ตอนที่ 7 ย้ายบ้าน

วันนี้เป็นวันที่เซลีนในร่างของช่อผกา มิลเลอร์ ถึงกำหนดออกจากโรงพยาบาล หลังจากที่พักรักษาตัวอยู่ 3 วัน เจ้รำไพเป็นคนเดินทางมารับเซลีนกับลูกแฝดสองคนไปอยู่ด้วยกันที่บ้านตามที่ตกลงกันไว้

“ช่อ เก็บของเสร็จเรียบร้อยหรือยัง” เจ้รำไพเอ่ยถามขึ้น

“โธ่ เจ้จ๋า ช่อไม่มีอะไรให้เก็บเลย มาแต่ตัว ดีนะที่กุ้งเอาชุดมาให้ ยืมใช้ แล้วจะเก็บอะไรได้” เซลีนเอ่ยแซวเจ้รำไพไปแบบขำ ๆ

“แล้วต้องมาตัดไหมอีกทีเมื่อไหร่”

“อีก 2 สัปดาห์เจ้ แต่ไม่ต้องมาที่โรงพยาบาล ไปที่คลินิกได้เลย”

เซลีนตอบออกไปพลางจัดแจงเสื้อผ้าให้ดูเรียบร้อย

“ก็ดีนะ ถ้าเรียบร้อยแล้วไปกันเถอะ ป่านนี้เจ้าตัวยุ่งสองแฝดได้ชะเง้อรอช่อจนร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้วมั้ง”

เจ้รำไพก้มลงถือกระเป๋าหิ้ว แล้วก็เดินออกไปพร้อมกับเซลีน แล้ว ทั้งสองคนก็ไปรับแอนดี้กับอลิสที่ตึกเด็ก ในระหว่างที่นั่งรถยนต์จะกลับไปที่บ้านของเจ้รำไพ

“เจ้ แวะซุปเปอร์ฯ หน่อย ช่อจะซื้อของใช้ส่วนตัวให้เด็ก ๆ เพราะ อีกตั้งสามวันกว่าจะถึงวันนัดที่ตำรวจจะพาช่อกลับไปเก็บของที่บ้านของมาร์ค” เซลีนไม่ชอบใจเลยที่ต้องเอ่ยถึงสามีของซินดี้

“เอ่อเจ้ ช่อรบกวนขอยืมเงินเจ้ก่อนนะ พอกลับไปเก็บของได้บัตรแล้วจะคืนให้” เซลีนเอ่ยบอกเจ้รำไพด้วยความเกรงใจ

“ได้ แต่ไม่ต้องซื้ออะไรไปมากนะ ที่บ้านเจ้ก็มีอยู่แล้ว เอาแค่พอใช้ช่วงสามวันนี้ก็พอ และก็ไม่รบกวนอะไรเลย ช่อก็เหมือนน้องของเจ้ อยู่ด้วยกันมาตั้งนานแล้วไม่ต้องเกรงใจหรอก”

เซลีนซื้อของใช้ส่วนตัวของเธอกับลูกแฝดที่จำเป็น แล้วก็เสื้อผ้าเด็ก อีกคนละ 2 ชุด และชุดนอนด้วยคนละหนึ่งชุด ซึ่งเพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตในบ้านใหม่อีก 3 วันสบาย ๆ เมื่อซื้อของกันเรียบร้อย ทั้งหมดก็เดินทางต่อไปที่บ้านของเจ้รำไพทันที

บ้านของเจ้รำไพ เป็นบ้านแฝดขนาด 2 ชั้น จำนวน 4 ห้องนอน มีห้องน้ำในตัวทุกห้อง 1 ห้องครัว 1 ห้องรับแขก มีห้องกระจกที่เยื้องออกไปทางห้องครัวด้วย แต่ไม่มีสวนหลังบ้าน บ้านขนาดนี้อยู่ที่ลอนดอน ก็ถือว่า เจ้แกเป็นคนมีฐานะคนหนึ่งเลย

“ช่อพักกับอลิสที่ห้องรับแขกนี่ก็แล้วกัน ส่วนแอนดี้ก็ให้พักห้องนอนเก่าของเจสัน พักให้หายดีก่อน เรื่องงานก็ค่อยว่ากันอีกที หลังจากที่ตัดไหมและไปเก็บของที่บ้านเจ้ามาร์คก็แล้วกันนะ”

เจ้รำไพพาทั้งสามคนแม่ลูกไปดูห้องที่จะพักและบอกเซลีนไปด้วย

ในความทรงจำของร่างเดิม ทำให้เซลีนรู้ว่าลูกชายเจ้รำไพเป็นนักวิทยาศาสตร์การกีฬา ทำงานที่สโมสรฟุตบอลแห่งหนึ่งในประเทศอังกฤษ นาน ๆ ถึงกลับมาเยี่ยมเจ้รำไพสักครั้ง เจ้าของร่างนี้มีโอกาสได้เจอกับลูกชายเจ้รำไพแค่สองครั้งเท่านั้นเอง

“เจ้ ช่อขอบคุณเจ้มาก ๆ เลยนะ ที่กรุณาช่วยเราสามคนแม่ลูก ช่อสัญญาเลยจะตอบแทนเจ้อย่างเต็มที่” เซลีนกล่าวขอบคุณเจ้รำไพ พร้อมกับยกมือไหว้ไปด้วย ความสำนึกรู้คุณอย่างที่สุด

“เจ้บอกแล้วไง ว่าช่อก็เหมือนกับน้องของเจ้ ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป ไม่ต้องเกรงใจไปหรอกน่า”

เจ้รำไพบอกเซลีนพร้อมกับดึงเซลีนเข้าไปกอดและตบหลังเซลีน เบาๆ เพื่อย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่เธอตั้งใจจะทำให้เซลีนอีกด้วย

“ไป ๆ ไปเก็บของให้เรียบร้อย เดี๋ยวเจ้จะเข้าครัวเองวันนี้ ฉลองต้อนรับสมาชิกใหม่ แล้วก็ไม่ต้องช่วยเจ้นะ ขอเวลาเจ้ทบทวนฝีมือแม่ครัวเก่า ว่าจะยังคงเหมือนเดิมสมกับเป็นเจ้าของร้านอาหารไทยมั้ย?” เจ้บอกเซลีนด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ

เซลีนจึงผละจากเจ้รำไพและพาเด็ก ๆ ไปจัดของของแต่ละคนให้เข้าที่เข้าทาง

“อลิสกับแอนดี้ มานั่งตรงนี้ก่อนลูก หม่ามี้มีเรื่องจะบอกกับลูก ทั้งสองคน” เซลีนเรียกลูกทั้งสองคนให้มานั่งที่เตียงนอนในห้องของเธอ ส่วนเซลีนลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าเด็กทั้งคู่

“อลิสกับแอนดี้ ลูกทั้งสองคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเราไหมคะ ลูกรู้ไหม ว่าทำไมเราถึงไม่ได้อยู่ที่บ้านกับแด๊ดดี้ ทำไมเราถึงมาอยู่ที่บ้าน คุณยายรำไพ” เซลีนพูดจบก็มองใบหน้าของเด็กทั้งสองที่ยังมองมาที่เธอ

“แล้วลูก ๆ จะเสียใจไหม ที่จะไม่ได้เจอแด๊ดดี้บ่อย ๆ”

เซลีนถามลูกๆ ของเธอด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล เธอกลัวว่าเด็ก ๆ จะไม่เข้าใจเพราะพวกเขายังเล็กมาก

“ผมเข้าใจฮะ แด๊ดดี้ทำร้ายหม่ามี้ ทำให้หม่ามี้กับอลิสเจ็บ แด๊ดดี้ชอบตีหม่ามี้กับพวกเราเวลาที่แด๊ดดี้เมา ผมไม่เสียใจฮะ ผมอยู่ที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีหม่ามี้กับอลิส ผมไม่มีแด๊ดดี้ก็ได้ฮะ” แอนดี้ตอบเซลีนออกมาด้วยแววตาจริงจังแบบที่เซลีนเคยเห็นในตัวของแดนนี่

“อลิสก็เข้าใจค่ะ แด๊ดดี้นิสัยไม่ดี ชอบทำร้ายหม่ามี้กับพวกเรา อลิสรักหม่ามี้ ขอแค่ได้อยู่กับหม่ามี้กับแอนดี้ อลิสไม่มีแด๊ดดี้ก็ได้ค่ะ” อลิสตอบเซลีนเช่นกัน

“หม่ามี้ก็รักลูก ๆ ทั้งสองคนมาก ต่อไปนี้หม่ามี้จะดูแลพวกลูกเป็นอย่างดี ลูกไม่ต้องกลัวนะ ตราบใดที่หม่ามี้ยังอยู่ หม่ามี้สัญญาว่าหม่ามี้จะทำให้ชีวิตพวกเราดีขึ้น ช่วงนี้อาจจะลำบากหน่อย หม่ามี้ขอให้ลูกอดทน เพื่อหม่ามี้ได้ไหม” เซลีนถามลูกทั้งสองออกไป แล้วดึงพวกเขาเข้ากอดไว้สักครู่ ก่อนจะกลับมานั่งที่เก้าอี้เช่นเดิม ในใจรู้สึกหวิวๆ อย่างบอกไม่ถูก เพราะการที่ได้อยู่กับเด็ก ๆ กับทำให้เธอนึกถึงแดนนี่ไปด้วย

“อลิสกับแอนดี้ต้องเป็นเด็กดี ไม่ดื้อ ไม่ซน และถ้าหม่ามี้บอกอะไรลูกๆ ต้องทำตาม เข้าใจไหมคะ เพราะเรามาอาศัยอยู่บ้านคุณยายรำไพ เราต้องมีความเกรงใจ ลูกๆ เข้าใจนะคะ” เซลีนทำใจครู่หนึ่ง แล้วหันไปบอกลูก ๆ อีกครั้ง

“เข้าใจฮะ ผมจะไม่ดื้อ ไม่ซนฮะ” แอนดี้พูดด้วยสีหน้าหนักแน่น

“เข้าใจค่ะ อลิสก็จะไม่ดื้อ ไม่ซนค่ะ” อลิสพูดตามด้วยรอยยิ้มสดใส

“ดีมากจ๊ะ ลูกๆ ออกไปเล่นที่ห้องรับแขกเงียบ ๆ หม่ามี้จะเปิดการ์ตูนให้ดูนะคะ เดี๋ยวหม่ามี้จะเข้าไปช่วยคุณยายรำไพทำมื้อเย็นสักหน่อย” เซลีนบอกลูก พร้อมกับพากันออกมาที่ห้องรับแขกและเปิดการ์ตูนให้สองแฝดดูไประหว่างรอทานมื้อเย็น

*****

เซลีนเดินเข้าไปในครัวก็เห็นเจ้กำลังเตรียมอะไรวุ่นวายไปหมด เธอได้แต่ยิ้มเมื่อเห็นแผ่นหลังของเจ้รำไพขยับไปมาอย่างคล่องแคล่วเมื่อทำอาหารในครัว

“เจ้ คิดจะทำเมนูอะไรคะ” เซลียแอบเดินไปหาเจ้รำไพเงียบ ๆ

“เจ้ว่า เจ้จะทำยำขนมจีนกับลาบหมูสำหรับเรา ส่วนเด็ก ๆ เจ้มีนักเก็ตไก่จิ้มซอสมะเขือเทศกับเฟรนช์ฟรายส์นะ ช่อว่าไง” เจ้รำไพบอกกับเซลีนและถามความเห็นไปด้วย

“ช่ออย่างไงก็ได้ค่ะเจ้ ยำขนมจีนก็ดีเหมือนกัน ไม่ได้ทานนานละ ว่าแล้วก็น้ำลายสอ ส่วนเด็กๆ นักเก็ตไก่ก็โอเคแล้วค่ะ เจ้ให้ช่อช่วยนะ เจ้จะได้ไม่เหนื่อย ช่อทำไม่ได้หรอกให้อยู่เฉย ๆนะ” เซลีนให้ความเห็นตามที่เจ้รำไพร้องขอ

“เจ้บอกแล้วไงว่าไม่ต้องมาช่วย ไปพักเถอะ วันนี้ก็ขอให้เจ้แสดงฝีมือแม่ครัวเก่าก็แล้วกัน เดี๋ยวเสร็จแล้วเจ้จะไปเรียกที่ห้อง ถ้าอยากช่วย ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้ยกหน้าที่แม่ครัวประจำบ้านให้ช่อละกัน โอเคไหม” เจ้รำไพบอกปัดความหวังดีของเซลีน

“ก็ได้ค่ะเจ้ งั้นช่อไปพักในห้องสักหน่อยนะคะ เด็ก ๆ ดูการ์ตูนอยู่ที่ห้องรับแขกค่ะ” เซลีนตอบเจ้ออกไปด้วยความเกรงใจ ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องนอนของตนเอง

เธอนั่งลงที่โต๊ะเขียนหนังสือ พลางวางแผนการต่อจากนี้ไปอย่างรอบคอบ เธอคิดว่าจะอาศัยอยู่กับเจ้รำไพเพียงไม่นาน และหลังจากที่อะไรลงตัว เธอก็จะย้ายออกมาเช่าบ้านอยู่กันเองกับลูก ๆ ของเธอ

“ต่อไปต้องพึ่งตัวเองให้มาก ไหน ๆ ก็ได้ของขวัญจากท่านเทพมาแล้ว ต้องใช้ให้ดีที่สุดนะเซลีน” เธอบอกกับตัวเอง พลางมองแหวานบนนิ้วมือแล้วยิ้มออกมาบาง ๆ

ใช่แล้ว แม้เธอต้องตายจากร่างของเซลีน แต่โชคก็ยังพอมีอยู่บ้าง

เพราะพรที่ท่านเทพให้กับเซลีน ยังตามติดเธอมาถึงร่างใหม่ที่เธอต้องมาอาศัย นับตั้งแต่วันนั้น ในวันที่เธอฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล หลังจากกลับมาจากเยี่ยมอลิสกับแอนดี้แล้ว เธอก็กลับมาพักที่ห้องพักฟื้นร่างกายของเธอ เธอทบทวนความทรงจำอีกครั้ง และก็รู้ว่านี่คือเรื่องจริงที่เธอตายแล้วมาสวมเอาร่างของช่อผกาคนนี้ และเธอก็เห็นแหวนมิติที่สวมอยู่ที่นิ้วข้างขวาเหมือนเดิมอีกด้วย

ในตอนนั้นเธอแทบกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ อย่างน้อยมัน ก็น่าจะพอช่วยให้เธอได้มีโอกาสทำมาหากินให้ร่ำรวยยิ่งขึ้น ยิ่งตอนนี้เธอกำลังจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว แถมด้วยเรือพ่วงอีกสองลำ ไหนจะแม่และน้องสาวที่เมืองไทยอีก เธอมีภาระเยอะเหลือเกิน

เมื่อนึกถึงภาระที่เธอมี มันไม่ได้ทำให้เธอเสียใจเลยแม้แต่น้อย แต่เธอกลับดีใจด้วยซ้ำกับภาระต่าง ๆ ที่เธอต้องรับผิดชอบ อย่างน้อยความฝันในการอยากเป็นแม่ของเธอก็สมบูรณ์แล้ว และเด็กสองคนนี้ก็เป็นลูกจริง ๆ ของร่างนี้ เธอก็จะรักและดูแลเด็กแฝดสองคนนี้ให้ดีที่สุด เหมือนกับเป็น ลูกของเธอเอง เมื่อนึกมาถึงตอนนี้ เซลีนก็อดนึกถึงครอบครัวของเซลีนเองไม่ได้

“ไม่รู้ว่าพี่ฟ้าจะเป็นอย่างไรบ้างนะที่รู้ว่าเราตายไปแล้ว”

เมื่อนึกถึงพี่สาวขึ้นมา หัวใจกลับรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรักพี่ฟ้าเหมือนกับเป็นแม่คนที่สอง เพราะพี่ฟ้าคือคนที่ส่งเสียเธอให้ได้เรียนหนังสือ ดูแลเธอมาตั้งแต่เด็ก ๆ

และเหนือสิ่งอื่นใด เซลีนไม่อาจลืมเบนจามินและแดนนี่ได้เช่นกัน เธอหวังเหลือเกินว่าจะได้ข่าวจากพวกเขา

เธอคิดถึงเบนจามินและแดนนี่ยิ่งนัก ไม่รู้ว่าพวกเขาจะเป็นยังไง เธอได้เข้าไปสอบถามที่ประชาสัมพันธ์ที่ตึกฉุกเฉินในวันรุ่งขึ้นของวันนั้น ก็ไม่ได้รับคำตอบเกี่ยวกับร่างเดิมของเธอ คงเป็นความลับของคนไข้ เธอเลยไม่สามารถติดต่อกับครอบครัวเซลีนได้เลย

แต่เรื่องนี้อาจต้องชะลอไปก่อน เพราะร่างของซินดี้เป็นร่างที่เธอต้องอยู่ในขณะนี้ เธอคงต้องทำหน้าที่ต่อจากซินดี้ให้ดีที่สุด อีกอย่าง ช่วงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 3 วัน เธอไม่ได้ใช้มือถือเลย เพราะมือถืออยู่ที่บ้านมาร์ค ทำให้สามวันที่ผ่านมา เธอไม่สามารถติดต่อกับแม่ที่เมืองไทยได้เลย ไม่รู้แม่พรรณีจะเป็นห่วงเธอขนาดไหน และน้องสาวเธอจะอาการดีขึ้นบ้างหรือเปล่า เซลีนรู้ทันที ว่าเธอมีเรื่องอีกมากมายในร่างของซินดี้ที่ต้องจัดการ

“พรุ่งนี้ละกันค่อยโทรหาแม่ ป่านนี้ที่เมืองไทยคงดึกแล้วล่ะ”

เซลีนเอ่ยระหว่างที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เธอกำลังปวดศีรษะเพราะความทรงจำของคนสองคนกำลังประเดประดังเข้ามาในหัวสมองของเธอ ชีวิตของซินดี้ช่างต่างจากเธอเหลือเกิน

เซลีนมีพี่สาวชื่อช่อฟ้า มีสามีชื่อว่าเบนจามิน และมีแดนนี่ลูกเทพของเธอ ที่เธอพึ่งมีโอกาสและประสบการณ์การเป็นแม่ได้แค่ 3 เดือน

แต่กับร่างนี้ เธอมีแม่และน้องสาวที่เมืองไทย มีลูกแฝดชายหญิง อีกสองคน อีกอย่าง สามีของร่างนี้กับเบนจามินช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

เซลีนต้องแบกรับความรู้สีกคิดถึงครอบครัวเก่าเอาไว้ พร้อม ๆ กับต้องประคับประคองความรู้สึกและครอบครัวของซินดี้เจ้าของร่างที่เธอมาอาศัยอยู่ด้วย

เซลีนเอามือทาบไปบนหัวใจ รับรู้ถึงชีวิตที่ยังคงต้องดำเนินต่อไป

“ซินดี้ ขอบคุณมากสำหรับร่างกายนี้ ไม่ต้องห่วงนะ ครอบครัวของเธอ ฉันจะดูแลเป็นอย่างดีแน่นอน” เซลีนพยายามสงบจิตใจที่ว้าวุ่นของตัวเองเงียบ ๆ ทว่าเวลาผ่านไปไม่นาน ระหว่างคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

“ช่อมากินข้าวเถอะ เรียบร้อยแล้ว” เจ้รำไพตะโกนเรียก

“ค่ะเจ้ เดี๋ยวไปนะคะ” เซลีนตอบกลับด้วยความตกใจ เธอโล่งใจขึ้นเมื่อได้ลองตั้งสมาธิคุยกับซินดี้ในใจ

หลังจากที่ทานข้าวเสร็จเรียบร้อย อลิสกับแอนดี้ก็ยกจานของตนเองไปไว้ที่อ่างล้างจาน โดยที่แม่อย่างเธอไม่ต้องบอก

“เก่งมากเด็ก ๆ เดี๋ยวไปอาบน้ำกันนะคะ” เซลีนบอกกับเด็ก ๆ ที่กำลังล้างจานอยู่ พวกเขาหันมาหาเธอ

“ค่ะ/ฮะ” แล้วตอบอย่างรู้ความพร้อมๆ กัน สมกับเป็นฝาแฝดที่เหมือนกันเป๊ะไม่มีผิด

เซลีนพาเด็ก ๆ ไปอาบน้ำ แปรงฟันและเข้านอน ส่วนเธอก็กลับมาช่วยเจ้รำไพเก็บกวาดครัว และมานั่งคุยกันที่ห้องรับแขกหน้าทีวี ก่อนจะแยกย้ายกันไปนอนในเวลาต่อมา

*****

เช้าวันใหม่ที่โต๊ะอาหาร

เซลีนกำลังเตรียมมื้อเช้าสำหรับทุกคนอยู่ ลูก ๆ ของเธอทานซีเรียลเป็นอาหารเช้า โดยเซลีนเลือกที่จะใส่น้ำทิพย์สวรรค์ลงไปในนมที่เด็ก ๆ จะต้องดื่ม แล้วไม่นานเจ้รำไพก็เดินเข้ามาพร้อมกับหาวด้วยท่าทางงัวเงียสุดๆ

“อรุณสวัสดิ์ฮะ/ค่ะ” เซลีนและเด็ก ๆ หันไปเอ่ยทักทายเจ้าของบ้านด้วยน้ำเสียงสดใส

“อรุณสวัสดิ์จ๊ะเด็ก ๆ ช่อด้วยนะ เป็นไง เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม” เจ้กล่าวทักทายตามด้วยถามเซลีนกลับ

“โอเคเจ้ ไม่มีปัญหาอะไร เจ้จะทานอะไรค่ะ เดี๋ยวช่อบริการเจ้เอง” เซลีนรีบอาสาดูแลเจ้รำไพก่อนที่เจ้าตัวจะปฏิเสธอีก

“เจ้เอากาแฟดำกับขนมปังปิ้ง 2 แผ่นก็แล้วกัน ขอบใจมากนะช่อ”

“จัดไปค่ะเจ้ เอ่อ..เจ้ ผ้าที่จะซักเอาใส่ตะกร้าวางไว้ที่หน้าห้องเลยนะ เดี๋ยวช่อจัดการเอาไปซักให้ และช่อรับหน้าที่ทำความสะอาดบ้านเอง รวมถึงล้างห้องน้ำด้วย เจ้จะให้ช่อทำความสะอาดห้องเจ้ด้วยไหม” เซลีนถาม

“ขอบใจมากนะที่รับทำความสะอาดบ้านให้เจ้ สำหรับห้องเจ้ ช่อไม่ต้องทำหรอก เดี๋ยวเจ้ทำเอง แค่นี้ก็เหนื่อยจะแย่แล้ว ไหนจะนวด ไหนจะที่ร้านอาหารอีก มื้อเย็นไม่ต้องทำนะช่อ เพราะเจ้ว่าเรากินมาจากที่ร้านเลย ละกัน ถ้าไม่ไหวก็บอกเจ้นะ เดี๋ยวเจ้ช่วย”

“โอ้ยเจ้ แค่นี้เล็กน้อยมาก อย่างน้อยก็ไม่ต้องโดนตบตีแล้ว ช่อแข็งแรงจะตายไป ส.บ.ม.ย.ห. ค่ะ” เซลีนตอบกลับไป พร้อมกับทำท่าเบ่งกล้ามแขนโชว์ความแข็งแกร่ง ก่อนจะยื่นขนมปังปิ้งให้เจ้รำไพ

“จร้า แม่ซุปเปอร์วูแมน แล้วก็อย่ามาบ่นละกัน” เจ้รำไพตีไปที่แขนของเซลีนเบา ๆ ก่อนจะกล่าวขอบใจและรับขนมปังปิ้งมานั่งทาน

“เด็ก ๆ ทานเสร็จยัง เราต้องไปแล้วนะ โรงเรียนอยู่ไกลกว่าเดิม ต้องออกบ้านเช้าหน่อย” เซลีนเอ่ยเร่งลูกๆ

เพราะเธอย้ายมาอยู่กับเจ้รำไพ ทำให้โรงเรียนของสองแฝดอยู่ ไกลกว่าเดิม ดังนั้นต้องออกบ้านไวเพื่อเผื่อเวลาด้วย เธอจะไปสอบถามเรื่องรถรับส่งลูกในเส้นทางนี้ว่ามีหรือไม่ ถ้ามีรถรับส่งของโรงเรียน ก็จะช่วยประหยัดเวลาให้เธอได้มากขึ้น

“อลิสไปเรียนไหวนะลูก” เซลีนเอ่ยถามลูกสาวที่ยังต้องใส่เฝือกประคองไว้

“ไหวค่ะ หม่ามี้ไม่ต้องห่วงนะคะ”

เซลีนเองแม้จะเป็นห่วงลูกสาว แต่การขาดเรียนนาน ๆ คงไม่ส่งผลดีกับลูกแน่นอน เธอเลยอยากให้อลิสไปนั่งฟังก็ยังดี

“เก่งมากลูกรัก” เซลีนกอดเด็กน้อยทั้งสอง ก่อนส่งพวกเขาเข้าโรงเรียนไป

หลังจากส่งสองแฝดที่โรงเรียนแล้ว เซลีนก็ได้เบาใจไปเปราะหนึ่ง ที่เส้นทางนี้มีรถรับส่งของโรงเรียน เธอเลยทำการแจ้งให้ทางโรงเรียนเริ่มมารับส่งสองแฝดวันแรกในวันพรุ่งนี้เป็นต้นไป

เธอกะเวลาว่าที่ไทยน่าจะประมาณบ่ายได้แล้ว จึงตัดสินใจโทรไปหาแม่พรรณีที่เมืองไทยทันที

“แม่จ๋า เป็นยังไงบ้าง” เซลีนรีบเอ่ยทักทายคนปลายสายทันที

“แล้วช่อละเป็นไงบ้าง ติดต่อไม่ได้เลยหลายวัน แม่เลยร้อนใจ” แม่พรรณีเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรน

“ทุกอย่างโอเคแล้วจ๊ะแม่ ไม่ต้องห่วงหนู เดี๋ยวทุกอย่างคลี่คลายแล้วหนูจะบอกแม่อีกที”

“มีเรื่องอะไรรึเปล่า อย่าหายไปแบบนี้สิ แม่ใจไม่ดี”

“มีเรื่องที่นี่นิดหน่อย หนูกำลังจัดการให้เรียบร้อยนะคะ แม่ไม่ต้องห่วงเลย หนูสบายมาก ว่าแต่ฉัตรเป็นไงบ้างแม่” เซลีนพยายามบอกปลายสายให้คลายกังวล

“อืม...น้องอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ค่าเลือดเริ่มต่ำลงเรื่อย ๆ ยาที่รักษาก็น่าจะเอาไม่อยู่แล้วด้วย หมอบอกแม่มาแบบนี้” เสียงของแม่ดูเศร้าลงเมื่อพูดถึงน้องสาวของซินดี้

“ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวหนูจะรีบส่งอาหารเสริมไปให้ฉัตรเอง แม่พักผ่อนด้วยนะ หนูต้องวางสายแล้วล่ะ”

เซลีนจะต้องวางสายแล้วเพราะค่าโทรศัพท์แพงมาก ๆ และเธอตั้งใจว่าจะรอให้ได้มือถือใหม่ก่อน เธอจะรีบโทรหาแม่พรรณีทันที สุดท้ายแล้วเซลีนไม่ได้บอกแม่พรรณี ว่าเธอหัวแตกและกำลังจะหย่ากับมาร์ค เพราะ ไม่อยากให้แม่พรรณีเป็นห่วง ลำพังเรื่องอาการป่วยของน้อง ก็คงทำให้แม่เป็นทุกข์มากพออยู่แล้ว ปัญหาของเธอและครอบครัว เลยต้องถูกเก็บงำเอาไว้ก่อน เพื่อความสบายใจของผู้เป็นแม่

หลังจากที่วางสายกับแม่แล้ว เซลีนก็ลงมือทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ล้างห้องน้ำ เอาผ้าที่ตากไว้ไปรีดและแขวนไว้ เช็ดฝุ่นตามห้องต่าง ๆ

กว่าจะทำงานบ้านเสร็จ ก็ถึงเวลาที่ต้องไปรับเจ้าสองแฝด เซลีนจึงอาบน้ำและออกจากบ้านไป

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ