ตอนที่ 28ไออุ่นในกายเธอ

มนต์ลดานอนซบอกแกร่งพลางช้อนตามองหน้าชายคนรักด้วยความแคลงใจ “หนูขอถามอีกครั้งสิคะ คุณไม่ได้เห็นหนูเป็นแค่นางบำเรอขัดดอกเท่านั้นใช่ไหมคะ”

ราเชนทร์เกลี่ยผมที่ยุ่งเหยิงปรกหน้าก่อนจะจูบ เปลือกตาเพื่อแสดงถึงความหลงใหล เขากอดร่างเปลือยเปล่าของเธอไว้แนบอกแน่น “ที่ผมทำทั้งหมดก็เพราะผมหวงหนูมากจนขาดสติ ไม่อยากให้ใครมาแตะต้องหนูได้ต่างหาก” ถึงเขาไม่อยากยอมรับแต่สิ่งที่เขาทำมันก็สมควรให้เธอระแวง การพูดออกมาอย่างจริงใจจึงเป็นหนทางที่อาจรักษาความสัมพันธ์ของเราเอาไว้ได้

“ก็แล้วทำไมไม่คุยกับหนูดี ๆ คุณลุงรู้ไหมว่าคำพูดแบบนั้นมันทำร้ายจิตใจกันขนาดไหน” มนต์ลดาตัดพ้อเสียงอ่อน หัวคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน พลางทุบอกแกร่งอย่างน้อยใจ

“เมียจ๋า...ผัวผิดไปแล้ว เมียจ๋ายกโทษผัวให้ด้วยนะ” ราเชนทร์ไล่ต้อนจูบอย่างนิ่มนวลก่อนจะค่อย ๆ ร้อนแรงขึ้นในเวลาต่อมา กระทั่งขึ้นคร่อมเหนือเรือนกายเพื่อสบตาหญิงคนรักให้ชัดเต็มตา ความปรารถนาในส่วนลึกของร่างกายถูกปลุกเร้าขึ้นอย่างรุนแรงจนยากที่จะหยุดยั้ง

เด็กสาวยกยิ้มกริ่มอย่างคนขี้เล่น แววตาทอแสงประกายแห่งความสุข “ยังคะ น้ำมนต์จะยังไม่ยกโทษให้”

ราเชนทร์เอ่ยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ปลายจมูกคลอเคลียแก้มนวลอย่างอ้อยอิ่ง ลมหายใจร้อนกระทบซอกคอขาวราวกับจะแผดเผาเธอให้มอดไหม้ด้วยไฟราคะ “แล้วจะทำยังไงหนูถึงหายโกรธ”

“ก็...จนกว่าคุณลุงรักจะหนูอีกครั้ง” เธอยกยิ้มมุมปาก พลางโอบรอบคอแกร่งเอาไว้แน่น ขณะที่ราเชนทร์ประพรมจูบ ลิ้นฉ่ำน้ำไล้เลียเบา ๆ ที่หลังใบหู มือข้างหนึ่งนวดคลึงทรวงอกอิ่ม ส่วนอีกข้างลูบไล้ผิวนวลเนียนจนคนถูกกระทำขนลุกชัน ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวก้มหน้าลงคว้าตัวหนูมนต์ลดาไว้ แล้วจุมพิตลงบนกลีบปากสีระเรื่อของเธออย่างเร่าร้อน ลิ้นอุ่นแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่มอย่างที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว เขาประสานนิ้วทั้งสิบกับเธออย่างละมุนละไม ทว่ามีความร้อนแรงอยู่ในที

มนต์ลดาหลับตาพริ้มครางเสียงกระเส่ารับพร้อมรับความรักที่เปี่ยมด้วยแรงปรารถนาอีกระลอกหนึ่ง ในใจบังเกิดความรู้สึกหวานชื่นระคนเสียวซ่านอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก กระแสอบอุ่นไหลอาบจนท่วมหัวใจ ความรัญจวนใจพลุ่งพล่านราวกับลาวาที่กำลังปะทุออกมา ราเชนทร์กระตุกยิ้มอย่างพอใจเมื่อสัมผัสได้ว่าทรวงอกอิ่มที่กระเพื่อมขึ้นลงถี่รัวกำลังบดเบียดแผงอกแข็งแกร่งของตน เด็กสาวหลับตาพริ้มรับความปรารถนาอันแรงกล้าที่กระทุ้งเสยครั้งแล้วครั้งเล่า

ชายหนุ่มพาเธอจมดิ่งลงไปในกระแสธารแห่งรัก ก่อนจะพาพุ่งทะยานไปยังมวลหมอกอันแสนอบอุ่น มือทั้งสองกระหวัดรัดเกี่ยว ปัดป่านโลมไล้ไปตามเรือนร่างของเธออย่างนุ่มนวล ในขณะที่เด็กสาวครางเสียงกระเส่าไม่ขนาดห้วง ใบหน้าเหยเกตามแรงอารมณ์ เรือนกายสั่นระริกปล่อยใจให้ล่องลอยไปกับห้วงปรารถนาที่เขาปลุกเร้าขึ้น สติของเธอเริ่มหลุดลอยออกไปอย่างช้าๆ เสียงครวญครางผสานลมหายใจหอบถี่ ราวกับบททำนองรักที่ทั้งสองเป็นผู้บรรเลงดังประสานทั่วมุมห้อง

มนต์ลดาเม้มปากแน่นยามที่สะโพกสอบรัวถี่กระชั้นเข้ามาในเรือนกายหนักหน่วง แนบแน่น ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาที่เอ่อล้น ทว่าเธอยังสามารถรับรู้ได้ถึงมวลความอบอุ่นที่เขาตั้งใจมอบให้ ราเชนทร์ชอบที่จะแช่กายอยู่ในนั้นเพื่อซึมซับเก็บเกี่ยวความลึกซึ้งระหว่างเรา แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรก แต่เขาก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิดหนูมนต์ลดามากถึงเพียงนี้

ดวงตาสีนิลอ่อนโยนหลุบมองใบหน้าแดงระเรื่อจากความสุขสมในอ้อมกอด ดวงหน้างามมีรอยแดงซ่านด้วยความเขินอายระคนเหนื่อยอ่อน ริมฝีปากของเขาเคลื่อนผ่านมาที่ผิวแก้มของเธอพร้อมกดรอบประทับอย่างแผ่วเบาอย่างปลอบประโลม

บทรักเร่าร้อนของทั้งสองจบลงด้วยความเหนื่อยอ่อนของมนต์ลดา เธออิงซบแผ่นอกแกร่งช้อนตามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

“หนูมีอะไรอยากถามผมไหม”

มนต์ลดาเม้มปากแน่นส่ายหน้าเบาๆ ในขณะที่ราเชนทร์กดจมูกลงบนศีรษะมนด้วยความรักระคนหวงแหน ทั้งสองกอดก่ายพร้อมกับเข้าสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน

แสงอรุณรุ่งสีเรืองรองที่ส่องเข้ามาจากหน้าต่างเป็นสัญญาณให้มนต์ลดารู้ว่าเช้านี้เธอตื่นสายกว่าทุกวัน เด็กสาวรู้สึกถึงแรงกดทับบริเวณหน้าท้องแน่นอนว่าไม่ใช่ผีอำที่ไหน เป็นแขนและท่อนขาของคุณลุงท่านประธานนั่นเอง เธอเหลือบตามองไปยังนาฬิกาที่หัวเตียงก่อนจะหันมาสบตาเขาอย่างแปลกใจ

“ตื่นแล้วทำไมไม่ปลุกน้ำมนต์ละคะ” มนต์ลดาเอ่ยเสียงัวเงีย เธอสังเกตเห็นรอยยิ้มที่ฉาบบนใบหน้าของแฟนหนุ่มก็รู้ได้ทันทีว่าเขาตื่นก่อนเธอนานแล้ว หนำซ้ำยังกอดเธอแทนหมอนข้างไม่ยอมปล่อย

“หนูนอนไปก่อนก็ได้”

“เดี๋ยวไปสายนะคะบ้านคุณอยู่ไกลจากบริษัท”

ราเชนทร์กระชับอ้อมกอดพร้อมกดจูบที่พ่วงแก้มใสอย่างไม่ยี่หระ

“วันนี้เข้าประชุมที่โรงแรม หนูน้ำมนต์ไปกับผมนะครับ”

“มันจะดีหรือคะ คุณไปประชุมแล้วให้หนูไปจะเกะกะเปล่า ๆ” เด็กสาวขมวดคิ้วบาง เม้มปากแน่นอย่างคนใช้ความคิด

“หนูก็ไปในฐานะผู้ช่วยเลขาไง” คุณลุงท่านประธานใช้ปลายจมูกคลอเคลียออดอ้อนเด็กสาวราวกับเขาเป็นแมวตัวน้อย แท้ที่จริงเขานั่นล่ะคือเสือดี ๆ นี่เอง

“น้ำมนต์มีทางเลือกอื่นด้วยหรือคะ คุณมันผู้ใหญ่จอมเผด็จการ” มนต์ลดาตัดพ้อ พลางถอดถอนหายใจยาว

ที่ผ่านมาราเชนทร์มักใช่อุบายล่อหลอกให้หนูมนต์ลดาทำตามที่ตนต้องการเสมอ หากขอตรง ๆ ไม่ได้ เขาก็มักอ้างเรื่องงานเพราะประธานหนุ่มรู้แก่ใจดีว่า เด็กสาวไม่อาจปฏิเสธได้ ครั้งนี้ก็เช่นกัน “ผมก็นิสัยเสียกับหนูแค่คนเดียวนั่นล่ะ ยิ้มให้ผมแบบนี้หายโกรธผมแล้วใช่ไหม?”

“ไม่ค่ะ สิ่งที่คุณต่อว่าน้ำมนต์มันเกินให้อภัย” แม้คำพูดจะยังเจือความขุ่นเคือง ทว่าใบหน้าสวยของมนต์ลดากลับเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม หัวใจอุ่นวาบเมื่อเขากระชับอ้อมกอด

“แล้วที่นอนกับผมเมื่อคืนยังไม่เรียกให้อภัยต้องเรียกว่าอะไรกันล่ะ”

มนต์ลดาใบหน้าร้อนผ่าวจนต้องยกมือขึ้นมาลูบแก้มเบา ๆ “ไม่รู้สิคะ เพราะน้ำมนต์เมามั้ง” เธอเอ่ยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง พลางเบือนหน้าหนีแต่ก็ถูกเขารั้งไว้ให้หันกลับไปสบตา

“แต่หนูเป็นคนเริ่มก่อนนะ” ประธานหนุ่มกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า พร้อมกับโน้มหน้าจุมพิตแผ่วเบาก่อนจะค่อย ๆ ร้อนแรงขึ้นตามลำดับ

เด็กสาวผลักอกแกร่งออกอย่างเคอะเขิน แสร้งพูดเสียงแข็งอย่างไม่สะทกสะท้านทั้งที่ในใจวูบไหวจนแทบคลั่ง “นี่คุณพอแล้ว...ก็ได้ค่ะ ไม่เถียง หนูเริ่มก่อน แล้วยังไงคะ”

“ก็ไม่ยังไง เริ่มบ่อย ๆ นะ ผม-ชอบ-มาก” ราเชนทร์กระตุกยิ้มกว้างพร้อมกับฉวยจุมพิตอีกครั้ง “งั้นหนูจะให้ผมทำยังไงถึงหายโกรธ”

“ต่อจากนี้คุณสงสัยอะไรในตัวน้ำมนต์ต้องถามกันก่อนไม่ใช่ไปฟังคนอื่น แล้วทึกทักมาใส่อารมณ์กับน้ำมนต์”

“ครับ” ราเชนทร์ตอบรับพร้อมกับกดจูบที่พ่วงแก้มใส มือซุกซนก็ลูบตรงนั้นที จับตรงนี้ทีราวกับหนวดปลาหมึก ขณะที่เด็กสาวพยายามชี้แจงด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“น้ำมนต์ไม่ใช่นักโทษ เพราะฉะนั้นคุณต้องให้พื้นที่ส่วนตัวบ้าง” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเข้ม พลางปัดป้องมือปลาหมึกของเขาออก

“ครับ” ราเชนทร์ตอบรับเสียงอ่อน ปลายจมูกคลอเคลียซอกคอพร้อมกดจูบที่หัวไหล่มนอย่างหลงใหล

“น้ำมนต์อยากย้ายกลับไปอยู่หอ”

ครั้งนี้ราเชนทร์ไม่ตอบคำถาม เขาฉวยประกบปากจูบ ลิ้นหยาบฉกชิมความหวานจากโพรงชื้น กลีบปากนุ่มถูกเขาดูดดุนจนคนถูกกระทำเคลิบเคลิ้ม ก่อนที่มนต์ลดาจะเรียกสติของตัวเองกลับคืนแล้วผละเขาออก

“คุณราเชนทร์ ฟังน้ำมนต์อยู่ไหมคะ”

เขาฉวยจูบแผ่วเบาอีกครั้งแล้วจิ๊ปากอย่างเสียดายเมื่อถูกเธอผลักออก “ฟังอยู่ครับ”

มนต์ลดาถอนหายใจยาว ใบหน้าเริ่มบึ้งตึง เธอไม่อยากทำตัวงี่เง่าใส่เขาแต่การที่เธอคุยเปิดใจอยู่แต่เขากลับมองเป็นเรื่องล้อเล่นยิ่งทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย “น้ำมนต์จริงจังนะคะ ให้น้ำมนต์กลับไปอยู่กับเพื่อนนะ” เด็กสาวเอ่ยเสียงแข็ง คิ้วสวยขมวดเข้าหากันจนเป็นปม

“เรื่องนี้ผมขอคัดค้าน”

“ถ้าคุณไม่ได้ให้น้ำมนต์มาอยู่ในฐานะนางบำเรอ ไม่ใช่ในฐานะคนใช้ แล้วจะให้น้ำมนต์อยู่ต่อทำไมล่ะคะ”

“ก็อยู่ในฐานะคนรักของผมยังไงล่ะ” เขาตอบเสียงเรียบพลางดึงหญิงคนรักเข้ามาไว้ในอ้อมกอด

“คุณต้องให้พื้นที่ส่วนตัวกับน้ำมนต์บ้าง นี่เหมือนกักขังกันก็ไม่มีผิด” มนต์ลดาพูดตัดพ้อ พลางกวาดสายตาไปยังรอบห้อง จริงอยู่ที่ห้องนี้ทั้งใหญ่และสวยกว่าที่เธอฝันไว้ แต่การที่ต้องอยู่ที่นี่ไปไหนมาไหนก็มีเขาคอยประกบตลอดเวลา มันทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ

“ทำไมหนูคิดว่าการที่ผมให้มาอยู่ด้วยที่บ้านเป็นการกักขังล่ะครับ”

“ตอนเช้าก็ต้องไปทำงานพร้อมคุณ กลับก็ต้องกลับด้วยกัน ทำงานยังต้องอยู่ในระยะสายตาอีก นี่มันไม่ต่างจากนักโทษเลยนะ” เธอตอบเสียงสั่น

ประธานหนุ่มถอนหายใจยาวพลางกระชับอ้อมกอด แล้วกดจูบที่หน้าผากมนอย่างทะนุถนอม “ผมไม่ปฏิเสธ ก็อยากเห็นหนูอยู่ในระยะสายตาตลอดเวลานี่น่า อยู่กับผมที่นี่นะ ผมสัญญาจะไม่หึงจนหน้ามืดต่อว่าหนูแรง ๆ อีก”

“หนูจะเชื่อคุณได้ยังไง” เมื่อความรักมันบังตาทำให้คนใจแข็งอย่างมนต์ลดาใจหวั่นไหวอ่อนยวบเพียงเขาส่งสายตาอบอุ่นบวกกับความจริงใจที่เขามีให้เธอ ท้ายที่สุดเธอคงหนีไม่พ้นกรงสีชมพูนี้เป็นแน่

“ผมก็ไม่รู้ เรื่องอะไรผมให้หนูได้หมดขอแค่หนูอยู่กับผมที่นี่”

“คุณนี่มันผู้ใหญ่เอาแต่ใจจริง ๆ” เธอสบตาเขาแล้วสะบัดหน้าอย่างยอมแพ้

“ที่ผมนิสัยเสียเพราะหนูนั่นล่ะ” เขาไม่พูดเปล่าเขาหอมตรงนั้นที จูบตรงนี้ที จนถูกเด็กสาวตีที่แขนแกร่งเข้าอย่างจัง

“แล้ว...คุณยังคิดว่าน้ำมนต์เป็นพวกที่เอาตัวเข้าแลกอยู่ไหม?”

ราเชนทร์ดุนลิ้นข้างกระพุ้งแก้ม กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะก้มลงจูบเนินอกอิ่มอย่างเนิบนาบ แล้วสบตาเด็กสาวอย่างกรุ้มกริ่ม “แล้วหนูเป็นแบบนั้นไหมล่ะ”

“นี่คุณ...”

“จริง ๆ ต้องโทษปากเสีย ๆ ของผมเองนี่แหละ ที่ผ่านผมอาจเจอผู้หญิงประเภทนั้นมาเยอะ เข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์บางอย่าง พอผมไม่มีเวลา หรือจับได้ว่าคบซ้อน พวกเธอก็ไปอยู่กับผู้ชายที่ให้…ได้มากกว่า”

“ออ คุณลุงมีปมนี่เอง” น้ำมนต์ระบายยิ้มบาง สายตาหวานฉ่ำเรียวนิ้วยาวลากไล้แผ่นอกก้าวอย่างยั่วเย้า ราเชนทร์รวบมือเล็ก ๆ ของเธอที่แสนซุกซนหมายมาดปลุกอารมณ์เขาไปยังเลื่อนแอ่งสะดือของตน ส่วนมืออีกข้างหนึ่งบีบปลายคางเธอให้เชิดหน้าขึ้นมามอง

“งั้น...แบบนี้หนูพอจะช่วยคลายปมให้ผมได้ไหม” เขาพูดพลางสบเข้าไปในนัยน์ตาสีนิลที่ส่องประกายราวกับแสงอรุณรุ่ง

“ได้...ดีไหมน้า” มนต์ลดายกยิ้มเจ้าเล่ห์ ปลายจมูกคลอเคลียอกแกร่ง ลากไล้ไปยังซอกคอเส้นเลือกปูดโปน ขบเม้มติ่งหูเขาเบา ๆ ก่อนจะกระซิบเสียงกระเส่า

“ก่อนอื่นเช้านี้คุณต้องรีบกลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนค่ะ เรื่องของเราคืนนี้ค่อยว่ากันอีกที” เด็กสาวพูดพร้อมกับหรี่ตาลงอย่างหยอกเย้า ดวงหน้าสวยระบายยิ้มเต็มดวงหน้า มนต์ลดาหัวเราะคิกคัก พลิกตัวออกจากที่นอนพร้อม สวมชุดคลุมอาบน้ำ เพื่อเตรียมตัวในฐานะผู้ช่วยเลขาที่คุณลุงท่านประธานใช้ความเอาแต่ใจแต่งตั้งขึ้นมาเพิ่มงานให้กับเธอ

“ยังเช้าอยู่เลย” ราเชนทร์บ่นโอดโอย ในขณะที่มนต์ลดาพยายามใจแข็งเดินเข้าห้องน้ำพร้อมลงกลอน ในเวลาเดียวกันนั้นได้ยินเสียงบ่นตามหลังยิ่งทำให้เธออดหัวเราะในมุมที่คุณราเชนทร์ทำตัวเป็นเด็ก ๆ ไม่ได้

ราเชนทร์เข้าประชุมที่โรงแรมเดอฮิลแมนตัล ซึ่งเป็นธุรกิจที่ตกทอดของตระกูลเกริกก้องรัชตะ โรงแรมแห่งนี้เข้าสู่ปีที่ 36 โดยปกติรินทร์วดีเป็นผู้ดูแลในส่วนธุรกิจโรงแรมมากกว่าพี่ชายก็จริง แต่ด้วยความที่หล่อนยังไม่อยากรับผิดชอบทุกอย่างเต็มตัว หล่อนยังอยากใช้ชีวิตในด้านอื่น ๆ มากกว่าผู้เป็นพี่ชายที่ตามใจน้องสาวอย่างราเชนทร์จึงโอบอุ้มกิจการและยังคงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริหารจวบจนตอนนี้

การประชุมในวันนี้เต็มไปด้วยผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นผู้อาวุฒิโสทุกคนต่างมองมนต์ลดาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามเนื่องจากทุกคนไม่เคยพบกับเธอ อีกทั้งความอ่อนเยาว์และดวงหน้าอ่อนหวานของเธอดึงดูดใจสายตาคนมองไม่น้อบ ความหึงหวงของท่านประธานจึงทำให้หนูมนต์ลดาต้องออกไปรอที่ห้องทำงานแทนที่จะรอราเชนทร์ในห้องประชุม ราวสองชั่วโมงกว่าการประชุมก็สิ้นสุดลง

ราเชนทร์รีบกลับไปหาหญิงคนรักที่ห้องทำงานอย่างคิดถึง ทั้งที่อยู่ด้วยกันมาตลอดทั้งคืนแต่ความคิดถึงกลับไม่มีทีท่าจะลดน้อยลงไปเลย ทว่าเมื่อราเชนทร์สิ่งที่เขาพบ กลับเป็นใบหน้าที่อมทุกข์ของหญิงคนรัก ทำให้เขารู้สึกเป็นห่วงยิ่งกว่าเดิม

“หนูเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมนั่งหน้าเครียดขนาดนั้น” ราเชนทร์เดินตรงเข้ามาปลอบโยนเธอจากด้านหลัง

“ประชุมเรียบร้อยแล้วหรือคะ” เธอฝืนยิ้มพร้อมเอ่ยถามน้ำเสียงอ่อนล้า

“ครับ แล้วนี่หนูเป็นอะไร” 

“คือ...วันนี้น้ำมนต์ขอลางานได้หรือเปล่าคะ” 

“หนูจะลาไปไหน…” เขาพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างเด็กสาว พร้อมดึงเธอเข้ามากอดไว้อย่างหลวมๆ

“น้ำฟ้าโทรมาบอกว่า คุณแม่เข้าโรงพยาบาลค่ะ” มนต์ลดาเล่าสั้น ๆ ด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล

“ไปงั้นเรารีบไปกันดีกว่า” เขาพูดจบแล้วเดินไปที่โต๊ะทำงานเพื่อหยิบเอกสารบางฉบับพร้อมกับกุญแจรถแล้วหันขวับปรี่ตรงไปทางประตูพร้อมจูงมือหญิงคนรักไปด้วยความร้อนใจ

มนต์ลดาขมวดคิ้วแน่น “แล้วคุณจะไปไหนคะ” 

“ก็ไปกับหนูยังไงล่ะ” ราเชนทร์ตอบเสียงอบอุ่น มือหนาลูบเรือนผมราวกับปลอบประโลมเธอ

“เดี๋ยวน้ำมนต์นั่งแท็กซี่ไปก็ได้” 

“มีผมแล้ว…ก็หัดพึ่งพาผมบ้างเถอะนะ” 

มนต์ลดาไม่เอ่ยตอบเขาเพียงแต่พยักหน้ารับ หลังจากนั้นทั้งสองก็รีบเดินทางไปยังโรงพยาบาลที่คุณแม่ของเธอพักรักษาตัวอยู่

“คุณแม่หนูอยู่โรงพยาบาลไหนล่ะ ยังไงบอกทางแล้วกันนะ” 

“ขอบคุณมากนะคะ” 

ไม่นานนักทั้งสองคนก็มาถึงยังโรงพยาบาลที่อยู่ไม่ห่างจากบ้านของมนต์ลดา ทว่าโรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลเอกชนที่ค่ารักษาแพงหูฉี่ เด็กสาวรีบเดินมุ่งหน้าตรงไปยังลิฟต์โดยสารกดชั้น 8 เพื่อขึ้นไปหาคุณแม่ที่ห้อง 807 เมื่อครู่น้องสาวของเธอโทรศัพท์มาหาด้วยน้ำเสียงร้อนใจโดยเล่าว่า คุณแม่ลื่นล้มระหว่างเก็บของในร้าน ชั้นเหล็กสำหรับวางของหล่นทับลงมาทำให้คุณแม่ไม่ได้สติ หลังจากนั้นคุณพ่อจึงรีบให้คนแถวนั้นช่วยพามาส่งยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

“ผมรอข้างนอกนะ” ราเชนทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวล

แม้เขาจะเป็นห่วงเธอแต่ประธานหนุ่มพอจะรู้ว่าหนูมนต์ลดามีปัญหาภายในครอบครัว เขาไม่อยากเข้าไปให้เธอลำบากใจมากกว่าเดิม แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจเสียทีเดียว ราเชนทร์ตั้งใจอยู่รอหน้าห้องเป็นกองหนุนที่ดีคอยช่วยเหลืออยู่ตรงนี้น่าจะเหมาะที่สุดในเวลานี้

มนต์ลดาแสดงสีหน้าลำบากใจ “ไม่เข้าไปด้วยกันหรือคะ” 

“ไม่เป็นไร รอข้างนอกน่าจะเหมาะกว่า ผมไม่ไปไหนหรอก รีบเข้าไปเถอะ” ราเชนทร์เอ่ยเสียบนุ่ม พลางคลี่ยิ้มอบอุ่น

มนต์ลดารีบเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปพบคุณแม่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงคนไข้มีผ้าพันศีรษะส่วนแขนข้างหนึ่งใส่เฝือกอ่อนไว้ “แม่เป็นยังไงบ้าง” มนต์ลดาถามน้ำฟ้าผู้เป็นน้องสาวด้วยน้ำเสียงร้อนใจ

“หมอบอกว่าน่าจะล้มแล้วเอาหลังลง หัวแตกเย็บสามเข็มแหนะ ส่วนแขนพยุงเฝือกอ่อนไว้ก่อน นี่ก็กำลังรอผลเอกซเรย์อีกทีว่าเป็นยังไงบ้าง” ฟาริดาเอ่ยน้ำเสียงสั่นเลย หัวคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน แววตาของหล่อนดูอึดอัดว้าวุ่นใจจนมนต์ลดาสังเกตเห็นได้ชัดเจน

“แล้วพ่อไปไหนไม่ได้มาด้วยเหรอน้ำฟ้า” เธอถามน้องสาวด้วยความสงสัย

“ตั้งแต่ไปเรียกรถบ้านลุงฮวดให้พามาส่งแม่ที่โรงพยาบาล น้ำฟ้าก็ไม่เห็นพ่อเลยนะ ว่าแต่พี่น้ำมนต์เถอะทำไมมาช้าจังเลย” 

“พอดีวันนี้พี่ติดงานน่ะ” มนต์ลดาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะข้างเตียงผู้ป่วย ก่อนจะเดินเข้าไปหาฟาริดาแล้วนั่งข้างหล่อน

“ชุดนี่สวยจัง” ฟาริดามองชุดพี่สาวด้วยสายตาเป็นประกาย

“อยากได้เหรอ” น้องสาวคนนี้ของเธอก็ยังคงชอบของสวย ๆ งาม ๆ ไม่เคยเปลี่ยน การที่เราสองพี่น้องมีรูปร่างและอายุใกล้เคียงกันก็เป็นเรื่องที่ดีเพราะเราจะได้แบ่งปันกันได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะมีแต่มนต์ลดาที่ให้ของเหล่านั้นกับน้องสาวเสียมากกว่า เนื่องด้วยเธอมักได้เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า และอื่น ๆ จากลูกค้าที่จ้างงานเธอเป็นประจำ น้องสาวเม้มปากแน่นพยักหน้าแรง แต่สิ่งหนึ่งที่มนต์ลดาสัมผัสได้คือแววตาของฟาริดาที่แปรเปลี่ยนไป เธอก็ไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ว่าแปลกไปอย่างไร

“เดี๋ยวพี่กลับบ้านรอบหน้าเอาไปให้นะ” มนต์ลดาตอบรับ พลางระบายยิ้มอ่อนหวานเต็มดวงหน้าสวย

ฟาริดาเม้มปากแน่น จู่ ๆ หล่อนโน้มตัวเข้ามาสวมกอดพี่สาว “น้ำฟ้าโชคดีจังเลยที่มีพี่น้ำมนต์เป็นพี่สาว” 

“เดี๋ยวก่อนน้ำฟ้า…วันนี้เป็นอะไร” มนต์ลดายิ่งแปลกใจกับท่าทีที่แปลกไปของน้องสาวตัวแสบของเธอ 

ปกติฟาริดามักพูดจาห้วน ๆ ไม่ก็เหวี่ยงใส่เธอที่เป็นพี่สาวมาตลอดตั้งแต่เริ่มเข้ามหาวิทยาลัย เราไม่เคยกอดกันหรือแม้แต่พูดจากันดี ๆ แบบนี้ฟาริดาแทบไม่แสดงออกให้เห็น หลายครั้งที่มนต์ลดาถามตัวเองว่าเธอพูดหรือทำอะไรให้น้องสาวคนเดียวของเธอเปลี่ยนไป ทว่าการที่ฟาริดาแสดงออกเช่นนี้ชั่วข้ามคืน มนต์ลดาเดาได้ว่าต้องเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

“เปล่า” ฟาริดาเม้มริมฝีปากแน่นน้ำตารื้น

“แล้วจะร้องไห้ทำไม” 

“ที่ผ่านมาฟ้าทำตัวไม่ดีกับพี่เลยใช่ไหม หนูนี่มันแย่มากเลยเนอะ” ฟาริดาพูดทั้งน้ำตาเมื่อย้อนนึกสิ่งที่หล่อนเคยพูดและแสดงกิริยาไม่ดีใส่ ทั้งที่ผ่านมาก็มีแต่พี่สาวคนนี้ที่คอยดูแลหาเลี้ยงทุกคนในครอบครัว ไม่ว่าฟาริดาอยากได้อะไรพี่มนต์ลดาก็พยายามหาให้แม้ต้องทำงานเหนื่อยแค่ไหน มีแต่หล่อนที่นับวันทำกระด้างกระเดื่องใส่ผู้เป็นพี่สาว ยิ่งคิดเด็กสาวก็ยิ่งรู้สึกผิดแต่การที่เธอรู้สึกนึกได้ตอนนี้ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ทุกอย่างผ่านเลยไปจนทำร้ายจิตใจพี่สาวที่แสนดี

“ทำไมอยู่ ๆ มาพูดกับพี่แบบนี้…หรือเกิดอะไรขึ้น” มนต์ลดาขมวดคิ้วแน่น ฝ่ามือเล็กบางที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นลูบหลังน้องสาวอย่างอ่อนโยนด้วยความห่วงใย จู่ ๆ น้ำฟ้าก็ปล่อยโฮ โผตัวเข้ากอดพี่สาวความอัดอั้นใจที่หล่อนเก็บเอาไว้ราวกับระเบิดออกมา “ใจเย็น ๆ มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังไหม” 

“พ่อน่ะ” ฟาริสาเอ่ยเสียงสั่นเครือนัยน์ตามีหยาดน้ำใสค่อย ๆ ไหลรินลงมาอาบสองแก้มนวล

“พ่อทำไม?” 

“พ่อบอกน้ำฟ้าเมื่อเช้าว่าเขาไปรับเงินของเสี่ยแดงมาแล้ว เพื่อแลกกับให้หนูไปอยู่กับมันคืนพรุ่งนี้” ฟาริดาเล่าด้วยสีหน้าสะเทือนใจระคนสิ้นหวัง เมื่อผู้เป็นพ่อที่รักมากที่สุดกลับทำกับลูกสาวเหมือนพวกเธอเป็นเพียงตุ๊กตาหรือสิ่งของ นึกอยากจะขายให้ใครก็ทำได้ง่าย ๆ โดยไม่ถามถึงจิตใจ หรือแท้จริงแล้วพ่อจะไม่เคยรักใครเลยนอกจากตัวของเขาเอง

“เมื่อไหร่พ่อจะเลิกทำตัวแบบนี้ซะที” มนต์ลดากำมือแน่นบ่นพึมพำ

“ที่ผ่านมาฟ้ารู้นะว่าทำตัวไม่น่ารักใส่พี่น้ำมนต์มาตลอดทั้งที่พี่ก็เป็นคนเดียวที่ช่วยบ้านเรามาตลอด ฟ้ารู้มาตลอดเรื่องที่พ่อทำแต่ก็ไม่เคยห้าม ทั้งที่พ่อดูเหมือนรักฟ้ามากที่สุด แต่พ่อยังทำกับฟ้าขนาดนี้ เมื่อเช้าพ่อกับแม่ก็เลยทะเลาะกัน” 

“อย่าบอกนะว่า พ่อลงไม้ลงมือกับแม่” ฟาริดาหลุบตาลงต่ำแล้วพยักหน้าตอบรับแทนคำตอบ

“แล้วก็เป็นอย่างที่พี่เห็นเนี่ยล่ะ” ฟาริดาหันไปทางผู้เป็นแม่นอนอยู่ อันที่จริงที่คุณแม่เป็นสภาพนี้เพราะคุณแม่ออกตัวปกป้องและให้พ่อเลิกเอาตัวลูกสาวทั้งสองไปแลกกันเศษเงินของพวกเห็นแก่ได้ ยิ่งไปรับเงินพวกนั้นมาก็ยิ่งทำให้บ้านเราเป็นหนี้ไม่รู้จบสิ้น

“แล้วทำไมรอบนี้ลงมือกันขนาดนี้” มนต์ลดาเอ่ยถาม

“แม่คงทนไม่ไหวแล้วน่ะสิ…ไล่พ่อให้ออกจากบ้านไป ยังขู่พ่อว่าจะขอหย่า น้ำฟ้าว่าถ้าต้องมีพ่อที่ขายลูกกินแบบนี้นะ พวกเราไม่ต้องมีพ่อซะยังดีกว่า จริงอยู่นะพี่น้ำมนต์ที่เมื่อก่อนน้ำฟ้าอาจจะทำตัวงี่เง่า แต่พอเจอปัญหาเข้ากับตัวจริง ๆ แบบนี้ก็กลัวเหมือนกัน” ฟาริดาเล่าให้พี่สาวฟังด้วยความกรุ่นโกรธ ในขณะที่มนต์ลดามองน้องสาวด้วยสีหน้าอ่อนโยน ใบหน้าสวยระบายยิ้มบาง แววตาวาววับราวกับมีหยดน้ำเอ่ออยู่ในนั้น “ทำตัวดีเกินไปไม่สมกับเป็นน้ำฟ้าเลยนะ” 

“มันก็เขิน ๆ อยู่หรอกนะ แต่หลังจากนี้น้ำฟ้าคนนี้นี่ล่ะจะช่วยพี่น้ำมนต์หาเงินเอง มันไม่สายไปใช่ไหม” น้องสาวตัวแสบเอ่ยเสียงอ่อน พลางใช้ศอกกระทุ้งสีข้างมนต์ลดาอย่างเคอะเขิน

“ไม่มีอะไรสายเกินไปหรอก พี่ดีใจที่ได้น้องสาวแสนน่ารักคนเดิมกลับมา” 

“น้ำฟ้าอยากย้ายมหาวิทยาลัย” 

“อ้าวย้ายทำไมอีกสองปีก็เรียนจบแล้ว หรือมีปัญหาอะไรที่นั่น” มนต์ลดาเอ่ยถามน้องสาวด้วยความกังวล

“จริง ๆ ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก แต่ที่นี่ค่าเทอมแพงมากเลยนะ” ฟาริดาก้มหน้างุดตอบเสียงอ่อนเต็มไปด้วยความลำบากใจ ในขณะที่เธอฟังคำตอบที่น้องสาวพูดเธอถึงกับยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกดีที่น้องสาวนึกเป็นห่วงเธอ “โธ่คิดว่าเรื่องอะไร ถ้าเรื่องแค่นั้นไม่ต้องกังวลหรอกเดี๋ยวพี่ทำงานให้เยอะขึ้นส่งฟ้าเรียนจบได้สบาย ๆ” 

“เอาแบบนั้นเหรอพี่น้ำมนต์” น้องสาวตอบเสียงฟ้า ความหนักอึ้งในใจเหมือนเบาบางไประลอกหนึ่ง

“พี่ขอแค่อย่าเกรี้ยวกราด ทำอะไรให้มีเหตุผลบ้างก็พอ” 

“พี่น้ำมนต์แล้วเรื่องที่พ่อขายฟ้าให้ไปนอนกับเสี่ยแดงจะทำยังไงดี เมื่อกี้เสี่ยแดงแวะเยี่ยมแม่ มันมาบอกฟ้ามาให้แต่งตัวสวย ๆ แล้วจะได้สนุกกัน ตอนมันพูดก็ทำสายตาน่ากลัว ส่งกระเช้าให้แล้วมันก็ไป เนี่ยพูดแล้วยังขนลุกไม่หายเลย แก่ก็แก่ยังพูดจาไม่ดูอายุอีก ให้มันเดินได้แบบไม่มีคนพยุงก่อนเถอะแล้วค่อยมาเสนอหน้าควงอีหนู มันยังย้ำอีกนะ ยังไงพ่อรับเงินมาแล้วก็ต้องไปนอนกับมัน” ฟาริดาปรึกษาพี่สาวด้วยความกังวลใจ

“ไม่เป็นไรนะ เสี่ยแดงใช่ไหมเดี๋ยวพี่โทรคุยต่อรองให้” มนต์ลดาลูบศีรษะกลมของน้องสาวอย่างประโลม

“แล้วพี่จะไปคุยอะไรกับมัน ไม่เสี่ยงไปเหรอ น้ำฟ้ารู้นะไอ้เสี่ยพวกนั้นใคร ๆ มันก็จ้องจะเอาพี่ไปนอนด้วย อยากจะบ้าตาย ทำไมพวกเราต้องมีพ่อเฮงซวยแบบนี้ด้วยวะ สอนให้น้ำฟ้านิสัยเสียไม่พอ มาตบตีทำร้ายแม่ แล้วยังชอบเอาพวกเราไปขัดดอกแลกเศษเงินอีก” ฟาริดาพรั่งพรูความอัดอั้นออกมาด้วยความเดือดดาล

จู่ ๆ ประตูเปิดผ่างออกมา เด็กสาวทั้งสองคนผวาสะดุ้งตัวโยน ราเชนทร์จ้องมาที่ทั้งคู่ก่อนจะเดินเข้ามาหยุดยืนที่กลางห้อง ขณะที่ฟาริดาหน้าถอดสีหวาดกลัวสุดขีด

“น้ำฟ้า เป็นอะไร?” มนต์ลดาเอ่ยถามน้องสาวเมื่อเธอเห็นสีหน้าฟาริสาซีดเผือดเหงื่อกาฬผุดทั่วกรอบหน้า

“นะ นี่ใครอีก เจ้าหนี้พ่ออีกเหรอ” 

“น้ำมนต์” ราเชนทร์เรียกเด็กสาวด้วยความเป็นห่วง มนต์ลดากำลังจะลุกขึ้นมาหาเขา ทว่าถูกน้องสาวกระชากกลับไปจนเสียหลักลงไปนั่งยังที่เดิม ทั้งที่ฟาริดาก็แสนหวาดผวาชายแปลกหน้าที่เข้ามาแต่หล่อนกลับรั้งพี่สาวไว้สุดแรง

“นี่เสี่ยที่ไหนอีก พี่น้ำมนต์ก็เจอแบบฟ้าใช่ไหม ต้องไปอยู่กับมันใช่ไหม” ฟาริดาพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล เรือนกายสั่นระริกด้วยความหวั่นผวา

“มะ ไม่ใช่แบบนั้น” พี่สาวตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

“ออกไปเลยนะ ไม่เห็นเหรอว่าพี่น้ำมนต์มาเยี่ยมคุณแม่อยู่ หน้าก็รุ่นราวคราวพ่อทำไมคิดจะควงเด็กเอ๊าะ ๆ เสริมบารมีงั้นเหรอ ดูรวยซะเปล่าแต่ไม่น่าเป็นพวกกดขี่ผู้หญิงเลย” 

“น้ำฟ้าใจเย็นก่อน นี่คุณราเชนทร์เจ้านายพี่” มนต์ลดารีบปรามน้องสาวแต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ