“น้ำมนต์ขอซื้อของส่วนตัวก่อน คุณราเชนทร์พักดื่มกาแฟที่นี่ไปก่อนนะคะ” มนต์ลดาเอ่ยเสียงหวาน พลางทิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามคุณราเชนทร์ที่ร้านกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้า วันนี้เป็นวันธรรมดา แม้จะเป็นช่วงเกือบบ่ายโมงแต่ผู้คนดูบางตากว่าครั้งก่อนที่เธอมา
“หนูจะไม่ให้ผมไปด้วยจริง ๆ หรือครับ”
มนต์ลดาระบายรอยยิ้มหวาน ส่ายศีรษะเบา ๆ เป็นเชิงตอบคำถาม
“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิคะ หนูไปไม่นานเดี๋ยวรีบมาค่ะ”
“หนูน้ำมนต์อ้อนผมแบบนี้เดี๋ยวก็เปลี่ยนใจหรอก งั้นรีบมานะครับ เดี๋ยวผมมีอะไรจะเซอร์ไพรส์”
เด็กสาวเอียงหน้าขมวดคิ้วอย่างสงสัย แต่เธอก็ไม่ได้เอ่ยถามต่อเพียงแต่ตอบรับสั้น ๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ค่ะ”
มนต์ลดาเดินตรงไปยังร้านแบรนด์บลูมมิงไชน์ ซีเครต ซึ่งเคยจ้างให้เธอรีวิวผลิตภัณฑ์ ‘เมื่อฉันนึกถึงสโลแกนของแบรนด์นี้แล้วอดใจเต้นรัวไม่ได้ แบรนด์นี้เน้นความน่ารักยั่วยวน ดูใส ๆ แต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อน ฉันจำได้ว่าแบรนด์นี้มีเซตสำหรับเดินทางน่ารัก ๆ น้ำหอม ครีมทาผิว และยังมีพวกกระเป๋าใส่เครื่องสำอางใบเล็ก กระทั่งชุดชั้นใน แม้แบบจะไม่มีให้เลือกมากนัก แต่ก็เยอะพอสำหรับเวลาน้อยนิดแบบนี้ เผื่อว่าฉันกับคุณราเชนทร์เกิด…’ มนต์ลดาเดินคิดถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับคุณราเชนทร์ด้วยหัวใจที่เต้นไม่เป็นส่ำก่อนจะหยุดยืนด้านในสุดของโซนชุดชั้นในแบรนด์น่ารักแต่เซ็กซี่ขยี้ใจ
‘บ้าจริง! ฉันกำลังคิดอะไรของฉันกันอยู่เนี่ย ชุดชั้นในใหม่เตรียมรับศึกวาบหวามของเขากับฉันน่ะเหรอ ยัยน้ำมนต์ นี่แกคิดเรื่องทะลึ่งอยู่ใครรู้เข้าแย่แน่ ๆ เขาพาไปทำงาน ท่องเอาไว้สิวะว่า…ไป-ทำ-งาน ว่าแต่ถ้าซื้อติดไปด้วยซักชุดก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ไหน ๆ ฉันก็มาแล้วนี่เนอะ’
“สวัสดีค่ะ วันนี้มีโปรโมชั่นพิเศษนะคะ ถ้าคุณลูกค้าซื้อสองชุด แถมฟรีหนึ่งชุด ราคาไม่เกินกว่าชุดที่คิดเงินเลยค่ะ”
“เอ่อ ซื้อสองแถมหนึ่งหรือคะ” มนต์ลดาแสดงสีหน้าลังเลใจ
เดิมทีมนต์ลดาตั้งใจจะซื้อตัวที่เป็นลูกไม้สีครีมน่ารักแต่ดูเซ็กซี่ แต่ชุดชั้นในที่ดูเหมือนเจ้าหญิงชุดนั้นก็น่ารัก แต่นี่ถ้าฉันซื้อทั้งสองชุดนี้ ฉันก็จะได้เพิ่มอีกชุดหนึ่ง ปกติเรื่องการคิดเลขสมองฉันช้ามาก แต่พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับเงิน ๆ ทอง ๆ สมองบวกลบคูณหารได้ไวทีเดียวล่ะ
พนักงานขายเอ่ยเชิญชวนต่ออย่างชำนาญ “ชุดคอลเลกชัน Princess So hot ที่คุณลูกค้าดูอยู่เหลือแค่ราวนี้แล้วนะคะ สาขาอื่นก็หมดแล้ว ยังไม่แน่ใจว่าจะรีสต๊อกอีกเมื่อไหร่เลยค่ะ”
สุดท้ายเธอก็ต่อสู้เสียงในหัวไม่ได้ มนต์ลดาเดินตรงเข้าไปเลือกชุดชั้นในทั้งหมดสามแบบ หากนึกย้อนไปเหตุการณ์ก่อนหน้า แค่คุณลุงท่านประธานจูบเธอครั้งนั้นก็ทำให้เธอถึงกับหมดสติเข้าโรงพยาบาล แต่ความแสนซน ทำให้เธออยากจะทดลองอีกครั้งว่าตัวเธอเนี่ยน่ะหรือที่กลัวคุณราเชนทร์จนต้องเข้าโรงพยาบาล เสียชื่อผู้หญิงแกร่งอย่างมนต์ลดาจริง ๆ
เด็กสาวรีบเดินไปที่แคชเชียร์แล้วกลับไปหาคุณราเชนทร์ที่ร้านกาแฟ โดยในถุงเธอได้ชุดสำหรับเดินทาง ด้านในประกอบไปด้วยสบู่เหลว ยาสระผม โลชั่นบำรุงผิว ชุดชั้นในสามชุด และน้ำหอมกลิ่นใหม่ขนาดเล็กที่เธอเห็นว่าขวดสวย แน่นอนว่าน้ำมนต์ก็ไม่ต่างจากผู้หญิงทั่วไปชอบตกเป็นทาสการตลาด เมื่อเจอน้ำหอมกลิ่นดี ๆ แพ็กเกจสวย ๆ ที่สำคัญลดราคาสำหรับสมาชิก 35% อีกทั้งยังได้เป็นกลุ่มแรกที่ใช้น้ำหอมกลิ่นใหม่ มีหรือที่มนต์ลดาจะไม่ซื้อติดมือมาด้วย!
“ขอโทษที่ให้รอนานนะคะ” เธอระบายรอยยิ้มเจื่อน
“ไม่นานเลยครับ ว่าแต่ทำไมหนูยิ้มเจื่อนแบบนั้น รู้สึกปวดหัวหรือเปล่า” ราเชนทร์เอื่อมมือมาแตะที่หน้าผากหวังจะวัดไข้ให้เด็กสาว
‘ที่ฉันหน้าเจื่อนเพราะเงินในกระเป๋าเบาหวิวต่างหากล่ะ ประหยัดมาตั้งนาน โธ่ จบกัน…เห็นแก่โปรโมชันแท้ ๆ เลยแต่จะให้ฉันบอกไปก็น่าอายแย่เลย’
“น้ำมนต์ไม่เป็นอะไรค่ะ” มนต์ลดาปัดมือคุณราเชนทร์ออกอย่างเบามือ
“เราไปเลือกขนมกันดีกว่า” ราเชนทร์ลุกขึ้นเต็มความสูงพร้อมจูงมือเด็กสาวไปทางตู้โชว์เบเกอรี เด็กสาวหน้าแดงก่ำ พยายามสลัดมือราเชนทร์ชำเลืองตามองอย่างไม่ใส่ใจ หนำซ้ำยังคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ดึงแขนของมนต์ลดามาหนีบไว้ข้างเอวอย่างไม่แคร์สายตาพนักงาน
“โอเคค่ะ ยอมแล้ว…คุณลุงท่านประธาน” เด็กสาวพึมพำเบา ๆ
หลังจากเลือกขนมกับเครื่องดื่มเรียบร้อยทั้งสองคนเดิมมานั่งยังมุมหนึ่งของร้าน มนต์ลดาตักขนมกินอย่างเอร็ดอร่อย ทุกการกระทำไม่ว่าจะรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือแม้แต่แก้มป่องขณะกินขนมอย่างไม่ห่วงสวยล้วนอยู่ในสายตาของราเชนทร์ทั้งสิ้น มนต์ลดาเหลือบมองคนแก่กว่าที่เอาแต่จ้องเธอไม่วางตา
“คุณจ้องน้ำมนต์ทำไมคะ”
“เห็นหนูกินมีความสุขแล้วมองเพลินน่ะ”
“คุณยังไม่บอกน้ำมนต์เลยว่าไปดูงานที่ต่างจังหวัดวันศุกร์เนี้ยคือไปที่ไหน นี่ก็วันพุธแล้วนะคะ”
“เราจะไปดูโรงงานผลิตจิวเวลรีที่จังหวัดจันทบุรีกันครับ”
มนต์ลดาฟังที่คุณลุงท่านประธานพูดแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ไปทำงานที่ต่างจังหวัด เธอไม่ได้ออกต่างจังหวัดมานานมากแล้ว แม้ว่าการไปครั้งนี้ของเธอจะเป็นการไปทำงานก็ตาม แต่ก็อดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ เด็กสาวหวังลึก ๆ ว่าคุณราเชนทร์จะพาเธอไปเดินเล่นกินลมชมวิวบ้าง “ทีมเราไปกันทั้งทีมเลยไหมคะ” เอียงคอถาม
ราเชนทร์อมยิ้มแล้วส่ายหน้าเบา ๆ มนต์ลดาขมวดคิ้วแน่นอย่างแปลกใจ เด็กสาววางส้อมแล้วหยิบทิชชูเช็ดปากพร้อมกับนั่งตั้งใจฟัง
“ยังไงคะ?”
“วันศุกร์นี้มีแค่หนูกับผม…สองคน” ราเชนทร์ฉายรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นัยน์ตาพราวระยับ “คุณเป็นท่านประธาน ส่วนน้ำมนต์เป็นเด็กฝึกงาน ใครรู้เข้าคงจะดูไม่ดีแน่ ๆ เลยค่ะ”
“หรือหนูไม่ไว้ใจผม”
“เอ่อ…ไปทำงานแน่นะคะ?”
“แน่นอนว่าไปทำงาน แล้วหนูคิดว่าผมจะพาไปไหนหรือครับ”
มนต์ลดาหน้าแดงก่ำ เม้มปากแน่นจากความกระดากอาย วูบหนึ่งเด็กสาวเผลอคิดเรื่องที่เธอกับเขาด้วยอยู่ด้วยกับสองต่อสองแล้วอดจั๊กจี้หัวใจไม่ได้ ตั้งแต่วันแรกที่เธอได้พบกับคุณราเชนทร์กระทั่งวันนี้ ความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้เขาค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นในใจมากมาย
“แต่ถ้ามีเวลาเหลือ ผมจะพาหนูไปเที่ยว”
เด็กสาวคลี่ยิ้มอย่างกังวล แม้ว่ามนต์ลดาจะดีใจที่จะได้ไปเที่ยว แต่การที่เด็กฝึกงานอย่างเธอไปโรงงานต่างจังหวัดกับท่านประธานสองต่อสองจะต้องไม่พ้นคำครหาอย่างแน่นอน เผลอ ๆ จะทำให้เธอไม่ผ่านการฝึกงานอีก
“ช่วงเช้าวันศุกร์ผมขับรถไปรับที่หน้าหอนะครับ”
มนต์ลดาทำหน้าเป็นกังวลราวกับติดอยู่ในห้วงความคิดของเธอจนราเชนทร์สังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กสาว
“ทำไมหนูทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“เปล่าค่ะ แค่กำลังคิดว่าอาทิตย์นี้ไม่ได้พักเลย” มนต์ลดาแสร้งตอบไปเช่นนั้น แม้ว่าเธอระบายความกังวลของเธอออกไปก็รังแต่จะทำให้ท่านประธานคิดว่าเธอหนักไม่เอาเบาไม่สู้ แน่นอนว่าการไปโรงงานคงเป็นเรื่องที่หนักมากกว่าสนุก แต่มนต์ลดาเรียนสายตรงด้านการออกแบบเครื่องประดับมาจนจะได้ใบปริญญา การที่คุณราเชนทร์พาเธอไปด้วยครั้งนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีกับมนต์ลดา เพราะสิ่งที่ได้เล่าเรียนมาจะได้เห็นกับตาตัวเอง มนต์ลดาพยายามสลัดความกังวลของตัวเองออกไป แล้วตั้งใจที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ให้ได้มากที่สุด
“แต่ไปกับผม…หนูเบิกค่าทำงานล่วงเวลาได้เต็มจำนวนเลยนะ พรุ่งนี้ผมเซ็นเอกสารให้ล่วงหน้าเลย” ราเชนทร์คลี่ยิ้ม เขารู้ว่ามนต์ลดาเป็นเด็กขยันที่หาเงินเก่ง ช่วงหลังตั้งแต่มีปัญหากับเจ้าสัวนั่น บวกกับมาฝึกงานกับบริษัทอาจทำให้รายได้เสริมของเด็กสาวลดลงไปมาก หากพอช่วยอะไรได้บ้าง ราเชนทร์ก็ยินดีที่จะทำ
“จริงหรือคะ ได้สองเท่าเลยใช่ไหมคะ?”
“วันศุกร์หนูจะได้สองเท่า ส่วนวันเสาร์อาทิตย์สามารถเบิกได้สามเท่าครับ”
“ดีใจจังเลย คุณใจดีที่สุดเลย” เด็กสาวยกยิ้มหวาน แววตาพราวระยับ
“อันที่จริงมันก็เป็นไปตามกฎบริษัทน่ะครับ”
มนต์ลดาสบตาราเชนทร์พลางยิ้มกรุ้มกริ่มด้วยความสดชื่น ค่าล่วงเวลาที่เธอจะได้น่าจะพอสมทบที่เธอชอปปิงวันนี้เลยทำให้อารมณ์หงอยเหงากลับสดชื่นขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย
“หนูอยากไปซื้ออะไรอีกไหม?”
“ไม่แล้วค่ะ ไปต่างจังหวัดแค่สามวันสองคืนเองนี่คะ”
“งั้นเดี๋ยวหนูไปร้านตัดสูทกับผมหน่อยสิครับ”
“ได้เลยค่ะ”
ราเชนทร์พามนต์ลดาไปยังห้องตัดเสื้อ Leder Se ร้านตัดชุดประจำของครอบครัว ราเชนทร์ได้ข่าวว่าห้องตัดเสื้อแบรนด์นี้เพิ่งเปิดสาขาที่สามได้ไม่ถึงสัปดาห์ โดยคุณสิเรียมเจ้าของกิจการตั้งใจเปิดสาขานี้เอาใจกลุ่มวัยรุ่นวัยทำงาน โดยยกร้านนี้ให้น้องออมมี่ ลูกสาวคนกลางเป็นคนดูแล
วันนี้ราเชนทร์ถือโอกาสที่เขาแวะมาที่นี่พอดีจึงโทร.สั่งให้เลขาเตรียมการประสานงาน แจ้งกับห้องตัดชุด Lader Se ว่าจะแวะเข้ามารับชุดที่สาขานี้พร้อมกับสั่งช่อดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีกับสาขาใหม่ คุณสิเรียมนอกจากเป็นเจ้าของห้องตัดชุดที่ครอบครัวเขาใช้บริการมาตั้งแต่รุ่นคุณตา คุณสิเรียมยังเป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเขาด้วย เนื่องจากสามีของคุณสิเรียมมีสาขาร้านจิวเวลรีขนาดใหญ่ที่เยอรมัน ทำให้ออร์เดอร์ในการสั่งทำแต่ละครั้งมีมูลค่าค่อนข้างจะสูง แต่คุณสิเรียมรักห้องเสื้อ Lader Se มาก เพราะห้องเสื้อนี้เป็นมรดกตกทอดตั้งแต่รุ่นคุณยาย หล่อนจึงยังคงเปิดบริการต่อด้วยใจรัก
ราเชนทร์ยกข้อมือดูเวลาเกือบจะบ่ายสองโมงแล้ว ซึ่งเป็นเวลาที่เขานัดกับคุณสิเรียมไว้ ประธานหนุ่มจึงแวะรับช่อดอกไม้ที่สั่งเตรียมเอาไว้ เป็นดอกลิลลี่สีขาวอ่อนหวาน ห่อหุ้มด้วยกระดาษแก้วสีน้ำเงินเข้มสลับสีเทา พร้อมการ์ดแสดงความยินดีและเวาเชอร์แทนเงินสดสำหรับซื้อจิวเวลรีในเครือ
“คุณราเชนทร์นัดสาวไว้หรือคะ ดอกไม้ช่อใหญ่เชียว” มนต์ลดาเอ่ยแซวด้วยท่าทางสบาย ๆ
“ไม่เชิงว่าเป็นสาวหรอกครับ เรื่องธุรกิจมากกว่า ร้านอยู่ข้างหน้านี่เองครับ” ราเชนทร์เสตามองที่หน้าห้องเสื้อ Leder Se แต่สาขานี้จัดร้านดูแปลกตา โดยปกติร้านนี้จะจัดหน้าร้านโทนสีเรียบง่าย ตกแต่งร้านสไตล์เรียบหรู ทว่าสาขานี้กลับเน้นสีพาสเทลสลับกับสีเอิร์ธโทนนำสมัย “ถ้าเป็นติดต่องาน งั้นให้น้ำมนต์เป็นเลขาจำเป็นวันหนึ่งไหมคะ มาค่ะ เดี๋ยวน้ำมนต์ช่วยถือดอกไม้ให้” มนต์ลดากระตือรือร้นรีบยื่นมือออกไปรับช่อดอกไม้ เธอตั้งใจจะช่วยถือให้เขา คุณลุงท่านประธานจะได้ทำธุระได้อย่างสะดวก
“ไม่เป็นไรครับ หนูเพิ่งหายป่วย” ราเชนทร์เอ่ยเสียงนุ่มพลางลูบเรือนผมเด็กสาวอย่างอ่อนโยน
“น้ำมนต์ดีขึ้นแล้วค่ะ ท่านประธานเดินเข้าไปแบบหล่อ ๆ เลย แค่ดอกไม้เดี๋ยวน้ำมนต์ถือให้ค่ะ” มนต์ลดาคลี่ยิ้มเต็มดวงหน้ายังยืนยันจะช่วยคุณลุงท่านประธานถือช่อดอกไม้แทนเลขาของเขา
“แบบนั้นก็ได้ครับ” ราเชนทร์ยิ้มอ่อนโยนพลางส่งช่อดอกไม้ให้กับเด็กสาวก่อนจะเดินนำเข้าไปยังห้องเสื้อ leder Se สาขาใหม่
‘ฉันรีบรับช่อดอกไม้มาถือไว้แนบอก นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้เห็นคุณราเชนทร์คุยงานกับลูกค้า รอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนในคราวแรกแปรเปลี่ยนเป็นสุขุมนุ่มนวล คุณลุงท่านประธานในมาดผู้บริหารดูน่าเกรงขามมากกว่าตอนที่เขาอยู่กับฉันมากทีเดียว’
ราเชนทร์ผลักประตูเข้าไปยังร้านตัดชุดพร้อมกับแจ้งพนักงานหน้าเคานเตอร์ว่านัดกับคุณสิเรียมด้วยตัวเอง ไม่นานนักผู้หญิงหน้าตาหมวย วัยกลางคน แต่รูปร่างยังดูดีเหมือนสาวแรกรุ่น สวมชุดเดรสซีธรูสีม่วงเข้มสวมทับด้วยสูทลำลองสีขาวนวล เข้ากับรองเท้าส้นสูงสีขาว เสริมให้หล่อนดูมีสง่าสมกับเป็นเจ้าของห้องเสื้อแบรนด์ดัง
“สวัสดีค่ะ คุณราเชนทร์” คุณสิเรียมเอ่ยทักพร้อมกับเชิญแขกพิเศษนั่งพักยังโซฟารับรองด้านในร้าน
“สวัสดีครับ ยินดีด้วยกับสาขาใหม่นะครับ” ราเชนทร์ค้อมศีรษะเอ่ยทักทายอย่างอ่อนน้อม
“ขอบคุณมากเลยค่ะ ดอกไม้สวยมากเลย วันนี้เชิญตามสบายนะคะ พี่สิเรียมจะให้เด็ก ๆ ดูแลคุณราเชนทร์เป็นพิเศษเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมแค่แวะพาน้องมาดูชุดที่ได้แจ้งไว้ครับ” ราเชนทร์เอ่ยอย่างสุภาพพลางพยักพเยิดหน้าไปทางมนต์ลดาเพื่อเป็นการส่งซิกซ์กับคุณสิเรียม
“เด็กสาวคนนี้ใช่ไหมคะที่คุณราเชนทร์ให้ห้องเสื้อ Lader Se ดูแลในวันนี้”
“ครับ” ประธานหนุ่มหันไปขยิบตาให้หนูมนต์ลดาอย่างหยอกล้อ เขารู้ว่าหนูมนต์ลดาต้องบ่นเขายกใหญ่ที่ไม่บอกเรื่องนี้กับเธอก่อน แต่ราเชนทร์รู้จักนิสัยเด็กสาวดีว่าหากบอกก่อน หนูมนต์ลดาต้องเกรงใจเขาและไม่มีทางยอมให้เขาพาเธอมาที่นี่แน่นอน
“งั้นเดี๋ยวสาวน้อยเข้าไปวัดตัวลองชุดกับคุณมิน ดีไซเนอร์ประจำสาขาก่อนได้เลยค่ะ” เจ้าของห้องเสื้อโอบเอวหนูมนต์ลดาหลวม อย่างเป็นกันเอง ประสบการณ์ที่หล่อนเปิดห้องเสื้อมานานเกือบครึ่งชีวิต แค่มองเพียงหางตาก็รู้แล้วว่าเด็กสาวหน้าสวยคนนี้ต้องเป็นคนพิเศษของคุณราเชนทร์ไม่มีผิดเพี้ยน
“ดะ...เดี๋ยวก่อนค่ะ น้ำมนต์ว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดหรือเปล่าคะ น้ำมนต์ไม่ได้จะมาเลือกชุดนะคะ” มนต์ลดาหันไปสบตากับคุณราเชนทร์สลับกับคุณสิเรียมอย่างตื่นตระหนก
“คุณมิน คุณสิเรียมครับ งั้นผมขอเวลาส่วนตัวสักครู่นะครับ” ราเชนทร์เอ่ยพร้อมกับดึงมนต์ลดามาพูดคุย ‘เด็กแสบก็ยังดื้ออยู่วันยังค่ำสินะ!’
“ได้เลยค่ะ/ครับ” คุณสิเรียมและดีไซเนอร์ของห้องเสื้อยกยิ้มมุมปากพร้อมกับเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด
“ผมรออยู่ด้านหน้าร้านนะครับ” ดีไซเนอร์หนุ่มหน้าใสส่งยิ้มหวานพร้อมกับพยักหน้ารับ แล้วออกไปรอด้านหน้าร้าน
“นี่มันเรื่องอะไรกันคะ” หนูมนต์ลดาถามเสียงแข็ง หัวคิ้วขมวดจนพันกันยุ่ง
“คืนวันเสาร์ เราจะต้องไปร่วมงานพิเศษที่จัดขึ้นโดยสมาคมอัญมณีและเครื่องประดับภายในประเทศ ผมก็เลยจัดการให้คุณสิเรียมเตรียมดีไซเนอร์ไว้ให้หนู ถึงจะตัดชุดใหม่ไม่ทัน แต่ผมรับรองว่าชุดของห้องเสื้อ Lader Se จะทำให้หนูสวยไม่น้อยหน้าใครแน่นอน” ราเชนทร์พูดด้วยสายตาภาคภูมิใจ ประธานหนุ่มมั่นใจว่าคู่ควงในงานเขาทั้งสวยและเก่งไม่น้อยหน้าใครแน่นอน
“ก็แล้ว…ทำไมคุณไม่บอกน้ำมนต์ก่อนล่ะคะ” หนูมนต์ลดายังคงมีสีหน้าไม่ค่อยพอใจ แม้เธอจะไม่ปฏิเสธงานที่จะต้องไป แต่คงไม่มีใครชอบที่ต้องรับรู้ว่าจะต้องไปงานแบบกระชั้นชิดเช่นนี้
“ผมก็กำลังบอกคุณอยู่นี่ไงครับ” ราเชนทร์ยกยิ้มมุมปากอย่างยียวน เขาไม่มีเจตนาที่จะแกล้งเด็กสาว แต่ท่าทางหัวเสีย คิ้วขมวด แก้มป่องที่หนูมนต์ลดากำลังทำอยู่ดูน่ารักจนเขาหุบยิ้มไม่ได้
“นี่มันเรียกว่ามัดมือชกต่างหากล่ะ” หนูมนต์ลดาทำหน้ามู่ทู่พลางบ่นอุบ
“หนูรีบไปเลือกชุดเถอะ” ราเชนทร์ลูบศีรษะกลมอย่างเอ็นดู
“น้ำมนต์ต้องไปงานนี้ด้วยจริง ๆ เหรอคะ คุณราเชนทร์จะให้น้ำมนต์ไปในฐานะอะไรคะ น้ำมนต์กลัวทำตัวไม่ถูก”
ราเชนทร์เม้มปากนิ่งพลางนึก หากบอกกับเด็กสาวไปว่าไปในฐานะคู่ควงของเขาก็คงจะดูไม่ดีสักเท่าไร เพราะหนูมนต์ลดาก็ยังเป็นนักศึกษาฝึกงานในทีมเขา จู่ ๆ ราเชนทร์ปิ๊งไอเดียบางอย่างได้ วูบหนึ่งเขาปรับสีหน้าเป็นเจ้าเล่ห์ทันที
“งั้นหนู…ไปในฐานะเลขาจำเป็นก็ได้ เหมือนวันนี้ไงครับ”
“แบบนั้นก็ได้ค่ะ”
ขณะที่ราเชนทร์นั่งคุยงานรอที่โซฟารับแขก มนต์ลดากำลังถูกคุณมิน ดีไซเนอร์หนุ่มหน้าหวานช่วยเลือกชุดที่เข้ากับเธออย่างสนุกสนาน คุณมินคุยเก่ง นิสัยดี ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลาย อีกทั้งยังกล้าเป็นตัวของตัวเอง ดีไซเนอร์หนุ่มเลือกชุดเดรสเกาะอกสีแดงเบอร์กันดี เว้าช่วงอกแต่งลูกไม้เล็กน้อย อ่อนหวานช่วงตัวรัดรูป และชายกระโปรงทรงปล่อยเป็นหางปลาและผ่าหน้าขาสูง ส่วนด้านหลังเว้าโชว์แผ่นหลังขาวเนียน ซึ่งน้ำมนต์ก็มองว่าชุดนี้ถึงดูเรียบแต่เซ็กซี่ การตัดเย็บสวยเนี้ยบ คุณมินยังบอกอีกว่าโทนสีชุดนี้เข้ากันกับชุดสูทของคุณราเชนทร์ด้วย
‘ฉันลองชุดเดรสโดยมีพนักงานผู้หญิงคอยช่วยเหลือ ห้องเสื้อนี้ดูแลฉันดีมาก ชุดเดรสสีแดงเบอร์กันดีเมื่ออยู่บนตัวช่วยขับผิวพรรณให้ดูสว่างขึ้น หากฉันเกล้าผมมวยทรงสูง ประดับกิ๊บเพชรสู้แสงไฟสักหน่อย พร้อมกับปล่อยปอยผมด้านหน้าลงมาเล็กน้อยอย่างที่คุณมินแนะนำ ทุกอย่างก็น่าจะลงตัว แม้ชุดนี้จะแหวกหน้าเว้าหลัง แต่เมื่อฉันนึกย้อนว่านี่เป็นงานกลางคืน ชุดราตรีแบบนี้ก็คงไม่ดูเกินงามไปหรอกมั้ง’
มนต์ลดาสวมชุดราตรีออกมาจากห้องลอง เด็กสาวเดินตรงไปหาราเชนทร์ที่นั่งรออยู่ด้วยความตื่นเต้นระคนเขินอาย ทันทีที่คุณลุงท่านประธานเห็นเด็กสาวในชุดราตรีสีแดงเบอร์กันดีดูเซ็กซี่ ท่วงท่าที่ดูแปลกตา ก็ทำให้เขาย้อนนึกถึงครั้งแรกที่เขาพบกับหนูมนต์ลดา จู่ ๆ ความหัวโบราณของราเชนทร์ก็เข้าครอบงำ เมื่อเขาคิดว่าผิวสวยและทรวดทรงน่ามองนี้จะต้องถูกชายอื่นมองเช่นกัน แม้ชุดนี้เมื่ออยู่กับหนูมนต์ลดาจะดูดีมากก็จริง แต่แหวกหน้าโชว์นมเว้าหลังแบบนี้มันมากเกินไปจริง ๆ
“ทำไมคุณทำหน้าแบบนั้น ชุดนี้ดูไม่ดีหรือคะ?”
มนต์ลดายืนหน้ากระจกพลางจะหมุนตัวไปมา ความมั่นใจเต็มร้อยเมื่อครู่ กระทั่งเห็นสายตาคุณราเชนทร์ ทำให้ความมั่นใจลดลงจนแทบไม่เหลือ แต่เด็กสาวยังเชื่อมั่นในตัวเองว่าชุดนี้เหมาะกับเธอ
คุณมินรีบพูดเสริมเพิ่มความมั่นใจให้กับหญิงสาว “ชุดนี้ดูดีมากเลยครับ คุณน้ำมนต์ตัวเล็กแต่สูงหุ่นนางแบบ ผิวเนียนขาวอมชมพู ชุดนี้เหมาะมาก ๆ และที่สำคัญชุดนี้เพิ่งเข้ามาในห้องเสื้อ ยังไม่เคยมีใครใส่ออกงานเลยด้วย”
“ชุดก็สวยนะครับ แต่พอมีชุดอื่นที่ดูน่ารักและโป๊น้อยกว่านี้ไหม?”
ราเชนทร์เอ่ยกับคุณมินด้วยเสียงเรียบ สายตาแข็งกร้าว บรรยากาศรอบตัวดูอึดอัด คุณราเชนทร์จ้องมองเธอด้วยสายตาไม่สบอารมณ์ มนต์ลดาค่อย ๆ ทิ้งตัวนั่งข้างคุณราเชนทร์พร้อมกับจ้องหน้าเขาด้วยความสงสัย
“จ้องผมทำไมครับ?”
“หนูทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรือคะ?” มนต์ลดาอ้อนเสียงอ่อน เด็กสาวไม่อยากให้บรรยากาศระหว่างเธอกับคุณลุงท่านประธานดูอึดอัด จึงเอ่ยถามเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน มนต์ลดาเชื่อว่าการที่เธอคุยด้วยความใจเย็นจะทำให้สถานการณ์ดูผ่อนคลายลง
“นี่หนูกำลังอ้อนผมอยู่เหรอ?” ราเชนทร์เลิกคิ้วสูงอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“น้ำมนต์ว่าชุดนี้ก็สวยนะคะ”
“หนูใช่ชุดนี้แล้วสวยมาก สวยจนผมไม่อยากให้คนอื่นได้เห็น” เขาพูดพลางดึงมือเด็กสาวกุมไว้แน่นด้วยแววตาจริงจัง
ไม่นานนักคุณมินเดินกลับออกมาพร้อมกับชุดเดรสกลิตเตอร์ดีไซน์หรูสีโรสโกลด์แขนกุด เว้าอกลึกเป็นวีเชฟแต่มีผ้าตาข่ายสีเนื้อกันโป๊อยู่ เข้าเอวพอดีตัวทำให้สามารถเห็นส่วนโค้งเว้าของรูปร่างได้ดี ส่วนชายกระโปรงลู่พลิ้วผ่าหน้าขาสูงถึงเนินขาอ่อน ด้านหลังแม้จะเว้าไม่ลึกมากแต่ถึงกระนั้นมนต์ลดาก็ยังต้องโชว์แผ่นหลังขาวเนียนอวดสายตาผู้คน
“คุณมิน ชุดนี้สวยมากเลยค่ะ” มนต์ลดามองชุดที่อยู่ในมือคุณมินด้วยแววตาพราวระยับ ทว่าชุดนี้ดูหรูหราอลังการเกินไปสักหน่อย
“ชุดนี้ก็ยังไม่เคยมีใครเช่านะครับ คุณน้ำมนต์ลองชุดนี้สิครับ น่าจะเหมาะ”
“มีชุดเรียบ ๆ กว่านี้ไหมคะ ตัวนี้อาจจะหรูเกินไปสำหรับเด็กอย่างน้ำมนต์”
“ชุดนี้น่ารักดีนะครับ” ราเชนทร์พูดพลางคลี่ยิ้มอ่อนโยนให้เด็กสาว
มนต์ลดาจึงหยิบชุดเดรสระยิบระยับที่กำลังเล่นแสงไฟสีโรสโกลด์จากมือของดีไซนเนอร์หนุ่มไปสวมลอง ชุดนี้นอกจากจะดีไซน์สวยเนี้ยบหรูหรา ยังทำให้เธอดูอ่อนหวานแต่แฝงด้วยความเย้ายวนเล็ก ๆ เด็กสาวเดินออกมาห้องลองชุด ขณะที่คุณมินยื่นรองเท้าส้นสูงกลิตเตอร์สีเงินให้กับน้ำมนต์สวมเข้าชุด
มนต์ลดาเดินกลับไปให้คุณราเชนทร์ชมอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ชายหนุ่มจ้องมองเธอด้วยสายตาเป็นประกาย เขาไม่เอ่ยตอบ เพียงแต่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“รับเป็นชุดนี้เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะเก็บช่วงเอวให้เข้ารูปอีกนิด”
ราเชนทร์ขยับตัวเล็กน้อยพลางขมวดคิ้วแน่น “ไม่ทราบว่าช่วงกระโปรงที่แหวกสูงเย็บลงไปถึงเข่าเลยได้ไหมครับ”
“คุณราเชนทร์!” เธอเอ่ยเสียงสูง มองประธานหนุ่มด้วยสายตาเริ่มไม่พอใจ
“ผมแค่เห็นว่ามันเว้าสูงไปเท่านั้นเอง”
คุณมินอ้อมมาทางด้านหน้าของมนต์ลดาก่อนจะนั่งคุกเข่าลงไปดูช่วงชายกระโปรง “เอาลงอีกหน่อยได้ครับ แต่ถ้าให้เอาลงไปถึงเข่าคงจะไม่ได้”
“นี่คุณ ไม่ต้องคุกเข่าลงไปตรงขาอ่อนก็ได้มั้ง!” ราเชนทร์เอ่ยเสียงแข็งเมื่อเห็นดีไซน์เนอร์หนุ่มจับชายกระโปรงช่วงต้นขาอ่อนของเธอ
มนต์ลดาถอนหายใจยาวกับท่าทางคุณลุงท่านประธาน “ไม่เป็นไรค่ะ คุณมินแค่สอยช่วงเอวให้น้ำมนต์ก็พอค่ะ”
“เดี๋ยววันพรุ่งนี้ ช่วงบ่ายผมให้คนไปส่งพร้อมกับสูทคุณราเชนทร์เลยนะครับ”
ราเชนทร์พยักหน้ารับก่อนยื่นบัตรเครดิตให้กับเจ้าหน้าที่ หลังจากจัดการธุระในห้องตัดเสื้อเรียบร้อย เธอขอแวะร้านเครื่องสำอางตามประสาสาวรักสวยรักงาม ราเชนทร์จึงบอกกับเด็กสาวว่าเดี๋ยวเขาจะรีบมา
“คุณเลือกของไปก่อนนะครับ รอผมแป๊บเดียว”
เด็กสาวพยักหน้ารับก่อนจะหันกลับไปสนใจเครื่องสำอางที่อยู่ตรงหน้า โดยปกติมนต์ลดาไม่ค่อยซื้อเครื่องสำอางสักเท่าไร แต่เธอถือโอกาสที่ต้องออกงานกับคุณลุงท่านประธานครั้งนี้เพื่อลองพาเลตอายแชโดว์ที่ออกใหม่ ซึ่งเป็นโทนสีที่สามารถใช้ในชีวิตประจำวันได้ แต่ที่พิเศษคือมีเนื้อชิมเมอร์และกลิตเตอร์ที่เหมาะกับงานกลางคืนเป็นพิเศษ เมื่อพลิกดูราคาแล้วทำให้เด็กสาวถึงกับคิดเลขในใจแล้วขนลุกทีเดียว
“ผมเห็นหนูจับแล้ววางอยู่สามรอบแล้ว ทำไมไม่เอาด้วยล่ะ” ราเชนทร์เดินมาซ้อนด้านหลังโดยที่มนต์ลดาไม่ทันได้ตั้งตัว
“เอาแค่ลิปแท่งเดียวก็พอแล้วค่ะ คุณรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวน้ำมนต์ไปจ่ายเงินสักครู่นะคะ”
ราเชนทร์หยิบพาเลตอายแชโดว์ที่หนูมนต์ลดาชอบพร้อมกับเร่งฝีเท้าไปยังเคานเตอร์คิดเงิน พร้อมกับหยิบบัตรเครดิตยื่นให้กับแคชเชียร์
“รับแค่ชิ้นเดียวหรือคะ ถ้าเป็นเซตนี้ตอนนี้ลดราคาอยู่นะคะ จากเจ็ดพันเก้าร้อยเก้าสิบบาท เหลือห้าพันสองร้อยห้าสิบบาท ได้ทั้งพาเลตอายแชโดว์ บลัชออนสองโทนสี ลิปสติกแบบแมตช์ห้าสีครบเซต และลิปกลอสอีกสองแท่งเลยนะคะ”
“รับครับ” ราเชนทร์เอ่ยตอบรับคำแนะนำของพนักงาน
“เดี๋ยวสิคุณ ฉันจะซื้อลิปแค่แท่งเดียว” มนต์ลดากระซิบบอกชายหนุ่ม
“ลิปแท่งนี้ด้วยครับ” ราเชนทร์พูดพลางฉวยลิปสติกจากมือของน้ำมนต์ส่งให้แคชเชียร์ด้วยหน้าแช่มชื่น
แม้มนต์ลดาจะรู้สึกดีที่วันนี้ได้ของถูกใจตั้งหลายอย่าง แต่การที่คุณราเชนทร์เปย์ให้เธออย่างนี้ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ หนูมนต์ลดาเดินเข้ามานั่งในรถยนต์คันหรูด้วยความเงียบจนราเชนทร์สังเกตเห็นความผิดปกติ
“หนูเป็นอะไรหรือเปล่า ผมสังเกตเห็นหนูเงียบมาตลอดทางตั้งแต่ออกจากร้านเครื่องสำอางแล้ว” ราเชนทร์ยังคงไม่ออกรถ เขาอยากจะคุยกับเด็กสาวให้สบายใจเสียก่อน “คุณ…ซื้อให้น้ำมนต์เยอะขนาดนั้นทำไมคะ เงินไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ”
“หนูไม่ชอบหรือครับ”
“ชอบค่ะ แต่ไม่เข้าใจ”
ราเชนทร์กระตุกยิ้มร้าย เขาขยับตัวเข้าใกล้เด็กสาวจนลมหายใจร้อนกระทบกกหูของเธอ ท่านประธานหนุ่มเลื่อนมือดึงสายเข็มขัดนิรภัยออกอย่างอ้อยอิ่งแล้วคาดให้หนูมนต์ลดา พลางกระซิบเสียงหวานข้างหูเสียงหวานเจือความอบอุ่น “ผมแค่อยากเปย์หนูบ้าง…ได้ไหมครับ?”
“คุณทำให้น้ำมนต์ลำบากใจนะ” เด็กสาวใบหน้าร้อนผ่าว หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ ความหวั่นไหวยากที่จะหยุดลงโดยง่ายก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วภายในหัวใจ
“งั้นหนูก็คิดซะว่าเป็นโบนัสที่ให้หนูไปออกงานกับผม แล้วเครื่องสำอางพวกนี้หนูก็เอาไว้ไปแต่งวันออกงาน เนี่ย เห็นไหม เรื่องงานทั้งนั้น” เขาแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์
“นี่หรือคะเรื่องที่จะเซอร์ไพรส์น้ำมนต์” เด็กสาวเริ่มยิ้มออกเมื่อฟังเหตุผลที่คุณลุงท่านประธานพยายามชักแม่น้ำทั้งห้าสายเพื่อชี้แจงเหตุผล แม้สิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดจะฟังไม่ขึ้นก็ตามที “ยังไม่ใช่ครับ เรื่องต่อจากนี้ต่างหาก”
“โอ้โห วันนี้มีแต่เรื่องน่าตกใจ นี่ยังไม่หมดอีกหรือคะ น้ำมนต์เพิ่งจะรู้นะคะว่าคุณเป็นคนชอบเซอร์ไพรส์สาว ๆ” หนูมนต์ลดาหัวเราะคิกคักเมื่อเอ่ยแซวเขา
“ผมทำแบบนี้แค่เฉพาะกับหนูน้ำมนต์เท่านั้น” ราเชนทร์พูดพลางเอื้อมมือไปยีผมของเด็กสาวอย่างที่เขาชอบทำตอนนึกเอ็นดู ก่อนจะหันไปทางด้านข้างประตูรถ ยื่นถุงกระดาษใบเล็กให้กับน้ำมนต์
เด็กสาวรับมาอย่างงง ๆ “อะไรหรือคะ?”
“ลองเปิดดูสิครับ”
มนต์ลดาเปิดถุงกระดาษออก ปรากฏกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินทรงสี่เหลี่ยม เธอหยิบออกมาแล้วเปิดกล่องออกด้วยหัวใจวูบไหว “น่ารักดีค่ะ”
สร้อยสีโรสโกลด์เข้าคู่กับจี้ดอกไม้ตกแต่งด้วยเพชรเล็กน่ารัก ชายตุ้งติ้งระย้า การออกแบบดูเรียบง่ายแต่แปลกตา เด็กสาวพลิกสร้อยไปมาในมือเพื่อสังเกตรายละเอียดบนตัวเรือนจี้ ด้านหลังจี้มีตัวอักษรเล็ก ๆ สลักอยู่ แต่เมื่อเธอเพ็งสายตาไปที่ข้อความปรากฏเป็นตัวอักษรคำว่า Monlada
‘นี่มันชื่อฉันนี่นะ? ไม่จริงหรอกมั้ง อาจเป็นเรื่องบังเอิญก็เป็นได้’
“ผมสั่งทำสร้อยเส้นนี้ ให้หนูน้ำมนต์นะครับ”
“น้ำมนต์รับไม่ได้หรอกค่ะ นี่มันมากเกินไป” มนต์ลดาพูดพลางปิดกล่องกำมะหยี่พร้อมกับยื่นคืนให้เจ้าของสร้อย
“หนูจะไม่รับน้ำใจผมหรือครับ จี้ชิ้นนี้มีชิ้นเดียวในโลกเลยนะ ผมออกแบบและเร่งสั่งทำให้หนูคนเดียวเลยนะ” ราเชนทร์ฉวยมือบางกุมไว้อย่างหลวม ๆ
“คุณราเชนทร์” เด็กสาวสบตาเขา พลางเอ่ยน้ำเสียงอ่อนใจ
“ให้ผมใส่ให้หนูเลยไหมครับ”
“เดี๋ยวน้ำมนต์ค่อยไปใส่วันงานดีกว่าค่ะ กลัวทำหายเสียก่อน”
“ผมจะรอชมนะครับ หนูน้ำมนต์ต้องสวยที่สุดในงานแน่ ๆ” ราเชนทร์พูดจบเขาก็เคลื่อนรถยนต์คันหรูออกจากลานจอดรถของห้างสรรพสินค้าเพื่อไปส่งมนต์ลดายังหอพักใกล้บริษัท
‘นี่คุณลุงท่านประธาน คุณจะเล่นกับหัวใจฉันมากเกินไปแล้วนะ สองต่อสอง สามวันสองคืน โอ๊ย…แค่ทำงาน ท่องเอาไว้ ฉันก็แค่ไปทำงาน!?’
[ คิมหันต์ x ลัดดา ]
หลังจากเรื่องราวมากมายที่แสนเหน็ดเหนื่อย คุณลุงท่านประธานก็มาส่งมนต์ลดาที่หอพัก และเธอหวังว่าคงจะได้พักจริง ๆ จัง ๆ เสียที
“เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะแวะมารับนะครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวน้ำมนต์ไปทำงานพร้อมลัดดาดีกว่าค่ะ”
“หนูกับเพื่อน ๆ ในหอก็มาด้วยกันเลยก็ได้นี่ครับ ผมไม่ซีเรียส” ราเชนทร์คลี่ยิ้มอย่างใจดีพลางหันไปหยิบถุงที่พาเด็กสาวไปซื้อมาเมื่อครู่
“มันดูไม่เหมาะมั้งคะ คุณเป็นถึงท่านประธาน ส่วนน้ำมนต์กับเพื่อนเป็นแค่เด็กนักศึกษาฝึกงานนะคะ” มนต์ลดาอธิบายให้คุณราเชนทร์ได้ฟัง การที่เขาดูแลเธอดีกว่าคนอื่น ๆ ลึก ๆ เธอก็รู้สึกดีไม่น้อย แต่ก็ไม่อยากได้ชื่อว่าเป็นคนเห็นแก่ตัว ทำให้ราเชนทร์ดูไม่ดีในสายตาคนอื่น
“แต่…”
“เดี๋ยวถึงที่ทำงานก็เจอกันแล้ว” มนต์ลดาเอ่ยย้ำ
“หนูหวงผมกับเพื่อน ๆ ใช่ไหม?” คุณลุงท่านประธานกระตุกยิ้มร้าย
“คุณลุงมั่นหน้าเกินไปแล้ว” เธอระบายยิ้มขบขัน พลางบ่นพึมพำเบา ๆ
“นี่หนู…ผมได้ยินนะ เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เจอกันที่ทำงานแล้วกันนะครับ” ราเชนทร์คลี่ยิ้มอย่างใจดีก่อนจะถือวิสาสะหอมกลางศีรษะกลมอย่างเอ็นดู เด็กสาวผละตัวออก ยกมือไหว้ลาคนแก่กว่าอย่างอ่อนน้อม คนถูกไหว้ยกยิ้มมุมปาก พยักหน้ารับก่อนจะค่อย ๆ เคลื่อนรถหรูออกจากหน้าหอพัก ขณะที่มนต์ลดากำลังเดินขึ้นหอก็ถูกสายตาสองคู่จากเพื่อนร่วมห้องจ้องเขม็งมองด้วยความอยากใส่ใจ
“น้ำมนต์…หายไปไหนมาทั้งคืน” ลัดดาสาวน้อยร่างอวบพ่วงตำแหน่งเพื่อนซี้มนต์ลดาโผเข้ามากอดแขน
“พอดีน้ำมนต์ไม่สบายนิดหน่อยเมื่อคืน ก็เลยนอนที่ รพ.ไง ฉันก็ส่งข้อความบอกแล้ว ทำไมมองหน้าฉันแบบนั้นล่ะ” คนถูกจับผิดยิ้มเจื่อนให้เพื่อนซี้
มนต์ลดาทำตัวไม่ถูกเมื่อเพื่อนสาวพยายามคาดคั้นหาคำตอบ หญิงสาวรู้ว่าลัดดาตั้งใจจับผิดเธอกับคุณราเชนทร์ เธอก็พยายามเลี่ยงตอบมาหลายครั้งแล้ว ไม่ใช่เพราะไม่ไว้ใจลัดดา แต่เพื่อนสาวตัวดีนี่แหละเป็นแฟนตัวยง คอยคนเชียร์เธอกับคุณลุงท่านประธาน ทั้งยังคอยเปิดโอกาสให้คุณราเชนทร์ได้เข้าใกล้เธอบ่อย ๆ
“กรี๊ด…นั่นมันรถท่านประธานนี่ อร๊าย…น้ำมนต์หายไปกับเขามาทั้งคืน หรือว่า???” ลัดดาเอ่ยถามด้วยสายตาเปล่งประกาย
“นี่ ยัยลัดดา หยุดชงก่อน เราไม่สบายจริงๆ”
“แหม…แกน่ะให้ฉันฟินอีกหน่อยไม่ได้หรือไง ฉันว่าแกกับท่านประธานดู ๆ แล้วก็เหมาะกันดีนะ เขาออกจะดูดี อบอุ่นแบบ อปป้า…ไม่สิ เหมือนแด๊ดดี้เลย” ลัดดาเขย่าแขนเพื่อนพร้อมกับเอ่ยแซวไม่ขาดปาก
“ทำไมน้ำมนต์มาพร้อมท่านประธานล่ะ…สนิทกันเหรอ?”
คิมหันต์ถามเสียงเรียบ เดินตรงมายังเพื่อนสาวทั้งสองคน
“ก็ไม่สนิทขนาดนั้น” มนต์ลดาพยายามตอบให้เสียงเป็นปกติที่สุด แต่ก็รู้ว่าเพื่อนทั้งสองคนไม่เชื่อ
“คิมบอกแล้วถ้าน้ำมนต์อยากไปไหน เรียกหาเราได้ทุกเมื่อเลยนะ” คิมหันต์พูดพลางยักคิ้วส่งสายตาเป็นประกาย
“นี่ คิมหันต์ แกออกตัวแรงไปหรือเปล่า ก็เห็นอยู่ว่าน้ำมนต์เขามีท่านประธานสุดหล่อ มาดแมน แฮนด์ซัม คอยดูแลอยู่แล้ว หนุ่มหน้าอ่อนแบบแก เพื่อนของฉันไม่สนหรอก…เป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว” ลัดดารีบพูดตัดกำลังใจคิมหันต์เพราะเธอเชียร์ท่านประธานสุดหัวใจ และลึก ๆ เธอก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมต้องรู้สึกขวางหูขวางตาทุกครั้งที่คิมหันต์ทำท่าทางสนใจเพื่อนสนิทอย่างออกนอกหน้า
“อะไรกันลัดลา เราก็แค่อยากดูแลน้ำมนต์ ทำไมต้องมาเป็นก้างตัวโต๊โต…ขวางคอเราด้วย!” คิมหันต์พูดพลางหัวเราะหึในลำคอ
“ตัวโตหรือยะ นี่ไอ้คิม แกว่าใครกัน” ลัดดาขมวดคิ้วยุ่ง เธอรู้ดีว่าหุ่นเธอก็ไม่ได้ดีเท่ากับเด็กสาวคนอื่น ๆ แต่เพื่อนสนิทอย่างคิมหันต์ก็ไม่น่าแซวเธอเรื่องนี้
‘หึ…ตัวโต๊โตเหรอ ฉันตัวโตแล้วจะทำไม ที่ฉันน้ำหนักขึ้นก็เพราะแกนั่นล่ะ ไอ้คิมหันต์บ้า!’
“คิมก็แค่พูดลอย ๆ ลัดดาอยากรับก็รับไปสิ” คิมหันต์ลอยหน้าลอยตาอย่างคนไม่ทุกข์ไม่ร้อน หารู้ไม่ว่าเพื่อนสนิทอย่างลัดดาน้อยใจเขาเข้าให้แล้ว
จู่ ๆ ลัดดาก้มหน้างุด เม้มปากแน่น หล่อนมองตัวเองสลับกับมนต์ลดาก็อดที่จะน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ ไม่ว่ายังไงลัดดาก็ไม่มีทางสวยและหุ่นดีเท่ากับมนต์ลดา แล้วใครเล่าจะมาสนใจเธอ คงมีแต่เบค่อนบนเตาหมูกระทะเท่านั้นที่คอยบอกสู้ ๆ เป็นกำลังใจให้เธอ
“คนใจร้าย ทำไม ฉันอวบนิดอ้วนหน่อยแล้วจะทำไม นี่มันยุคสมัยไหนกันแล้วยังมาบูลลี่รูปร่างฉันอีก”
“นี่แม่คู๊ณ…อะไรกัน เปรียบเทียบนิดเดียวตีโพยตีพายถึงดาวอังคารเลยนะ” คิมหันต์ยังพูดจายียวนแต่ภายในใจรู้สึกวูบไหวอย่างน่าประหลาด เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับหัวใจ รู้เพียงเมื่อเห็นยัยนี่ไม่สดใสอย่างที่เคยเป็นก็ทำให้รู้สึก ‘เป็นห่วง’
“ไม่รู้แหละ ทีหลังแกไม่ต้องชวนฉันไปกินหมูกระทะหลังหอเลย หลังจากนี้ฉันไม่ไปด้วยแล้ว” ลัดดาบ่นอุบ นัยน์ตาแดงก่ำ
“พอกันทั้งสองคนเลย” มนต์ลดารีบพูดห้ามเมื่อเธอรู้ว่าลัดดารู้สึกไม่สู้ดีแล้ว ปกติเพื่อนสนิทเธอคนนี้เป็นคนสดใสอารมณ์ดี ไม่ค่อยคิดมาก มีเพียงเรื่องรูปร่างที่ดูเหมือนลัดดาจะดูกังวลอยู่บ้าง แต่เธอก็อดกินมื้อดึกไม่ได้จึงทำให้เธออวบไปสักหน่อย
“ก็ดูคิมหันต์สิ…ชอบว่าเรา” ลัดดาบ่นอุบ แล้วอ้อนเพื่อนสาว พลางถลึงตาใส่คิมหันต์ “เอาน่า คิม…เขาคงไม่ได้ตั้งใจว่าลัดดาหรอก…จริงไหมคิมหันต์” มนต์ลดาหันไปหาชายหนุ่มคนเดียวของกลุ่มพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น เธอไม่อยากให้เพื่อนทั้งสองคนเถียงกัน เพราะทั้งคิมหันต์และลัดดาต่างก็เป็นเพื่อนสนิทของมนต์ลดาด้วยกันทั้งคู่ หลายครั้งเธอเผลอคิดว่าเถียงกันบ่อยแบบนี้ หากทั้งสองคนเกิดชอบพอกันขึ้นมาจริง ๆ ก็คงจะน่ารักไม่น้อย ดังคำสุภาษิตที่ว่า ‘เกลียดอย่างไหนมักจะได้อย่างนั้น’ มนต์ลดาเห็นมาหลายต่อหลายคู่แล้ว
“เห็นแก่น้ำมนต์หรอกนะ” คิมหันต์พูดเสียงอ่อนก่อนจะหันไปหาสาวอวบที่กำลังทำหน้าบึ้งตึง “นี่…ลัดดา แกอย่าเคืองสิ เราไม่ได้ตั้งใจว่าแกอ้วนสักหน่อย!” คิมหันต์เดินอ้อมไปด้านหลังพลางกระซิบง้อเพื่อนสาว
ลัดดาค้อนขวับ “นี่แกจะแก้ตัวหรือซ้ำเติมเนี่ย”
“อันที่จริง เราว่า…แกก็ไม่ได้อ้วนขนาดนั้นหรอกนะ”
“แหม ฉันรู้ว่าแกพูดเอาใจน้ำมนต์…ใช่ป่ะล่ะ คุณคิมหันต์ ชิ!”
“อ้าว…พอพูดจริงจังลัดดาก็เป็นซะแบบนี้ กะว่าจะพามาเลี้ยงชาบูเปิดใหม่ร้านหัวมุมตึกตรงโน้นซะหน่อย งั้นคิมไปกินคนเดียวก็ได้…”
“ชาบูร้านที่คนขายเป็นอปป้าหล่อ ๆ ใช่ปะ? ไป ไป…ฉันไป”
“อ้าว แกเคืองเราอยู่ไม่ใช่เหรอ” คิมหันต์กระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์
“ใครเคือง…ไม่มี้” ลัดดาเอ่ยเสียงสูง
“แกเนี่ย…เห็นแก่กินนี่หว่า” แม้ปากคิมหันต์จะบ่นลัดดาอุบอิบ แต่ชายหนุ่มกลับอมยิ้มกับท่าทางของลัดดาที่สายตาเป็นประกายเมื่อพูดถึงของกิน
ตั้งแต่มาฝึกงานที่นี่ คิมหันต์มักไปกินข้าวเย็นกับลัดดาบ่อย ๆ เพราะมนต์ลดากับเพื่อนคนอื่น ๆ มักไม่ชอบกินอะไรมื้อดึก แล้วเขาเป็นคนประเภทถ้าหลับดึก ๆ หรือวันไหนที่นอนไม่หลับก็มักหิวช่วงกลางคืน การที่ไปกินข้าวคนเดียวมันก็ไม่อร่อยซะด้วยสิ ไม่ว่าจะชวนใครเขาก็ส่ายหน้าไม่อยากกินมื้อดึกให้เสียทรวดทรง ก็มีแต่ยัยลัดดานี่แหละที่ไม่หวั่น ไม่ว่าจะเป็นชาบู หมูกระทะ หรือข้าวต้มทรงเครื่องมื้อดึก ลัดดาก็พร้อมไปกินเป็นเพื่อนคิมหันต์เสมอ นั่นจึงทำให้เขากับลัดดาสนิทกันกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ และวันนี้เขาก็ตั้งใจจะพาลัดดาไปกินชาบูเจ้าใหม่ที่เธอบ่นอยากกินนัก อยากกินหนาเมื่อวันก่อน
พอพูดเรื่องของกิน รอยยิ้มสดใสมักจะปรากฏบนใบหน้าของลัดดาเสมอ บางคนอาจจำกัดนิยามความงามของผู้หญิงแตกต่างกัน สำหรับคิมหันต์แล้ว‘น้ำมนต์’ ดูมีเสน่ห์ที่สุดเวลาที่เธอตั้งใจทำงาน ส่วน ‘ยัยลัดดา’ น่ะเหรอ!? คงจะดูดีที่สุดเวลาที่เธอกินอย่างมีความสุขนั่นล่ะ
“น้ำมนต์ ไปด้วยกันสิ” ลัดดาเอ่ยชวน
“ไม่ดีกว่า เราอยากพัก วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวลัดดารีบกลับนะ”
“คิมหันต์ เราฝากดูแลลัดดาด้วยนะ” น้ำมนต์คลี่ยิ้มบางพร้อมกับเดินขึ้นห้องพักไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?