หลังจากเรื่องราววุ่นวายหลายวันที่ผ่านมา ฉันก็ได้พักผ่อนชาร์จพลังใจและเตรียมสมองให้พร้อมสำหรับการเริ่มฝึกงานที่บริษัท รัชตะ จิล แอนด์ เจมส์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องประดับ อัญมณีทั้งนำเข้าและส่งออกที่ใหญ่อันดับต้นของเมืองไทย
บริษัทนี้เป็นที่ทำงานในฝันของฉันและใครอีกหลายคน ไม่เพียงเป็นบริษัทอันดับต้นของเมืองไทยอย่างที่ฉันได้เกริ่นไปแล้ว แต่ที่นี่ยังมีการจัดอบรมเรื่องต่าง ๆ มากมายตามที่พนักงานสนใจ ทั้งพัฒนาบุคลิกภาพ จัดอบรมด้านความรู้เฉพาะเรื่องที่ทำงาน สวัสดิการของว่างไม่อั้น พนักงานในบริษัทสามารถทำงานมุมไหนของออฟฟิศก็ได้ตามแต่ใจจะอยากไปทำ ขอแค่ทำงานได้ไอเดียบรรเจิดส่งงานตามเวลา เห็นรุ่นพี่ที่เคยไปฝึกงานเล่าว่ากลางออฟฟิศมีสระว่ายน้ำ โต๊ะพูล มีมุมให้พนักงานได้นอนพักผ่อน แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดไม่ใช่เหตุผลหลักที่ฉันอยากเข้ามาทำงานที่นี่หรอกนะ แต่เหตุผลของฉันก็คือ…
จู่ ๆ เสียงไลน์ก็ดังขึ้น สร้างความงุงงงให้เช้าวันที่แสนตื่นเต้นของฉัน
Rachen : วันนี้คุณมีเรียนกี่โมงครับ
Monlada : วันนี้น้ำมนต์ไม่มีเรียนค่ะ
Rachen : วันนี้ก็ว่างใช่ไหมครับ ผมรออยู่สวนกลางหน้าบ้านนะ แล้วพบกัน
มนต์ลดารู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นระรัวยิ่งกว่าทหารลั่นกลองพร้อมรบ ‘ตายจริง เขาจะมาทำไมไม่บอกก่อน แล้วฉันจะทำยังไงเนี่ย’
เด็กสาวอึดอัดใจ พลางจิตใจว้าวุ่นเรื่องบริษัทที่มนต์ลดาฝึกงาน คุณราเชนทร์ยังไม่รู้ แต่ดูเหมือนเขาจะรู้ในอีกไม่กี่นาทีที่จะถึงนี้ มนต์ลดาทำตัวไม่ถูก รู้สึกประหม่า แต่เธอไม่อาจทำตัวชักช้าให้ผู้ใหญ่อย่างคุณราเชนทร์รอเธอนานนัก
มนต์ลดาเช็กเอกสารสำคัญสำหรับยื่นฝ่ายบุคคล ก่อนจะออกจากห้องเธอยืนหน้ากระจกเช็กความเรียบร้อยอีกครั้ง เช้านี้เธอแต่งหน้าอ่อน ๆ พรมน้ำหอมกลิ่นดอกไม้แต่ผสานความสดชื่นของผลไม้ หอมหวานแกมเปรี้ยวดูเป็นสาวซุกซน รวบผมไว้ครึ่งศีรษะพร้อมติดโบสีชมพูอ่อนเพิ่มความน่ารักน่าเอ็นดู
‘สู้เว้ย…ถ้าเรียนจบแล้วได้ทำงานที่นี่ ก็จะไม่ต้องไปนางแบบให้มันเหนื่อย’ ข้อเดียวที่มนต์ลดาอยากทำงานกับบริษัทนี้ก็คือ ‘เงิน’ ใช่แล้ว ที่นี่เป็นบริษัทที่ให้เงินพนักงานสูงมาก สวัสดิการดีเลิศ ตั้งแต่ประธานคนใหม่เข้ารับตำแหน่งอย่างเต็มตัวเมื่อแปดปีก่อน บริษัทในเครือของตระกูล เกริกก้องรัชตะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงระบบภายในต่าง ๆ ให้รัดกุมและทันสมัยมากขึ้น ยังมีการรีแบรนดิงให้ภาพลักษณ์ดูน่าสนใจ ทั้งกิจการเก่าแก่อย่างโรงแรมที่คุณรินทร์วดีเป็นผู้ดูแล กระทั่งแบรนด์เครื่องประดับและอัญมณีที่คุณราเชนทร์เป็นประธานบริษัท ยังไม่รวมพวกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และอื่น ๆ อีกมากมายจนนับแทบไม่ถ้วน และหากสงสัยว่าเพราะอะไรมนต์ลดาถึงรู้เรื่องนั้นล่ะก็…
“ขอโทษนะคะ คุณรอนานหรือเปล่า” เธอค้อมศีรษะ เอ่ยทักชายหนุ่มรูปงาม เสียอย่างเดียวคือวัยที่ห่างกับเธอมากโข
“ไม่ครับ รีบขึ้นรถเถอะ ออกสายเดี๋ยวรถติด” ราเชนทร์ปรายตามองชุดนักศึกษาที่เธอใส่ กลิ่นน้ำหอมหวานที่เหมาะกับเด็กสาว ใบหน้าที่ปกติก็ดูน่ารักแล้ว วันนี้ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางเบาบาง ยิ่งทำให้หัวใจแข็งแกร่งของเขาสั่นไหว
“ทำไมคุณจะมาไม่บอกน้ำมนต์ก่อนคะ” เธอหันไปทางคนแก่กว่า จ้องเข้าไปในดวงตาพลางสงสัย ทว่าแว่นกันแดดหรูกลับบดบังสายตาของเขาไว้จนมิดชิด
ราเชนทร์รับรู้ถึงสายตาที่มนต์ลดาจ้องมองเขาด้วยความกดดัน มีหรือที่คนอย่างราเชนทร์ เกริกก้องรัชตะ หวั่นไหวกับกระต่ายตัวจ้อย ราเชนทร์กระตุกยิ้มร้าย ก่อนจะใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มข้างหนึ่งด้วยความเคยชิน “ผมไลน์บอกคุณก่อนแล้วนี่!” คุณราเชนทร์พูดเสียงแข็งพลางมองลอดแว่นตาดำด้วยแววตาดุ พลันให้เด็กสาวสะดุ้งเฮือก ตัวแข็งราวรูปปั้น มนต์ลดาจึงได้แต่พยายามนั่งตัวเล็ก หากเธอสิงทะลุเข้าเบาะรถหรูนี้ได้ เธอก็คงจะทำ! เธอกังวลใจเรื่องที่เธอต้องไปฝึกงานที่เดียวกับบริษัทของเขา หากใครรู้เข้าว่าเธอกับท่านประธานของบริษัทรู้จักกัน ไม่วายที่จะมีข่าวเสียหาย แล้วแบบนั้นเธอจะมีชีวิตรอดได้อย่างไรในการฝึกงานครั้งนี้
“ไหนว่าไม่มีเรียนที่มหา’ลัยฯ แต่งชุดซะเรียบร้อยเต็มยศ จะไปไหนกัน?”
“วันนี้น้ำมนต์ฝึกงานวันแรกค่ะ”
“หึ?” ราเชนทร์หันขวับ คิ้วดกดำได้รูปขมวดยุ่ง
“งั้นเดี๋ยววันนี้น้ำมนต์ไปเองนะคะ ถ้าคุณราเชนทร์มีธุระอะไรไว้วันหลังได้ไหม วันนี้น้ำมนต์ขอตัวนะคะ” เด็กสาวพูดจาฉะฉาน ทั้งที่ในใจเธอกลัวจนแทบขาสั่น หายใจไม่เป็นจังหวะ เหงื่อกาฬผุดพรายไปทั่วไรผม
มนต์ลดาเกร็งจนแทบจะหยุดหายใจลงไปเสียตอนนี้ ทว่ายังหยุดหายใจไม่ได้ ‘ถ้าตายไปตอนนี้เรียนก็ไม่จบ เงินจ่ายหนี้ก็ไม่มี ร้านก็จะถูกถล่ม บ้านอาจจะโดนยึด ไม่มีใครรู้หรอกว่าการเป็นตัวฉันลำบากแค่ไหน อยากลาออกจากการเป็นตัวเองจังเลย…อะไรนะ? ทำไม่ได้เหรอ เห้อ!’
“อ้าว แบบนั้นได้ยังไงล่ะ ผมมาแล้ว งั้นให้ผมไปส่งนะ” คุณราเชนทร์ยังคงตื๊อไม่เลิก เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน อยู่มานานจนอายุปาเข้าไปเลขสี่ ทำไมเขาต้องนึกถึง อยากเจอหน้า และต้องเป็นห่วงเด็กดื้ออย่างมนต์ลดาด้วย ยิ่งเขาหาคำตอบมากเพียงใด ราเชนทร์ก็ยิ่งอยากอยู่ใกล้ อยากได้ยินเสียงดื้อรั้นของเด็กสาว ‘หรือผมจะหลงรักยัยแสบนี่เข้าแล้ว?’
เด็กสาวพยายามปฏิเสธอย่างหัวชนฝา “เอ่อ...คือ...น้ำมนต์ฝึกงานแถวสาทรเดี๋ยวนั่งรถไฟฟ้าไปน่าจะสะดวกกว่าค่ะ”
“พอดีออฟฟิศผมก็อยู่แถวสาทร เดี๋ยวผมพาไป บริษัทไหนล่ะ”
ราเชนทร์ผู้ไม่เคยยอมแพ้ให้กับเรื่องใด มีหรือที่เขาจะยอมแพ้อย่างง่าย ๆ
มนต์ลดารู้สึกลำบากใจหากจะให้เธอเอ่ยบอกคนตรงหน้าไปว่าต้องไปฝึกงานที่บริษัทของเขา เด็กสาวก็ไม่กล้าพอและไม่อยากเป็นขี้ปากของใครตั้งแต่เข้าไปฝึกงานวันแรก ทว่าดูทีท่าคุณราเชนทร์ยังไงไม่ยอมให้เธอเดินทางไปด้วยตนเอง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ เด็กสาวไม่มีเวลามาพินิจพิเคราะห์ ช่วงเวลาเข้าตาจนแบบนี้การเอาตัวรอดน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้เธอ
“งั้นแบบนี้ได้ไหมคะ คุณราเชนทร์ส่งน้ำมนต์ตรงสกายวอล์กแยกสาทร จะได้ไหมคะ?” มนต์ลดาพูดเสียงหวาน พลางส่งสายตาออดอ้อนคนแก่กว่า มือบางเสยปอยผมที่ปรกหน้าเบา ๆ พร้อมกับกะพริบตาถี่อย่างเนิบนาบด้วยสายตาพราวระยับ ‘ฉันคงต้องงัดมารยาเบอร์สุด…ในเมื่อเลี่ยงไม่ได้ เอาโว้ย ฉันจะสู้!’
ราเชนทร์ขยับแว่นกันแดดพลันสบตาเด็กสาว หัวใจที่แข็งดั่งอัญมณีของเขาก็แทบจะหลอมละลายกลายเป็นเม็ดทรายเพียงแค่หนูมนต์ลดาสบตาเขา แพขนตากะพริบถี่แต่เนิบนาบราวกับเชื้อเชิญให้เขาจ้องมองไปยังนัยน์ตาหวาน สายตาอ้อนยั่วเย้า ราเชนทร์รู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว จิตใจวูบไหว และเขารู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง
‘แค่ยัยหนูสบตาผม หัวใจแทบละลาย ถ้าผมได้สัมผัสกลีบปากอวบอิ่มนั่น…’ ราเชนทร์สะบัดศีรษะแรงพร้อมกับสูดลมหายใจลึกเข้าเต็มปอดเพื่อเรียกสติ
‘ผมแพ้หนูน้ำมนต์จริง ๆ เหรอเนี่ย ไม่จริงหรอกมั้ง?’
“คุณใจดีกับน้ำมนต์มากขนาดนี้ เพราะอะไรหรือคะ” จู่ ๆ เด็กสาวเอ่ยถามด้วยความสงสัยพลางมองคนขับรถที่ไม่น่าจะมานั่งขับให้เธอ แต่ก็เป็นไปแล้ว
“ไม่รู้สิ” ราเชนทร์เอ่ยตอบเสียงเรียบ อย่าว่าแต่น้ำมนต์สงสัยเลย ตัวเขาก็ยังสงสัยตัวเองเหมือนกัน ราเชนทร์ไม่เคยต้องมาตามรับส่งผู้หญิงไหน มีแต่ผู้หญิงแล่นมาหาเขาเองตลอด แล้วนี่มันอะไร!? เสียระบบชะมัดเลย
“แปลกนะคะ คนรุ่นคุณมักจะคบแต่คนแบบเดียวกัน น้ำมนต์เป็นแค่เด็กนักศึกษา บ้านก็ไม่รวย เอาจริง ๆ แค่ขึ้นมานั่งรถหรูของคุณแบบนี้น้ำมนต์ยังรู้สึกเกรงใจเลยค่ะ” เธอเอ่ยน้ำเสียงอ่อน มองประธานหนุ่มพลางถอนหายใจ วูบหนึ่งเผลอคิดไม่ได้ว่า จะดีสักเพียงไหนถ้ามีคนที่แสนอบอุ่นอย่างเขาเอาไว้อิงซบพักใจในวันที่เหนื่อยในวันที่ท้อ คงจะดีไม่น้อยถ้าเธอได้มีโอกาสดูแลเขาเฉกเช่นคนรักทั่วไป
‘หยุดคิดเดี๋ยวนี้เลยยัยน้ำมนต์ นั่นมันคุณราเชนทร์ ประธานบริษัทที่แกกำลังจะไปฝึกงานนะ แค่เผลอคิดก็ผิดแล้ว’ น้ำมนต์ทะเลาะกับเสียงในหัวของตัวเอง
“แล้วคนอย่างผมมันทำไม แก่เกินไปเหรอ” ราเชนทร์เอ่ยเสียงเข้ม
“มะ...ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ คุณราเชนทร์เข้าใจน้ำมนต์ผิดแล้ว” เมื่อมนต์ลดาเห็นหัวคิ้วของเขาขมวดจนเป็นปม เธอจึงโบกมือปฏิเสธพัลวัน
ในตอนแรกมนต์ลดารู้สึกเพียงราเชนทร์ออกจะอายุห่างจากเธอมากเกินไป เขาน่าจะเข้าถึงยาก หลังจากที่เธอรู้จักตัวตนของเขาในวันนั้น เด็กสาวจึงเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับชายหนุ่ม ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าราเชนทร์เข้ามาวนเวียนอยู่ในความนึกคิดของเธอตลอด หากแต่เขาอยู่สูงเกินกว่าที่เด็กธรรมดาอย่างเธอจะเอื่อมคว้ามาเป็นของตัวเอง ปล่อยให้พระอาทิตย์อย่างเขาลอยเด่นอยู่บนฟ้า ดีกว่าสอยลงมาให้ตัวเธอเองโดนแผดเผารุ่มร้อนใจ
“น้ำมนต์บอกแล้วไงคะ คุณราเชนทร์ไม่ได้ดูแก่เลยสักนิด ดูเท่ออกนะคะ” เธอลอบมองคนแก่กว่าที่กำลังขับรถขณะกำลังติดไฟแดงอยู่ที่สี่แยกหนึ่ง
เวลาเดียวกันนั้นราเชนทร์หันมาสบตาเด็กสาวก่อนจะกระตุกยิ้มอย่างชอบใจในคำเอ่ยชมของหนูมนต์ลดา วันนี้หัวใจของชายหนุ่มทำงานหนักกว่าทุกวัน ใบหน้าของเขารู้สึกร้อนผ่าวทั้งที่แอร์ในรถก็จ่อหน้าอยู่ ‘เด็กคนนี้ช่างพูดช่างเอาใจเสียจริง’
“ถึงจะดูทรงลุงหน่อยก็เถอะค่ะ” มนต์ลดาพูดจบก็หันมาหัวเราะคิกคักด้วยความขบขัน จนไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าบูดบึ้งเหยเกของราเชนทร์
“เดี๋ยวรบกวนจอดข้างหน้านี้นะคะ ถ้าถึงแล้วน้ำมนต์จะทักไลน์หาค่ะ” มนต์ลดาพูดพลางชี้ไปที่จุดจอดรถแถว ๆ สถานีรถไฟฟ้า ราเชนทร์จอดโดยไม่พูดจา เขายังทำหน้านิ่งขรึมอย่างที่เขาชอบทำ มนต์ลดาลงรถยนตร์ของท่านประธานหนุ่มก่อนที่จะหันมาพร้อมกับรอยยิ้มสดใส ฝ่ามือเรียวบางโบกมือไหว ๆ ยืนรอส่งให้ราเชนทร์ขับรถออกไป ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องยกมือฝ่ามือขึ้นมาโบกตอบกลับอย่างเก้อเขิน เนื่องด้วยเขาไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้เลย
ประธานหนุ่มขมวดคิ้วแน่นกับคำเอ่ยแซวของเด็กสาวเมื่อครู่ ‘อะไรนะ!? เท่แบบทรงลุงงั้นเหรอ’ คำพูดทีเล่นทีจริงของเด็กสาวทำเอาราเชนทร์ถึงกับคิดไม่ตก เขากัดฟันกรอดด้วยความขุ่นเคือง หนำซ้ำหนูมนต์ลดายังหัวเราะชอบใจราวกับเป็นเรื่องน่าขบขัน 'หนูน้ำมนต์ระวังเถอะนะ เดี๋ยวจะโดนลุงคนนี้ขุดหลุมรักเข้าให้'
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?