ตั้งแต่มนต์ลดาฝึกงานที่บริษัท วันนี้ก็ครบหนึ่งสัปดาห์ที่เธอเข้ามาทำงานที่นี่มีเพื่อนสนิทอย่างลัดดา สาวน้อยพูดเก่งฝึกงานแผนกคิดค้นและออกแบบผลิตภัณฑ์ และคิมหันต์ที่อยู่ฝ่ายสื่อสารองค์กร ส่วนเธอไม่อาจนิยามได้ว่าเป็นแผนกไหน เพราะทำตั้งแต่ชงกาแฟ เดินเอกสาร คิดโปรเจกต์งาน ตรวจสอบอัญมณี วางแผนการตลาด กระทั่งเป็นผู้ช่วยท่านประธานนำเสนองานกับลูกค้าเพื่อเซ็นสัญญาก็ทำมาทั้งหมดแล้ว คงเหลืออย่างเดียวแต่เป็นเจ้าของบริษัทนั่นแหละ หากจะให้เรียกตามเอกสารฝึกสหกิจศึกษาที่ยื่นไป ตำแหน่งดูดีเชียวล่ะ ‘นางสาวมนตร์ลดา เลิศพาณิชย์ภักดี ตำแหน่ง Jewelry Designer นั่นคือตำแหน่งของฉันเอง’
ความเป็นจริงแล้วแผนกที่มนต์ลดาอยู่นั้น เรียกได้ว่าเป็นทีมงานมือขวาของท่านประธาน ไม่ว่าใครในบริษัทต่างก็ให้ความร่วมมือและเชื่อมั่นในศักยภาพ ทีมงานของเรามีกันอยู่สี่คน รวมเด็กฝึกงานอย่างเธอ พี่เอกรินทร์ดูภาพรวมของทุกอย่างพี่ทีมเป็นคนเสาะหาอัญมณีเข้าห้องแล็บ วิเคราะห์มวลของอัญมณีที่หามาได้ว่ามีความเหมาะสมกับแบบที่ต้องการหรือไม่ สำรวจตลาดและทำแผนงานนำเสนอ พี่แก้วถนัดงานออกแบบ งานด้านเอกสารต้องการความรอบคอบขั้นสูง เช่นงานวิจัย รวมไปถึงรายงานต่าง ๆ ล้วนแล้วผ่านมือรุ่นพี่สาวมาแล้วทั้งสิ้น
ทุกคนในทีมสามารถทำทุกหน้าที่แทนกันได้อย่างน่าอัศจรรย์จนพนักงานหลายคนในบริษัทแซวกันว่าทีมเราเป็น ‘ทีมยอดมนุษย์’ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พนักงานหลายแผนกต่างจับตามองมนต์ลดา บ้างก็ซุบซิบนินทากันว่าเธอไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาอยู่ทีมยอดมนุษย์
‘ฉันจะพยายามทำให้ทุกคนรู้ว่า…ฉันก็มีความสามารถและคู่ควร’
แม้จะเป็นเวลาพักกลางวัน มนต์ลดากลับเป็นกังวล เพราะงานที่ท่านประธานมอบหมายให้เธอนั้นเป็นโปรเจ็กต์ที่เขาย้ำกับเธอว่าสำคัญมาก และเป็นงานแรกที่มนต์ลดาจะได้พิสูจน์ว่า เธอก็มีศักยภาพไม่ต่างกับพี่ ๆ ในทีม เด็กสาวอยากใช้โอกาสนี้แสดงความสามารถที่ได้เรียนมาเกือบสี่ปี บวกกับนี่เป็นงานที่เธอใฝ่ฝันมาตั้งแต่วัยเยาว์ มนต์ลดาทุ่มเทกับงานชิ้นแรก ตั้งแต่ขั้นตอนทำรีเสิร์ช การหาอัญมณีที่เหมาะสมทั้งคุณภาพ ราคา และความหมาย รวมถึงดีไซน์ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เธอยังคิดไปถึงแผนการตลาดเบื้องต้น พรีเซ็นเตอร์ที่เหมาะสม แคมเปญการโปรโมตให้สอดคล้องกับโจทย์ที่ท่านประธานให้มา
ในส่วนของขั้นตอนการทำงานที่มนต์ลดาได้รับมอบหมายนั้น หากแผนกปกติจะต้องผ่านหลายขั้นตอน ซึ่งกว่าจะแล้วเสร็จไม่ต่ำกว่าสองเดือน แต่เอกรินทร์รินทร์บอกกับเธอด้วยท่าทางจริงจังว่าทีมพิเศษกว่าแผนกไหน ๆ ในบริษัท ขณะที่พี่ทีมเสริมอย่างติดตลกว่า ‘หน้าที่อันยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง’
ครั้งแรกที่ฉันได้ยิน ยอมรับตามตรงเลยฉันคิดว่าพวกพี่พูดเป็นเรื่องขบขัน กระทั่งได้เห็นการทำงานของทุกคนในทีม ทำให้ได้เข้าใจว่าทีมงานคุณภาพเป็นเช่นไร
การที่เราได้ทำงานกับคนเก่ง อยู่ในแวดล้อมที่เหมาะสม จะช่วยส่งเสริมให้ชิ้นงานที่ออกมาดีและมีคุณภาพไปด้วย
มนต์ลดาพลางย้อนนึกคำที่พี่ ๆ ในทีมให้กำลังใจและแนะนำงานกับเธอเมื่อครั้งวันที่เข้ามาฝึกงานที่นี่เป็นวันแรก
‘มาวันแรกก็ได้งานท้าทายเลยนะ อย่ากังวลไปค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ ดีไซน์งาน ลองเอาบอร์ดนำเสนองานเก่า ๆ ไปดูก่อนแล้วกัน ถ้าติดตรงไหนถามพวกพี่ได้นะ น้ำมนต์คงสงสัยใช่ไหม ทำไมเราต้องทำตั้งแต่ขั้นตอนหาอัญมณียันแผนการตลาด เพราะเราเป็นทีมยอดมนุษย์ยังไงล่ะ’ พี่เอกรินทร์พูดพลางยื่นสตอรีบอร์ดงานหัวข้อใกล้เคียงที่สุดกับงานที่น้องได้รับมอบหมายให้เธอเพื่อเอาไปศึกษาต่อ
‘พี่เอกคะ เดี๋ยวน้องก็ใจฝ่อหมดหรอกค่ะ’ พี่แก้วเอ่ยเสียงหวานก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างเธอ
‘อันที่จริงแล้วทีมเรา คนภายนอกมองว่าเป็นทีมที่ได้สิทธิพิเศษกว่าคนอื่น เรื่องนั้นก็จริงนะ พี่แก้วไม่เถียง แต่งานที่เราต้องทำมันมากกว่าคนอื่นหลายเท่านัก หลายอย่างพวกเราต้องเก็บเป็นความลับ หลายครั้งเราก็ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพราะท่านประธานไว้ใจให้พวกเราทำโปรเจ็กต์พิเศษยังไงล่ะ ที่สำคัญเราก็ต้องขึ้นตรงกับท่านประธานด้วย เตรียมใจไว้ก่อนเลยก็ดีนะ’ แก้วเสริมด้วยท่าทางจริงจัง
ทีมที่กำลังนั่งดูดชานมไข่มุกจนเสียงดังพูดขึ้นมาแซวรุ่นพี่
‘แหมว่าแต่พี่เอก พี่แก้วน่ะขู่ซะน่ากลัวกว่าอีก ให้เตรียมใจเลยเหรอ หึ’ พี่ทีมยกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
‘ยังไงคะ น้ำมนต์ไม่ค่อยเข้าใจ’
‘เป็นทีมมือขวาของท่านประธานยังไงล่ะ ความลับไม่รั่วไหลตั้งแต่มีทีมเรา เดี๋ยวน้องน้ำมนต์อยู่ไปก็รู้เองนั่นล่ะ ว่าแต่น้องตั้งใจจะทำงานที่บริษัทนี้หลังจากเรียนจบเลยไหม’ พี่ทีมหมุนเก้าอี้พลางมองมาที่เด็กสาวอย่างสบาย ๆ
‘น้ำมนต์ก็อยากทำนะคะ แต่ไม่รู้บริษัทจะรับหรือเปล่า’
‘ได้ทำอยู่แล้วล่ะ อยู่ที่น้องมากกว่าจะยอมทำหรือเปล่า’ พี่เอกพูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ราวกับรู้บางเรื่องที่สำคัญ
‘พี่เอกก็พูดเกินไปค่ะ ตอนนี้ให้น้ำมนต์รอดจากโปรเจ็กต์แรกไปก่อนดีกว่ามั้งคะ!?’
‘ผ่านอยู่แล้วล่ะ ขึ้นอยู่กับว่าจะผ่านแบบไหน’ พี่เอกรินทร์พูดพลางก้มหยิบแฟ้มบางอย่างวางบนโต๊ะมนต์ลดา
‘นี่คือตัวอย่างแคมเปญพิเศษที่ผ่านมา โปรเจ็กต์นี้ท่านประธานคิดงานเอง พี่กับคนในทีมแค่ช่วยกันทำเปเปอร์เท่านั้นเอง เห็นว่ากำลังหานางแบบอยู่ แล้วอย่าให้งานหลุดล่ะ เดี๋ยวจะซวยเอา’ เอกรินทร์ย้ำเสียงเข้ม
สาเหตุที่หัวหน้าทีมตั้งใจให้น้องนักศึกษาฝึกงานเรียนรู้งานจากโปรเจ็กต์นี้ เพราะเอกรินทร์รู้ว่ามนต์ลดาจะมาเป็นนางแบบเครื่องประดับชิ้นนี้ เขาจึงอยากช่วยให้งานชิ้นแรกของน้องเล็กในทีมผ่านไปอย่างราบรื่น หากเด็กในทีมทำผลงานได้ดี โดยเฉพาะมนต์ลดาที่เป็นเด็กฝึกงานก็จะยิ่งทำให้เป็นที่ประจักษ์ว่าศักยภาพ‘ทีมพิเศษ’ ของเราไม่เป็นสองรองใคร สิ่งสำคัญเหนือเรื่องทีมก็คือ มนต์ลดาจะได้ทักษะในด้านต่าง ๆ กระทั่งได้บรรจุเป็นพนักงานอย่างที่น้องตั้งใจไว้
‘ขอบคุณพวกพี่มากเลยนะคะ น้ำมนต์โชคดีมากเลยที่ได้อยู่กับพวกพี่’
‘ไม่ต้องคิดมากหรอก ยังไงเราก็ทีมเดียวกัน’
เอกรินทร์พูดพลางยิ้มอย่างอบอุ่นให้เธอ ก่อนที่เขาจะสะดุ้งเมื่อสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมาที่ตนท่านประธานเดินมายังกระจกกั้นระหว่างห้องด้วยท่าทางขึงขัง ราวกับมีรังสีกดดันบางอย่างแผ่ทะลุกระจกจนหัวหน้าทีมขนลุกชัน
‘ขนาดตอนผมทำงานพลาด ท่านยังไม่ทำหน้าตึงขนาดนี้เลยพี่เอก’ ทีมเอ่ยแซวด้วยเสียงยียวน ‘พี่เอกชะตาขาดแน่วันนี้’
‘พวกมึงนี่พูดมากจริง งานที่ท่านประธานให้แก้เรียบร้อยแล้วหรือไง วันศุกร์นี้ต้องส่งแล้วนะ’
‘รู้แล้วค่ะ / ครับ’
มนต์ลดายิ้มเจื่อนให้พี่ในทีม ก่อนจะหันไปยังตัวปัญหาที่ทำให้ทุกคนหวาดหวั่น ‘ปกติท่านประธานเขาว่างแบบนี้ตลอดเวลาเหรอคะพี่แก้ว’
‘ปกติเขาก็ไม่ได้จับตาดูทีมเราแบบนี้นะ’ พี่แก้วพูดพลางคิดถึงท่าทีของท่านประธานที่ดูแปลกไปตั้งแต่มีเด็กฝึกงานเข้ามา
‘เดี๋ยวพี่กับพี่แก้วเช็กไพลินที่ได้มาหน่อยนะน้ำมนต์ นั่งคิดงานไปก่อนนะ มีอะไรไปหาพวกพี่ได้ที่แล็บ’ ทีมบอกพลางเตรียมกล่องไพลินและเอกสารงานก่อนจะรีบเดินออกไป
พี่ทีมแม้จะดูท่าทีสบาย ติดกวนประสาทไปบ้าง หากในเวลางานพี่ทีมก็เป็นอีกคนที่ความสามารถรอบด้าน พอ ๆ กับพี่แก้วที่ฉันค่อนข้างสนิทมากกว่า อาจเป็นเพราะพี่แก้วเรียนจบจากที่เดียวกับฉัน และยังเป็นผู้หญิงคนเดียวของทีมอีก...
ขณะที่มนต์ลดากำลังขะมักเขม้นเตรียมนำเสนองานให้คุณลุงท่านประธาน พลางย้อนนึกถึงเหตุการณ์และคำให้กำลังของพี่ ๆ ในทีม ในเวลาเดียวกันนั้น คิมหันต์ ลัดดา และกลุ่มเด็กฝึกงานก็รวมตัวกันที่หน้าห้อง
“น้ำมนต์ พักแล้วนะ ไปกินข้าวกัน” คิมหันต์เปิดประตูเข้ามากันทันหันตะโกนเสียงดัง จนคนที่ติดอยู่ในห้วงความคิดอย่างมนต์ลดาสะดุ้งตัวโยน
“ตกใจหมดเลย คิม” เธอเอ่ยเสียงเข้ม พลางเอามือลูบอกด้วยความตกใจ
“พักแล้ว ไปกินข้าวกัน วันนี้คุณไชยวัฒน์เลี้ยงสเต๊ก”
“เอ่อ คือ…” มนต์ลดามองหน้าคิมหันต์สลับกับห้องคุณลุงท่านประธาน ‘ให้ตายสิ คุณราเชนทร์เขาคิดจะจ้องเราแบบนี้ไปตลอดช่วงฝึกงานเลยหรือไง หรือว่า…เขาคิดว่าฉันทำงานให้เขาไม่ได้ แล้วไหนจะคุณไชยวัฒน์นั่นอีก ตาลุงคนนั้นก็ชอบมองฉันด้วยสายตาแปลกพิกล คิมหันต์เอ๊ย แกอย่าเข้ามาใกล้ฉันมากได้ไหม ส่วนคุณลุงท่านประธานถลึงตาทำไมขนาดนั้น แล้วแบบนี้จะมีสมาธิปั่นงานได้ยังไง’ มนต์ลดามองหน้าเพื่อนหนุ่มสลับกับท่านประธานสลับกันไปมาอย่างเหนื่อยหน่าใจ
คิมหันต์ยืนระบายยิ้มแป้นรอมนต์ลดาที่หน้าโต๊ะทำงาน วันนี้พี่ไชยวัฒน์ ผู้จัดการแผนก Jewelry Designer ฝ่ายต่างประเทศ เป็นเจ้ามือเลี้ยงสเต๊กเจ้าดัง ทำให้เด็กฝึกงานต่างตื่นเต้นไปตาม ๆ กัน ลัดดาเดินเข้ามาสมทบพลางเขย่าแขนเพื่อนสนิทสาวให้ไปพักกินข้าวด้วยกัน ลัดดารู้ดีว่ามนต์ลดาเป็นคนที่จริงจังกับการทำงาน และดูท่าทางจะไม่ยอมออกไปกินข้าวกับเธออีกแน่นอน
เดิมทีมนต์ลดาตั้งใจว่าวันนี้เธอจะลงไปซื้อข้าวแล้วขึ้นมากินไปทำงานไป ไม่ก็เอางานลงไปทำที่โซนนั่งเล่น แต่เพื่อนกลุ่มฝึกงานกลับยกโขยงกันมารอกันที่หน้าห้องราวกับนัดกันไว้ “คิมกับเพื่อน ๆ ไปกันก่อนเลย เราว่าจะซื้อมากินบนห้อง”
“โหน้ำมนต์ ไปด้วยกันเถอะ พี่ไชยวัฒน์เลี้ยงสเต๊กที่ห้างเลอพาราไดซ์เลยนะ” ลัดดาเสียงสูงงอแงตามประสาคนชอบกิน และอยากให้เพื่อนสนิทไปด้วยกัน
“ลัดดา งานเราเร่งจริง ๆ วันพรุ่งนี้ต้องนำเสนอท่านประธานแล้ว”
“ไปกันหรือยังครับเด็ก ๆ เดี๋ยวแบ่งรถเป็นสองคันนะ รถพี่กับรถพี่พิชัย” ไชยวัฒน์พูดด้วยท่าทางสบาย ๆ ที่หน้าห้องทำงาน ก่อนจะขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นว่าเหล่าเด็กฝึกงานต่างทำท่าทางแปลกๆ
“พี่ไชยวัฒน์คะ ไปกันเลยดีกว่าค่ะ น้ำมนต์ไม่ว่าง” ลอเรซตัวแทนกลุ่มเอ่ยปากบอกอย่างเกรงใจ เนื่องจากพี่ไชยวัฒน์เป็นผู้จัดการแผนกที่เธอฝึกงานอยู่ การคุยกับพี่ไชยวัฒน์ทุกคนจึงมอบให้เป็นหน้าที่ของลอเรซ
“อ้าว ทำไมล่ะ นี่มันพักกลางวันแล้วนะ ไหนน้องน้ำมนต์อยู่ห้องนี้ใช่ไหม?”
“เอ่อ ใช่ค่ะ” ลอเรซเอ่ยน้ำเสียงอ่อน
“ทีมยอดมนุษย์งั้นเหรอ” พี่ไชยวัฒน์พึมพำ เขาทำงานที่บริษัทนี้มาเกือบสิบปี และได้รับความไว้วางใจจากทีมผู้บริหารมาตลอด กระทั่งทีมพิเศษที่เป็นเหมือนมือขวาของท่านประธานก่อตัวขึ้น ทำให้ไชยวัฒน์ไม่พอใจที่เด็กรุ่นใหม่ได้รับมอบหมายโปรเจ็กต์งานพิเศษไป ไชยวัฒน์รู้สึกเสียหน้าทุกครั้งที่ท่านประธานเลือกงานทีมนั้น ไม่ใช่เขา ความไม่ชอบใจค่อย ๆ สะสมทีละน้อยรอวันให้เขาเอาคืน
“ไปด้วยกันสิครับ” ไชยวัฒน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงใจดีกับเด็กสาวฝึกงานที่กำลังหลุบตาลงต่ำ ก้มหน้างุดอย่างตั้งใจ
มนต์ลดาเงยหน้าขึ้นมา รีบยกมือไหว้คุณไชยวัฒน์อย่างนอบน้อมก่อนจะรีบคว่ำเอกสารงานที่เธอกำลังออกแบบอย่างรวดเร็ว
‘นี่ขนาดเด็กฝึกงาน มันยังทำตัวเหมือนพวกพี่ ๆ มันเลย อย่างกับฝ่ายต่างประเทศจะมาล้วงความลับพวกมันอย่างนั้นล่ะ หรือพวกมันจะสอนกันมาดี’ ผู้จัดการฝ่ายออกแบบเครื่องประดับต่างประเทศ คิดร้ายพลางข่มความขุ่นเคืองใจไว้ แล้วเลือกแสดงสีหน้ายิ้มอย่างผู้ใหญ่ใจดีให้มนต์ลดาตายใจ
“เวลาพักแล้วก็ต้องกินข้าวนะ อย่าโหมงานมาก เดี๋ยวจะไม่สบายงานออกแบบน่ะ เราต้องเริ่มจากการมองหาไอเดียรอบ ๆ ตัว แล้วค่อย ๆ ขยายไปสังเกตพฤติกรรมการใช้งานจากคนรอบตัว จึงจะได้งานออกแบบที่ดีและครบฟังก์ชั่น” ผู้จัดการฝ่ายต่างประเทศพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
ไชยวัฒน์แสร้งทำเป็นห่วงใยเด็กฝึกงาน ก่อนที่เขาหันไปทางห้องของท่านประธาน สายตาทั้งสองคนประสานกันอย่างไม่ทันตั้งตัว ไชยวัฒน์คลี่ยิ้มเจ้าชู้ใส่เด็กฝึกงานพลางหันไปก้มหัวเป็นเชิงทักทายกับท่านประธาน ส่งผลให้คนที่อยู่ด้านตรงข้ามกระจกนั้นไม่ค่อยพอใจที่ไชยวัฒน์มายุ่งวุ่นวายกับคนของตน
“ไม่ยักจะรู้ว่าคุณราเชนทร์ชอบจับผิดลูกน้อง อย่าคิดมากไปเลยนะ”
ไชยวัฒน์หวังจะให้เธอรู้สึกแย่ที่ท่านประธานค่อยเฝ้ามองการทำงานของเธอราวกับเป็นการจ้องจับผิด ทว่ามนต์ลดากลับไม่รู้สึกว่าท่านประธานเป็นตามที่ไชยวัฒน์ชักจูง เพราะพี่แก้วเคยพูดเกริ่นกับเธอไว้ก่อนหน้าว่าไชยวัฒน์เป็นญาติกับท่านประธาน ที่สำคัญเขาทั้งสองคนไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร หากทีมเราออกห่างจากเขาได้ก็ยิ่งต้องอยู่ให้ไกลที่สุด
‘พี่แก้วก็ไม่อยู่ ใครจะมาช่วยฉันเนี่ย’ มนต์ลดาครุ่นคิดในใจ
กริ๊ง…เสียงโทรศัพท์ที่โต๊ะดังขึ้น มนต์ลดารีบรับสาย “น้ำมนต์พูดสายค่ะ”
[ถืองานมาให้ผมเช็กที่ห้องหน่อยครับ] ท่านประธานเอ่ยด้วยเสียงแข็ง
มนต์ลดาชำเลืองสายตาไปทางห้องของท่านประธาน เขาจ้องเธอด้วยสายตาขุ่นเคือง ‘เขาโกรธอะไรฉัน…ทำไมต้องทำสายตาแบบนี้ใส่ฉันด้วย หรือฉันทำอะไรให้เขารู้สึกไม่ดีกันนะ’ มนต์ลดายืนนิ่ง พลางขมวดคิ้วยุ่ง ส่งสายตาราวกับเป็นคำถาม
[ฟังผมอยู่ไหม?]
“ตอนนี้เลยเหรอคะ”
[ใช่ ตอนนี้] ราเชนทร์ยังพูดด้วยเสียงเย็นชาผิดกับที่เขาเคยเป็นมา…
“เอ่อ…คือ”
[หรือผมขัดจังหวะคุณกับเขา งั้นทำธุระของคุณให้เสร็จก่อนค่อยมาก็ได้]
“เดี๋ยวก่อนสิคะ…” ท่านประธานกระแทกสายใส่เด็กสาว สายตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ เธอรับรู้ได้ว่าเขาดูแปลกไป ใบหน้าของเธอรู้สึกร้อนผ่าว ความกังวลกลัวว่าคุณลุงท่านประธานเข้าใจเธอผิด ทำให้มนต์ลดาต้องรีบรวบรวมเอกสาร
ท่านประธานเดินตรงมายังกระจกฝั่งที่มนต์ลดานั่งทำงาน เขามองเด็กสาวด้วยสายตาว่างเปล่า ก่อนจะรูดผ้าม่านมู่ลี่ปิดอย่างไร้เยื่อใย
“เอ่อ คุณไชยวัฒน์คะ เดี๋ยวน้ำมนต์ขออนุญาตเอางานไปให้ท่านประธานตรวจสอบก่อนนะคะ”
“แต่นี่พักแล้วนะครับ เอาเถอะครับ เดี๋ยวผมช่วยถือให้”
“เอ่อ…ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ น้ำมนต์ถือเองไหวค่ะ เกรงใจคุณไชยวัฒน์ด้วย”
เธอพูดพลางเก็บเอกสารลงแฟ้มสีดำ และพับหน้าจอแล็บท็อปลงเพื่อเตรียมไปพบกับท่านประธาน แต่คนแก่กว่าไม่สนใจคำพูดของเด็กฝึกงานอย่างเธอแม้แต่น้อย คุณไชยวัฒ์รวบเอาแฟ้มเอกสารสีดำและแล็บท็อปของมนต์ลดามาไว้ในมือ พลางก้าวเท้าออกไปรอยังหน้าประตูที่มีเพื่อนของเธอรออยู่ก่อน
“รีบเดินมาสิครับน้อง” คุณไชยวัฒน์เอ่ยเสียงใจดี พลางส่งรอยยิ้มอ่อนให้กับมนต์ลดาและกลุ่มเด็กฝึกงานที่ยืนรออยู่หน้าห้อง
“เอ่อ...ค่ะ” เธอเดินตรงยังห้องของท่านประธาน แล้วเคาะประตูตามมารยาท
“เข้ามาได้เลยครับ” ท่านประธานเอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่ไชยวัฒน์ถือวิสาสะเปิดประตูเดินตรงเข้าไปยังโต๊ะทำงานของท่านประธาน ไชยวัฒน์ยิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมกับวางเอกสารของเด็กฝึกงานลงบนโต๊ะของท่านประธานอย่างไม่เกรงใจ
“นี่อะไรครับ” ท่านประธานเอ่ย เหลือบตามองคนแก่กว่าที่เดินเข้าห้องทำงานอย่างไร้มารยาท ทั้งยังเอาแฟ้มมาวางกระแทกที่โต๊ะทำงาน ถึงเป็นญาติแต่ควรมีมารยาท ราเชนทร์รุ่นโกรธ พยายามข่มอารมณ์และนิ่งให้มากที่สุด
มนต์ลดารีบก้าวเท้าฉับเข้ามาพูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก “ของน้ำมนต์เองค่ะ พอดีว่าคุณไชยวัฒน์ช่วยถือเข้ามา”
“เอกสารแค่นี้ทำไมคุณไม่ถือมาเอง นี่เป็นงานของคุณไม่ใช่เหรอ?”
ท่านประธานเน้นเสียงดังจนมนต์ลดาสะดุ้งตัวโยน “เอ่อ…ขะ...ขอโทษค่ะ”
“ท่านประธานจะหัวเสียอะไรขนาดนั้นล่ะครับ ผมก็แค่ช่วยน้องถือแฟ้มมาเอง อันที่จริงตอนนี้เป็นเวลาพักแล้ว ทำไมท่านประธานไม่ให้น้องเขาไปพักก่อนล่ะครับ”
“คุณยุ่งอะไรด้วย” ราเชนทร์ถามเสียงคุกรุ่น
“ก็แค่แปลกใจ ทำไมท่านประธานถึงให้ความสำคัญเด็กฝึกงานคนนี้ ขนาดนี้”
“เด็กคนนี้อยู่ทีมพิเศษ และทีมนั้นก็ขึ้นตรงกับผม แต่ที่แน่ ๆ ผมไม่จำเป็นต้องรายงานให้คุณรู้ ถึงคุณจะมีศักดิ์เป็นอาของผม แต่ที่นี่ ผมเป็นประธานบริษัท หวังว่าคุณไชยวัฒน์จะเข้าใจและไม่ก้าวก่ายงานของผม และคนของผมอีก” ท่านประธานพูดด้วยเสียงสุขุม ทว่าแววตากลับแฝงไปด้วยความดุดันโกรธจัด
ราเชนทร์มองออกไปยังหน้าห้อง เห็นสายตาที่พนักงานและเด็กฝึกงานต่างมองมาเป็นสายตาเดียวกัน เขาจึงรู้สึกไม่ชอบใจ ประธานหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะมองหน้าไชยวัฒน์ด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความอยากจะเอาชนะ
“ไม่ทราบว่าวันนี้คุณไชยวัฒน์จะพาน้อง ๆ ไปไหนกันครับ” ท่านประธานเอ่ยด้วยเสียงเจ้าเล่ห์
“พอดีว่าวันนี้ผมจะพาเด็ก ๆ ไปเลี้ยงสเต๊กที่ห้างฯ ท่านประธานอยากจะไปด้วยไหมล่ะครับ” ไชยวัฒน์เอ่ยปากชวนไปตามมารยาท ถึงอย่างไรเขารู้ดีว่าราเชนทร์ไม่มีทางไปด้วยอย่างแน่นอน นอกจากเราจะเป็นญาติกันแล้ว เรายังไม่ค่อยจะกินเส้นกันอีกด้วย
“คุณไชยวัฒน์อุตส่าห์ชวน งั้นผมจะไปเป็นเจ้ามือมื้อนี้เองครับ” ท่านประธานหมุนตัวหยิบกระเป๋าสตางค์และโทรศัพท์ ก่อนจะเดินนำทุกคนออกไปยังหน้าห้อง
“อ้าว ไหนว่ารีบ อยากไปกินข้าวจนต้องรบกวนเด็กของผม มาสิครับคุณอาคงหิวมากแล้ว” ท่านประธานยิ้มร้ายก่อนจะมองเด็กฝึกงานด้วยรอยยิ้มใจดี ทว่าเด็กฝึกงานต่างทุกคนได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่เต็มสองหู ทำให้รู้สึกประดักประเดิดทำตัวไม่ถูก “น้ำมนต์” ท่านประธานหันมาพูดด้วยเสียงนิ่ง
หนูมนต์ลดารีบวิ่งมายังตรงหน้าท่านประธาน “เอ่อ...คะ”
“คุณไปกับผม โทร.ชวนทีมเรามาด้วย เดี๋ยวผมรอที่ลานจอดรถนะ”
ท่านประธานพูดจบแล้วก้าวเท้าฉับเดินไปอย่างเท่ โดยทิ้งเด็กฝึกงานอย่างมนต์ลดาและเพื่อนให้ยืนหน้าซีด ทำตัวไม่ถูกไปตาม ๆ กัน “นี่แก ข้าวมือนี้พวกเราจะรอดใช่ไหมวะ” ลัดดากระซิบกับคิมหันต์ พลางกระทุ้งข้อศอกเข้ากับสีข้างมนต์ลดา
“เอาน่า จริง ๆ ท่านประธานไม่ใช่คนดุอย่างที่เห็นหรอก เขาอาจจะเครียดเรื่องงานหรือเปล่า?” มนต์ลดาพยายามพูดแก้ตัวให้คุณลุงท่านประธาน ทั้งที่สายตาของเพื่อน ๆ เริ่มรู้สึกอึดอัด อาหารมื้อนี้แทนที่จะสนุก แต่การที่ท่านประธานไปร่วมโต๊ะอาหารด้วยทำให้ทุกคนทำตัวไม่ถูก
“เดี๋ยวเราไปโทร.หาพี่ ๆ ทีมเราก่อนนะ พวกเธอไปกันเลยก็ได้ เดี๋ยวไปเจอกันที่ร้านเลยนะ” มนต์ลดาหันไปพูดกับลอเรซและคนอื่น ๆ เพื่อนทุกคนต่างเข้าใจและแยกย้ายกันไป
‘คุณลุงท่านประธานเขาคิดจะทำอะไรของเขานะ ฉันรู้หรอกน่า คุณมีแผนบางอย่าง’ น้ำมนต์คิดพลางโทร.หาพี่ในทีมยอดมนุษย์ อย่างน้อยการที่มีพี่ ๆ ในทีมของเธอไปด้วยก็ทำให้น้ำมนต์รู้สึกอุ่นใจมากขึ้น
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?