ตอนที่ 20 พายุใหญ่กำลังพัดมา

ตอนนี้เซลีนได้เข้ามาอยู่ในร่างซินดี้กว่า 6 เดือนแล้ว เดือนนี้เป็นเดือนธันวาคม ช่วงคริสต์มาสปีใหม่แบบนี้ ร้านอาหารครัวสยามยุ่งวุ่นวายทุกวัน แต่ไม่มีพนักงานคนไหนบ่นว่าเหนื่อยเลยสักคน เนื่องจากทิปที่ได้ในแต่ละวันและเงินที่จะได้รับในตอนสิ้นเดือน มันปิดปากทุกคนได้เงียบสนิทดีมาก เจ้รำไพเองก็หน้าบาน มีความสุขไปตามระเบียบ

ส่วนร้านสยามสปาก็ไม่น้อยหน้า ยอดคิวจองมีล่วงหน้าไปเป็นเดือน ก็จะไม่ทำให้ยอดจองแน่นแบบนี้ได้ไง เพราะเซลีนใส่น้ำทิพย์สวรรค์ไร้สีลงไปในน้ำมันที่เอามานวดลูกค้าด้วย ถึงแม้ว่าจะใส่ลงไปจำนวนไม่เยอะ แต่มันก็แก้อาการปวดต่าง ๆ ได้ ลูกค้าที่มาใช้บริการจึงได้ทั้งความผ่อนคลายแล้วยังได้รักษาโรคไปในตัวด้วย ชื่อเสียงของร้านอาหารและร้านสปา จึงเลื่องลือไปทั้งในหมู่คนไทยด้วยกันและในกลุ่มคนต่างชาติ

เซลีนพอใจกับยอดเงินในบัญชีมาก ๆ เพียงแค่หกเดือน ยอดเงินในบัญชีของเธอก็มีถึงห้าหลัก เดือนหน้าเธอก็ไม่ต้องไปทำงานที่ร้านอาหารแล้ว เธอจะได้มีเวลาอยู่ดูแลเด็ก ๆ ได้อย่างเต็มที่ รายได้ประมาณนี้และมีทีท่าว่าจะมีมากขึ้น ทำให้เซลีนวางใจไประดับหนึ่ง

ทนายความส่งอีเมลบอกถึงความคืบหน้าในการหย่าและการขอวีซ่าถาวร ทั้งสองเคสกำลังเป็นไปด้วยดี

ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เธอก็จะได้ใบหย่ามาไว้ในมืออีกไม่นาน

ระหว่างนั้นมาร์คก็มีวิดีโอคอลมาหาลูก ๆ บ้างในวันหยุดเสาร์อาทิตย์แต่ก็คุยกันไม่นาน โชคดีที่มาร์คไม่ได้มาระรานเซลีนอีก

“ตอนนี้ผมเริ่มชีวิตใหม่แล้ว แล้วก็ได้งานทำแล้วด้วย” มาร์คบอกกับเซลีนหลังจากคุยวิดีโอคอลกับสองแฝดเรียบร้อยแล้ว

“ยินดีด้วยค่ะ” เซลีนตอบสั้น ๆ

“ผมเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว และได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ มันทำให้ผมรู้ว่าผมเสียอะไรไปเยอะมาก” มาร์คพูดด้วยเสียงที่อ่อนมากกว่าปกติ

“ค่ะ ดีแล้ว” เซลีนตอบสั้นๆ เหมือนเดิม

“ผมขอโทษด้วยที่ผมทำตัวเป็นสามีที่ไม่ได้เรื่อง เป็นพ่อที่แย่ด้วย แต่เรายังเป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม คุณให้อภัยผมได้ไหม”

มาร์คเอ่ยขอโทษเซลีน ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกกระมังที่เขาเอ่ยขอโทษเช่นนี้ต่อซินดี้

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันให้อภัยคุณ เราเป็นเพื่อนกันก็ได้ค่ะ”

เซลีนรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก เพราะประโยคนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าได้ตัดขาดกับมาร์คอย่างแท้จริงเสียที เพราะอย่างน้อยมาร์คก็ดูแลเธอดีอยู่ช่วงหนึ่ง

ส่วนอีริคหลังจากที่เซลีนยอมรับความเป็นเพื่อน เขาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาสนใจและชอบเธอ ซึ่งเซลีนเองก็ปฏิบัติตัวเป็นเพื่อนที่ดี ถึงแม้ว่าไม่ได้ปฏิเสธออกไปอย่างโจ่งแจ้ง เพราะเธอหวังว่าอีริคน่าจะรู้ได้เอง แต่ว่าเธอประเมินความหน้ามึนของอีริคต่ำไปหน่อย นอกจากเขาจะทำเป็นไม่สนใจในการปฏิเสธทางอ้อมของเซลีนแล้ว เขายังรุกหนักมากกว่าเดิม

พนักงานทั้งร้านอาหารหรือร้านนวดต่างก็รู้เรื่องนี้ พวกเขาสนับสนุนเธอให้คบหากับอีริคอย่างเต็มที่

“ช่อ เมื่อไหร่แกจะรับรักคุณอีริคซะทีละ ตอนนี้แกก็โสดแล้วนะ คุณอีริคไม่ดีตรงไหนห๊ะ ทั้งหล่อ รวย สมาร์ต ฐานะก็ดี มองยังไงก็ไม่ใช่ คนที่แกควรปฏิเสธนะโว้ย” กุ้งเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่เห็นว่าเซลีนวางสายจากอีริคแล้ว

“ไม่อะ ฉันกับเขามันต่างกันเกินไป อย่าลืมนะ ฉันมีสองแฝดที่ต้องดูแล มาร์คก็ยังหย่าไม่เสร็จ มันใช่เรื่องไหมที่จะรีบหาคนใหม่”

“ห๊ะ..นี่แกยังถือเรื่องแบบนี้อยู่อีกเหรอ ก็ตอนนี้แกกำลังทำเรื่องหย่าไง อีกไม่นานแกก็หย่าเสร็จ ฉันก็ไม่ได้ให้แกแต่งงานกับคุณอีริคทันทีเมื่อไหร่กันละ ก็แค่ตกลงรับรัก ทดลองศึกษาดูใจกันไปก่อน นี่อะไร เขาชวนไป ดินเนอร์ก็อ้างร้านยุ่ง ชวนไปดูหนังก็อ้างลูกยังเล็ก ทั้งที่เขาให้เอาเด็กๆ ไปด้วย คุณอีริคก็เข้ากับเด็ก ๆ ได้ดี มาดามเซรีน่าก็ชอบแก ปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ก็ไม่น่าจะมี แล้วมันมีอะไรให้แกต้องกังวลอีกละ” กุ้งวิจารณ์ออกมาแบบละเอียดยิบ

เซลีนอยากจะตะโกนออกไปว่าเพราะใจมันไม่รักไง เธอรักเบนจามิน ต่อให้คนอื่นจะเลิศ จะโปรไพล์ดีขนาดไหน เธอก็ไม่สนใจ แต่ความจริงที่ตอบออกไปคือ “ฉันไม่รีบน่ะ อยากพักใจก่อน แผลยังสด รอให้แผลแห้ง สักหน่อยก่อนเถอะ ขอบใจนะกุ้งที่เป็นห่วงฉัน แต่ฉันโอเคในตอนนี้มาก ๆ”

“ไม่เป็นไรหรอก เป็นเพื่อนกันก็ต้องห่วงกันอยู่แล้ว ฉันก็อยากให้แกมีคนดูแล ฉันก็เห็นว่าคุณอีริคก็ดูเป็นคนดีคนหนึ่ง” กุ้งเดินเข้าไปตบไหล่เซลีนเบา ๆ

“โอ้ย!!!มันจะอะไรกันหนักกันหนาเนี๊ยะ”

เสียงแหลมสูงของบางคนดังขัดจังหวะเซลีนกับกุ้งที่กำลังคุยกันอยู่ ทั้งสองกลอกตามองบนแล้วหันไปมองต้นเสียงด้วยสีหน้าเรียบ ๆ

“เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว เป็นของมีตำหนิ แล้วยังเรื่องมาก คิดว่าสวยแล้วเลือกได้หรือไง แค่คุณอีริคมาสนใจเข้าหน่อย ทำชูคอเป็นหงส์ เขาก็แค่เล่น ๆ นั่นแหละ ใครจะมาสนใจคนมีตำหนิ มีลูกติดแบบเธอกันเห๊อะ”

มะปรางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูก ก่อนจะทำเป็นมองเซลีนตั้งแต่หัวจรดเท้าขึ้นลงสองรอบ

“อ้าวมะปราง พูดแบบนี้มันก็ไม่ถูกดิ คุณอีริคจะชอบช่อ ช่อจะปฏิเสธคุณอีริค ช่อจะมีลูกติด แล้วมันไปหนักส่วนไหนของเธอเหรอ”

กุ้งโต้กลับด้วยน้ำเสียงที่เอาเรื่องเหมือนกัน

“มันก็ไม่หนักส่วนไหนหรอก แต่มันรำคาญสายตา”มะปรางปรายตามองอย่างดูแคลน

“รำคาญหรืออิจฉากันแน่” กุ้งยังไม่ยอม

“อิจฉาเหรอ ฮาๆ อย่างฉันนี่นะจะไปอิจฉาคนอย่างยัยช่อ สามีฉันก็รักฉันมาก อยากได้อะไรก็ได้ และเราก็รักกันดี ฉันไม่ได้ถูกผัวทิ้งเหมือน ยัยช่อนิ แล้วมีอะไรที่ต้องอิจฉา”

“ช่อไม่ได้โดนผัวทิ้ง ช่อทิ้งไอ้มาร์คจอมวายร้ายเองต่างหากรู้ไว้ชะด้วย แล้วแน่ใจเหรอที่บอกว่าผัวเธอกับเธอรักกันดีนะ แล้วที่เขาลือกันไปทั่วว่าเธอต้องไปขอนอนบ้านเพื่อนคนอื่นคนนี้น่ะ แบบนี้ยังเรียกว่ารักกันดีอยู่มะ” กุ้งได้ทีตอกกลับมะปรางไป

“นังกุ้ง มันจะมากไปแล้วนะ” มะปรางได้ยินแบบนั้นก็โกรธขึ้นมา เตรียมจะเข้ามาตบตีกับกุ้ง

“กุ้งพอเถอะ อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือเลย เราโอเค มันไม่ใช่ความจริงสักหน่อย เราไม่แคร์หรอกว่าใครจะคิดอย่างไร แค่ปัญหาทุกวันนี้ก็ปวดหัวพอละ แล้วมะปราง ฉันขอนะอย่าได้มาหาเรื่องกันอีก ต่างคนต่างอยู่เถอะ” เซลีนบอกออกไปอย่างรวดเร็ว แล้วพยายามลากกุ้งออกไปจากห้องพักพนักงานในร้านนวด

“นี่ช่อ ไปยอมมันแบบนี้มันก็ยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่” กุ้งยังโมโหไม่เลิก

“ช่างมัน เราไม่อยากมีปัญหา ต่อไปฉันจะไม่มาที่นี่แล้วดีกว่า ไม่อยากมีปัญหา” เซลีนเอ่ยหลังจากเดินมาไกลพอสมควรแล้ว

“ทำไมล่ะ ไม่ใช่ความผิดเธอสักหน่อย” กุ้งโวยวาย

“แบบนี้ดีแล้วล่ะกุ้ง เราก็ไม่ได้จะทำงานที่นี่ประจำด้วยมาแล้วมีเรื่อง สู้อยู่ห่าง ๆ กันดีกว่า” เซลีนเอ่ยปากบอกกับกุ้ง

ทั้งสองคนกอดคอตบบ่ากันเบา ๆ อย่างเข้าใจ

หลังจากวันนั้น เซลีนก็ไม่ไปที่ร้านนวดอีกเลย เวลาส่งน้ำมันนวด ก็เอาไปไว้ที่ร้านอาหารแล้ว ให้เมธีขนไปส่งที่ร้านนวดแทน

*******************

ที่จริงแล้วถ้าไม่นับที่มีเรื่องทะเลาะกับมะปรางในวันนั้น ชีวิตของเซลีนในช่วงนี้ก็ถือว่าสงบสุขไม่น้อย เพียงแต่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าชีวิตที่เงียบสงบสุขแบบนี้ มันจะกลายเป็นคลื่นใต้น้ำที่กำลังก่อตัวอย่างช้า ๆ ก่อนพายุใหญ่จะมา

ในเช้าวันหนึ่งในตอนที่เซลีน แอนดี้และอลิสกำลังนั่งทานมื้อเช้าอยู่

“อลิส อย่าแย่งไส้กรอกของพี่แอนดี้ชิลูก ของหนูก็มี” เซลีนเอ่ยปรามลูกสาวให้ทำตัวให้เรียบร้อยหน่อย

“ไม่เป็นไรฮะหม่ามี้ ผมยกให้อลิสก็ได้” แอนดี้สมกับเป็นพี่ชายที่ดี

“ไม่ได้ค่ะแอนดี้ การเป็นพี่ที่เสียสละให้น้องเป็นสิ่งที่ดี แต่น้องที่ดี ก็ไม่ควรแย่งของพี่ชาย เพราะหม่ามี้แบ่งให้เท่ากันทั้งสองคนแล้ว เข้าใจ ไหมคะทั้งสองคน” เซลีนสอนลูก ๆ ของเธอให้รู้จักความอดทนและมารยาท

“เข้าใจฮะ”

“อลิสขอโทษค่ะ อลิสคืนไส้กรอกให้พี่ก็ได้” อลิสหน้าจ๋อยไปเลย

“อลิสจ๊ะ ครั้งนี้หม่ามี้อนุญาตเพราะอลิสกัดไปแล้วครึ่งอัน หนูกัดไปแล้ว หนูจะเอาไปคืนให้พี่ชายไม่ได้นะคะ เข้าใจไหมคะ”

“เข้าใจค่ะ”

“รีบทานได้แล้วค่ะ เดี๋ยวรถโรงเรียนก็คงจะมาแล้ว”

หลังจากที่ส่งลูก ๆ ขึ้นรถโรงเรียนไปแล้ว เซลีนก็กลับมาทำความสะอาดครัว ทำความสะอาดบ้าน เอาขยะไปทิ้งถังขยะใหญ่หน้าบ้าน เอาผ้าใส่ถังซักและไปรีดผ้า กว่าจะทำอะไรเสร็จเรียบร้อย ก็ปาเข้าไปสิบโมงเช้า เธอ จึงไปนั่งพักที่ห้องรับแขก

“อ้าวเจ้ มอร์นิ่งค่ะ วันนี้ตื่นสายน่าดูเลย เมื่อคืนนอนไม่หลับ เหรอคะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

เซลีนเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล เพราะเธอไม่เคยเห็นเจ้เป็นแบบนี้มาก่อน เจ้เหมือนกับคนที่อดหลับอดนอนมาเป็นเวลานาน รอบดวงตาดำคล้ำเหมือนหมีแพนด้า อีกทั้งท่าทางก็ไม่สดใสร่าเริงเหมือนทุกวัน

“มอร์นิ่งจ๊ะช่อ เจ้เครียดน่ะเลยนอนไม่หลับ”

“อ้าวเจ้เครียดเรื่องอะไร ไหนลองเล่ามาชิคะ เผื่อช่ออาจจะช่วยได้”

“เรื่องร้านน่ะ เจ้าของตึกจะไม่ต่อสัญญาเช่า”

“เห้ยเจ้ เรื่องใหญ่เลยนะนั่น เขาทำแบบนี้ได้ไงอะ แล้วสัญญาเหลืออีกกี่เดือนเจ้” เซลีนถามออกไปด้วยความตกใจอย่างมาก

“ก็เรื่องใหญ่น่ะสิ เจ้ถึงเป็นแบบนี้ไง สัญญาเหลืออีก 6 เดือนต้อง ต่อใหม่ เจ้เพิ่งได้รับอีเมลเมื่อวาน ว่าเขาขอไม่ต่อสัญญาเช่าและขอให้เจ้ย้ายออกก่อนใน 6 สัปดาห์ เขายอมจ่ายเงินค่าปรับที่เขาให้เราอยู่ไม่ครบสัญญาอีกด้วย”

“เรือหายเลยเจ้แบบนี้”

“กลุ้มจะตายอยู่แล้ว ยังมาทำขำอีกนะ”

“เจ้ ลองโทรไปหาเขาอีกทีชิ ว่าพอมีทางไหนที่อะลุ้มอล่วยให้เราอยู่ต่อจนครบสัญญาได้บ้าง อย่างน้อยเรายังมีเวลาหาเช่าร้านใหม่ บอกลูกค้าเก่าของเรา ถ้าให้ย้ายใน 6 สัปดาห์นี้เราทำอะไรไม่ทันแน่” เซลีนอธิบายให้เจ้ฟังอย่างเป็นกังวล

“วันนี้เจ้ว่าจะโทรไปหาเจ้าของตึกดู อย่างน้อยขอเวลาเราจนหมดสัญญาเช่าอย่างที่ช่อว่า ก็น่าจะซื้อเวลาให้เราได้”

“ดีเลยเจ้ ได้เรื่องยังไงก็มาว่ากันอีกที อยากรู้จังว่าเขาขอคืนตึก เอาไปทำอะไร ร้านเรากำลังมีชื่อเสียง หรือว่าเขาจะมาทำแทนเรา เห็นเราขายดีแบบนี้หรือเปล่าเจ้” เซลีนเดาไปต่าง ๆ นานา ถึงสาเหตุที่เจ้าของตึกไม่ต่อสัญญาเช่า

“เจ้ก็ไม่รู้หรอก ตอนนี้มันมึน ๆ อึน ๆ แล้วนี่ช่อจะไปไหนหรือเปล่า”

“เปล่าจ๊ะ กะว่าตอนบ่ายจะโทรหาแม่พรรณีกับฉัตรสักหน่อย ไม่ได้โทรหาหลายวันแล้ว”

“งั้นเจ้ขอตัวไปทานมื้อเช้าก่อนนะ เสร็จแล้วจะอาบน้ำให้มันตื่น สักหน่อย แล้วจะโทรหาเจ้าของตึกดู”

“จร้า เชิญเลยเจ้”

หลังจากที่เจ้รำไพเดินออกไป เซลีนก็เริ่มวิเคราะห์สถานการณ์ของร้านและตนเอง เธอมีความกังวลใจเป็นอย่างมาก เพราะถ้าร้านอาหารเปิดไม่ได้ เธอก็ขายซอสผัดไทยไม่ได้ ขายของไม่ได้ เธอก็ขาดรายได้อีกต่อหนึ่ง ดังนั้นต้องทำทุกวิถีทางให้ร้านอาหารเปิดต่อไป ถึงแม้ว่าจะเปิดที่เดิมไม่ได้ ไปเปิดที่ใหม่ก็ได้ ถึงแม้ว่ามันจะฉุกละหุกไปหน่อย แต่เธอเชื่อว่าปัญหานี้ต้องมีทางออกที่ดีรออยู่

ตั้งสติไว้เซลีน เธอยกมือขึ้นพนมแล้วอธิษฐานถึงท่านเทพ ว่าขอให้ปัญหานี้เธอจงมีทางแก้ที่ดี ก่อนที่จะวางเรื่องทั้งหมดไว้ก่อน รอได้ข้อมูลจากเจ้รำไพมากกว่านี้ ก็ค่อยมาหาทางแก้อีกที

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ