[ราเชนทร์]
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ราเชนทร์รู้สึกลำบากใจ แต่ก็ไม่ยากเกินการควบคุม ทั้งที่คืนนี้น่าจะเป็นคืนที่แสนวิเศษของเขากับมนต์ลดาแต่กลับต้องมาพบกับอดีตคนรัก เท่านั้นยังไม่พอ เจ้าของแบรนด์หน้าอ่อนก็ยังโผล่มาที่นี่อีก
‘ผมจะไม่ยอมให้ช่วงเวลาที่ผมตั้งใจทำให้หนูมนต์ลดาต้องมาเสียเปล่าเพราะแขกที่ไม่ได้รับเชิญหรอกนะ’
“ไอริน นี่ก็เกือบเที่ยงคืนแล้ว ผมกับน้ำมนต์ขอกลับก่อนนะ” ราเชนทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาสร้างความรู้สึกเหินห่างอย่างรุนแรง
“แล้วพบกันในงานที่โรงแรมแกรนด์เดอรีสเตอร์นะคะพี่เชน...” อัยลดาเอ่ยเสียงเรียบ หล่อนคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะหันไปทอดสายตายังชายทะเล
‘น่าแปลกที่ไอรินไม่คิดรั้งผม อาจเป็นเพราะผมแสดงให้หล่อนรู้ ไม่ว่าจะพูดหรือปฏิบัติต่อผมอย่างไร ความรู้สึกที่เคยมีให้กันเมื่อครั้งก่อนนั้นมันก็ไม่มีทางที่จะกลับเป็นเหมือนเดิม’
ราเชนทร์กล่าวลาอัยลดากับณภัทรก่อนจะหันไปประคองหนูมนต์ลดาด้วยสภาพที่แตกต่างจากตอนมา แม้เธอจะเมาจนนัยน์ตาฉ่ำเยิ้ม แต่รอยความสดใสและความอ่อนหวานของของเธอดึงดูดหัวใจของเขาได้ชะงัด หนูมนต์ลดาคุยกับณภัทรอย่างถูกคอ บวกกับมีไอรินที่ถนัดการเข้าสังคม หล่อนค่อนข้างอัธยาศัยดี ไอรินคุยไปชวนดื่มไป ยิ่งทำให้น้ำมนต์ดื่มเอาดื่มเอา
“ยังไม่กลับ...ไม่ได้เหรอคะ? น้ำมนต์ยังไม่อยากกลับตอนนี้” หนูมนต์ลดาสะบัดแขนออกจะพันธนาการของเขา โดยไม่สนสายตาอันน่าสะพรึงที่ชายหนุ่มพยายามข่มอยู่แม้แต่น้อย หนำซ้ำยังยู่จมูกรั้นใส่ ใช้มือป้องปากเอ่ยกระซิบต่อรองขอท่านประธานหนุ่มว่าคืนนี้เธอกำลังสนุกกับการสนทนา อย่างไรเสียก็ยังดึงดันไม่อยากกลับ หนูมนต์ลดาในยามที่ไม่ดื่มแอลกอฮอร์ก็ว่าดื้อดึงมากแล้ว ยิ่งเวลานี้กลับทำให้เด็กสาวหัวรั้นมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ในขณะที่ชายหนุ่มปรายตามองด้วยแววตาคมกริบ ดุดันยิ่งกว่ามีดดาบ เขาลุกขึ้นพร้อมกับพยุงให้หนูมนต์ลดาลุกขึ้นแล้วกล่าวลาทุกคนในโต๊ะอีกครั้งด้วยสีหน้าไม่ชอบใจนัก “คืนนี้หนูเมามากแล้ว ทำตัวโวยวายแบบนี้ดูไม่ค่อยน่ารักเลยนะ”
“อ้าว ไหนคุณลุงบอกว่าน้ำมนต์จะเป็นยังไงก็รักไง...” เด็กสาวบ่นพึมพำเสียงอ้อแอ้ใส่ราเชนทร์ ขณะที่ดวงตาหวานฉ่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
มนต์ลดาลอบสังเกตสีหน้าของราเชนทร์ที่กรุ่นโกรธ เริ่มไม่ยอมอ่อนข้อให้เธอ เด็กสาวจึงยอมจำนน เธอกล่าวลาณภัทรและอัยลดาพร้อมกับให้สัญญาว่าในคืนงานเลี้ยงวันพรุ่งนี้เราค่อยพบกันใหม่ด้วยใบหน้าระบายยิ้ม
ราเชนทร์ประคองหนูมนต์ลดาด้วยความเป็นห่วงระคนขุ่นเคือง เขาไม่คิดว่าเธอจะสนิทกับนายณภัทรไว้ขนาดนั้น ถึงขั้นหัวร่อต่อกระซิกกันอย่างสนิทใจ ต่อมความหึงของเขาเริ่มทำงานโดยอัตโนมัติ ถึงเรื่องความสัมพันธ์ของเรามันจะไม่ชัดเจนนัก แต่การที่จะคุยกับหนูมนต์ลดาตอนนี้ก็ไม่น่าจะเหมาะ
ราเชนทร์ตั้งใจจะขอคำตอบที่ชัดเจนกับหนูมนต์ลดาอีกครั้งในเช้าวันพรุ่งนี้ แม้เขาจะรู้สึกว่าสิ่งที่หนูมนต์ลดาทำให้อย่างการร้องเพลงบนเวทีนั้นเป็นเรื่องที่พิเศษสำหรับเขามาก แต่ราเชนทร์ก็อยากให้หนูน้ำมนต์ตอบเขาด้วยความมั่นใจ ไม่ใช่ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ “เดินลงดี ๆ สิ เดี๋ยวจะตกบันไดได้นะ”
หนูมนต์ลดาเดินโซเซกระทั่งเดินลงมาถึงชั้นล่างของร้าน ตาพริ้มด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปปริมาณมากกว่าปกติ เธอกอดแขนราเชนทร์แน่นแล้วซบหน้าเข้าที่แขนแกร่ง “วันนี้คุณลุงกลิ่นหอมจังเลย”
“หนูน้ำมนต์ค่อย ๆ เดินนะ ใกล้ถึงรถแล้ว” ราเชนทร์พยุงเด็กสาวจนถึงรถแล้วให้เธอเข้าไปนั่งรอในรถ เขาถอนหายใจแล้วเข้ารถตามมา ปกติเขาไม่เคยรังเกียจสาวสายปาร์ตี้ แต่เพราะเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในอดีตของที่อัยลดาเคยกระทำนั้น ส่งผลให้ราเชนทร์มองสาวสายปาร์ตี้ในมุมมองที่แตกต่างออกไป จึงพานทำให้ไม่ค่อยชอบให้เด็กสาวดื่มเยอะจนขาดสติ
ภายในรถหรู กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้ง เสียงเพลงในรถบรรเลงเรื่อยเอื่อย แต่ชายหนุ่มกลับไม่ทันได้สนใจฟังเพลงนั้น เนื่องจากจิตใจเขาเริ่มระส่ำระส่ายราเชนทร์หันกลับมาจ้องหน้าเธอ แต่เมื่อสบกับสายตาหวานเยิ้มเปี่ยมความรักก็เหมือนกับถูกไฟจี้จนต้องเลี่ยงมองทางอื่น
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า...” หนูมนต์ลดาพูดพลางพลิกตัวตะแคงแนบหน้าลงบนพนักเบาะรถแล้วกะพริบตาหวาน
“หนูนอนพักไปก่อนก็ได้ ดื่มไปซะเยอะเลย”
ราเชนทร์พยายามควบคุมสติเอ่ยกับเด็กสาวด้วยเสียงเรียบ ทว่าหัวใจเขากลับแทบหลอมละลายเมื่อมือนุ่มเอื้อมมาลูบแก้มของเขาอย่างเด็กเอาแต่ใจ
“ไม่เอา...ยังไม่พัก อยากมองหน้าคุณลุงแบบนี้ ได้ไหมคะ” เธอไม่พูดเปล่า พิงศีรษะกลมลงบนลาดไหล่ของท่านประธานหนุ่ม ถึงราเชนทร์อยากจะดุมนต์ลดามากเพียงใดที่เธอดื่มตามคำยั่วยุของอัยลดา แต่ท่าทางน่ารัก รอยยิ้มหวานนั้นยังคงงามหยาดเยิ้ม ทำให้หัวใจของราเชนทร์พลันร้อนวูบวาบ เขาลูบศีรษะเธออย่างเอ็นดูเหมือนทุกครั้ง “คุณชอบหนูจริง ๆ เหรอคะ?”
ราเชนทร์หลุบตามองเด็กสาวที่พิงไหล่หลับตาพริ้ม เธอเอ่ยถามซ้ำเสียงอ้อแอ้ ชายหนุ่มในใจปั่นป่วนรุนแรงประหนึ่งคลื่นซัดโหมกระหน่ำ เขาคลี่ยิ้มบางก่อนจะตอบเธอสั้น ๆ แค่คำว่า ‘อื้ม...’
มนต์ลดาดีดตัวลุกขึ้นนั่งจ้องหน้าเขานัยน์ตาเขม็ง คิ้วสวยขมวดพันกันยุ่ง ใบหน้าบูดบึ้งแสดงความไม่พอใจแบบเด็ก ๆ อย่างไม่คิดจะเก็บอาการ
“อื้มเฉย ๆ ได้ยังไงกัน”
“แล้วหนูจะให้ผมตอบว่าอะไร?” ราเชนทร์เห็นท่าทางหงุดหงิดของเด็กดื้อ เขาจึงนึกสนุก อยากยั่วประสาทคนเมาสักหน่อย
“ไม่รู้ล่ะ หรือเพราะเจอคุณไอริน...”
“เกี่ยวอะไรกับไอริน”
“แฟนเก่าคุณนี่...ดูแล้วเธอยังชอบคุณอยู่นะ”
“แต่ผมไม่ได้ชอบไอรินแล้ว”
ราเชนทร์เปิดไฟเลี้ยวพร้อมกับจอดรถหน้าที่พัก ถึงเขาจะไม่ชอบอาการเมาของหญิงสาวมากนัก แต่ต้องยอมรับว่าเธอเมาแล้วน่ารักจนเขาแทบจะสะกดกลั้นความปรารถนาไว้แทบไม่ไหว คงไม่ได้มีแต่เขาคนเดียวหรอกที่เกิดอารมณ์หึงหวง
ประธานหนุ่มแสยะยิ้มร้ายเมื่อเขาคิดได้ว่าอาการที่เธอกำลังเง้างอนเขา อยู่นั้นก็เกิดขึ้นมาจากความ ‘หึง’ ไม่ต่างไปจากตนเอง
“งั้น...คุณลุงบอกชอบหนูอีกครั้งได้ไหมคะ?”
แววตาของมนต์ลดาทอประกายวาบขึ้น เสียงใสออดอ้อนด้วยนัยน์ตาทอประกายวาดหวังให้คุณลุงท่านประธานเอ่ยความรู้สึกนั้นซ้ำอีกสักครั้ง
ราเชนทร์หันไปมองใบหน้างดงามดวงนั้น ปรากฏความเขินอายพวงแก้มแดงระเรื่อจ้องมองแค่เพียงเขาด้วยตาไม่กะพริบ ก่อนที่ชายหนุ่มจะใช้มือหนาประคองพวงแก้มเนียนแล้วจุมพิตที่หน้าผากมนอย่างแผ่วเบาด้วยหัวใจไหวสะท้าน ความรู้สึกมากมายที่ก่อตัวขึ้นมาทีละน้อยราวกับคลื่นใต้น้ำค่อย ๆ โถมทะลักเข้ามาจนเขาแทบสะกดกลั้นมันไว้ไม่อยู่ มนต์ลดาช้อนตามองเขาพลางกะพริบตาหวานปริบ ๆ
“หนูเมามากแล้ว เข้าไปพักนะ เดี๋ยวสร่างแล้วค่อยคุยกัน”
“ไม่ค่ะ น้ำมนต์ไม่ไป…จนกว่าคุณจะบอกให้มั่นใจอีกครั้งว่าชอบหนูจริง ๆ”
ราเชนทร์ถอนหายใจยาวกับเด็กดื้อที่กำลังแผลงฤทธิ์ เขายีผมเธอจนยุ่งเหยิงแล้วลงไปเปิดประตูรถหรู พลางประคองเด็กดื้อออกจากรถเพื่อกลับเข้าไปยังที่พัก
“ผมไปส่งหนูที่ห้องนะครับ”
“วันนี้คุณใจร้ายจัง” เธอทำใบหน้าบูดบึ้งแล้วเบือนหน้าหนี พลางบ่นน้อยใจพึมพำ เรียกรอยยิ้มจากคนที่เห็นให้นึกเอ็นดู
‘เวลาหนูเมาน่ารักแบบนี้ แล้วแบบนี้ผมจะอดใจได้อีกนานแค่ไหนกันล่ะ’ ราเชนทร์พยุงเธอพลางเปิดประตูเข้าไปยังห้องนอนขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านในสุด เขาประคองร่างอรชรของเธอให้ลงไปนั่งพักบนโซฟาก่อนจะลูบเรือนผมสวยที่ตอนนี้ยุ่งเหยิงด้วยความรัก ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
จู่ ๆ มือบางเย็นเฉียบของมนต์ลดาคว้าแขนของราเชนทร์ กระตุกดึงจนชายหนุ่มหยุด หันกลับมามองเธอด้วยสีหน้าแปลกใจ
“วันนี้หนูน่าจะเหนื่อยมากแล้ว ผมส่งหนูตรงนี้นะครับ” ราเชนทร์แย้มยิ้มอบอุ่น แต่เด็กสาวกลับยิ่งบีบแขนเขาแน่นยิ่งขึ้น “หรือ...หนูมีอะไรอยากจะบอกผมหรือเปล่า?” เขายิ้มกริ่มที่มุมปากเมื่อเห็นดวงหน้าเล็กก้มลงอย่างขวยเขิน ไม่กล้าสบตาเขาเหมือนปกติ
“คุณ...ยังไม่ตอบคำถามของหนูเลยนะ” เด็กสาวพูดน้ำเสียงเรียบแต่จริงจัง
“พรุ่งนี้เช้าเราค่อยคุยกันดีกว่า”
“ไม่เอาค่ะ ไหนคุณบอกว่าคืนนี้มันเป็นคืนพิเศษของเราไม่ใช่เหรอคะ แค่มีคนอื่นมาขัดจังหวะนิดหน่อยเอง คุณถึงกับทำทุกอย่างเหมือนไม่เคยเกิดอะไรขึ้น นี่คุณลุงทำเหมือนกับไม่เคยขอน้ำมนต์คบด้วยซ้ำ เดี๋ยวก็ทำเหมือนชอบ เดี๋ยวก็ทำเฉย ๆ ตกลงคุณรู้สึกยังไงกันแน่คะ”
“หนูเมาแล้วเริ่มโวยวายแล้วนะ รู้ตัวไหม”
“ไม่เอาค่ะ น้ำมนต์อยากคุยกับคุณ…เดี๋ยวนี้! ตอนนี้!”
แต่แล้วจู่ ๆ ราเชนทร์ก็โถมตัวเข้ามาคร่อมร่างบางของมนต์ลดาให้นอนราบแนบลงไปกับโซฟา นัยน์ตาเขาที่แดงก่ำฉ่ำเยิ้ม เรือนกายกำยำทาบทับลงมาพร้อมกับลมหายใจแฝงกลิ่นแอลกอฮอล์ แทนที่เด็กสาวจะเบี่ยงหน้า ดิ้นรนหนีออกจากเนื้อตัวหนั่นแน่นชวนสั่นสะท้านนี้ แต่เธอกลับใช้วงแขนคล้องคอเขาไว้ ใบหน้าของราเชนทร์โน้มเข้ามาใกล้เธอจนอกใจไหวสะท้าน มนต์ลดามองเขาด้วยสายตาชื่นชมหลงใหล ดวงตาดำสนิทคู่นั้นเจิดจ้า เต็มไปด้วยประกายแห่งไฟปรารถนา
“หนูรู้ตัวไหม ทำแบบนี้เหมือน…กำลังยั่วผมอยู่”
“ยังไงคะ?”
ราเชนทร์โน้มตัวลงไปจูบริมฝีปากนุ่มแบบที่เขาอยากทำมาทั้งคืน ดวงตาของทั้งคู่สะท้อนภาพของกันและกัน เขายกยิ้มมองแก้มแดงระเรื่อของเด็กสาวก่อนจะแตะปลายจมูกที่ข้างแก้มนวล ขยับปากขบเม้มผิวนุ่ม ลากไล้สูดกลิ่นหอมอ่อนของสาวแรกรุ่น ปัดป่ายจมูกลงมาที่ลำคอขาวเนียน ก่อนจะขบเม้มบนผิวเนื้ออ่อนทำรอยกลีบกุหลาบสีจางเพื่อประกาศความเป็นเจ้าของ
“ผมรักคุณ...หนูน้ำมนต์ คบกับผมนะครับ”
ราเชนทร์เอ่ยเสียงอ้อนแววตายั่วเย้า ปลายจมูกคลอเคลียพ่วงแก้มใส
หัวใจดวงน้อยของมนต์ลดาเต้นรัวแรงกับแววตาคมพราวระยับ ปล่อยให้เขาไล่ต้อนจูบตรงนั้นทีตรงนี้ที เวลานี้ในสมองอันว่างเปล่าของเธอมีแต่เขาเท่านั้น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์หรือเกิดจากความรู้สึกที่เอ่อล้นภายในใจ เด็กสาวต้องการเพียงเขาเท่านั้น หัวใจของเธอไม่มีที่ว่างให้สิ่งอื่นใดสอดแทรกลงไปอีก นอกเสียจากการสวมกอดโดยไร้คำพูดของเขา เธอสัมผัสได้ถึงความเสน่หาและความปรารถนาอันแรงกล้า รอยจูบรสหวานเจือเฝื่อนของราเชนทร์ทำให้เด็กสาวเคลิ้บเคลิมจนยากที่จะถอนตัว
ราเชนทร์เกลี่ยพวงแก้มเนียนพลางสบตาเธอที่เบือนหน้าหนี พยายามกอบโกยอากาศ เพราะรสจูบของเขาแม้จะนุ่มนวลแต่เนิ่นนานจนเธอเหมือนจะขาดอากาศหายใจ “หนูตกลงคบกับผมแล้วใช่ไหมครับ?”
มนต์ลดาหัวใจกระตุกไหว จากที่เคยเงียบเหงาเดียวดายเมื่อได้ยินประโยคขอขยับความสัมพันธ์ เธอตื่นเต้นราวกับหัวใจทั้งดวงแขวนลอยขึ้นไปจนสูง เด็กสาวรีบพยักหน้าพร้อมพวงแก้มแดงระเรื่อ ตอบรับคำขอจากเขา ระบายรอยยิ้มอย่างคนที่เป็นต่อ พร้อมเอ่ยคำประกาศิตแสดงความเป็นเจ้าของเสร็จสรรพ
“ค่ะ คุณลุงเป็นแฟนหนูแล้วนะ ห้ามไปมองใครอีกด้วย”
ชายหนุ่มประคองแก้มกลมพร้อมแนบริมฝีปากประกบกลีบปากนิ่ม ชิมความหวานจากเด็กสาวอย่างอ่อนโยน ริมฝีปากของเธอค่อย ๆ อ้าเผยอออกรับเรียวลิ้น เขากดจูบเนิบนาบอย่างละเมียดละไม จนค่อย ๆ ร้อนแรงในเวลาต่อมาก มือหนาเริ่มซุกซนลูบไล้ไปยังเรียวขาเนียนอย่างเอาแต่ใจ หัวใจของเขาแทบจะหลอมละลายด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียวของเธอ แม้คำตอบจะไม่เอ่ยคำว่า ‘รัก’ ออกมาให้ราเชนทร์ได้ชื่นใจ แต่การที่เด็กสาวประกาศกร้าวราวกับเธอเป็นเจ้าของเขา นั่นยิ่งทำให้ราเชนทร์อยากจะกลายเป็นเจ้าของขึ้นมาจริง ๆ และเขาไม่อยากจะหยุดลงแค่ ‘จูบ’
ขณะที่ราเชนทร์มอบรอยจูบหวานให้กับแฟนสาวป้ายแดงอยู่นั้น มือหนาข้างหนึ่งถือวิสาสะรูดซิปชุดเดรสลงจนถึงสะโพก เขาไม่ได้ถอดเดรสออกในทันที แต่ทำให้มันหมิ่นเหม่จนเห็นเรือนร่างและส่วนที่อวบอิ่มได้รูปเกือบจะเต็มตา มนต์ลดารีบใช้มือกอบกุมส่วนนั้นไว้อย่างเคอะเขิน ทว่าปิดอย่างไรก็ไม่มิด ต้องหลุบตาลงอย่างขวยเขิน ไม่กล้าสบตา ขณะที่ชายหนุ่มยกยิ้มพึงพอใจ
“ผิวตรงนี้หนูสวยจัง” ราเชนทร์พูดพลางคลอเคลียซอกคอขาว ลากลงยังกระดูกไหปลาร้า ก่อนจะซุกไซ้ยังอกอิ่ม พร้อมคลึงเคล้นจนเด็กสาวเผลอครางฮือออกมาอย่างลืมตัว เขาวกกลับไปประกบริมฝีปากนุ่ม ดูดกลืนลมหายใจของเธออีกครั้ง สติอันน้อยนิดนิดของมนต์ลดาจะกู่ร้องบอกถึงอันตรายที่อยู่ใกล้เธอเพียงคืบ ทว่าเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเธอหลังจากนี้อาจเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอไปตลอดกาล ความกลัวเมื่อครั้งที่ผ่าน ๆ มา ผสานกับแรงปรารถนาซ่อนเร้นในใจที่มีมากกว่ากู่ร่ำร้องให้มนต์ลดาปลดปล่อยตัวเองจากพันธนาการทั้งปวง และโผเข้าหาอ้อมกอด รอยจูบ รสสัมผัสที่โหยหาตามเสียงเรียกร้องของหัวใจ
มนต์ลดาทำอะไรไม่ถูก นอกจากใช้มือข้างหนึ่งโอบรอบคอแกร่งไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างสอดนิ้วเข้าไปในกลุ่มผมสีน้ำตาลอมแดงยึดมันไว้แน่น พร้อมกับบิดกายรับสัมผัสที่เขากำลังจะมอบให้ด้วยใจที่หวั่นไหว
“ตัวหนูทั้งขาว ทั้งหอม จนผมอยากจะ...”
คำเอ่ยชมของเขายิ่งทำให้มนต์ลดาตัวลอย เลือดในกายสูบฉีดด้วยแรงอารมณ์ เธอหลับตาพริ้มรับรสจูบร้อนแรงจนริมฝีปากนั้นบวมเจ่อ สัมผัสละมุนแตะต้องไปทุกอณูของผิวบอบบาง มารู้ตัวอีกทีชุดเดรสผ้าซาตินสีครีมเย็นลื่นก็ถูกปลดเปลื้องออกไปกองที่ปลายข้อเท้า เธอรู้สึกใจเต้นสั่นระรัว ความเสียวซ่านวูบไหวยามที่เรือนกายไร้อาภรณ์บดบัง ทว่าแววตาอ่อนโยนมีแววหวาดผวา ความรู้สึกของเธอค่อย ๆ เปลี่ยนไปเมื่อจู่ ๆ ความอึดอัดกระวนกระวายว้าวุ่นใจจวนคลั่งเข้ามาแทนที่ แก้มเนียนใสเห่อร้อนราวไฟสุม ศีรษะปวดรวดร้าวเจียนแตกออกเป็นเสี่ยง นัยน์ตาหวานเยิ้มเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความระแวง ลมหายใจหอบถี่ เนื้อตัวเริ่มสั่นเทา ร่างบางห่อตัวอย่างหวาดหวั่น หัวใจที่เคยแช่มชื่นก่อนหน้า จู่ ๆ พลันดิ่งวูบลงอย่างกะทันหัน
มนต์ลดาพยายามสะกดกลั้นความครั่นคร้ามด้วยการฝืนยิ้มออกมาอย่างสุดกำลัง ทว่าราเชนทร์กลับรับรู้ได้ถึงความผิดปกติของเด็กสาว หน้าผากมนของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อกาฬผุดทั่วกรอบหน้า เนื้อตัวสั่นเทา มือบางชื้นเหงื่อเย็นเฉียบ ราเชนทร์หยุดทุกการกระทำของตัวเองพร้อมโอบกอดเธอด้วยความรักราวกับให้มนต์ลดารับรู้ถึงพลังความห่วงใยที่เขาถ่ายเทความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยให้เธออย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย กระทั่งค่อย ๆ สงบนิ่งลงได้อย่างน่าประหลาด ชายหนุ่มพยายามแสดงความอ่อนโยนหวานซึ้งเพื่อลดความระแวงในใจของเธอที่มีต่อเขา
“หนูเป็นอะไร...”
“เอ่อ...”
“หนูน้ำมนต์...กลัวผมใช่ไหม?”
“เอ่อ...คือ”
“ไม่เป็นไรนะคนเก่ง ผมรอหนูได้” ราเชนทร์ระบายรอยยิ้มอ่อนโยน ดึงเดรสของเด็กสาวให้กลับขึ้นมายังที่เดิม ทว่าหนูมนต์ลดากลับรั้งข้อมือเขาไว้ โผเข้ากอดราเชนทร์หวังจะให้อุ่นไอของเขาชะล้างความวิตกของเธอให้มลายหายไป
“คือ...หนู”
ราเชนทร์กอดเด็กสาวเข้ามาซบแนบอก มือหนาลูบเรือนผมพลางปลอบขวัญ วูบหนึ่งประธานหนุ่มย้อนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อครั้งก่อนที่เขาฉวยจูบที่ทางหนีไฟ ครั้งนั้นแม้เธอจะไม่ขัดขืนแต่ท้ายที่สุดเด็กสาวก็เป็นลมหมดสติไปจากอาการแพนิก
‘หรือนี่หนูน้ำมนต์จะเกิดอาการนี้อีกแล้ว’
“หนูกลัวผมใช่ไหม? เด็กดี...ผมขอโทษนะ” ราเชนทร์เอ่ยคำขอโทษซ้ำ ๆ ด้วยความรู้สึกผิดอยู่เต็มอก อันที่จริงเขาไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเลยเถิดขนาดนี้ เพียงแต่ความหื่นกระหายในส่วนลึกของจิตใจมันร่ำร้อง บวกกับความหึงหวงระคนอยากเป็นเจ้าของเธอ ทำให้ราเชนทร์คิดจะให้เธอตกเป็นของเขาในคืนนี้ แต่กลับเขาลืมไปเสียสนิทใจว่าเธอมีปมในใจตั้งแต่ตอนที่ไอ้เจ้าสัววิฑูรตั้งใจจะปล้ำเธอ จึงส่งผลให้เด็กสาวอาจเกิดสภาวะวิตกกังวลอย่างรุนแรงเมื่อเขาปลดเปลื้องชุดของเธอออก
ประธานหนุ่มทอดถอนหายใจยาวพยายามสะกดกลั้นความหื่นกระหายที่คุกรุ่นพลุ่งพล่านให้นิ่งสงบอย่างเนิบช้า แต่ไฟปรารถนาของเขายังไม่ทันได้สงบลง มนต์ลดากลับเป็นฝ่ายรุกเข้ามาจูบเขาโดยที่ท่านประธานไม่ทันตั้งตัว
ราเชนทร์ตกตะลึงพรึงเพริด เต็มไปด้วยความประหลาดใจก่อนจะยิ้มกริ่มที่มุมปาก เขาไม่ได้จูบตอบกลับแต่อย่างใด เพียงแต่ขยับหลังพิงเข้ากับพนักโซฟาแล้วดึงเด็กสาวให้ทาบทับลงบนอกแกร่งแทน
“หนูไม่ต้องฝืนใจหรอก ยังไงผมก็รักหนูเหมือนเดิม”
“หนูไม่ได้ฝืนใจ...”
มือเล็กลูบไล้แผงอกกำยำอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ ใบหน้าร้อนเห่อราวกับจับไข้ เธอเลื่อนมือขึ้นมาเกลี่ยพวงแก้มของคุณลุงท่านประธานพร้อมกับสบตาหวานซึ้ง
“งั้นหนูน้ำมนต์บอกผมได้ไหมว่าจูบของหนูเมื่อกี้...หมายถึงยังไง?”
ราเชนทร์ลูบไล้แผ่นหลังเรียบเนียนก่อนจะลากมือลงไปสัมผัสสะโพกผายกลมกลึงอย่างอ้อยอิ่ง
“คุณต้องการหนูไหม?” ดวงหน้าเล็กก้มลงอย่างขวยเขิน ไม่กล้าสบสายตา
“หนูไม่ต้องกังวล...ผมรอหนูได้”
“ถ้าคุณให้สัญญาว่าจะไม่ทิ้งหนู...”
“ผมไม่มีวันทิ้งหนูแน่นอน” ราเชนทร์พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น ทว่าจริงจังทุกคำพูดราวกับจะตอกย้ำคำของตัวเองด้วยอ้อมกอดและรอยจูบที่มอบให้กับเธออย่างอ่อนโยน
“ถ้าวันไหนหนูทำตัวไม่น่ารักล่ะ”
“ก็ต้องดูก่อนว่าหนูก่อเรื่องอะไร?”
“ถ้าหนูจะไปก่อเรื่องอะไรได้ล่ะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นหนูน้ำมนต์ก็ไม่ต้องกลัว ผมไม่มีวันจะปล่อยหนูเผชิญปัญหาคนเดียวแน่นอน”
“งั้น...ช่วยทำให้น้ำมนต์เป็นของคุณเดียวได้ไหมคะ?”
“นี่หนูรู้ตัวอยู่ใช่ไหมว่าพูดอะไรออกมา”
ราเชนทร์ได้ฟังคำของเด็กสาว หัวใจของเขากระตุกวูบ ถึงอยากให้เธอมาเป็นของเขามากเพียงใด แต่ถ้าครั้งนี้เธอตอบตกลงเพราะความขาดสติ เขาก็ไม่อยากจะถูกตราหน้าว่าเป็นคนฉวยโอกาส
“ถึงน้ำมนต์จะเมา แต่ก็รู้ว่าทำอะไรอยู่ค่ะ”
“แล้วอาการแพนิกที่เป็นอยู่นี่...”ราเชนทร์เกลี่ยแก้มใสอย่างเป็นกังวล
“ถ้าคุณจะกอดหนูให้แน่นขึ้น ใจเย็นกับหนูสักหน่อย จูบหนูให้มากกว่านี้อีกสักนิด หนูก็ไม่กลัวอะไรแล้วค่ะ”
“หนูรู้ตัวไหม...เป็นแค่แฟนไม่กี่นาทียังทำให้ผมหลงได้ขนาดนี้ และถ้า…เป็นเมียผมจะหลงมากขนาดไหน?”
“ลองดูสิคะ น้ำมนต์ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคุณจะคลั่งรักอย่างที่พูดหรือเปล่า”
ท้ายที่สุดเส้นความอดทนของราเชนทร์ก็ขาดผึง เขาก้มหน้าลงคว้าตัวเธอไว้แล้วจุมพิตลงบนกลีบปากสีชมพูของเธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะค่อย ๆ เร่าร้อนในเวลาต่อมา ชายหนุ่มต้องตั้งสติควบคุมอารมณ์ไม่ให้เผลอไผลไปกับแผ่นหลังเปล่าเปลือยอันมีเสน่ห์เย้ายวนใจของเธอ ริมฝีปากของเขาและสองมือสอดกระหวัดรัดเกี่ยว ปัดป่ายโลมไล้ไปตามเรือนร่างของเธออย่างนุ่มนวลทว่าร้อนแรง
หนูมนต์ลดาครางเสียงกระเส่า ปล่อยตนเองให้เตลิดเพริดไปกับห้วงอารมณ์เสน่หาที่เขาปลุกเร้าขึ้น ร่างกายเด็กสาวร้อนวูบวาบระลอกหนึ่งพร้อมหัวใจเต้นรัวแรง ลิ้นอุ่นร้อนแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดลิ้นนุ่มของเธออย่างจาบจ้วงอุกอาจ ขณะที่มือค่อย ๆ ปลดเปลื้องชุดเดรสตัวสวยให้หลุดออกจากเรือนกายของเธอไปในที่สุด เด็กสาวเคลิบเคลิ้มกับรสจูบและสัมผัส ความอ่อนโยนแผ่ซ่านจากปลายนิ้วของเขา ทำให้จิตใจเธอหวั่นไหวค่อย ๆ ถลำลึกลงสู่ห้วงแห่งความปรารถนา เพี้ยงเสี้ยวนาทีบราเซียตัวน้อยที่คอยปกปิดส่วนอ่อนไหวก็ถูกปลดออกอย่างง่ายดายเช่นกัน ทำให้ทรวงอกอิ่มเย้ายวนเผยต่อหน้าต่อตาเขา ดวงตาคมกริบจับจ้องทรวงอกงามอย่างหมายมาด ความชำนาญของเขานำพาปลายนิ้วแกร่งไล้วนเบา ๆ สร้างความเสียวซ่านขึ้นในกายเด็กสาว
“คุณลุงขา...” มนต์ลดาบิดกายด้วยความเสียวซ่านก่อนจะขยับเรียวขาขึ้นรัดสะโพกสอบไว้ตามสัญชาตญาณ นัยน์ตาสีนิลเปี่ยมล้นไปด้วยความปรารถนา
“หืม?” เสียงแหบพร่าของเขาดังขึ้นพร้อมความหื่นกระหายยากจะหยุดลงได้
“ช่วยถนอมหนูหน่อยนะคะ” เธอเอ่ยน้ำเสียงกระเส่า
ปลายจมูกเขาขยับเข้าถูไถแก้มนวลของเธออย่างนุ่มนวล หยอกเย้าอ้อยอิ่งอยู่แถวเนินอกอวบอิ่มให้เธอหายใจไม่ทั่วท้อง เรียวนิ้วร้ายคลึงเขี่ยจุดอ่อนไหวจนร่างบางบิดเร่าด้วยความเสียวซ่าน ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะครอบครองลงบนทรวงอกอิ่ม ดูดกลืนเม็ดทับทิมสีสวยเข้าไปอย่างหิวกระหายครั้งแล้ว ครั้งเล่า เธอครางเสียงกระเส่า ปล่อยให้เขานำพาเธอไปยังห้วงปรารถนาที่เขาปลุกเร้าขึ้น
ราเชนทร์ดึงมือเด็กสาวขึ้นมาที่เสื้อเชิ้ตของตนหมายจะให้เด็กสาวช่วยปลดกระดุมออก แต่ด้วยความที่เธอไม่เข้าใจ มิหนำซ้ำยังขมวดคิ้วใส่ยิ่งทำให้ชายหนุ่มอยากหยอกเย้าเธอสักหน่อย “ปลดกระดุมผมสิ” เสียงทุ่มต่ำเอ่ยสั่ง
“อะ...เอ่อ...”
“ถ้าอยากให้ผมทำต่อ งั้นช่วยถอดเสื้อให้ผมหน่อย” ราเชนทร์ยกมุมปากแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ พร้อมมองเด็กสาวที่กำลังแสดงสีหน้าเคอะเขินอย่างเห็นได้ชัด แต่เธอก็ค่อย ๆ ยื่นมือปลดกระดุมเขาออกทีละเม็ดทีละเม็ด เรือนร่างเธอไร้อาภรณ์ใดปกคลุม นอกจากกางเกงชั้นในลูกไม้ตัวจิ๋ว “หรืออยากให้ผมหยุด”
“คุณลุงใจเย็น ๆ สิคะ ขอน้ำมนต์ทำใจก่อนสิ”
มนต์ลดาเริ่มทำตัวไม่ถูก เธอทั้งเขินระคนหื่นกระหายเมื่อเห็นร่างหนั่นแน่นกำยำตรงหน้า ทว่าเขากลับออกคำสั่งให้เธอปลดกระดุมให้เขาเสียนี่
‘หรือที่เขาทำแบบนี้จะเป็นแผนว่าฉันเป็นคนเริ่มเองนะ ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ฉันตกหลุมรักคุณลุงท่านประธานไปแล้ว ถึงอย่างไรฉันก็ยังอยากรู้สึกมากกว่านี้ อยากใกล้ชิดเขามากกว่านี้ และอยากได้...มากกว่านี้’
กระดุมเม็ดสุดท้ายถูกเด็กสาวปลดออกพร้อม ๆ กับพวงแก้มที่ร้อนระอุ มนต์ลดาช้อนตามองคนแก่กว่าที่จ้องเธอด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ใบหน้ากระหยิ่มยิ้มย่องอย่างมาดหมายจะปั่นหัวใจเธอ “คุณกำลังแกล้งหนู”
“เปล่า” ราเชนทร์เอ่ยเสียงเรียบ ทว่าแววตากลับพราวระยับ เขาคว้ามือของเด็กสาวมากดจูบที่หลังมือก่อนจะดึงลงไปทาบที่บริเวณกลางเป้ากางเกงอย่างหน้าตาเฉย! มนต์ลดาอารมณ์กระเจิง เผลอกัดริมฝีปากตัวเองจนกลายเป็นสีขาวซีด หลุบตาหนี หัวใจกระตุกวูบราวกับจะทะลุออกมานอกอก ทว่าเธอกลับใจสู้ หนำซ้ำยังลูบมันเบา ๆ อย่างเด็กน้อยช่างสงสัย เธอสัมผัสได้ถึงความดุดันแข็งขืน
ราเชนทร์กอบกุมมือเด็กสาวให้ค่อย ๆ ขยับเคลื่อนไหว คุ้นชินกับสัมผัสแปลกใหม่อย่างช้า ๆ แม้เขาจะดูสงบนิ่ง แกล้งให้เธอเป็นฝ่ายรุกเสียเอง ซ้ำยังยั่วยุให้เธอสำรวจเรือนร่างหนั่นแน่นของเขา นั่นก็เพราะราเชนทร์อยากให้น้ำมนต์รู้สึกคุ้นเคยและสภาพจิตใจพร้อมจริง ๆ เสียก่อน แม้ชายหนุ่มอยากเป็นเจ้าของเธอมากเพียงใด ทว่าเขาอยากให้เธอเป็นของเขาด้วยภาพจำที่งดงามมากกว่าต้องแอดมิตเข้าโรงพยาบาลเพราะแพนิก นอกจากจะดูไม่ให้เกียรติแฟนสาวคนสวยแล้ว ยังดูเหมือนคนอย่างเขาไร้น้ำยา เพราะฉะนั้นแล้วให้เธอเป็นคนเริ่มเมื่อพร้อมน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“กลัวไหม” เขาถามขณะที่เธอลากไล้นิ้วผ่านเป้ากางเกงที่ตุงแทบจะปริแตก
มนต์ลดาขมวดคิ้วเล็กน้อย พยักหน้ารับ สักพักก็ส่ายหน้าเบา ๆ อย่างคนที่กำลังสับสนว้าวุ่นใจ
“อยากลองจับไหม?”
เด็กสาวใบหน้าร้อนผ่าว หลุบตาหนีจนแทบจะมุดเข้ากำแพง แต่แล้วก็ช้อนตามองเขาอย่างออดอ้อนพลางพยักเพยิดหน้าเบา ๆ ราเชนทร์ไม่รอช้า เขารีบปลดกระดุมกางเกงออก รูดซิปแล้วงัดส่วนที่แข็งขืนปลายมนหยักที่เริ่มมีน้ำใสปริ่มออกมาให้ประจักษ์แก่สายตาเด็กสาว เขาคว้ามือเธอมาทาบทับก่อนจะค่อย ๆ ขยับขึ้นลงเนิบนาบ มือของมนต์ลดานิ่มละมุนทว่าชื้นเหงื่อเย็นเฉียบ ยิ่งทำให้อารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มพุ่งทะยานแทบสะกดกลั้นไว้ไม่ไหว ราเชนทร์ใช้มืออีกข้างค่อย ๆ ลูบผิวเนียนอย่างเบามือ ปลายจมูกซุกไซ้ทรวงอกอิ่มอย่างสุขใจ เรียวลิ้นเกี่ยวตวัดเม็ดทับทิมสีสวยจนขึ้นตุ่มไต มนต์ลดาเผลอครางเสียงหวานออกมาอย่างลืมตัว ยิ่งเธอหวาบหวิว สยิวใจมากเท่าไร มือที่กอบกุมแท่งร้อนไว้ก็ยิ่งขยับเน้นหนักขึ้นมากเท่านั้น
ราเชนทร์สังเกตว่าเด็กสาวเริ่มเพลิดเพลินกับเกมราคะที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น มือข้างหนึ่งของเขาลากไล้ไปที่ท้องน้อยก่อนจะวนเบา ๆ ที่กางเกงในลูกไม้ตัวจิ๋ว เขาลากนิ้วแผ่วเบา ทว่าเน้นขยี้ที่จุดอ่อนไหวจนร่างบางของเธอสั่นกระตุก หยาดน้ำหวานปริ่มล้นจนชื้นแฉะ ขณะที่หญิงสาวรู้สึกวูบไหวกับทุกสัมผัสที่ชายหนุ่มปรนเปรอ กลีบกุหลาบที่ฉ่ำเยิ้มของเธอก็ถูกเขารุกล้ำก้านนิ้วยาวเข้ามา ความไม่คุ้นชินกับสิ่งแปลกปลอมทำให้เธอขมิบเกร็ง ตอดรัดเรียวนิ้วของเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ราเชนทร์จูบอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบขวัญ ในขณะที่เรียวนิ้วร้ายค่อย ๆ ขยับเนิบช้า จากความอึดอัดแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านในที่สุด
“อื้อ...คุณลุงขา น้ำมนต์ อ่า...”
“หนูรู้สึกยังไง? ไหนลองบอกผมสิ”
“มันเอ่อ...สะ...สะ...”
ราเชนทร์กระชากกางเกงชั้นในตัวจิ๋วออกเพื่อให้เขาปรนเปรอเธอได้อย่างถนัดมือ แล้วค่อย ๆ เพิ่มนิ้วเข้าไปจากหนึ่งนิ้ว เป็นสองนิ้ว และสามนิ้วในที่สุด ความคับแน่นจากช่องทางที่ไม่เคยมีใครกร้ำกลายถูกราเชนทร์ใช้เรียวนิ้วนำทางก่อนที่จะรับอะไรที่มันใหญ่กว่านี้! ชายหนุ่มตั้งใจยั่วอารมณ์ปรารถนาของเธอให้เพิ่มทวีคูณขึ้นไปอีกด้วยการเร่งความเร็ว พร้อมกับโน้มตัวลงไปตรงกุหลาบแรกแย้ม นัยน์ตาคมกริบมองเกสรงามอย่างหื่นกระหาย ใบหน้าของเด็กสาวเห่อร้อนด้วยความอาย ทำให้เธอหุบเรียวขาเข้าหากัน แต่กลับถูกมือหนารั้งเรียวขาออกจากกันพลางส่งเสียงดุ ๆ “ตรงนี้ของผม!”
ใบหน้าของมนต์ลดาแดงก่ำด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ผสานกับความปรารถนาที่ยังกรุ่นอยู่ในกาย ยิ่งเขาพูดเสียงแข็งอย่างคนเอาแต่ใจพร้อมกับปลายนิ้วแข็งแกร่งกระแทกขยับไปมาเน้น ๆ เธอยิ่งสะดุ้งเฮือกกระถดหนีจากปลายนิ้วอันทรงพลังแต่ไม่อาจหลบหนีได้พ้น เขากลับยิ่งระรัวความเอาแต่ใจลงไปที่ปลายนิ้ว
ท่านประธานหนุ่มรับรู้ถึงอารมณ์ปรารถนาที่พวยพุ่งของเด็กสาวไร้ซึ่งความวิตกกังวลใด ๆ กลีบกุหลาบแรกแย้มชุ่มฉ่ำเคลือบน้ำหวานแห่งความปรารถนาหลั่งรินตลอดเวลา มนต์ลดาสอดเรียวนิ้วเข้ากลุ่มผมนุ่มชื้นเหงื่อของราเชนทร์อย่างลืมตัว ความเสียวซ่านพุ่งพลานรุนแรงอย่างที่ไม่เคยได้รับ เธอเงยสะบัดหน้าร้องครางกระเส่าเสียงหวาน ปล่อยมือจากกลุ่มผม วาดมือไปที่พนักพิงของโซฟา ก่อนที่เธอจะเผลอยกบั้นท้ายร่อนส่ายรับการปรนเปรอร้อนแรงจากเขา ยิ่งมนต์ลดาขยับร่อนมากเท่าไร เกสรดอกไม้งามก็ยิ่งบดเบียดกับลิ้นหยาบของเขามากขึ้นไปอีก
ราเชนทร์ดื่มด่ำรสหวานฉ่ำจากกุหลาบแรกแย้มอย่างไม่คิดรังเกียจ โดยปกติเขาไม่ค่อยปรนเปรอหญิงสาวคนไหนด้วยปากสักเท่าไร ทว่าเธอคนนี้คือ ‘หนูน้ำมนต์’ การที่เขาได้เป็นผู้ชายคนแรกของเธอยิ่งทำให้ราเชนทร์อยากมอบความสุขสมแก่เด็กสาวจนสำลัก ยิ่งเขาเห็นแก้มนวลแดงก่ำ นัยน์ตาหวานฉ่ำ เสียงครางกระเส่า และท่าส่ายร่อนสะโพกอย่างลืมตัวนั้น มันยิ่งทำให้เขาอยากปรนเปรอเธอและกลืนกินน้ำหวานทุกหยาดหยด
มนต์ลดาทำได้เพียงครางเสียงหวานบิดเร้าสะโพกอย่างทรมาน ดวงตาเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ปรารถนา ความเสียวซ่านรัญจวนใจก่อตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนมันล้นปรี่ กระทั่งระเบิดพร่างพราวออกมาในที่สุด เธอรู้สึกเสียวซ่านราวกับล่องลอยอยู่บนก้อนเมฆที่มีสายลมพัดโชยเอื่อย พร้อมกับแสงแดดจ้าเปล่งประกาย ให้ความรู้สึกล่องลอยผ่อนคลาย หัวสมองขาวโพลน หูอื้อ ตาลาย ลมหายใจหอบถี่ร่างบางกระตุกเกร็งพร้อมกับเรียวขาที่เริ่มสั่นเทา
‘รู้สึกดีชะมัดเลย แต่เอ๊ะ นี่ยังไม่ทันเริ่มเลยนี่ ทำไมฉันถึงเหนื่อยเหลือเกิน ถอยตอนนี้ทันไหมนะ’
ราเชนทร์กอดร่างเปลือยเปล่าอ่อนแรงของเธอไว้แนบอกอย่างพอใจ ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดอยู่ที่หลังใบหูบอบบาง เขายื่นเรียวปากจุมพิตบนริมฝีปากสีชมพูที่เผยอออก แล้วบดเบียดคลึงเคล้าอย่างกระหาย
“หนูพร้อมไหม...” เสียงแห่บพร่าเอ่ย พร้อมกับไฟราคะที่ร้อนเร่าปลุกอารมณ์ในส่วนลึกของเขาเจียนคลั่ง มนต์ลดาหลับตาพริ้ม พยักหน้าอย่างว่าง่ายราวกับไม่เป็นตัวของตัวเอง
ราเชนทร์โน้มลงทาบทับเหนือร่างมนต์ลดา เขาจับจูงพาเธอเดินเข้าสู่กองไฟเสน่หาให้เปลวไฟร้อนแรงแผดเผาร่างไปด้วยกัน ชายหนุ่มเอื้อมมือไปควานหาของสำคัญซึ่งซองสีเงินในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะฉีกเครื่องป้องกันออกแล้วสวมมันลงมา เด็กสาวมองส่วนนั้นของเขาอย่างกล้า ๆ กลัวๆ ท่ามกลางความหวั่นไหว
“ครั้งแรกอาจเจ็บสักหน่อย แต่ผมจะนุ่มนวลกับหนูนะ”
ราเชนทร์ซับจูบที่ขมับเพื่อปลอบประโลมใจอีกครั้งแล้วตั้งท่าจ่อขยับความปรารถนายิ่งใหญ่โถมเข้าสู่เรือนกายเธออย่างค่อยเป็นค่อยไป กระนั้นยังทำให้เด็กสาวหวีดร้องด้วยความเจ็บระคนเสียวซ่าน ปลายเล็บของเธอจิกเกร็งลงมาบนแผ่นหลังหวังจะระบายความรู้สึกให้ทุเลาเบาบางลง ทว่าความแข็งแกร่งที่กำลังทาบทับอยู่บนดอกไม้งาม ชวนให้เธอวูบไหวสั่นสะท้านยามที่เขาเคลื่อนมันเข้าสัมผัสความบอบบางได้เพียงแค่ครึ่งทางเท่านั้น หนูมนต์ลดาก็กัดริมฝีปากแน่น รีบดันอกแกร่งของเขาไว้ พร้อมส่ายหน้าทั้งน้ำตา ราเชนทร์โน้มหน้าพรมจูบ พลางเกลี่ยแก้มใสอย่างอ่อนโยน
“อดทนอีกนิดนะ คนเก่งของผม”
เพราะมนต์ลดาต้องการความรักจากใครสักคนที่เติมเต็มความอ้างว้างในใจ แม้สมาชิกในครอบครัวของเธอจะอยู่พร้อมหน้ากันทั้งพ่อ แม่ และน้องสาวก็จริง แต่ช่วงชีวิตที่ผ่านมานั้นเธอไม่เคยได้รับความรักความห่วงใยอย่างที่ควรจะเป็น หลายครั้งความคิดมุมมืดของมนต์ลดาก็เผลอคิดน้อยใจโชคชะตา
ทำไมพ่อกับแม่จึงปล่อยให้เธอต้องลำบากอยู่คนเดียว?
ทำไมครอบครัวต้องพูดจาร้ายกาจ คอยกัดกินทำร้ายจิตใจเธอตลอดด้วย?
ทำไม…ไม่เคยมีใครไม่เห็นคุณค่าของเธอเลย...
เด็กสาวจึงใช้ชีวิตมาโดยลำพัง แม้ภายนอกดูเหมือนเป็นคนร่าเริงสดใส ใครต่อใครมักจะเห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนดวงหน้าอ่อนหวานอยู่เสมอ แต่แท้จริงแล้วภายในใจของเด็กสาวกลับบอบช้ำ ปวดร้าวจนแทบแตกออกเป็นเสี่ยง โดยเฉพาะเรื่องที่เกือบจะทำให้เธอต้องเสียความบริสุทธิ์ไป เพียงเพราะอดีตผู้จัดการที่มนต์ลดาทั้งรักและทุ่มเทความไว้ใจกลับกลายเป็นนางนกต่อหมายส่งเธอให้เจ้าสัววิฑูรย่ำยี กระทั่งมนต์ลดาได้คุณราเชนทร์เข้ามาช่วยทันท่วงที เขาเข้ามาในวันที่เธอหวาดกลัวและโหยหาที่พึ่งทางใจมากที่สุด ในความโชคร้ายของชีวิตก็ยังพอมีแสงสว่างส่องมา คุณราเชนทร์จึงเปรียบเสมือนลำแสงสีทองระยับของเช้าวันใหม่
แค่มีเขา…เธอก็รู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย และเป็นครั้งแรกที่มนต์ลดาสัมผัสได้ถึงเสน่ห์เย้ายวนใจจากเขาเช่นนี้
ท่ามกลางจุมพิตอันนุ่มนวลและร้อนแรงของเขา สติของเธอเริ่มหยุดลอยออกไปอย่างช้า ๆ พร้อมกับเสียงร้องครวญครางผสานเสียงหอบหายใจดังก้องไปทั่วมุมห้อง หยาดน้ำตาแห่งความรัญจวนใจไหลพรากยามเขาขยับสะโพกกระทุ้งเสยเข้ามาในเรือนกายอย่างเนิบนาบ ทว่าหนักหน่วง สายตาของเขาราวกับจะเผาผลาญให้มอดไหม้ ทุกจังหวะการเคลื่อนไหวเต็มไปด้วยความแนบแน่น จริงจังทุกการขยับ เขาหยัดแช่กายอยู่ในนั้น ราวกับจะซึมซับเก็บเกี่ยวทุกเสี้ยวนาทีที่ได้ลึกซึ้งกันครั้งแรกฝังไว้ในทุกอณูของความทรงจำ…
ราเชนทร์กระซิบพร่ำคำรัก พร้อมตอกย้ำความโหยหาผ่านบทรักยามที่เขาพาเธอทะยานสู่ท้องฟ้าอันแสนไกล ความรัญจวนใจพามนต์ลดาล่องลอยวูบไหว เรือนกายสั่นสะท้านไปทั้งเรือนกาย แต่คราวนี้เธอกลับรับรู้ถึงความแนบแน่นเป็นหนึ่งเดียวของกันและกัน มนต์ลดานอนบิดเร่าเร้าสะโพกจากความเสียวซ่าน ดวงตาหลับพริ้มภายใต้ร่างของเขา เสียงกรีดร้องครางกระเส่าผสานกับเสียงแหบต่ำ ราวกับบทเพลงบรรเลงที่ขับกล่อมขึ้นจากความรักของเรา ขณะที่ราเชนทร์จับจ้องไปที่ใบหน้าหวานที่สื่ออารมณ์ปรารถนาออกมาอย่างไม่ซ่อนเร้นด้วยสายตาไม่กะพริบ
ราเชนทร์จูบซับเหงื่อทั่วดวงหน้าอย่างหลงใหล พลางเกลี่ยเส้นผมที่ปรกหน้าออกจนเผยให้เห็นแก้มแดงระเรื่อ ดวงตาหวานฉ่ำหอบกระชั้น มนต์ลดาคลี่ยิ้มบางพลางแอบอิงอกกว้างพร้อมกับเรียกชื่อเขาเบา ๆ ขณะที่ดวงตาสีนิลแลมองใบหน้าแดงซ่านจากความสุขสมในอ้อมอก เด็กสาวเอียงหน้าหนีจุมพิต เขากลับยิ่งอยากหยอกเย้า กระทั่งมนต์ลดายกธงขาวขอยอมแพ้ให้ผู้ใหญ่เอาแต่ใจ ชายหนุ่มฉวยจูบครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดเด็กสาวก็ปิดเปลือกตาลง ปล่อยใจไปกับแรงปรารถนาที่กักเก็บมาไว้เนิ่นนาน
ความสุขที่ได้รับความรักมันช่างซาบซ่านหอมหวานเช่นนี้นี่เอง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?