เสียงเพลงบรรเลงภายในห้องอาหารของโรงแรม แกรนด์เดอรีสเตอร์ ซึ่งเป็นสถานที่เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายทั้งความรัก เสียงหัวเราะ ความขัดแย้งและคราบน้ำตา กระทั่งตอนนี้แม้เรื่องราวเหล่านั้นผ่านพ้นมาไม่นานแต่ความรู้สึกของเธอรับรู้ได้อย่างชัดเจนราวกับเรื่องทุกอย่างพึ่งเกิดขึ้นไม่นาน
คุณอัยลดาจัดการให้พวกเราทั้งเจ็ดคนนั่งดินเนอร์โซนริมกระจกด้านในสุด ซึ่งเป็นมุมที่วิวดี มีความส่วนตัวสูง สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างเต็มตา ทุกอย่างดำเนินไปอย่างปกติเกือบจะทั้งหมด แต่ก็มีบางอย่างที่ดูแปลกออกไปจนมนต์ลดาผิดสังเกต คืนนี้ไม่ว่าจะเป็นพี่รินทร์วดี รุ่นพี่ในทีมต่างแต่งตัวเป็นทางการราวกับไม่ใช่การออกมาแค่นั่งทานอาหารค่ำ หนำซ้ำยังให้เธอสวมชุดราตรีสีแดงไวน์ที่พี่รินทร์วดีตระเตรียมมา ซึ่งเป็นเดรสลูกไม้ปักมือพอดีตัวเน้นช่วงเอว ระบายสะโพก ส่วนคุณอัยลดาส่งช่างแต่งหน้ามาบริการถึงห้องพัก แม้เธอจะไม่เอ่ยถามออกไปแต่ในใจกลับรู้สึกประหลาดอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
“อาหารที่นี่อร่อยดีนะคะ” รินทร์วดีเอ่ย พลางรินไวน์แดงลงยังแก้วของพี่ชาย
“เล่าซิ ไปสนิทกับคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน” ราเชนทร์เหลือบตาไปยังณภัทรด้วยหน้าเหม็นเบื่อแล้วถอนหายใจยาว
“รู้จักกับพี่ภัทรช่วงที่น้องน้ำมนต์ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเราแรก ๆ ค่ะ พี่เชนจริง ๆ แล้วพี่ภัทรนิสัยดีนะคะ แต่ไม่รู้ทำไมถึงชอบกวนประสาทพี่เชนก็ไม่รู้น” รินทร์วดีเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล หัวคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากันจนมนต์ลดาเป็นห่วง
“น้ำมนต์ยืนยันเสียง คุณณภัทรนิสัยดีจริง ๆ ทำไมคุณถึงชอบหาเรื่องเขาคะ”
“ผมเนี่ยนะหาเรื่อง มันต่างหากคอยทำตัวยียวนกวนประสาทผมเป็นประจำ”
“พี่เชนไปเสียงแข็งใส่เขาก่อนนิคะ” รินทร์วดีพูดตามที่หล่อนเห็น
“ก็...”
“คุยอะไรกันอยู่ครับ ท่าทางสนุกเชียว” ณภัทรเดินตรงมายังโต๊ะที่จองไว้ ริมฝีปากสวยได้รูปหยักยิ้มอย่างสบายๆ
“พี่ภัทรนั่งตรงนี้สิคะ” รินทร์วดีเรียกคนมาใหม่เสียงหวานพลางขยับเก้าอี้ด้านข้างให้ณภัทรนั่งข้างหล่อน
“มานั่งตรงนี้ดีกว่า” ราเชนทร์เอ่ยเสียงแข็ง ทว่ามนต์ลดากลับห้ามเอาไว้เสียก่อน “น้ำมนต์ว่าเราแยกโต๊ะไปนั่งกันด้านโน้นดีไหมคะ”
“แต่...”
“หรือคุณไม่อยากนั่งกับหนูแล้ว” เธออ้อนเสียงอ่อน
ณภัทรทิ้งตัวนั่งลงข้างรินทร์วดีอย่างไม่สนใจท่าทางฟืดฟัดของราเชนทร์ “น้องน้ำมนต์นั่งด้วยกันหลาย ๆ คนก็สนุกดีครับ นั่งด้วยกันนี่ล่ะ”
“น้ำมนต์เห็นในการ์ดเขียนว่าประมาณสามทุ่มครึ่งจะมีดนตรีสดด้วยนะคะ เป็นวงที่น้ำมนต์ชอบฟังในยูทูปดีใจจังค่ะที่ได้มีโอกาสฟังสด ๆ แต่ก็แปลกนะ ปกติเขามักจะรับงานที่กรุงเทพฯ ไม่ยักจะรู้ว่ารับงานไกลถึงที่นี่ด้วย” มนต์ลดาพูดพลางขมวดคิ้วสวยเล็กน้อย แล้วหันกลับมาพูดคุยกับทุกคนบนโต๊ะอาหาร
ไม่นานนักวงดนอะคูสติกส์ติกประกอบด้วยมือกีตาร์ชายหนุ่มมาดเซอร์วันนี้ใส่สูทดูดีแปลกตา พร้อมกับนักร้องสาวเสียงสดใสเจ้าแม่เพลงโคฟเวอร์ กล่าวทักทายแขกเครื่อในงานก่อนจะร้องเพลง เสียงกีตาร์ก้องกังวานเมื่อผสานกับเส้นเสียงใสของนักร้องสาว หัวใจของมนต์ลดาฟองโตราวกับเวลาตรงหน้าหยุดลง เธอฟังเพลงนั้นด้วยความอิ่มเอมใจ ทั้งบรรยากาศเป็นกันเองผสานกับมวลความอบอุ่นที่โอบล้อมเธอในคืนนี้ถักทอเป็นความสุขจนยากจะบรรยาย
เมื่อสร้อยทับทิมสยามที่หายไปก็ได้กลับคืน
ชายคนรักยอมทำลายกำแพงเปิดใจเข้าหากัน
มีเพื่อนร่วมงานที่เข้าใจเป็นกันเองราวกับครอบครัว
ทั้งยังมีพี่สาวแสนน่ารักพร้อมจะสนับสนุนทุกความฝันของเธอ
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับมนต์ลดาในตอนนี้ราวกับความฝันแต่มันเกิดขึ้นจริง เด็กสาวไม่เคยคิดว่าจะได้รับสิ่งเหล่านี้ที่ผ่านมานั้นชีวิตของเธอวัน ๆ วิ่งวุ่นแต่การทำงานหาเงินเพื่อจ่ายหนี้ รู้ตัวอีกทีก็มีราเชนทร์เข้ามาคอยเป็นกำลังใจ เตือนสติ และโอบกอดความเหนื่อยล้าราวกับเป็นแหล่งพลังงานสำรองที่เธอขาดไม่ได้ แม้บางครั้งเขาจะทำตัวเหมือนพ่อไปบ้าง จู้จี้ขี้บ่นเกินเรื่อง แต่มนต์ลดารู้ดีว่าทั้งหมดที่เขาทำล้วนออกมาจากความรักและความห่วงใย เสียงเพลงยังคงคลอบรรเลงในขณะที่ราเชนทร์เอื่อมมือกอบกุมเธอ พลางส่งสายตาหวานเปล่งประกาย
คืนนี้เขาดูดีกว่าทุกวันด้วยทรงผมเซตเปิดหน้า เสื้อเชิ้ตที่ไม่แน่ใจว่าลืมติดกระดุมหรือตั้งใจเปิดโชว์กล้ามอก สวมทับด้วยสูทสีเข้ม แต่ไม่ว่าเขาจะแต่งกายอย่างไร จะแต่งตัวทันสมัยราวกับหลุดออกมาจากรันเวย์ หรือแต่งตัวเชยจนสไตล์ลิสต้องขมวดคิ้ว คุณลุงท่านประธานก็ยังเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้หัวใจของมนต์ลดาเต้นแรงจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
ถ้าเธอหายไป ก็ไม่รู้เลยฉันจะอยู่ยังไง
(เพลง ถ้าเธอหายไป ศิลปิน วง MEAN)
เมื่อเพลง ถ้าเธอหายไป เวียนมาถึงท่อนฮุกรอบสุดท้าย ราเชนทร์หยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าด้านในของเสื้อสูท ซึ่งเป็นกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม ด้านในปรากฏแหวนทองคำขาวตัวเรือนโอบรับเพชรสีใสบริสุทธิ์เม็ดโตราวสามกะรัต ราเชนทร์หยิบแหวนออกมาพร้อมกับสบตามนต์ลดาพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น
“ตั้งแต่ที่หนูเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม ที่ผ่านมาวัน ๆ ผมเอาแต่ทำงานหนักจนลืมสนใจคนรอบข้าง หลังจากได้รู้จักกับหนูชีวิตของผมก็มีสีสันมากขึ้น รู้จักใส่ใจความรู้สึกคนรอบตัวมากขึ้น แต่ก่อนผมเคยคิดว่าชีวิตนี้ผมมีพร้อมหมดแล้วไม่ขาดอะไร แต่พอได้พบกับหนูผมรู้ทันทีว่าที่ผมคิดมาตลอดมันไม่จริง หนูน้ำมนต์เข้ามาเติมเต็ม ทำให้ผมอยากเป็นคนที่ดีขึ้นเพื่ออยู่ดูแลหนูให้ดีที่สุด ยิ่งได้เรียนรู้กัน ยิ่งได้ใช้เวลาด้วยกัน ก็ยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่า ชีวิตนี้ผมขาดหนูไม่ได้ เรื่องที่ผ่านมาผมขอโทษหนูจากใจจริง และขอบคุณหนูมากที่วันนั้นให้โอกาสผมอีกครั้ง ผมสัญญาว่าต่อจากนี้ไปจะไม่ทำให้หนูน้ำมนต์ต้องเสียใจอีก”
ราเชนทร์พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ทว่าสายตาหนักแน่น และจริงจังในสิ่งที่พูด เขาโน้มหน้าลงจุมพิตที่หลังมือเด็กสาวอย่างอ่อนโยน หัวใจเต้นแรงหวั่นไหวเมื่อดวงหน้าสวยหวานสบตาเขาอย่างเหนียมอาย
“หนูน้ำมนต์ครับ ผมรักหนูนะ...แต่งงานกับผมนะครับ”
มนต์ลดาเม้มริมฝีปากแน่น กะพริบตาถี่ ๆ ไล่หยาดน้ำตาแห่งความตื้นตันให้เหือดแห้งไป “ค่ะ น้ำมนต์ก็รักคุณ”
หลังจากที่ราเชนทร์ได้ฟังเด็กสาวตอบรับคำขอแต่งงาน เลือดในกายเขาสูบฉีดพลุ่งพล่าน ใบหน้าเห่อร้อน ความอิ่มเอมใจตีตื้นขึ้นมาจนทำให้เขาหยุดยิ้มค้างอยู่อย่างนั้น กระทั่งณภัทรพยายามขยิบตาส่งสัญญาณให้รู้ตัว ทว่าราเชนทร์ก็ยังไม่ทันมองเพราะมัวแต่ตกอยู่ในห้วงภวังค์รัก ณภัทรจึงแกล้งทำช้อนตกกระทบกับจานจนเสียงดังเคร้ง ราเชนทร์จึงได้สติสวมแหวนเข้านิ้วนางข้างซ้ายอย่างเก้อเขิน
“แหวนนี้สวยมากเลยค่ะ”
“ผมเป็นคนออกแบบเอง ด้านในสลักชื่อเราสองคนด้วยนะ” ราเชนทร์ระบายรอยยิ้มอบอุ่น สีหน้าบ่งบอกได้ชัดว่าเขาภูมิใจที่เป็นคนทำแหวนวงนี้ให้ว่าที่เจ้าสาวของเขาด้วยความตั้งใจ
มนต์ลดาเอ่ยขอบคุณเสียงหวานขณะที่มองใบหน้าคมเข้มเปี่ยมด้วยความอบอุ่นสลับกับแหวนเพชรที่สวมบนนิ้วนางข้างซ้าย กดจูบอย่างทะนุถนอม
“ผมจะทำให้หนูเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุด”
“น้ำมนต์ไม่ต้องการอะไร แค่หนูได้รู้จักคุณ ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดแล้วค่ะ”
“เกือบลืมไปเลย ผมมีของขวัญให้หนูด้วยนะ”
“อะไรคะ” เด็กสาวเอียงหน้าน้อย ๆ ขมวดคิ้วยุ่งอย่างแมวน้อยช่างสงสัย
ราเชนทร์สบตากับเอกรินทร์ พยักหน้าราวกับพวกเขาตระเตรียมทุกอย่างกันมาเป็นอย่างดี เขาลุกขึ้นมานั่งข้างเธอพลางโน้มหน้ากระซิบแผ่วเบา
“ผมตั้งใจมอบเพลงนี้ให้เลยนะ หนูเคยบอกตอนรู้จักกันใหม่ ๆ ว่าชอบวงนี้”
“อย่าบอกนะว่า วงนี้คุณเป็นคนจ้างมา” มนต์ลดาหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด เรื่องนี้อาจเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับคู่รักอื่น แต่สำหรับมนต์ลดาแล้วการที่ราเชนทร์ให้ความสนใจจดจำรายละเอียดเล็กน้อยของเธอได้ ทำให้หัวใจเธอหวั่นไหวราวกับมีผีเสื้อมากมายบินวนอยู่กลางอก
‘นี่เธอตกหลุมรักเขาซ้ำแล้วซ้ำอีกหรือเนี่ย’
ราเชนทร์อมยิ้มกริ่มแล้วตอบเธอด้วยคำถาม “แล้วหนูชอบไหมครับ”
“ทำไมต้องทำขนาดนี้ด้วยคะ” เด็กสาวดวงตาวาวทอประกาย
“ถ้าหนูชอบผมก็ดีใจ”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอกรินทร์ถือเอกสารบางอย่างใส่ซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้ราเชนทร์พร้อมรอยยิ้มมีเล่ห์นัย “ของขวัญรับคำขอแต่งงานครับ หนูลองเปิดดูสิ”
มนต์ลดารับซองเอกสารนั้นมาด้วยความลังเลก่อนจะเปิดซองออกแล้วหยิบเอกสารด้านในนั้นออกมาอ่านด้วยความประหลาดใจ ในนั้นเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับร้านจิลเวลรี่ย่านศาลาแดง ตั้งอยู่ติดกับสถานทูตเยอรมนี ภายในร้านตกแต่งด้วยโทนสีดำ เรียบง่าย แต่โดดเด่น ทว่าสายตาเธอเหลือบเห็นชื่อบนป้ายร้าน อาร์ แอนด์ เอ็ม รัชตะ จิลเวลรี (R&M Rachata Jewelry)
“นี่ร้านเพชรของใครคะ คุณลุงเอาให้น้ำมนต์ดูทำไม”
ราเชนทร์มองเธอด้วยแววตาลุ่มลึก เอ่ยตอบด้วยเสียงนุ่มทุ้ม ฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นมาลูบเรือนผมสลวยอย่างที่เขาชอบทำ “ร้านเพชรของหนูยังไงครับ”
“ระ ร้านเพชรหรือคะ”
“ใช่ครับ เมียผมทั้งคนให้แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ ส่วนแบบเครื่องเพชรที่จะนำลงในร้าน หรือสเปเชี่ยลคลอกเลกชั่นที่จะเปิดตัวร้านของหนู เดี๋ยวค่อยปรึกษาเรื่องนี้กันอีกครั้ง หลังจากที่หนูผ่านฝึกงานแล้วกัน ส่วนเรื่องเงินทุนผมจัดการเอง ขอแค่เพียงให้หนูเต็มที่กับร้านของเราก็พอ”
“เออ นะ นี่มันมากเกินไปนะคะ แค่แหวนวงนี้น้ำมนต์ก็แทบจะรับไว้ไม่ไหว คุณเล่นให้น้ำมนต์ทั้งร้านเลย น้ำมนต์รับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ มันมากเกินไปจริงๆ”
มนต์ลดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เธอไม่อยากได้ชื่อว่าคบกับเขาเพื่อหวังผลประโยชน์ ในเมื่อเธอยังอายุเพียง 23 ปี ยังสามารถทำงานที่รักเพื่อหาเงินสำหรับใช้จ่ายด้วยตัวเองได้อีกมาก ยิ่งตั้งแต่มนต์ลดาเข้าโมเดลลิงของพี่รินทร์วดีทำให้เธอมีงานเยอะขึ้นผิดหูผิดตา ที่สำคัญได้รับค่าแรงสมราคาแตกต่างจากตอนที่อยู่กับพี่บัวเป็นไหนๆ
“หนูรู้ไหมว่าทำไมผมถึงตั้งชื่อ R&M Rachata Jewelry เพราะอักษรย่อนั่นคือชื่อผมกับหนูยังไงล่ะ ร้านนี้เป็นตัวแทนความรักของเรา ยังไงหนูตั้งใจบริหารจัดการนะครับ ผมจะอยู่ตรงนี้คอยเป็นแรงสนับสนุนหนูเอง”
"แล้วถ้าคำตอบวันนี้ น้ำมนต์ยังไม่รับคำขอคุณลุงละคะ จะยึดร้านนี้คืนไหม"
"ไม่ว่าหนูจะตอบผมยังไง ผมก็ตั้งใจจะยกร้านนี้ให้หนูอยู่ดี"
“น้ำมนต์ไม่มีอะไรให้คุณเลย นอกจาก…” เด็กสาวหลุบตาลงต่ำ พ่วงแก้มนิ่มแดงระเรื่อ ในเวลาเดียวกันนั้น ราเชนทร์กระตุกยิ้มร้าย ฝ่ามือหนาลูบต้นขาเธอด้วยสายตาพราวระยับ
“นอกจากความรักและความซื่อสัตย์ที่มีให้คุณ”
“เท่านั้นก็เพียงพอแล้วครับ” ราเชนทร์จิ๊ปากเบา ๆ อย่างเสียดาย
เด็กสาวหัวเราะคิกคักกับท่าทางเอาแต่ใจของเขา ก่อนเราจะดื่มไวน์อีกคนละหลายแก้วเพื่อฉลองให้กับค่ำคืนที่แสนพิเศษของเรา
รุ่นพี่สาวเดินมาพร้อมกับพี่ทีม หล่อนชักชวนถ่ายภาพเก็บความทรงจำด้วยน้ำเสียงสดใส “พวกเรามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกหน่อยดีกว่าค่ะ” แก้วเอ่ยขึ้นพร้อมกับสะกิดรุ่นน้องให้เปิดโหมดกล้องเตรียมถ่ายภาพความหวานฉ่ำในค่ำคืนนี้
นักร้องนำวง Smile Sunshine เอ่ยทักทายแขกภายในโรงแรมด้วยน้ำเสียงใส “สวัสดีแขกผู้มีผู้มีเกียรติทุกท่านที่อยู่กับเราในค่ำคืนนี้ด้วยค่ะ รู้สึกดีใจมากที่ได้รับเชิญมาร้องเพลงในแฟนคลับที่จันทบุรี ก่อนอื่นขอแสดงความยินดีกับว่าที่เจ้าสาวในคืนนี้ด้วยค่ะ เพื่อเป็นการไม่เสียเวลาแพรวขอร้องเพลงนี้เพื่อเป็นของขวัญให้กับคู่รักทุกคู่ด้วยค่ะ” หลังจากที่แพรววากล่าวทักทายพร้อมแสดงความยินดี แขกที่นั่งรับประทานอาหารภายในห้องอาหารของโรงแรมต่างปรบมือเพื่อแสดงความยินดีเช่นกัน
มีจริงหรือรักแรกพบ เพียงสบตาแค่หนึ่งครั้ง
แค่แรกเห็นเดินผ่านมาไม่พูดจา…
(เพลง รักแรกพบ ศิลปิน วง Tattoo Colour)
อัยลดาระบายยิ้มยินดีด้วยความจริงใจ หล่อนก้าวเท้าฉับ ๆ เดินตรงมาที่โต๊ะของราเชนทร์พร้อมกับดอกไม้ช่อโต “ขอแฟนเด็กแต่งงานทั้งทีจะขาดดอกไม้สวย ๆ ได้ยังไงคะพี่เชน รับไปสิคะของขวัญพิเศษจากทางโรงแรม แกรนด์เดอรีสเตอร์ ค่ะ” หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้าง ขยิบตา พร้อมยัดช่อดอกกุหลาบสีขาวใส่มือราเชนทร์ ก่อนจะหันมาสบตามนต์ลดาอย่างเป็นมิตร
“พี่ยินดีด้วยนะ และขอโทษที่ก่อนหน้าที่เคยพูดอะไรไม่ดีไปตั้งเยอะ หวังว่าน้องน้ำมนต์จะยกโทษให้พี่ไอรินนะคะ”
“น้ำมนต์ไม่เคยโกรธคุณไอรินเลยค่ะ”
“งั้นคืนนี้ตามสบายเลยนะคะ ไอรินขอตัวก่อน” อัยลดาพูดจบแล้วเดินจากไป
“ผมนี่แย่เหมือนที่ไอรินบอกจริง ๆ ด้วยสิ อุตสาห์ตั้งใจขอหนูแต่งงาน แต่กลับขาดดอกไม้สวย ๆ ได้ยังไงกัน” ราเชนทร์ขมวดคิ้วยุ่ง จิ๊ปากอย่างหัวเสีย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนนี้ก็มีแล้วไงคะ”
“หนูไม่คิดมากใช่ไหมที่ดอกไม้ช่อนี้ ที่ไอริน...”
“คุณไอรินก็บอกอยู่นี่คะว่าช่อนี้คือของขวัญจากโรงแรม”
มนต์ลดาคิดอย่างที่เธอพูดจริง ๆ แม้ก่อนหน้านี้เธอจะกังวลการกลับมาของอัยลดา ทว่าตอนนี้เธอคนเดียวเท่านั้นที่เป็นคนที่เขาเลือก แล้วเธอจะไปใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ให้เสียบรรยากาศทำไม
ราเชนทร์หยักยิ้มเจือนก่อนจะยืนดอกกุหลาบขาวช่อโตให้หญิงคนรัก หนูมนต์ลดารับช่อดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม แววตาทอประกายความสุขอย่างเห็นได้ชัด เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายช่อดอกไม้ที ถ่ายแหวนในมือที แล้วหันมาอ้อนชายหนุ่มให้ช่วยถ่ายภาพให้เหมือนที่เขาเคยทำมาตลอด
รินทร์วดีกระซิบพี่ชายเสียงอ่อน “พี่เชนคะ วดีกับพี่ภัทรขอตัวไปเดินเล่นบนชั้นดาดฟ้านะคะ ยินดีด้วยนะคะ”
ขณะเดียวกันเอกรินทร์และรุ่นน้องในทีมเดินตรงเข้ามายังราเชนทร์ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “เจ้านายคะ มีความสุขมาก ๆ นะคะ”
“ยินดีด้วยนะครับ” ทีมเอ่ยพร้อมกับยักคิ้วให้น้องเล็กในทีม
“น้องน้ำมนต์ ถ้าไอ้ท่านประธานมันทำตัวไม่ดีอีกบอกพี่นะ พี่เอกจะพาน้องหนีเอง” เอกรินทร์พูดพร้อมกับหัวเราะอย่างชอบใจ
“เฮ้ย ได้ยังไงวะ ยังไม่ทันไร อย่ามาสร้างความร้าวฉานนะเว้ย”
แม้ราเชนทร์จะโวยวายออกไปเช่นนั้น แต่ใบหน้าของเขากลับแย้มยิ้มอย่างมีความสุข ตอนแรกเขาตั้งใจจะขอหนูมนต์ลดาแต่งงานที่บ้าน ประจวบเหมาะกับต้องเดินทางมายังจันทบุรี ประธานหนุ่มจึงวางแผนกับทุกคนเป็นการด่วนโดยมีรินทร์วดีเป็นหัวเรือใหญ่ของแผนการทั้งหมดในวันนี้
เอกรินทร์ยกแก้วไวน์อวยพรให้กับเพื่อนสนิทพ่วงตำแหน่งเจ้านายก่อนจะรีบกลับไปนอน “งั้นเดี๋ยวคืนนี้แยกย้ายกันเลยแล้วกันนะ”
“จะรีบไปไหนล่ะ” ราเชนทร์ท้วงทัก
“กินอิ่มแล้วหนังท้องตึง หนังตาก็เริ่มหย่อนว่าจะรีบไปนอนสักหน่อยเดี๋ยววันพรุ่งนี้มีงานอีก”
“ขอบคุณมากที่เป็นธุระให้ตลอด” ราเชนทร์ตบบ่าเอกรินทร์ปุ ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าในทีมยังมีหญิงสาวหลงเหลืออีกคนหนึ่ง
“คุณแก้วเปิดห้องพักที่นี่เพิ่มได้เลยนะครับ นี่ดึกมากแล้วค่อยแวะเข้าบ้านพรุ่งนี้เช้าก็ได้” ประธานหนุ่มเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
“บ้านแก้วอยู่ไม่ไกลจากนี่มากนะคะ แก้วว่าจะให้หลาน...”
“พี่แก้วเชื่อท่านประธานเถอะครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว วันนี้พี่แต่งตัวสวยอยู่ด้วย อันตรายนะครับ” ทีมเอ่ยด้วยความเป็นห่วง นัยน์ตาเป็นกังวลอย่างไม่ปิดบัง
“นี่แกเมาหรือเปล่าทีม เออ...แกชมว่าพี่สวยงั้นเหรอ?”
แก้วฟังคำรุ่นน้องด้วยตาเบิกโพลง แต่ไหนแต่ไรมาทีมมักบอกเธอเหมือนทอมบ้าง ตัวเล็กเหมือนเด็กประถมบ้าง ผิวแห้งกร้านเหมือนหนังท้องช้าง แล้วคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกับสมองของทีมถึงเอ่ยปากชมหล่อนต่อหน้าทุกคน
“งั้นแก้วขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ ดีใจด้วยนะน้องน้ำมนต์เดี๋ยววันพรุ่งนี้เมาท์กันนะ” รุ่นพี่สาวเอ่ยลาก่อนจะออกจากห้องอาหารโดยมีทีมเดินตามเป็นเงาประกบมาติดๆ
“เดี๋ยวผมพาไปเปิดห้องให้นะครับ เออ คือตามที่ท่านประธานสั่งน่ะ” ทีมพูดตะกุกตะกัก พร้อมกับชูบัตรเครดิตที่ท่านประธานให้
หลังจากที่ทุกคนออกจากห้องอาหารอีกไม่นานนักราเชนทร์กับมนต์ลดาก็กลับออกไป
“คืนนี้นอนกับผมนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยด้วยเสียงหวาน ฝ่ามืออบอุ่นโอบเอวบางของมนต์ลดาเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ
“แล้วพี่วดีล่ะคะ”
เมื่อนึกถึงน้องสาวที่หวงสุดใจ กำลังหวานแหววสร้างโมเมนต์กับแฟนหนุ่ม ราเชนทร์ก็ขมวดคิ้วยุ่ง หายใจฟึดฟัด “วดีส่งไลน์บอกว่าไอ้ณภัทรจะพาไปนั่งเล่นต่อที่ร้านข้างนอก”
“แล้วคุณลุงไม่หวงพี่วดีแล้วหรือคะ แปลกจัง”
“จริง ๆ ก็หวงนะครับ แต่วดีก็โตมากแล้ว ณภัทรก็เป็นคนดีอยู่เหมือนกัน ปล่อยให้วดีได้ใช้ชีวิตในแบบที่เขาต้องการดีกว่า”
“คุณลุงน่ารักที่สุดเลย” เธอยืนหน้ามาจุมพิตแผ่วเบาที่ข้างแก้มอย่างรวดเร็ว
"ขออีกครั้งได้ไหมครับ เมื่อกี้ยังไม่ทันตั้งตัวเลยนะ"
เด็กสาวกลั้นยิ้มแล้วส่ายหน้าหวือแทนคำตอบ
“ผมทำตัวน่ารักขนาดนี้ แล้วคืนนี้มีรางวัลให้ผมไหมน้า”
มนต์ลดาเม้มริมฝีปากแน่น ใบหน้าแดงเห่อร้อนผ่าวเมื่อเธอคิดถึงมือสากลูบไล้ทั่วเรือนร่าง ความอึดอัดเสียวซ่านเมื่อเราเชื่อมต่อและแสดงความกันต่อกัน
เธอเขย่งปลายเท้าพลางโน้มคอเขาแล้วกระซิบเสียงหวาน “อยู่ที่คืนนี้...คุณลุงจะมีแรงแค่ไหนต่างหากล่ะ”
เมื่อราเชนทร์ได้ฟังที่เด็กสาวพูดเช่นนั้นเขาก็รีบพาเธอเข้าไปยังห้องสวีทที่จองไว้ทันที เมื่อเข้าถึงด้านในห้องชายหนุ่มไม่รอช้า ดึงว่าที่เจ้าสาวคนสวยเข้ามาพรมจูบ ลมหายใจอุ่นร้อนลากไล้พ่วงแก้มขาว กดหอมซ้ำแล้วซ้ำอีก ขณะที่มือข้างหนึ่งนวดเคล้นทรวงอกอิ่มอย่างหื่นกระหาย
"คุณลุงขา" มนต์ลดาเรียกเขาเสียงสั่นเครือ ราเชนทร์เพียงครางฮือทุ้มต่ำในลำคอ เขาประทับริมฝีปากลงบนกลีบปากบาง ดูดกลืนลมหายใจของเธอเอาไว้จนเด็กสาวร้องครางเสียงหวานประท้วง จังหวะที่เธอเผยอริมฝีปาก เขาก็ส่งลิ้นเข้ามาผัวพันจนเธออ่อนระท้วย
"คืนนี้หนูสวยมาก"
คำชมของเขาทำให้เด็กสาวตัวลอย หลับตาพริ้มรับรสสัมผัสหวานซาบซ่าน ก่อนที่ชายหนุ่มอ้อนขอให้มนต์ลดาใช้ปากกับส่วนนั้น เธอจุมพิตหวานแทนคำตอบก่อนจะเลื่อนตัวลงไปยังส่วนที่แข็งขืนแล้วจัดการมันอย่างที่เขาเคยพร่ำสอนเธอมา
“คุณลุงขา...แบบนี้ชอบไหมคะ” มนต์ลดารู้สึกหัวใจสูบฉีดแรงจนทำให้ลดความเมาลงไปเยอะทีเดียว
ฝ่ามือของมนต์ลดาลากเลื้อยตามมัดกล้ามลงมายังท้องน้อยและแอ่งสะดือ นิ้วโป้งข้างหนึ่งวนไล้ส่วนที่กำลังแข็งขืนปริ่มน้ำอย่างเย้ายวน ส่วนมืออีกข้างหนึ่งเขี่ยตุ่มไตสีเข้ม เรียวลิ้นลากไล้ทั่วจุดอ่อนไหวก่อนจะครอบโพรงปากขยับขึ้นลงตามแรงอารมณ์ชวนให้ผู้ถูกกระทำใจสั่นวาบ ครางเสียงทุ้มต่ำขาดห้วงเป็นระยะ
“ฮืม ชอบสิ ชอบมาก” ฝ่ามือหนาพยุงตัวขึ้นมาอยู่ในท่านั่งก่อนจะเลื่อนมือค่อย ๆ ปลดเปลื้องอาภรณ์ของมนต์ลดาจนเรือนกายเปลือยเปล่า มือสากอ้อมทางด้านหลังสะโพกบีบเคล้นเชื่องช้าก่อนจะผลักเธอให้นอนราบลงไปกับเตียงนุ่ม ยิ่งเขาได้ลิ้นลองความหวานจากกรุ่นกายเธอ ก็ยิ่งทำให้ประธานหนุ่มหลงใหลเด็กสาวอย่างหัวปักหัวปำ
ราเชนทร์เผลอจินตนาการ หากได้มีโอกาสเขาอยากพาหนูมนต์ ‘นอกสถานที่’ เพราะที่ผ่านมาแม้เขาจะกระเซ้าเธออย่างไร เด็กสาวก็ใจแข็งไม่เคยยอมอ่อนให้เขาสักครั้ง หนูมนต์ลดามักพูดเสมอว่าเขาเป็นถึงท่านประธานไม่ควรทำอะไรประเจิดประเจ้อแบบนั้น ใครเห็นเข้ามันจะดูไม่เหมาะสม จริงอยู่ที่มันไม่เหมาะสม กระนั้นเมื่อเขาอยู่ลำพังกับหนูน้ำมนต์สองคนในห้องก็ยากจับเธอกดลงบนโต๊ะทำงานให้รู้แล้วรู้รอด
“อะ อะ อ่า...คุณลุงขา”
เสียงครางประท้วงดึงราเชนทร์ให้กลับมาจากห้วงภวังค์คิด ถึงได้รู้ตัวว่าเขาบดขยี้เกสรงามหนักมือเกินไป
“คุณลุงไม่สนใจหนูเหรอคะ มัวใจลอยเรื่องอะไรอยู่” เด็กสาวทำหน้างอและตั้งท่าจะเด้งตัวลุก ทว่าเขาใช้ร่างหนั่นแน่นโถมเข้าไว้ ริมฝีปากอ่อนนุ่มค่อย ๆ ไล้ต้อนจูบเธออย่างแผ่วเบา
“ใจลอยถึงหนูนั่นล่ะ”
“หนูก็อยู่ตรงหน้าคุณนี่ไงคะ หรือ...คุณใจลอยถึงคนอื่น” เธอเบือนหน้าหนี ทว่าเขารั้งดวงหน้าสวยของเธอมาจุมพิตพ่วงแก้มนุ่มอย่างแผ่วเบา
ชายหนุ่มหยักยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ มือข้างหนึ่งลูบไล้ไปทั่วร่างขาวเนียน ก่อนจะวนเวียนแถวท้องน้อยจนคนใต้ร่างครางฮือประท้วง ลากลงไปยังกลีบดอกไม้แสนนุ่ม เรียวนิ้วยาวสำรวจเกสรงามอย่างเอาแต่ใจ
“ผมกำลังเผลอคิดว่า ยิ่งกินหนูมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้ผมเป็นคนละโมบ อยากกินหนูซ้ำ ๆ กินทุกที่ ทุกเวลาถ้าเป็นที่โต๊ะทำงาน ในรถ ในครัว ใน...”
ราเชนทร์พูดเสียงแหบพร่าพลางขยับนิ้วกระแทกเข้าออกเบา ๆ ปลายนิ้วครูดส่วนอ่อนไหวจนเธอบิดเร้าสะโพกด้วยความเสียวซ่าน “อ่า พะ พอเลยค่ะ” เขาชะงักการกระทำทั้งหมดลง ใบหน้าหล่อเข้มกระตุกยิ้มร้าย จนเด็กสาวต้องขมวดคิ้วแน่น ทุบอกแกร่งประท้วง
“หนูบอกให้ผมพอไม่ใช่เหรอครับ พอดีผมเป็นคนเชื่อคนง่าย”
“นี่คุณลุงจุดเครื่องติดแล้ว…จะแกล้งหนูแบบนี้หรือคะ งั้นน้ำมนต์กลับห้องก็ได้ อ่ะ...อ่า” ทันทีที่ราเชนทร์ได้ยินประโยคตัดพ้อของคนรักก้านนิ้วเรียวยาวควงกระแทกจนเธอครางเสียงหวาน ปลายนิ้วจิกหัวไหล่เขาแน่นราวกับระบายความเสียวซ่านลงบนนั้น เขากระตุกยิ้มร้าย กระซิบเสียงแหบพร่าข้างหูเด็กสาวพลางขบเม้มติ่งหูเบา ๆ
“หนูไหวแน่นะครับ”
เด็กสาวโน้มคอเขาลงมาแล้วกระซิบกลับด้วยเสียงกระเส่า “คุณลุงต่างหากจะไหวหรือเปล่า เข้ามาเลยค่ะ หนูพร้อมให้คุณกินทั้งคืนยันเช้าแล้ว”
ค่ำคืนที่แสนพิเศษดำเนินไปอย่างเสียวซ่านเร่าร้อน เสียงลมหายใจหอบหนักของพวกเขาผสานกับเสียงครางระงมที่ขาดเป็นห้วง ๆ มนต์ลดาตกอยู่ในวังวนที่เธอเป็นคนสร้างโดยมีราเชนทร์เป็นผู้ช่วยสานต่อ แม้อุณหภูมิภายในห้องจะถูกปรับไว้ที่ยี่สิบสามองศา ทว่าเธอกลับไม่รู้สึกหนาวเย็นแม้ไม่มีอาภรณ์ปกคลุมเรือนกาย มีเพียงแต่ร่างสูงโปร่งกำยำที่ขยับเคลื่อนไหวสร้างความรัญจวนใจอยู่เหนือร่าง กับความรู้สึกร้อนรุ่มราวกับมีใครจุดไฟไว้ใกล้ๆ
แม้ชีวิตที่ผ่านมาของน้ำมนต์จะเจอแต่อุปสรรค
แม้ที่ผ่านมาเธอจะไม่ยอมเปิดใจให้ใครเข้ามาในใจ
แม้เธอจะดูเหมือนเข้มแข็ง
แท้จริงแล้วเธอก็เป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่ต้องการความรักและการเอาใจใส่จากใครสักคน แล้วคนที่เข้ามาเติมเต็มความอ้างว้างในใจให้เบาบางลงก็คือเขา ราเชนทร์คอยเตือนสติทั้งยังเป็นกำลังใจให้เธอผ่านเรื่องทุกอย่างไปได้ ถึงจะมีช่วงที่เราต่างขัดแย้งไม่เข้าใจกัน แต่มนต์ลดาเชื่ออย่างสุดหัวใจเลยว่า ‘หากเราทั้งสองคนหนักแน่นในความรักมากพอ เราจะยอมรับความต่างซึ่งกันและกัน ความรักสำหรับเธอ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงความเป็นตัวตน แต่เป็นการเปิดใจให้กัน ปรับจูนเพื่อหาจุดตรงกลางระหว่างเรา ยอมรับในแบบที่เป็น ไม่ใช่การอดทนโดยฝืนเก็บงำความบอบช้ำไว้ในใจ…รอวันนับถอยหลัง สิ่งที่สำคัญที่สุดความรักที่เธอได้เรียนรู้ คือความจริงใจที่มีต่อกัน’
ร่างเล็กถูกรวบเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดอุ่น ราเชนทร์จุมพิตอ่อนโยนบนหน้าผากที่ปรกด้วยผมนุ่ม จูบปลายจมูกรั้นราวกับบ่งบอกให้เธอได้รับรู้ว่า เขาอยากหายใจร่วมกับเธอไปชั่วชีวิต ก่อนจะจูบผะแผ่วเปลือกตาทั้งสองข้างอย่างทะนุถนอม
ราเชนทร์เอ่ยคำมั่นสัญญาจะดูแล และรักหนูมนต์ลดาเป็นเช่นนี้ไปจนวันตาย
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?