บรรยากาศภายในรถคุกรุ่นเต็มไปด้วยความกดดัน ทั้งสองนั่งเงียบตลอดทาง มนต์ลดาบีบมือตัวเองแน่นลอบมองแฟนหนุ่มใบหน้าหล่อเหลาดวงนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชาประดุจน้ำแข็ง ความว้าวุ่นสับสนเข้ามาแทนที่ก่อนที่เธอจะตั้งคำถามวนไปวนมาซ้ำ ๆ ทำไมเขาต้องโกรธเธอขนาดนั้น ทำไมต้องพูดจาไม่รักษาน้ำใจเธอ ทำไมคนที่แสนดีอย่างเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
คำถามมากมายผุดพรายขึ้นภายในใจ นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?
เวลานั้นเองรถหรูเคลื่อนตัวจอดหน้าที่พัก เขาเหยียบเบรกจนรถกระชากแรง พร้อมกับสายตาเชือดเฉือนราวกับจะทิ่มแทงมนต์ลดาให้แดดิ้น ราเชนทร์นั่งจ้องหน้าเด็กสาวอยู่อย่างนั้นโดยที่ไม่พูดอะไรออกมา ยิ่งสร้างความกระอักกระอ่วงระหว่างกัน
ราเชนทร์หวังให้เด็กสาวพูดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ ทว่าสิ่งที่มนต์ลดาแสดงออกมีเพียงความเงียบงัน สีหน้านิ่งเฉย กะพริบตาย้ำๆ ไล่น้ำตา เด็กสาวไม่ยอมบอกเหตุผลว่าทำไมต้องให้คนอื่นถึงเนื้อถึงตัวเกินงาม หรือจริงๆ แล้วเธอเข้ามาเพื่อหวังผลประโยชน์โดยแสร้งใช้ความอ่อนหวานให้เขาตายใจกระนั้นหรือ?
ขณะที่มนต์ลดาต้องการเพียงชายคนรักที่คอยปลอบขวัญพร้อมจะร่วมแก้ปัญหาไปด้วยกัน แต่เขากลับต่อว่าราวกับเธอไม่ใช่คนที่เขารัก ทั้งที่เมื่อคืนเรายังพร่ำคำหวานโอบกอดและสัญญากัน ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นเขาก็พร้อมเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้าง แต่สิ่งที่ราเชนทร์กระทำกับเธอตอนนี้ราวกับเธอเป็นเพียงผู้หญิงไร้ค่าที่ทำทุกอย่างเพื่อให้พ้นผิด
มนต์ลดารู้ดีว่าเรื่องของที่หายไปนั้น ตัวเธออาจต้องรับผิดชอบเพียงแต่ตอนนี้คงต้องให้เป็นเรื่องของทางสมาคมที่หาคนผิดมารับโทษ หรืออย่างน้อยๆ ก็ให้เป็นเรื่องขอกฏหมาย ผู้ใดผิดก็ว่ากันไปตามผิด แล้วเหตุใดคุณราเชนทร์ต้องโกรธเธอถึงเพียงนั้น หรือเพราะเขาไม่พอใจที่เจ้าสัววิฑูรช่วยฉันไว้? ทั้งที่จริงเรื่องระหว่างเธอกับเจ้าสัวไม่มีอย่างอื่นนอกจากเรื่องงาน
เจ้าสัววิฑูรเปิดใจคุยกับมนต์ลดาตรง ๆ ว่าตอนนั้นเขาคิดว่าเธอก็คงไม่ต่างจากผู้หญิงในวงการทั้วที่ที่รับงานสีเทา ภายหลังพี่บัวได้เข้าไปสารภาพว่าหล่อนเป็นคนหลอกเธอให้รับงาน เจ้าสัววิฑูรจึงเอ่ยปากยอมรับอย่างลูกผู้ชาย แท้จริงแล้วเขาก็อยากได้เธอเป็นอีหนูของเขา ทว่าเด็กสาวที่จะอยู่กับเขาแต่ละคนนั้นล้วนมาจากความเต็มใจ มนต์ลดาได้ฟังแล้วก็ได้แต่รับคำขอโทษ ทว่าลึกภายในใจเธอไม่อาจเชื่อเขาได้อย่างสนิทใจ แต่อย่างน้อยเราก็ได้เคลียร์ใจกัน
มนต์ลดาพอจะรู้ว่าราเชนทร์เป็นคนขี้หึงรุนแรงแต่เขาก็ควรจะถามไถ่เรื่องราวทั้งหมดก่อนที่จะมองว่าเธอเป็นผู้หญิงประเภทนั้น กระทั่งอาละวาดทุกคนและประจานให้เธออับอายเช่นนี้
ประธานหนุ่มเดินลงจากรถก่อนจะยืนรอเธออยู่อย่างนั้นอยู่ชั่วครูใหญ่ แต่มนต์ลดาไม่มีท่าทีจะเยื้องกรายลงมา เธอทำเพียงนั่งนิ่งสายตาเลื่อนลอยราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ การที่เธอทำตัวนิ่งเงียบแทนที่จะทำให้เขาใจเย็นลง กลับกลายเป็นสร้างความขุ่นเคืองแก่ราเชนทร์มากยิ่งขึ้น
“ลงมาสิ” ราเชนทร์เน้นเสียงดังจนมนต์ลดาสะดุ้งตัวโยนหลุดออกจากห้วงความคิด เธอหันมองเขาด้วยสายตาหวาดผวา รีบลงจากรถยืนประชันหน้าเขา แม้ไม่มีคำพูดใดออกจากปากแต่ราเชนทร์รับรู้ได้ด้วยใจ ว่ายามนี้น้ำมนต์กลัวเขาอย่างถึงที่สุด แต่จะให้เขาทำอย่างไร เมื่อการกระทำของเธอทำให้เขารู้สึกระแคงใจจนยากที่จะข่มอารมณ์โกรธนั้นได้โดยง่าย
“เข้าที่พักก่อน...เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ท้ายที่สุดราเชนทร์ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยก่อนที่ช่องว่างระหว่างเราจะเริ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างน้อยเขาก็อยากฟังในสิ่งที่หนูมนต์ลดาจะอธิบายมากกว่าที่จะคิดไปเองเช่นตอนนี้
มนต์ลดาหย่อนสะโพกลงยังโซฟาห้องรับแขกด้วยความลำบากใจ อันที่จริงเธอไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับเขาด้วยซ้ำ เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ก็คือสร้อยทับทิมสยามหายและผู้รับผิดชอบคือเจ้าสัววิฑูร ส่วนเธอเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับสร้อยนั้น ย่อมตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเรื่องนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ เมื่อครู่เจ้าสัวพยายามหาทางออกของเรื่องนี้เบื้องต้นขึ้นอยู่กับเจ้าของสร้อยว่าสามารถเจรจาต่อรองได้มากน้อยแค่ไหน ตอนนี้ผู้ถือสิทธิ์คือคุณราเชนทร์แทนที่เรื่องทุกอย่างจะง่ายขึ้น แต่เหตุการณ์กลับตึงเครียด แล้วเธอต้องทำอย่างไร!?
“คุณอยากถามอะไรน้ำมนต์ค่ะ” มนต์ลดาเอ่ยเสียงอ่อน
“แล้วหนูมีอะไรอยากจะบอกผมไหม” ราเชนทร์สะกดกลั้นความขุ่นเคือง ทว่าสายตายังคงเต็มไปด้วยความดุดัน
“เรื่องสร้อยน้ำมนต์ไม่ได้เอาไปนะคะ”
“แล้วยังไงต่ออีก” ราเชนทร์พูดด้วยเสียงเยือกเย็นพร้อมเดินไปยังตู้เย็นเพื่อเปิดน้ำเย็นขึ้นมาดื่ม หวังจะช่วยระงับความร้อนใจให้เย็นลงได้บ้าง
“คุณราเชนทร์ไม่เชื่อน้ำมนต์หรือคะ?” เด็กสาวตอบน้ำเสียงสั่นเครื่อง เธอกำมือแน่นด้วยความอึดอัด คืนนี้เป็นคืนที่เธอลำบากใจมากจริงๆ
“ไม่ใช่เรื่องนั้น” ราเชนทร์หันหลังพูดพลางวางขวดน้ำกระแทกลงไปกับโต๊ะรับแขก จนเด็กสาวสะดุ้งตัวโยน บรรยากาศรอบตัวทั้งสองอบอวลไปด้วยรังสีกดดัน จนหายใจไม่ทั่วท้อง
“แล้วคุณสงสัยอะไรถึงทำหน้าแบบนี้ น้ำมนต์กลัวรู้ไหมคะ”
“เรื่องคุณกับเจ้าสัววิฑูร” ในท้ายที่สุดท่านประธานหนุ่มเอ่ยเรื่องที่ทำให้เขาโมโหจนเสียอาการออกมา
“สำหรับเจ้าสัววิฑูรเป็นแค่คนจ้างงานค่ะ น้ำมนต์รับงานเดินแบบให้เขาเท่านั้นค่ะ แล้วน้ำมนต์ก็ขออนุญาตคุณก่อนแล้วนี่คะ” มนต์ลดาตอบตามความจริง และเธอก็มองไม่เห็นความผิดปกติของเรื่องนี้
“แล้วมีเรื่องอะไรที่มันรู้แล้วผมไม่รู้” ราเชนทร์ตะเบ็งเสียงแข็งพร้อมกับพุ่งตัวไปประชิดมนต์ลดา เรียวนิ้วแกร่งบีบเข้าที่ปลายคางเพื่อหมายมาดให้เด็กสาวสบตาเขาขณะที่พูด
“น้ำมนต์ไม่เข้าใจที่คุณพูด”
“ปกติหนูก็เป็นเด็กที่ฉลาดไหวพริบดีนะ แต่ทำไมเรื่องแค่นี้ถึงไม่รู้ล่ะ หรือเพราะเช็คเงินสดแค่ไม่กี่แสนมันซื้อศักดิ์ศรีของหนูไปจนหมดแล้ว ถึงไปนั่งซบมันตอนอยู่ที่งาน” ราเชนทร์ถากถางน้ำใจหญิงคนรัก ปรายตามองเธอด้วยความเดือดดาลระคนดูถูก นัยน์ตาแดงก่ำ เลือดในกายสูบฉีดจนร้อนผ่าวด้วยแรงโทสะถึงขีดสุด เมื่อเขาคิดถึงคำพูดและใบหน้าเจ้าเล่ห์ของเจ้าสัววิฑูร กับภาพบาดตาที่หญิงคนรักเป็นลมหมดสติซบที่อกของมัน
“เดี๋ยวก่อนนะคะ คุณราเชนทร์กำลังเข้าใจน้ำมนต์ผิด”
มนต์ลดาคว้าข้อมือของราเชนทร์ที่กำลังบีบคางเธอแน่นจนเริ่มรู้สึกเจ็บ ดวงตาร้อนผ่าวน้ำตาเม็ดโตไหลอาบสองแก้ม ทั้งความผิดหวัง เสียใจ ที่ชายคนรักมองเธอเป็นผู้หญิงที่ขายศักดิ์ศรีได้เพื่อเงิน
ประธานหนุ่มจ้องเธอด้วยสายตากดขี่ แสยะยิ้มอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เธอ“งั้น...หนูก็ช่วยบอกให้ผมเข้าใจถูกทีสิ”
“เงินนั่นเราตกลงกันแล้วว่าค่าจ้างงานห้าหมื่นแต่เขาให้มาสองแสน ถ้าน้ำมนต์ไม่รับก็เท่ากับว่าต้องทำงานฟรีสิคะ” เด็กสาวเอ่ยทั้งน้ำตา มือข้างหนึ่งพยายามดันราเชนทร์ออก ส่วนอีกข้างปาดน้ำตาด้วยหลังมือ
แม้มนต์ลดาจะเสียใจกับเรื่องนี้มากเพียงใด แต่การที่เธอร้องไห้อยู่ตอนนี้แทบจะไม่ช่วยอะไรให้ดีขึ้นมาเลย เธอพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกอ่อนไหวทั้งหมดแล้วให้ความเข้มแข็งเข้ามาแทนที่ “ที่สำคัญน้ำมนต์จำเป็นต้องใช้เงินด้วย” มนต์ลดาเอ่ยเสียงอ่อนหลุบตาลงต่ำ
“ออเหรอ...จำเป็นต้องใช้เงินก็เลยเสนอตัวเป็นนางบำเรอให้มันใช่ไหม มันถึงให้เงินหนูขนาดนั้น ถ้าอยากได้เงินไม่บอกผม หนูอยากได้เท่าไรผมพร้อมจะให้อยู่แล้ว แต่ทำไมถึงเลือกหักหลังผม ทำแบบนี้กับผมได้ยังไง?"
"น้ำมนต์ไปทำอะไรคุณ คนที่โดนกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเป็นน้ำมนต์มากกว่าไม่ใช่หรือคะ?" เธอกระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจ
"ถ้าผมไม่ได้ยินที่ไอรินบอกว่าหนูกำลังนั่งซบเจ้าสัวอยู่ ผมคงกลายเป็นไอ้โง่ที่ถูกแฟนตัวเองสวมเขาใช่ไหม ไหนบอกมาสิว่ามันให้เท่าไร ผมให้ได้มากกว่าอยู่แล้ว"
"ที่น้ำมนต์พูดไปทั้งหมดคุณไม่เชื่อ แต่กลับไปเชื่อแฟนเก่างั้นหรือคะ?" มนต์ลดาตัดพ้อเสียงสั่นเครือ
"ผมผิดหวังในตัวหนูจริง ๆ น้ำมนต์ นี่เข้าใจหนูผิดมาตลอดเลยใช่ไหม?” ราเชนทร์เอ่ยเสียงอ่อน พร้อมกับปล่อยคางมนของเด็กสาวให้เป็นอิสระ เขาทิ้งตัวพิงพนักโซฟา สีหน้าดูผิดหวัง
“ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ คุณใจเย็น ๆ ฟังน้ำมนต์ก่อนสิ” มนต์ลดาเขย่าแขนแกร่งของราเชนทร์ด้วยความร้อนใจ อย่างน้อยเธอก็ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดและหูเบาเชื่ออดีตคนรักมากกว่าโดยไม่รู้ความจริง
“จะสร้างเรื่องทำตัวน่าสงสารโกหกอะไรผมอีก เห็นผมโง่มากเลยใช่ไหม” ราเชนทร์ถอดถอนหายใจยาว สบตาหญิงคนรักด้วยความรู้สึกว้าวุ่นสับสน
ประธานหนุ่มรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองเขารู้สึกถึงความว้าวุ่นใจ คำพูดของอดีตคนรักคอยตามหลอกหลอน ทำให้จิตใจร้อนรนเจียนคลั่ง ยิ่งเห็นราเชนทร์เห็นหนูมนต์ลดาอยู่ในอ้อมแขนเจ้าสัววิฑูรต่อหน้าคนมากมาย หนำซ้ำเด็กสาวยังส่งสายตาขอความเห็นใจให้ไอ้ณภัทรนั่นอีก ‘ใครจะไปทนได้!’
ราเชนทร์บีบกระชากแขนน้ำมนต์อย่างแรง ความโมโหเป็นจุดเริ่มต้นให้เขาขาดสติยับยั้ง
“คุณราเชนทร์อย่านะคะ น้ำมนต์เจ็บ” เด็กสาวพยายามสะบัดแขนออก มืออีกข้างปัดป้องอย่างสะเปะสะปะ ผลักให้เขาออกห่าง ทว่ายิ่งน้ำมนต์ดิ้นรนเท่าไร ความเจ็บปวดที่ต้นแขนจากการบีดรัดจากชายอันเป็นที่รัก กลัแนราวกับคีมเหล็ก ความตกใจระคนหวาดกลัวส่งผลให้หยาดน้ำตาใสเอ่อรื้นแพขนตางาม
คลื่นโทสะโหมซัดสาดจู่โจม เขาตวาดน้ำเสียงดูถูกดูแคลน สีหน้ากรุ่นโกรธไม่ยอมอ่อนข้อให้แม้แต่น้อย “หนูเป็นของผมแล้ว ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ ถ้าอยากเป็นนางบำเรอเอาตัวแลกเงินมากนัก บอกมาสิอยากได้เท่าไร…ผมจะซื้อหนูเอง แล้วไม่ต้องเที่ยวเร่ไปหาคนอื่นหรอก”
ความอดกลั้นของมนต์ลดาสิ้นสุดลง เด็กสาวไม่อาจทนฟังคำพูดเสียดสีเหน็บแนมได้อีกแม้แต่ครึ่งคำ นี่หรือคนที่บอกจะรักและดูแลเธอไปตลอด “คุณราเชนทร์จะดูถูกน้ำมนต์มากไปแล้วนะ” เธอเค้นคำพูดลอดไรฟันอย่างเหลืออด
“แล้วมันต่างกันยังไง หนูบอกเองไม่ใช่เหรอว่าที่รับงานมันเพราะต้องการเงิน” ราเชนทร์แสยะยิ้ม สายตาเยือกเย็นคู่นั้นเพ่งมองดวงหน้าสวยของคนรักด้วยความเหยียดหยาม
“ใช่ค่ะ น้ำมนต์ต้องการเงิน แต่ไม่ได้หมายความว่า…ต้องการขายตัวเป็นนางบำของใคร” มนต์ลดากระแทกน้ำเสียงไม่พอใจ สะบัดแขนออกก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นอย่างหงุดหงิด
ขณะเดียวกันราเชนทร์เหลือบเห็นกระเป๋าคลัตช์ของมนต์ลดา เขาก้มลงไปหยิบแล้วเปิดมันออก ก่อนจะละลาบละล้วงค้นกระเป๋าของเธอพบกับเช็คเงินสดจำนวนเงินสองแสนบาท กล้ามเนื้อทุกตารางนิ้วของราเชนทร์อัดแน่นไปด้วยโทสะ กลิ่นอายความตึงเครียดน่าอึดอัดแผ่ออกมารอบตัวเขา
“นี่ไงหลักฐาน หนูรับเงินของมันมาแล้ว แสดงว่ารับงานจากมันแล้วใช่ไหม?” ชายหนุ่มขึ้นเสียงดังอย่างดุกร้าว ใบหน้าหล่อเหลาของเขาปราศจากรอบยิ้มอบอุ่นเช่นที่ผ่านมา ทว่ากลับแทนที่ด้วยความเฉยชา
มนต์ลดารีบฉวยเช็คเงินสดออกจากมือราเชนทร์ด้วยความรวดเร็ว เธอรีบพับแล้วกำมันไว้ในมือแน่น ด้วยความกลัวว่าเช็คเงินสดที่เป็นความหวังสุดท้ายสำหรับจ่ายหนี้จะเสียหาย
“เอาเงินไปคืนมันเดี๋ยวนี้เลยนะ” เขาพูดเสียงเยือกเย็น ทรงอำนาจพยายามอดกลั้นความโกรธที่กำลังก่อตัวอีกระลอก
“ไม่ค่ะ เงินนี้น้ำมนต์จะเอาไปจ่ายหนี้ ทำไมคุณพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้” มนต์ลดารีบตอบทันควันเสียงหนักแน่น คิ้วสวยขมวดแน่น พลางถอยหลังหนีด้วยความหวาดระแวง
“ยังมีเรื่องอะไรที่ผมไม่รู้อีกไหม” ราเชนทร์ถามเสียงนิ่งเย็นชา
สีหน้าราเชนทร์ยังคงเคร่งขรึมไม่แปรเปลี่ยน การกระทำของเขาทำให้คนฟังอย่างมนต์ลดารู้สึกเย็นยะเยือกเข้าไปถึงไขกระดูก ทว่ามนเด็กสาวพยายามเก็บอาการเจ็บปวดหัวใจยากจะทานทน แล้วตอบกลับชายหนุ่มออกไปด้วยน้ำเสียงกระด้างไม่ต่างกัน “น้ำมนต์ไม่คิดเลยว่าคุณจะเป็นคนที่ไร้เหตุผลได้ขนาดนี้”
“บอกว่าเอาเช็คนั้นมาเดี๋ยวนี้ ผมจะให้คนเอาไปคืนมัน” ราเชนทร์ยังคงยืนยันคำเดิม เงินแค่สองแสนแต่ที่หนูมนต์ลดารับก็เหมือนเป็นการหักหน้าของเขา ว่าเรื่องเท่านี้ยังไม่สามารถช่วยคนรักได้ จนต้องให้เธอไปขอความช่วยเหลือจากคนอื่น
ความเจ็บปวดระลอกแล้ว ระลอกเล่าผุดขึ้นมาเสียดแทงความรู้สึก อย่างไรก็ตามมนต์ลดาก็ไม่อาจส่งเช็คเงินสดนี้ให้แก่เขาได้ เพราะเงินนี้จะเป็นหนทางเดียวที่ให้เธอรอดพ้นจากหนี้ก้อนนี้
“ไม่ได้นะคะ น้ำมนต์ต้องเอาเงินไปใช้หนี้ คุณอย่าทำแบบนี้สิ นี่ก็เป็นเงินที่น้ำมนต์เดินแบบมาได้ถึงมันจะมากเกินกว่าที่ตกลงก็เถอะ” เธอวิงวอนเสียงอ่อนแรง พลางใช้หลังมือปากน้ำตาด้วยความเจ็บปวดน้อยใจ ลึก ๆ เธอยังหวังให้เขาจะเข้าใจเธอบ้าง
“โอเค เข้าใจแล้ว สุดท้ายหนูก็ทำทุกอย่างเพื่อเงินสินะ” ราเชนทร์แสดงสีหน้าเจ็บปวดระคนผิดหวังอย่างไม่ปิดบัง หัวใจไหวสะท้านอย่างที่ไม่คิดว่าเธอตอบเช่นนั้น
“คุณหมายความว่ายังไง” มนต์ลดาขมวดคิ้วแน่น ทั้งที่เธออธิบายให้เขาฟังไปทั้งหมดแล้วว่าการที่เธอทำทั้งหมดก็เพื่อการหาเงินใช้หนี้ แล้วสิ่งที่เขาบอกว่าเข้าใจนั้นเขาเข้าใจมันจริงแค่ไหนกัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้ทำให้ราเชนทร์แทบควบคุมสติสัมปชัญญะไว้ไม่ได้ อนึ่งภาพเมื่อกาลก่อนที่อดีตคนรักเคยปิดบังหลอกลวงหนำซ้ำยังคบซ้อน กระทั่งเขาจับได้คาตากลับมาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง ราวกับใช้เหล็กร้อนสะกิดบาดแผลในใจให้กลับมาบาดเจ็บอีกระลอก
เหตุการณ์มันเกิดขึ้นเมื่อ 6 ปีก่อน
“พี่เชนคะ เดี๋ยวคืนนี้ไอรินไปงานวันเกิดเพื่อนนะ” หญิงสาวคลี่ยิ้มหวานมือกอดแขนแกร่ง
อัยลดาเป็นหญิงสาวคนแรกที่ราเชนทร์มั่นใจจะสร้างครอบครัวด้วย นอกจากเราจะรู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียน ครอบครัวของเราทั้งคู่ก็เห็นด้วยกับการคบหาของเรา ความรักของเราเรียกได้ว่าไม่หวือหวาเหมือนที่หญิงสาวต้องการ แต่ทำอย่างไรได้เขาจำเป็นต้องทำงานหนักเพื่อให้ทุกคนในบริษัทยอมรับ ขยายฐานธุรกิจให้เติบโตกว่าสมัยพ่อแม่ที่สร้างมา ใครต่างมองว่าคู่ของเราเหมาะสมกันอย่างกิ่งทองใบหยก ทั้งหน้าตาทางสังคม และชาติตระกูล แต่ไม่รู้เพราะความละเลยของราเชนทร์ หรือความเป็นคนขี้เหงาของอัยลดาเรื่องทุกอย่างมันเลยเกิดขึ้น
“เพื่อนคนไหน พี่รู้จักหรือเปล่า”
“เพื่อนใหม่ที่เจอกันตอนบินไปยุโรปเมื่อปลายปีเองค่ะ เขามาติดต่องานที่ไทย แล้วตรงกับวันเกิดเขาพอดี” อัยลดาเอ่ยน้ำเสียงใส
อัยลดาเป็นสาวสังคมนอกจากเพื่อนไฮโซด้วยกันแล้วยังมีเพื่อนต่างประเทศที่ราเชนทร์ไม่รู้จักอีกหลายกลุ่ม บ่อยครั้งที่แฟนสาวชวนราเชนทร์ไปงานปาร์ตี้แต่เขาเลือกที่ใช้เวลาอ่านหนังสืออยู่กับห้องและนอนพักมากกว่า ทำให้อัยลดาต้องออกไปกับกลุ่มเพื่อนเพียงลำพัง ปีหน้าราเชนทร์มีแพลนจะขออัยลดาแต่งงานเนื่องจากคบหาดูใจกันสี่ปีกว่าแล้ว ถึงเวลาที่เขาต้องจริงจังกับเรื่องนี้เสียที
“เขา?”
“ใช่ค่ะ เป็นผู้ชาย แต่พี่เชนไม่ต้องหึงหรอกนะ เขามีแฟนอยู่แล้ว”
“ไอรินให้พี่ไปส่งไหมเดี๋ยวพี่รีบเคลียร์งานก่อนนะ” ราเชนทร์พยายามรีบเคลียร์เอกสารวาระการประชุมต่าง ๆ ที่มีอยู่ให้เรียบร้อยเพื่อจะได้ไปส่งแฟนสาวให้คลายกังวล แม้เขาจะเชื่อใจเธอแต่ความหวงก็ห้ามกันได้ยาก
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ไอรินรู้ว่าช่วงนี้พี่เชนโหมงานดึก เดี๋ยวไอรินไลน์หาเป็นระยะนะคะ” หญิงสาวเอ่ยเสียงหวานพลางโน้มคอเขามารับจูบดูดดื่มร้อนแรง
จนเวลาล่วงเลยเกือบเที่ยงคืน ราเชนทร์ตั้งใจแวะไปเซอร์ไพรส์แฟนสาวตามสถานที่ที่เธอเอ่ยชวนร้าน Star Mercery ผับขนาดกลางย่านสีลม แต่ที่นี่เป็นที่รวมตัวของเหล่าไฮโซและดาราชื่อดัง ผู้ที่จะเข้าได้ต้องสมัครเป็นเมมเบอร์เท่านั้น แน่นอนว่าราเชนทร์มีเมมเบอร์อยู่ที่นี่เช่นกัน เพราะเป็นสถานที่ที่ไอรินชอบมาปาร์ตี้กับบรรดากลุ่มเพื่อน
ขณะที่ราเชนทร์เข้าไปในห้องวีไอพี สาม ภาพที่กำลังปรากฏต่อสายตาเขาคือ ชายหนุ่มหญิงสาวราวสิบกว่าคนยืนกอดนัวเนียกันอย่างไร้ความอาย อัยลดาเมาเสียงดังโวยวายไร้มาดของลูกสาวเจ้าสัวเมืองกาญจน์ หล่อนปีนขึ้นไปบนโต๊ะเต้นด้วยท่าทางยั่วยวน แววตาพราวระยับเซ็กซี่สะกดสายตาคนมอง มือลูบไล้ไปตามผิวนวลลออ ขณะเดียวกันนั้นผู้ชายต่างชาติรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่งดึงอัยลดาเข้ามาจูบอย่าดูดดื่มต่อหน้าสายตาเพื่อนในห้องนั้น โดยที่หล่อนไม่แม้แต่จะผลักชายคนที่ฉวยจูบ หนำซ้ำเจ้าหล่อนยังโถมตัวเข้าใส่จนชายผู้นั้นเสียหลักทรุดนั่งลงไปกับโซฟายาว อัยลดาขึ้นคร่อมที่หน้าขาแล้วใช้วงแขนคล้องคอก่อนจะประกบปากจูบกับชายผู้นั้นอีกครั้งอย่างคุ้นเคย
ราเชนทร์พุ่งตัวเข้าไปดึงร่างของสาวคนรักออกมาอย่างโมโห ความสามารถในการควบคุมตนเองใกล้จะถึงขีดสุด ความโมโหระคนเสียใจยากที่จะสกัดกั้นโดยง่าย อัยลดาตาปรือตามองคนที่เข้ามากระชากหล่อนออก พร้อมกับความแปลกประหลาดใจอย่างหาที่สุดไม่ได้ หล่อนสูดลมหายใจเข้าลึกเบิกตากว้างมองแฟนหนุ่มอย่างตื่นตะลึง หัวใจของอัยลดากระตุกวูบอย่างแรงกล้า ก่อนจะเอ่ยเสียงสั่งพร่าด้วยความกลัว
“พะ พี่เชน มาได้ยังไงคะ”
“ก็มาตามบัตรเชิญที่ไอรินส่งให้พี่ในอีเมลยังไงล่ะ ลืมไปแล้วเหรอ?” รังสีอำมหิตในตัวราเชนทร์ดูเหมือนจะยิ่งทวีคูณความรุนแรงขึ้น เขาเจ็บปวดคล้ายถูกมีดนับพันนับหมื่นเล่มกรีดลงกลางหัวใจ หลังจากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มสั่นคลอน แผนการที่ราเชนทร์จะไปสู่ขอเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนดเพราะเขาเป็นคนเอ่ยปากบอกว่าขอเวลาทำใจและดูพฤติกรรม
อัยลดาเนื่องด้วยเป็นคนมั่นใจและไม่อยากเสียหน้า หล่อนจึงตัดสินใจเป็นคนบอกเลิกกับราเชนทร์ ประจวบเหมาะกับชายต่างชาติคนที่หล่อนจูบเมื่อคืนนั้นเลิกกับแฟนสาวพอดี อัยลดาจึงเลือกสานต่อความสัมพันธ์กับหนุ่มตาน้ำข้าวแทนทั้งที่ราเชนทร์แม้จะดูใจกันมาหลายปี หลังจากนั้นจึงย้ายไปอยู่ต่างประเทศ เจ้าสัวไพศาลไม่อยากเสียหน้าที่ลูกสาวเลิกกับหนุ่มนักธุรกิจอนาคตไกลอย่างราเชนทร์แล้วหันไปคบกับชาวต่างชาติ แม้ผู้ชายคนนั้นจะเป็นนักธุรกิจก็ตาม
ถึงราเชนทร์จะไม่ใช่คนจีนเต็มร้อยแต่ก็ได้เชื้อจีนมาจากทางคุณพ่อส่วนคุณตาทวดเป็นชาวอเมริกาที่มาเติบโตในประเทศไทยตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ทำให้ใบหน้าของราเชนทร์มีความโดดเด่นทั้งดวงหน้าคมเข้มสันกรามได้รูป ดวงตาถึงจะไม่กลมโตมากนักแต่นัยน์ตาสีนิลทำให้เขาดูมีเสน่ห์น่าหลงใหล นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขากับอัยลดาเลิกรากันไป
“น้ำมนต์ถามว่า คุณหมายความว่ายังไง?” มนต์ลดาแปลกใจที่ จู่ ๆ ราเชนทร์จ้องหน้าเธอแล้วเงียบขรึมราวกับตกอยู่ในห้วงความคิด ดวงตาคู่นั้นเมื่อมองลึกลงไปข้างในดูเหมือนเขาพยายามสะกดกลั้นความขมขื่นในหัวใจ ยิ่งเด็กสาวเห็นสายตาที่เปลี่ยนไปของเขา ก็ยิ่งทำให้จิตใจเธอไหวสะท้าน ทว่าเธอจะใจอ่อนให้เขาไม่ได้ คำพูดและการกระทำของเขาร้ายกาจเกินกว่าใจของเธอจะรับไหว
เสียงเรียกของหนูมนต์ลดาทำให้ราเชนทร์ได้สติหลุดออกจากห้วงความคิดจากเรื่องที่ผ่านมา ทั้งเรื่องของอัยลดากับคนที่เขาอ้างว่าเป็นเพียงเพื่อน หรือแม้แต่รินชญาที่เคยแอบเล่นชู้กับอาไชวัฒน์ ที่ผ่านมาผู้หญิงที่เขาตั้งใจจะร่วมชีวิตคู่สร้างอนาคตไปด้วยกันกี่รายก็รังแต่สวมเขา และนอกใจเขาด้วยกันทั้งนั้น
“ผมหมายถึงหนูจะแอบรับงานเพื่อไปนอนกับมัน สวมเขาผมเพื่อแลกกับเงินแค่นี้น่ะสิ นัดใครไว้บ้างล่ะ ไอ้ณภัทรมันก็เป็นอีกเป้าหมายของหนูใช่ไหม” ชายหนุ่มตะเบ็งเสียงเกรี้ยวกราดพร้อมหลุบตาลงต่ำทรุดลงกับโซฟาด้วยความรู้สึกสับสน เมื่อความโกรธเข้าครอบงำทำให้ราเชนทร์ไม่อาจประคองสติได้อีกต่อไป ความคิดแง่ลบผุดพรายขึ้นทั้งที่มันไม่ควรเกิดขึ้นกับหญิงคนรักเสียด้วยซ้ำ
“สมองคุณคิดได้แต่เรื่องแบบนี้เหรอคะ” มนต์ลดาตอบกลับเสียงแข็งกร้าว หัวใจไหวสะท้าน ความเจ็บช้ำกัดกร่อนหัวใจจนแทบแดดิ้น
“แล้วมันไม่ใช่หรือไง” เขาแสยะยิ้มร้ายนัยน์ตาเจือความผิดหวัง
“น้ำมนต์ไม่เคยนอนกับใครเพราะหวังแค่เงิน และไม่เคยคิดว่าต้องทำแบบนั้นเพื่อให้ได้เงินมาด้วย” เธอยืนยันด้วยเสียงหนักแน่น แม้ในคราวแรกมนต์ลดาจะโกรธราเชนทร์มากจนอยากจะหนีไปให้ไกล แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว เขาอาจจะเป็นแค่คนแก่โมโหร้าย ปากเสีย พูดจาไม่นึกถึงจิตใจของคนอื่นเท่านั้น ที่ผ่านมาราเชนทร์ก็ดีกับเธอมาตลอดแล้วเหตุใดทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้…
“ก็บอกเองไม่ใช่เหรอเพื่อเงิน อยากได้เท่าไรละบอกมาสิ” ความโมโหของราเชนทร์ทำให้พลั้งปากพูดออกไปโดยไม่ตั้งใจ เขาแหวกสาบเสื้อสูทหรูออกเพื่อหยิบสุกเช็คเงินสดจากกระเป๋าด้านใน เขาจ้องดวงหน้าหวานที่กำลังโกรธจนถึงขีดสุด การกระทำของเขายิ่งโหมกระพือความโกรธให้แก่หญิงคนรักเป็นอย่างมาก
“อะไรคะ” มนต์ลดาเอ่ยถามเสียงสะเทือนใจเจือความผิดหวัง ค่าที่เธออาจจะมองเขาผิดไป คนที่เคยรู้จักกันมาบัดนี้ราวกับไม่รู้จักกัน แม้แต่แววตายังไม่หลงเหลือเศษเสี้ยวความอ่อนโยนที่เคยมีมา
“ค่าเปิดบริสุทธิ์หนูเมื่อคืนน่ะ คิดเท่าไร” ราเชนทร์ถามน้ำเสียงดูถูกดูแคลน แววตาแฝงอารมณ์ความรู้สึกชนิดหนึ่งที่อ่านยาก มุมปากแสยะยิ้มอย่างดูดาย พร้อมแกว่งสมุดเช็คในมือไปมา
“มันจะมากไปแล้วนะ คุณราเชนทร์” มนต์ลดาหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธ ไฟโทสะสุมทับอัดแน่นคาใจ ก่อนจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความชิงชัง
‘นี่น่ะหรือคนที่เคยพร่ำบอกรักกัน…เขาพูดออกมาได้ยังไง ค่าเปิดซิงเท่าไหร่…งั้นเหรอ?’ ความกรุ่นโกรธทำให้มนต์ลดา ง้างฝ่ามือตบหน้าราเชนทร์เข้าเต็มแรงเสียงดังฉาดก้องไปทั่วบริเวณ
“นี่ถึงขนาดกล้าตบหน้าผัวเลยหรือ”
“คุณดูถูกน้ำมนต์มากไปแล้วนะคะ ขอให้รู้ไว้ว่าน้ำมนต์มีแค่คุณคนเดียว แต่เรื่องของเราหลังจากนี้พอกันทีค่ะ เราจบกัน” เด็กสาวเอ่ยเสียสั่นเครือ หยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้มนวล ขณะที่เธอพูดกับเขาสายตายังเสมองไปทางอื่น
มนต์ลดาก็เป็นแบบนี้เสมอ ยามปกติเธอไม่ค่อยให้ใครเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัวของใจ เรียกได้ว่าเป็นคนที่ไม่เปิดใจให้ใครก็ว่าได้ แต่เมื่อตัดสินใจรับใครสักคนเข้ามาแล้ว เธอก็จะรักเขาโดยไม่มีใจเหลือเผื่อให้ความเจ็บปวด ทว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ กลับทำให้เธอต้องย้อนนึกว่าที่ผ่านมานั้น ‘เธอคิดผิดอย่างนั้นหรือ?’แม้เธอจะรักเขามากแค่ไหนก็ไม่อาจจะอดทนให้เขาดูถูกดูแคลนได้อีกต่อไป ต่อให้เธอจะคิดถึงชายผู้นั้นคนที่คอยดูแลหัวใจเธอมาตลอด แล้วอย่างไรกันล่ะ? ตอนนี้คุณลุงท่านประธานคนนั้นได้ตายจากเธอไปแล้ว ตั้งแต่มองว่าเธอคิดจะสวมเขาและขายตัวให้คนอื่น
“ไม่ ผมไม่ยอมให้เลิก” ราเชนทร์ตะเบ็งตอบด้วยเสียงเด็ดขาดทว่าเยือกเย็นจนคนฟังรู้สึกหนาวสะท้าน
“ทำไมจะเลิกไม่ได้ค่ะ นี่ขนาดคบกันแค่วันเดียวคุณยังคิดว่าน้ำมนต์จะสวมเขาคุณ งั้นคุณก็เชิญอยู่ไปคนเดียวเลยค่ะ เรื่องของเราถือว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น
“จะไม่เคยเกิดขึ้นได้ยังไง ถ้าลืมเรื่องเมื่อคืนไปแล้ว…จะทวนความจำให้”ราเชนทร์พูดจบก็กระชากเด็กสาวลงมาที่โซฟา ก่อนจะคร่อมเหนือร่างเธอ แล้วประกบปากจูบอย่างดูดดื่มรุนแรง มือแกร่งจับกดแขนทั้งสองข้างเธอไว้กับเบาะโซฟาแน่นราวกับคีมเหล็ก ท่อนขากดทับร่างบอบบางจนรู้สึกเจ็บปวด แต่นั่นก็ไม่เท่ากับความเจ็บช้ำใจของมนต์ลดาที่รู้สึกในตอนนี้
“ออกไปนะ อย่าเข้ามานะ” มนต์ลดาเอ่ยน้ำเสียงสั่นพร่า เรือนกายสั่นระริก เด็กสาวรวมกำลังสุดแรงพยายามผลักเขาออกจากพันธนาการแต่ก็ไม่สามารถจะหลุดพ้นจากเขาได้ หนำซ้ำความรุนแรงป่าเถื่อนยังถาโถมเพิ่มทวีคูณ ราเชนทร์กระชากชุดเดรสออกจนเผยให้เห็นเนินอกอิ่ม เขาซุกไซ้อย่างหื่นกระหายพร้อมกับดูดเม้มจนเกิดรอยแสดงความเป็นเจ้าของสีแดงเข้มหลายต่อหลายจุด
“ทำไมเมื่อคืนผมเอากับหนูไม่ถึงใจเหรอ ถึงต่อเร่ไปหาเจ้าสัวอีก” ราเชนทร์มองน้ำมนต์ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป ความนุ่มนวลอ่อนโยนที่เคยมอบให้แปรเปลี่ยนเป็นความดุร้ายราวกับสัตว์ป่าที่พร้อมจะฉีกกระชากกระต่ายน้อยออกเป็นชิ้น ๆ สนองความสะใจ
“คุณอย่าไปดึงคนอื่นเข้ามาเกี่ยวสิ” เธอเอ่ยทั้งน้ำตา พยายามผลักเขาให้พ้นแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงเขาได้เลย
“ไม่ทันไรปกป้องมันซะแล้ว” คำตอบของหนูมนต์ลดายิ่งทำให้เส้นความอดทนของราเชนทร์ขาดผึง
“ไม่เคยคิดเลยว่าคุณเป็นคนพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้...ปล่อยน้ำมนต์เดี๋ยวนี้นะ”
“ไม่ปล่อย…ผมเคยบอกแล้วไง ว่าจะไม่มีวันปล่อยหนูไปไหนอีก” ราเชนทร์พูดพร้อมกับปลดเปลื้องชุดชั้นในของเธอออกจนเผยให้เห็นทรวงอกอิ่ม
“คุณบอกว่าน้ำมนต์เที่ยวเร่ไปหาคนอื่น ถ้ามองว่าน้ำมนต์ไร้ค่าขนาดนั้นคุณจะดึงดันคบกันอยู่ทำไมอีกคะ” มนต์ลดาเอ่ยทั้งน้ำตา ปล่อยคลื่นความเสียใจให้ระเบิดออกมาต่อหน้าเขาโดยไม่อดกลั้น
“ทางใครทางมันเถอะ น้ำมนต์จะไม่มาให้คุณเห็นหน้าอีก บอกให้ปล่อย...”
ราเชนทร์เห็นท่าทางของเด็กสาวแม้เธอจะร้องไห้โฮจนน่าสงสาร แต่มีหรือที่เขาจะยอมให้เธอได้ในสิ่งที่ต้องการ ‘ต้องการอิสระจากเขางั้นหรือ ไม่มีทางซะหรอก ถ้าความเป็นผัวมันยังผูกมัดหนูมนต์ลดาไม่ได้ก็คงมีแค่หนทางเดียว...’
“ผมไม่ยอมหรอก ลืมไปแล้วเหรอ ว่ายังติดหนี้ผมอยู่ ถ้าหาเงินมาคืนผม สามล้านสามแสนค่าที่จ่ายประมูลสร้อยจากเจ้าของเดิมไม่ได้ งั้นก็มาเป็นนางบำเรอของผม…เหมือนที่หนูชอบทำสิ”
คำพูดร้ายกาจของเขาถูกพ่นออกมาไม่หยุด ทำให้มนต์ลดารู้สึกเจ็บช้ำ ‘หนี้’ เธอต้องเป็นหนี้เพิ่มอีกแล้วหรือนี่ บางครั้งมนต์ลดาก็เผลอคิด ชาติที่แล้วไปสร้างเวรก่อกรรมกับใครมา ตอนนี้เธอถึงต้องมีวิบากกรรมหาเงินมาชดใช้หนี้อย่างไม่รู้จักจบสิ้นเช่นนี้ “น้ำมนต์ไม่ได้ขอร้องให้คุณไปเอาเงินไปซื้อสร้อยต่อจากเขาซะหน่อย” เด็กสาวสะอื้นไห้ แววตากรุ่นโกรธ หัวคิ้วขมวดแน่นจนเป็นปม
“งั้นผมจะเอาเรื่องทั้งคุณ ทั้งทีมงาน ดูสิว่าทุกคนจะทำยังไง”
“ถ้าตรรกะคุณมันพังพินาศแบบนี้ ไม่มีใครอยากอยู่กับคุณหรอก” มนต์ลดาหน่ายใจที่จะพูดกับเขาต่อไป ในเมื่อเธอจำเป็นต้องหาหนีคืนเขาก็คงต้องก้มหน้ารับชะตากรรม ถึงตอนนั้นค่อยไปไกล่เกลี่ยเอาในศาลก็ย่อมได้ เพียงแค่เด็กสาวคิดว่าเธอนี้ต้องถึงกับมีคดีติดตัว หัวใจเธอก็หล่นไปอยู่ที่พื้น หยาดน้ำตาระลอกใหม่ก็ไหลพรั่งพรูออกมา เธอไม่อยากคิดเลยว่าคนที่เธอรักและเชื่อใจจะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นเจ้าหนี้อีกคนของเธอ
“ถึงไม่อยากก็ต้องอยู่ หนูเป็นของผมแล้ว ถ้ากล้าหนีก็ลองดู” ราเชนทร์พูดพร้อมกับบีบปลายคางของเด็กสาวไว้แน่นเรียวลิ้นร้ายฉกชิม ไล้ไปทั่วทุกตารางนิ้วที่ลากผ่าน เด็กสาวกรีดร้องพยายามสะบัดหน้าหนีจุมพิตของเขาที่ครั้งหนึ่งเธอเคยหลงใหลจนอยากชิมแล้วชิมอีก ทว่าตอนนี้แค่ลมหายใจเธอก็ยังไม่อยากใช้ร่วมกับเขาเลยแม้แต่นาทีเดียว
“สามล้านสามแสนใช่ไหม ก็ได้...น้ำมนต์จะหาเงินมาคืนคุณ หลังจากนั้นชาตินี้ เราสองคก็อย่าได้เจอกันอีกเลย” มนต์ลดาตอบเสียงดังพลางฉวยโอกาสที่ราเชนทร์ไม่ทันระวังตัวมุดหนี แล้วผลักเขาออกให้พ้นทาง
แทนที่ราเชนทร์จะกระชากเธอกลับไปกดไว้ที่โซฟานั่นอีก เขากลับปรายตามองน้ำมนต์ด้วยสายตาที่ถือไพ่เหนือกว่า พร้อมกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ แววตาพร่าวระยับ
“ภายในสามวัน”
“อะไรนะ”
“ผมบอกว่า สามล้านสามแสน ภายในสามวัน ไม่งั้นก็มาเป็นนางบำเรอผมซะดีดี" ราเชนทร์พูดอย่างสบายใจ แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ผิดกับคนฟังที่นั่งทรุดเข่าอ่อนลงไปอีกครั้งในทันที เธอสะอื้นไห้ตัวโยนอย่างสิ้นไร้หนทาง
“คุณมันก็ไม่ต่างอะไรกับคนเลวพวกนั้นเลย” เจ้าหนี้ส่วนใหญ่ที่ปล่อยเงินกู้ให้พ่อ เมื่อเห็นมนต์ลดาก็มักยื่นข้อเสนอให้เธอนอนกับพวกเขาไม่ก็มาเป็นนางบำเรอเพื่อชดใช้หนี้ บ้างก็เสนอเงินก้อนโตให้ที่บ้านทำทุน ทั้งพ่อและแม่ต่างก็เห็นว่าเงินพวกนี้ได้มาง่ายเพียงแค่ไปอยู่กับเสี่ยพวกนั้น หนำซ้ำน้ำมนต์ยังสบายไม่ต้องลำบาก แต่นั่นก็ไม่ต่างจากการขายตัว แม้ตอนนี้งานที่เธอทำจะยังทำเงินให้เธอได้ไม่มากเท่ากับการเป็นเด็กเสี่ย ถึงจะต้องทำงานหนักสายตัวแทบขาด แต่น้ำมนต์ก็สัญญากับตัวเองว่าจะเก็บเรือนร่างนี้ไว้สำหรับคนที่เธอรักเท่านั้น
‘หลายคนอาจคิดว่าฉันโง่ ซึ่งฉันก็คงโง่เหมือนที่ใคร ๆ พูดจริง ๆ นั่นแหละ แต่ร่างกายของฉัน ฉันก็มีสิทธิเลือก แล้วฉันก็เลือกแล้วว่าจะมอบให้กับคนที่ฉันรักและเต็มใจเท่านั้น’
“เลวเหรอที่ผมทำทั้งหมด ยังมีหน้ามาบอกว่าผมเลวงั้นเหรอ” สายตาดุดันของราเชนทร์ยิ่งทำให้น้ำมนต์กลัวเจียนหายใจไม่ทั่วท้อง
“จะทำอะไรน่ะ อย่าเข้ามานะ”
“งั้นมีผัวเป็นคนเลวหน่อยเป็นยังไง” ราเชนทร์โถมตัวทาบทับเรือนร่างบางอีกครั้ง ขณะที่น้ำมนต์ตัวสั่นเครือพยายามขัดขืนสุดฤทธิ์ จมูกโด่งซุกไซ้ลงมาสูดกลิ่นหอมอ่อนจากเรือนกายสาว
“ดิ้นไปไหน ทำอย่างกับไม่เคยเอากัน” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบพร่าดังอยู่ข้างหูจนเธอขนลุกซู่ ตัวสั่นเทา นันย์ตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว
ถึงมนต์ลดาเคยนอนกับเขาเมื่อคืน ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้เขาปลุกปล้ำขืนใจเธอได้ นี่มันก็ไม่ต่างอะไรกับเจ้าสัวหรือเจ้าหนี้คนอื่นที่พยายามเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเธอให้จมดิน หรือความจริงแล้วใครต่อใครไม่เคยคิดว่าเธอมีเกียรติเลยกันแน่
มนต์ลดาใจกระตุกวูบหยาดน้ำตาไหลอาบสองแก้มนวลราวกับเขื่อนแตก สมองอื้ออึง นัยน์ตาเลื่อนลอย สีหน้าเคว้งคว้างไร้อารมณ์ ลมหายใจหอบถี่กระชั้น เธอนอนนิ่งเฉยราวท่อนไม้รอเข้าเตาผิง ปล่อยให้ราเชนทร์จูบดูดดื่มซุกไซ้โดยไร้การดิ้นรน ขัดขืน ‘ขนาดคุณเป็นคนเดียวที่ฉันไว้ใจมากที่สุดยังทำกับฉันแบบนี้ แล้วฉันจะสู้อะไรคุณได้อีก อยากจะทำอะไรก็ทำไปเถอะ ดิ้นรนไปฉันก็แพ้’
“หนูน้ำมนต์เป็นอะไรไป” วูบหนึ่งราเชนทร์เสียงอ่อนลง นัยน์ตาดุดันแปรเปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิด มือหนาลูบเรือนลากลงมาที่แก้มใสเปรอะคราบน้ำตาอย่างอ่อนโยน
“เอาสิคะ น้ำมนต์จะทำอะไรได้ อยากทำอะไรก็ทำเลย” มนต์ลดาเบือนหน้าหนี สายตาลอยเคว้ง เธอเอ่ยน้ำเสียงสั่นเครือเจือความสิ้นหวัง ลมหายใจรวยรินราวคนที่ใกล้สิ้นลม
ราเชนทร์หลุบตามองสภาพของเด็กสาวในตอนนี้ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ตัวสั่นเทา เสื้อผ้าหลุดลุ่ยจากการกระชากขาดของเขา หนำซ้ำตามแขนยังมีรอยนิ้วมือเป็นริ้ว ๆ แดงไปทั่ว ยังไม่นับซอกคอขาวและเนินอกอิ่มที่เขาทั้งขบเม้มทำรอยรักไว้ทั่ว ถึงราเชนทร์จะรู้สึกผิดมาเพียงใดแต่ความโกรธยังคุกรุ่นอยู่ไม่จางหายโดยง่าย ชายหนุ่มปล่อยเด็กสาวออกจากพันธนาการ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงหันหลังให้แก่เธอ
“หมดอารมณ์ ผมไม่อยากเอากับท่อนไม้หรอกนะ ใส่เสื้อซะ”
ราเชนทร์เอ่ยน้ำเสียงเย็นชา ผิดกับใบหน้าที่เจือความรู้สึกผิดเต็มหัวใจ ‘นี่เขาเกือบจะขืนใจเธอเสียแล้ว’ เขาสะบัดหน้าแรงไล่ความคิดที่ลอยอยู่ในหัวอย่างเสียไม่ได้ ก่อนที่เขาจะเดินออกไปนอกที่พักโดยทิ้งให้มนต์ลดานอนร้องไห้โฮอย่างน่าสงสารเพียงลำพัง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?