ตอนที่ 24 โอเชี่ยนบูล

เวลาผ่านไปไวเหมือนสายน้ำ วันนี้เป็นวันสุดท้ายของครัวสยามที่จะเปิดให้บริการ พนักงานทุกคนยังทำงานอย่างเต็มที่ไม่ต่างจากวันอื่น ๆ

เจ้รำไพจัดโต๊ะแบบค็อกเทลปาร์ตี้เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้าที่ให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี เจ้รำไพได้แจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้ามากว่า 2 อาทิตย์แล้ว ว่าวันนี้มีปาร์ตี้ค็อกเทลเล็ก ๆ ลูกค้าจะได้รับส่วนลด 50 เปอร์เซ็นต์ ทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ส่วนมากก็เป็นพนักงานของ เอส.เค. เทค งานนี้ มาดามเซรีน่ากับคุณอีริคก็มาร่วมงานด้วย

บรรยากาศเป็นไปด้วยความร่าเริงสนุกสนาน มีหลายคนบอกในวันหยุดจะตามไปกินถึงไบรตั้น แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เจ้รำไพให้เลิกงานก่อนเวลา 2 ชั่วโมง เพื่อเป็นเวลาของพนักงานของร้านที่จะเลี้ยงฉลองกันเอง

มาดามเซรีน่ากับคุณอีริคเป็นสองลูกค้าคนสุดท้ายที่เดินออกจากร้านไป

“เจ้ต้องขอบคุณทุกคนที่อยู่ร่วมกันมานานหลายปี ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน เจ้ซาบซึ้งใจจริง ๆ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้ทำงานร่วมกันแล้ว แต่ความเป็นเพื่อนยังคงอยู่ เจ้ขอดื่มให้กับทุกคน หมดแก้ว” เจ้รำไพกล่าวจบก็ยกแก้วเครื่องดื่มสีฟ้าสวยขึ้นดื่มจนหมดแก้ว

“หมดแก้ว / หมดแก้ว / หมดแก้ว”

“ฟ้าเสียใจจังที่ตามไปทำงานที่ไบรตั้นด้วยไม่ได้ ยิ่งเปิดในผับด้วย ฟ้าน่าจะฝึกงานได้เยอะเลย” น้องฟ้าน้องเล็กสุดของกลุ่มบ่นออกมาด้วยความเสียดาย

“ไม่เป็นไรหรอกน้องฟ้า ถ้าว่าง ๆ ก็ไปเยี่ยมหาได้” พี่นาบอกน้องฟ้าผู้ช่วยของตน

“ดีนะที่นากับน้อย ตามไปเป็นเชฟให้ฉันได้ ฉันก็สบายใจแล้ว” เจ้รำไพเอ่ยออกมาด้วยความโล่งใจ

“พวกเราขอโทษด้วยนะเจ้ ที่ตามไปด้วยไม่ได้” พี่จันทร์ มาร์ค กับสาวเสิร์ฟทั้งหลายกล่าวขอโทษออกมา

“เจ้ก็บอกแล้ว ทุกคนมีหน้าที่ มีครอบครัวที่ต้องดูแล เจ้ไม่โกรธเลย เจ้ต่างหากที่อ่อนแอ รักษาร้านเอาไว้ไม่ได้ เจ้ก็ต้องขอโทษทุกคนด้วยนะ ก็อย่างที่บอก คิดถึงก็ไปเยี่ยมหาเจ้ได้ ไบรตั้นกับลอนดอนก็ว่าจะไกลที่ไหนกันละ”

“ช่อ ฉันคงคิดถึงแกมากแน่ ๆ เลย”

กุ้งเอ่ยออกมาด้วยความเสียใจ เพราะกุ้งไม่สามารถย้ายไปทำงานกับเจ้รำไพที่ไบรตั้นได้ เพราะตอนนี้กุ้งกำลังท้องได้ 2 เดือนแล้ว สามีกุ้งเลยกะจะให้กุ้งได้พักผ่อนอยู่บ้าน

“คิดอะไรมาก แกต้องดูแลตัวเองให้ดี ๆ หลานฉันจะได้แข็งแรง ถ้าแกคลอดแล้วเดี๋ยวฉันสัญญาว่าจะมาเยี่ยม จะพาสองแฝดไปเยี่ยมน้องด้วย ดีไหม” เซลีนตบแขนกุ้งเบา ๆ

“อือ” กุ้งพยักหน้ารับเบาๆ

“บรรยากาศมันเศร้า มา ๆ ดื่มกันดีกว่า วันนี้สนุกให้เต็มที่ เพื่ออนาคตที่รุ่งโรจน์ของพวกเรา” มาร์คเห็นว่าบรรยากาศซักจะเข้าสู่โหมดเศร้าซึมจึงได้ตะโกนออกมา เสียงเรียกทำให้ทุกคนหันกลับมาร่าเริงและสนุกสนานอีกครั้ง

ผ่านไป 2 ชั่วโมง ทุกคนก็ทำความสะอาดร้านจนเรียบร้อย เสร็จแล้วพนักงานก็เริ่มทยอยกันเดินออกไป จึงเหลือเพียงเจ้รำไพที่กำลังเหม่อลอย มองร้านอาหารที่เธอทำงานมานานหลายปีด้วยความอาลัยอาวรณ์ ที่นี่มีความผูกพันเกิดขึ้น ภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ไหลบ่าเข้ามาในความทรงจำ มือของเธอลูบไล้ไปตามโต๊ะ เก้าอี้ ที่จัดอย่างเป็นระเบียบ หลังจากที่ปิดประตูจากไปในวันนี้แล้ว ร้านนี้ก็จะเป็นแค่หนึ่งความทรงจำของเธอเท่านั้น เธอรู้จักใจหาย เศร้า และหวังว่ามันจะเป็นแค่ความฝัน คิดอะไรไป เรื่อยเปื่อยก็มาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อเซลีนจับลงบนแขนของเธอ

“เจ้ไปกันเถอะ ไม่ต้องเศร้าไปหรอก เดี๋ยวมันก็ผ่านไปและดีขึ้น เรายังมี new journey ให้เดินต่อไป ใครจะรู้ว่ามันอาจจะดีกว่านี้ก็ได้ ไปเถอะค่ะ” เซลีนเอื้อมมือเจ้รำไพมาจับให้กำลังใจเบา ๆ ก่อนที่จะพากันล็อกประตูและเดินจากไป

ในช่วงที่รอให้ครบ 6 วีค

เซลีนเริ่มดำเนินการกับผับโอเชี่ยนบูลที่ไบรตั้นไปพร้อมหมดแล้ว เหลือแต่รอให้ถึงวันเปิดผับใหม่อีกครั้งเท่านั้น เจ้รำไพกับเธอมีเวลาหนึ่ง สัปดาห์หลังจากที่ร้านอาหารครัวสยามปิดตัวลง สองวันให้หลัง เจ้ก็ไปส่งมอบตึก กุญแจต่าง ๆ รวมถึงรับเช็คสำหรับค่าปรับ ค่าชดเชย รวมถึง ค่าอุปกรณ์ที่เจ้ขายให้กับเจ้าของตึกไปทั้งหมด

แกรี่ถือว่าทำงานได้สมกับมีประสบการณ์ทำผับมาสามรุ่น เขาติดต่อนักพูด นักร้องไว้เรียบร้อย ในช่วงแรกนี้ยังไม่มีโชว์เพราะต้องการเพิ่มฐานลูกค้าให้แน่นก่อน มันคงรู้สึกแย่และน่าอายถ้ามีคนพูดแต่ไม่มีคนฟัง งานบางอย่างรีบมากก็ไม่ได้ ต้องค่อยเป็นค่อยไป

เจ้รำไพได้เช่าบ้านหลังหนึ่งที่มีขนาด 3 ห้องนอนไว้สำหรับพี่นากับ พี่น้อยพัก อีกห้องหนึ่งเป็นห้องสำหรับเจ้รำไพหรือเซลีนไว้พักผ่อน ถ้าวันไหนไม่กลับไปที่ลอนดอน เจ้รำไพให้เหตุผลว่าเป็นสินน้ำใจที่พี่น้อยกับพี่นาติดตามเจ้รำไพมาช่วยเป็นเชฟให้

เจ้รำไพจ้างคนไทยในไบรตั้นมาเป็นผู้ช่วยเชฟ 4 คน ชื่อพี่สาว พี่ใหญ่ พี่บัว และพี่มีนา และเชฟอีก 2 คน เป็นฝรั่งชายทั้งคู่ ชื่อ อาเธอร์ กับ ไมเคิล เพราะว่าร้านต้องมี 2 กะ เช้ากับเย็น แบ่งเป็นเชฟไทย 1 คน ฝรั่ง 1 คน และผู้ช่วย 2 คน ในแต่ละกะ

มีสองคนเคยทำงานเป็นผู้ช่วยเชฟมาก่อน คือพี่บัวกับพี่สาว จึง ไม่ต้องสอนอะไรมาก เดี๋ยวทำงานกันไปนาน ๆ ก็เข้าขากันเอง ส่วนพี่มีนากับพี่ใหญ่ ถึงแม้ว่าไม่เคยมีประสบการณ์ แต่ว่าเรื่องแบบนี้ใช้เวลาสอน ไม่นาน

เจ้รำไพกับเซลีนจะแบ่งวันกันมาทำงานที่ไบรตั้น เพราะว่าต้องมีหนึ่งคนดูแลอลิสกับแอนดี้ และเจ้รำไพยังมีร้านนวดสยามสปาที่ต้องดูแลอยู่

*****

ณ วันเปิดผับโอเชี่ยนบูลรูปโฉมใหม่

ทุกคนในครัวต่างก็วุ่นวายกันไปหมด วันนี้มาร์ค น้องฟ้า กุ้ง กับ พี่จันทร์ต่างก็เดินทางมาแสดงความยินดีกับเจ้รำไพ จากที่ต้องมาเป็นแขก ก็กลายมาเป็นคนทำงาน เพราะผลตอบรับในวันแรกดีเกินคาด สงสารก็แต่ พี่นากับพี่น้อย เพราะเหมือนจะยังลงเตาแบบไม่มีเวลาพักแม้แต่การไป เข้าห้องน้ำ เซลีนจึงนำน้ำทิพย์สวรรค์ออกมา แล้วเอาไปผสมน้ำดื่มเย็น ๆ ส่งให้ทุกคน

“จะขาดใจตายแล้ว” พี่นาบ่นออกมาด้วยความเหนื่อยหลังจากที่รับน้ำดื่มเย็นจากเซลีนไปดื่มเสียงดังอึก ๆ อยู่หลายครั้ง ก่อนที่จะนั่งลงที่เก้าอี้

“ฉันก็เหมือนกัน คนที่นี่ไม่เคยกินอาหารไทยหรือไงนะ ถึงสั่งมา ไม่ขาดสายแบบนี้” พี่น้อยได้ทีก็บ่นผสมโรงไปด้วย ถึงแม้จะบ่นไป มือก็ยังไม่หยุดทำอาหาร

“บาร์เทนเดอร์ก็ไม่ต่างกันพี่น้อย เห็นบ่นว่าปวดแขนมาก เช็ค ไม่หยุดตั้งแต่เที่ยงแล้ว” พี่จันทร์ที่ตอนนี้ช่วยเสิร์ฟอยู่ด้านนอกเดินเข้ามา ในครัว เล่าให้พวกเราฟัง

“เอาน่า ขายได้ดี ก็หมายถึงเงินทั้งนั้น”

เซลีนให้กำลังใจทุกคน หลังจากที่ดื่มน้ำวิเศษเข้าไป ก็เหมือนว่าความเหนื่อยล้าจะหายไป กำลังวังชาก็กลับมาเต็มร้อย

“ช่อ พี่ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจันทร์บอกว่าบาร์เทนเดอร์ก็บ่น แค่น้ำเปล่า ช่อยังทำให้มันหอมอร่อยได้ ใครจะไปคิดว่าน้ำเปล่าจะอร่อย แล้วเครื่องดื่มมันจะขนาดไหน ช่อไม่ใช่ใส่ยาบ้ามาในน้ำให้พวกพี่กินนะ” พี่น้อยเอ่ยแซวเซลีนออกมา มือก็ผัดกระทะผัดไทยไปด้วย

“พี่น้อยก็พูดไปนั่น ใครเขาจะทำแบบนั้น ช่อก็ดื่มเหมือนกับทุกคน ก็บอกแล้วว่ามันเป็นความลับสวรรค์” เซลีนเอ่ยปฏิเสธ ก่อนที่จะได้คุยกันไปมากกว่านี้ คนเสิร์ฟก็เข้ามาเร่งอาหาร พวกเราจึงต้องยุติการสนทนาแล้วมาตั้งใจทำงานกันอย่างแข็งขัน

ขณะเวลาประมาณ 16.30 น. ลูกค้าก็เริ่มร่อยหรอลง ทำให้พวกเราได้มีโอกาสได้หายใจได้คล่องคอนิดหนึ่ง เจ้รำไพก็เดินเข้ามาในครัว

“เป็นไงกันบ้าง ขาลากเลยไหม” เจ้ถามออกไปด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นถึงความวุ่นวายในครัวได้เป็นอย่างดี

“ไม่เท่าไหร่หรอกเจ้ ได้ยาชูกำลังจากน้องช่อก็พอช่วยได้” พี่น้อยตอบเจ้ออกไปก่อนที่จะหั่นล้างผักกุยช่ายไปด้วย

“คนที่นี่เขาไม่เคยกินอาหารไทยเหรอเจ้ ออเดอร์มายังกะอดอยากมาสามชาติ” พี่นาเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ฮา ฮา ยังไม่ชินเหรอนา เหตุการณ์แบบนี้มันก็เคยเกิดมาแล้ว สงสัยโดนซอสเจ้าช่อตกเอานั่นแหละ ลูกค้าชอบอาหารกันมากเลยนะ ไม่ว่าเมนูไทยหรืออาหารฝรั่ง โดยเฉพาะผัดไทยกับสปาเก็ตตี้กุ้ง ซอสโหระพา พวกฝรั่งชมกันใหญ่ว่าเป็นอาหารฟิวชั่นที่น่าสนใจจริง ๆ เจ้อาจจะต้องหาผู้ช่วยหรือเชฟเพิ่มอีกแน่ ถ้ายังเป็นแบบนี้” เจ้รำไพหัวเราะออกมา

“ก็ดีนะเจ้ ฉันก็ไม่ไหวเหมือนกันถ้าเป็นแบบนี้ตลอด” พี่นาเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ขืนเป็นแบบนี้ทุกวัน เธอคงได้ตายก่อนได้ใช้เงินแน่นอน

“นากับน้อยก็อย่าลืมไปพักกันนะ เดี๋ยวต้องมารับมือรอบเย็นอีก กว่าไมเคิลกับอาเธอร์จะเป็นงานก็คงต้องใช้เวลา แต่คงไม่นาน วันนี้ก็ทน ไปก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ค่อยแบ่งกะกัน ช่อ วันนี้เจ้ว่าโทรให้น้ำหวานอยู่เป็นเพื่อนสองแฝดไปจนถึงคืนพรุ่งนี้เลย ช่อไม่ต้องกลับบ้านหรอก วันนี้คงจะเหนื่อย แค่วันเดียวสองแฝดก็คงอยู่ได้” เจ้เอ่ยเตือนเชฟของตนด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะบอกช่อให้โทรหาสองแฝดด้วย

“ได้ค่ะเจ้ ช่อว่าก็ดีเหมือนกัน เหนื่อยมากวันนี้” เซลีนรับคำก่อนเดินออกไปโทรหาลูก ๆ ของตนเอง

ออร์เดอร์ช่วงเย็นก็มีมาเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้ยุ่งอะไรมากมาย จนมาถึงช่วงหกโมงเย็นเป็นต้นไป สถานการณ์มหายุ่งก็เกิดขึ้นอีกครั้งในรอบดินเนอร์ ปรากฏว่าซอสผัดไทยที่เซลีนทำไว้หมด เซลีนไม่สามารถไปแย่งเตาพี่นากับ พี่น้อยได้ เพื่อมาทำซอสผัดไทย เธอจึงบอกคนเสิร์ฟว่าซอสผัดไทยหมดแล้ว รบกวนสั่งเมนูอื่น แต่ถ้ายังอยากจะชิมผัดไทยอีก ให้มาใหม่พรุ่งนี้หรือ สั่งแบบ take away พรุ่งนี้ก็ได้ เราจะส่งฟรีไม่คิดค่าบริการส่ง ถ้าอยู่ในเขตทาวน์นี้

“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะคะ ผัดไทยหมดแล้วค่ะ สนใจรับเป็นเมนูอื่นไหมคะ สปาเก็ตตี้ซอสใบโหระพากุ้ง ก็เป็นที่นิยมนะคะ” แมกกี้สาวเสิร์ฟอธิบายให้ลูกค้าฟัง

“แต่ว่าที่เราต้องการคืออาหารไทยนะคะ สปาเก็ตตี้เราทำกันเองที่บ้านก็ได้” ลูกค้าคนที่ 1

“ที่รัก ผมว่าลองดูก็ได้นะ มันอาจจะอร่อยก็ได้” ลูกค้าคนที่ 2

“ก็ได้ค่ะ งั้นเอาสปาเก็ตตี้กุ้ง ตามที่คุณเสนอมาก็ได้ค่ะ เอา 2 ที่ นะคะ” ลูกค้าคนที่ 1

“ด้วยความยินดีค่ะ คุณจะรับเครื่องดื่มอะไรดีคะ ที่นี่ โอเชี่ยนบลู เป็นมอกเทลที่เป็น signature ของที่นี่ จะลองดูหน่อยไหมคะ” แม็กกี้ยังส่งเสียงเชียร์เครื่องดื่มด้วย

“งั้นลองดูก็ได้ค่ะ” ลูกค้าคนที่ 1

“ขอทวนออเดอร์นะคะ เครื่องดื่มเป็นโอเชี่ยนบูล 2 ที่ และอาหารเป็นสปาเก็ตตี้กุ้งซอสโหระพา 2 ที่นะคะ เมนู appetizer ของเราก็ ไม่น้อยหน้านะคะ เป็นข้าวเกรียบปลาจิ้มน้ำจิ้มกับผักสด วันนี้เราแจกให้ทดลองชิมฟรีค่ะ ไม่ทราบว่าสนใจจะรับด้วยไหมคะ”

“โอเคค่ะ ลองดูก็ได้” ลูกค้าคนที่ 1

“กรุณารอสักครู่นะคะ”

ไม่ถึง 5 นาที แม็กกี้ก็นำข้าวเกรียบปลามาเสิร์ฟพร้อมกับบอกวิธีการกินข้าวเกรียบให้กับลูกค้าทั้งสองด้วย

“Enjoy” แมกกี้บอกลูกค้าโต๊ะนั้นด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินไป ออเดอร์เครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์บาร์ แล้วตามไปส่งใบออเดอร์ให้เจ้าหน้าที่ธุรการของร้านที่มีหน้าที่ออกบิลเก็บเงิน

“ว้าว มันอร่อยมาก ฉันเคยทานสิ่งนี้ที่ร้านอื่นนะ แต่มันไม่อร่อยเท่าที่นี่เลย ฉันชอบดอกกุหลาบนี้จัง ทั้งสวย หอม กรอบและอร่อยมาก ไม่ได้ละ ฉันต้องออเดอร์อีกรอบ แล้วต้องส่งรูปไปอวดเซร่าสักหน่อย” ลูกค้าคนที่ 1

“ผมว่าเราก็รอถ่ายรูปตอนที่ทั้งหมดมาส่งก่อนก็ได้ที่รัก ค่อยอวดทีเดียว” ลูกค้าคนที่ 2

“ฉันเห็นด้วยค่ะ ที่รักนี่ฉลาดจริง ๆ “ ลูกค้าคนที่หนึ่ง

กว่าจะปิดร้านในวันแรกนี้ ทุกคนก็สะบักสะบอมไปตาม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นห้องครัวหรือโซนเครื่องดื่ม แต่คนที่หน้าบานจนจะฉีกถึงใบหูก็คือ แกรี่ ที่สบายอยู่คนเดียว แกรี่ทำอะไร ก็แค่เดินไปรับแขกแต่ละโต๊ะ ชิทแชทถึงสถานการณ์ของร้าน สอบถามถึงการบริการ ความอร่อยของอาหาร โดยเฉพาะเมนูเครื่องดื่ม นี่จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ

เนลสัน บาร์เทนเดอร์ที่หน้าตาหล่อเหลา อายุยังน้อย โชว์ลีลาฝีมือการชงเครื่องดื่มได้อย่างลื่นไหล เอนเตอร์เทนลูกค้าได้อย่างดีเยี่ยม บวกกับน้ำทิพย์สวรรค์ที่เซลีนเตรียมไว้ให้ ก็ช่วยส่งเสริมให้เครื่องดื่มที่ทำออกมา สุขุม นุ่มลึก ดื่มเท่าไหร่ก็ไม่มึนเมา ยิ่งทานยิ่งนุ่ม ลื่นคอ ก็สมกับเงินเดือน ที่ได้รับนั่นแหละนะ

วันนี้มีนักดนตรีมานั่งเล่นอะคูสติกเพลงเพราะ ๆ ให้ฟังระหว่าง มื้อเย็นด้วย แกรี่ได้รับคำชมจากลูกค้าเกือบทุกคน พวกเขาประทับใจอาหาร เครื่องดื่มและการบริการของผับมาก พวกเขาสัญญาว่าจะกลับมาอีกแน่นอน โดยเฉพาะคืนพิเศษในแต่ละสัปดาห์ แกรี่ก็ยิ้มรับคำชม และ ไม่ปฏิเสธเลย

กุ้ง มาร์ค กับพี่จันทร์กลับไปลอนดอนตั้งแต่ห้าโมงเย็นแล้ว พวกเขามอบกระเช้าดอกไม้ให้กับเจ้ในการฉลองเปิดร้านใหม่ พวกเขาแสดงความ ดีใจกับเจ้ด้วย เพราะเห็นว่าร้านใหม่ของเจ้คงจะได้รับความนิยมเหมือนเดิม

หลังจากที่ทุกคนเหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว แกรี่ เซลีน กับเจ้รำไพ ก็มานั่งคุยกันถึงสถานการณ์วันแรกที่เกิดขึ้น

“เซลีน คุณนี้สุดยอดมาก ๆ ขอบใจมากนะ ที่ทำให้เกิดวันนี้ได้ ผมมีความสุขจริง ๆ” แกรรี่เอ่ยชม

“ด้วยความยินดีค่ะแกรี่ มันก็ดีกับฉันด้วย รายได้ที่ฉันได้จาก การขายส่วนผสมเครื่องดื่ม กับซอสต่าง ๆ ก็ทำให้ฉันหายเหนื่อยเช่นกันค่ะ”

“ฉันว่าพวกเราแยกย้ายกันกลับไปพักเถอะค่ะ วันนี้เหนื่อยจริง ๆ แต่เป็นความเหนื่อยที่ฉันยินดีเป็นที่สุดค่ะ”

เจ้รำไพบอกกับทั้งสองคน ก่อนที่จะลาแกรี่ เดินออกมาพร้อมกับ เซลีนก็เห็นน้อยกับนารออยู่ที่หน้าผับ เพื่อจะได้เดินทางกลับบ้านไปพักผ่อนพร้อมกัน

เซลีนไม่ลืมโทรหาน้ำหวาน ถามถึงลูก ๆ อีกเล็กน้อยก่อนที่อาบน้ำและนอนหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่ใบหน้าเธอกลับยิ้มเล็ก ๆ

ถ้ายังขายดีแบบนี้ไปเรื่อย ๆ อีกไม่นานเธอก็จะมีเงินเก็บมากพอสำหรับอนาคตของเธอ แม่ และสองแฝด รวมถึงเบนจามิน สามีสุดที่รักของเธอ และเธอไม่เคยลืมแดนนี่ลูกเทพของเธอเช่นกัน

แม้จะเป็นวันที่แสนเหน็ดเหนื่อย แต่เซลีนกลับมองเห็นถึงอนาคตที่สดใสของเธอแจ่มชัดขึ้น อีกไม่นานคุณเบนและแดนนี่ก็จะกลับมาอยู่ เคียงข้างเธอพร้อมกับสองแฝด

แค่คิดถึงภาพนี้หัวใจของเธอก็ฟูฟ่องจนไม่รู้สึกเหนื่อยอีกต่อไป

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ