ตั้งแต่วันเปิดร้านวันแรก นี่ก็ผ่านมาแล้ว 1 เดือน ตอนนี้เซลีนไม่ต้องไปทำงานที่ผับโอเชี่ยนบูลที่ไบรตั้นอีกแล้ว เพราะเธอมีหน้าที่แค่ผลิตสินค้าส่งให้กับผับเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นผงปรุงรสทำอาหาร ซอสผัดไทย น้ำเชื่อมสำหรับผสมเครื่องดื่ม เงินที่ได้จากการขายน้ำเชื่อมเป็นรายได้หลักของเธอในตอนนี้ ก็นะ..เธอขายจิ๊กเกอร์ละ 1 ปอนด์ คิดดูสิว่าวันหนึ่งขายเครื่องดื่มได้เท่าไหร่ 5 เมนูค็อกเทล 5 ม็อคเทล มีส่วนผสมของน้ำเชื่อมเป็นหลักทั้งนั้น
แกรี่เคยอยากจะลดต้นทุนเครื่องดื่มใช้น้ำเชื่อมธรรมดาที่ไม่ใช่ของเธอ แต่สุดท้ายลูกค้าก็คอมเพลนว่ารสชาติไม่เหมือนเดิม ตั้งแต่นั้นมา แกรี่ก็ไม่เคยคิดจะลักไก่อีกเลย ทำไมเธอถึงรู้น่ะเหรอ ก็พี่นาได้ยินแกรี่สั่งงาน บาร์เทนเดอร์น่ะสิ แล้วก็เห็นด้วยว่าแกรี่โดนลูกค้าคอมเพลน พี่นาเลยเอามาเล่าให้ฟัง
สำหรับร้านอาหารของเจ้รำไพ ดูเหมือนว่า take away จะเป็นที่นิยมมาก เนื่องจากว่าถ้ามานั่งทานที่ร้านแล้วไม่ได้จองล่วงหน้านี่คือหาที่นั่งไม่ได้ ยิ่งคืนวันเสาร์ที่มีการแสดงพิเศษ ถึงกับต้องจองล่วงหน้ากันเป็น เดือน ๆ เลยด้วยซ้ำถึงจะมาทานอาหารที่ร้านได้ ซึ่งบ่งบอกว่ากิจการร้านตอนนี้เป็นไปได้ด้วยดีขนาดไหน
ชีวิตของเซลีนช่วงนี้ช่างสงบเงียบ ราบเรียบ อะไรก็ลงตัวไปหมด เหลือแค่อย่างเดียว คือการหย่า ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่เธออยากให้มันจบโดย เร็วที่สุด ทนายได้อีเมลมาบอกว่าการหย่าของเธออยู่ขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ไม่น่าเกินหนึ่งเดือน การหย่าก็จะเสร็จสิ้นลงแล้ว ซึ่งสำหรับเซลีนถือว่าเป็นข่าวดีที่สุดอีกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
**********
กริ๊ง กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้น ทำให้เซลีนที่กำลังยุ่งอยู่กับการทำความสะอาดบ้านอยู่ ต้องรีบมารับโทรศัพท์ เพราะมันดังและดับมาสองครั้งแล้ว
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับ เซลีน ผมอีริคนะครับ”
“ค่ะ สวัสดีค่ะ อีริค สบายดีไหมคะ”
เซลีนกล่าวทักทายออกไป ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โซฟาในห้องรับแขก เธอคาดว่าน่าจะนาน เพราะตอนนี้อีริคเริ่มรุกเธอมากขึ้น จนเธอแทบจะหาสาเหตุมาปฏิเสธไม่ทันแล้ว
“สบายดีครับ เซลีนสะดวกคุยไหมครับ ผมโทรมากวนหรือเปล่า”
“สะดวกค่ะ กำลังทำความสะอาดบ้านค่ะ ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าคะ”
เซลีนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงสดใส
“วันนี้ผมอยากจะชวนเซลีนมาทานมื้อเย็นที่บ้านน่ะครับ และผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาคุณด้วย คุณสะดวกไหมครับ” อีริคถามออกมาด้วยน้ำเสียงขอร้องสุด ๆ (พลีส อย่าปฏิเสธนะ)
“เอ่อ เวลากี่โมงคะ ฉันไม่สะดวกตอนกลางคืนนะคะ อลิสกับแอนดี้ไม่มีใครดูแล หรือเอาแบบนี้ดีไหมคะ ถ้าคุณไม่รังเกียจ คุณก็มาทานมื้อเย็นที่บ้านของฉันแทน เมย์เธอไปไบรตั้น ไม่กลับมาคืนนี้ค่ะ”
เซลีนเห็นว่าเธอปฏิเสธอีริคไปหลายครั้งแล้ว ดูจะน่าเกลียดถ้าเธอยังปฏิเสธไปเรื่อย ๆ แบบนี้ ก็ดีเหมือนกัน เธอจะได้คุยให้อีริคได้เข้าใจซะที
“ว้าว ผมไม่รังเกียจเลยครับ ผมยินดีมากกว่า”
อีริคตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น อาจจะเป็นครั้งแรกที่เซลีนชวนเขามาที่บ้านของเธอ เขาถือว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่พัฒนาไปอีกขั้น
“ถ้างั้นคืนนี้เจอกันหนึ่งทุ่มครึ่งนะคะ ขอให้เด็กๆ เข้านอนก่อน”
“ตกลงครับ คืนนี้เจอกัน บายครับ” อีริคบอกลาเซลีน
เมื่อเห็นว่าเซลีนเปิดทางให้ เอริคจึงมีความคิดที่จะหาของขวัญไปฝากเธอ และเขาเชื่อมั่นว่าวันนี้ต้องเป็นคืนที่พิเศษสำหรับเขาแน่ ๆ
*************
ติ่งต่อง
เซลีนเดินออกมาเปิดประตู เห็นอีริคสวมชุดไพรเวทแบบสบาย ๆ ดูเป็นกึ่งทางการ แต่ก็ยังส่งเสริมให้เขาดูหล่อเหลามากอยู่ดี แต่ถึงแม้จะหน้าตาดีแค่ไหน โปรไฟล์เลิศเลออย่างไร สำหรับเซลีนแล้ว ก็ถือว่าแค่ชื่นชมคนหน้าตาดีเท่านั้น สายตาที่เธอมองไปยังอีริคจึงไม่มีความลุ่มหลงอยู่ในนั้นเลย ก็เหมือนเราแอบชื่นชมดารานักร้องทั่วไป มันเหมือนได้แค่มอง แต่จับต้องไม่ได้นั่นแหละ อีริคถือขวดไวน์แดงมาด้วย
“สวัสดีค่ะ เชิญเข้ามาก่อนซิคะ” เซลีนกล่าวต้อนรับด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีครับ สำหรับมื้อค่ำคืนนี้ครับ” อีริคชูไวน์แดงในมือให้ดู พร้อมกับเดินเข้ามาในบ้าน
“เด็ก ๆ เข้านอนกันไปแล้วค่ะ เชิญคุณที่โต๊ะอาหารเลยดีไหมคะ”
เซลีนผายมือเชิญอีริคไปยังโต๊ะอาหาร ที่วันนี้เธอทำสเต๊กไว้แบบ medium rare ทานกับน้ำเกรวี่เห็ด เธอไม่ต้องกลัวว่ามันจะไม่อร่อยหรือว่าเย็น เพราะไอเท็มสูตรโกงของเธอ ทำเสร็จแล้วก็เก็บไว้ในแหวนมิติ พอจะเสิร์ฟก็เอาออกมาแบบนี้มันก็ยังร้อน ๆ อยู่ ก็แค่บอกว่าเพิ่งทำเสร็จได้ ไม่นานก่อนที่อีริคจะมาถึง แค่นั้นเอง
“อีริคค่ะ เชิญคุณที่โต๊ะอาหารก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันไปนำอาหารมาขึ้นโต๊ะก่อน”
“ไม่ดีกว่าครับ ให้ผมช่วยคุณดีกว่าแบบนี้ไวดีด้วย” อีริคกล่าวปฏิเสธ
เขาอยากช่วยสักนิดก็ยังดี มันเหมือนคู่รักที่เดตกันที่บ้าน การมีส่วนร่วมในกิจกรรม มันทำให้เขารู้สึกมีความสุข
“จะดีหรือคะ คุณเป็นแขกอย่าดีกว่าค่ะ ฉันว่าคุณนั่งรอที่โต๊ะดีกว่า” เซลีนเอ่ยออกมาอย่างเกรงใจ
“ดีชิครับ ช่วยกันจะได้ไวขึ้น”
“งั้นก็อีริคเอาของบนโต๊ะนี้ไปได้เลยค่ะ” เซลีนชี้มือไปยังอาหารที่เธอเตรียมไว้
“โอเคครับ”
ส่วนเซลีนก็ไปหยิบแก้วไวน์ไปวางไว้บนโต๊ะ ใช้เวลาเพียงครู่เดียว ทุกอย่างก็พร้อม อีริคขอเป็นคนช่วยเปิดไวน์ให้เอง ก่อนที่ทั้งสองจะทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย นั่งทานอาหารกันไปได้ไม่นาน ทั้งคู่ก็ช่วยกันเก็บจานไปวางไว้ในอ่างล้างจานแล้ว อีริคและเซลีนต่างก็ถือแก้วไวน์คนละแก้ว มานั่งคุยกันต่อที่ห้องรับแขก หน้าทีวี
“คุณยายกับคุณแม่ของคุณพวกท่านสบายนะคะ”
“ท่านทั้งสองสบายดีครับ คุณยายนี้บ่นตลอดว่าอยากให้คุณไปทำอาหารให้ท่านอีก สงสัยติดรสมือคุณไปแล้ว ส่วนคุณแม่ท่านก็ยุ่งกับพวกเพื่อน นั่นแหละครับ สำหรับผมก็เรื่อย ๆ โปรเจกต์ที่ทำไว้ก็เสร็จแล้ว ตอนนี้ก็แค่โปรโมต ซึ่งฝ่ายมาร์เก็ตติ้งกำลังจัดการอยู่”
“ฉันฝากซอสต่าง ๆ ให้คุณเอมี่ไปประจำนะคะ คุณยายคุณน่าจะได้ทานของอร่อยตลอด ทำไมยังถามถึงฉันอยู่ล่ะ” เซลีนถามด้วยความสงสัย
“คุณยายคงอยากจะเจอคุณมั้งครับ เห็นคุณไปเล่าให้ท่านฟังเรื่องสองแฝด คุณยายก็คงอยากจะเจอน่ะครับ คนแก่กับเด็ก ๆ ก็อย่างนี้แหละครับ ผมก็เป็นลูกเป็นหลานที่ไม่ได้เรื่องจริง ๆ จนป่านนี้พวกท่านยังไม่ได้ อุ้มหลานกันเลย เห็นบ่น ๆ ตลอด”
“นั่นสิคะ ฉันว่าคุณก็พร้อมหมดทุกอย่างแล้ว น่าจะแต่งงานได้แล้วนะคะ มาดามเซรีน่ากับคุณยายคุณก็คงอยากจะอุ้มหลานจริง ๆ นั่นแหละค่ะ” เซลีนเอ่ยสนับสนุนความเห็นของมาดามทั้งสองคน
“ผมก็พร้อมนั่นแหละครับ แต่ว่าคนที่ผมจะแต่งงานด้วย เขาคงปฏิเสธผมนะครับ” อีริคเอ่ยพร้อมกับหัวเราะแบบขำ ๆ ให้เป็นเรื่องตลก
“โอ้ ไม่ตลกเลยนะคะ อย่างอีริค ทั้งหล่อ ทั้งสมาร์ต แถมยังเป็นรองประธานบริษัทที่ใหญ่โต คงไม่มีสาวคนไหนอยากจะปฏิเสธหรอกค่ะ”
“จริงเหรอครับ แต่เซ้นต์ของผมมันบอกว่าผมน่าจะอกหักถ้าผมบอกออกไป” อีริคเอ่ยตอบออกมา ก่อนที่จะจ้องไปที่ใบหน้าของเซลีน เหมือนเขากำลังบอกความนัยบางอย่างให้กับเธอได้รับรู้
“คุณก็ต้องกล้า ๆ หน่อยซิคะ ถ้าไม่บอกให้เธอคนนั้นรับรู้ แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอจะ เซย์เยส หรือ โน” เซลีนก็จ้องตอบอีริคด้วยสายตาที่มั่นคง ไม่มีความเขินอายอยู่ตรงนั้น มันเหมือนกับเพื่อนปรึกษาเพื่อนมากกว่า
อีริคเห็นอย่างนั้น จึงได้แต่เบนสายตากลับมา ก้มลงมองไวน์ในมือ ก่อนที่จะตัดสินใจยกแก้วไวน์สีแดงสีสวยขึ้นมาจิบ ก่อนที่จะวางไว้บนโต๊ะ
“ผมขอเวลาทำใจหน่อยเถอะครับ ถ้าผมบอกออกไปแล้ว ผมกลัวครับ กลัวว่าความสัมพันธ์มันจะไม่เหมือนเดิม สู้ผมไม่พูดออกไป แต่ยังคงรักษาความสัมพันธ์นี้ไว้ แบบนี้ผมก็พอใจละครับ”
“ถ้าอีริคตัดสินใจแบบนั้นไปแล้ว ฉันก็คงช่วยอะไรไม่ได้ ฉันขอ อวยพรให้คุณได้เจอกับคนที่ใช่ไว ๆ นะคะ คุณแม่คุณยายของคุณท่านจะได้หมดห่วงเรื่องคุณสักที”
“ขอบคุณครับ ผมก็หวังแบบนั้นเช่นกัน”
“อีริคบอกว่ามีอะไรจะปรึกษาฉันใช่ไหมคะ” เซลีนเห็นถึงความกระอักกระอ่วนระหว่างกัน จึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“ช่วงคริสต์มาสปีนี้ ครอบครัวของเราจะพาคุณยายไปฉลองคริสต์มาสที่สวิตเซอร์แลนด์นะครับ คุณแม่เลยบอกให้ผมมาชวนคุณว่าสนใจจะไปร่วมทริปด้วยไหม เอาสองแฝดไปด้วย เรื่องค่าใช้จ่ายฟรีตลอดทริป ครับ งานนี้คุณแม่เป็นสปอนเซอร์เอง”
“ว้าว น่าสนใจมากเลยนะคะ แต่ว่าฉันคงไม่รบกวนมาดามเซรีน่าหรอกค่ะ ค่าใช้จ่ายตั้งสามคนคงจะไม่น้อย ฉันเกรงใจนะคะ อีกอย่างฉันก็มีแผนที่จะย้ายบ้านไปอยู่ที่สกอตแลนด์หลังจากที่หย่าเสร็จแล้ว และถ้าได้ ใบหย่าก่อนสองแฝดเข้าเรียนก็ว่าจะย้ายไปเลยค่ะ”
“ย้ายไปอยู่สกอตแลนด์หรือครับ ทำไมปุ๊บปั๊บละครับ อะไรทำให้คุณคิดจะย้ายเหรอครับ” อีริคเอ่ยถามออกมาด้วยความตกใจ
ย้ายไปอยู่สกอตแลนด์ นั่นมันไม่อยู่ในแผนของเขาเลยนะ ยิ่งห่างไกลกันออกไปอีก แล้วแบบนี้ที่เขาตั้งใจจะตื๊อให้หนักขึ้นมันจะเป็นไปได้
“ฉันเป็นซิงเกิ้ลมัมนะคะ มีลูกอีกสองคนที่ต้องดูแล ค่าใช้จ่ายก็ ไม่น้อย ที่สกอตแลนด์เรียนฟรี อากาศก็ดี ฉันอยากให้เด็ก ๆ เติบโตมาในสังคมที่ดีนะคะ ที่ลอนดอนค่อนข้างวุ่นวายและแพงมาก ฉันจึงคิดจะย้ายไปอยู่สกอตแลนด์” เหตุผลแบบนี้ละมั้งที่บอกออกไปได้
“ถ้าเป็นซิงเกิ้ลมัมแล้วลำบาก ทำไมไม่หาคนมาช่วยดูแลละครับ”
อีริคถามออกไปด้วยความหวัง
“อีริคค่ะ ฉันยังไม่ได้ใบหย่าเลย ฉันไม่อยากเป็นคนที่เห็นแก่ตัวหรอกนะคะ ตอนนี้ฉันยังไม่คิดเรื่องนี้จริง ๆ แผลมันค่อนข้างใหม่ ฉันอยากโฟกัสไปที่สองแฝดก่อนนะคะ”
“ครับ ผมเข้าใจ” อีริคตอบรับออกไปด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ
อีริคอยู่คุยกับเซลีนอีกไม่นานเขาก็ขอตัวกลับ เซลีนก็น้ำท่วมปาก ได้แต่เอ่ยขอโทษอีริคอยู่ในใจที่ไม่สามารถตอบรับความหวังดีของอีริคได้ เธอไม่ใช่ไม่รู้ ความรู้สึกที่อีริคแสดงออกมา มันเปิดเปลือยจนหมดเปลือก แต่เธอไม่สามารถตอบรับได้จริง ๆ เธอก็ได้แต่อวยพรให้เขาเจอคนที่ใช่ และได้เจอกับคนที่เป็นเนื้อคู่ของเขาจริง ๆ เสียที
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?