“คงเสียดายน่าดูนะคะ ร้านก็สวย ทำเลก็ดี แต่เอ๊ะ ขายผับเหรอคะ” เซลีนแสดงความคิดเห็นออกไป ก่อนที่จะคิดอะไรออกมาได้
“ใช่ครับผมประกาศขายอยู่ มีคนสนใจมาดูเยอะ แต่เขาจ่ายไม่ไหว ผมตั้งราคาไว้แพงพอสมควร”
“แสดงว่าคุณก็คงไม่อยากที่จะขายเท่าไหร่ใช่ไหมคะ ก็ต้องแน่นอนอยู่แล้ว คุณคงผูกพันกับผับนี้พอสมควรใช่ไหมคะ” พี่นาแสดงความคิดเห็นออกไป เพราะไม่งั้นเขาคงไม่ตั้งราคาไว้สูง
“ครับ ผมยอมรับว่าผมรักและผูกพันกับผับนี้ไม่น้อย ผมโตมากับ ผับนี้มันเป็นตัวแทนของคุณปู่กับคุณพ่อผม ผมก็ไม่อยากให้มาปิดในรุ่นของผมเช่นกัน”
“แล้วถ้าคุณไม่ต้องขายผับละคะ คุณยังเป็นเจ้าของผับนี้อยู่ และ คุณยังสามารถเปิดผับได้ตามปกติ และยังมีรายได้มาปลดหนี้ด้วย คุณคิดว่าไงคะ” เซลีนถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นจริงจัง จนแม้แต่คนที่มาด้วยอีก 4 คนยังอดแปลกใจไปด้วยไม่ได้
“ฮาๆ คุณล้อผมเล่นแล้ว คุณก็เห็นนี่ครับว่าร้านไม่มีลูกค้าเข้าเลย แล้วจะขายได้ยังไง” เจ้าของร้านหัวเราะด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“ฉันจริงจังค่ะ คุณมองดูฉันชิคะ ฉันดูเหมือนล้อเล่นเหรอคะ”
เซลีนพยายามพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจ ว่าที่เธอพูดนั้นเธอต้องการคำตอบที่จริงจังกลับมา
“ช่อ จะทำอะไรน่ะ”เจ้รำไพถามเซลีนออกไป เพราะเห็นว่ามัน ชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้ว
“เจ้ไว้ใจช่อไหม ช่อไม่ทำเรื่องไร้สาระหรอกค่ะ ช่อมีไอเดียที่จะแก้ปัญหาแล้ว” เซลีนหันไปบอกเจ้ให้ใจเย็น ๆ แล้วฟังแผนการของเธอ
“อืม” เจ้รำไพทำได้เพียงพยักหน้าเบาๆ เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของเซลีน
“ขอโทษนะคะ คุณสนใจฟังข้อเสนอของพวกเราไหมคะ” เซลีนหันไปพูดกับเจ้าของผับอีกครั้ง
“ได้สิผมก็ว่างอยู่แล้ว ลูกค้าก็ไม่มี ผมพร้อมที่จะลองฟังข้อเสนอของคุณได้” เจ้าของผับพูดออกมา เพราะเขาไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
“ดีค่ะ ขอบอกก่อนเลยว่าพวกเราทำงานที่ร้านครัวสยามในลอนดอน ร้านเราเป็นร้านอาหารไทยติดอันดับ 1 มาหลายเดือน เจ้รำไพเป็นเจ้าของร้าน ตอนนี้เรามีปัญหาเจ้าของตึกขอคืนสัญญาเช่าก่อนกำหนดครบกำหนดสัญญา มันเลยเป็นที่มาว่าเราต้องปิดร้านที่ลอนดอนในอีก 6 วีคข้างหน้านี้” เซลีนเปิดเรื่องให้อีกฝ่ายฟังแบบตรงประเด็น ซึ่งเจ้าของผับที่ฟังอยู่ก็ตั้งใจฟังทันที
“วันนี้ที่พวกเรามาเที่ยวที่ไบรตั้น ก็เพราะสถานการณ์มันตึงเครียด เลยหาทางเปลี่ยนบรรยากาศ เผื่อจะคิดหาทางออกได้ แล้วก็มาเจอผับของคุณ จนมาฟังเรื่องราวที่คุณจะขายผับทั้ง ๆ ที่ใจจริงคุณก็อยากเก็บไว้ ฉันเลยคิดวิธีวิน-วินกันทั้งสองฝ่ายขึ้นมาได้พอดี” เซลีนยิ้ม
“ว่ามาได้เลยครับ” เจ้าของร้านเริ่มยิ้มออกมา
“ร้านครัวสยามของเราขึ้นชื่อเรื่องอาหารที่อร่อย โดยเรามีเมนู ผัดไทยเป็น signature ของร้าน ข้าวเกรียบปลาน้ำจิ้มไก่กับผักสด เป็น signature appetizer ในส่วนของผับ ฉันยังมีสูตรค็อกเทลที่ฉันมั่นใจว่าลูกค้าต้องชอบแน่ ๆ อีกหลายสูตร และถ้าเราร่วมมือกัน คุณกับเจ้รำไพ ของเราแบ่งกำไร 50-50 คุณสนใจไหมคะ ในส่วนรายละเอียดปลีกย่อย เราค่อยมาตกลงกันอีกที คุณอาจจะไม่มั่นใจว่ามันจะดีหรือเปล่า ฉันขอยืมบาร์คุณหน่อย ฉันจะทำค็อกเทลให้ลูกค้าในร้านนี้ชิม แล้วเรามาดูฟี๊ดแบ็คกัน หลังจากชิมค็อกเทลของฉันแล้วคุณค่อยให้คำตอบก็ได้”
เซลีนเสนอความคิดการทำธุรกิจร่วมกันขึ้นมา เพราะเธอมองเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ ทั้งสองคนต่างเติมเต็มส่วนที่ขาดของกันและกันไป
เจ้รำไพคงไม่สามารถเป็นเจ้าของร้านอาหารได้เองตราบใดที่ คุณอารยายังไม่เลิกเจ้าคิดเจ้าแค้น แต่ถ้าเป็นแค่ลูกจ้างหรือพาร์ทเนอร์ คุณอารยาก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนชายคนนี้ก็ยังเป็นเจ้าของร้านอยู่ เขาก็สามารถเก็บร้านของครอบครัวไว้ได้
เธอมั่นใจว่ามันต้องขายดีแน่นอน การตลาดในตอนแรกไม่น่าจะยาก ใคร ๆ ก็ชอบของฟรี เธอมีไอเดียผุดขึ้นมามากมาย ถึงแม้ว่าเธอจะยังไม่เคยทำผับมาก่อน แต่มันก็ไม่เกินความสามารถของเธอไปได้ ยิ่งได้น้ำทิพย์สวรรค์มาช่วย เธอเลยยิ่งมั่นใจ อีกอย่าง ไบรตั้นกับลอนดอนก็ไม่ห่างกัน มากนัก เดินทางไปกลับได้ในวันเดียว สำหรับเรื่องอนาคตก็ค่อยว่ากันไป
หลังจากฟังข้อเสนอที่ดูดีมากของเซลีน ชายวัยกลางคนก็อนุญาตให้เซลีนได้ลองไปทำค็อกเทลที่หลังเคาน์เตอร์บาร์ Mocktailสีฟ้า หรือ Blue Hawaii Mocktail คือตัวแรกที่เธอจะทำ เธอจะตั้งชื่อใหม่ว่า Briton blue ที่เธอเลือกสูตรนี้ เพราะว่าเซลีนกะจะให้เป็น Signature Non-Alcohol นอกจากนี้ไบรตั้นยังเป็นเมืองติดทะเล อะไรที่เป็นสีฟ้าก็เข้ากันดีกับบรรยากาศ สีสันสวยงาม ไร้แอลกอฮอล์ วิธีทำง่าย และเธอยังสามารถแปลงน้ำทิพย์สวรรค์เป็นน้ำเชื่อมได้ ถ้าในอนาคตเป็นคนอื่นทำเสิร์ฟ
กลุ่มของเซลีนที่เหลือ รวมถึงชายเจ้าของผับก็พากันไปนั่งที่เก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ เพื่อรอเซลีนทำเครื่องดื่มให้ชิมกัน
เซลีนเอื้อมมือไปหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวม ล้างมือให้สะอาด เช็ดให้แห้ง มองหาวัตถุดิบทั้งหมดว่าอยู่ตรงไหน พอเห็นแล้วก็หยิบออกมาเตรียมไว้ เพราะเธอไม่อยากให้เสียเวลา
ขณะที่กำลังทำเซลีนยกมือขึ้นพนม ระลึกถึงท่านเทพ ขอพรให้ เจ้าน้ำสีสวยที่เธอกำลังจะทำนั้น มัดใจเหล่าชายหนุ่มตรงหน้าเอาไว้ได้อยู่หมัด
“เซลีนร่ายมนตร์อีกแล้ว”
ส่วนกุ้งก็ยังคงแอบแซวเธอเหมือนเดิม เซลีนจึงหันมาค้อนก่อน หันไปจัดการโชว์ฝีมือทำค็อกเทลของเธอต่อ เธอตวงน้ำสับปะรด 2 จิ๊กเกอร์ เกรนาดีน 0.5 จิ๊กเกอร์ ตามด้วยน้ำเชื่อม 1.5 จิ๊กเกอร์ และน้ำมะนาวอีก 1 จิ๊กเกอร์ ใส่น้ำแข็งต่อลงไปอีกเล็กน้อย ปิดฝาเชคเกอร์อย่างคล่องแคล่วทั้งหมดด้วยเพียงสองมือและปลายนิ้วทั้งสิบ เป็นอันเสร็จสิ้นในขั้นตอนนี้
ในส่วนของการเชคเกอร์นั้น เซลีนมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในลีลาพลิ้วไหวของตนเอง เธอหมุนตัวจับเชคเกอร์ขึ้นให้อยู่ระดับใบหน้าสวย เช็คสลับไปมาซ้ายขวาพร้อมสบตาผู้ชมตรงหน้าเพียงแวบเดียว ก่อนจะเช็คมันด้วยเพียงมือขวาและเอนตัวลงดั่งในหนังเรื่อง “เดอะ แมทริค”
เมื่อเซลีนโชว์ลีลาจนพอใจแล้ว จึงกลับขึ้นมายืนตรงเช่นเดิมและบรรจงรินน้ำสีฟ้าใสลงในแก้วใบใหม่และใส่น้ำแข็งให้เต็ม ขอบแก้วที่ถูกตกแต่งด้วยสับปะรดฝานบาง ยกระดับความสวยงามให้กับ Mocktail ที่ ถูกล้อมรอบไปด้วยทะเลเฉกเช่นสีเดียวกัน
เซลีนไม่แปลกใจอีกแล้วที่ครั้งนี้เธอมีสกิลบาร์เทนดี้ เพราะหลังจากที่ผ่านการทำอาหารครั้งแรกในตอนนั้น เซลีนก็สังเกตเห็นตนเองมีสกิลที่เธอไม่เคยคิดมาก่อนเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นเธอเลยไม่มีทีท่าตกใจหรือแปลกใจอีกต่อไป
“อันนี้เป็น Mocktail ฉันตั้งชื่อว่า Briton Blue ฉันกะจะให้เป็น signature ของร้านค่ะ แบบไม่มีแอลกอฮอล์” เซลีนเลื่อนแก้ว Mocktailออกไปให้กับชายเจ้าของร้านได้ชิม แล้วลงมือทำ Briton Blue ที่เหลือต่อทันที แต่ครั้งนี้เธอแค่ทำแต่ไม่ได้เช็คโชว์ลีลาอะไร ก่อนที่จะทำออกมาแล้วนำแจกให้ทุกคนลองชิม รวมถึงลูกค้าคนอื่นในร้านด้วย
“ว้าว มันกลมกล่อมมาก ไม่บาดคอด้วย นุ่มลึกและหอมมาก ๆ มันหอมอะไรครับ” เจ้าของร้านถามออกไป
“วันนี้ฉันทำแบบส่วนผสมมีไม่ค่อยครบตามสูตรที่ฉันต้องการ เลยใช้แค่แก้ขัดไปก่อน แต่ถ้าในอนาคตฉันได้มีโอกาสเตรียมส่วนผสมเอง ฉันรับรองว่าคุณต้องร้องขอแก้วต่อไปแน่นอน สำหรับคำถามว่าหอมอะไร มันคือความลับสวรรค์ค่ะ” เซลีนขยิบตาอย่างน่ารักให้กับชายเจ้าของร้าน
“ฮา ฮา” เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของชายวัยกลางคนทำให้ลูกค้าในร้านเริ่มเดินเข้ามายืนอออยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ด้วย
“แก ช่อ ไปทำแบบนี้เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันไม่รู้เลยนะเนี๊ยะ แกนี่ ลูกรักฟ้าประทานจริง ๆ” กุ้งร้องออกมาเสียงตื่นเต้น หลังจากที่ได้เห็นการโชว์ของเซลีนเพื่อนสนิท
“นั่นสิช่อ เจ้ไม่รู้เลยนะว่าช่อก็ทำเครื่องดื่มได้”
“จิ๊บ ๆ น่า เดี๋ยวขอตัวทำอีกอย่างก่อนนะ รอบนี้มีแอลกอฮอล์ ฉันคนไทยก็กะว่าจะทำไหมไทยนะคะ” เซลีบอกเจ้าของร้านออกไป
แล้วก็ไม่ทำให้ใคร ๆ ผิดหวัง ไหมไทยสีชมพูสวย กลิ่นหอมฟุ้ง ตั้งแต่เซลีนเยาะน้ำทิพย์สวรรค์ลงไป เจ้าของร้านก็ยังเป็นคนแรกที่ได้ชิมเครื่องดื่มที่สองนี้
“ผมเชื่อละครับว่าคุณเก่งจริง ๆ ถ้าเรามีสินค้าแบบนี้ รับรองได้ว่าลูกค้าอาจจะกลับมาอีกครั้งก็ได้” เจ้าของร้านเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดีใจ
“ผมชอบนะ มันนุ่มลิ้นดีมาก” ลูกค้าคนที่ 1
“ผมชอบกลิ่นมากกว่า” ลูกค้าคนที่ 2
“ผมชอบที่มันไม่บาดคอที่สุด” ลูกค้าคนที่ 3
“ทำยังไงผมถึงจะได้สั่งแบบนี้ทุกครั้งได้ละ”
ลูกค้าคนที่ 1 พูดจบแล้วก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้นมา เพราะว่าเพื่อนๆ ต่างก็รู้ว่าชายคนนี้เป็นพวกคลั่งการดื่มแค่ไหน
“เป็นไงคะ หลังจากที่ดื่มเครื่องดื่มไป 2 ชนิด คุณมีความเห็นว่า ยังไงคะ สนใจรับข้อเสนอของพวกเราไหม” เซลีนถามออกไปอย่างตั้งใจ
“ผมว่ามันเร็วเกินไปที่ตัดสินใจ เอาเป็นว่าผมจะให้คำตอบหลังจากที่ฟังโปรเจกต์ของคุณแล้ว คุณสะดวกที่จะให้แผนงานผมเมื่อไหร่ละครับ”
“คืนนี้คงเป็นไปไม่ได้ แต่เราจะกลับมาในอีก 3 วัน ฉันขอนามบัตรคุณได้ไหมคะ อาจจะต้องติดต่อกันเพื่อสอบถามข้อมูลบางอย่างในระหว่างการทำโปรเจกต์นะคะ” เซลีนเอ่ยถามคอนแทกต์จากเจ้าของร้าน
“นี่ครับนามบัตรของร้าน เอ่อ ผมต้องขอโทษด้วยที่แนะนำตัวช้าไป ผมแกรี่ แมคคอยล์ ครับ เรียกผมว่าแกรี่ก็ได้ครับ” ชายวัยกลางคนเอ่ยแนะนำตัวออกมา
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ แกรี่ นี่มิสซีสรำไพ คุณเรียกเธอว่าเมย์ก็ได้ค่ะ ถ้าพวกเราตกลงร่วมงานกัน เธอจะเป็นพาร์ทเนอร์ของคุณ ฉันชื่อเซลีนค่ะ ส่วนนั้นก็ กุ้ง มาร์ค นา เพื่อนร่วมงานของฉันที่ร้านค่ะ” เซลีนแนะนำให้ ทุกคนรู้จักกันอย่างเป็นทางการ
“เอาเป็นว่าคืนนี้ผมเลี้ยงเครื่องดื่มพวกคุณละกัน ยินดีที่ได้พบกัน อีกครั้งครับ” แกรี่เดินออกมาส่งทั้งห้าคนที่หน้าร้าน จากนั้นทั้งหมดก็เดินกลับมาที่สถานีรถไฟเพื่อกลับลอนดอน
ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถไฟ
“เจ้ ช่อขอโทษนะที่ตัดสินใจทำแบบนั้นลงไป ช่อควรจะปรึกษาเจ้ก่อน แต่ช่อเห็นว่ามันเป็นโอกาส และช่อเชื่อว่าเจ้ต้องไม่โกรธช่อแน่นอน ถ้าได้ฟังแผนการของช่อแล้ว อีกอย่างถ้าเจ้ไม่ทำ ช่อคิดว่าช่อจะทำเอง” เซลีนยกมือไหว้ขอโทษเจ้รำไพ
“เจ้ไม่โกรธช่อหรอก เจ้รู้ว่าเจ้ไว้ใจช่อได้ อีกอย่างช่อก็ต้องคิดมาดีแล้วถึงทำแบบนั้นลงไป เอาละ ไหนลองเล่าแผนการมาให้ฟังหน่อยชิ”
“ก็ไม่มีอะไรมากค่ะเจ้ มันเป็นอย่างนี้นะคะ
คุณอารยาเขาอยากได้ร้านของเราก็ปล่อยเขาเอาไป เราก็แค่เปิดร้านใหม่ แต่ช่อคิดว่าตราบใดที่เจ้ยังเป็นเจ้าของอยู่ คุณอารยาก็คงหาทางเล่นงานเจ้ได้อยู่วันยังค่ำ การร่วมงานกับ แกรี่ ถือเป็นการแก้ปัญหาทางหนึ่ง
เราควรออกมาจากลอนดอน อีกอย่างไบรตั้นกับลอนดอนก็ไม่ห่างกัน เราสามารถเดินทางไปกลับได้ในช่วงแรก ๆ ถ้ามันกิจการดีจริง ๆ เราก็ค่อยว่ากันอีกทีหนึ่งว่าจะย้ายมาที่นี่ไหม ช่อว่าอยู่ ห่าง ๆ คุณอารยาไว้ก็ดีไปอย่างนะ
แกรี่เขาคงไม่อยากขาย ก็สมบัติของครอบครัวเป็นเราก็คงอยากเก็บไว้ การเป็นพาร์ทเนอร์กับเรา จะช่วยให้แกรี่ยังได้เป็นเจ้าของผับเช่นเดิม เจ้ก็ได้แกรี่เป็นร่มกางปกป้องให้จากการหาเรื่องของคุณอารยา วิน-วินทั้งสองฝ่ายด้วย
ผับของเราจะเปิดกลางวันกับกลางคืน จะเปิดขายทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง กลางวันเราจะขายให้นักท่องเที่ยว ส่วนกลางคืนก็ขายให้คนในเมืองนี้ เชื่อช่อเถอะ งานนี้เราก็ทำการตลาดเหมือนร้านเราที่ลอนดอน รับรองไม่กี่เดือนจากคนโล่งๆ ก็โต๊ะเต็มแน่นอน
เจ้เห็นเวทีตรงกลางใกล้กับรูปเรือไหม เราจะจัดให้มีการแสดงดนตรีสด เราอาจจะไม่แสดงทุกวัน แต่เราจะมีกำหนดแจ้งล่วงหน้าให้คนรู้ นอกจากนี้ช่อกำลังคิดจะจ้างคอมมาดี้มาแสดงด้วย เราจะเก็บตั๋วเข้าชมในช่วงเวลานั้น ถ้ามีคนจองเข้ามา ในช่วงแรกนี้ มันอาจจะต้องลงทุนมากหน่อย แต่ช่อเชื่อว่ามันจะคุ้มทุนแน่นอน เผลอ ๆ ไม่เกินหนึ่งปี ก็ได้กำไรแล้ว ช่อว่านะ
6. เมนูอาหารและเครื่องดื่มเราก็มาคิดกันอีกที
ทั้งหมดนี่เจ้คิดว่าไงคะ”
“มันเข้าท่ามากเลยช่อ ทำไมแกฉลาดเวอร์แบบนี้ว่ะ ทำไมเมื่อก่อนยอมให้ไอ้เจ้ามาร์คข่มเหงอยู่ได้” กุ้งถามออกไป
“สรุปชมหรือด่าฉันกุ้ง” เซลีนหันกลับไปถามเพื่อนทันที
“ชมสิแก เซลีนเพื่อนเลิฟ พี่นาว่าไงบ้างคะ สำหรับไอเดียนี้” กุ้งถามออกไปกับพี่นา
“พี่ฟังแล้วก็น่าสนใจนะ น่าจะเป็นทางออกที่ดีได้เลยล่ะ” พี่นาแสดงความคิดเห็นของตนบ้าง
“เจ้มาคิดดูแล้ว ไหน ๆ ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ลองดูสักตั้งก็น่าจะดี เอาตามที่ช่อว่าละกัน แล้วอีกสามวันจะทำโปรเจกต์ทันเหรอ” เจ้รำไพเอ่ยถามออกไป
“ทันแน่นอนเจ้ ช่วงนี้เจ้ก็ไปทำงานตามปกตินั่นแหละ เรามีเวลาอีกหลายอาทิตย์กว่าจะถึงกำหนด ป่านนั้นเราก็คงรู้แล้วว่าแกรี่เขาจะตกลง ทำธุรกิจกับเราหรือเปล่า” เซลีนตอบ
“อืม งั้นเอาตามที่ช่อว่ามาละกัน โชคดีมากเนาะ ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ที่มาไบรตั้นคืนนี้ มันเหมือนมีอะไรดลใจสั่งให้เจ้มา เจ้ก็บอกไม่ถูก” เจ้รำไพเอามือทาบอก เพราะรู้สึกโล่งใจอย่างน่าประหลาด
“จะอะไรก็ช่างเถอะเจ้ คนดีตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้หรอก” เซลีน บอกกับเจ้รำไพ
“พี่นา ถ้าพวกเราย้ายไปเปิดร้านที่ไบรตั้น พี่นาจะไปกับพวกเราไหม มาร์ค กุ้งด้วย” เซลีนถามออกไปด้วยความหวังว่าทั้งสามคนจะตอบตกลง
“แน่นอนอยู่แล้วสิ เพื่อนรักกันนี่นา อีกอย่าง แกกับเจ้ก็เดินทางไปกลับ พวกเราก็เดินทางพร้อมกันแบบนี้ง่ายจะตาย แต่ถ้าในอนาคตมันลำบากหรือไม่ไหว ค่อยว่ากันอีกที เจ้ขอค่าเดินทางด้วยนะ” กุ้งยังไม่วาย หันไปเอ่ยขอค่ารถกับเจ้รำไพ
“เห๊อะ แกนี่มันเห็นแก่เงินทุกทีสิน่า เอาสิ ถ้าตามเจ้ไป เจ้ก็กล้าจ่ายค่ารถให้”
“ผมคงไปไม่ได้ แฟนคงไม่อนุญาต แต่จะลองอ้อนดู”มาร์คบอกออกมา
“พี่ว่าพี่ไปได้นะ ในช่วงแรก ๆ ที่อะไรยังไม่ลงตัว อาจจะไปช่วยเจ้ก่อน แล้วจะเอาไงค่อยว่ากันอีกที” พี่นาบอกออกมา
“ขอบใจพวกเธอมากนะ ที่ในยามลำบากไม่ทิ้งเจ้ไป” เจ้กล่าวออกมา ก่อนจะยื่นมือไปจับมือพวกเราทุกคน
“เจ้ดีกับพวกเราขนาดนี้ พวกเราก็รักเจ้นะ อันไหนช่วยได้ก็ต้อง เต็มใจช่วยอยู่แล้ว”พี่นาบอกออกไป
“นั่นแหละ ยังไงเจ้ก็ขอบใจอยู่ดี”
“ยังไม่ต้องทำซึ้งเจ้ ตอนนี้เหนื่อยและง่วงมาก เมื่อไหร่จะถึงบ้านนิ คิดถึงหมอนนุ่ม ๆ แล้ว”
กุ้งบ่นออกมาชุดใหญ่ ทั้งกลุ่มเลยได้แต่หัวเราะกันออกมา
คืนนี้เซลีนกับเจ้รำไพกลับบ้านดึกอีกเช่นเคย แต่ก็ดีใจระดับหนึ่ง ที่คิดหาทางออกได้แล้ว
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?