจะเซอร์ไพรส์” เด็กสาวหันไปสบตากับคุณราเชนทร์ พลางยิ้มอย่างสบายใจ
ตั้งแต่มนต์ลดารู้ว่าต้องไปออกงานกับคุณลุงท่านประธาน แม้ว่าเธอจะเคยทำงานเป็นนางแบบมาหลายต่อหลายงาน แต่ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เธอออกงานในบทบาทอื่น ยิ่งส่งผลให้เด็กสาวรู้สึกประหม่า การที่มีทีมยอดมนุษย์มาด้วย อีกทั้งทุกคนรู้ว่าเธอกับคุณราเชนทร์สนิทสนมกันเกินกว่าพนักงานทั่วไป ทำให้เธอรู้สึกเคอะเขินไปบ้าง แต่ก็ไม่เท่าความสบายใจที่จากนี้ไม่ต้องปิดบังพวกพี่ ๆ อีก…
“แล้วปกติพวกพี่ ๆ พักกันที่ไหนคะ?”
“พวกเราชอบไปพักบ้านพี่แก้วน่ะ” พี่ทีมตอบพร้อมกับตักเบคอนจากกระทะของตัวเองใส่กระทะพี่แก้ว
“คืนนี้เราจะได้พักด้วยกันใช่ไหมคะ” มนต์ลดามองหน้าพี่ ๆ ทั้งสามคนอย่างมีความหวัง ถึงว่าเธอจะมีความสุขที่ได้อยู่กับคุณราเชนทร์ แต่การที่ได้ใช้ช่วงเวลาดี ๆ กับทีมยอดมนุษย์ก็มีความสุขไปอีกแบบ
“คือแบบนี้นะน้ำมนต์” พี่แก้วทำหน้าเคร่งขรึมพร้อมเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง หล่อนดึงมือน้ำมนต์ไปกุมไว้แน่นก่อนจะแสยะยิ้มด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย “คืนนี้ทุกคนจะไปนอนที่บ้านพี่จ้ะ”
“งั้นน้ำมนต์ขอไปนอนกับพี่ ๆ ด้วยนะคะ”
“แล้วดินเนอร์ของเราคืนนี้ล่ะ” คุณลุงท่านประธานถามด้วยเสียงขุ่น
“เอ่อ…”
“ยังไงเราก็ยังอยู่ที่นี่อีกสองวัน เดี๋ยวน้ำมนต์กับท่านประธานค่อยมาเที่ยวบ้านแก้ววันพรุ่งนี้ก็ได้ เราทำหมูกระทะกินกันแบบตอนนั้นดีไหมคะ” แก้วเอ่ยถามท่านประธาน
ครั้งที่แก้วเข้ามาในทีม ครึ่งปีแรกเจ้านายสุดหล่อของเธอมีงานด่วนต้องมาที่จันทบุรี แม้ทีมเราจะทำงานหนักจนแทบไม่ได้นอน แต่ในคืนถัดมาเราก็ปาร์ตี้หมูกระทะพร้อมร้องคาราโอเกะกันยันสว่าง เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แก้วรู้ว่าจริง ๆ แล้วท่านประธานของเขาไม่ได้เป็นคนเจ้าระเบียบดั่งที่หล่อนคิด ทว่าสิ่งที่เขาเป็นเหล่านั้นก็เพื่อภาพลักษณ์ในการบริหารงานเสียมากกว่า “ได้ครับ คุณแก้ว เดี๋ยวผมเลี้ยงเองนะ ทุกคนอยากกินอะไรก็ซื้อมาเลยนะ งบไม่อั้น” คุณราเชนทร์คลี่ยิ้มใจดีพร้อมกับหยิบบัตรเครดิตใบหนึ่งส่งให้กับคุณเอกรินทร์
“รับทราบค่ะ” พี่แก้วขานรับเสียงเจื้อยแจ้ว
“เวิร์กฮาร์ด เพลย์ฮาร์ดเดอร์น่ะ” ท่านประธานยกยิ้มมุมปากพลางยักไหล่ข้างหนึ่งอย่างยียวน สบตาหวานกับเด็กสาวที่นั่งชื่นชมเขาอยู่ไม่ห่าง
ภายในบ้านกึ่งร้านไข่กระทะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ความอึดอัดระคนกังวลของเด็กสาวในคราแรกถูกเจือจางด้วยความเข้าใจและเป็นกันเองของทีมงาน
‘นี่สินะที่เขาเรียกว่าทีมเวิร์ก ไม่แปลกใจเลยที่ใครต่อใครที่ออฟฟิศถึงพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทีมยอดมนุษย์เป็นทั้งชีวิตและจิตใจของท่านประธาน คุณเป็นคุณลุงท่านประธานที่น่ารักที่สุดเลย’ เด็กสาวตกอยู่ในห้วงความคิด พลางมองท่าทางอ่อนโยนของคุณลุงท่านประธานที่ปฏิบัติต่อทุกคนด้วยความเป็นกันเอง พร้อมกับหัวใจที่หวั่นไหวของมนต์ลดา
หลังจากที่แยกย้ายกับทุกคน มนต์ลดาเดินอารมณ์ดีมายังรถหรู ราเชนทร์บอกกับเธอให้คิดเสียว่าการมาทำงานครั้งนี้เป็นการมาพักผ่อน แต่คนหนี้สินรุมเร้าอย่างเธอนะหรือจะมีคำว่า ‘พัก’ อยู่ในหัวสมอง
เมื่อสักครู่เจ้าหนี้ได้โทร.เข้ามาเตือนวันจ่ายเงินอีกรอบแล้ว ช่วงนี้ฉันไม่ได้รับงานเสริมมากสักเท่าไร ทำให้การเงินค่อนข้างฝืด ลำพังหากฉันใช้จ่ายแค่คนเดียวฉันยังพอที่จะมีเงินเหลือใช้ได้เป็นปี แต่นี่ฉันต้องกัดฟันนั่งจ่ายหนี้ที่พ่อสรรหามาให้ หลายครั้งที่ฉันรู้สึกว่าโลกนี้ทำไมถึงมีแบบทดสอบให้ฉันมากมายขนาดนี้ แต่ฉันก็ไม่มีเวลานั่งตัดพ้อน้อยใจชีวิตให้มากนักหรอก วันนี้ฉันเตรียมของเครื่องใช้จากผู้สนับสนุนใจดีมาเต็มกระเป๋า แน่นอนว่าจะได้มีโอกาสไปต่างจังหวัดทั้งที่การรับงานรีวิวก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ฉันชอบทำระหว่างรอเวลา ทั้งเครื่องสำอาง อาหารเสริม เสื้อผ้า รองเท้า แม้กระทั่งถ้วยอนามัย
สินค้าและบริการอะไรที่รีวิวแล้วเธอได้เงิน มนต์ลดาก็ไม่เคยปฏิเสธ โชคดีที่หลายต่อหลายครั้งคุณราเชนทร์เห็นเธอมัวแต่ถ่ายวิดีโอแล้วเขาก็ไม่ว่า หนำซ้ำบางครั้งยังช่วยเด็กสาวถ่ายงานอีกด้วย เขาเคยถามว่าทำไมต้องหาเงินมากมายแบบนี้? แต่เธอไม่กล้าบอกเขาหรอกว่าใช้หนี้ให้ที่บ้าน ถึงเด็กสาวจะรู้สึกดีกับคุณลุงท่านประธานมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อยากให้เขารับรู้เรื่องส่วนนี้ของเธอ
“นี่คุณจะพาน้ำมนต์ไปเที่ยวไหนต่อคะ” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยเสียงใส
“จะพาไปที่พักครับ หนูต้องชอบแน่ ๆ”
“ถ้าแค่อยู่ใกล้คุณ ที่ไหนก็ชอบทั้งนั้น” มนต์ลดาพึมพำเบา ๆ
วูบหนึ่งเขาขมวดคิ้วพลางยกยิ้มอย่างดีใจ แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่าหนูมนต์ลดาพูดว่าชอบ หรือเพราะความคลั่งรักมันบังตาทำให้เขาคิดเข้าข้างตัวเอง
“เมื่อกี้หนูพูดว่ายังไงนะครับ”
“เอ่อ…น้ำมนต์แค่บอกว่า ได้มาเที่ยวแบบนี้ไปที่ไหนก็ชอบทั้งนั้นค่ะ!” เด็กสาวโกหกคำโตพร้อมกับสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้เผลอหลุดปากพูดอะไรออกไป ถึงคุณราเชนทร์จะทำหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าเธอพูดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่เอ่ยถามต่อ ทำเพียงเอื้อมมือมากุมไว้หลวม ๆ พลางส่งสายตาเจ้าชู้ลอดแว่นให้เด็กสาวหัวใจสั่นระรัวเล่น ๆ
ราเชนทร์ขับรถมายังที่พักส่วนตัวติดริมทะเล ประธานหนุ่มได้ให้เลขาช่วยหาข้อมูลสำหรับที่พัก รีสอร์ตไหนบรรยากาศดีที่สุดแต่ไม่ห่างจากโรงแรมที่จัดงานนัก คุณประกายดาวเลขาคนสนิทจึงได้แนะนำรีสอร์ต ‘ม่านฟ้าริมทะเล’ ซึ่งเป็นที่พักเน้นความเป็นส่วนตัว ที่นี่แม้จะเป็นสถานที่เปิดใหม่ ห้องพักไม่มาก แต่วิวของที่นี่ทุกห้องด้านหลังบังกะโลมีชานระเบียงยื่นออกมา แขกที่มาพักสามารถเดินลงไปยังหาดส่วนตัวหรือแม้แต่นั่งเปลญวนรับลมทะเลได้
“เราจะพักกันที่นี่เหรอคะ?” มนต์ลดาเอ่ยด้วยเสียงตื่นเต้น ที่นี่ทั้งสวย สะอาด มีมุมน่าถ่ายภาพเต็มไปหมด เธออยากรีบวิ่งเข้าที่พักแล้วหยิบบรรดาของที่จะรีวิวออกมารีบถ่ายเสียให้เรียบร้อย
“เสียดายที่พวกพี่แก้วน่าจะได้มาพักด้วยกัน”
“เดี๋ยวครั้งหน้าค่อยจัดทริปมาพักผ่อนก็ได้” ราเชนทร์ตอบรับอย่างสบายพลางใช้มือหนาลูบเรือนผมด้วยความเอ็นดู
“ดีค่ะ”
“พักกันแค่สองคนทำไมคุณจองบ้านพักใหญ่จังเลยคะ”
“หนูจะได้มีพื้นที่พักผ่อนให้เต็มที่ไงล่ะ” ราเชนทร์พูดพลางเดินสำรวจห้องพักก่อนจะเปิดตู้เย็นหยิบน้ำอัดลมกระป๋องหนึ่งแล้วเดินออกไประเบียงด้านหลังเพื่อนั่งรับลมทะเล ชายหนุ่มหลับตานิ่ง ๆ นอนฟังเสียงคลื่น ปล่อยใจสบายให้สายลมพัดพาความเหนื่อยล้าจากการตรากตรำทำงานหนักให้ค่อย ๆ จางลงทีละน้อย
มนต์ลดาเดินไปยังด้านหน้าของบ้านพักแล้วหยิบสินค้าตัวแรก ครีมกันแดดแบบซองขึ้นมาโพสต์ถ่ายงาน เด็กสาวเงยหน้ารับแสงแดดธรรมชาติ คลี่ยิ้มสดใสคู่กับสินค้า พร้อมถ่ายคลิปสั้น ๆ ก่อนจะเอาลงแอปพลิเคชันใส่ฟิลเตอร์น่ารักแล้วส่งให้ทางเจ้าของแบรนด์ตรวจสอบความพอใจ หลังจากนั้นเธอก็ทำการค่อย ๆ ไล่อัปโพสต์รีวิวสินค้าแรกลงในสื่อโซเชียลมีเดียทุกช่องทางของเธอ
ที่นี่บรรยากาศดี วิวดี ทีนี้ฉันก็จะแอบรีวิวงานลูกค้าได้อย่างจุใจ ว่าแต่ฉันก็น่าจะบอกคุณราเชนทร์ก่อนนะ เพราะยังไงนี่ฉันก็มาในฐานะพนักงานบริษัท จะรับงานนอกต่อหน้าเจ้านายก็จะดูใจกล้าเกินไป ถึงจะแอบทำไปบ้างแล้วก็เถอะ…แต่จะให้บอกเขายังไงดีล่ะ?
มนต์ลดาเดินเข้าไปหาคุณราเชนทร์ที่กำลังนั่งพักอยู่ที่ริมระเบียง โดยไม่ทันสังเกตว่าชายหนุ่มกำลังนอนพักสายตาอยู่ “คุณราเชนทร์คะ น้ำมนต์มีเรื่องอยากจะขออนุญาต”
ราเชนทร์ค่อย ๆ เปิดตาพลางหันไปยิ้มรับเสียงเจื้อยแจ้วของเด็กดื้อ
“หนูมานั่งข้าง ๆ ผมสิ”
“คุณพักสายตาอยู่เหรอ หนูขอโทษนะคะ”
เขาปรับเป็นท่านั่งพลางอ้าแขนรับให้หนูมนต์ลดาเดินมานั่งเปลญวนด้วยกัน
“มันจะดีเหรอคะ”
“อยู่กันสองคนไม่เป็นอะไรหรอกน่า หนูเลิกทำเหมือนผมเป็นท่านประธานสักแป๊บนึงได้ไหม?”
“แต่คุณเป็นท่านประธานนี่คะ น้ำมนต์มาในฐานะเลขาจำเป็น เผื่อคุณลืมไป”
คุณลุงท่านประธานยังคงทำหน้ามึนนั่งอ้าแขนรอเด็กสาวอยู่อย่างนั้น จนดวงหน้าสวยร้อนผ่าว เธอค่อย ๆ เดินไปนั่งด้านข้างอย่างเคอะเขิน ด้วยความที่เปลญวนต้องรับน้ำหนักถึงสองคนทำให้ทั้งเขาและเธอเบียดชิดแนบแน่นเข้าหากัน คนแก่กว่าถือโอกาสฉวยกอดเด็กสาวด้วยสีหน้าไม่ยี่หระ
“แล้วหนูมีเรื่องอะไรให้ผมช่วยครับ”
“เอ่อ…” ยิ่งเขาเป็นกันเอง ยิ่งเขาใจดี ก็ยิ่งทำให้น้ำมนต์ไม่กล้าพูดเรื่องที่บ่งบอกว่าเธอเป็นคนเห็นแก่ตัว อย่างการที่รับงานส่วนตัวเอามาทำในเวลางาน
“น้ำมนต์อยากพักห้องเล็กด้านนั้นค่ะ” สุดท้ายเด็กสาวก็ไม่กล้าบอกออกไป
“หนูพักห้องตรงนี้วิวจะสวยกว่านะ”
“แต่ห้องนั้นใหญ่เกินไป คุณพักห้องนั้นเถอะค่ะ”
ราเชนทร์ไม่พูดอะไร เพียงลุกขึ้นแล้วโอบเอวเธอ ช่วยหนูมนต์ลดายกสัมภาระไปยังห้องใหญ่ ท่านประธานหนุ่มชำเลืองมองของในกระเป๋าที่ลืมรูดซิปปิดของเธอแล้วอมยิ้มออกมาน้อยๆ ‘ผมคิดว่าผมรู้ความลับของหนูน้ำมนต์ซะแล้วล่ะ’
“นี่คุณ…”
“คุณเป็นผู้หญิง ข้าวของก็เยอะ พักห้องนี่ล่ะ สบายกว่า ส่วนผมพักห้องข้าง ๆ เรียกผมได้ตลอดนะครับ”
มนต์ลดาเดินสำรวจห้องอย่างใจเต้น ห้องนี้ตกแต่งคุมโทนด้วยสีขาวเป็นหลัก ตัดด้วยสีฟ้าน้ำทะเลเล็กน้อย มองเห็นวิวทะเลได้แค่เพียงเปิดผ้าม่านห้อง ห้องน้ำก็ยังมีทั้งส่วนฝักบัวและอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ เรียกได้ว่าที่นี่ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ
‘รู้อย่างนี้ฉันน่าจะรับสินค้ามารีวิวให้เยอะกว่านี้ดีกว่า’ เธอคิดพลางกระตุกยิ้มอย่างคนมีแผนก่อนที่เธอจะสงสัยกับบางสิ่งที่มันไม่น่าจะมีในห้องนี้!?
“แล้วนั่นประตูอะไรเหรอคะ”
“ประตูเชื่อมห้องน่ะ”
“อะ…อะไรนะคะ ประตูเชื่อม?”
“ใช่ครับ ฝั่งทางผมเปิดเข้าไปไม่ได้ แต่ถ้าหนูคิดถึง เปิดเข้ามาหาผมได้ตลอดคืนเลยนะครับ” ราเชนทร์ไม่พูดปากเปล่า เขาเดินเข้ามาประชิดตัวเธอพลางโน้มกระซิบเสียงไม่น่าไว้วางใจ จนคนฟังขนลุกเกรียว “ผมรออยู่ห้องด้านโน้นนะครับ”
“เดี๋ยวน้ำมนต์ขอจัดของก่อน คุณไปนั่งพักด้านนอกเลยค่ะ” มนต์ลดาหน้าแดงจัด ดันราเชนทร์ออกจากห้องในขณะที่ราเชนทร์หัวเราะเธออย่างเอ็นดู
“หนูเปลี่ยนชุดสวย ๆ นะครับ เดี๋ยวตอนหัวค่ำผมจะพาออกไปดินเนอร์ร้านน่ารักแถว ๆ นี้ ที่นั่นมีดนตรีสดด้วยนะ”
“ค่ะ คุณรอน้ำมนต์สักพักนะคะ”
“ไม่ต้องรีบหรอกครับ ผมจองโต๊ะไว้ช่วงสองทุ่ม ถ้าระหว่างนี้หนูหิวโทร.สั่งอาหารของรีสอร์ตก่อนก็ได้นะ”
“แล้วคุณล่ะคะ กินอะไรไหม เมื่อกี้น้ำมนต์เห็นคุณไม่ค่อยได้กินอะไรเลย”
“งั้นผมรบกวนสั่งเป็นสุกี้น้ำทะเลแล้วกันนะครับ”
“ได้เลยค่ะ งั้นเดี๋ยวสั่งอาหารมากินรองท้องด้วยกันก่อนนะคะเดี๋ยวน้ำมนต์ค่อยเข้าไปอาบน้ำ”
“หนูก็ตามสบายนะครับ ส่วนผมขอออกไปรับลมทะเลที่ระเบียงก่อน”
“ได้ค่ะ”
ความชื่นมื่นที่มนต์ลดาได้รับตลอดวันมันทำให้หัวใจของเธอพองโตราวกับทุกอย่างที่ปิดกั้นจากเขาค่อย ๆ พังทลายลงอย่างช้า ๆ ขณะที่ความรักเริ่มผลิบานในใจราวกับดอกไม้แรกแย้มที่ได้หยาดน้ำทิพย์หล่อเลี้ยงเติบโตด้วยความเอาใจใส่
เธอเลือกชุดเดรสคล้องคอถ่วงหน้าสีครีมผ้าชาตินเว้าโชว์แผ่นหลัง เพิ่มความเก๋ด้วยสร้อยแต่งมุกเส้นเล็กเป็นระย้ารับกับชุด แน่นอนว่าทั้งชุดและเครื่องประดับในคืนนี้ เป็นชุดที่มนต์ลดารับมาจากแบรนด์ Raferter ซึ่งเป็นแบรนด์ของคุณณภัทรเพื่อใช้สำหรับการรีวิว
หากพูดถึงคุณณภัทรแล้วละก็...หลังจากวันที่เขาได้ไลน์ฉันไป เขาก็ส่งข้อความมาทักทายฉันยิ่งกว่าข้อความอัตโนมัติ เช้า สาย บ่าย เย็น หรือแม้กระทั่งก่อนนอน คุณณภัทรก็ยังไลน์หาฉันแทบตลอด อันที่จริงฉันพอดูออกว่าการที่เขาเข้ามาทักฉันนั้นก็เพื่อตั้งใจจีบ แต่ฉันได้พยายามบอกเป็นนัยแล้วว่าฉันคิดกับเขาแค่เพียงคนที่ร่วมงานกันเท่านั้น จริงอยู่ที่เขาดีกับฉัน คอยป้อนงานให้ฉันเรื่อย ๆ กระทั่งช่วงนี้มีหลายแบรนด์เข้ามาให้ฉันรีวิว ถ่ายแบบ รวมถึงเป็นพรีเซนเตอร์ แต่อย่างว่า!!!
ความรักกับงานมันคนละเรื่องกัน เรื่องนี้ทำให้ฉันหนักใจจริงๆ
มนต์ลดาเดินออกจากห้องนอนเพื่อนั่งรอราเชนทร์ที่ห้องรับแขก โดยไม่ลืมหยิบกระเป๋าคลัตช์และรองเท้าส้นสูงสีแดงเบอร์กันดีออกมาด้วย เด็กสาวหันซ้ายแลขวาก็ยังไม่เห็นคุณราเชนทร์ออกมาจากห้อง เธอจึงเปิดกล้องถ่ายภาพรองเท้า และกระเป๋าคลัตช์แบรนด์ Reradian โดยพยายามยืดเรียวขาออกไปเพื่อให้ภาพออกมาสวยที่สุด “ให้ผมช่วย…ไหมครับ”
จู่ ๆ คุณราเชนทร์มาหยุดยืนด้านหลังมนต์ลดาตั้งแต่เมื่อไหร่เธอก็ไม่อาจล่วงรู้ได้ เด็กสาวยิ้มเจื่อน ใช้มือทัดปอยผมไว้ที่หลังกกหูอย่างคนที่ทำตัวไม่ถูก
“มาสิครับ จะถ่ายตรงไหนบ้าง”
“เอ่อ...เราไปกันเลยก็ได้ค่ะ น้ำมนต์แค่ถ่ายรูปเล่นเฉย ๆ”
“อย่าดื้อสิ…หรือว่าฝีมือถ่ายภาพผมมันห่วยมาก?” เขาเลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม
“ไม่แย่นะคะ รูปรีวิวครั้งก่อน ๆ ที่คุณราเชนทร์เป็นคนถ่ายให้สวยจนลูกค้าเอ่ยชมไม่หยุดเลยค่ะ” เด็กสาวรีบโบกมือเป็นการปฏิเสธพลางส่ายหน้าไปมาราวกับกระต่ายขี้ตกใจ จริง ๆ แล้วน้ำมนต์ชอบภาพที่เขาถ่ายให้มากที่สุดต่างหากล่ะ
‘แต่เอ๊ะ เมื่อกี้ฉันหลุดปากบอกไปแล้วใช่ไหมเนี่ย?’
ราเชนทร์กระตุกยิ้มร้ายก่อนจะนั่งลงด้านข้าง เบียดเธอจนแทบจะลืมหายใจ “หนูมีอะไรอยากบอกผมไหม?”
“เอ่อ…”
ราเชนทร์ยิ่งโน้มหน้าเข้ามาใกล้จนแก้มเนียนเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อ ใบหน้ามนต์ลดาร้อนผ่าวเมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของเขาที่ปะทะซอกคอพร้อมกับใจที่สั่นไหว
“คือ...น้ำมนต์แอบเอางานลูกค้ามารีวิวด้วยค่ะ” เด็กสาวหลับตาปี๋พูดโพล่งออกไป แม้เธอจะรู้สึกใจเสียที่ถูกเจ้านายสุดหล่ออย่างเขาจับได้แต่นั่นกลับทำให้มนต์ลดาโล่งใจราวกับยกภูเขาออกจากอก อย่างไรก็ต้องอยู่กับเขาสองต่อสองอีกหลายวัน คุณราเชนทร์จ้องหน้าดธอนิ่งขรึมโดยที่ไม่พูดตอบ ยิ่งทำให้มนต์ลดารู้สึกกังวลใจ “น้ำมนต์ขอโทษค่ะ ถ้าอย่างงั้นน้ำมนต์ไม่ถ่ายแล้วค่ะ”
“ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรหนูนี่ครับ”
“แต่คุณจ้องหน้าน้ำมนต์นิ่งเหมือน...โกรธ”
“ผมจะไปโกรธหนูลงได้ยังไง แค่คิดว่าทำไมหนูน้ำมนต์ทำงานเยอะเกินไป”
“น้ำมนต์ก็เคยบอกคุณไปแล้วไง ที่ทำอยู่ทุกวันนี้...เพราะหนี้น้ำมนต์เยอะค่ะ” เธอพูดเสียงเหนื่อย พลางยิ้มเจื่อนอย่างคนที่พยายามเข้มแข็ง
“หนูพูดจริงหรือครับ” ราเชนทร์ขมวดคิ้วพร้อมกุมมือเด็กสาวแน่น หากเขาเลือกได้ก็อยากเป็นคนที่เข้าไปช่วยดูแลเธอไม่ให้เด็กสาวต้องเหนื่อยเช่นนี้อีกต่อไป
“เรื่องหนี้...ล้อเล่นกันได้ด้วยหรือคะ ถ้าไม่มีหนี้เยอะ น้ำมนต์ก็คงพักผ่อนได้อย่างสบายได้แล้วล่ะค่ะ”
“ทำไมหนูทำหน้าแบบนั้นล่ะ ผมเห็นแล้วรู้สึกเป็นห่วงหนูจริง ๆ”
“น้ำมนต์ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เรื่องแค่นี้สบาย”
ราเชนทร์จ้องหน้าพลางขมวดคิ้วอย่างไม่อยากเชื่อใจ หลายครั้งที่เขาเห็นเธอพยายามฝืนยิ้ม แม้จะรู้สึกเหนื่อยหนูมนต์ลดาก็ไม่เคยพลั้งปากบ่นออกมา ราเชนทร์ไม่เข้าใจว่าเด็กสาวอายุเพียงเท่านี้ทำไมต้องแบกรับความรู้สึกที่แสนหนักไปขนาดนั้น
“ทำไมคุณจ้องหน้าหนูแบบนี้ล่ะ น้ำมนต์ไหวจริง ๆ แค่คุณราเชนทร์ไม่ว่าที่น้ำมนต์แอบเอางานนอกมาทำด้วย เท่านี้น้ำมนต์ก็ดีใจแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวผมช่วยถ่ายภาพให้หนูนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ น้ำมนต์รบกวนด้วยนะคะ”
ราเชนทร์รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาปิดโหมดถ่ายภาพมนต์ลดาราวกับเป็นคนละคน สีหน้าการโพสและท่วงท่าเป็นมืออาชีพ เธอสามารถถ่ายทอดอารมณ์และนำเสนอสินค้าอย่างรองเท้าและกระเป๋าคลัตช์ได้อย่างน่าสนใจ ราเชนทร์มองเด็กสาวผ่านจอด้วยความเคลิบเคลิ้ม รอยยิ้มแสนอ่อนโยนช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัวเมื่ออยู่บนใบหน้าของเธอ
“หนูลองเช็กภาพดูนะครับ ต้องถ่ายแก้ไหม?”
มนต์ลดารับมาเปิดเช็กภาพด้วยความตื่นเต้น คุณราเชนทร์ถ่ายภาพให้เธอออกมาอย่างสวยไม่มีที่ติ “ถ้าคุณราเชนทร์บอกว่าเป็นช่างถ่ายภาพน้ำมนต์ก็เชื่อนะคะ ถ่ายอย่างกับมืออาชีพเลย”
“หนูเคยได้ยินไหมว่า...ภาพบางภาพถ่ายทอดออกมาจากความรู้สึกของผู้ที่กดชัตเตอร์”
“ยังไงคะ?”
“มุมมองของผม หนูดูดีที่สุด ทั้งดวงตาและรอยยิ้มของหนู ลงตัวมีเสน่ห์มาก”
“จริงหรือคะ” มนต์ลดาฟังคำชมอย่างไม่ประหยัดคำพูดของชายหนุ่มด้วยใบหน้าร้อนผ่าว เด็กสาวทัดปอยผมไว้ที่หลังกกหูแก้เขิน
“ใช่ครับ มีเสน่ห์มากพอที่จะมัดใจใครหลายคน แค่เพียงได้เห็นภาพถ่ายหนู”
“แล้วมีเสน่ห์มากพอจะมัดใจคุณไหมคะ?” เธอแอบอมยิ้ม บ่นพึมพำ
“ถ้าหนูยังยั่วผมแบบนี้ วันนี้จะไม่ปล่อยไปดินเนอร์แล้วนะ”
ราเชนทร์ดึงหนูมนต์ลดาลงมานั่งตักพร้อมฉวยตัวเธอมาโอบเอวหลวม ๆ ยิ่งเข้าใกล้เธอเช่นนี้เขาแทบจะอดใจไม่ไหว อยากได้คำตอบจากเด็กสาวเสียตอนนี้
“ยั่วอะไรกันคะ เอ๊ะ...คุณบอกว่าจองโต๊ะไว้สองทุ่มนี่คะ ไปกันเถอะค่ะ”มนต์ลดาสู้สายตาคุณลุงท่านประธาน ใช้แขนคล้องคอแกร่งแล้วคลี่ยิ้มอย่างท้าทาย
“ตอนแรกผมคิดว่าหนูเป็นกระต่ายน้อย แต่พอรู้จักจริง ๆ หนูน้ำมนต์น่ะเหมือนแมวมากกว่า”
“แมวเหรอคะ?” มนต์ลดาเอ่ยเสียงสูง ขมวดคิ้วอย่างต้องการคำตอบ
“ใช่ครับ หนูเหมือนแมว แต่แมวบางตัวก็น่ารักเอาใจง่าย แต่แมวบางตัวก็...”
“คุณจะบอกว่าน้ำมนต์ไม่น่ารักเหรอคะ?” เด็กสาวสะบัดหน้าหนีทำหน้าแสนงอน พลางดันอกแกร่งเขาออกแล้วพยุงตัวเองกับพนักพิงโซฟาให้ลุกขึ้น ราเชนทร์ไม่ยอมให้เด็กสาวหนีจากอ้อมกอดตัวเอง เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น กระทั่งมนต์ลดาเสียงหลักล้มลงบนตักเขาเช่นเดิม
“หนูยังฟังไม่จบเลยนะ”
มนต์ลดาสบตาเขา เธอพองลมแก้มป่อง ทำหน้าแสนงอน
“แมวบางตัวเหมือนจะเป็นมิตร ยอมให้คนอื่นเข้าใกล้ได้ง่าย ๆ แต่พอเข้าใกล้จริง ๆ แมวตัวนั้นกลับวิ่งหนีไปไกล…เหมือนหนูเลย”
“คุณหมายถึงยังไงคะ?”
“รอยยิ้มที่มีให้กับคนรอบตัวเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของหนู แต่จริง ๆ หนูน้ำมนต์ มักปิดกั้นความรู้สึกจากคนรอบตัว แบกรับปัญหาทุกอย่างเอาไว้คนเดียว เหมือนแมวไงครับ ดูเผิน ๆ เข้าใกล้ง่าย แต่พอเอาเข้าจริง พอมีคนเข้าใกล้ตีสนิทด้วยหนูก็วิ่งหนี ผลักทุกคนให้ไกลออกไป”
“ดูคุณรู้จักน้ำมนต์ดีจังนะคะ”
“รู้จักขนาดนี้ เลื่อนขั้นให้เป็นคนรู้ใจได้หรือยังครับ?”
“ไหนคุณบอกว่าจะถามตอนดินเนอร์ไงคะ”
“แอบเฉลยให้สักหน่อยไม่ได้เหรอครับ”
เธออมยิ้มอย่างมีเลศนัย พลางฉุดให้คุณลุงท่านประธานลุกออกจากที่พัก
“เดี๋ยวค่อยไปก็ได้นี่ครับ แหม ผมอุตส่าห์บิวด์มาตั้งเยอะ”
“คุณลุงนี่นะ น่ารักจริงๆ”
“หนูเรียกผมว่าคุณลุงอีกแล้วนะ ถ้ายอมใจอ่อนจะให้เรียกคุณลุงทั้งชีวิตเลย”
“วันนี้ผีขนมครกเข้าสิงเหรอคะ หยอดเก่งจริง ๆ เลย"
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?