“หา! ว่าไงนะ” พี่น้อยถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจ ที่คิดสงสัยพลันกระเด็นออกจากหัวไปหมด
“หา เกิดอะไรขึ้นพี่จันทร์ อาหารที่ช่อทำ มันไม่อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอคะ ช่อก็เอาให้พี่น้อยชิมก่อนแล้วนะ พี่น้อยยังบอกว่าอร่อยเลย แล้วทำไมลูกค้าที่เหลือถึงยกเลิกออเดอร์หมดล่ะ” เซลีนเริ่มใจเสียเอ่ยถามออกไปด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ไม่ใช่ไม่อร่อยช่อ ตรงกันข้ามเลย พอพี่เอากะเพราเนื้อออกไปเสิร์ฟ ลูกค้าฝรั่งที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ ก็ถามว่าเมนูอะไรที่กำลังเสิร์ฟอยู่ ทำไมกลิ่นถึงหอมขนาดนั้น พอพี่บอกว่าเป็นเมนูผัดกะเพรา ลูกค้าก็เลยพากันถามว่าขอยกเลิกออเดอร์ที่สั่งไปก่อนหน้านี้ แล้วเปลี่ยนเป็นผัดกะเพราแทนจะได้ไหม” พี่จันทร์เล่าด้วยสีหน้าท่าทางตื่นเต้น
“ต่อนะ...ตอนพี่กำลังคุยกับฝรั่งโต๊ะนั้น กลิ่นผัดไทยมันก็ลอยออกไปจากครัวพอดิบพอดีเลย พอโต๊ะอื่นเห็นพี่เปลี่ยนเมนูให้ฝรั่งโต๊ะนั้นนะ ที่เหลือก็อยากเปลี่ยนของตัวเองเป็นผัดไทยแทนหมดเลยล่ะ พี่เลยต้องมาถามช่อก่อนนี่ไงว่าไหวมั้ย” พี่จันทร์เล่าด้วยความตื่นเต้นจนลิ้นรัวไปหมด ก่อนจะหอบออกมาเบา ๆ เพราะเล่าเร็วเกินไปนั่นเอง
“มันหอมถึงขนาดยกเลิกออเดอร์เก่าเลยเหรอพี่จันทร์” เซลีนถามออกไปเพื่อให้แน่ใจว่าตัวเองได้ยินไม่ผิด
ออเดอร์ที่สั่งมาก็เพราะติดใจฝีมือพี่สักแกทั้งนั้น ถ้าขอเปลี่ยนกัน ทั้งร้านขนาดนี้ ไม่ใช่ยืนยันว่าฝีมือเธอดีกว่าเขาหรือไง เซลีนคิดในใจ
“ใช่ ขนาดที่พี่ถือออกไปเสิร์ฟ พี่ยังรู้สึกหิวขึ้นมาเลย แล้วเอาไง เปลี่ยนได้ไหมล่ะ” พี่จันทร์มองหน้าเซลีนอย่างคาดหวัง
“พี่น้อยเช็กวัตถุดิบหน่อยว่าพอทำได้กี่จาน พี่จันทร์ไปเช็กยอดที่สั่งว่ามีเมนูอะไรบ้าง จำนวนเท่าไหร่ ได้แล้วค่อยมาว่ากัน” เซลีนประมวลผลอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแจกงานให้แต่ละคนไปทำ
ผ่านไปไม่เกิน 10 นาที พี่จันทร์ก็กลับเข้ามาในครัว
“ช่อ ลูกค้าที่เหลือมี 8 โต๊ะ รับผัดไทย 16 จาน และกระเพรา 8 จาน พอรับออเดอร์ได้ไหม” พี่จันทร์บอกกับเซลีนก่อนที่จะหันไปถามกับพี่น้อย
“วัตถุดิบมีพอ ถ้าเอาแค่สองอย่างนี้ เนื้อกุ้งหรือไก่ ไม่มีปัญหา สต๊อคเพียบ” พี่น้อยเอ่ยตอบออกไปด้วยรอยยิ้ม
“เอ่อ ลูกค้าขอสั่งข้าวเกรียบปลาไปทานระหว่างรอด้วย สงสัยถูกตกไปแล้ว ลูกค้าจ่ายเงินเองด้วยนะ” พี่จันทร์บอกให้ทุกคนฟังอีกที
“งั้น เดี๋ยวข้าวเกรียบปลา ฉันรับหน้าที่เอง” กุ้งเอ่ยรับอาสา
“งั้นมาร์คกับพี่น้อยมาช่วยช่อจัดจานเตรียมวัตถุดิบ เดี๋ยวช่อจะลงเตาต่อเลย” เซลีนบอกกับมาร์คและพี่น้อย ก่อนจะย้ำกับมาร์คอีกครั้ง
“มาร์คอย่าลืมเช็กด้วยว่าผัดไทยไก่หรือกุ้ง”
เซลีนไม่ลืมที่จะเอาน้ำทิพย์สวรรค์ไปหยดใส่ในกะละมังที่ไว้สำหรับแช่ผัก ก่อนจะไปทำน้ำจิ้มเพิ่ม แล้วก็หันมาทำผัดไทยกับผัดกะเพราต่อ กว่าจะทำอาหารให้ลูกค้าได้ครบตามจำนวน เธอก็เหนื่อยจนร่างแทบแหลก จนอยากจะลงไปนอนแผ่กับพื้นครัวให้รู้แล้วรู้รอด เซลีนนั่งเหม่อคิด...ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ทำไมมันถึงได้เว่อร์วังขนาดนั้น เพียงแค่กลิ่นอาหารที่เธอทำ ก็สามารถพลิกสถานการณ์ที่เลวร้ายให้กลายเป็นดีได้ถึงเพียงนี้เชียว
แถมแขกไม่บ่นสักคำว่ารอนาน หลังจากที่ได้ข้าวเกรียบปลาไปทานรออาหารจานหลัก ทั้ง ๆ ที่เธอก็ใช้เวลาไปไม่น้อย ที่น่าแปลกก็คือ ลูกค้า ทั้งร้านสั่งอาหารแค่สองอย่าง กับออร์เดิร์ฟอีกแค่อย่างเดียว พวกเขาก็ พึงพอใจกันแล้ว เซลีนได้แต่สงสัยอยู่เงียบๆ แต่มันก็เป็นเรื่องดีเสียจนเธอไม่ได้สนใจอะไรต่อ
คืนนี้เซลีนเหนื่อยมาก แต่ก็ยิ้มอย่างภูมิใจที่เธอสามารถแก้ปัญหาให้กับเจ้รำไพได้ เซลีนเหม่ออยู่ได้เพียงไม่นาน เสียงฝีเท้าของคนก็เดินเข้ามาทำให้เธอหลุดจากภวังค์ทันที พี่จันทร์กับเจ้รำไพกลับเข้ามาในห้องครัว ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มปนเหนื่อยอ่อน หลังจากที่ลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้านไปพร้อมรอยยิ้ม และพวกเขาก็ฝากส่งคำชมมาให้เชฟที่ทำอาหารได้อย่าง น่าประทับใจ
ทุกคนรู้ว่าวันนี้เซลีนรับศึกหนักแค่ไหน เซลีนจึงถูกกันออกจากการเก็บกวาดไปโดยปริยาย
เมื่อเห็นว่าทู่ซี้ไปขอช่วยงานไม่ได้ เธอจึงไปล้างมือ แล้วไปนั่งพักที่เก้าอี้ ส่วนพี่น้อย มาร์ค กุ้ง ก็เคลียร์ครัวกันไป พร้อมกับเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข เป็นบรรยากาศที่ไม่ได้เห็นบ่อยนัก เพราะปกติในครัวจะอยู่กันเงียบ ๆ เพราะไม่อยากสนทนากับพี่สักนั่นเอง
“ช่อคืนนี้ช่อเป็นฮีโร่เลยนะรู้ตัวไหม ถ้าวันนี้ไม่มีช่อนะ เจ้ก็ไม่รู้จะ ทำไงเหมือนกัน เจ้ขอบใจช่อมาก ๆ นะ เจ้ไม่รู้มาก่อนเลยว่าช่อทำอาหารเก่งขนาดนี้” เจ้รำไพกล่าวชมจากใจจริง พลางมองเซลีนด้วยสายตาอ่อนโยนปนชื่นชม
“เจ้ มาขอบอกขอบใจอะไรกัน ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป เจ้ก็ช่วยช่อไว้มาก ถ้าช่อไม่ตอบแทนบุญคุณ ก็เป็นคนเนรคุณแล้ว จริงมั้ยจ้ะ อีกอย่าง ที่ไม่มีใครรู้เพราะช่อไม่ชอบลงเตาน่ะเจ้ มันร้อน กลัวหน้าเป็นฝ้า แฮะ ๆๆ” เซลีนเอ่ยแก้ตัวติดตลกอีกครั้ง
“ช่อ ทำอาหารอร่อยกว่าเจ้าสักอีกนะ ลูกค้าบอกว่าจะกลับมาทานอีกวันพรุ่งนี้ จะชวนเพื่อน ๆ มาด้วย วันนี้ลูกค้าแฮปปี้มาก ชมอาหารอร่อยกันทุกคน ไม่บ่นเลยว่ารอนาน สงสัยได้ข้าวเกรียบปิดปากแล้วคงพอใจน่าดูล่ะ” เจ้รำไพเอ่ยปากชมไม่หยุด
“โอ้ยย จริงเหรอเจ้ แค่เขาไม่ด่าฉันก็แฮปปี้จะตายแล้ว” พี่น้อยว่าขณะที่ออกแรงขัดกระทะอย่างเมามัน
“แต่เจ้ว่าทุกคนน่าจะแฮปปี้มากกว่านี้ ถ้าเห็นข้างในกล่องแล้ว”
เจ้รำไพส่งยิ้มให้ทุกคน ก่อนจะยกกล่องทิปออกมาวางตรงหน้า ทุกคนและค่อยๆ เปิดออก
ทั้งพี่น้อย มาร์ค และกุ้ง ที่กำลังทำงานอยู่ต่างพากันละมือแล้วหันมาจ้องที่กล่องทิปตาเป็นประกาย ยิ่งพอเห็นข้างใน ทุกคนก็พากันร้องว้าว ทำตาโต ยิ้มกว้างจนปากแทบฉีก เพราะภาพที่พวกเขาเห็นตรงหน้านั้นเต็มไปด้วยธนบัตรจำนวนต่าง ๆ ที่อัดแน่นอยู่ข้างใน แถมมีเหรียญเป็นกำ ๆ อยู่ข้างในอีกด้วย จากที่ปกติทั้งกล่องจะเต็มไปด้วยเหรียญแทบไม่มีธนบัตรเลยสักใบ
“เจ้ มันได้เยอะขนาดนี้เลยเหรอ ตั้งแต่ทำงานที่นี่มา ยังไม่เคยเห็นได้ทิปเยอะขนาดนี้มาก่อนเลย ถือว่าเป็นครั้งแรกของเราเลยนะ” พี่จันทร์สาวเสิร์ฟคนสวยเอ่ยออกมาด้วยความตะลึง พร้อมเดินเข้ามาใกล้กล่องใส่ทิป ราวกับอยากให้แน่ใจว่าที่เห็นนั่นเป็นของจริง
“อันนี้ก็ต้องยกความดีให้ช่อไป ลูกค้าติดใจอาหาร มันก็เลยได้เยอะแบบนี้แหละ” เจ้รำไพยกความดีความชอบให้เซลีน ครั้งนี้ถือว่าได้เด็กคนนี้ช่วยไว้จริง ๆ ไม่อย่างนั้นไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
“เจ้ แค่ช่อคนเดียวที่ไหนกันล่ะจ้ะ พวกเราทุกคนนั่นแหละที่ทำให้ได้เยอะขนาดนี้ เพราะถ้าช่อทำคนเดียวก็ไม่รอดเหมือนกัน เพราะทุกคนช่วยกัน งานเลยออกมาสำเร็จแบบนี้ ดังนั้นความดีความชอบวันนี้ ทุกคนมีส่วนด้วยกันทั้งหมดเลยนะ ช่อก็ต้องขอบคุณทุกคนด้วยจริง ๆ จ้ะ”
เซลีนปฏิเสธออกไปอย่างสุภาพ พร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานให้ทุกคนอย่างเป็นมิตร ทุกคนปรบมือให้กันอย่างปลิ้มปีติ เพราะการทำงานที่ สบายใจแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นนอกจากเงินที่ได้เพิ่มขึ้น พวกเขายังได้รับความสบายใจในการทำงานเพิ่มขึ้นมาอีก ทำให้คืนนี้เป็นคืนที่พิเศษยิ่งกว่าคืนไหน ๆ
เซลีนยกมือไหว้ทุกคน แล้วเริ่มรู้สึกหนักหัวอย่างกระทันหัน เธอเอามือกุมไปที่หน้าผาก
“เจ้ ช่อเริ่มปวดหัวขึ้นมาละ เดี๋ยวเรากลับบ้านกันก่อนดีไหมจ้ะ สงสัยวันนี้จะทำงานหนักไป อีกอย่าง วันนี้น้ำหวานอยู่กับสองแฝดวันแรกด้วย ช่อขอกลับบ้านไวหน่อยนะเจ้” เซลีนบอกกับเจ้รำไพด้วยสีหน้าที่ อิดโรย เมื่ออีกฝ่ายเห็นใบหน้าที่หมดแรงของเซลีน ก็รีบพยักหน้ารับทันที
“ได้ ๆ” เจ้รำไพตบไหล่เซลีนเบา ๆ
“สาว ๆ รีบเคลียร์ร้านนะ น้อยฝากปิดร้านให้ด้วย เจ้จะพาช่อ กลับบ้านก่อน พรุ่งนี้พวกเราค่อยมาคุยกันว่าจะเอาไงต่อไป” เจ้รำไพหันไปบอกพี่น้อยแล้วเดินนำเซลีนออกมาจากร้านไป
ใช้เวลาเดินทางไม่นาน อาจจะเพราะดึกมากแล้ว เมื่อทั้งคู่เปิดประตูเข้าบ้านไป ก็เห็นน้ำหวานนั่งดูทีวีอยู่พอดี เด็กสาวหันมายิ้มแล้วยกมือไหว้ทั้งคู่ด้วยท่าทีเรียบร้อย
“กลับมาแล้วเหรอคะ” เธอเอ่ยทัก
“กลับมาแล้วจ้ะ เป็นไงบ้างน้ำหวาน สองแฝดดูแลยากรึเปล่า”
เซลีนรวบกระเป๋าไปนั่งข้าง ๆ น้ำหวานที่โซฟา พร้อมถามเรื่องของลูก ๆ ของเธอ
“เด็ก ๆ น่ารักมากค่ะ ดูแลง่ายมาก น้อง ๆ ทานมื้อเย็นเรียบร้อย ทำการบ้านเรียบร้อย น้ำหวานเลยให้ดูการ์ตูนถึง 1 ทุ่ม แล้วค่อยพาเข้านอนค่ะ” เด็สาวรายงานสิ่งที่ทำไป ในช่วงที่เซลีนและเจ้รำไพไม่อยู่อย่างละเอียด ทำให้เซลีนโล่งใจเป็นอย่างมาก
“ดีจัง ขอบใจมากนะจ้ะ” เซลีนเอ่ยปากขอบคุณ
“ยินดีค่ะพี่ช่อ อย่างนั้นน้ำหวานขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ”
เด็กสาวลุกจากโซฟาไปหยิบประเป๋าที่วางอยู่ตรงโต๊ะ แล้วหันมายกมือไหว้ทั้งสองคนอีกครั้ง
“กลับบ้านดี ๆ นะน้ำหวาน” เจ้รำไพเอ่ย ก่อนที่เด็กสาวจะหายไปจากหน้าบ้าน เหลือเพียงเจ้รำไพและเซลีนที่อยู่ในห้องนั่งเล่น
“ช่อก็ไปพักเถอะ วันนี้คงเหนื่อยน่าดู” เจ้รำไพตบไหล่เซลีนเบา ๆ
“จ้ะ ฉันไปนอนก่อนนะ เจ้ก็รีบนอนล่ะ” เธอเอ่ยลาเจ้รำไพ แล้วพยายามพาตัวเองไปอาบน้ำเพื่อเข้านอน
เมื่อหัวถึงหมอน เซลีนก็พบว่าร่างกายของเธออ่อนล้าชนิดที่เรียกว่าหัวแตะหมอนก็สลบไสลไปทันที
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?