ตอนที่ 27 เจสัน

เวลา 9 โมงเช้า

เซลีนกับเจ้รำไพกำลังนั่งดื่มชาและคุยกันอยู่ในห้องรับแขก เพื่อรอการมาถึงของเจสันลูกชายของเจ้รำไพ เด็ก ๆ ไปโรงเรียนนานแล้ว คุยกันได้ไม่นานก็มีเสียงกริ่งดังที่หน้าประตู เซลีนจึงอาสาเป็นคนไปเปิดประตูด้วยตนเอง แต่เจ้รำไพก็เดินตามมาด้วย

“เอ่อ คุณเจสันใช่ไหมคะ” เซลีนถามชายหนุ่มตรงหน้า ความทรงจำเกี่ยวกับเจสันช่างเลือนรางในความรู้สึกของเธอ

เซลีนมองชายหนุ่มที่ยืนตรงหน้า คิ้วหนาที่ได้รูป จมูกที่โด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง ตัดแต่งทรงผมรองทรงอย่างเรียบร้อย ส่งผลให้ใบหน้าโดยรวมของชายหนุ่มถือได้ว่าเป็นคนหน้าตาดีคนหนึ่งที่เดียว เขาน่าจะสูงประมาณ 180 เซนติเมตร รูปร่างดี บุคลิกภาพดี สวมแว่นตาดำแบรนด์ดัง ชายหนุ่มมีผิวออกแทน อาจจะเป็นลูกครึ่งและทำงานกลางแดดก็เป็นได้

“ครับ ผมเจสัน อะไรซินดี้จำพี่ไม่ได้แล้วเหรอ น้อยใจนะครับ”

“สวัสดีค่ะ ตอนนี้ฉันเปลี่ยนชื่อเป็นเซลีนแล้วค่ะ อีกอย่างต้องขอโทษด้วย ฉันเกิดอุบัติเหตุหัวกระแทก ความทรงจำอาจจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะคะ” เซลีนยิ้มตอบ

ก่อนที่จะได้คุยอะไรกันไปมากกว่านี้ เจ้รำไพก็มายืนอยู่ด้านหลัง เซลีน เมื่อเจสันเห็นว่าแม่ตนเองชะโงกหน้าออกไป ก็รีบเดินไปกอดและทักทายทันที

“คุณแม่ สวัสดีครับ”

“หวัดดีครับลูก เป็นไงบ้าง ผอมไปหน่อยไหมครับ” เจ้รำไพกอดตอบลูกชายแล้วก็ผละออกมาเพื่อสำรวจร่างกายลูกชายจนพอใจ

“เข้าบ้านก่อนไหมคะ คุณเจสันจะดื่มอะไรดีคะ ชา กาแฟ น้ำผลไม้ หรือว่าน้ำเปล่า” เซลีนชวนทุกคนเข้าไปในบ้านและเสนอตัวนำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ

“ไม่ต้องเรียกคุณหรอกเซลีน เรียกพี่เจสันดีแล้ว พี่ขอกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลครับ” เจสันบอกเครื่องดื่มที่ต้องการออกไป ก่อนจะหิ้วกระเป๋าเดินเข้าบ้านไป

“เจสันลูกก็เอากระเป๋าไปเก็บที่ห้องเดิมของลูกนั่นแหละ แม่รอที่ห้องรับแขกนะ”

“งั้นเดี๋ยวผมลงมาคุยด้วยนะครับ ขอเอากระเป๋าไปเก็บก่อน” เจสันบอกแม่ของเขาก่อนเดินขึ้นไปที่ห้องเดิมของตนเอง

ผ่านไปไม่เกินสิบนาที เจสันก็มานั่งคุยกับแม่ของเขาที่ห้องรับแขก เซลีนจึงเอากาแฟดำและบิสกิต จานเล็กมาเสิร์ฟให้กับเจสัน

“เป็นไงบ้างเรานะ สบายดีไหม ทำไมถึงมาเยี่ยมแม่ได้ละ” เจ้รำไพเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงน้อยใจนิด ๆ

“โธ่คุณแม่ครับ ผมยุ่งสุด ๆ ไปเลยครับ ยิ่งใกล้เวลาที่จะปิดฤดูกาล เวลาทานข้าวผมยังหาไม่ได้เลย” เจสันบ่นออกไป

“อ้าวทำไมเป็นงั้นไปละ ถ้างานมันหนักแบบนี้ ลาออกแล้วมาช่วยแม่ดีไหม ร้านอาหารที่ไบรตั้นก็ไปได้ดีนะ หรือไม่ก็ไปหางานทำกับคลับที่ มันเล็กลงมาหน่อยดีไหม” เจ้รำไพตอนแรกที่ยังน้อยใจลูกชายอยู่ แต่พอ ได้ยินว่าลูกชายตนเองทำงานหนักขนาดนี้ ก็กล่าวขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

“แม่ครับ งานแบบผมไม่ว่าจะทำกับที่ไหนก็ยุ่งเหมือนกันนั่นแหละครับ ไหน ๆ มันก็ยุ่งอยู่แล้ว ยุ่งแล้วได้เงินและโปรไฟล์ก็ดีกว่าไหม อีกอย่างผมยังหนุ่ม ทำงานหนักไว้แต่เนิ่น ๆ ก็น่าจะไหวครับ ขอบคุณครับที่คุณแม่เป็นห่วงผม” เจสันยกมือไหว้แม่ของเขาด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง

“แล้วที่มาเยี่ยมแม่นี่ ทั้งที่งานยุ่งขนาดนี้มีอะไรหรือเปล่า” เจ้รำไพถามด้วยความสงสัย

“ผมขอตอบตามตรงเลยนะครับ หลัก ๆ เลยก็คิดถึงคุณแม่ เพราะผมไม่ได้มากอดคุณแม่ด้วยตัวเองมาก็เกือบสองปีแล้ว และผลพลอยได้คือ ผมจำได้ว่าคุณแม่เล่าให้ฟังเรื่องที่ซินดี้ เอ่อ เซลีนรักษาลูกค้าคุณแม่จนหายอาการนอนไม่หลับ และลูกค้าที่ร้านนวดก็ติดใจจนคิวยาวไปเป็นเดือน ๆ ผมเลยกะจะมาปรึกษาคุณแม่เรื่องนี้นะครับ”

“สรุปว่าจริง ๆ แล้วก็คือมาเรื่องงาน แต่เยี่ยมแม่เป็นผลพลอยได้ แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่น้อยใจนิด ๆ “ เจ้รำไพพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อลูกชาย พร้อมกับเมินหน้าไปทางอื่น

“โธ่ คุณแม่ครับ อย่าน้อยใจไปเลย หน้ายู่แล้วไม่สวยนะครับ” เจสันเริ่มง้อแม่ตนเอง

“เจ้ค่ะ พี่เจสันก็มานั่งอยู่ตรงหน้าเจ้ ให้เจ้ได้กอดสมใจแล้ว จะเหตุผลอะไรก็ลืม ๆ มันไปเถอะค่ะ ไหนบ่นทุกวันว่าลูกชายไม่มาเยี่ยม ได้แค่กอดสองแฝด” เซลีนช่วยเจสันพูดอีกที

“เจ้ก็รู้แหละ ก็แค่อยากเล่นตัวหน่อยไม่ได้หรือไง นาน ๆ จะมาให้กอดให้ชื่นใจสักที”

เจ้รำไพหันหน้าไปกอดลูกชายตนเอง หอมหัวหอมแก้ม คงนึกว่าเจสันยังเป็นเด็กเล็ก ๆ เหมือนแอนดี้ละมั้ง

“พี่เจสัน ที่ทำงานมีปัญหาหนักเหรอคะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการนวดละคะ” เซลีนเห็นว่าสองคนแม่ลูกปรับความเข้าใจกันได้แล้ว จึงถามถึงปัญหาทันที

“อีกไม่เกินสองเดือนก็จะปิดฤดูกาลปีนี้แล้ว ปีนี้ทางทีมของเราสามารถเข้ามารอบลึก ๆ ได้ และอาจจะมีโอกาสเป็นที่ 1 ของลีก ซึ่งมันก็จะทำให้เราเลื่อนจากลีกวันไปแชมเปี้ยนลีกได้ ทางสโมสรจึงหวังกับปีนี้มาก พี่ในฐานะที่ต้องดูแลสุขภาพและความพร้อมของนักเตะ เลยต้องรับศึกหนัก

ทางสโมสรให้มิชชั่นพี่มาว่าต้องรีแลกซ์นักเตะ รักษาสถิติไม่ให้ นักเตะบาดเจ็บระหว่างที่แข่ง ถ้าเจ็บต้องหายให้ทัน มันเป็นโจทย์ที่ค่อนข้างยากที่จะไม่ให้นักเตะบาดเจ็บในการแข่งขัน

ถ้าปีนี้พี่ทำมิชชั่นสำเร็จ พี่จะได้รับการพิจารณาขึ้นเป็นหัวหน้าทีม ซึ่งมันคือความฝันของทุกคนที่ทำงานตรงนี้ พี่จึงจะมาขอคนนวดจากร้านคุณแม่ไปนวดผ่อนคลายให้กับนักเตะ ซึ่งมันต้องไปอยู่ที่นั่นเลย ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน ค่าจ้างที่ทางสโมสรจะจ่ายก็จะเป็นงานเหมา มีสัญญาและตารางการทำงานชัดเจน ผมจึงจะมาปรึกษาคุณแม่ว่าพอมีคนที่สามารถไปทำงานนี้ได้ไหม ต้องการ 7 คนครับ” เจสันอธิบายรวดเดียวจบ

“แม่ต้องไปถามเจ้านางก่อน ว่าพอมีใครที่จะรับงานนี้ได้บ้าง”

“อีกอย่างที่ผมจะต้องบอกคุณแม่ไว้ก่อนเลย คือผมอยากได้คนที่นวดแก้อาการบาดเจ็บสักหนึ่งคน ซึ่งคนนี้สำคัญที่สุด เพราะถ้าตัวเก็งบาดเจ็บ คนนี้ต้องเป็นคนนวดรักษาอาการ”

“พี่เจสันคะ แล้วที่ทำงานพี่ไม่มีนักสปาประจำทีมเหรอคะ ถึงมาเอาหมอนวดไทยไปทำงานแทน” เซลีนแปลกใจ เพราะสโมสรระดับนั้นน่าจะมีทีมครบหมดแล้ว

“ทีมพี่มีหมอ นักโภชนาการ นักวิทยาศาสตร์การกีฬา นักบำบัด และนักสปา ครบหมดนั่นแหละ แต่ปีนี้พิเศษที่ทางเรามีโอกาสเลื่อนไป แชมเปี้ยนลีก ทางบอร์ดเลยไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาด

อีกอย่าง พี่ได้เสนอไอเดียนี้ไปที่บอร์ดเอง พี่เห็นว่ามันน่าจะใช้ได้กับการแก้ปัญหานี้ และลูกน้องคุณแม่จะมีงานทำตลอด รายได้ดี ที่สำคัญที่สุด คือร้านสยามสปาจะได้เครดิตตรงนี้ ต่อไปพอมีชื่อเสียงมากขึ้น ร้านคุณแม่ก็จะโด่งดัง คิดดูสิว่าที่อังกฤษมีสโมสรฟุตบอลกี่ทีม ทีนี่ละ มันก็จะเป็นโอกาสของร้านเรา”

“พี่เจสันนี่เจ๋งไปเลยค่ะ” เซลีนเอ่ยชมเจสันไปอย่างจริงใจ

ก็จะไม่ให้เธอชมได้ไง ก็ถ้าร้านสยามสปาโด่งดังขึ้นมา ในอนาคต ร้านนี้ก็จะตกเป็นของพี่เจสันเพราะเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้รำไพ ยิ่งเขาอยู่ในวงการนี้ คิดดูสิว่าจะมีคลับฟุตบอลมากแค่ไหน ที่จะเสนอค่าตัวให้เขาได้ดูแลทีม

ร้านนวดไทยในลอนดอนมีมากมาย คลับฟุตบอลสามารถให้ร้านอื่นทำงานให้ได้ แต่อย่าลืมนะว่าหัวใจสำคัญของร้านสยามสปา คือน้ำมันนวดที่ผสมน้ำทิพย์สวรรค์ เซลีนมั่นใจว่าร้านอื่นไม่มีแน่ ซึ่งมันก็เป็นผลดีของเธออย่างแน่นอน เงิน เงินจ๋า เงินที่ช่างหอมหวาน เธอสนับสนุนไอเดียนี้เต็มที่

“ถ้าไอเดียนี้ได้รับการยอมรับจากบอร์ดจริง อีกหนึ่งอาทิตย์ทางบอร์ดให้ทางร้านพานักสปาเข้าไปเทสต์งานเพื่อพิจารณาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วบอร์ดจะแจ้งผลการพิจารณาในวันถัดไป งานนี้ผมอยากให้คุณแม่เน้นกับคนของเราให้ทำเต็มที่ ถ้าเราได้งานนี้ รับรองว่าร้านเราโด่งดังแน่นอน” เจสันเน้นย้ำอีกที

“ได้ แม่จะจัดการให้ แม่ก็ตื่นเต้นนะถ้าร้านเรามีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมา แม่อาจจะขยายสาขาออกไปอีก ก็คุยกันกับนางอยู่ไม่นานมานี่เอง แต่แม่คงบริหารงานไม่ไหวน่ะสิ แก่แล้ว อีกอย่างก็มีร้านอาหารที่ไบรตั้นด้วย” เจ้รำไพบ่นออกมาด้วยสีหน้ายุ่งๆ

“เจ้ค่ะ ช่อว่าไม่เห็นจะยากเลย ร้านอาหารมันทำรายได้ให้เราดีมากก็จริง แต่มันก็เหนื่อยนะ เจ้ก็แก่แล้ว ทำไมเจ้ไม่แบ่งหุ้นให้พี่นากับพี่น้อย ล่ะคะ เจ้ไม่ต้องไปดูแลเอง ปล่อยให้พี่นากับพี่น้อยบริหารงานกันเอง เจ้แค่ถือหุ้นรอกินผลกำไรทุกเดือนเอา อาจจะได้น้อยลงมาหน่อยแต่ถ้าที่ร้านสปามันไปได้ดี เงินมันมากกว่าร้านอาหารนะคะ มันก็จะเป็นการตอบแทนพี่น้อยกับพี่นาด้วย วิน-วินทั้งคู่” เซลีนหาทางออกให้กับเจ้รำไพออกมาเป็นฉาก ๆ

“โอ้ช่อ อะเมชิ่ง เธอมันเป็นอัจฉริยะ เป็นผู้นำทางแห่งแสงสว่างให้เจ้เสมอ ทำไมเจ้คิดไม่ถึงนะ” เจ้รำไพหันไปชมเซลีนด้วยตาเป็นประกาย พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้เซลีนทั้งสองนิ้ว

“เซลีน เรื่องนี้ต้องเป็นหน้าที่คุณแล้วละ ในวันไปเทสงาน owner จะเข้าร่วมเทสต์ด้วย พี่อยากให้เซลีนเป็นคนรับผิดชอบเขา” เจสันหันหน้าไปคุยกับเซลีนโดยตรง

“เขาหรือคะ แสดงว่าเป็นผู้ชาย” เซลีนถาม

“ใช่แล้ว owner ของสโมสร ชื่อว่า นิโคลัส ไวท์ อายุแค่ 48 ปีเองนะ คุณนิโคลัสเป็นคนที่เก่งมาก เป็นคนที่ดุสุด ๆ ทำงานโคตรจริงจัง

ถ้านักเตะยังฝึกไม่ได้ตามเป้านะห้ามหยุด เวลาที่เขามาดูการซ้อมนะ นักเตะจะตั้งใจเป็นพิเศษ พวกพี่เลยสบาย ไม่ต้องคอยง้อนักเตะ

พวกเราตั้งฉายาว่าเสือยิ้มยาก ตั้งแต่พี่ทำงานกับเขามา ยังไม่เคยเห็นเขายิ้มมาก่อนเลย แต่เพราะเขาเป็นแบบนี้ สโมสรถึงก้าวกระโดดมายังจุดนี้ได้ พี่ละนับถือเขาจริง ๆ ที่สำคัญโสดสนิท” เจสันเมาส์ owner อย่างออกรสชาติ

หลังจากที่ตกลงรายละเอียดกันเรียบร้อยแล้ว เซลีนก็ขอตัวออกมาปล่อยให้สองแม่ลูกได้พูดคุยกันตามประสาแม่ลูกที่ไม่ค่อยได้เจอกันบ่อย ๆ

หลังจากที่สองแฝดกลับมาจากโรงเรียน แอนดี้รู้สึกว่าจะเข้ากันได้ดีกับเจสันเพราะคุยกันเรื่องฟุตบอล ทั้งสองคนพากันไปคลุกอยู่ในห้องนอน จนอลิสงอนที่พี่ชายไม่สนใจตนเอง เธอจึงหนีไปอ้อนเซลีนกับเจ้รำไพที่ห้องรับแขกแทน

เจ้รำไพลงมือทำอาหารด้วยตนเองโดยมีเซลีนเป็นลูกมือ เซลีนคิดว่าวันนี้เจ้รำไพคงมีความสุขมาก ๆ เพราะสังเกตเห็นว่าเจ้รำไพมีใบหน้า เปื้อนยิ้มตลอดเวลา เธอทำอาหารไปด้วยพลางเล่าเรื่องสมัยเด็ก ๆ ของ เจสันไปด้วย เซลีนก็ได้แต่ยิ้มรับและเป็นผู้ฟังที่ดี

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ