ตอนที่ 5ยิ่งเมิน ยิ่งอยากรู้จัก

[ ราเชนทร์ ]

ตั้งแต่ผมกลับมาจากส่งเด็กสาว ‘น้ำมนต์’ จิตใจผมก็ว้าวุ่น ดวงตาคู่สวยนั้นราวกับมีเสน่ห์แต่แฝงความเศร้า รอยยิ้มชวนหลงใหลแต่ก็ดูเหมือนมีความกังวลอยู่ โดยเฉพาะท่าทางดื้อรั้นที่ไม่ยอมผมง่าย ๆ ยิ่งทำให้ผมอยากรู้จักเธอ ติดเพียงแค่เธอยังเป็นนักศึกษา ยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ ถึงผมจะผ่านโลกมาพอสมควรแต่ก็พอรู้ว่ามันไม่ค่อยควรเท่าไรหรอกมั้งที่จะไปวุ่นวายกับเธอ

ราเชนทร์พยายามข่มตาหลับทั้งที่มีแต่ภาพมนต์ลดาลอยอยู่เต็มสมอง ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเคยเจอผู้หญิงมาเยอะแต่ไม่อาจหาเหตุผลได้ว่า ทำไมในหัวของเขาถึงมีแต่ภาพของเธอเต็มสมอง ทั่วสี่ห้องหัวใจวูบหวามหวั่นไหว สายตาเปี่ยมด้วยความหวังของเด็กสาวยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำ นั่นจึงทำให้ราเชนทร์รู้สึกอยากดูแล อยากปกป้องหนูมนต์ลดามากกว่าผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยพบเจอ

‘นี่ผมเป็นอะไรไป ทำไมนึกถึงหน้ายัยนั่นตลอดเลย สงสัยผมไม่ได้ใกล้ชิดกับผู้หญิงนาน ช่วงหลังผมโหมงานหนักมาก ใช่ ต้องเพราะแบบนั้นแน่ ๆ เธอเด็กกว่าผมมาก การที่ไม่ได้เจอหน้ากันเดี๋ยวผมก็หายบ้าเองนั่นล่ะ’

เช้าวันจันทร์ขณะที่ราเชนทร์ขับรถกำลังจะลงทางด่วนเพื่อเข้าบริษัทตามปกติ แต่จิตใจเขาไม่ปกติแล้วล่ะสิ อันที่จริงก็ไม่ปกติตั้งแต่เช้าแล้ว ตอนทำแซนด์วิช ราเชนทร์นึกถึงหนูมนต์ลดาตลอด สุดท้ายราเชนทร์ทำเพิ่มอีกชุดใส่กล่องติดรถมา มือไม่รักดีกลับคล้อยตามหัวใจอีกครั้ง แทนที่จะลงทางด่วนเข้าออฟฟิศ เขากลับขับตรงไปยังจุดหมายที่ตัวของเขายังไม่อยากจะเชื่อว่าขับมาถึงที่นี่…

ผมมาหยุดอยู่ที่หน้าทาวน์โฮม ซึ่งเป็นหมู่บ้านจัดสรรขนาดเล็ก ใช่แล้วครับ หน้าบ้านของหนูมนต์ลดา ผมแค่อยากรู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งที่ผมพยายามย้ำให้เธอแอดไลน์ผมตามนามบัตรที่ให้ ทั้งยังย้ำด้วยว่าให้ทักผมมา แต่ดูยัยตัวแสบสิ…ทำเมินผมแบบนี้ได้ยังไงกัน!? หากเป็นผู้หญิงคนอื่นล่ะก็ ต้องรีบทักผมมาแล้ว ยิ่งคิดก็น่าโมโหนัก!

ราเชนทร์จอดรถตรงข้ามกับบ้านของหนูมนต์ลดา เนื่องจากไม่สามารถติดต่อเธอได้ เขาจึงออกมายืนรอแถว ๆ หน้าบ้านเด็กสาว โชคยังดีที่หน้าบ้านของเธออยู่ตรงข้ามกับพื้นที่ส่วนกลาง พอมีต้นไม้ใหญ่ให้ชายหนุ่มหลบร้อนบ้าง

นี่ผมมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย!

ราเชนทร์มองเห็นประตูบ้านของหนูมนต์ลดาเปิดแง้มออก เขาจึงรีบเดินมาใกล้ ๆ กลับไม่พบเด็กสาว แต่สิ่งที่ทำให้ราเชนทร์รู้สึกแปลกประหลาดใจเนื่องจากเขาได้เสียงคนภายในบ้านทะเลาะกันจนเล็ดลอดออกมา

เสียงผู้ชายดังแว่วมาจากบ้านเลขที่ 133/356 ซึ่งหลังนี้เป็นบ้านของเด็กสาวน้ำมนต์ “…กูไม่อยู่แล้ว บ่นอะไรกูอยู่ได้ แหม…พอจ่ายหนี้ให้กูหน่อยก็ทำเป็นบ่นด่ากู นังตัวดี…” ราเชนทร์ได้ยินเสียงประตูขยับ เขาจึงหันหลังพลางหยิบมือถือขึ้นมากดราวกับไม่ได้สนใจเรื่องราวใดใด

ชายวัยกลางคนแต่งตัวด้วยเสื้อยืดโปโล กางเกงยีนสีเข้ม ถือซองสีน้ำตาลเล็ก ออกมาจากรั้วบ้าน พลางตะโกนต่อว่าเสียงขุ่นเคือง “อยู่บ้านก็น่าเบื่อ มึงเลี้ยงลูกประสาอะไรให้มาเถียงกู ต่อว่ากูฉอด ๆ”

“นี่พ่อ เอาเงินไปจ่ายหนี้นะ ไม่ใช่ไปสร้างหนี้เพิ่ม”

ราเชนทร์ใจกระตุกวูบ เขามั่นใจเสียงหวานที่ได้ยินเป็นเสียงของหนูมนต์ลดา ยัยแสบเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ เธอมีปัญหาทางบ้านด้วยเหรอนี่ ชีวิตของเธออะไรมันจะซับซ้อนขนาดนี้ เขารีบเดินกลับเข้าไปรอในรถ หวังว่าไม่นานหนูมนต์ลดาจะออกมา เมื่อวานตอนที่นั่งเล่นกันที่สวนสาธารณะ เด็กสาวเล่าให้ราเชนทร์ฟังว่าเช้าวันจันทร์มีเรียนทั้งเช้าและบ่าย และเธอยังเรียนเกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับอีกด้วย เข้ากับธุรกิจที่ราเชนทร์ทำจริง ๆ ในที่สุดหนูมนต์ลดาก็ออกมาจนได้ ชายหนุ่มลดกระจกลง ตั้งใจจะพาเธอไปส่งที่มหา’ลัยวิทยาลัย และขอเบอร์โทรศัพท์ติดต่อเธอด้วย ไหน ๆ เธอก็เรียนคณะเดียวกับธุรกิจที่เขาทำงานอยู่ด้วยแล้ว เขาตั้งใจใช้ข้ออ้างนี้เป็นสะพานเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ ราเชนทร์เป็นพวกบ้างาน หากไม่ให้เธอมาทำงานที่นี่ด้วยกันผมก็ไม่รู้ว่าจะหาข้ออ้างไหนในการได้เจอกัน

มนต์ลดาเดินออกจากบ้านด้วยสีหน้าอมทุกข์ ดวงตาคู่สวยรื้นไปด้วยน้ำตากระทั่งพบราเชนทร์ แม้เธอจะแปลกใจที่พบหน้าเขาที่นี่ ตอนนี้ ทั้งที่เธอรู้ว่าราเชนทร์ตั้งใจมารับเธอไปส่งที่มหาวิทยาลัยด้วยความเกรงใจ หนูมนต์ลดาพยายามปฏิเสธ ไม่ยอมขึ้นรถไปกับเขา ทว่าราเชนทร์ก็ยังไม่ถอดใจโดยง่าย

หนูมนต์ลดาดูไหวพริบดีกว่าที่ผมคิด ทั้งที่ผมอ้างว่ามาที่นี่เป็นทางผ่าน เธอก็ดูไม่เชื่อผมเลยยังดื้อเหมือนที่คิดไว้จริง ๆ และสุดท้ายผมงัดไม้ตายออกมากระทั่งเธอใจอ่อนยอมขึ้นรถมาด้วย สาบานเลยว่าผมยังไม่เคยพยายามกับใครเท่ายัยแสบมาก่อน ‘จริง ๆ รู้สึกไม่ดีเลย เหมือนผมกำลังล่อลวงเด็กอย่างไรอย่างนั้น’

“คุณราเชนทร์คะ เหม่ออะ น้ำมนต์ถามว่า คุณมาดักรอทำไมคะ”

หนูมนต์ลดาเอียงคอถามด้วยสายตาคาดคั้น ทำเอาคนแก่กว่าต้องขยับตัว สูดหายใจลึกเพื่อเรียกสติให้กลับเข้าร่าง

“ผมไม่ได้มารอ พอดีทางผ่านน่ะ เลยแวะมาดูหน่อย อะนี่…” ราเชนทร์พูดพลางหันไปหยิบกล่องที่ใส่ขนมปังยื่นให้เด็กสาว

“อะไรคะ?” เธอขมวดคิ้วแน่น

ราเชนทร์ยกยิ้มมุมปาก “แล้วคิดว่ามันคืออะไรล่ะ”

“แซนด์วิชเหรอคะ ให้ฉันเหรอ?”

หนูมนต์ลดารับไว้ก่อนจะวางไว้บนตัก นั่งมองพลางสงสัย

ราเชนทร์เอียงคอยักคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะขับรถต่อ “กินซะสิ อดอาหารเช้าสมองจะไม่แล่น เรียนไม่รู้เรื่องนะ”

“คุณใส่ยาอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้” เธอบ่นพึมพำเบา ๆ

“ผมได้ยินนะ ถ้าผมคิดจะหลอกแล้วล่ะก็…ผมไม่ลุกขึ้นมาทำแซนด์วิชให้คุณ ไม่แวะมาดูเพราะเป็นห่วงหรอกนะ ยัยเด็กดื้อ” ราเชนทร์พูดเสียงอ่อนราวกับจะกลืนคำพูดทั้งหมดเข้าไปในลำคอเมื่อเขารู้ตัวว่าเผลอพูดความในใจออกไป จนเด็กสาวแอบอมยิ้ม หัวเราะคิกคัก

‘บ้าจริง เสียเซลฟ์ชะมัด ผมพูดอะไรออกไปเนี่ย’ แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มพร้อมกับเสียงหัวเราะของเธอแล้ว ความเหน็ดเหนื่อยจากการขับรถมาไกลได้เลือนหายเป็นปลิดทิ้ง คงเหลือไว้แต่ความรู้สึกนุ่มฟูในหัวใจ

“อ้าว ไหนคุณบอกว่าทางผ่านไงคะ?” หนูมนต์ลดายิ้มหวานทั้งที่แพขนตายังรื้นไปด้วยน้ำตา เด็กสาวเปิดกล่องใส่แซนด์วิชก่อนจะกัดคำโตเคี้ยวจนแก้มป่องอย่างไม่ห่วงภาพลักษณ์นางแบบสาว

“เอ๊อะ เออ ทางผ่านจริง ๆ แล้วนี่ไม่กลัวผมใส่ยาพิษละเหรอ”

ราเชนทร์บ่ายเบี่ยงประเด็นด้วยการเอ่ยแซวเมื่อเห็นเด็กสาวกัดขนมปังคำโตด้วยท่าทางน่าอร่อย หนูมนต์ลดาส่ายหน้า แย้มยิ้มจนตากลมโตหรี่ลงเป็นสระอิ

“คิดอีกที ชีวิตน้ำมนต์มันไม่มีอะไรแย่ไปกว่าที่เจอมาแล้วล่ะ เบื่อที่จะกลัวอะไรล่ะ ชีวิตน้ำมนต์ ช่างแม่ง!!!”

“เป็นสาวสะสวย พูดจาแบบนี้ไม่น่ารักเลย” ราเชนทร์พูดพลางขมวดคิ้วแน่นราวกับผู้ใหญ่ที่ดุเด็กน้อยเมื่อทำผิด ทว่าเขาแลมองดวงหน้างามน่ารักที่สบตาเขาโดยปราศจากความกลัว หนำซ้ำยังกินขนมปังที่เขาเป็นคนทำอย่างสบายอารมณ์ หัวใจเขาอุ่นวาบอย่างน่าประหลาด

“โอ๊ย คุณน่ะ บ่นเป็นคนแก่เลยนะ”

“เคี้ยวให้หมดก่อนค่อยพูดก็ได้” คนแก่กว่าบ่นพึมพำบ่น

“เจ้าค่ะ…” หนูมนต์ลดาขานรับเสียงใส ฉีกยิ้มกว้าง แววตาเปล่งประกายก่อนจะรีบกลืนขนมปังคำโตด้วยท่าทางน่ารัก ทำให้คนที่แอบมองใจสั่นไหว

ขณะที่รถติดไฟแดง ราเชนทร์นึกเอ็นดูเด็กสาวจึงเผลอเลื่อนมืออุ่นลูบศีรษะกลมอย่างอ่อนโยน ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา ช่วงเวลาเพียงไม่กี่วินาทีแต่หัวใจที่เย็นยะเยือกแข็งแกร่งราวอัญมณี พลันแตกสลาย เมื่อได้จ้องลงไปในดวงตาคู่งามของมนต์ลดา…

“เอ่อ…ไฟเขียวแล้วค่ะ” เธอพูดด้วยท่าทางเคอะเขิน

รอยยิ้มที่มุมปากของชายหนุ่มกดลึกขึ้น ราเชนทร์หยิบโทรศัพท์ของเขา ปลดล็อกหน้าจอ ก่อนจะส่งให้กับเด็กสาวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

“ยื่นมาให้น้ำมนต์ทำไมคะ?”

“เมมเบอร์กับไลน์ให้ผมหน่อยสิ” ราเชนทร์พูดด้วยเสียงเข้ม

“คุณจะเอาไปทำไมคะ” มนต์ลดารับมาอย่างงุนงง เด็กสาวไม่เข้าใจว่าเขาจะเอาไปทำอะไรกัน หรือว่าเขารู้เรื่องที่ฉันฝึกงานแล้ว...

“ก็…เห็นคุณบอกว่าเรียนเกี่ยวกับเครื่องประดับนี่ อีกทั้งผมก็เป็นเจ้าของบริษัทอันดับต้น ๆ เลยนะ” เมื่อได้ทีประธานหนุ่มก็คุยโว เด้กสาวมองเขาพลางอมยิ้ม

“แล้วยังไงคะ?” ราเชนทร์หันไปมองหน้าด้วยสายตาดุ มนต์ลดาหลบตาก่อนจะรีบพิมพ์เบอร์โทร.และไอดีไลน์ให้ทั้งที่ยังแอบขำคิกคัก

“ฝึกงานปีนี้ใช่ไหม…แล้วฝึกที่ไหนล่ะครับ” ราเชนทร์ถาม หากเธอยังไม่มีที่ฝึกงาน เขาตั้งใจว่าจะใช้เส้นเล็กน้อยให้เธอได้เข้ามาฝึกงานที่บริษัทของเขา และอาจได้ใช้โอกาสนี้ทำความรู้จักและใกล้ชิดเด็กสาวให้มากขึ้น

“อ้าว…น้ำมนต์คิดว่า” มนต์ลดาหันขวับขณะส่งโทรศัพท์คืนให้เจ้าของ

มนต์ลดาพลางคิดในใจ ‘อ้าว ก็คิดว่ารู้แล้วซะอีกว่าฝึกงานที่บริษัทคุณ โอ๊ย…ฉันไม่น่าให้เบอร์กับไลน์ไปเลย หนีดีกว่า’

ราเชนทร์ก้มหน้าเข้าใกล้มนต์ลดา ปลายจมูกแทบจะชนใบหูจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ รินรด ชวนให้คนถูกกระทำใจตื่นเต้นโครมคราม

“แล้ว...คุณน้ำมนต์คิดว่าอะไรครับ” ราเชนทร์เอ่ยเสียงกระซิบนุ่มทุ้มชวนให้เด็กสาวหัวใจแทบหลอมละลาย

“เออ…ปะ...เปล่าค่ะ เดี๋ยวเลี้ยวข้างหน้าแล้วจอดหน้าคณะได้เลยนะคะ น้ำมนต์ใกล้จะสายแล้ว” เธอรีบพูดรัวตัดบทเพราะเธอเริ่มรู้สึกหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขิน เธอไม่เคยเสียอาการกับผู้ชายคนไหนมาก่อน…

“เดี๋ยวผมโทร.หานะครับ”

“ทะ โทร.มาทำไมคะ น้ำมนต์ไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ ไปละค่ะ” มนต์ลดารีบสะพายกระเป๋าก่อนจะเปิดประตูรถจากลงไปด้วยความไวแสง

ราเชนทร์กระตุกยิ้มด้วยท่าทีที่แปลกตาต่างจากครั้งแรกที่เห็นเธอเป็นสาวมั่นบนเวที แต่เธอเป็นเพียงเด็กสาวนักศึกษาทั่วไปที่น่ารักสดใส จู่ ๆ เด็กสาวที่ราเชนทร์กำลังรำพึงรำพันอยู่ก็วิ่งกลับมาเกาะข้างกระจกรถ ท่าทางกระหืดกระหอบ

“อ้อ น้ำมนต์ลืมเลยค่ะ วันนี้ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง สวัสดีค่ะ” มนต์ลดายกมือไหว้พร้อมกับถอนสายบัวจนคนถูกไหว้อย่างราเชนทร์ถึงกับหน้าร้อนผ่าว

‘หนูน้ำมนต์ไหว้เราก็ถูกแล้วนี่ อายุห่างกันจนจะเป็นพ่อเธอได้อยู่แล้ว แค่นึกก็เจ็บใจแล้ว แก่กว่าแล้วยังไง ดูแลได้ดีกว่าเด็กรุ่น ๆ ก็แล้วกัน คอยดูเถอะ’ ราเชนทร์พลางคิดแล้วรู้สึกคันยุบยิบในใจ

 

“วันนี้ทำไมแกดูนั่งใจลอยตลอดคาบเลยล่ะ” ระรินทร์ เพื่อนสนิทของน้ำมนต์ถาม พลางชี้ปากกามาที่หน้าราวกับจะคาดคั้นเอาคำตอบ

“ก็ไม่มีอะไร ปกตินี่” มนต์ลดาพูดพลางเก็บสมุดเรียนเล่มเล็กเข้ากระเป๋า

ครืด ครืด ครืด…

“นี่น้ำมนต์…ใครทักไลน์มาหาแกนักหนาวะ เห็นโทรศัพท์แกสั่นตั้งแต่ตอนเริ่มเรียนแล้ว” เพื่อนสาวคนสนิทปรายตาไปที่โทรศัพท์ของเธอ

“ไม่มีอะไรหรอกน่า” มนต์ลดาบอกปัดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

“ฮั่นแน่…มีแฟนแล้วไม่บอกเพื่อนเหรอ” เพื่อนสนิทเอ่ยแซว

“แฟนบ้าบออะไรกันล่ะ เด็กกว่าพ่อนิดเดียวเองมั้ง” เธอตอบพร้อมกับรำพึงกับตัวเอง มนต์ลดานึกถึงคุณราเชนทร์แล้วอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ ทั้งความเอาใจใส่ คำพูดติดไปทางผู้ใหญ่ ทำให้มนต์ลดารู้สึกอบอุ่นที่ได้อยู่ใกล้ รู้สึกปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน ติดเพียงเธอไม่อยากเข้าใกล้เขาเพราะต้องไปฝึกงานที่บริษัทเดียวกัน แค่ทำอาชีพเสริมแบบนี้คนก็ดูถูกจนเบื่อที่จะฟังแล้ว หากรุ่นพี่ที่ทำงานรู้ว่าเจ้าของบริษัทดูสนใจเธอมากกว่าเด็กฝึกงานคนอื่น จะยิ่งทำให้มนต์ลดาอึดอัดและอาจไม่มีความสุขตลอดเกือบสี่เดือนที่ต้องฝึกงาน

“นั่นไง แสดงว่าแกยอมรับแล้ว” ระรินทร์ยังคงพยายามซักไซ้

มนต์ลดาขมวดคิ้วยุ่ง เธอเริ่มหงุดหงิดที่เพื่อนถามเซ้าซี้ “ยอมรับอะไร…”

Rrrr Rrrrr Rrrrr โทรศัพท์ของมนต์ลดาสั่นระรัว หน้าจอปรากฏเบอร์เรียกเข้าที่ไม่คุ้นตา เด็กสาวรีบกดรับก่อนจะกรอกเสียงลงไปด้วยน้ำเสียงสุภาพ “สวัสดีค่ะ…”

[เออ…คุณ เลิกเรียนกี่โมงครับ?] เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“นั่นใครคะ?”

[นี่คุณไม่ได้เมมเบอร์ผมเหรอ ยัยดื้อ] 

ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเจือความหงุดหงิดเล็กน้อย และเค้นเสียงตรงคำว่า ‘ยัยดื้อ’ จึงทำให้น้ำมนต์รู้โดยทันทีว่านั่นคือคุณราเชน เพราะนอกจากเขาก็ไม่มีใครกล้าที่จะเรียกเธอแบบนั้น

“คะ...คุณราเชนทร์หรือคะ?” เด็กสาวถามกลับด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

[แล้วคุณคิดว่าใครโทร.มาล่ะ]

“ไม่รู้สิคะ มนต์เห็นเบอร์แปลก ๆ”

[คุณเลิกเรียนแล้วเหรอ?]

“ค่ะ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าคะ”

[ไม่มี แต่กำลังจะมี]

มนต์ลดาถอนหายใจยาว “น้ำมนต์คิดว่าไม่น่ามีธุระอะไรกับคุณนะคะ”

[ผมรออยู่ที่ร้านกาแฟหน้าคณะนะครับ]

ตรู๊ด ตรู๊ด…

คนแก่กว่าที่ชอบเอาแต่ใจตัวเอง พอพูดจบก็ตัดสายทิ้ง ไม่ทันฟังเด็กสาวว่าจะตอบรับหรือปฏิเสธ

“อะไรของเขากันนะ เป็นคนแก่ที่เอาแต่ใจชะมัดเลย” มนต์ลดาบ่นพึมพำ

“อะไรเหรอแก” ระรินทร์ที่นั่งสังเกตเหตุการณ์ทั้งหมดถามด้วยความเป็นห่วง

“เปล่า ไม่มีอะไร” มนต์ลดาพูดพลางยิ้มให้เพื่อนสนิท พลางตบไหล่ระรินทร์เพื่อย้ำว่าไม่มีอะไรดังเช่นที่บอกจริง ๆ แต่ยิ่งกลับทำให้ต่อมเผือกของเพื่อนสาวคันยุบยิบอย่างปิดไม่มิด “จะไม่มีอะไรได้ยังไง?” ระรินทร์อมยิ้มน้อย ๆ

“เรื่องมันยาวน่ะ”

“งั้นแกสรุปสั้น ๆ ก็พอ ไม่ใช่อะไรหรอกนะ เพื่อนอยากรู้ อยากใส่ใจน่ะ ตั้งแต่คบแกมาแต่ ม.ปลาย ก็ไม่เห็นจะเคยคบหรือสนใจใครเป็นพิเศษเลย” ระรินทร์บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา ที่เธอเซ้าซี้ถามก็เพียงเพราะความอยากรู้เรื่องเพื่อนเพียงเท่านั้น “โอเค ๆ เล่าก็ได้ แหม แกร่ายซะยาวเลยนะ” เธอขำท่าทางอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนจนน่าขัน ระรินทร์เท้าคางขนานกับโต๊ะ ก่อนจะจ้องหน้าเพื่อนสนิทตาเขม็ง

“เขาเป็นหุ้นส่วนของสินค้าที่ฉันเป็นพรีเซนเตอร์ พอดีที่งานเกิดเรื่องนิดหน่อย เขาเป็นคนมาช่วยฉันไว้ได้ทัน…ก็เท่านั้น” เธอเล่าเหตุการณ์ที่เธอเจอคุณราเชนทร์แต่ที่สำคัญเธอต้องฝึกงานที่บริษัทของคุณราเชนทร์ และเขาก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ซะด้วย

ระรินทร์เก่าหัวแกร๊ก ๆ อย่างสงสัย “เขาออกจะสูงส่งขนาดนั้น แล้วเขาจะมาสนใจเด็กน้อยอย่างแกทำไมกันวะ? หรือว่าคุณเขาชอบควงเด็กสาว ๆ ฉันว่าต้องใช่แน่ ๆ แกก็ระวังตัวไว้ด้วยนะ”

มนต์ลดาฟังที่เพื่อนสาวพูดก็อดที่จะคิดตามนั้นไม่ได้ ‘แต่ถ้าเขาสนใจเด็กสาวจริง ๆ เขาน่าไปสนใจคนอื่นดีกว่า เพราะฉันยังไม่คิดเรื่องพวกนี้เลยด้วยซ้ำ แค่ลำพังหาเงินใช้หนี้ก็จะแย่อยู่แล้ว’

“งั้นแกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ คุณเขารอฉันอยู่ที่ร้านกาแฟหน้ามอเนี่ย”

ระรินทร์ส่ายหน้ารัว “ไม่ล่ะจ้า ฉันมีนัดกับพี่บิ๊ก”

“โอเค งั้นฉันไปก่อนแล้วกันนะ ต้องแวะไปหาอาจารย์สหกิจศึกษาน่ะ”

“อ้าว ยังไม่ได้แวะไปเอาเอกสารหรอกเหรอ รีบไปเอาล่ะ”

มนต์ลดาแยกกับเพื่อนก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาเข้าไลน์เพื่อเช็กข้อความ ปรากฏข้อความแจ้งเตือนของคุณราเชนทร์ยาวเหยียดจนเธออดสงสัยไม่ได้ว่าคุณเขามีธุระอะไรมากมายขนาดนั้นกัน!

Rachen : สวัสดี ยัยเด็กดื้อ นี่ไลน์ผมเองนะ

Rachen : เข้าเรียนทันไหม?

Rachen : ทำไมไม่ตอบล่ะ

Rachen : วันนี้เลิกเรียนกี่โมงครับ

Rachen : งั้นเดี๋ยวบ่าย 4 โมงครึ่ง ผมไปรอที่ร้านกาแฟหน้าคณะคุณนะ

Rachen : รูปภาพร้านกาแฟ

Rachen : นี่ยัยแสบ ผมรอที่นี่นะ อย่าทำเมิน!!!!

Rachen : สติ๊กเกอร์โกรธ

Monlada : คุณทักมาอะไรเยอะแยะคะ ฉันไปช้าหน่อยนะ เดี๋ยวต้องไปเอาเอกสารกับอาจารย์ ไม่น่าเกิน 20 นาที ถ้าคุณรอไม่ไหวกลับก่อนก็ได้นะคะ ^^

Rachen : ตามสบายครับ ผมหยิบงานมาทำด้วย

Rachen : รูปภาพ Ipad เอกสารงานวางบนโต๊ะพร้อมกับ คาปูชิโนร้อน

‘หรือปีนี้จะเป็นปีชงของฉันจริง ๆ ต้องใช่แน่ ๆ’

น้ำมนต์คิดบ่นในใจ ทว่าใบหน้าสวยกลับระบายยิ้มหวานอย่างลืมตัว

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ