ตอนที่ 26อ้อมกอดที่แสนคะนึงหา

เวลาประมาณห้าโมงเย็นราเชนทร์พาเด็กสาวมายังโรงแรมเดอฮิลแมนตัล ซึ่งเป็นโรงแรมที่รินทร์วดีเป็นรองประธานบริษัทดูแลกิจการอยู่ อย่างไรเสียราเชนทร์แวะเข้าโรงแรมแล้ว เขาตั้งใจเคลียร์เอกสารของโรงแรมเสียหน่อยจึงให้นำหนูมนต์ลดาไปฝากไว้กับรินทร์วดีราวกับเธอเป็นเพียงเด็กน้อย

“แหมพี่เชน ฝากน้องน้ำมนต์ซะเหมือนน้องอายุห้าขวบเลยนะคะ” รินทร์วดีเอ่ยแซวที่ชายด้วยความเอ็นดู

“ยัยวดีก็พูดเกินจริง” ราเชนทร์บ่นงึมงำแต่เขาก็ไม่ได้พูดโต้แย้งแต่อย่างใด เพราะเขารู้แก่ใจว่าที่น้องสาวเอ่ยแซวนั่นเป็นความจริง แม้ช่วงนี้สถานการณ์ระหว่างเขากับหนูมนต์ลดาจะดูอึมครึม กระนั้นเขาก็ยังเป็นห่วงเธอตลอดเวลา

“ไม่เกินจริงหรอกค่ะ เดี๋ยวพี่เชนเคลียร์เอกสารไปก่อนนะคะ วดีเตรียมใส่แฟ้มแล้วเขียนโน้ตไว้ให้หมดแล้ว สงสัยตรงไหนถามคุณนนท์เลขาของวดีได้เลยนะคะ” รองประธานสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

รินทร์วดีหันไปสะกิดมนต์ลดาแล้วพูดบางอย่างกันคิกคัก ราเชนทร์ที่คอยสังเกตก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย การที่หนูมนต์ลดากับน้องสาวของเขาสนิทกันได้อย่างรวดเร็วเป็นเรื่องหนึ่งที่เขารู้สึกสบายใจ หากเวลาที่เขาไม่ว่างก็ยังมีน้องสาวของเขามาคอยอยู่เป็นเพื่อนเธอ

“แล้วนี่จะพาน้ำมนต์ไหน” ราเชนทร์เอ่ยถามขึ้นมาลอย ๆ ทว่าสายตากลับมีความจริงจังแฝงอยู่จนรินทร์วดีรู้ว่าหากไม่ตอบพี่ชายมีหวังการชอปปิ้งวันนี้ต้องมีพี่ชายตามไปด้วยแน่ ๆ

“ก็ว่าจะพาไปห้างด้านล่างสักหน่อยค่ะ” รินทร์วดีเอ่ยพร้อมกับดันหลังพี่ชายให้เข้าห้องทำงาน “ไม่ต้องห่วงนะน้องสาววดีทั้งคน พี่เชนทำงานไปเลย” รินทร์วดีพูดพลางดันไหล่พี่ชายให้นั่งลงกับเก้าอี้ทำงาน แล้วหยิบแฟ้มเอกสารเลื่อนมาวางตรงหน้าแทน

รินทร์วดีพูดจบก็จูงมือน้ำมนต์ออกไปยังลิฟต์ส่วนตัวของผู้บริหาร หล่อนเล่าให้ฟังว่าเข้ามาเป็นผู้บริหารโรงแรมเดอฮิลแมนตัลตั้งแต่เรียนจบใหม่ ๆ โดยปรับปรุงด้านล่างส่วนหนึ่งให้เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดเล็กสำหรับให้แขกที่มาเข้าพักได้เดินเล่นผ่อนคลาย ซึ่งมีห้องเสื้อแบรนด์ไทยแต่ดีไซน์นำสมัยที่รินทร์วดีชอบตั้งอยู่ด้วย สองสาวเดินดูชุดอย่างเพลิดเพลิน

“สวัสดีค่ะ คุณรินทร์วดี” เจ้าของห้องเสื้อมายาลัยเอ่ยทักลูกค้าประจำเสียงใส

“สวัสดีค่ะ วันนี้เข้าร้านดูงานหรือคะ” หล่อนเอ่ยทักทายอย่างสนิทสนม

“ใช่ค่ะ พอดีว่าช่วงนี้อยากจะทำชุดสูทสำหรับวัยรุ่นพอมีแบบในหัวแล้วแต่ก็ลองมานั่งที่ร้านเผื่อจะได้ไอเดียเพิ่มค่ะ” ระหว่างที่มายาพูดคุยกับรินทร์วดีหล่อนเหลือบมองมนต์ลดาตลอด เนื่องจากถูกใจในผิวพรรณและทรวดทรง

“ลืมแนะนำไปเลยค่ะ คนนี้คือคุณมายาเจ้าของห้องเสื้อมายาลัย แบรนด์ประจำของพี่วดีจ้ะ นี่น้องน้ำมนต์เป็นน้องสาววดีเอง”

“สวัสดีค่ะ” เด็กสาวที่ถูกขานชื่อยกมือไหว้ ก้มศีรษะ ระบายยิ้มหวานอย่างอ่อนน้อม ในขณะที่คุณมายามองเด็กสาวด้วยสายตาพราวระยับ ก่อนจะได้ไอเดียออกแบบชุดคลอเลกชั่นใหม่ในทันที

“ไม่เคยทราบมาก่อนว่าคุณรินทร์วดีมีน้องสาวสวยขนาดนี้ด้วยนะคะ จะรบกวนไปไหมหากอยากให้น้องน้ำมนต์ช่วยมาเป็นนางแบบให้กับห้องเสื้อเล็ก ๆ ของพี่มายาสักหน่อย”

น้ำมนต์หันไปสบตากับรินทร์วดีอย่างลังเล ในขณะที่หล่อนพยักหน้าน้อย ๆ เข้าใจแววตาที่น้ำมนต์พยายามสื่อออกมา “ได้ค่ะ แต่น้ำมนต์ต้องให้ทางพี่วดีจัดการให้นะคะ”

“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาเลยจ้ะ ยังไงเดี๋ยวพี่มายาให้เลขาร่างสัญญาแล้วจะนัดกันอีกทีนะคะ ไหน ๆ วันนี้ก็มาแล้วพี่ขอวัดสัดส่วนเอาไว้ก่อนเลยดีกว่า” มายาเป็นสาวทำงานที่หัวสมัยใหม่ หากเจ้าหล่อนถูกใจอะไร หรือใครแล้ว มายาจะตัดสินใจในทันที หล่อนจึงรีบให้เลขาร่างสัญญาสำหรับนางแบบของห้องเสื้อคนใหม่

มายาและทีมงานนำตัวมนต์ลดาเข้าไปยังห้องวัดชุดพร้อมกับเทียบสีที่เหมาะกับผิวน้ำมนต์ สุดท้ายเด็กสาวก็หนีไม่พ้นสีชมพูนู้ดโทนหวานที่เธอแสนจะเบื่อหน่าย

“เลือกสักชุดสิจ๊ะ” รินทร์วดีเอ่ยถามด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม การที่มนต์ลดามาเดินเล่นด้วยถือเป็นการสานฝันให้กับรินทร์วดี เนื่องจากหล่อนเคยฝันมาตลอดว่าถ้ามีน้องสาวมาเดินชอปปิ้งด้วยกันคงจะมีความสุขมาก ถึงรินทร์วดีจะสนิทกับราเชนทร์แต่อย่างไรเขาก็ไม่ชอบเดินชอปปิ้งกับหล่อน

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“ไม่เป็นไรได้ยังไง เย็นนี้เรามีไปดินเนอร์กับพี่เชน และคุณดรีมนะ” รินทร์วดีเอ่ยย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง นางแบบคนสำคัญของบริษัทจะปล่อยให้ใส่ชุดธรรมดาได้อย่างไร

“คุณดรีม?” มนต์ลดาเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“พี่ลืมเล่าให้ฟังเลยใช่ไหม คุณดรีมเป็นหุ้นส่วนกับโมเดลลิงของพี่จ้ะ”

“ตื่นเต้นจังเลยค่ะ ตั้งแต่ทำงานมาน้ำมนต์ก็อยู่กับพี่บัวมาตลอดเลย”

“ถึงบริษัทพี่จะเพิ่งเปิดใหม่แต่รับรองมีแต่งานใหญ่ ๆ ปัง ๆ น้องน้ำมนต์เตรียมตัวเหนื่อยได้เลย" รินทร์วดีพูดอย่างมั่นใจ

“เหนื่อยแค่ไหนก็ไม่หวั่นหรอกค่ะ ขอแค่มีงาน มีเงินก็พอแล้ว”

“จริง ๆ น้องน้ำมนต์คบกับพี่เชนก็น่าจะสบายไปทั้งชาติแล้วนะ ทำไมต้องขยันทำงานหนักขนาดนั้นด้วย หรือพี่เชนไม่ให้เงินใช้เลยใช่ไหมบอกพี่มานะ พี่เชนนี่ใช้ไม่ได้เลย” รินทร์วดีบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า ในขณะที่หล่อนอยากรู้ความคิดเห็นของเด็กสาวว่ามีมุมมองอย่างไร ทำให้พี่ชายของหล่อนหลงใหลได้ปลื้มจนตัวติดกันไม่ปล่อยเช่นนี้ แตกต่างจากพี่ชายคนเดิมที่รินทร์วดีเคยรู้จัก

“อย่าไปต่อว่าคุณราเชนทร์เลยค่ะ อันที่จริงที่ผ่านมาเขาดีกับน้ำมนต์มาก และการที่น้ำมนต์ชอบทำงานหาเงินใช้เองมันทำให้น้ำมนต์รู้สึกภูมิใจและมีคุณค่าในตัวเองมากกว่าต้องรอขอเงินจากใคร ใช้เงินของตัวเองมันสบายใจดีค่ะ” มนต์ลดาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกมั่นใจตัวเองเต็มเปี่ยม

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้วค่ะ แต่วันไหนพี่เชนทำตัวไม่น่ารักกับน้องสาวพี่ต้องรีบมาบอกเลยนะ” รินทร์วดีเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง

“เมื่อก่อนคุณราเชนทร์เคยอบอุ่น น่ารักกว่านี้…ติดแค่ช่วงหลังนี้ดูแปลกไป” มนต์ลดาบ่นพึมพำ

“พี่เชนทำตัวไม่น่ารักยังไงบอกพี่วดีได้เลย”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”

“แต่สายตาของน้ำมนต์มันฟ้องว่ามีนะ” รินทร์วดีหรี่ตาลงส่งสายตาคาดคั้นเอาคำตอบ

“เดี๋ยวถ้าคุณราเชนทร์ทำตัวไม่น่ารัก น้ำมนต์จะมาฟ้องพี่วดีนะคะ”

“ได้เลยจ้ะ เดี๋ยวพี่สาวคนนี้นี่ล่ะจะจัดการให้เอง”

เวลาล่วงเลยไปเกือบชั่วโมงรินทร์วดีจึงให้เด็กสาวเลือกชุดจากร้านของคุณมายาสำหรับดินเนอร์และเซ็นสัญญาคืนนี้ มนต์ลดาเลือกชุดเกาะอกรัดรูปเน้นสัดส่วนสีน้ำเงินเข้มสวมทับด้วยสูทลำลองสีดำแต่งด้วยกระดุมสีเงิน เข้ากับรองเท้าส้นสูงทรงพัมพ์หนังแก้วสีดำ ชุดนี้เป็นแบบที่เธอเลือกเองทำให้รู้สึกมั่นใจกว่าตอนที่ต้องสวมชุดสีชมพูเป็นไหนๆ

“พี่คิดว่าน้องน้ำมนต์จะเลือกสีชมพูซะอีก” รินทร์วดีมองชุดที่เธอเลือกด้วยความสงสัย ทั้งที่พี่ชายของเธอย้ำนักย้ำหนาว่าน้องมนต์ลดาชอบสีชมพู แต่เหตุใดเธอจึงไม่แม้แต่จะหันไปมองโทนสีนั้นแต่น้อง หนำซ้ำยังเลือกโทนสีและแบบที่ตรงข้ามกันคนละขั้วอีกด้วย

เด็กสาวยิ้มเจื่อน “ชุดนี้น้ำมนต์ใส่ไม่สวยหรือคะพี่วดี” มนต์ลดาเอ่ยเสียงอ่อน แววตาออดอ้อนพี่สาวพร้อมกับหมุนตัวเช็คความเรียบร้อยหน้ากระจก

“สวยแปลกตาดีนะคะ พี่เชนต้องร้องว้าวแน่ ๆ เชื่อพี่สิ”

หลังจากที่สองสาวเลือกชุดเรียบร้อยก็พากันไปแต่งหน้าทำผมที่ร้านประจำของรินทร์วดี แม้มนต์ลดาเอ่ยปฏิเสธทว่าหล่อนก็โน้มน้าวเธอจนเข้าร้านมาเสริมความงามด้วยกันจนได้ เวลาสองชั่วโมงกว่ามนต์ลดาและรินทร์วดีกลับขึ้นมายังห้องทำงานของท่านประธานหนุ่ม

“นี่มันอะไรกัน” ราเชนทร์เอ่ยเสียงเข้มดุดัน ทว่าครู่หนึ่งประกายแห่งความลุ่มหลงฉายชัดในแววตาของเขา

“เป็นไงคะ วดีพาน้องไปแปลงโฉมมา” หล่อนนำเสนออย่างภูมิใจ

แทนที่ราเชนทร์จะเอ่ยชม ทว่าเขากลับดูขุ่นเคืองมากยิ่งขึ้น ก่อนจะดุหนูมนต์ลดาด้วยเสียงเข้มจนเด็กสาวสะดุ้งตัวโยน “ทำไมแต่งตัวโป๊ขนาดนี้”

“โป๊อะไรกันพี่เชน อย่าหัวโบราณไปหน่อยเลย” หล่อนรีบแก้ต่างให้ทันควัน

“วดีออกไปก่อนพี่มีเรื่องจะคุยกับน้ำมนต์” ราเชนทร์ตะเบ็งเสียงเข้ม แน่นอนว่าต่อมหึงไม่เข้าเรื่องของเขาเริ่มทำงานอีกระลอกหนึ่งแล้ว

“ไม่ค่ะ วดีไม่ออก พี่เชนเสียงดังใส่น้ำมนต์ทำไมคะ ทำตัวไม่น่ารักเลย”

มนต์ลดาเดินตรงไปหาคุณลุงท่านประธานอย่างใจเย็น ต้องยอมรับว่าคุณรินทร์วดีดูแล ปกป้องเธอเสมือนน้องสาวคนหนึ่งทำให้เธอรู้สึกดีมาก การที่ได้เดินเลือกเสื้อผ้าพูดคุยเรื่องทั่ว ๆ ไปกับหล่อนก็ยิ่งทำให้หัวใจที่เหี่ยวเฉาของมนต์ลดาพองโตขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ

“ถ้าคุณราเชนทร์ไม่ชอบ น้ำมนต์เปลี่ยนเป็นชุดนักศึกษาเหมือนเดิมนะคะ” เธอเอ่ยเสียงอ่อน นัยน์ตาเปี่ยมด้วยความวูบไหวอย่างไม่ปิดบัง

มนต์ลดารู้ดีว่าคุณลุงท่านประธานไม่ชอบให้เธอแต่งตัวเน้นสัดส่วนเกินงาม รวมถึงโชว์เนินอกอิ่มและส่วนโค้งเว้าด้วย เดิมทีเธอเป็นคนมั่นใจในตัวเองสูง หากมองว่าการแต่งกายเหมาะสมดีแล้ว ก็จะไม่มีใคร หรืออะไรมาเปลี่ยนความคิดของเธอได้ ทว่าก็มีเพียงราเชนทร์ที่ทำให้ความมั่นใจในตัวเองของมนต์ลดาสั่นคลอน เด็กสาวไม่อาจทานทนสายตาและท่าทางที่แสดงออกถึงความไม่สบายใจในการแต่งกายของเธอได้

“น้องน้ำมนต์ทำไมต้องยอมพี่เชนขนาดนั้นด้วย” รินทร์วดีรีบโต้แย้ง

การกระทำของเด็กสาวน้ำเสียงแข็ง คิ้วสวยขมวดแน่นจนเกือบจะพันกันยุ่งเหยิง แทนที่ราเชนทร์จะทำตัวเอาแต่ใจเฉกเช่นตอนแรก นัยน์ตาสีนิลกลับอ่อนโยนลง เขายอมอ่อนข้อให้เธอแม้ราเชนทร์จะแสดงสีหน้าไม่แยแสใส่เธอ แต่วูบหนึ่งเด็กสาวกลับเห็นรอยยิ้มอบอุ่นผุดพรายที่มุมปากของเขา

“สัญญาไหมว่าจะคลุมสูทนี้ไว้ตลอด ไม่ถอดออก” เขาถามด้วยน้ำเสียงเชิงออกคำสั่ง “แน่นอนค่ะ” มนต์ลดาตอบรับน้ำเสียงหนักแน่น

ราเชนทร์พยักหน้ารับอย่างง่าย ๆ ก่อนจะออกจากห้องทำงานโดยตรงไปยังลานจอดรถผู้บริหาร รินทร์วดีตั้งใจจอดรถทิ้งไว้ที่โรงแรมโดยที่หล่อนนั่งรถดนัยเพื่อนที่เป็นหุ้นส่วนบริษัท วีพี เอนเตอร์ไพรซ์

ไม่นานนักทั้งสี่คนก็มาถึงยังโรงแรม ไฮเอนด์ รูฟ ไนท์ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับห้าดาวโดยชั้นที่สิบหก จัดเป็นห้องอาหารบรรยากาศสวยสมคำร่ำลือ ประธานหนุ่มลอบมองเด็กสาวขณะที่กำลังพูดคุยเรื่องสัญญาเข้าสังกัดของน้องสาว ใบหน้าสวยของเธอแย้มรอยยิ้มเฉิดฉาย ถึงเขาจะเคยเย็นชาเพียงใด ทว่า ในหัวใจของเขาเกิดอาการสั่นไหวอย่างน่าแปลกประหลาด รอยยิ้ม แววตา การวางตัวของหนูมนต์ลดา ทำให้ราเชนทร์ไม่อาจละสายตาจากเธอได้สักเสี้ยวนาที การเซ็นสัญญาเข้าสังกัด วีพี เอนเตอร์ไพรซ์ ผ่านไปด้วยความราบรื่น ราเชนทร์รับหน้าที่เป็นช่างภาพจำเป็นในค่ำคืนนี้คอยเก็บภาพบรรยากาศ กระทั่งเวลาล่วงเลยมาจนสี่ทุ่มครึ่ง

“พี่เชนนั่งดินเนอร์กับน้องน้ำมนต์ไปก่อนก็ได้ วดีว่าจะไปต่อกับดรีมพวกเรานัดเพื่อน ๆ ไว้แล้ว” รินทร์วดีเอ่ยด้วยรอยยิ้มเจือนสนิท

“พี่วดีไม่กลับด้วยกันหรือคะ”

“คืนนี้ดินเนอร์กันไปก่อนนะ พี่ดีใจนะที่น้ำมนต์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวพี่และส่วนหนึ่งของวีพี เอนเตอร์ไพรซ์”

“ขอบคุณพี่วดี กับพี่ดรีมมากเลยนะคะ” มนต์ลดายกมือไหว้ค้อมศีรษะ เอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

“ส่วนเรื่องตารางงานและคิวว่างเดี๋ยวเราค่อยมาอัปเดตกันอีกครั้งแล้วกันนะ” ดนัยเอ่ยด้วยเสียงสบาย ๆ ใบหน้าคมเข้มระบายยิ้มอย่างเป็นมิตร

“อย่าดื่มหนักมากนะ” ราเชนทร์ขมวดคิ้วยุ่งพร้อมกับลูบเรือนผมน้องสาวอย่างเป็นห่วง ถึงรินทร์วดีจะอายุเกือบจะเข้าเลขสาม ในฐานะพี่ชายก็อดห่วงไม่ได้อยู่ดี ถึงอย่างนั้นราเชนทร์ก็ทำได้เพียงเฝ้ามองน้องสาวอยู่ห่าง ๆ เท่านั้น

“รับทราบค่ะ กลับไม่เกินตีหนึ่งแน่นอน พรุ่งนี้วดีมีประชุมบอร์ดบริหารตอนสิบโมงเช้า พี่เชนก็ต้องแวะเข้ามาด้วยนะ” รินทร์วดีกล่าวลาพี่ชาย ก่อนจะก้มกระซิบข้างหูเขาอย่างแผ่วเบา “วดีรู้นะพี่มีเรื่องผิดใจกับน้องน้ำมนต์ วดีเปิดทางให้แล้วรีบเคลียร์ใจกันซะนะ” เจ้าหล่อนพูดจบก็หมุนตัวเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนที่ยังนั่งอยู่มองหน้ากันอย่างอิหลักอิเหลื่อ

“หนูดื่มไวน์สักหน่อยไหม?” ราเชนทร์ยกยิ้มมุมปาก พลางเสตามองไปทางขวดไวน์ที่แช่อยู่ในถังใส่น้ำแข็ง

“มันจะดีหรือคะ คุณไม่ชอบให้น้ำมนต์ดื่ม…” เธอตอบด้วยความลังเล

“อยู่กับผมไม่เป็นไรหรอกน่า ไหน ๆ คืนนี้โต๊ะเราก็เปิดไวน์มาแล้ว หนูดื่มกับผมหน่อยนะ” ราเชนทร์พูดพลางรินไวน์ลงบนแก้วพร้อมยื่นให้เด็กสาว ด้วยสีหน้าผ่อนคลายกว่าเมื่อวานอยู่หลายขุม

“ได้ค่ะ” เธอรับแก้วมาไว้ในมือพลางคลี่ยิ้มอ่อนหวานด้วยหัวใจที่สั่นไหว

มนต์ลดาไม่ใช่ผู้หญิงที่ดื่มเก่งเท่าไรทำให้อากัปกิริยาของเธอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความใจกล้าของเธอหรือเพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเกินขนาด ทำให้เด็กสาวกล้าพูดในสิ่งที่ใจเธอคิดออกมา

“หนูถามหน่อยได้ไหม คุณเป็นบ้าอะไรทำไมต้องทำตัวเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายใส่น้ำมนต์ด้วย”

“ผมว่าเรากลับดีกว่าคืนนี้หนูเมามากเกินไปแล้ว”

“อยากให้หนูดื่มเป็นเพื่อนไม่ใช่หรือคะ หนูก็ทำแล้ว ตั้งแต่ที่หนูตัดสินใจเปิดใจให้คุณ หนูก็ไม่เคยดื้อเลยนะ แล้วคุณเป็นบ้าอะไรพูดจาร้าย ๆ ใส่น้ำมนต์ทำไม” มนต์ลดาเริ่มโวยวายหยาดน้ำตาใสรื้นทั่วแพขนตางาม

ขณะที่ราเชนทร์กำลังเช็กบิลอยู่นั้นเด็กสาวฉวยหยิบขวดไวน์แล้วเทลงแก้วของเธอพร้อมกับยกขึ้นดื่มจนหมดในคราวเดียวหลายต่อหลายแก้ว ราเชนทร์ห้ามเท่าไรเธอก็ไม่ยอมฟังราวกับมนต์ลดาตั้งใจมอมไวน์ตัวเอง

“เรากลับกันเถอะ หนูเมามากแล้ว เมาแล้วพูดจาเลอะเทอะนะเนี่ย” ราเชนทร์เอ่ยเสียงดุ ทว่าแววตากลับมีแต่ความห่วงใย อาการของหนูมนต์ลดาในตอนนี้พลันให้เขาย้อนนึกถึงคืนแรกที่เขาขอเธอเป็นแฟน เมื่อคิดได้เช่นนั้นทำให้ราเชนทร์เผลอหลุดยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“ถึงน้ำมนต์เมา แต่น้ำมนต์ก็รู้ว่าทำอะไรอยู่” คนเมากำลังเถียงเสียงอ้อแอ้

“แต่ตอนนี้หนูกำลังโวยวายใส่ผมอยู่นะ”

“คุณลุงขา น้ำมนต์ขอโทษ ไวน์มันไม่ได้ทำให้น้ำมนต์เมาอย่างเดียว แต่มันทำให้น้ำมนต์กล้าขึ้น” เด็กสาวพูดเสียงออดอ้อน ยิ่งทำให้ราเชนทร์หัวใจกระตุกวูบ ในเวลาที่มนต์ลดาพูดปกติเขาก็หลงใหลเธอจนแทบเสียสติแล้ว ยิ่งในตอนนี้สายตาและน้ำเสียงออดอ้อนเขาด้วยแล้วยิ่งทำให้เขาหัวใจสั่นระรัวแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง

“ทำให้กล้างั้นเหรอ?” เขาเอ่ยถามอย่างไม่จริงจัง

“ใช่ค่ะ”

มนต์ลดาลุกขึ้นจากที่นั่งของเธอเดินมายังฝั่งที่ราเชนทร์นั่งอยู่ก่อนจะหย่อนสะโพกลงบนหน้าขาของเขาแล้วบิดตัวหันหน้าเข้าหา วงแขนเรียวโอบรอบคอแกร่ง สายตาที่เด็กสาวมองราเชนทร์บ่งบอกให้เห็นถึงความนัยใจ ความคะนึงหาที่ไม่ปิดบังผสานกับความปรารถนาที่เริ่มคุกรุ่น เธอโน้มคอเขาเข้ามาก่อนจะใช้กลีบปากนุ่มเคลือบด้วยลิปสติกสีส้มนู้ดมอบจุมพิตหวานลึกซึ้งให้ชายอันเป็นที่รัก ความโหยหาและความคิดถึงเข้าครอบงำเด็กสาว

จริงอยู่ที่แอลกอฮอล์ทำให้มนต์ลดากล้าขึ้น แต่สิ่งที่เธอทำไปทั้งหมดนั้นคือสิ่งที่เธออยากทำกับเขาแค่เพียงคนเดียวตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าราเชนทร์จะร้ายกาจใส่เธอแค่ไหนแต่สิ่งที่เลวร้ายกว่าก็คือใจของเธอเองที่ไม่อาจเลิกรักเขาได้เลย หนำซ้ำความรู้สึกที่มีให้ราเชนทร์กลับเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ วัน

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ