มนต์ลดาเดินกลับมานั่งรอที่ห้องทำงาน ก่อนที่พี่แก้วจะเดินตรงมาหาเธอด้วยหน้าตาตื่นเป็นคนแรก
“น้ำมนต์ นี่มันเรื่องอะไรกัน” พี่แก้วถามด้วยความตกใจ โดยปกติท่านประธานไม่นิยมไปเลี้ยงข้าวกับทีมอื่น โดยเฉพาะไปกับคุณไชยวัฒน์ พนักงานในบริษัทต่างรู้กันดีว่าสองคนนี้ไม่ค่อยลงรอยกัน อีตาคุณอาไชยวัฒน์ของเจ้านายเนี่สิ จ้องจะเลื่อยขาเก้าอี้ท่านประธานตลอด
“ท่านประธานบอกว่าจะไปเลี้ยงข้าวค่ะ” น้องเล็กในทีมย้ำคำพูดเดิมอีกครั้ง
“แล้วทำไมไม่ไปแค่ทีมเราล่ะ” ทีมที่เพิ่งเข้ามาเอ่ยถามอย่างสงสัย เนื่องจากเขาหงุดหงิดเพราะกำลังคิดงานเพลิน ไอเดียแล่น แต่ต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อไปกินข้าวตามคำสั่ง
“พอดีคุณไชยวัฒน์จะเลี้ยงข้าวเด็กฝึกงานทุกคนค่ะ ท่านประธานทราบก็เลยอาสาเป็นเจ้ามือก็เท่านั้น”
“อ้าว มัวแต่คุยกันอยู่ เดี๋ยวท่านประธานก็รอนานหรอก” เอกรินทร์ยืนกอดอกพูดอยู่หน้าประตูด้วยใบหน้ายิ้มอย่างมีเลศนัย
“ก็รอพี่เอกเนี่ยล่ะ มาช้าแล้วยังบ่นน้องอีก” พี่แก้วบ่นอุบ
“งั้นเรารีบไปกันดีกว่าไหมคะ”
“วันนี้รถคันไหนพี่เอก” ทีมถามขณะที่ถือไอแพดเขียนงานบางอย่างลงไปอย่างไม่หยุด ถึงทีมจะไม่อยากไปด้วยเพราะงานที่กำลังทำค่อนข้างติดพัน แต่ดู ๆ แล้วน่าจะครึกครื้นมากกว่านั่งเปื่อยอยู่ที่ออฟฟิศ
“เมื่อกี๊พี่โทร.ถามแล้ว บอกว่ารถคันใหญ่น่ะ” แก้วเอ่ยตอบ
“งั้นเรารีบไปกันดีกว่า” ทีมเอ่ยบอกทั้งที่ตายังอยู่ที่ไอแพด
ลานจอดรถผู้บริหาร
ทีมพิเศษประกอบด้วยพี่เอกรินทร์ พี่แก้ว พี่ทีม และมนต์ลดา ต่างเดินตามกันมาเพื่อขึ้นรถตู้ที่เป็นรถหรูส่วนตัวของท่านประธาน โดยที่เขานั่งรออยู่ก่อนแล้วด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก บรรยากาศภายในรถเต็มไปด้วยความอึดอัด พี่ทีมที่นั่งหลังสุดคนเดียว เขายังคงหยิบไอแพดทำงานต่ออย่างไม่มีทีท่าจะหยุดทำ เอกรินทร์และพี่แก้วนั่งด้านในสุดถัดจากพี่ทีมออกมา แต่พี่ทั้งสองต่างนั่งหลับตานิ่ง ๆ เหลือเพียงมนต์ลดานั่งตรงที่นั่งเดี่ยวเยื้องกับท่านประธาน ซึ่งเธอก็ทำตัวไม่ถูก
ครืด ครืด โปรแกรมไลน์ของมนต์ลดาสั่นแจ้งเตือนข้อความใหม่
Rachen : หนูมีอะไรอยากบอกผมไหม?
Monlada : ไม่มีค่ะ ท่านประธาน
Rachen : ทำไมเรียกซะห่างเหินเชียว
คุณราเชนทร์ชำเลืองไปทางที่นั่งของเด็กสาว แอบมองใบหน้าที่เง้างอน นั่นยิ่งทำให้เธอดูน่ารักจนหัวใจของเขาวูบไหว
Monlada : ก็คุณดุ น้ำมนต์ทำอะไรผิดเหรอคะ
Rachen : หนูสนิทกับเขาเหรอ?
ราเชนทร์ยิงคำถามตรง ๆ ในสิ่งที่เขาอยากรู้ แม้อยากจะคุยกับเธอเองตรง ๆ แต่ด้วยสถานการณ์ทั้งพนักงานเยอะแบบนี้ ราเชนทร์จึงเลือกที่จะพิมพ์ข้อความแทน
Monlada : ใครคะ? คุณไชยวัฒน์หรือคะ เราเพิ่งเคยคุยกันวันนี้เองนะคะ น้ำมนต์ก็คิดว่าคุณโกรธอะไร ที่แท้ก็…เรื่องนี้นี่เอง
Rachen : ผมไม่ได้โกรธ
Monlada : สติ๊กเกอร์ยิ้ม
Monlada : ค่ะ ไม่โกรธเลยยยยยย
มนต์ลดาอมยิ้มก่อนจะหลุดขำออกมาเบา ๆ ขณะที่เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ เวลาเดียวกันนั้นทั้งสองคนได้ประสานตากัน เด็กสาวใบหน้าร้อนผ่าว ความเขินและความขบขันเรื่องที่คุณราเชนทร์เป็นคุณลุงขี้งอน เหตุเพราะเรื่องเมื่อครู่นี้ ทำให้เธอหลุดยิ้มออกมาอีกครั้ง สร้างความประหลาดใจให้กับราเชนทร์จนเขาขมวดคิ้วแน่น ไม่นานนักก็ไปถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านสเต๊กที่ตั้งใจไว้ ท่านประธานจัดให้ต่อโต๊ะอาหารเป็นโต๊ะยาวเดียวกัน โดยท่านประธานเลือกเหมาโซนหนึ่งด้านในสุดเป็นที่สำหรับมื้อกลางวันในครั้งนี้
ไชยวัฒน์เอ่ยเสนอท่านประธาน “ผมว่าแบ่งเป็นโต๊ะพวกเรากับโต๊ะเด็ก ๆ ดีกว่าไหม เผื่อเราจะได้ปรึกษาเรื่องอะไรต่อมิอะไรกัน”
“คุณไชยวัฒน์จะคุยอะไรก็คุยสินะครับ ทำไมต้องแยกโต๊ะด้วยล่ะ มาเลี้ยงข้าวน้องฝึกงานทั้งที นั่งด้วยกันแบบนี้ ใกล้ชิดกันดีนะครับ” ท่านประธานยกยิ้มร้ายเขารู้ดีว่าคุณไชยวัฒน์ตั้งใจจะคุยเรื่องที่ขออนุมัติซื้อตัวดีไซเนอร์จากบริษัทคู่แข่งด้วยเรตสูงลิบ ซึ่งราเชนทร์เห็นว่าบุคลากรในบริษัทเราก็มีความสามารถไม่ต่างกัน หนำซ้ำยังพัฒนาได้ซึ่งไม่มีความจำเป็นต้องซื้อตัวคนของบริษัทคู่แข่ง
แม้บริษัทนั้นจะเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกัน แต่บริษัทไม่ได้มีเรื่องที่บาดหมางใจกหากจู่ ๆ เราซื้อตัวคนของบริษัทคู่แข่งมาจะกลายเป็นการประกาศศึกเสียมากกว่า ราเชนทร์มีความคิดที่ยึดมั่นมาจากคุณปู่ ว่า ‘คู่แข่งในวันนี้อาจเป็นมิตรที่ดีต่อกันในภายภาคหน้า’ ฉะนั้นแล้ว การจะเป็นหนึ่งควรมาจากศักยภาพของพนักงานเราเอง ไม่ใช่การใช้วิธีสกปรก หรือทางลัดเพื่อขึ้นสู่จุดสูงสุด
“เรื่องที่ผมเสนอไปอยากให้ท่านประธานพิจารณาอีกครั้งนะครับ การที่บริษัทของเรามีทีมออกแบบที่เป็นมืออาชีพจะยิ่งทำให้บริษัทเรายืนหนึ่งในวงการได้” ไชยวัฒน์พูดพลางปรายตามองอย่างดูถูกเหยียดหยามทีมพิเศษของท่านประธาน
ไชยวัฒน์ไม่เคยมีความเชื่อมั่นว่าทีมที่ท่านประธานจัดขึ้นมาตามใจชอบจะเป็นทีมที่มีศักยภาพอย่างที่คนในบริษัทบอกกัน ในสายตาไชยวัฒน์ ทีมต่างประเทศของเขา ถึงจะมีพนักงานน้อยแต่ความสามารถสูงกว่า สู้ทุกคนได้อย่างเห็น ๆ แต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นเด็กเกียรตินิยมด้วยกันทั้งนั้น ผิดกับทีมที่ท่านประธานหวงนักหนา ล้วนแล้วมีแต่คนขาด ๆ เกิน ๆ
“ผมเชื่อมั่นในพนักงานบริษัทของเราทุกคน ที่บริษัทผลประกอบการดี รวมถึงเป็นบริษัทต้น ๆ ของประเทศก็น่าจะทำให้คุณไชยวัฒน์ได้เห็นแล้วว่าเป็นเพราะผลงานของพนักงานในบริษัท รวมถึงทีมพิเศษของผม”
ไชยวัฒน์ขบกรามแน่นด้วยความโมโห
“อ้อ แล้วคุณไชยวัฒน์อย่าเผลอถามเรื่องนี้ในที่ประชุมอีกนะครับ เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่เตือน นี่ผมเห็นว่าเราเป็นญาติกันนะครับเนี่ย”
ท่านประธานยิ้มร้ายก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งหัวโต๊ะทางฝั่งมนต์ลดาและทีมยอดมนุษย์นั่งกันอยู่ “ท่านประธานไม่ไปนั่งฝั่งโน้นเหรอครับ” ทีมเอ่ยแซว
“เดี๋ยวเถอะนะ เอ๊ะ ใบลาพักร้อนหนึ่งอาทิตย์ของคุณทีม ผมยังไม่ได้เซ็นนินะ จะอนุมัติให้ดีไหมน้า…” ท่านประธานแซวกลับด้วยท่าทางสบาย ๆ แฝงด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ทำให้พนักงานหนุ่มขี้เล่นถึงกับหุบยิ้มฉับ
“ไงล่ะ ซีดเลยเหรอเจ้าทีม” พี่แก้วเอ่ยแซว หัวเราคิกคักอย่างชอบอกชอบใจ
“น้อง ๆ นักศึกษาฝึกงานครับ วันนี้เข้ามาฝึกงานครบสัปดาห์แล้วเหนื่อยหน่อยแต่ขอให้พวกคุณสู้ ๆ นะ วันนี้ถือเป็นการเลี้ยงต้อนรับแล้วกันนะครับ ใครอยากกินอะไรสั่งได้เต็มที่เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” ท่านประธานพูดพลางส่งเมนูให้หนูมนต์ลดาที่อยู่ใกล้ที่สุด ปลายนิ้วของเขาแตะโดนหลังมือเนียนนุ่มของเด็กสาว ทำให้เธอแก้มแดงปลั่งทำตัวไม่ถูกเกรงว่าใครจะสังเกตเห็นเข้าแล้วจะมองคุณราเชนทร์ไม่ดี
ลัดดากระซิบถามมนต์ลดาพลางใช้เล่มเมนูอาหารปิดหน้า “น้ำมนต์ เอาจริง ๆ ท่านประธานของแกไม่ได้ดุอย่างที่คนอื่นบอกกันเลยนะ”
“จริง ๆ เขาไม่ดุหรอก เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะลัดดา เมื่อกี๊พูดว่าท่านประธานของฉันงั้นเหรอ” มนต์ลดาหันไปเค้นเสียงดุใส่เพื่อน
“เรารู้นะว่าน้ำมนต์กับท่านประธานกิ๊กกัน ลัดดาไม่บอกใครหรอกน่า” เพื่อนซี้ของเธอยกยิ้มยักคิ้วอย่างอารมณ์ดี
“ลัดดา…” มนต์ลดาเรียกชื่อเพื่อนด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเป็นกังวล เธอไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้แล้วเอาไปเข้าใจกันผิดๆ
“สบายใจได้น่า เรารู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้ว แต่มั่นใจตอนที่เห็นน้ำมนต์กับเขาจับมือสบตากันเมื่อกี๊นั่นล่ะ” ลัดดากระซิบพลางหัวเราะคิกคัก
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะ” เธอทำสีหน้าเป็นกังวล
“เราไม่บอกใครหรอกน่า รู้กันสองคน เราก็กลัวฝึกงานไม่ผ่านนะ” ลัดดากระซิบพลางเอานิ้วมืออ้วนป้อมมาเกี่ยวก้อยสัญญาใต้โต๊ะ พร้อมกับคลี่ยิ้มหวานอย่างจริงใจ
หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อย ทุกคนต่างขึ้นรถกลับที่บริษัทเหลือเพียงทีมพิเศษของท่านประธาน “วันนี้ผมให้พวกคุณฟรีสไตล์ได้เลย จะกลับไปทำงานที่ออฟฟิศหรือจะยังไงก็ได้ ผมเห็นพวกคุณทุ่มเททำงานให้ผมมาตลอดทั้งสัปดาห์และงานก็ออกมาดีด้วย”
“อุ๊ย วันนี้ท่านประธานใจดีจังเลย” แก้วยิ้มหน้าบานก่อนจะหันไปบอกพี่เอกรินทร์และทีมว่าเธอนำงานมาด้วย และจะขอปลีกตัวไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟ
“ผมต้องกลับไปที่ออฟฟิศครับ” พี่เอกรินทร์เอ่ยด้วยเสียงเรียบ
“งั้นเดี๋ยวผมขอแยกกับพวกคุณตรงนี้เลยนะครับ”
ทั้งสี่คนยกมือกล่าวสวัสดี และขอบคุณที่เลี้ยงอาหารกลางวัน อีกทั้งยังให้เลิกงานก่อนเวลา แต่จะเรียกว่าเลิกงานก็ไม่ได้ เพราะวันพรุ่งนี้ท่านประธานมีประชุมผู้บริหาร และทุกคนก็มีหน้าที่ที่ต้องรีบทำให้เรียบร้อยก่อนเช้าวันพรุ่งนี้
“ส่วนคุณ ไปกับผม” ท่านประธานพูดพลางสบตากับเด็กนักศึกษาฝึกงานเพียงคนเดียวของกลุ่ม
“น้ำมนต์หรือคะ ไปไหนคะ?”
“ก็ไปเตรียมของสำหรับออกงานต่างจังหวัดกับผมยังไงล่ะ” ท่านประธานเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะหันไปสบตาหัวหน้าทีมพิเศษอย่างมีนัยยะบางอย่าง
“ตอนนี้เลยหรือคะ” มนต์ลดาถามด้วยเสียงอ่อน เธอไม่แน่ใจว่าเขากำลังคิดแผนอะไรอยู่กันแน่
“ใช่ครับ ตอนนี้” ชายหนุ่มยกยิ้มพลางดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้มอย่างยียวน
“งั้นพวกพี่ไปก่อนนะน้ำมนต์ ของส่วนตัวของน้อง เดี๋ยวพี่ฝากเพื่อนที่ชื่อลัดดาเอากลับไปให้แล้วกัน พักด้วยกันนี่ ใช่ไหม?” พี่เอกรินทร์เอ่ยถาม
“ใช่ค่ะพี่เอก น้ำมนต์รบกวนด้วยนะคะ ขอบคุณมากเลยค่ะ” เด็กสาวยกมือไหว้ค้อมศีรษะ เธอเกรงใจพี่เอกมาก เพราะคุณลุงท่านประธานเอาแต่ใจคนนี้สินะทำให้วันนี้ของเธอช่างวุ่นวายเหลือเกิน!
หลังจากที่พี่ ๆ ในทีมแยกย้ายกันไป เหลือเพียงมนต์ลดากับคุณราเชนทร์เพียงสองต่อสอง “คุณจะพาน้ำมนต์ไปไหนคะ”
“ไปหาซื้อชุดครับ” ชายหนุ่มยกยิ้มก่อนจะถือวิสาสะจับข้อมือบางของหนูมนต์ลดาตรงไปยังร้านชุดแบรนด์หรู
“ซื้อทำไมคะ ชุดที่บ้านน้ำมนต์มีเยอะเลยนะ”
“นี่ หนูน้ำมนต์ไปออกงานกับผมทั้งที หนูต้องสวยและดูดีที่สุดในงาน” ราเชนทร์เอ่ยด้วยเสียงจริงจัง
“งั้นก็ตามใจคุณเลยค่ะ” เธอถอนหายใจยาว แล้วเดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย
‘ปฏิเสธไปก็เท่านั้น เป็นตุ๊กตาให้คุณลุงจับแต่งตัววันนึงก็ได้ เอาแต่ใจชะมัด’
ภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ชั้นสาม มีร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมชื่อดังเรียงราย มนต์ลดาเดินตามท่านประธานด้วยความสงสัย ชายหนุ่มเดินนำเข้าไปยังร้านแบรนด์ Raferter เป็นแบรนด์น้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยเมื่อปีก่อน ภายในร้านเป็นชอปไม่ใหญ่มากนัก แต่ทำเลหัวมุมหน้าบันไดเลื่อน ประกอบกับการจัดร้านสไตล์มินิมอลทำให้สินค้าในร้านดูเรียบง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบแต่งตัวเรียบ ๆ หรือคนที่ชอบจับเสื้อผ้ามามิกซ์แอนด์แมตช์ ที่นี่ยังมีมุมสำหรับเครื่องประดับ Unisex สามารถสวมใส่ได้ทั้งผู้หญิงหรือผู้ชาย ตามสโลแกน ‘Referter ดูดีได้ทุกเพศ’ ด้วยความที่ราเชนทร์แวะดูเสื้อเชิ้ตอยู่ มนต์ลดาจึงได้แต่มองมุมเครื่องประดับอยู่ห่าง ๆ
หากถามว่าเพราะอะไรเธอถึงรู้เรื่องแบรนด์ Raferter ดีนัก เพราะคุณณภัทร เจ้าของสาขาในไทย เคยพบกันตอนที่ไปถ่ายงานที่สตูดิโอกับพี่บัว เขาได้จ้างให้มนต์ลดารีวิวเสื้อผ้าและเครื่องประดับ แบรนด์นี้โดดเด่นมาก แต่ด้วยยุคสมัยนี้เครื่องแต่งกาย Unisex เป็นที่นิยม แบรนด์ Raferter จึงเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ทั้งผู้หญิงและผู้ชายต่างชื่นชอบ
‘ว่าแต่คุณราเชนทร์เคยบอกฉันว่าจะต้องไปดูโรงงานที่ต่างจังหวัด แต่ทำไมถึงต้องซื้อชุดใหม่ให้ฉันด้วยล่ะ’
ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งไม่เข้าใจเขา เสื้อผ้าแบรนด์แล้วแบรนด์เล่าที่คุณราเชนทร์พามนต์ลดาไปดู แต่เด็กสาวก็ได้แต่นิ่งเงียบ ยิ่งเขาเห็นหน้าเธอนิ่ง แทนที่เขาจะคิดว่ามนต์ลดาไม่ชอบใจที่จับเธอเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ หนำซ้ำยังให้พนักงานแนะนำเสื้อผ้าให้เธอราวกับเธอเป็นเซเลบคนดัง แต่ที่ไหนได้ นี่มันตุ๊กตาชัด ๆ
‘ฉันจะไม่ทนแล้วนะ!’
มนต์ลดากระตุกชายเสื้อของเขาอย่างกับเด็ก ๆ เธอทำหน้ามู่ทู่เนื่องจากเขาเอาแต่เดินร้านนี้ออกร้านนั้น และใช้เวลาแต่ละร้านนานมาก สุดท้ายกลับหันไปบอกพนักงานว่าเดี๋ยวกลับมา ‘นี่มันอะไรกันคะเนี่ย!!!’
“นี่ ท่านประธานคะ คุณจะพาฉันไปดูอีกสักกี่แบรนด์กันคะ? นี่มันร้านที่สาม แล้วนะคะ” มนต์ลดาจิกมือ เม้มปากแน่น สายตาจ้องคุณลุงท่านประธานราวกับจะกินเลือดเนื้อ ขณะที่คุณราเชนทร์คลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก
“หนูน้ำมนต์…มาตรงนี้หน่อยสิ” เขาเดินไปโซนด้านในที่เป็นเครื่องประดับที่เล่นแสงระยิบระยับกับดวงไฟที่ตกกระทบ ราเชนทร์หยุดยืนที่หน้าชุดต่างหูคู่หนึ่ง ในขณะที่มนต์ลดาชำเลืองไปเห็นติดป้าย New Arrival แน่นอนว่าต่างหูทับทิมดีไซน์ทันสมัยคู่นี้ต้องเป็นคอลเลกชันที่ออกมาใหม่ล่าสุดอย่างแน่นอน
“ใช่แล้ว เราเข้าออกร้านมาตั้งสามแบรนด์แล้ว” น้ำเสียงนุ่ม เน้นหนัก ใบหน้าเปื้อนยิ้มอบอุ่นมองดูหนูมนต์ลดาอย่างเอ็นดู “ยิ้มอะไรคะ” เธอถามกลับอย่างหัวเสีย
“แล้วทั้งสามแบรนด์ที่เราเข้า หนูน้ำมนต์เห็นถึงความแตกต่างอะไรบ้าง”
ท่านประธานเอ่ยด้วยเสียงนุ่มทุ้ม เขาหันกลับมาสบตาคู่สวยก่อนจะใช้มือหนาลูบเรือนผมอ่อนนุ่มอย่างเอ็นดู “คะ?” เด็กสาวขานรับเสียงสูง คิ้วคู่สวยขมวด
“เอ่อ…แบรนด์ Referter เป็นแนว Minimal Unisex เรียบง่ายแต่ใส่ได้ทุกเพศ แบรนด์ที่สอง Morelista เป็นแนวแฟชั่นมาก ๆ เน้นโทนสีสดใส เหมาะกับวัยรุ่นมากกว่าวัยทำงาน หรือเหมาะกับคนที่ชอบแต่งตัวสีสดใสมาก ๆ ส่วนแบรนด์สุดท้าย Hamaderme เป็นแบรนด์ที่เหมาะกับวัยทำงานมากที่สุด มีทั้งชุดเดรส สูททางการ เสื้อเชิ้ต และชุดทำงานที่แม้จะเรียบร้อยแต่ก็มีเอกลักษณ์ค่ะ”
“อื้ม หนูน้ำมนต์เก่งจัง ช่างสังเกตจริง ๆ” ราเชนทร์พูดพลางฉวยโอกาสใช้หัวแม่โป้งเกลี่ยแก้มใสเด็กสาวหน้าร้อนผ่าวก่อนจะใช้มือปัดออก
“คุณนี่นะ ฉวยโอกาสตลอด” คุณลุงท่านประธานกระตุกยิ้มร้าย ก้มลงมากระซิบข้างหูด้วยเสียงแห่บพร่า
“แล้วถ้าผมอยากจะฉวย หนูจะว่ายังไง?” ราเชนทร์เลื่อนใบหย้าเข้าใกล้หนูมนต์ลดาจนลมหายใจอุ่นปะทะกกหู เกิดความเสียวซ่านรัญจวนใจ แก้มร้อนผ่าว ความตื่นเต้นกับกลิ่นหอมอ่อนของท่านประธานส่งผลให้ให้ใจของเด็กสาวสั่นไหว
“น้องน้ำมนต์ สวัสดีครับ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักมนต์ลดาความตกใจทำให้ทั้งคู่แยกออกจากกันอย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มรูปงาม แต่งตัวเรียบง่ายด้วยธีมสีเอิร์ธโทน ดูอบอุ่นละมุนละไม ทว่าสายตาเขากลับดูเจ้าเล่ห์ เขามองเธออย่างไม่วางตา…
มนต์ลดายกมือไหว้พร้อมแย้มรอยยิ้มหวาน “สวัสดีค่ะ บังเอิญจังเลยนะคะ คุณณภัทรแวะมาดูชุดหรือคะ”
“อันที่จริงผมเห็นน้องน้ำมนต์อยู่ร้านนี้เลยแวะเข้ามาทักน่ะครับ วันนี้ว่างไหมไปดื่มชากับผมไหมครับ ผมมีร้านที่น้องน้ำมนต์น่าจะชอบ” คุณณภัทรเอ่ย
ท่านประธานเหล่มองหนุ่มหน้าใสอย่างไม่ชอบใจนัก ก่อนจะแสร้งกระแอม
“สวัสดีครับ” คุณณภัทรหันไปเอ่ยทักทายชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐาน ก่อนจะส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปทางมนต์ลดา
“คุณณภัทรคะ นี่คือคุณราเชนทร์ ประธานบริษัท รัชตะ จิล แอนด์ เจมส์ค่ะ” เธอเอ่ยแนะนำ
“สวัสดีครับ ผมณภัทรครับ” คนมาใหม่ยื่นนามบัตรให้กับคุณราเชนทร์ แค่เพียงได้ยินชื่อบริษัทก็จำได้ทันทีว่าเป็นแขกสำคัญของประมูลเพชรของสมาคมฯ ที่จะจัดขึ้นเร็ว ๆ นี้ ณภัทรจึงอยากจะผูกสัมพันธไมตรีเอาไว้
“ท่านประธานคะ นี่คุณณภัทร เจ้าของแบรนด์ Referter ค่ะ” มนต์ลดาเอ่ยแนะนำคุณณภัทรให้คุณราเชนทร์ได้รู้จัก
‘ช่างเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ ฉันเพิ่งจะนึกถึงเรื่องของแบรนด์ Referter เจ้าของแบรนด์ก็มาให้ฉันเห็นถึงที่ แล้วยังชวนฉันไปจิบน้ำชาอะไรนั่นอีก’
ราเชนทร์หยิบนามบัตรให้ก่อนจะดึงหน้าตึงพยักหน้าเป็นเชิงรับคำทักทายอย่างไม่ค่อยเต็มใจ
“ผมกวนเวลาคุณน้ำมนต์หรือเปล่าครับ”
“เอ่อ ไม่หรอกค่ะ แต่…” / “กวนครับ” คุณราเชนทร์พูดขึ้นมาห้วน ๆ ทำให้เด็กสาวและณภัทร ถึงกับทำตัวไม่ถูก
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?