ตอนที่ 30รักทุกอย่างที่เป็นคุณ

ราเชนทร์มอบหมายให้เอกรินทร์ซึ่งเป็นลูกน้องคนโปรดพ่วงตำแหน่งเพื่อนซี้ช่วยในการจัดการเรื่องการเจรจากับเจ้าหนี้ทุกรายของหนูมนต์ลดาอย่างรัดกุม อีกทั้งยังให้เขาช่วยเป็นธุระในการเดินทางไปพบคุณแม่ของมนต์ลดาประสานงานเรื่องรายละเอียดการฟ้องหย่า ปรึกษากับทนายประจำตระกูลเพื่อดำเนินการเรื่องเอกสารและหลักฐานต่าง ๆ หากจำเป็น

ความสัมพันธ์ของคุณลุงท่านประธานกับแฟนเด็กของเขา พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ราเชนทร์พยายามทำลายกำแพงในใจเมื่อเขามีเรื่องที่รู้สึกไม่สบายใจแทนที่ราเชนทร์จะคิดเอาเองเฉกเช่นแต่ก่อน เขาเลือกหันหน้าพูดคุยกับมนต์ลดามากยิ่งขึ้น ทำให้บรรยากาศระหว่างเขาทั้งสองอบอวลด้วยความหอมหวานชื่นบาน แม้เขาจะบ่นโอดครวญที่เด็กสาวกำลังจะสิ้นสุดการฝึกงานในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ท้ายที่สุดหนูมนต์ลดาก็ยังพักอยู่ชายคาเดียวกันกับประธานหนุ่ม ทว่าหลังจากนี้อาจไม่มีโอกาสพบกันตลอดเวลาเฉกเช่นช่วงที่ผ่านมาเนื่องจากมนต์ลดาต้องเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อส่งรายงานและเก็บหน่วยกิตที่เหลือให้จบเพื่อที่จะมีโอกาสจบพร้อมเพื่อน

“ผมต้องคิดถึงหนูมากแน่ ๆ เลย” ราเชนทร์เดินช้อนด้านหลังโอบเอวบาง พร้อมพิงคางลงบนลาดไหล่ของมนต์ลดา

“ยังไงเราก็เจอกันทุกวัน หนูต้องกลับมานอนที่บ้านอยู่แล้ว อันที่จริงบ้านคุณกับมหาวิทยาลัยหนูค่อนข้างไกลกันมาก ถ้าหนูจะขอกลับ...”

“ไม่อนุมัติ” ประธานหนุ่มรีบพูดตัดบทด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

“อะไรกันคะ น้ำมนต์ยังพูดไม่ทันจบประโยคเลย” เธอเอ่ยน้ำเสียงตกใจ รอยยิ้มสดใสกลับเจื่อนลงจนเห็นได้ชัด

“ผมรู้ว่าหนูกำลังจะบอกว่า ไม่อยากอยู่กับผมแล้ว ใช่สิ ผมมันไม่สดใหม่เหมือนเด็กมหาวิทยาลัยเอ๊าะๆ”

น่าแปลกที่ครั้งนี้ราเชนทร์พูดเสียงกระเง้ากระงอด ถึงจะดูไม่เป็นเขาแต่การที่ราเชนทร์แสดงในด้านเด็ก ๆ ออกมาก็ทำให้มนต์ลดาอดที่จะระบายยิ้มไม่ได้ มนต์ลดาหันหน้าเข้าหาแฟนหนุ่มมือเรียวบางประคองแก้มเขาพร้อมเขย่งปลายเท้าจุมพิตหวานแผ่วเบา ถึงเธอจะชอบที่เขาเปิดอกพูดความในใจกันมากขึ้น แต่เธอคาดไม่ถึงว่าคุณลุงท่านประธานจะเก็บทุกเรื่องมาคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้

“น้ำมนต์มีคุณลุงอยู่ทั้งคน จะไปสนใจใครอื่นได้อีก หนูยังไม่หึงคุณลุงตอนต้องออกไปทานข้าวกับพวกนักธุรกิจสาวสวย ๆ เลยนะคะ เพราะฉะนั้น คุณลุงก็ต้องเชื่อใจหนูเหมือนกันนะคะ” เสียงอ้อนเสียงหวาน พร้อมเรียวแขนเล็กโอบกอดรอบคอชายคนรัก ใบหน้าซบลงตรงแผ่นอกกว้างด้วยใจไหวสะท้าน

“ไม่ใช่ผมไม่เชื่อใจ” เขาเสียงอ่อนลงมาอย่างเห็นได้ชัด

“แล้วคุณลุงกังวลอะไรคะ” มนต์ลดาโอบรอบคอแกร่งพลางโน้มเขาลงมารับจุมพิตหวานทว่าร้อนแรงอีกครั้ง “หนูเป็นของคุณลุงคนเดียว ใจของหนู…ก็เป็นของคุณ และไม่มีวันที่หนูจะมองคนอื่นได้อีกหรอกค่ะ”

“น่ารักแบบนี้ต้องให้รางวัล” ริมฝีปากได้รูปกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจก่อนจะหุบยิ้มฉับเมื่อเธอพูดประโยคที่ทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบในใจ

“ถึงหนูอยากมองคนอื่นเขาก็รู้กันทั่วแล้วมั้งคะ ก็คุณเล่นเปิดตัวหนูออกสื่อขนาดนั้น” เด็กสาวพูดพลางกลอกตาบนอย่างหน่ายใจ ทว่าประธานหนุ่มกลับชอบใจกระชับเอวบางเข้ามากอดแนบอกแล้วหอมแก้มนุ่มอย่างมันเขี้ยว

หลังจากเรื่องราววุ่นวายต่าง ๆ ได้ผ่านพ้นไป มนต์ลดารวมถึงเพื่อนนักศึกษาฝึกงานทุกคนเข้าสู่โค้งสุดท้ายของการฝึกงานที่บริษัท รัชตะ จิล แอนด์ เจมส์ เช้านี้เธอยังคงเดินทางไปบริษัทกับคุณลุงท่านประธานเช่นทุกวัน ทว่าช่วง สิบโมงเช้า คุณขวัญฤทัยหัวหน้าฝ่ายบุคคลเรียกนักศึกษาฝึกงานทุกคนเข้าไปประชุม

“วันนี้ตอนสิบโมง น้ำมนต์มีประชุมกับฝ่ายบุคคลนะคะ” เด็กสาวเอ่ยบอกประธานหนุ่มพร้อมกับ จัดเอกสารรายงานการประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อนเข้าแฟ้มทีละแฟ้มอย่างชำนาญ

“งั้นหนูค่อยส่งแบบร่างแหวนให้ผมช่วงบ่ายก็ได้”

“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำมนต์ทำรายงานเรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวจัดเอกสารรายงานการประชุมนี้เสร็จจะนำมาให้คุณตรวจสอบนะคะ” มนต์ลดาพูดเสียงเรียบพร้อมจัดเอกสารต่าง ๆ ใส่ลงแฟ้มแล้ววางลงบนโต๊ะทำงานของท่านประธานหนุ่มอย่างเบามือ

ราเชนทร์เลื่อนฝ่ามือหนาแตะข้อมือบางอย่างจงใจ พลางขยับตัวเข้าหาผู้ช่วยเลขา ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เขาแต่งตั้งเด็กสาวเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง เธอจะได้อยู่ในระยะสายตาเข้าตลอดเวลา

“เมียใครน้า...ทำงานเก่งจัง” ประธานหนุ่มยกยิ้มมุมปากอย่างภูมิใจ เขาเอ่ยพึมพำเบา ๆ แต่ก็ดังพอที่เด็กสาวจะได้ยินคำชมเหล่านั้น พ่วงแก้มนวลของเธอร้อนผ่าวแดงระเรื่อ หัวใจสั่นระรัวราวกับครั้งแรกที่ได้เจอเขาไม่มีผิด

“นี่คุณลุงอย่าพูดจาแบบนี้ที่ทำงานสิคะ” มนต์ลดาบ่นแฟนหนุ่มลอดไรฟัน ขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไปเพื่อนำงานออกแบบแหวนที่ราเชนทร์มอบหมายให้เธอทำมาส่งให้เขาพิจารณา โดยผลงานที่เด็กสาวนำมาเสนอคือคอนเซ็ปต์ ‘Normal is special ธรรมดาที่แสนพิเศษ’ โดยแสดงเรื่องราวผ่านแหวนแฟชั่น มนต์ลดาเลือกใช้ตัวเรือนสีทองแสดงให้เห็นถึงความมั่นคงของความรู้สึกและความมั่งคั่งรุ่งเรือง เพชรที่ประดับเม็ดเล็กบนตัวเรือนแสดงให้เห็นถึงความรักบริสุทธิ์หนักแน่นไม่แปรผัน อีกทั้งยังตกแต่งด้วยไข่มุกเม็ดเล็กน่ารัก นอกจากนี้ ‘ไข่มุก’ยังเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ด้วยสีอันนุ่มนวลงดงามของอัญมณีจากธรรมชาติ และที่สำคัญไข่มุกยังเป็นอัญมณีธาตุน้ำ จึงเชื่อกันว่าไข่มุกมีพลังช่วยลดไข้หรือโรคที่เกิดจากความร้อนอีกด้วย

“ทำไมหนูถึงออกแบบให้ไข่มุกเอียงอยู่ด้านข้างล่ะ ดูแล้วจะไม่บาลานซ์กันหรือเปล่า หรือหนูมีแนวคิดอะไรที่ยังไม่ได้เขียนลงพรีเซ็นนี้” ราเชนทร์พิจารณางานออกแบบของเด็กสาวแล้วเกิดความสงสัย

“คุณจะว่าน้ำมนต์ไหมคะ…ถ้ารู้ว่าแหวนวงนี้ออกแบบจากความรักของน้ำมนต์” ราเชนทร์อ่านชื่อคอนเซ็ปต์ด้วยเสียงอ่อนโยน ใบหน้าคมเข้มระบายยิ้มอย่างภูมิใจ “Normal is special ธรรมดาที่แสนพิเศษ นี่นะหรือ? มุมมองความรักของหนูที่ถ่ายทอดผ่านชิ้นงาน”

มนต์ลดาคลี่ยิ้มบาง แววตาเปล่งประกายระยับด้วยความรักที่เอ่อล้นในหัวใจ “เพราะน้ำมนต์เชื่อว่าความรักไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว ก็เหมือนกับไข่มุกเม็ดนั้น ถึงมันจะอยู่ในตำแหน่งแตกต่างไปจากเดิม แต่ก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งในแหวนวงเดียวกัน ทำให้ผู้สวมใส่ได้มีลูกเล่นในการเลือกใช้งาน ขยับนิด ปรับหน่อยตามอารมณ์หรือการแต่งกายใน หากอยากให้ไข่มุกเด่นก็เลื่อนไข่มุกมาไว้ตรงกลาง อยากให้เพชรเด่นก็หันไข่มุกออกไป หรือจะใส่เรียบ ๆ ก็ทำได้ง่าย ๆ แค่เพียงพลิกปรับเท่านั้นค่ะ ซึ่งเปรียบเหมือนความรักที่หนูมีให้คุณลุงไงคะ ไม่ว่าหนูจะมองคุณจากมุมไหน ความรักที่หนูมีให้คุณลุงก็มั่นคงไม่มีวันเปลี่ยนไป เราจะค่อย ๆ ปรับจูนเข้าหากันไปเรื่อย ๆ ด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน” มนต์ลดานำเสนอด้วยท่าทางเหนียมอาย ทว่าสายตาที่เธอทอดไปยังท่านประธานตอกย้ำความหนักแน่นจริงจังดังคำที่เธอเอ่ยออกมา

“เกือบจะสิบโมงแล้ว ขอไปเตรียมตัวประชุมกับฝ่ายบุคคลก่อนนะคะ” เด็กสาวค้อมศีรษะแล้วหมุนตัวออกไปยังประตูห้องแต่ต้องชะงักเมื่อราเชนทร์เอ่ยคำหวานจนใบหน้าเธอร้อนผ่าว

“ผมรักหนูมากนะ งานชิ้นนี้จะคลอกเลกชั่นพิเศษเพื่อเป็นสักขีพยานความรักของเรานะครับ”

มนต์ลดาเม้มริมฝีปากแน่นหัวใจเต้นกระหน่ำดังโครมคราม

‘นี่เขากำลังใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัวอยู่หรือเปล่านะ คลอเลกชั่นพิเศษเพื่อเป็นสักขีพยานความรักของเรางั้นหรือ?’

ภายในห้องประชุมเล็กชั้น 3 บรรยากาศเย็นยะเยือก ถึงมนต์ลดาจะเข้ามาห้องประชุมนี้เป็นครั้งที่สี่ แต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดกดดันไม่แตกต่างจากครั้งแรกที่เธอเคยเข้ามา วันนี้เด็กนักศึกษาทั้งหกคน ประกอบด้วยนักศึกษาฝึกงานที่เรียนสายตรงเกี่ยวกับด้านอัญมณีและการออกแบบเครื่องประดับทั้งหมดสี่คน คือ น้ำเหนือ ลอเรซ ลัดดา และมนต์ลดา ส่วนนักศึกษาฝึกงานแผนกบัญชีมีเพียงคนเดียวคือลินรณี ชายหนุ่มคนเดียวในทีม คิมหันต์ที่อยู่ฝ่ายสื่อสารองค์กรและงานประชาสัมพันธ์

พี่ทิพย์มณีเดินเข้ามาเอ่ยทักทายพวกเราไม่นานนัก คุณขวัญฤทัยซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคลของบริษัทก็ตามเข้ามา ใบหน้าสวยที่เปี่ยมด้วยความเย็นชากวาดตามองเด็กนักศึกษาฝึกงานทุกคนราวกับครูฝ่ายปกครองไม่มีผิด

“อย่างที่ทราบกันดีว่าในช่วงสุดท้ายของการฝึกงานจะเป็นในส่วนของการประเมินผลงานในการปฏิบัติงานจริงที่ผ่านมาทั้งหมดตลอดสามเดือนกว่า ว่าน้อง ๆ แต่ละคนจะมีคุณสมบัติครบถ้วน และผ่านการประเมินครั้งนี้หรือไม่ แต่อย่าเพิ่งทำหน้าตกใจกันไปเลย คนที่ประเมินไม่ใช่พี่หรอกนะจ๊ะ แต่จะเป็นหัวหน้างานของน้อง ๆ นั่นล่ะ ที่พี่ขวัญนัดประชุมน้องนักศึกษาฝึกงานในวันนี้ก็เพราะจะแจ้งข่าวสองเรื่องด้วยกัน” ขวัญฤทัยร่ายยาวก่อนจะทิ้งตัวลงบนเก้าอี้แล้วเปิดสไลด์ที่นำมา แล้วส่งต่อหน้าที่ให้กับพี่ทิพย์มณีซึ่งเปรียบเหมือนมือขวาของหล่อน

“สวัสดีจ้าน้อง ๆ เผลอแปบเดียวก็จะจบฝึกงานกันแล้ว เรื่องที่พี่จะประชุมวันนี้มีเพียงสองเรื่องสั้น ๆ รบกวนเวลาพวกน้องไม่นานค่ะ เรื่องแรกเอกสารตรงหน้าของน้องคือเอกสารแบบประเมินความพึงพอใจในการฝึกปฏิบัติงานจริงรบกวนน้อง ๆ กรอกเอกสารตามความเป็นจริงนะคะ ส่วนเรื่องที่สองก็คือผลการประกวดงาน Rachata Jewelry Design Awards ครั้งที่ 13 ที่จะประกาศผลในคืนวันศุกร์นี้ น้องนักศึกษาฝึกงานทุกคนจะได้รับบัตรเข้าร่วมฉลองงานประกาศรางวัลที่โรงแรมเดอฮิลแมนตัล และสิทธิพิเศษสำหรับนักศึกษาที่ร่วมเข้าประกวดหากได้รับรางวัลใดก็ตามในสามรางวัลจะได้บรรจุเข้าทำงานที่บริษัท รัชตะ จิล แอนด์ เจมส์ ทันทีหลังฝึกงานจบ” พี่ทิพย์มณีพูดจบทุกคนต่างตื่นเต้นกับผลประกวดที่จะเกิดขึ้นอีกในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

หลังจากนั้นคุณขวัญฤทัย และพี่ทิพย์มณีได้รวบรวมเอกสารการประเมินออกไปพร้อมกับให้เด็กนักศึกษาช่วยกันเก็บเก้าอี้และปิดเครื่องปรับอากาศก่อนออกจากห้องประชุม

“ลัดดาว่าทีมเราต้องได้ที่หนึ่งแน่ ๆ เพราะเรามีน้ำมนต์เป็นหัวหน้าทีม” ลัดดาพูดขึ้นด้วยเสียงสดใสก่อนจะหยิบขนมชิ้นเล็ก ๆ ที่พกมาด้วยแกะเข้าปากแล้วเคี้ยวจนแก้มป่อง

“เกี่ยวอะไรกับน้ำมนต์กันล่ะ ถ้าจะได้รางวัลเพราะความร่วมมือของพวกเราทั้งหกคนมากกว่า” มนต์ลดายิ้มเจื่อน แม้เธอรู้ดีว่าเพื่อนสนิทพูดทีเล่นทีจริง แต่การที่ลัดดาเอ่ยออกมาแบบนั้น แน่นอนว่าคนอื่นก็ต้องคิดไม่แตกต่างกัน

“ก็น้ำมนต์เป็นเด็กของท่านประธานนี่ใคร ๆ ก็รู้กัน” ลอเรซเอ่ยเห็นด้วย ถึงหัวหน้าทีมของหล่อนจะไม่ค่อยถูกกับพี่เอกหัวหน้าทีมของมนต์ลดา แต่หล่อนก็ไม่เคยคล้อยตามที่หัวหน้าเป่าหู ลอเรซเชื่อมั่นว่าหากมนต์ลดาไม่มีความสามารถจริงคงไม่สามารถผ่านการทดสอบเข้ามาฝึกงานที่บริษัทนี้ รวมถึงเข้าทีมพี่เอกได้แน่นอน

“น้ำมนต์เชื่อว่าท่านประธานมีความยุติธรรมมากพอที่จะไม่ใช้อำนาจในเรื่องส่วนตัวหรอก” มนต์ลดาพูดด้วยเสียงจริงจังเพื่อให้เพื่อนมั่นใจ

“เราก็เชื่อแบบนั้นท่านประธานน่ะ ทั้งเก่ง ทั้งหล่อ ต้องตัดสินอย่างยุติธรรมที่สุดอยู่แล้ว กรรมการไม่ได้มีแค่ท่านประธานคนเดียวสักหน่อย” น้ำเหนือเอ่ยเสียงหวานติดสำเนียงทองแดง พลางสบตามนต์ลดาด้วยสายตาหวานเยิ้ม

“ผู้ชายของเพื่อนนะ น้ำเหนือ” ลินรณีสาวแว่นสุดขรึมส่งสายตาพิฆาตให้เพื่อนสนิทอย่างน้ำเหนือ หลายคนบอกว่าลินรณีกับน้ำเหนือมีบุคลิกที่แตกต่างกันแต่เราทั้งสองคนก็สนิทกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ

“ลินน่ะ อย่าเพิ่งดุน้ำเหนือสิ น้ำมนต์จ๋า…อย่าคิดมากเลยนะเราก็แค่ปลื้มท่านประธานเฉย ๆ” น้ำเหนือเอ่ยเสียงอ่อน ยิ้มเจื่อน พลางเขย่าแขนมนต์ลดาเบา ๆ

ขณะที่คิมหันต์เสยผมวางมาด “คนหล่ออยู่ตรงนี้อีกคน ยังว่างนะครับสาวๆ”

“ถ้าแกว่างมาก เอานี่ รายการอาหารกลางวัน ฉันฝากซื้อข้าวหน่อยแล้วกัน” ลัดดาพูดพร้อมกับยื่นรายการอาหารของทุกคนให้ชายหนุ่มเพียงคนเดียวในกลุ่ม

“อะไรกัน วันนี้เวรลัดดาซื้อข้าวไม่ใช่เหรอ” คิมหันต์บ่นอุบ แต่ก็รับรายการอาหารนั้นมาอย่างว่าง่าย

“ลัดดาไปช่วยเราถือหน่อยสิ” ชายหนุ่มเอ่ยวอนขอเสียงอ่อน

“เรื่องอะไรยะ ไหนแกบอกว่างยังไงกันล่ะ ไปคนเดียวเลยจ้า” ลัดดาพูดเสียงสดใส คลี่ยิ้มกรุ้มกริ่ม

“ไปกับคิมหน่อยสิ เดี๋ยวเลี้ยงชานมไข่มุกแก้วใหญ่เลย” คิมหันต์รู้ดีว่าไม่มีอะไรจะทำให้ลัดดาใจอ่อนได้เท่ากับชานมไข่มุกร้านประจำใต้ตึก แม้เขาจะชอบทะเลาะกับลัดดาเป็นประจำ จนดูเหมือนเราทั้งสองคนไม่ค่อยชอบหน้ากัน ทว่าคิมหันต์กลับใจอ่อนตามใจลัดดาทุกครั้งอย่างที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

“งั้นก็โอเค” ลัดดาตอบรับอย่างว่าง่าย ใบหน้าบูดบึ้งแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มสดใสเมื่อได้คิดถึงชานมไข่มุกหอม ๆ รสชาติหวานถูกใจ บวกกับไข่มุกหนุบหนับ ได้กินเมื่อไรก็รู้สึกสดชื่นกระชุ่มกระชวยทุกครั้ง

“จะว่าไปแล้วก็น่าลุ้นนะ ถ้าได้ที่ 1 เงินรางวัล สามแสนเลยนะ” คิมหันต์เอ่ยพูดขึ้นลอย ๆ ขณะที่ทุกคนกำลังจะเดินออกจากห้องประชุม

“แต่ต้องหารตั้งหกคน เงินราวัลจะเหลือเท่าไรกันเชียว” ลอเรซเอ่ยค้านขึ้นมาด้วยท่าทางหน่ายใจ

“แต่ถ้าเราชนะก็จะได้ประกาศนียบัตรและได้บรรจุงานที่นี่เลยนะ" น้ำเหนือโพล่งขึ้นแต่หล่อนลืมคิดไปว่าท้ายที่สุดไม่ว่าลอเรซจะอยากทำงานที่นี่มากแค่ไหน แต่หล่อนก็จำเป็นต้องไปบริหารธุรกิจของที่บ้านอยู่ดี

"เราขอโทษนะ น้ำเหนือลืมไปว่าลอเรซต้องกลับไปช่วยกิจการที่บ้านนี่น่า แต่ก็ดีนะไม่ต้องมาลุ้นหางานในเมืองเหมือนพวกเรา” น้ำเหนือพูดพร้อมนัยน์ตาเศร้า ลินรณีถอนหายใจยาวเมื่อรู้ว่าน้ำเหนือกำลังแผ่รังสีดราม่าออกมาอีกละรอก หล่อนจึงดึงแขนน้ำเหนือพาออกจากห้องประชุมไปอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเดียวกันพี่ประกายดาวเดินกึ่งวิ่งตรงเข้ามาหามนต์ลดาด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ “น้ำมนต์จ๊ะ ท่านประธานเรียกพบ”

“ขอบคุณค่ะ เดี๋ยวน้ำมนต์รีบตามไปนะคะ”

มือเรียวบางของมนต์ลดาเคาะประตูห้องท่านประธานเบา ๆ ก่อนจะรีบเปิดเข้าไป “คุณราเชนทร์เรียกพบน้ำมนต์มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ” เด็กสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงตระหนกตกใจ

“เดี๋ยวหนูเก็บกระเป๋าแล้วตามผมไปที่รถนะครับ” ราเชนทร์เอ่ยเสียงเรียบ แววตาดูผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด

“ดะ เดี๋ยวก่อนสิคะ ทำไมคุณดูรีบร้อนจังเลยคะ”

“วดีโทรศัพท์มาบอกผมว่า ตอนนี้ได้ตัวคนร้ายที่ขโมยทับทิมสยามได้แล้ว เดี๋ยวเรารีบไปกันดีกว่า ตอนนี้วดีกับณภัทรล่วงหน้าไปก่อนแล้ว”

“เอ๊ะ คุณวดี กับคุณณภัทรหรือคะ แล้วทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน ทำไมพี่วดีถึงไปอยู่กับคุณณภัทรได้คะ”

หลากหลายคำถามพรั่งพรูออกมาจากปากมนต์ลดา คิ้วสวยทั้งสองข้างพันผูกกันจนเป็นปม ราเชนทร์ลุกออกจากโต๊ะทำงานแล้วดึงเด็กสาวเข้ามากอดด้วยความสงบเยือกเย็น “คนเก่งใจเย็น ๆ เดี๋ยวหนูไปถึงก็รู้เอง”

“เราจะไปไหนกันคะ อย่าบอกนะว่า...”

ราเชนทร์คลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อยก่อนจะกระซิบเสียงแผ่วเบา “เดี๋ยวเราจะไปจันทบุรีกันครับ”

“ปกติคุณให้พี่เอกทำธุระแทนครั้งนี้ทำไมไม่ให้พี่เอกไปคะ แล้วพี่วดีกับคุณณภัทรทำไมถึงไปด้วย หรือคุณลุงมีอะไรที่ไม่ได้บอกน้ำมนต์หรือเปล่าคะ”

“เรื่องของวดีกับณภัทรผมก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกัน เดี๋ยวหนูเจอพวกเขาที่นั่นพวกเราค่อยถามดีกว่าไหม”

“แล้วนี่คุณลุงจะขับไปเองเลยหรือคะ”

“พอดีผมลืมของว่าจะกลับไปเอาของสำคัญที่บ้าน และเตรียมเสื้อผ้าก่อนเดี๋ยวจะให้รถตู้บริษัทไปรับที่บ้าน” ราเชนทร์เอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม

“รอบนี้ไม่ขับรถเปิดประทุนไปหรือคะ” เธอคลี่ยิ้มอย่างคนขี้เล่น

ราเชนทร์ดึงเด็กสาวเข้ามาจุมพิตหวานอย่างเร็วๆ ก่อนที่ถูกเธอผละออก “แซวผมเหรอ เดี๋ยวจะโดนนะเด็กดื้อ”

“งั้นเดี๋ยวน้ำมนต์ขอตัวไปเก็บของก่อนนะคะ คุณไปรอที่รถเลยก็ได้”

มนต์ลดากลับไปยังห้องทำงานของเธอพบกับพี่แก้วและพี่ทีมกำลังขะมักเขม้นทำงานและดูเหมือนว่ารุ่นพี่ทั้งสองกำลังเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกเช่นกัน “พวกพี่ไปด้วยใช่ไหมคะ” เด็กสาวเอ่ยถาม

พี่แก้วพูดทั้งที่มือยังจัดเอกสารแยกใส่แฟ้มมือเป็นระวิง “ใช่จ้ะ แต่พวกพี่ต้องเตรียมเอกสารก่อน ท่านประธานเห็นว่าไหน ๆ พวกเราต้องไปทำธุระเรื่องทับทิมสยามที่จันทบุรีอยู่แล้ว จึงนัดเลื่อนนัดการนำเสนองานและเซ็นสัญญาบริษัทหนึ่งแถวระยองในวันพรุ่งนี้ช่วงบ่ายจะได้ไม่เสียเที่ยว งานนี้เป็นโครงการที่ทีมของเราติดต่อเอาไว้ พวกพี่เลยต้องเตรียมข้อมูลทุกอย่างให้รอบคอบก่อนน่ะว่าแต่ท่านประธานจะพาน้ำมนต์กลับเข้าบ้านก่อนใช่ไหม”

“ใช่ค่ะ”

หลังจากนั้นพี่แก้วจึงให้น้องเล็กในทีมทำหน้าที่ในการช่วยถ่วงเวลาให้ทีมงานพิเศษได้ทำรายงาน เอกสาร พรีเซนเทชั่น รวมถึงเตรียมงานต่าง ๆ ให้เรียบร้อยก่อนราวสามชั่วโมง แก้วเสนอไอเดียให้น้องมนต์ลดาชวนเจ้านายของเธอไปร้านโปรดโดยที่เธอโทรจองโต๊ะไปล่วงหน้าเพื่ออำนวยความสะดวกให้น้องแล้ว

“ยังไงเดี๋ยวสักบ่ายสามโมงเจอกันนะ พี่ฝากถ่วงเวลาเจ้านายด้วย”

“รับทราบค่ะ พวกพี่ก็อย่าลืมทานข้าวด้วยนะคะ”

“วันนี้คุณลุงพาน้ำมนต์ทานอาหารดี ๆ ไปแล้ว ที่บอกว่าคืนนี้จะดินเนอร์กัน ไม่ต้องก็ได้นะคะ” เธอเอ่ยขณะช่วยคนรักเลือกเครื่องแต่งกายสำหรับออกทริปด่วนในวันนี้

“จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็เหมือนกินข้าวทั่วไปนั่นล่ะ แต่ผมก็อยากหล่อให้ดูดีที่สุดในสายตาหนู” เขาเดินตรงมายังหน้าตู้เสื้อผ้า กอดแฟนสาวจากด้านหลัง

มนต์ลดาเอี้ยวตัวมาสบตาเขาด้วยใจหวั่นไหว ทั้งที่อยู่ด้วยกันกับเขาทุกวันแต่ความตื่นเต้นที่เกิดกับหัวใจดวงนี้ ยังไม่มีทีท่าจะทุเลาเบาบางลงเลยแม้แต่น้อย “ไม่ว่าคุณจะแต่งตัวยังไง คุณลุงก็ดูดีที่สุดในสายตาหนูอยู่แล้ว”

ราเชนทร์สังเกตเห็นแฟนสาวยืนจดจ่ออยู่หน้าตู้เสื้อผ้าอยู่นานสองนาน “งั้นเลือกโทนสีที่เข้ากับชุดของหนูก็ได้”

หลังจากมนต์ลดาเลือกชุดของเราเสร็จสรรพ เธอจัดการอาบน้ำแต่งตัวและไม่ลืมที่จะโทรศัพท์หาพี่แก้วว่างานทางนั้นเรียบร้อยแล้วหรือยัง รุ่นพี่สาวเอ่ยตอบเสียงใสพลางเอ่ยขอบคุณเป็นการใหญ่โต ตอนนี้ทุกคนกำลังแยกย้ายกลับไปเตรียมตัวที่บ้าน ก่อนจะกลับมารวมตัวที่บริษัทตอนบ่ายสอง หลังจากนั้นรถตู้จะขับตรงเข้ามารับท่านประธานที่บ้านไม่เกินบ่ายสามโมง

เด็กสาวรู้ดีว่าการเดินทางไปต่างจังหวัดครั้งนี้ เป็นการยืนยันความบริสุทธิ์ของเธอเรื่องสร้อยทับทิมสยาม อีกทั้งการไปครั้งนี้ก็เป็นเรื่องงานเซ็นต์สัญญาในบ่ายวันรุ่งขึ้น แต่มนต์ลดาก็อดที่จะตื่นเต้นในการเดินทางไม่ได้ แม้ในช่วงแรกพี่แก้วกับพี่ทีมจะสรุปงาน เปิดพรีเซนเทชั่นให้ท่านประธานได้ตรวจสอบ แต่หลังจากนั้นบรรยากาศในรถครึกครื้นราวกับออกมาเที่ยวก็ไม่ผิด

เธอชอบรอยยิ้มของราเชนทร์ยามที่ไม่ต้องเกร็งหน้าเข้มขรึมอยู่ตลอดเวลาเธอชอบสีหน้าผ่อนคลายของเขาเวลาพูดคุยกับพี่เอกอย่างเป็นกันเองเธอชอบน้ำเสียงของเขาตอนรับมุกกับลูกน้อง เต็มไปด้วยความใกล้ชิดผูกพันเธอชอบแววตาอ่อนโยนที่เขามอบให้กับทุกคนเธอชอบตอนที่เขาแสร้งวางมาดขรึมเมื่อรู้ตัวว่าตนเองกำลังออกอาการเขินใช่แล้ว มนต์ลดาชอบทุกอย่างที่เป็นเขา...

ราเชนทร์ให้คนขับรถขับมายังโรงแรม แกรนด์เดอรีสเตอร์ สถานที่เดียวกับที่เกิดเรื่องสร้อยหายเมื่อปลายเดือนก่อน มนต์ลดาเข้ามาถึงห้องประชุมเล็กที่อัยลดาเปิดเพื่อรวมตัวในการพูดคุย จู่ ๆ เธอรู้สึกใจกระตุกไหวชอบกล

“น้ำมนต์คิดว่าเราจะไปสถานีตำรวจกันซะอีก ทำไมถึงมาที่นี่คะ” คำถามเธอยังไม่ทันได้รับคำตอบ อัยลดาก็เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึมจริงจัง

“สวัสดีค่ะพี่เชน ต้องขอโทษด้วยที่ให้เดินทางมาไกลนะคะ”

อัยลดาพูดด้วยสีหน้าเครียดพลางทิ้งตัวนั่งลงฝั่งตรงข้ามของราเชนทร์ ไม่นานนักรินทร์วดีกับณภัทรเดินตรงเข้ามาทั้งที่ยังจับมือกันแน่น เมื่อเจอสายตาดุดันราวกับราชสิงห์ของราเชนทร์ ทั้งคู่ก็รีบปล่อยมือออกจากกัน พร้อมส่งยิ้มเจื่อนสนิท “สวัสดีค่ะพี่เชน น้องน้ำมนต์ และทุก ๆ คน ตายจริง...นี่วดีมาคนสุดท้ายเลยหรือคะ” รินทร์วดีเอ่ยเสียงอ่อน ยกยิ้มบาง ก่อนจะเลือกนั่งข้างมนต์ลดา

“นี่นาย ไปนั่งข้างไอรินเลยไป” ราเชนทร์เอ่ยเสียงแข็งพลางส่งสายตาไปยังที่ว่างข้างอัยลดา

“ภัทรมานั่งตรงนี้มา พี่ชายเขาหวงน้องสาวแกก็ลำบากหน่อยนะ” อัยลดาแซวเพื่อนสนิทอย่างขบขัน

เมื่อทุกคนรวมตัวกันครบแล้วอัยลดาจึงเริ่มชี้แจงจุดประสงค์ที่เรียกทุกคนมาในวันนี้ “ก่อนอื่นต้องขอบคุณทุกคนที่สละเวลามาในวันนี้ค่ะ ไอรินเข้าเรื่องเลยนะคะ เรื่องสร้อยทับทิมสยามในงานประมูลของสมาคม เมื่อปลายเดือนก่อนที่หายไป คุณณภัทรกับไอรินได้พูดคุยและช่วยกันย้อนดูกล้องวงจรปิด สังเกตพฤติกรรมคนรอบตัวอย่างเงียบ ๆ สรุปคนที่ขโมยสร้อยทับทิมสยามไปก็คือผู้จัดการห้องจัดเลี้ยงของทางโรงแรมไอรินเองค่ะ ไอรินต้องขอโทษพี่เชน และน้องน้ำมนต์ด้วยที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ซึ่งโรงแรมนี้เป็นธุรกิจของทางบ้านไอริน ส่วนสร้อยทับทิมสยามณภัทรเป็นคนพบค่ะ ยังไงเดี๋ยวให้ณภัทรเป็นคนชี้แจงเรื่องนี้แล้วกันนะคะ”

“สวัสดีทุกคนอีกครั้งนะครับ อันที่จริงแล้วเราก็คนกันเองเนอะไม่ต้องพูดกันเครียดขนาดนี้ก็ได้มั้ง” ณภัทรระบายยิ้มอ่อนโยนเหมือนที่เคยเป็นมาตลอด เขาสบตากับรินทร์วดีจากนั้นหล่อนจึงหยิบกล่องกำมะหยี่สีดำส่งให้กับมนต์ลดา ก่อนจะหันกลับไปสบสายตาหวานพลางยิ้มให้เขาอย่างเหนียมอาย

“นี่คือสร้อยทับทิมสยามที่หายไปครับ พอดีหลังจากที่เกิดเรื่องผมยังอยู่เที่ยวที่นี่ต่ออีกสามวัน ระหว่างนั้นรู้ข่าวคราวเรื่องที่คุณราเชนทร์ทำร้ายจิตใจน้องน้ำมนต์ผมก็เลย...” เมื่อณภัทรย้อนนึกถึงเหตุการณ์น่าสะเทือนใจในคืนนั้นก็อดจะใส่อารมณ์ลงในน้ำเสียงไม่ได้ ทว่ารินทร์วดีส่งสายตาอำมหิต หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน กระแอมเสียงดัง จึงทำให้ณภัทรยิ้มเจื่อนเมื่อรู้ตัวว่าเขาพูดมากเกินไปเสียแล้ว

“เออ เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ”

“มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นไหมล่ะ” อัยลดาแขวะเสียงแหลม

“ผมมีเพื่อนที่รู้แหล่งที่รับซื้อของแปลกของหายาก จึงให้เพื่อนช่วยกันเป็นหูเป็นตาหากเจอทับทิมสยามเส้นนี้ให้รีบติดต่อได้เลย แต่ก็รออยู่สองสัปดาห์กว่าจึงได้ข่าวคราว และเมื่อสืบไปสืบมาได้ความว่าผู้ที่นำมาขายทอดตลาดนั้นเป็นพนักงานของโรงแรมนี้ ผมจึงติดต่อกับไอรินครับ” ณภัทรเล่าพร้อมกับสบตาเพื่อนสาวอย่างลำบากใจ ชายหนุ่มรู้จักนิสัยอัยลดาดีว่าหล่อนเป็นคนที่จริงจังกับการทำงาน แม้หล่อนจะชอบกินดื่ม ปาร์ตี้ แต่ในบทบาทการทำงานอัยลดาก็เป็นเจ้านายที่ดีทำงานได้อย่างเรียบร้อยไม่มีขาดตกบกพร่อง

“ตอนนี้ผู้จัดการคนนั้นยังไม่รู้ตัวว่าพวกเรารู้เรื่องนี้แล้ว เบื้องต้นยังไงก็ต้องให้พ้นสภาวะพนักงานแต่เรื่องของการดำเนินคดีก็จะมาปรึกษากับพี่เชนว่าจะให้ดำเนินยังไงต่อดีคะ พี่เชนจะเรียกร้องค่าเสียหายกับทางโรงแรมของเรา ไอรินก็ยินดี เพราะถือว่าเรื่องนี้ก็เป็นความบกพร่องของทางโรงแรมเองด้วย” อัยลดาเอ่ยด้วยสีหน้าหนักใจ

ถึงคืนนั้นราเชนทร์จะแสดงออกอย่างชัดเจน อย่างไรความสัมพันธ์ของเราก็ไม่มีทางจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก แต่อัยลดาก็ไม่อยากให้มนต์ลดาต้องกลายเป็นสนามอารมณ์ของใครเพียงเพราะคำพูดให้ร้ายของเธอ ถึงอัยลดาไม่เคยปริปากพูดว่าที่ผ่านมารู้สึกผิดมากแค่ไหน แต่หลังจากเหตุการณ์นั้น เธอพยายามสืบหาสร้อยทับทิมสยามอยู่ตลอด อย่างน้อยเธอก็รับรู้ได้ว่าราเชนทร์รักเด็กสาวคนนี้มากแค่ไหน นี่อาจเป็นเรื่องสุดท้ายที่อัยลดาจะทำให้อดีตคนรักได้เพื่อแทนคำขอโทษ

“ยังไงของก็เจอแล้ว ไอรินจัดการกับพนักงานของไปได้เลย ส่วนทางโรงแรมผมไม่เอาเรื่องหรอก แต่หากต้องให้ปากคำอะไรกับตำรวจเพิ่มเติมผมว่างถึงแค่ช่วงเที่ยงของวันพรุ่ง ผมจะทำหนังสือมอบอำนาจให้คุณเอกรินทร์จัดการทุกอย่างแทนได้ ยังไงประสานงานต่อกับคุณเอกรินทร์ได้เลยนะ ส่วนเรื่องนี้ไอรินไม่ต้องคิดมาก ยังไงเราก็เป็นคนกันเอง” ราเชนทร์เอ่ยตอบรับด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

ประธานหนุ่มยังไม่ลืมที่จะเอ่ยขอบคุณณภัทร ถึงที่ผ่านมาจะไม่ค่อยลงรอยกัน แต่เขาต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าชายหนุ่มคนนี้ก็เป็นคนที่นิสัยดีคนหนึ่ง “ขอบคุณ คุณณภัทรมากนะครับที่เป็นธุระและช่วยเหลือในครั้งนี้”

“อันที่จริงผมทำเพราะไม่อยากให้น้องน้ำมนต์ต้องถูกคุณกดขี่ต่างหากล่ะ” ณภัทรตอบด้วยท่าทางสบาย ยักคิ้วอย่างยียวน พร้อมกระตุกยิ้มกวนประสาท

“นี่คุณ...” ราเชนทร์เค้นเสียงเข้ม

“แต่พอได้รู้จักคุณผ่านน้องวดีก็ทำให้ผมมองคุณเปลี่ยนไป” ณภัทรเสริมเสียงอ่อนพลางสบตารินทร์วดีแววตาพราวระยับ

“คุณไปซื้อสร้อยคืนมาเท่าไร เดี๋ยวผมจ่ายคืนให้คุณเอง” ราเชนท์เอ่ยเพื่อเรียกสติชายหนุ่มคลั่งรักให้เลิกส่งตาหวานหาน้องสาวของเขา

“เรื่องเงินจริง ๆ ไม่กี่บาทหรอกครับ”

ราเชนทร์จิ๊ปากอย่างคนหัวเสีย เขาเข้าใกล้นายคนนี้ทีไรมาดเข้มขรึมที่วางเอาไว้พังลงกลายเป็นตาลุงหัวร้อนขึ้นมาทุกที “เท่าไรก็บอกมาสิ ผมไม่อยากติดหนี้บุญคุณใคร”

ณภัทรคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ “เปลี่ยนจากคืนเงินเป็นไฟเขียวให้ผมกับน้องวดีแทนได้ไหมครับ”

ประธานหนุ่มหัวเสียเกิดการควบคุม เขาหันไปถามเสียงดุกับน้องสาว

“เรื่องไอ้หน้าอ่อนนี้มันยังไง หึ วดี”

“พี่ภัทรก็ทำเป็นเล่นอยู่เรื่อยเลย” รินทร์วดีเอ่ยห้ามเสียงเข้ม หล่อนรู้แก่ใจดีว่าพี่ชายเป็นคนที่หวงน้องสาวยิ่งกว่าแม่งูจงอางหวงไข่ อาจเพราะเหตุผลนี้ทำให้เธอไม่มีแฟนอย่างใครเขาสักที

“ยัยวดีเรามีเรื่องต้องคุยกัน” ราเชนทร์จ้องสายตาดุดัน เอ่ยเสียงเบาลอดไรฟัน ทว่ามนต์ลดาพยายามเบนความสนใจไปยังสร้อยทับทิมสยามทีเพิ่งกลับคืนมา “คุณลองตรวจสร้อยทับทิมสยามก่อนไหมคะ ว่าสภาพยังอยู่ดีไหม”

“ใช่ ๆ นั่นสิ” ณภัทรรีบเห็นด้วยแต่ไม่วายที่ราเชนทร์จะเหลือบตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างคาดโทษ

“คุณไม่ต้องเลยนะ คราวก่อนก็จีบน้ำมนต์ ครั้งนี้ก็อยากให้ผมไฟเขียวจีบวดี ฝันไปเถอะ” ราเชนทร์พูดเสียงเข้ม แววตาคุกรุ่น

“อย่าเพิ่งเกรี้ยวกราดใส่น้องเขยสิครับ”

“นี่ไอ้หน้าอ่อน ใครรับนายเป็นน้องเขยกัน”

ขณะที่ชายหนุ่มทั้งสองคนกำลังถกเถียงกันราวกับเด็ก ๆ เลขาอัยลดาเดินเข้ามาพร้อมกับคีย์การ์ด หล่อนยื่นมันให้เจ้านายก่อนจะกลับออกไป

“ยังไงเดี๋ยวไอรินขอตัวก่อนนะคะ ส่วนเรื่องแจ้งความเดี๋ยวพี่เชนสะดวกแล้วตามไอรินมานะคะ วันนี้ทุกคนพักที่นี่กันก่อน คืนนี้จะมีดินเนอร์พิเศษสำหรับทุกคนด้วยค่ะ นี่เป็นคีย์การ์ดสำหรับทุกคนค่ะ” อัยลดาพูดเสียงเหนื่อยอ่อนพร้อมกับแจกจ่ายคีย์การ์ดให้ทุกคนโดยมีเอกรินทร์เป็นคนช่วยเหลือ

“น้องน้ำมนต์คืนนี้นอนกับพี่นะ” รินทร์วดีเอ่ยเสียงใส

“ได้ยังไง หนูไม่นอนกับผมหรือครับ” ราเชนทร์กระซิบเสียงเบาแต่ก็ยังดังพอที่ทุกคนในห้องจะได้ยิน

“ถ้าน้องน้ำมนต์ไม่นอนกับวดีแล้วจะให้วดีนอนคนเดียวหรือคะพี่เชน” รินทร์วดีกระเง้ากระงอด ใบหน้าสวยเริ่มบึ้งตึง หล่อนรู้ดีว่าพี่ชายรักเด็กสาวมากแค่ไหน แต่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งความฝันของรินทร์วดีที่อยากมานอนค้างต่างจังหวัดกับน้องสาว แม้ว่ามนต์ลดาจะเข้ามาอยู่กับหล่อนที่บ้านเกือบเดือน แต่ก็ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่คนเห่อน้องสาวอย่างรินทร์วดีอยากใช้เวลาร่วมกับน้องน้ำมนต์

“น้องวดีพักกับผมไหมครับคืนนี้” ณภัทรเอ่ยเสียงแผ่วเบา สายตาเปล่งประกายระยับ ริมฝีปากได้รูปหยักยิ้มอย่างคนมีแผน ทุกการแสดงออกก็ไม่พ้นสายตาของประธานหนุ่มไปได้

“ไม่ได้” ราเชนทร์รีบสวนทันควัน

“เอ้า ทีคุณยังอยากพักห้องเดียวกับแฟนเลย ผมก็...” ณภัทรยิ้มกรุ้มกริ่ม ปกติเขาไม่ใช่คนขี้แกล้งขนาดนี้ เพียงแต่เจอกับราเชนทร์ชายหนุ่มมาดนิ่งที่มักวางตัวขรึมอยู่ตลอดกลับสติแตกกระเจิงเพราะขี้หวง จึงทำให้ณภัทรชอบยั่วประสาทราเชนทร์อยู่เป็นประจำ

“บอกว่าไม่ได้ไง ไม่เข้าใจเหรอ?” ราเชนทร์ลุกขึ้นยืน จ้องณภัทรตาเขม็ง

“เอาแบบนี้ดีกว่าค่ะ เดี๋ยวคืนนี้น้ำมนต์นอนกับพี่วดีนะคะ”

ราเชนทร์จำใจต้องพยักหน้ารับอย่างหงุดหงิด

“งั้นเดี๋ยวเราแยกย้ายไปห้องพักกันก่อนดีกว่าครับ” เอกรินทร์เอ่ยอย่างอ่อนใจ

“แล้วพี่แก้วพักกับใครคะ” เด็กสาวหันไปถามรุ่นพี่สาวด้วยความเป็นห่วง

“แก้วขออนุญาตกลับไปพักที่บ้านได้ไหมคะ บ้านแก้วไม่ไกลเดี๋ยวให้หลานขับรถมารับ” แก้วเดินขออนุญาตประธานหนุ่ม

“คุณแก้วไปอาบน้ำแต่งตัวห้องวดีก่อนเถอะค่ะ หลาย ๆ คนสนุกดี”

“แบบนั้นก็ได้ค่ะ รบกวนคุณวดีด้วยนะคะ”

เมื่อการตกลงจัดแบ่งห้องพักลงตัวทุกคนต่างแยกย้ายกันไปเพื่อเตรียมตัวสำหรับงานดินเนอร์ในค่ำคืนนี้ สิ่งแรกที่มนต์ลดาอยากรู้มากที่สุดคงหนีไม่พ้นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพี่รินทร์วดีกับคุณณภัทร ไม่ว่าเด็กสาวพยายามกระเซ้าถามอย่างไรพี่สาวคนสวยยังคงใจแข็งไม่เล่าให้เธอฟัง เพียงแต่บอกว่าหากไม่ใช่เพราะเธอก็คงไม่ได้รู้จักกับคุณณภัทร ยิ่งรินทร์วดีเปรยเช่นนั้นก็ยิ่งทำให้ต่อมความอยากรู้ทำงานหนักมากขึ้นอีกหลายเท่า

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ