ตอนที่ 14เศษส่วนหนึ่งที่หายไป

มนต์ลดาก้าวเท้าฉับเร่งฝีเท้า เธอตั้งใจเดินตรงไปยังลิฟต์แม้คุณราเชนทร์จะเรียกเธอด้วยเสียงดุดัน แต่นั่นก็ไม่ทำให้เด็กสาวรู้สึกเกรงกลัวเลยสักนิด เด็กสาวไม่เข้าใจตัวเองว่าเพราะอะไร แค่เพียงเห็นเขาเดินไปหาน้ำผึ้ง พูดคุยบางอย่างเพียงไม่นาน แต่กลับทำให้เธอรู้สึกว้าวุ่นใจได้ถึงเพียงนี้…

ขณะที่ราเชนทร์คว้าแขนของหนูมนต์ลดาพลางกระชากร่างบอบบางของเธอเข้าไปยังประตูหนีไฟที่อยู่ภายในลานจอดรถ แม้เด็กสาวจะได้ยินสิ่งที่เขาบอกย้ำชัดเต็มสองหูว่ามีเรื่องต้องคุยกัน ‘แต่ฉันไม่มีอะไรที่อยากจะคุยกับเขานี่’ มนต์ลดาพยายามชักดึงมือกลับ ด้วยสายตาร้ายกาจของเขาทำให้เธอจำใจเดินตามคุณราเชนทร์ไปโดยดี

ท่านประธานใช้มือข้างหนึ่งจับแขนเด็กสาวแน่น ส่วนอีกข้างหนึ่งผลักเปิดประตูเข้าไปแล้วพาหนูมนต์ลดาเดินเข้าไปยังด้านในสุด เด็กสาวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวกับท่าทางที่คุณราเชนทร์แสดงออก พยายามสะกดกลั้นเอาไว้พร้อมกับดูท่าทีของเขา แต่ทุกอย่างมันไม่เป็นอย่างที่เธอคิด น้ำมนต์เริ่มอึดอัด หายใจไม่ออก จุกแน่นหน้าอก เริ่มมองทุกอย่างเป็นภาพทับซ้อน ฝ่ามือเริ่มสั่นจนต้องกำมือแน่น

‘นี่ฉันเป็นอะไรไป หายใจไม่ออก’ มนต์ลดารู้สึกถึงความผิดปกติของตัวเอง ร่างบางของเด็กสาวสั่นเทาตั้งแต่ถูกคุณราเชนทร์กระชากเข้ามายังทางหนีไฟ ปกติเธอไม่ใช่ผู้หญิงขลาดกลัวกับอะไรได้ง่าย ๆ หรือบอบบางเกินไป แต่ครั้งนี้มนต์ลดากลับรู้สึกหวั่นใจจนแทบจะยืนไม่อยู่

“คุณราเชนทร์พาฉันเข้ามาตรงนี้ทำไม?” มนต์ลดาพยายามข่มอารมณ์แล้วเอ่ยเสียงแข็งหันหน้าหนีไปทางอื่น เพราะเกรงว่าคุณลุงท่านประธานจะเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น

ขณะที่ราเชนทร์พยายามสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอดเพื่อตั้งสติ จู่ ๆ มนต์ลดาก็มีท่าทีแปลกไปหลังจากแยกกับณภัทร ราเชนทร์หลุบตามองเด็กสาวที่พยายามหันหน้าหนี เขาจึงใช้ฝ่ามือใหญ่ประคองหน้าของเด็กสาวให้หันกลับมาสบตาเขาอย่างอ่อนโยน “หนูน้ำมนต์…เป็นอะไรไป?” เขาสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดพราวบริเวณกรอบหน้า หนูมนต์ลดาถูกฝ่ามือหนาเชยคางเพื่อให้สบตากับเขา เด็กสาวเม้มปากแน่น สายตาแข็งกร้าวของเด็กสาวค่อย ๆ ถูกความนุ่มนวลอ่อนโยนของเขาหลอมละลาย เธอสะบัดหน้าออกพร้อมกับพยายามประคองร่างที่เริ่มสั่นของตัวเองไปยังประตูทางออก

‘ในเมื่อฉันก็ไม่อยากอยู่กับเขาสองต่อสอง ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องคุยกับเขาอีก นี่ร่างกายฉันเป็นอะไรไปนะ ทำไมทั้งสั่นและหายใจไม่ออก’ มนต์ลดาคิดพลางกำมือแน่น “เปล่าค่ะ ไม่ได้เป็นอะไร” เด็กสาวตอบสั้น ๆ เพราะเธออยากรีบออกไปจากตรงนี้เต็มทน ลึก ๆ เธอไม่ได้รังเกียจคุณราเชนทร์ แต่เพราะอะไรเธอถึงรู้สึกไม่เป็นของตัวเองและอึดอัดมากขนาดนี้

ราเชนทร์ต้อนหนูมนต์ลดาจนถอยหลังชนแผ่นหลังกำแพงใกล้ประตูทางออก เขาใช้แขนแกร่งทั้งสองข้างวางขนานกับกำแพงหวังจะกักขังมนต์ลดาอยู่ในอ้อมกอด ไม่ให้เด็กสาวหนีจากเขาไปไหนได้ สายตาของราเชนทร์ตอนนี้ราวกับแมวยักษ์ที่กำลังไล่ต้อนลูกหนูตัวเล็กไร้ทางสู้ให้จนมุม สายตาหยอกเย้าเผยให้เห็นบนใบหน้าคมเข้ม ฉาบด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ ราเชนทร์โน้มหน้าลงมาใกล้เด็กสาวจนลมหายใจอุ่นกระทบหน้าผากมน ราเชนทร์ก้มเอ่ยกระซิบเสียงนุ่มทุ้มข้างหูของเธอ

“ผู้หญิงบอกว่าไม่ แสดงว่าใช่ ไหน…หนูน้ำมนต์บอกผมได้ไหม?”

มนต์ลดาจิกมือเข้ากับชายกระโปรง พลางเม้มริมฝีปากแน่นจนแทบจะเป็นเส้นตรง เธอเผลอช้อนตามองราเชนทร์ด้วยความหวั่นใจ ลมหายใจเริ่มติดขัด สมองอื้ออึง…

ราเชนทร์เลื่อนมือข้างหนึ่งลูบเรือนผมของเด็กดื้ออย่างนึกเอ็นดู ก่อนจะไล้หัวแม่มือเกลี่ยแก้มใสอย่างอ่อนโยน เสี้ยววินาทีที่มนต์ลดาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะกับการกระทำของคนแก่กว่าที่เอาแต่ใจ ราเชนทร์ใช้ริมฝีปากอุ่นทาบประกบกลีบปากอ่อนนุ่มของน้ำมนต์พร้อมกับขยับปากบดจูบอย่างอ้อยอิ่ง เรียวลิ้นร้อนเกี่ยวตวัดซุกไซ้อย่างหยอกเย้าอ่อนโยน ก่อนจะค่อย ๆ ร้อนแรงขึ้นมาตามลำดับ ราวกับกระหายหยาดน้ำหวานจากปากนิ่มได้รูปของเด็กสาว

มนต์ลดาจิกชายกระโปรงแน่น นัยน์ตาเบิกโพลง หัวใจเต้นดังโครมคราม แม้ใจเธอจะไม่อยากขัดขืน แต่ร่างกายของเธอกลับต่อต้านร่างน้อยของมนต์ลดาสั่นเทาจนเก็บอาการไม่มิดก่อนเธอที่สติของเด็กสาวจะดับวูบลงไป

“หนูน้ำมนต์ เป็นอะไร” เขาตกใจถึงขีดสุด เขาไม่คาดคิดว่า ‘จูบ’ ทำให้เธอเป็นลมสิ้นสติ ราเชนทร์รีบอุ้มมนต์ลดาไปยังรถยนต์คันหรู ไม่ว่าเขาจะเรียกเท่าไร เธอก็ยังคงหลับตาพริ้ม เขารู้สึกผิดระคนร้อนใจ จึงรีบขับไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

ภายในห้องสี่เหลี่ยมบรรยากาศเงียบสงัด เครื่องปรับอากาศทำงานเต็มกำลังของมันจนทำให้อุณหภูมิเย็นยะเยือก มนต์ลดากวาดสายตารอบห้องอย่างช้าๆ

มนต์ลดาประมวลผลจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เธอยังจำได้ว่าเธอกับคุณราเชนทร์เข้าไปคุยกันที่บันไดทางหนีไฟ ก่อนที่เขาจะจูบ…

ใช่แล้ว อีตาคุณลุงท่านประธานจูบฉัน จะว่าไปแล้วรสจูบของคุณลุงก็ทำให้ฉันรู้สึกซาบซ่าน อบอุ่น และเร่าร้อนในเวลาเดียวกัน ว่าแต่ทำไมจู่ ๆ ถึงโผล่มาที่นี่ได้ ฉันกวาดสายตาไปรอบห้องก็เดาได้เลยว่าที่นี่คือโรงพยาบาลที่ไหนสักแห่ง ขยับตัวเล็กน้อยก่อนที่จะยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาขยี้ตาอย่างลืมตัว แต่แล้วกลับรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หลังมือปรากฏเลือดสีแดงไหลย้อนเข้าไปที่สายน้ำเกลือ

“หนูอย่าเพิ่งขยับสิ นอนพักก่อน” ราเชนทร์เอ่ยด้วยสีหน้าห่วงใย เขาดึงเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วยแล้วหย่อนสะโพกนั่งลงพร้อมกับกุมมือข้างหนึ่งของมนต์ลดาไว้ด้วยความรู้สึกผิด “ผมขอโทษ”

มนต์ลดายกยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากแทนคำตอบ ทั้งสองสบตากันอย่างนั้นอยู่สักระยะหนึ่งก่อนที่พยาบาลจะเดินเข้ามาตรวจเช็กเบื้องต้นและแจ้งว่าเดี๋ยวช่วงสี่โมงคุณหมอจะแวะเข้ามาตรวจอีกครั้ง

ราเชนทร์ยืนมองมนต์ลดาอยู่ที่ส่วนของโต๊ะรับประทานอาหารภายในห้องผู้ป่วยวีวีไอพี แต่เขาไม่กล้าเดินเข้าไปรบกวนเด็กสาวที่กำลังนอนพัก จนมนต์ลดาต้องเป็นคนเอ่ยปากเรียกให้คุณลุงท่านประธานเดินเข้ามานั่งใกล้ ๆ

“น้ำมนต์มาอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อเธอย้อนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ริมฝีปากหนานุ่มของเขา อ้อมกอดอบอุ่นที่ทำให้หัวใจว้าวุ่น รวมถึงกลิ่นน้ำหอมอ่อนโยนที่ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย น่าแปลกที่ความรู้สึกเมื่อตอนนั้นที่ทางหนีไฟ มนต์ลดากลับรู้สึก…

“ตอนที่ผมจูบหนู อยู่ ๆ หนูน้ำมนต์ก็เป็นลมไปเลย ผมเลยพามาที่นี่”

ราเชนทร์เล่าด้วยใบหน้าเจื่อน เจือความรู้สึกผิดอยู่ในใจ “ค่ะ…” คนถามได้แต่ก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย

“แล้วรู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหมครับ?”

“ค่ะ น้ำมนต์ดีขึ้นแล้ว”

“วันนี้ตอนแยกกับคุณณภัทร หนูมนต์ลดาไม่พอใจอะไรผมครับ” ราเชนทร์พลั้งปากพูดออกไป ทั้งที่เขาตั้งใจจะเก็บคำถามนี้เอาไว้ก่อน แต่เมื่อเขาได้พูดออกไปแล้วนั่นก็เป็นเรื่องที่ดีเหมือนกัน จะได้มีโอกาสเคลียร์ปัญหาใจที่เกิดขึ้นระหว่างเรา

มนต์ลดาแสดงสีหน้าลังเลใจอย่างไม่เก็บอาการ มือบางขยำผ้าห่มราวกับพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกและเรียบเรียงคำพูด “น้ำมนต์ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนตัวคุณกับน้ำผึ้งหรอกค่ะ”

ทันทีที่ราเชนทร์ได้ฟังคำตอบ เขาก็กระจ่างแก่ใจโดยทันที ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มเจ้าเลห์ร้ายกาจ ในใจรู้สึกวูบไหว “อ๋อ เป็นเพราะเรื่องนั้นสินะ”

“อะไรคะ?” มนต์ลดาถามพลางเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัยเพราะรอยยิ้มเลศนัยของคุณลุงท่านประธาน การที่เธอสงสัยเรื่องเขากับน้ำผึ้งมันมีอะไรให้เขาน่าขบขันกันนะ หรือฉันจะงี่เง่าจนเกินไปหรือเปล่า? ทำไงได้…ก็ฉันเผลอรู้สึกมากเกินไปแล้วนี่นะ!

“ผมตั้งใจจะบอกตอนที่เราไปต่างจังหวัดกัน แต่ผมบอกตอนนี้เลยก็ได้”

“เรื่องอะไรหรือคะ?” คิ้วสวยพันกันยุ่งกว่าเดิมเมื่อมนต์ลดาสังเกตสีหน้าของคุณราเชนทร์ที่ดูทีท่าเหมือนมีแผนบางอย่างในใจ

“ผมให้เลขาร่างสัญญาพรีเซนต์เตอร์คอลเลกชันใหม่ให้แล้วนะครับ”

มนต์ลดาได้ฟังดังนั้นภายในใจรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องของเจ้าสัววิฑูร งานเดินแบบต่าง ๆ ของเธอก็หายไปทั้งหมด แม้กระทั่งงานรีวิว ก็พานขอยกเลิกกันไปหมด แม้ว่างานจะหดหายไป แต่สิ่งที่ยังมีอยู่ตลอดก็คือหนี้ก้อนโตและดอกเบี้ยที่มากทวีคูณ การที่คุณราเชนทร์บอกว่าเธอจะได้เซ็นสัญญานั่นหมายถึงเงินที่เธอจะได้เพื่อนำไปจ่ายหนี้ให้ทันตามกำหนด แล้วแบบนี้จะไม่ให้เธอดีใจได้อย่างไรกัน?

เด็กสาวคลี่ยิ้มเต็มดวงหน้า ก่อนจะขมวดคิ้วสวยเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องการฝึกงานและเรื่องที่เธอถูกแบนจากวงการ “ค่ะ แต่จะไม่มีปัญหาเรื่องฝึกงานใช่ไหมคะ?” ราเชนทร์พูดเสียงเรียบ “ก็น่าจะมีนิดหน่อยนะครับ”

“ยังไงคะ คุณราเชนทร์บอกน้ำมนต์ได้เลยนะคะ” มนต์ลดารีบถามอย่างกระตือรือร้น

“ก็หนูจะต้องทำงานหนักขึ้นเป็นสองเท่า หนูน้ำมนต์จะไหวไหมครับ?”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ สบายมาก” เด็กสาวตอบเสียงหวานแสดงสีหน้าคลายกังวล

‘ต่อให้ฉันจะต้องทำงานหนักกว่านี้ก็ยังไหว มีงาน…มีเงิน รอดตายแล้วเรา’ น้ำมนต์ครุ่นคิด ใบหน้าจะยิ้มแย้มแต่สายตากลับเป็นกังวลจนชายหนุ่มจับสังเกตได้

“ช่วงนี้หนูมีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่าครับ”

‘นอกจากเรื่องหาเงิน เพราะงานน้อยโดนแบนก็ไม่มีอะไรแล้ว จะให้ฉันบอกเรื่องนี้กับเขาได้ยังไงว่าในหัวของฉันมีแต่เรื่องหนี้ จะไปวิ่งหาเงินที่ไหนมาจ่ายเขากันล่ะ แต่เรื่องที่ฉันถูกแบนในวงการ ยังไงเสีย…ฉันก็จะต้องบอกเขา เพราะมันอาจมีผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์ก็ได้ โอ๊ย…แล้วถ้าเขาไม่อยากจ้างฉันขึ้นมา ฉันจะทำยังไงกันล่ะทีนี้’ น้ำมนต์ก้มหน้างุด มือเรียวกำผ้าห่มแน่นอย่างคนคิดไม่ตก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานให้ราเชนทร์อีกครั้ง

“ไม่มีค่ะ คุณราเชนทร์ไม่ต้องกังวลนะคะ น้ำมนต์สามารถทำงานที่คุณให้ได้เต็มที่แน่นอนค่ะ” เด็กสาวย้ำเสียงหนักแน่น

“หนูรู้ใช่ไหม…มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ หนูน้ำมนต์คุยกับผมได้ทุกเรื่องนะ” ราเชนทร์เอ่ยเสียงนุ่ม ขยับตัวเข้ามาใกล้ ยิ่งทำให้ใจวูบไหวเต้นดังโครมคราม เขาตั้งใจโน้มหน้าลงมาใกล้จน หนูมนต์ลดาสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ทว่ายิ่งทำให้เธอหน้าร้อนผ่าวจนเกือบลืมหายใจ “กะ...ใกล้ไปแล้วมั้งคะ…”

ราเชนทร์ลูบเรือนผมนุ่มเบา ๆ ก่อนจะหอมหน้าผากมนแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

“หนูยังชอบงานถ่ายแบบอยู่ไหม?” ราเชนทร์ใช้มือเท้าคางเอียงหน้ามองเด็กสาวที่นอนบนเตียงผู้ป่วยอย่างนึกเอ็นดู

มนต์ลดาเอ่ยตอบด้วยสายตาพราวระยับ “ชอบสิคะ งานถ่ายแบบเป็นการได้ทำอะไรใหม่ ๆ เจอผู้คน เจอสถานการณ์แวดล้อมใหม่ ๆ เธอรู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้แคสต์งาน ได้อยู่หน้ากล้อง ทุกครั้งที่ได้เห็นผลงานของตัวเองรวมถึงพัฒนาการของตัวเองในแต่ละครั้ง มนต์ลดารู้สึกภูมิใจมากเลยค่ะ แต่ช่วงนี้…”

จู่ ๆ สายตาที่เต็มเปี่ยมด้วยความหวังนั้นก็กลับดูเศร้าลงไป เขาจึงเอื้อมมือของหนูมนต์ลดามากุมไว้แล้วลูบเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจและย้ำกับเด็กสาวเป็นนัย ๆ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไร หนูมนต์ลดาจะยังมีเขาอยู่เคียงข้างแบบนี้

มนต์ลดาเม้มปากแน่น ถอนหายใจ “ช่วงนี้มีข่าวไม่ค่อยดีสักเท่าไร ผู้ว่าจ้างหลายคน…เลยไม่ค่อยอยากเลือกน้ำมนต์เป็นนางแบบหรือรับงานค่ะ จริง ๆ ก็ตั้งใจจะเล่าให้คุณฟังอยู่แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไง น้ำมนต์กลัวจะมีผลต่อภาพลักษณ์แบรนด์คุณราเชนทร์เหมือนกันค่ะ”

“ข่าวไม่ดีคือข่าวแบบไหนครับ?” ราเชนทร์แสร้งถามทั้งที่เขาทราบเรื่องนี้มาจากน้ำผึ้งแล้ว ทว่าท่านประธานหนุ่มอยากดูว่าเด็กสาวจะตอบเขาอย่างไร?

“เรื่องที่น้ำมนต์ทิ้งงานของเจ้าสัววันนั้นค่ะ แล้วเจ้าสัวเป็นคนที่ในวงการบันเทิงเขาให้ความเคารพ แต่น้ำมนต์กลับไม่ยอม เออ…’

“พอแล้วครับ อย่าไปนึกถึงเรื่องเก่า ๆ ถ้าหนูชอบงานถ่ายแบบจริง ๆ อย่างนั้นมาเป็นนางแบบในสังกัดของวดีไหมล่ะครับ?”

“คุณวดีนี่คือใครกันคะ?”

“รินทร์วดีเป็นน้องสาวของผมเองครับ วดีดูงานในส่วนของโรงแรมก็จริงแต่ก็เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของวีพี เอ็นเตอร์ไพรส์ น่ะครับ หนูอยู่ในวงการน่าจะพอรู้จักบริษัทนี้ เห็นว่าอีกปีสองปีจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วยนะ” ราเชนทร์เอ่ยแนะนำน้องสาวคนเก่งคร่าว ๆ ด้วยแววตาภูมิใจ

รินทร์วดีเป็นน้องสาวของราเชนทร์ ทั้งที่พวกเขาอายุห่างกันเป็นสิบปี ทว่ารินทร์วดีกลับสนิทสนมพี่ชายอย่างไม่น่าเชื่อ วดีเป็นเด็กน่ารัก ช่างพูด อีกทั้งยังทำงานเก่ง ราเชนทร์จึงภูมิใจในตัวน้องสาวคนนี้มาก และก่อนหน้าที่มนต์ลดาจะตื่น ราเชนทร์ได้คุยกับวดีเรื่องอยากจะฝากหนูมนต์ลดาให้อยู่ในสังกัด พร้อมทั้งเล่าปัญหาที่เกิดขึ้นคร่าว ๆ ให้น้องสาวฟัง ซึ่งก็เป็นอย่างที่เขาคิด น้องสาวคนเก่งของเขาไม่กลัวอำนาจของเจ้าสัววิฑูร ทั้งยังบอกว่าอยากรีบนัดเจอกับหนูมนต์ลดา ถ้าหากฝีมือเธอดีจริง ๆ รินทร์วดีก็ตั้งใจจะปั้นให้เป็นดาวเด่นดวงใหม่ของบริษัทอีกด้วย

“บริษัทนั้นเป็นของน้องคุณหรือคะ?” หนูมนต์ลดาถามด้วยความตื่นเต้น บริษัท วีพี เอ็นเตอร์ไพรส์ ถึงจะเป็นบริษัทเปิดใหม่ แต่เพียงไม่นานบริษัทก็เป็นที่รู้จัก ทั้งยังได้รับแต่งานใหญ่ ๆ จนขึ้นมาอยู่แถวหน้าในวงการ การที่บริษัวีพีจะรับเด็กใหม่เข้ามาในสังกัดนั้น นางแบบทุกคนต่างรู้กันดีว่าเป็นเรื่องยากมาก ที่นี่คัดนางแบบอย่างพิถีพิถัน แม้แต่มนต์ลดายังเคยอยากอยู่สังกัดวีพี เพราะเท่าที่ทราบมาบริษัทนี้ไม่รับงานสีเทา อีกทั้งยังให้เปอร์เซ็นต์กับเด็กในสังกัดเยอะ มีตารางงานที่ชัดเจน มีระบบการดูแลนางแบบดีเยี่ยม

“ครับ เดี๋ยวหลังจากกลับจากดูงานที่ต่างจังหวัด ผมจะแนะนำให้หนูรู้จักกับวดี น้องแพม และคุณดนัย หุ้นส่วนบริษัทนะครับ”

“แต่ข่าวที่น้ำมนต์มีปัญหากับเจ้าสัววิฑูร…”

“ผมคุยกับวดีให้แล้ว…ยัยวดีไม่ติดขัดอะไร แต่ผมขอแค่อย่างเดียว”

“อะไรคะ ถ้าไม่ยากเกินไปน้ำมนต์ทำให้ได้หมดเลยค่ะ” หนูมนต์ลดารีบกระตือรือร้นตอบ

“หนูเป็นเด็กดีแบบนี้ก็พอแล้ว” ราเชนทร์ลูบผมหนูมนต์ลดาอย่างที่เขาชอบทำเวลาที่นึกเอ็นดู ขณะที่เธอกะพริบตาพลางยิ้มหวานราวกับลูกแมวตัวน้อยที่กำลังอ้อนเอาใจเจ้าของ “ไม่สิ ผมเป็นคนโลภ นอกจากเป็นเด็กดีแล้วคุณต้องไม่เข้าใกล้ผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะไอ้ณภัทรนั่น!”

มนต์ลดาช้อนตาแล้วอมยิ้มให้กับใบหน้าที่บึ้งตึงเมื่อราเชนทร์พูดถึงณภัทร “คุณณภัทรเขาเป็นเจ้าของแบรนด์ที่เคยให้งานน้ำมนต์นะคะ”

“แต่หนูก็ให้ไลน์เขา แล้วยังทำตาหวานใส่กันอีก”

ราเชนทร์หลุบตามองเด็กตัวแสบเถียงด้วยใบหน้าไม่รู้สึกรู้สา ยิ่งทำให้เส้นเลือดในสมองของเขาแทบจะแตก ขนาดตอนหุ้นติดดอยเขายังไม่ว้าวุ่นใจเท่ารอยยิ้มหวานที่หนูมนต์ลดามอบให้ไอ้หน้าหล่อนั่นเลย

“เรื่องงานจริง ๆ ค่ะ” เธอเอ่ยเสียงหนักแน่น “ใครจะเหมือนคุณราเชนทร์คะ เจอเซ็กซี่สะบึมแบบน้ำผึ้งเข้าหน่อยละลายเลยใช่ไหมคะ ถึงกับเดินตามไปที่โต๊ะ”

หนูมนต์ลดาพูดกระแทกเสียงสูง ขยับฝ่ามือใหญ่ที่กอบกุมมือเธอออกให้พ้น แต่ราเชนทร์ไม่สนใจ ทั้งยังใช้อีกมือจับไว้แน่นจนเธอหน่ายใจ ปล่อยให้เขาจับมือตามชอบใจ น้ำมนต์เสตามองไปที่ทีวีตรงปลายเตียงแทนมองหน้าคนเจ้าชู้

“ผมแค่คุยธุระนิดหน่อยครับ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ผู้หญิงที่จะทำให้ผมละลายได้ตอนนี้ ก็คงมีแค่…” ราเชนทร์พูดเสียงจริงจังจนทำให้มนต์ลดาหันกลับมาจ้องตารอฟังคำตอบด้วยใจวูบไหว “ก็มีแค่หนูยังไงล่ะ ยัยเด็กดื้อ” ราเชนทร์เสียงอ่อน ใบหน้าร้อนผ่าวแต่เขาพยายามเก็บอาการโดยแกล้งยีผมเด็กสาวจนยุ่งเหยิงแก้เขิน

“คุณราเชนทร์เล่นอะไรไม่รู้ ผมน้ำมนต์ยุ่งไปหมดแล้ว”

หลังจากที่มนต์ลดาได้คุยกับคุณหมอเจ้าของไข้ ปรากฏว่าการที่เธอหมดสติไปในครั้งนี้ เกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ ร่วมกับเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกถึงสภาวะไม่ปลอดภัย รู้สึกกดดัน จึงทำให้มนต์ลดาเกิดอาการแพนิก (Panic Disorder) สาเหตุมาจากภาวะวิตกกังวลหรืออาการหวาดกลัวอย่างรุนแรง คุณหมอเจ้าของไข้จะนัดให้พบกับจิตแพทษ์เฉพาะทางในวันพรุ่งนี้เพื่อหาแนวทางบำบัดต่อไป

“หนูน้ำมนต์กลัวผมขนาดนั้นเลยหรือครับ” ราเชนทร์ถามด้วยสีหน้าเป็นกังวลระคนรู้สึกผิดที่จู่โจมจูบเด็กสาว

“น้ำมนต์ไม่รู้มันเกิดขึ้นได้ยังไง ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นอะไร แต่เริ่มรู้สึกแปลก ๆ ตั้งแต่ตอนที่คุณดึงน้ำมนต์เข้าไปในทางหนีไฟ”

ราเชนทร์จับไหล่มนตั้งใจจะดึงหนูมนต์ลดาเข้ามากอด แต่ก็หยุดชะงักเมื่อเขานึกถึงคำที่คุณหมอบอกว่า เธออาจจะกลัวจนแพนิก ทำให้ราเชนทร์ปล่อยมือลงด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง “ผมขอโทษจริง ๆ นะครับ คุณกลัวผมไหม?”

มนต์ลดาส่ายหน้าก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกเต็มปอด แล้วอ้าแขนเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้คุณราเชนทร์เข้ามาสวมกอดได้ด้วยความเต็มใจ

คุณลุงท่านประธานไม่รอช้า เขาคลี่ยิ้มเต็มดวงหน้าแล้วสวมกอดเธอด้วยความห่วงใย ครู่หนึ่งจึงเอ่ยถามซ้ำ “หนูไม่กลัวผม…ใช่ไหมครับ?” เธอหลุบตาลงต่ำ แก้มใสเผยให้เห็นสีแดงระเรื่อก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ แทนคำตอบ

“ถ้าไม่กลัวแล้ว…ผมขอจูบอีกทีเพื่อให้แน่ใจได้ไหม?” ริมฝีปากหยักได้รูปกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ

“นี่ ตาลุงบ้า…ออกไปนั่งตรงโน้นเลย คุณเนี่ยฉวยโอกาสจริง ๆ” มนต์ลดาพูดพลางหัวเราะคิกคัก

“โธ่ ผมคิดว่าจะเคลิ้ม” ราเชนทร์ยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ข้าง ๆ

“วันนี้หนูนอนพักผ่อนเยอะ ๆ นะ เดี๋ยวผมนอนเป็นเพื่อนตรงโซฟาด้านโน้น” ราเชนทร์พูดพร้อมกับเดินไปที่ตู้เก็บของภายในห้อง เขาหยิบหมอนใบใหญ่กับผ้าห่มผืนหนามาถือไว้ในมือ แล้วเดินไปยังโซฟาเบดภายในห้องผู้ป่วย

มนต์ลดานอนมองเหตุการณ์ทั้งหมดทันทีที่ราเชนทร์กำลังกางโซฟาเบดออกเพื่อเปลี่ยนเป็นที่สำหรับนอนในคืนนี้ มนต์ลดารีบร้องโวยวายเสียงแหลมโบกมือห้าม หากคุณราเชนทร์นอนเฝ้าเธอคืนนี้มันคงจะดูไม่ดี เพราะเขาเป็นถึงประธานบริษัท เมื่อเทียบกับเธอเป็นเพียงเด็กนักศึกษาฝึกงานเท่านั้น ‘อย่างไรเสียก็ไม่ควร’

“โอ๊ย…ไม่เป็นไรค่ะ คุณเป็นถึงท่านประธาน มานอนเฝ้าเด็กฝึกงานอย่างน้ำมนต์ ใครทราบ…มันจะดูไม่ดี”

คุณลุงท่านประธานตีหน้ามึน ทำตัวไม่รู้ไม่ชี้ เขาเดินมาห่มผ้าให้หนูมนต์ลดา ฝ่ามือหนาลูบอรือนผมเด็กสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินไปปิดไฟหัวเตียงแล้วเดินกลับไปนอนเล่นมือถือที่โซฟาเบดราวกับไม่ฟังคำทัดทานของเด็กสาว

ภายในห้องเงียบสงัด ลำแสงสลัวจากหน้าต่างสาดส่องเข้ามาชวนให้วังเวง เสียงฟู่…จากเครื่องปรับอากาศยิ่งทำให้มนต์ลดารู้สึกหวาดหวั่น เด็กสาวพลิกตัวนอนตะแคงข้าง มองไปยังชายหนุ่มคนเดียวที่อยู่ในห้อง ซึ่งตอนนี้คุณราเชนทร์นอนปิดเปลือกตานิ่ง มนต์ลดากระซิบถามเขาเบา ๆ ลึกในใจก็อยากให้เขาตอบและยังอยู่เป็นเพื่อน เธอไม่คุ้นกับสถานที่จึงทำให้นอนไม่หลับ “คุณราเชนทร์…หลับยังคะ?”

ทุกอย่างเงียบงัน มีเพียงเสียงลมแรงจากเครื่องปรับอากาศและไฟสลัวที่เล็ดลอดจากหน้าต่างห้องวีวีไอพี บรรยากาศภายในห้องดูวังเวงแม้ห้องนี้จะหรูหรากว่าห้องพักคนไข้ทั่วไป แต่ขนาดที่กว้างมากของห้องพัก ความเงียบงันที่เป็นส่วนตัวจนโหวงเหวง บวกกับกลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของโรงพยาบาลยิ่งทำให้เธอรู้สึกใจหวิวจนเกือบจะหายใจไม่ออก

“ครับ…” ราเชนทร์ฮึมฮัมตอบเสียงเบา

“น้ำมนต์กลัว…นอนไม่หลับค่ะ”

“ให้ผมไปนั่งข้าง ๆ ไหมครับ?” ราเชนทร์พลิกนอนตะแคง คลี่ยิ้มบางให้กับเด็กขี้กลัว “กะ...เกรงใจคุณ…ไม่เป็นไรค่ะ แค่…คุณราเชนทร์นอนคุยเป็นเพื่อน น้ำมนต์ก็โอเคแล้ว” ราเชนทร์ลุกเดินตรงมาข้างเตียงของเด็กสาว มือหน้าจับไหล่มนพลางโน้มหน้าลงมาใกล้เธอจนลมหายใจอุ่นกระทบผิว มนต์ลดาไม่ทันตั้งตัว หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวจนเกรงว่าเขาจะได้ยิน จึงผลักแขนแกร่งออกเบา ๆ ทว่าคนแก่กว่าช่างดื้อรั้น แทนจะเขาจะถอยออกไปกลับโถมตัวเข้ามาใกล้กว่าเดิมพร้อมกระซิบเสียงนุ่มข้างหูของเด็กสาว

“นอนคุยแล้วได้เป็นแค่เพื่อน…ถ้าผมมานั่งข้าง ๆ คุณแบบนี้…แล้วจะได้เป็นอะไรหรือครับ?” น้ำเสียงนุ่มนวลบวกกับแววตาชวนให้หลงใหลราวกับไฟจากลาวาที่พร้อมจะหลอมละลายทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ารวมถึงมนต์ลดาด้วย

“คะ...คุณนี่ ไม่แผ่วจริง ๆ เลยนะคะ นี่มันโรงพยาบาลนะ” เธอหน้าร้อนผ่าว ถึงแม้ภายในห้องจะมืดแต่เธอรู้ตัวเลยว่าแก้มของเธอต้องแดงจัดอย่างแน่นอน

ราเชนทร์กระตุกยิ้มร้ายที่มุมปากพร้อมกับนั่งลงข้างเตียงคนไข้ ทั้งสองพูดคุยกันเรื่องทั่วไป ทั้งเรื่องอาหารที่ชอบไม่ชอบ ความฝันที่อยากจะทำให้สำเร็จ รวมถึงคำขอบคุณที่ต่างมาเติมเต็มให้กันและกัน “หนูดื้อก็จริงนะ แต่การที่ผมมีหนูน้ำมนต์อยู่ในทุก ๆ วัน ทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาอีกครั้ง”

“คุณพูดเหมือนคนแก่เลย ทั้งที่ความจริง…คุณก็ไม่ได้แก่ขนาดนั้นสักหน่อย”

ราเชนทร์แสร้งขยับตัวแก้เขิน แต่นั่นยิ่งทำให้มนต์ลดามองเขาอย่างเอ็นดูที่คุณลุงท่านประธานก็มีมุมเขินเป็นเหมือนกัน

“น้ำมนต์ดีใจนะคะ คนที่ช่วยน้ำมนต์วันนั้นเป็นคุณราเชนทร์ ขอบคุณทุก ๆ อย่างที่ทำให้น้ำมนต์มาตลอด หนูโชคดีจังเลยที่มีคุณอยู่ใกล้ ๆ แบบนี้”

“ผมจะทำให้หนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดเลย สัญญา”

ราเชนทร์ใช้นิ้วก้อยตัวเองค่อย ๆ เกี่ยวก้อยสัญญากับเด็กสาว ยิ้มอ่อนหวานพร้อมแววตาดื้อที่ยอมอ่อนให้แค่เพียงเขาคนเดียว ทำให้หัวใจของราเชนทร์พองโต เช่นเดียวกัน ที่ผ่านมาก่อนมนต์ลดาทีหน้ารู้จักกับราเชนทร์ เธอเหนื่อยสู้งานโดยลำพัง แต่ในวันนี้เธอมีคุณราเชนทร์คอยให้กำลังใจ เป็นแรงผลักดัน ถึงในแต่ละวันจะว้าวุ่นไปบ้าง แต่เด็กสาวก็มีความสุขและรู้สึกว่าโลกใบใหญ่นี้ไม่โหดร้ายกับเธอมากจนเกินไป

‘ถ้าเป็นคุณ…ต่อให้ต้องเป็นลมอีกสักกี่ครั้งน้ำมนต์ก็ยอม คุณลุงของหนู’

 “หนูจะไม่พักที่โรงพยาบาลต่ออีกสักหน่อยหรือครับ” ราเชนทร์ยืนปลายเตียงพลางส่งสายตาเป็นกังวล

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ น้ำมนต์แข็งแรงดีแล้ว” มนต์ลดาคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะหยิบเครื่องสำอางในกระเป๋าขึ้นมาเติมหน้าเล็กน้อยเพื่อให้รู้สึกสดชื่นขึ้น ถึงเธอจะนอนที่โรงพยาบาลเพียงแค่คืนเดียว แต่การที่อยู่โรงพยาบาลก็ทำให้ความกระตือรือร้นและความร่าเริงถูกกลืนหายไปมากเลยทีเดียว

“เอ๊ะ น้ำมนต์ลืมไปเลย วันนี้คุณมีประชุมนี่คะ แล้วนี่ก็เกือบจะเที่ยงแล้วด้วย น้ำมนต์บอกแล้วว่าอยู่เองได้ คุณราเชนทร์น่ะดื้อจะอยู่เป็นเพื่อนน้ำมนต์ทำไมก็ไม่รู้ ยังไม่ส่งงานให้คุณเลยด้วย คุณราเชนทร์รีบไหมคะ เดี๋ยวกลับไปรีบสรุปงานให้เลย” เธอร่ายยาวด้วยความกังวล

“ประชุมประจำสัปดาห์น่ะครับ ไม่ได้มีอะไรด่วนขนาดนั้นหรอก ผมประชุมผ่านวิดีโอคอลเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวให้เลขาสรุปส่งเข้าเมลให้ผม หนูไม่ต้องกังวลหรอก ส่วนงานของหนูเดี๋ยวค่อยส่งให้ผมก็ได้ วันนี้พักเถอะครับ” ราเชนทร์พูดเสียงอ่อนพร้อมกับชื่นชมในความกระตือรือร้นและตั้งใจในการทำงานเช่นนี้ ราเชนทร์ชอบผู้หญิงทำงานเก่ง ฉลาดคิด ฉลาดพูดจึงทำให้เขาเอ็นดูหนูมนต์ลดาเป็นพิเศษ แต่เขาก็ไม่ถึงขนาดต้องให้คนป่วยลุกขึ้นมาทำงานส่งหรอกนะ

“ถ้าเป็นแบบนั้นน้ำมนต์ก็โล่งใจค่ะ กลัวงานของคุณเดือดร้อนเพราะน้ำมนต์”

จู่ ๆ ราเชนทร์ก็พูดโน้มน้าวใจเด็กสาวอีกครั้ง เขาอยากมั่นใจว่าหนูมนต์ลดาอาการดีขึ้นแล้วจริง ๆ แม้คุณหมอจะบอกว่าอาการของเด็กสาวต้องใช้เวลา แต่การที่เขาได้เห็นเธออยู่ในสายตาทั้งยามหลับยามตื่นทำให้เขาสบายใจกว่าปล่อยให้เด็กสาวกลับไปพัก “ผมอยากให้หนูพักที่นี่อีกสักคืน”

“คุณหมอก็บอกว่าน้ำมนต์ไม่ได้เป็นอะไร แค่วิตกกังวลมากไปหน่อยเท่านั้นเอง ว่าแต่…ทำไมคุณราเชนทร์ถึงทำหน้าหงุดหงิดแบบนั้นคะ?”

ราเชนทร์เดินตรงมาที่ข้างเตียง กุมือไว้แน่น พร้อมสบตามนต์ลดาด้วยความห่วงใย “ผมยังรู้สึกผิดที่ทำให้หนูต้องเข้าโรงพยาบาล” มนต์ลดาคลี่ยิ้มอ่อนโยน พลางบีบมือตอบกลับชายหนุ่ม

“คุณราเชนทร์อย่าคิดมากเลยค่ะ อย่างที่คุณหมอบอก การที่น้ำมนต์แพนิกอาจเป็นเพราะลึก ๆ ยังกลัวเหตุการณ์วันนั้นที่เจ้าสัววิฑูรทำไม่ดี พอเกิดเหตุการณ์หรือสิ่งแวดล้อมบางอย่างที่ทำให้รู้สึกกลัวหรือกดดันมาก ๆ อาการเหล่านั้นก็อาจเกิดขึ้นได้ พอเวลาผ่านไปน้ำมนต์เชื่อว่าอะไร ๆ ต้องดีขึ้นแน่นอนค่ะ”

มนต์ลดาพยายามฝืนคลี่ยิ้มเพื่อไม่ให้ราเชนทร์รู้สึกผิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“งั้นเดี๋ยวผมพาหนูไปส่งที่หอนะครับ” ราเชนทร์ลูบเรือนผมนุ่มอย่างทะนุถนอม เด็กสาวช้อนตาจ้องเขาราวกับแมวน้อยกำลังออดอ้อน เรียวปากอวบเม้มแน่นจนขึ้นริ้วสีซีด ยิ่งทำให้หัวใจแข็งกร้าวของราเชนทร์วูบไหวจนแทบหลอมละลาย

“ทำไมหนูถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ ยังไม่อยากกลับหรือครับ”

เด็กสาวยิ้มแป้นจนดวงตากลมโตเล็กหรี่ที่เขาถามได้ตรงกับใจเธอนึกคิด นาน ๆ ครั้งเธอจะได้นอนพักอย่างเต็มอิ่ม เมื่อวันนี้ไม่ต้องไปทำงานการออกไปเที่ยวได้เปิดหูเปิดตาบ้างก็เป็นตัวเลือกที่ดี และที่สำคัญวันศุกร์นี้น้ำมนต์ต้องเดินทางไปโรงงานที่ต่างจังหวัดกับคุณลุงท่านประธาน แต่อีตาลุงยังไม่บอกอะไรกับเธอเลย มนต์ลดาตั้งใจว่าจะใช้จังหวะนี้ถามโปรแกรมงานและจะได้เตรียมซื้อของใช้ส่วนตัว เธอไม่อยากกลับไปเอาของที่บ้าน เพราะรู้ดีว่ากลับไปบ้านหนีไม่พ้นคำเสียดแทงใจ สู้ประหยัดการกินการใช้สักหน่อย ดีกว่าแบกหน้ากลับไปเอาของที่บ้าน

“เดี๋ยววันศุกร์นี้น้ำมนต์ต้องไปดูงานที่ต่างจังหวัดกับคุณแล้ว น้ำมนต์อยากแวะไปหาซื้อของนิดหน่อยค่ะ คุณราเชนทร์พอจะพาน้ำมนต์ไปห้างใกล้ ๆ ได้ไหมคะ”

“จริง ๆ วันนั้นผมตั้งใจจะพาหนูไปดูชุดออกงาน แต่เกิดเรื่องซะก่อน”

“เพราะคุณนั่นแหละ เอาแต่ใจ” เด็กสาวพูดพลางยู่จมูกแซวชายหนุ่ม

ราเชนทร์กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์พลางยื่นหน้าเข้าใกล้ “ผมยอมรับผิดทุกอย่างเลย งั้นแบบนี้ดีไหม ผมให้หนูจูบผมกลับคืนก็ได้นะ…ถือเป็นการไถ่โทษ”

เธอไม่ทันตั้งตัว การที่เขาเข้ามาประชิดหน้าเธอ ทำให้มนต์ลดาทำตัวไม่ถูก นั่งนิ่งตัวแข็งราวกับรูปปั้น ใบหน้าร้อนผ่าว

มนต์ลดาแทบไม่ต้องปัดบลัชออนเพราะพวงแก้มของเธอตอนนี้ขึ้นรอยเลือดฝาดสีแดงระเรื่อจากความเจ้าชู้ของคุณลุงท่านประธานคนนี้ “ตาลุงบ้า! ทำโทษอะไรกัน นี่คิดจะฉวยโอกาสกันชัดๆ” มนต์ลดาบ่นพึมพำ หลุบสายตาหนี พลางยิ้มมุมปากอย่างเขินอายระคนแปลกใจที่เขาก็มีมุมเจ้าชู้โปรยคำหวาน ซึ่งต่างจากตอนอยู่ที่ทำงาน ที่ทั้งเรียกใช้งานเธอตลอดเวลา จ้องจับผิด แก้งานอยู่หลายต่อหลายครั้งตลอดทั้งวันจนบางครั้งเธอเกือบลืมกินข้าว

‘รู้จักโปรยเสน่ห์ซะด้วย เขาเป็นแบบนี้ก็ดูน่ารักดีนะ น่ารักแบบทรงลุงน่ะ’

“แย่จังเลย โดนหนูจับได้ซะแล้ว ถ้าผมขอจูบหนูตรง ๆ หนูน้ำมนต์จะยอมให้ผมจูบไหมล่ะครับ” สายตาเจ้าเล่ห์กระตุกยิ้มร้าย ฉวยโอบเอวบางมาแนบกาย

คราวนี้เด็กสาวไม่ยอมแพ้ เธอยื่นหน้าสู้ ระบายรอยยิ้มทะเล้นเอ่ยหยอกกลับ “แล้วคุณลองขอดูแล้วหรือยังคะ”

ราเชนทร์ขมวดคิ้วคมเข้มอย่างประหลาดใจ พลางดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้มอย่างคนนึกสนุก “งั้นผมขอจูบอีกครั้งนะครับ”

มนต์ลดาใบหน้าร้อนผ่าวเด็กสาวไม่เอ่ยตอบ เธอทำเพียงสบตาเคอะเขิน อมยิ้มเล็กน้อยพร้อมหลับตาพริ้ม ราเชนทร์เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ ลมหายใจร้อนกระทบผิวบาง เขาจูบที่หน้าผากมนเพื่อเป็นการบอกกับเด็กสาวเป็นนัย ไม่ว่ามนต์ลดาจะเจอเรื่องเลวร้ายเพียงใดเขาจะคอยอยู่เคียงข้างและเป็นคนผลักดันเธอเสมอ

ริมฝีปากอบอุ่นประทับอ้อยอิ่งที่หน้าผากมน กลิ่นหอมอ่อนของเธอยั่วเย้าให้ใจของชายหนุ่มเต้นรัวแรง ราเชนทร์ผละจูบจากหน้าผากก่อนจะเลื่อนลงมาจูบอ่อนโยนที่ปลายจมูกอย่างเอ็นดู แล้วเลื่อนลงมาที่ริมฝีปากอวบอิ่ม แต่เสี้ยววินาทีนั้นมนต์ลดากลับหันแก้มนวลให้เขาแทนที่จะเป็นริมฝีปากอย่างที่ชายหนุ่มตั้งใจ

“อ้าว…หนูจะรีบหันหนีผมทำไมครับ” ราเชนทร์ยิ้มร้ายพลางทำสายตาเจ้าชู้ ก่อนจะลูบเรือนผมของเด็กสาวอย่างนึกเอ็นดูแล้วโน้มหน้าลงหอมอย่างมันเขี้ยว

“อย่าค่ะ เมื่อคืน…ยังไม่ได้สระผมเลย หัวเหม็นนะคะ”

“ไหน ผมขอหอมอีกครั้งสิ ไม่เห็นเหม็นเลย” ราเชนทร์ไม่พูดเปล่าเขาโน้มตัวลงไปหอมเรือนผมเด็กสาวอีกครั้ง “ไม่เอาแล้วค่ะ คุณชอบแกล้งน้ำมนต์”

ราเชนทร์เชยคางเด็กสาวก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงนุ่มทุ้มทว่าแววตาจริงจัง

“สักวันผมจะทำให้หนูใจอ่อน”

“หนูจะคอยดูนะ…คุณลุงท่านประธาน” มนต์ลดาเอ่ยแซวพร้อมกับหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินนำออกจากห้องพักคนไข้วีวีไอพี ก่อนจะหยุดยืนรอราเชนทร์ที่หน้าลิฟต์ด้วยสีหน้าสดใสขึ้นกว่าเดิม

“หนูเรียกผมว่าลุงอีกแล้วนะ” ราเชนทร์ยิ้มบาง เขาเอ่ยด้วยเสียงไม่จริงจังพลางกดลิฟต์ชั้น M ซึ่งเป็นชั้นลานจอดรถ

“ก็คุณน่ะ…ชอบทำตัวเหมือนลุงนี่คะ”

“หนูเรียกแทนตัวเองแบบนั้นตลอดไปเลยได้ไหม ผมชอบ”

“ยังไงคะ ให้น้ำมนต์เรียกว่า ‘คุณลุง’ น่ะเหรอคะ สบายมากค่ะ ไม่มีปัญหา” มนต์ลดายิ้มเต็มดวงหน้าพลางหัวเราะชอบใจ

มนต์ลดาแสร้งไม่เข้าใจทั้งที่เธอรู้อยู่เต็มหัวใจว่าเขาชอบให้เธอเรียกแทนตัวเองว่า ‘หนู’ แต่เธออยากจะหยอกคุณลุงท่านประธานอีกสักหน่อย เพราะรอยยิ้มเขาวันนี้ทั้งอบอุ่นและอ่อนโยน เธอยอมรับว่าวันนี้เขาดูดีมากทีเดียว อันที่จริงคุณราเชนทร์ก็ดูดีตลอดเวลา เพียงแต่วันนี้คุณราเชนทร์ตามใจเธอจึงดูดีเป็นพิเศษ

ราเชนทร์ขมวดคิ้วแน่น พลางใช้หลังมือเขกเบา ๆ ที่กลางศีรษะกลม “ผมหมายถึงชอบที่หนูน้ำมนต์แทนตัวเองว่า ‘หนู’ ต่างหากล่ะ!”

มนต์ลดาทัดปอยผมที่หลังหูพลางช้อนตามองคนสูงกว่า “ให้น้ำมนต์แทนตัวเองแบบนั้น…มันจะดีหรือคะ?”

“ดีสิครับ นอกจากหนูจะรังเกียจและมองว่าผมแก่เกินไปสำหรับหนู” ราเชนทร์พูดด้วยเสียงจริงจัง เขามองเด็กสาวไม่วางตา

“น้ำมนต์คิดว่าเรื่องอะไร…คุณราเชนทร์ทำไมต้องหน้าจริงจังขนาดนั้นด้วย ถึงชั้น M แล้วค่ะ เรารีบไปกันดีกว่า” มนต์ลดาก้าวขาออกจากลิฟต์แล้วหันกลับมายิ้มทะเล้น “หนูไม่รังเกียจคุณหรอกค่ะ แต่ที่บอกคุณแก่น่ะ เรื่องจริงอยู่น้า…” เด็กสาวหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจก่อนจะสาวเท้าเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ราเชนทร์ก้าวเท้าตามมาติด ๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

นอกจากหนูมนต์ลดาแล้ว ราเชนทร์ไม่เคยยอมให้ใครว่าเขา ‘แก่’ แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม “เด็กแสบ รอผมด้วยสิ”

‘แสบนักนะ…ลุงคนนี้จะกำราบหนูให้เข็ด!’

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ