ดวงตะวันนอกหน้าต่างสาดลำแสงกระทบเกลียวคลื่นทะเลส่องเป็นประกายระยิบระยับราวกับอัญมณีในท้องสมุทร เรือนกายเนียนนุ่มขยับร่างเล็กเข้ามายังอ้อมอกอุ่น ราเชนทร์หลุบตามองมนต์ลดาด้วยความหลงใหล วงแขนแกร่งกระชับกายสาวเข้ามาไว้แนบอก เส้นผมยาวสลวยคลี่สยายเต็มแผ่นหลังเปลือยเปล่าจนเขาอดไม่ได้ที่จะกดริมฝีปากหยักลงแก้มเนียนอย่างอ่อนโยน ในขณะที่เด็กสาวยังนอนหลับตาพริ้มอย่างน่าเอ็นดู
“คุณลุงขา ตื่นแล้วเหรอคะ” น้ำเสียงงัวเงียของเธอผลักให้ริมฝีปากหยักหนายกขึ้นเป็นรอยยิ้มผ่อนคลาย ตั้งแต่ราเชนทร์ได้รู้จักมนต์ลดา กระทั่งเขาได้มีเธออยู่แนบกาย มนต์ลดาก็เหมือนส่วนหนึ่งในชีวิตที่เขาให้ความสำคัญ ทำให้เขาอยากรีบมาทำงานเพื่อจะได้พบกับความน่ารักของเธอ
“วันนี้หนูอยากไปไหนไหม?” เสียงนุ่มทุ้มกระซิบพร้อมพ่นลมหายใจร้อนอย่างเอาใจ พลางใช้ปลายจมูกคลอเคลียซอกคอขาวอย่างยั่วเย้า สายตาที่หวานเยิ้มของราเชนทร์บ่งบอกถึงความปรารถนาเบื้องลึกในใจผสานกับลมหายใจอุ่นที่เขาตั้งใจให้กระทบผิวนุ่มชวนรัญจวนใจ มนต์ลดาเคลิ้มตามที่เขาหมายมาด เธอเม้มปากแน่นเมื่อมือหนาลูบไล้แผ่นหลังเนียน เด็กสาวปล่อยใจไปกับสัมผัสชวนวาบหวิว ภาพคืนเร่าร้อนที่เราผสานเป็นหนึ่งเดียวกันวนซ้ำในห้วงความคิด ส่งผลให้แก้มเนียนใสของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาจนแดงระเรื่อ ดวงหน้าหวานหลุบตาหนีซบหน้าเข้าอกแกร่งเมื่อเธอรู้ตัวว่าเผลอคิดเรื่องทะลึ่งเสียได้
‘นี่ฉันเป็นคนทะลึ่งไปตั้งแต่เมื่อไรกัน แต่รสรักที่เขาปรนเปรอให้เมื่อคืนทำให้ฉันต้องยอมรับว่าดูเขาผิดไปจริงๆ’
ชายหนุ่มหลุบตามองเรือนกายเปล่าเปลือยอันงดงามที่มีเพียงผ้าห่มคลุมเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ ก่อนที่เขาจะพรมจูบที่หัวไหล่มนอย่างหวงแหน
“ไม่อยากไปไหนเลยค่ะ อยากให้คุณลุงกอดหนูแบบนี้ทั้งวันเลย” มนต์ลดาเอ่ยเสียงออดอ้อน ดวงหน้าหวานซบแผ่นอกกว้าง เรียวนิ้วเกลี่ยปลายคางคนแก่กว่าราวกับเป็นลูกแมวตัวน้อยๆ มืออีกข้างลูบไล้ไปทั่วอกกว้างก่อนจะเลื่อนลงมาที่ลอนซิกซ์แพ็กแน่น
“หนูรู้ตัวไหมว่าพูดแบบนี้จะโดนอะไร” ราเชนทร์กระตุกยิ้มร้ายแววตาราวกับหมาป่าที่พร้อมจะขย้ำกระต่ายน้อยให้แหลกคาเตียง
ราเชนทร์ยังไม่ทันปล่อยให้กระต่ายขี้ยั่วมือซุกซนได้เอ่ยตอบ เขาช่วงชิงจังหวะที่เธอเผลอฉวยโอกาสพลิกตัวขึ้นคร่อมเหนือเรือนกายก่อนจะกระตุกยิ้มร้าย แววตาฉายแววความหื่นกระหายที่ไม่ปิดบัง
“พอแล้ว....คุณลุงรังแกน้ำมนต์ทั้งคืนเลย ขอนอนต่ออีกหน่อยนะคะ”
เสียงอ้อนพร้อมกับเรียวแขนที่โอบรอบคอโน้มเขาเข้ามารับจุมพิตหวาน ก่อนที่เด็กสาวจะหอมแก้มซ้ายขวาเสียงดังฟอดอย่างน่ารัก ยิ่งมนต์ลดารู้จุดอ่อนของราเชนทร์ว่าเขาแพ้ความอ่อนหวานขี้อ้อนเช่นนี้ เธอยิ่งแสดงด้านอ่อนโยนให้เขาเห็นจึงทำให้คุณลุงท่านประธานติดบ่วงรักเข้าเต็มหัวใจ
“หนูก็รู้ว่าผมแพ้สายตาอ้อนๆ แบบนี้”
ราเชนทร์แย้มยิ้มอย่างคนยกธงขาว ในเมื่อมนต์ลดาเสียงอ่อนทำตัวน่ารักถึงเพียงนี้แม้เขาอยากจะกลืนกินเธออีกหลายต่อหลายครั้ง เขาก็ทำได้แค่ยอมทุกอย่างตามที่เธอขอ ชายหนุ่มกดจูบแรง ๆ อย่างเสียดายก่อนจะดึงมนต์ลดาเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วหอมกลางกระหม่อมอย่างเอ็นดู ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันเรื่องดีไซน์ใหม่ที่จะจัดประกวดในงานสมาคมอัญมณีฯ ราเชนทร์ก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้คุณรัมภาจะส่งตัวอย่างไพลินที่ลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทออเดอร์ให้ตอนเก้าโมง ท่านประธานหนุ่มเหลือบสายตาไปยังนาฬิกาที่มุมห้องตอนนี้เวลาแปดโมงกว่าแล้ว เขาจึงหันไปหอมแก้มแฟนสาวทีหนึ่งก่อนจะพลิกตัวไปทางโต๊ะข้างหัวเตียงหวังเพียงรีบเคลียร์งานให้แล้วเสร็จแล้วจะได้ใช้เวลาทั้งหมดเพื่อสร้างช่วงเวลาดี ๆ กับแฟนสาวป้ายแดง
“คุณจะไปไหนคะ” เสียงหวานเจือความออดอ้อนทำให้ราเชนทร์แทบอยากจะทิ้งงานทุกอย่างแล้วกกกอดเธอทั้งวัน แต่ต้องยอมรับว่าแม้เรื่องของมนต์ลดาจะสำคัญแค่ไหนแต่งานที่รออยู่ก็สำคัญไม่แพ้กัน สู้รีบจัดการงานที่กวนใจเสียให้เรียบร้อย
ที่ผ่านมานิสัยบ้างานของราเชนทร์กลับทำให้ผู้หญิงที่เคยคบหาถอยห่างไปเพราะบางครั้งเขาเลือกงานก่อนหัวใจ ครั้งนี้ท่านประธานหนุ่มอยากลองใจเด็กสาวหากรู้ว่าเขาบ้างานถึงเพียงนี้ เธอจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกับเขา ไม่ใช่เพราะอยากกลั่นแกล้งหนูมนต์ลดา แท้จริงราเชนทร์ก็มีความกังวลเจือในใจอยู่ไม่น้อย แต่เขามีมุมมองเรื่องความสัมพันธ์ที่ว่า ในช่วงเริ่มคบหรือที่คนทั่วไปเรียกว่าช่วงโปรโมชันราเชนทร์จะแสดงให้หญิงสาวที่กำลังคบหาดูใจรู้ไปเลยว่าเขาเป็นคนอย่างไร เพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทเริ่มจีบหมั่นเอาอกเอาใจแต่นานวันไปทอดทิ้งให้แฟนต้องนั่งรอเพียงลำพัง หากมีปัญหาเขาจะได้ปรับความเข้าใจให้ตรงกันเสียตอนนี้เลย
“ว่าจะไปหยิบไอแพดมาเช็กงานสักหน่อย” เขาเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม แววตาเจือความกังวลเนื่องจากที่ผ่านมาหญิงสาวส่วนใหญ่มักไม่พอใจที่เขาทิ้งให้ต้องรอในช่วงแรกบางคนเหมือนจะเข้าใจแต่ท้ายที่สุดก็ต่อว่าบอกว่าเขาไม่สนใจ
“งานด่วนหรือคะ คุณไปทำงานก่อนก็ได้น ถ้ามีอะไรที่หนูช่วยได้ก็บอกนะคะ” มนต์ลดาคลี่ยิ้มหวานก่อนจะดึงผ้านวมขึ้นมาห่มหวังจะพักสายตาอีกสักครู่หนึ่ง
ราเชนทร์ขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่เชื่อหูตัวเองนอกจากประโยคที่มนต์ลดาบอกว่าจะช่วยงานแล้ว เธอยังพูดด้วยท่าทางสบาย ๆ แล้วพลิกตัวไปอีกฝั่งนอนชมวิวทะเลพลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดโปรแกรมแชตโดยที่ไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
ถ้ามนต์ลดาเข้าใจและไม่กังวลก็น่าจะเป็นเรื่องดีสำหรับความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่หรือ!? แต่เพราะอะไรหัวใจของราเชนทร์กลับว้าวุ่นใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...นี่คงเป็นครั้งแรกที่ราเชนทร์อยากรีบเคลียร์ทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียเดี๋ยวนี้ ยิ่งเด็กสาวทำท่าทีไม่ยี่หระ หนำซ้ำยังเปิดแชตพิมพ์คุยกับใครบางคนอย่างสบายใจ หรือจะคุยกับณภัทร เด็กสาวเคยเล่าให้เขาฟังว่านายณภัทรส่งข้อความมาทักทายเธอเช้า สาย บ่าย เย็น แม้แต่ก่อนนอนยังไม่วายจะแวะมาบอกฝันดีแทบทุกคืน ราเชนทร์ยิ่งคิดสมาธิในการทำงานยิ่งแตกกระเจิง ความกระวนกระวายใจผสมกับความหึงหวงก่อตัวขึ้นอย่างที่เขาก็ไม่อาจควบคุม ส่งผลให้ต้องขอตัวลุกออกไปสะสางงานที่ห้องรับแขก ถ้ายังเห็นหน้าแฟนสาวอยู่แบบนี้เขาก็ไม่อาจมีสมาธิได้แน่
มนต์ลดาเปิดโทรศัพท์เพื่อเช็กข้อความต่างๆ ตั้งแต่เมื่อคืนเธอยังไม่ได้แตะโทรศัพท์ข้อความจากกลุ่มเพื่อนนักศึกษาฝึกงาน ข้อความทวงเงินจากพ่อ และข้อความหวีดคุณลุงท่านประธานจากลัดดารูมเมตคนสนิทของเธอ หากหล่อนรู้ว่าเธอกับคุณราเชนทร์คบกันลัดดาต้องกรี๊ดลั่นหอแน่ๆ มนต์ลดาพิมพ์คุยข้อความกับเพื่อนสาวคนสนิทพลางยิ้มกริ่ม ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงข้างหมอนเพื่อข่มตาพักผ่อน วันนี้ช่วงค่ำมีงานสำคัญที่เธอต้องไปออกงานกับคุณราเชนทร์ในฐานะเลขาจำเป็น ไหนๆ คุณราเชนทร์ก็มีงานด่วนที่ต้องเคลียร์ มนต์ลดาจึงตั้งใจว่าจะพักผ่อนต่ออีกสักหน่อยเพราะความดุเดือดของเขาทำให้เธอแทบไม่ได้นอน
เธอรู้สึกเพลียจากกิจกรรมเข้าจังหวะสุดเร่าร้อนที่คุณลุงท่านประธานพร่ำสอนให้อย่างจัดหนักจัดเต็ม เริ่มจากโซฟาด้านหน้าประตูก่อนจะอุ้มไปยังเตียงทั้งที่เรายังเชื่อมต่อกันอยู่ ยิ่งเขาก้าวขาเท่าไรความเสียวซ่านก็ยิ่งเพิ่มทวีคูณ รอบแรกผ่านไปด้วยความนุ่มนวลทว่าเผ็ดร้อนจนเธอสร่างเมา แต่ที่ไหนได้ เขากลับบอกว่านี่เป็นแค่น้ำจิ้มของจริงมันคือหลังจากนั้น คุณลุงท่านประธานไม่ปล่อยให้เธอนอนหลับสบายอย่างที่เขาได้บอกไว้ในคราวแรก หนำซ้ำเขายังละโมบพูดแต่ ‘ตรงนี้ของผม’ สัมผัสวาบหวิว เรียวลิ้นหยาบที่กลืนกินหยาดน้ำหวานซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ความเอาแต่ใจของเขาทำเอาเธออ่อนระทวยแทนที่เขาจะเห็นใจ เขากลับผลักให้เธอนอนราบพร้อมยกเรียวขาพาดบ่าแกร่งนอนรับความเสียวซ่านจนเสียงแหบแห้ง กระทั่งผล็อยหลับไปตอนไหนก็จำไม่ได้
มนต์ลดาพยายามข่มตานอนแต่ยิ่งหลับตาภาพความเร่าร้อนของเขาก็ยิ่งฉายชัดในความคิดมากขึ้นจนเธอไม่อาจข่มใจให้พักผ่อนได้ตามที่ตั้งใจ เธอลุกขึ้นพร้อมกับใส่ชุดคลุมอาบน้ำเดินตรงไปหยิบชุดเดรสที่ตู้เสื้อผ้า ประจวบเหมาะกับคุณราเชนทร์เดินเข้ามาหาเธอในห้องพอดี เธอจึงถูกแฟนหนุ่มใหญ่ป้ายแดงดึงร่างบางมาสวมกอด แววตาจับจ้องราวกับเธอทำผิด
“ทำไมไม่นอนพักล่ะครับ”
“น้ำมนต์ว่าจะไปเดินเล่นริมชายหาดค่ะ คุณทำงานไปก่อนก็ได้”
“หนูไม่รอไปเดินเล่นกับผมเหรอ?” เขาไม่พูดเปล่าแต่ปลายจมูกโด่งพยายามคลอเคลียซอกคอขาว มือหนาเลื่อนแทรกเข้าไปในสาบเสื้อคลุมปลายนิ้วเขี่ยตวัดจนทรวงอกอิ่มชูชันเป็นไตพร้อมกับแก้มแดงระเรื่อของมนต์ลดา
“คุณทำงานก่อนเถอะค่ะ น้ำมนต์ขออาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวว่าจะไปถ่ายรีวิวชุดสักหน่อย” มนต์ลดาพูดพลางเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบชุดเดรสสีชมพูหวานที่เธอพูดถึงให้ราเชนทร์ดู
“ครับ งั้นเดี๋ยวผมรีบตามไปเดินเล่นด้วยนะเด็กดี” เขาพูดพร้อมกับโน้มหน้าลงมากดจูบที่เนินอกอิ่มอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ ก่อนจะเดินออกไปด้วยใบหน้าแย้มยิ้มผิดกับตอนแรกที่เข้ามา
มนต์ลดาอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดเดรสผ้าชีฟองพิมพ์ลายดอกไม้ที่ทางแบรนด์ส่งมาให้ซึ่งเข้ากับบรรยากาศริมทะเลที่สุด แม้เธอจะไม่ชอบสีชมพูหวานๆ เช่นนี้ แต่เมื่อเป็นชุดที่ทางสปอนเซอร์ส่งมาให้มนต์ลดาก็ต้องพรีเซนต์ออกมาให้ดีที่สุด เนื่องจากชุดเป็นสายเดี่ยวทำให้เผยช่วงคอ เนินอกอิ่ม และแผ่นหลังกว้าง รอยรักสีกุหลาบที่เขาฝากไว้ทำให้เธอต้องใช้คอนซิลเลอร์เพื่อกลบรอยให้เนียน
‘คุณลุงนี่นะ ทำไมต้องทำรอยเยอะขนาดนี้ด้วยคืนนี้ต้องออกงานเลี้ยงแล้วทีนี้จะเก็บรอยได้เนียนไหมเนี่ย พวกพี่แก้วจะเห็นหรือเปล่า’
ระหว่างที่เธอกลบรอยที่คุณลุงท่านประธานทำไว้เพื่อแสดงความเป็นเจ้าของโดยเลือกใช้พัฟกดแป้งสีเนื้อเฉดที่ใกล้เคียงผิวลงบนซอกคอ เนินอกอีกครั้งเป็นอันเรียบร้อย พร้อมกับจรดแปรงแต่งหน้าแตะอายแชโดว์คอลเลกชันใหม่ที่คุณราเชนทร์ซื้อให้เมื่อหลายวันก่อนด้วยหัวใจพองโต ตั้งแต่ที่มนต์ลดาได้รู้จักราเชนทร์จวบจนวันนี้ชีวิตของเธอก็เปลี่ยนไปทีละน้อย
จนมารู้ตัวอีกทีก็มีแต่เรื่องของเขาที่วนเวียนอยู่ในสมอง
มีแต่เขาที่อยู่ในระยะสายตาตลอด
และก็มีแต่เขานั่นละที่คอยปั่นป่วนหัวใจเธอเรื่อยมา...
“คนสวยของผมแต่งตัวเสร็จแล้วยังครับ”
“ไหนคุณบอกว่ามีงานด่วนไงคะ” เสียงใสเอ่ย มนต์ลดาจำได้ว่าเขาบอกต้องรีบเคลียร์งานสำคัญแต่ท่าทีของเขาไม่เหมือนคนงานยุ่งเลย
“เป็นไงครับ ผมเป็นแฟนที่ดีไหมล่ะ”
“คุณไปทำงานก่อนก็ได้ น้ำมนต์ไปเองได้ค่ะ แค่นี้สบายมาก” เธอยคลี่ยิ้มราวดอกไม้แรกแย้ม นั่นหมายถึงเธอคิดเช่นคำที่เอ่ยออกมาจริงๆ แววตาไม่มีความกระเง้ากระงอดที่ท่านประธานหนุ่มให้ความสำคัญเธอน้อยไปกว่าเรื่องงาน
สำหรับมนต์ลดาแล้ว เธอรู้แจ้งแก่ใจดีว่าเขาเป็นคนที่รักการทำงานมากแค่ไหน หลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาบ้างาน แต่เมื่อมนต์ลดาได้สัมผัสกับเขาแม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่เดือน แท้จริงแล้วสิ่งที่คุณราเชนทร์ทำก็เพื่อทุกคนทั้งธุรกิจที่เป็นของตระกูลซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของคุณตารวมถึงพนักงานอีกหลายพันชีวิต ที่บริษัทในเครือเกริกก้องรัชตะรุ่งเรืองมาได้เช่นทุกวันนี้ ไม่ใช่บริษัทก่อร่างสร้างตัวมาตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณตา หากแต่เป็นความมุมานะของหลานชายคนโตที่พยายามผลักดันทุกธุรกิจและจัดสรรให้เหมาะสมกระทั่งทำผลประกอบการได้อย่างมหาศาล
สิ่งที่มนต์ลดาชื่นชอบในนโยบายของคุณราเชนทร์ก็คือ การตอบแทนสังคม เป็นที่รู้กันว่าในเครือเกริกก้องรัชตะมีมูลนิธิสำหรับช่วยเหลือสังคมไม่ว่าจะเป็นทุนการศึกษาของเด็กยากไร้ โครงการกองทุนสนับสนุนผู้มีรายได้น้อยในการสร้างงานสร้างอาชีพโดยจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้และผู้ที่เข้ามาเรียนสามารถประกอบอาชีพส่วนตัวได้เองหรือจะสมัครเข้ามาเป็นพนักงานในเครือบริษัทก็สามารถทำได้ และยังมีโครงการช่วยเหลือสัตว์ เรียกได้ว่าเป็นบริษัทในฝันของใครหลายคน รวมถึงมนต์ลดาด้วย เพราะเหตุนี้เธอจึงเข้าใจดีว่าท่านประธานบริษัทอย่างคุณราเชนทร์ต้องเหนื่อยมากแค่ไหนแม้เขาจะไม่เคยเอ่ยปากบอกออกมาแต่หลายครั้งที่แววตาเขาบ่งบอกอะไรหลายอย่าง
หลังเลิกงานราเชนทร์มักชอบชวนเด็กสาวไปนั่งเงียบๆ ที่สวนสาธารณะ เขาถอดสูทหรูอย่างไม่ไยดีแล้วหนุนตักของเธอหลับตาพริ้ม แม้เขาจะไม่เอ่ยคำพูดใดแต่มนต์ลดารับรู้ได้ด้วยหัวใจว่าเขาต้องการที่พึ่งให้พักพิง หลายครั้งที่เธอบอกเขา ‘ไม่ว่าคุณจะเจอเรื่องอะไรมา น้ำมนต์จะอยู่ตรงนี้ รอคุณมารับพลังใจทุกเมื่อ’ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เด็กสาวไม่จำเป็นต้องงอแงเมื่อเขาเลือกจะทำงานมากกว่าอยู่กับเธอ เพราะเขาเป็นคนสำคัญไม่ว่าจะของเธอหรือของเกริกก้องรัชตะ คนที่อยู่ข้างหลังอย่างเธอต้องเข้าใจและพร้อมให้การสนับสนุนเขาเท่าที่เธอจะทำได้
“ผมจะทิ้งให้แฟนเดินเล่นคนเดียวได้ยังไง รีบเคลียร์งานเสร็จปุ๊บก็รีบมาหาหนูปั๊บเลย” ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงเรียบ มุมปากของเขากลับมีรอยยิ้มผุดขึ้นมาจาง ๆ
“น้ำมนต์ก็คิดว่าเรื่องอะไร” รอยยิ้มกริ่มปรากฏอย่างนึกเอ็นดูคนแก่ที่ทำตัวราวกับเด็ก ๆ เธอฟังแล้วไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ว่าดีใจที่เขาสละเวลางานมาอยู่กับเธอ หนำซ้ำยังผละอ้อมกอดอุ่นออกเบาๆ แล้วหันไปหยิบกำไลข้อมือที่วางอยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งขึ้นมาสวมอย่างไม่สนใจ
“โธ่ หนูทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ไม่ดีใจหน่อยเหรอ”
รอยยิ้มทะเล้นประดับอยู่ที่มุมปากของมนต์ลดาก่อนที่เธอจะเขย่งปลายเท้าหอมแก้มซ้ายขวาอย่างละฟอดเป็นรางวัลให้แก่แฟนหนุ่ม
“เปลี่ยนจากหอมแก้มเป็นอย่างอื่นได้ไหมครับ”
“ไปกันดีกว่าค่ะ สิบโมงกว่าแล้ว ช้าไปกว่านี้แดดแรง เดี๋ยวจะร้อนนะคะ” ใบหน้าสวยหวานผลิรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมกับเดินออกประตูไปอย่างอารมณ์ดี
“รอผมก่อนสิครับ”
มนต์ลดาถอดรองเท้าแตะถือไว้ในมืออย่างหลวมๆ ผืนทรายอุ่นนุ่มละเอียดยามที่เธอหยุดยืนรับสัมผัสของธรรมชาติที่โอบล้อมรอบตัวทำให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด เกลียวคลื่นกระทบชายฝั่งผสานเสียงลมทะเลเมื่อกระทบเข้ากับต้นมะพร้าวหวีดไหวรับกันราวกับเป็นบทเพลงที่ท้องทะเลมอบเป็นของขวัญให้แด่ผู้มาเยือน แม้จะเริ่มรับรู้ถึงความร้อนของแสงแดดที่เริ่มแผดเผาผิวเนียนจนแสบร้อน แต่ภาพท้องสมุทรเบื้องหน้าทำให้มนต์ลดาไม่อาจละสายตาได้เลย เรือนผมคลี่สยายตามแรงลม ผิวน้ำทะเลพลิ้วเป็นระลอกคลื่นก่อตัวสะท้อนประกายแดดระยิบระยับ มนต์ลดาโพสต์ท่าโดยหันหน้าเข้าหาทะเล ยกสะโพกบิดตัวมาทางกล้องมือข้างหนึ่งยกขึ้นมาราวกับบังแสงแดดธรรมดาเกิดเงาสีเข้มตัดกับผิวนวลลออ ราเชนทร์รัวชัตเตอร์อย่างชำนาญก่อนจะเปิดเช็กภาพที่ถ่ายไปเมื่อครู่ ประธานหนุ่มเผยอปากระบายยิ้มอย่างลืมตัว
ในสายตาของเขาใบหน้าแย้มยิ้มของเธอตอนนี้นอกจากคำว่า ‘น่ารัก’ ไม่อาจหาคำอื่นมาบรรยายได้เลย หัวใจของเขากระเพื่อมสั่นไหวระลอกแล้วระลอกเล่ายากที่จะสงบลง
“น้ำมนต์ขอดูภาพหน่อยสิคะ” เด็กสาวพูดพลางแทรกตัวเข้ามาในวงแขนแกร่งของเขา
“คุณถ่ายภาพสวยจังค่ะ”
“ผมไม่ได้ถ่ายสวย แต่หนูต่างหากที่สวย” เขาพูดเสียงเรียบ ทว่าแววตากลับฉายประกายแน่วแน่ยามลอบมองเธอ
“เดี๋ยวนี้ปากหวานนะคะ ไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย”
“แล้วเมื่อก่อนผมเป็นยังไงครับ”
สายตาคมกริบของเธอจ้องเขม็งไปที่ราเชนทร์อย่างพยายามเค้นหาคำตอบ มือบางเกลี่ยแก้มเขาอย่างยั่วเย้า
“เมื่อก่อนคุณน่ะเหรอ มั่นหน้า ขี้เก๊ก ชอบทำหน้าเย็นชา” มนต์ลดาพูดจบก็หยิกแก้มราเชนทร์จนเจ้าตัวร้องโอดโอยขึ้นมาพลางลูบแก้ม ในขณะที่เด็กสาวยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างลอยหน้าลอยตา คุณลุงท่านประธานไม่ปล่อยให้เด็กสาวแกล้งเขาเพียงฝ่ายเดียวเขารวบเอวบางเข้ามาสวมกอด มืออีกข้างเขกกลางศีรษะกลมจนเธอร้องประท้วงขึ้นมาด้วยแววตาเง้างอด
“เดี๋ยวก่อนสิ คุณยังฟังไม่จบเลยนะ...ถึงอย่างนั้น แต่คุณก็อบอุ่นและใจดีกับน้ำมนต์มากเลยนะคะ”
หลังจากที่ราเชนทร์ได้ฟังคำตอบของแฟนสาวใบหน้าที่เรียบเฉยเกือบจะเรียกได้ว่าเย็นชาก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างหลงระเริงเต็มที่
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?