ภายในกองบรรณาธิการผู้คนราว 10 กว่าคน เดินขวักไขว่ไปมา บ้างก็ส่งตรวจพรูฟตัวหนังสือเล็ก ๆ หลาย 10 แผ่น บ้างก็กำลังเตรียมอุปกรณ์กล้อง ดูเหมือนเขาจะออกไปถ่ายงานอะไรสักอย่าง สายชลตื่นเต้นกับบรรยากาศที่ไม่คุ้นเคยและสภาพแวดล้อมที่แปลกใหม่มาก
ในครานั้นที่คุยกับพี่ไทม์เรื่องอยากเป็นนักเขียน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะให้ตนมาทำงานด้วยจริง ๆ จะบอกว่าดีใจนั่นก็ส่วนหนึ่งแต่ตอนนี้ปัญหาที่นักกว่าก็คือ นอกจากเขียนบล็อกในเว็บ ส่งงานเขียนประกวดที่โรงเรียน ก็ยังไม่เคยทำงานจริง ๆ เลย สายชลรู้สึกประหม่า มือเย็นเฉียบเหงื่อผุดไหลตามกรอบหน้า ถึงเครื่องปรับอากาศจะเย็นยะเยือกแค่ไหน ความรู้สึกกังวลและกระอักกระอ่วนก็ยังทิ่มแทงเข้าไปในใจ
สายชลได้ที่นั่งเป็นโต๊ะยาวรวม ไม่มีฉากกั้นเหมือนอย่างพี่ ๆ ฝ่ายกราฟิก ทำให้เขารู้สึกโล่งขึ้นมาบ้าง หากต้องนั่งโต๊ะที่มีฉากกั้น คงจะรู้สึกอึดอัดราวกับอยู่ในคอกแน่ ๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลกลับผิดไปจากความคิด ถ้าเลือกได้เด็กหนุ่มขอไปนั่งในโต๊ะคอกแบบพี่กราฟิกเสียดีกว่า
กลุ่มพี่ผู้หญิงหน้าตาสวยแต่งตัวตามแฟชั่นมองมาทางสายชล และกำลังซุบซิบกัน ทำไมเขาถึงรู้ว่าซุบซิบน่ะเหรอ เพราะพวกพี่ ๆ คุยกันค่อนข้างเสียงดังเลย อีกนิดเดียวจะเหมือนพวกเขาตะโกนคุยกันแล้ว
“คนนั้นไงเด็กใหม่ท่านประธาน”
“ไม่ใช่เด็กท่านประธาน แต่เป็นเด็กของ MD ต่างหาก”
พี่ผู้หญิงใส่แว่นกระซิบเสียงเบาลงแต่ก็ยังพอจะได้ยิน “อะไรกัน นี่ฉันเห็นรูปเมื่อเช้าในกลุ่มลับที่น้องซันเอาดอกไม้ให้พนักงานใหม่ไง”
“นี่แก มาสายเขาเห็นกันทั้งแผนก”
“อ้าวเหรอ ก็เขามอบดอกไม้ให้กันตรงนั้นโน้น” พี่สาวคนสวยผมสั้นประบ่าพลางชี้ไปยังทางเชื่อมระหว่างกองบก. กับฝ่ายงานออแกไนซ์
สายชลได้แต่ฟังแล้วรู้สึกอึดอัดใจ ดีนะที่เขาหยิบนิตยสารเล่าเก่า ๆ มาเปิดอ่านไปด้วย ไม่งั้นคงลำบากใจกว่านี้ ไม่นานพี่หัวหน้ากองบก.เดินเข้ามาหาเด็กหนุ่ม เธอเป็นผู้หญิงผมสั้นหยักศกเล็กน้อย แต่งตัวสุภาพมาก ๆ เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวพับแขนหลวม ๆ กับกางเกงขาสามส่วนสีน้ำตาลอ่อน พร้อมกับรองเท้าส้นสูงสีดำ ดูท่าทางทะมัดทะแมง แต่มีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก
“สวัสดีจ้ะน้องทินาท พี่ชื่อพิระมลนะจ๊ะ เรียกพี่ว่าพี่มลก็ได้นะพี่เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการค่ะ” พี่มลพูดด้วยน้ำเสียงใจดี ต่างจากบุคลิกที่ดูนิ่งและเนี้ยบ
“สวัสดีครับผมทินาท ธารกิติประยูรครับ” เด็กหนุ่มตกใจทำตัวไม่ถูกลุกขึ้นแล้วยกมือไหว้พร้อมกับแนะนำชื่อจริงและนามสกุล จนคนในกองต่างหัวเราะและยิ้มตามด้วยความซื่อและสดใสของสายชล
“คุณน้องแนะนำชื่อจริงนามสกุลจริงเลยเหรอ เอ็นดู” พี่สาวใส่แว่นคนสวยแซวด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
“เดี๋ยวก่อนนะน้องทินาท ในเอกสารของน้องเขียนว่านายทินาท เศวตฐิวัตร นี่จ๊ะ ฝาแฝดของสายฟ้าใช่ไหม”
“อะ ใช่ครับ ๆ พอดีผมสับสนกับนามสกุลเก่า ขอโทษด้วยครับ”
“นามสกุลเก่า” พี่มลเสียงสูงพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ไม่ต่างกับคนอื่น ๆ ในกองบก. ที่ต่างให้ความสนใจมาที่เขา
“นามสกุลทางแม่ครับ”
สายชลรู้สึกอยากจะร้องไห้มาก รู้สึกทำตัวไม่ถูกจริง ๆ สภาวะตอนนี้มีแต่ทำให้เขากดดันจนกระทั่งมีเสียงสวรรค์มาโปรด
“ไงสายชล พี่พวกนี้ทำให้เราอึดอัดหรือเปล่า” สายฟ้าเดินตรงมายังน้องชายพลางลูบหัวอย่างเอ็นดู แล้วหันไปจ้องมองทางกลุ่มสาว AE ที่จับกลุ่มนินทากันอยู่
“สวัสดีครับคุณมล วันนี้ผมขอรบกวนอยู่ที่กองสักวัน ครึ่งวันได้ไหมครับ” สายฟ้าเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มการตลาด
“สายฟ้าจ๋า พี่มลบอกกี่ครั้งแล้วสายฟ้าแวะมาหาพี่ได้ตลอดเลยนะจ๊ะ จะอยู่กับพี่ตลอดไปเลยก็ได้หัวใจพี่ยังว่าง” พี่มลพูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ใส่ช่องเสียงที่ 2 ไม่สิ ช่อง 3 ช่อง 4 เลยก็ว่าได้ นี่นอกจากทำตัวไม่ถูกแล้ว ยังมองคนไม่ออกอีกเหรอเนี่ย สายชลคิดพลางเอามือสายฟ้าที่วางแปะอยู่บนหัวออก
“พอดีเลยจ้ะ พี่กำลังจะบอก JD ให้น้องทินาทฟังนะคะ” พี่มลพูดพลางยื่นเอกสารที่เป็นตารางแผ่นหนึ่งมาให้สายชล
เด็กหนุ่มขบคิดภายในใจ อะไรนะ เจดี เจดีย์วัดแบบนี้น่ะเหรอ ยังไม่ทันเริ่มงานเลยเจอ JD เข้าไปเบลอเสียแล้ว เอาจริง ๆ ใครว่าประสบการณ์ไม่สำคัญ วันนี้เขาได้รู้แล้วว่ามีประสบการณ์ก็ยังดีกว่าไม่มีเลยสักนิด
หลังจากที่พี่สายฟ้าคุยกับพี่มลสักพักพร้อมกับเอาขนมคุกกี้มาแจกให้ทั้งพี่มล และทุกคนในกองบก.เสร็จแล้ว ดูก็รู้ว่าแฝดพี่ของเขากำลังส่งส่วยให้คนในกองอยู่ สายชลมองสายฟ้าด้วยสีหน้ากังวลแบบไม่ปิดบัง พี่สายฟ้าลากเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ ภายใต้สายตาที่ถูกจับจ้อง
“ทำไมถึงทำหน้าประหลาดแบบนั้น ควายน้อยของพี่ฟ้า” สายฟ้าขำให้กับสีหน้าของสายชลที่เหมือนจะร้องไห้ แต่ก็กำลังอดทนอยู่และพยายามยิ้ม รอยยิ้มของแฝดน้องวันนี้เลยดูประหลาดออกไปทางตลกมากกว่า
“กดดันครับ”
“แบบนี้แหละ เดี๋ยวก็ชิน…” สายฟ้าทำตัวสบายราวกับอยู่ที่บริษัทตัวเอง
“ปกติพี่ฟ้ามาที่นี่บ่อยเหรอครับ”
“ไม่ค่อยมาหรอก เหม็นขี้หน้าเจ้าของบริษัท”
“เอ่อ คุณสายฟ้าพี่น้ำใสรบกวนสักครู่ได้ไหมคะ”
“พอดีเรื่องหน้าปกเดือนธันวาคมที่เคยคุยกันไป…” พี่น้ำใสพูดด้วยน้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ คุยกับพี่สายฟ้าเสียงแทบสั่น ทำไมทุกคนถึงกลัวและชอบเอาใจพี่สายฟ้านะ เดี๋ยวกลับไปจะถามให้รู้เรื่องให้ได้เลย
“ผมให้คุณดรีมปฏิเสธไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ” สายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เอ่อ…” พี่น้ำใสก้มหน้าด้วยความอึดอัดพร้อมกับหันหน้าไปสบตาพี่มล หัวหน้ากองบก. พี่มลยิ้มมุมปากด้วยแววตาเจ้าเล่ห์ เดินตรงมาหาสายชล
“น้องคะ ชื่อเล่นอะไรนะคะ”
“ผมชื่อสายชลครับ”
“แหม สายฟ้า กับ สายชล ชื่อเข้ากันดีจังเลย”
สายฟ้าปรายตามองหัวหน้ากองบก. ด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายใจ พร้อมกับเปลี่ยนท่านั่งเพราะรู้อยู่แล้วว่าคุณมลต้องใช้แผนอะไรสักอย่างให้เขาถ่ายขึ้นปกให้ได้ ไม่ใช่ว่าเขาเลือกงานแต่อย่างใด ช่วงหลังเขามักจะลงพื้นที่ไปคุมงานเองมากกว่าจึงไม่ค่อยมีเวลาว่าง จนงานล่าสุดที่โคราชมีปัญหาเจ้าของงานจู่ ๆ ก็ยกเลิกกะทันหันทางบริษัทไม่เสียหายหรอก เพราะได้ค่าเสียเวลาและเงินประกันมาอย่างสมน้ำสมเนื้อ ติดแต่เสียอารมณ์เสียเวลา พอเขารู้ว่าสายชลมาแล้วจึงรีบนั่งเครื่องมาหาแฝดน้อง จนได้เจอกันที่บ้านคุณเชนวันนั้น
“งานแรกที่ให้น้องสายชลทำ อะนี่ค่ะ ทำยังไงก็ได้ให้คุณสายฟ้าลงหน้าปกนิตยสารเดือนธันวาคม พร้อมกับคอลัมน์สัมภาษณ์” พี่มลมองหน้าสองพี่น้องด้วยสายตาราวกับถือไพ่เหนือกว่า
ทางด้านสายชลก็ทำตัวไม่ถูก หันไปยิ้มเจื่อนให้กับพี่ชายพร้อมกะพริบตาถี่ ๆ
“อ๊ายยยย ดู 2 พี่น้องสิน่ารักจังเลยเนอะแก” แจนสาวฝ่ายโฆษณา (AE) พูดด้วยเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ปกติเล่มคุณมลมักจะถ่ายปกคู่หรือหลาย ๆ คนใช่ไหมครับผมจำได้”
“ใช่จ้ะ” พี่มลยิ้มด้วยใบหน้าแบบไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“ปกเดือนธันวาคมถ้าผมตกลงถ่าย ผมจะได้คู่กับใครครับ” สายฟ้าถามด้วยเสียงอยากรู้
พี่มลทำหน้านึกเพราะความจริงแล้วจะให้ถ่ายคู่กับคุณไทม์เพราะเป็นเล่มสุดท้ายของปีนี้ ทีมการตลาดคาดการณ์ว่าน่าจะทำรายได้ได้สูงกว่าเล่มอื่น ๆ เพราะทั้งสายฟ้าและคุณไทม์ติดหนึ่งใน Top 5 นักธุรกิจไฟแรงของปีนี้ ติดเสียแต่ว่าทั้ง 2 คนไม่ค่อยถูกกัน หลังจากงานเดินแบบที่หัวหินครึ่งปีก่อน ยังคงเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ มาถึงทุกวันนี้
“ปกเดือนธันวาคม ถ่ายคู่กับผมเอง” ไทม์เดินเข้าหลังจากที่เขาเห็นคุณพิระมลทำหน้าไม่ถูก และถ้าสายฟ้ามาลงปกก็ต้องยอมรับว่าฐานแฟนคลับของสายฟ้ากำลังเงินสูงจริง ๆ
“สวัส... ดี” สายฟ้าพูดด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ เอ่ยสวัสดีกับเจ้าของบริษัทไปด้วยความที่ไม่รู้จะกล่าวอะไร และที่นี่ก็ยังเป็นถิ่นของไทม์อีกด้วย
“สวัสดีอีกครั้งนะครับ คุณสายฟ้า” ไทม์ยิ้มวางมาดผู้บริหาร
สายฟ้าหันไปพูดกับคุณมลด้วยน้ำเสียงเป็นทางการ “ถ้าต้องถ่ายคู่กับเจ้านายคุณผมขอไว้เป็นโอกาสหน้าดีกว่าครับ”
“คุณไม่กล้าถ่ายคู่กับผมเหรอ” รัตติกาลพูดด้วยน้ำเสียงยียวนกวนให้สายฟ้าหงุดหงิดเล่น ๆ แต่ก็ต้องหยุดเมื่อสายชลมองมาด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่าไม่พอใจที่แกล้งพี่ชายของเขา
“นี่ ไอ้ไทม์ไม่ใช่กูไม่กล้า แต่กูไม่อยากถ่าย ไม่เข้าใจหรือไง”
“พี่สายฟ้า ใจเย็นก่อนสิ” สายชลกระซิบเตือนเบา ๆ
“เออ” สายฟ้าทำหน้าเสียเมื่อรู้ตัวว่าตนเองใจร้อนเกินไปแล้ว จึงหันไปทางคุณมลและเจ้าของบริษัท
“ขอโทษด้วยครับ วู่วามไปหน่อย” สายฟ้าพูดด้วยเสียงราบนิ่งอย่างคนสำนึกผิด
“งั้นแบบนี้ไหม…” ไทม์พูดน้ำเสียงของคนใช้ความคิด
ภายในแผนกกองบรรณาธิการนิตยสาร โต๊ะยาวขนาดนั่งได้ประมาณ 6 คน อันเป็นที่นั่งของเหล่านักเขียนประจำและฟรีแลนซ์ที่แวะเวียนมาส่งงาน คุณไทม์ได้เรียกคุณพิระมล และหัวหน้าทีมแต่ละฝ่ายมาคุยงานเป็นการเร่งด่วน ซึ่งรวมถึงสายฟ้าและสายชลด้วย
รัตติกาลลากเก้าอี้เสริมมานั่งตรงข้างสายชล พร้อมเรียกคุณหนิงมาช่วยจดบันทึกงานในครั้งนี้
“จะประชุมกันตรงนี้เลยเหรอคะ” พี่มลพูดพลางหยิบสมุดเล่มหนาเตรียมจด
“ไม่ได้ประชุมสักหน่อยครับ เรียกระดมความคิด” ไทม์กล่าวด้วยน้ำเสียงแบบคนที่มีแผนการ
“มันต่างกันยังไงวะ” สายฟ้าพูดพลางมุ่ยหน้าด้วยความรำคาญ
“ถ้าเป็นเรื่องของบริษัทนาย เดี๋ยวกู เอ้ย เดี๋ยวผมออกไปข้างนอกก่อนนะครับ” สายฟ้าเอ่ย
“นี่รวมตัวเฉพาะกิจเพื่อคุณสายฟ้าเลยนะ” เจ้าของบริษัทพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาอ่อนลงราวกับยืนยันในสิ่งที่ตนพูดยอมเพื่อสายฟ้าจริง ๆ ดั่งที่เอ่ยมา
“เกี่ยวอะไรกับกู” สายฟ้าลูบท้ายทอยตัวเองแก้เขินพร้อมกับเสียงสูง
“เอาจริงเหรอ ผมเนี่ยนะ” สายฟ้าพูดด้วยเสียงงึมงำ
“…” ไทม์พยักหน้าแทนคำตอบ
“เอาแบบนี้ดีกว่าค่ะ คุณไทม์มีไอเดียอะไรคะ ถึงได้ปุ๊บปั๊บเรียกทุกแผนกแบบนี้ ไปห้องประชุมไหมคะ”
ตอนนี้ ทั้งฝ่ายเขียน ฝ่ายช่างภาพ กราฟิก ฝ่ายขายงานโฆษณา รวมถึงพี่มลที่เป็นหัวหน้ากองบรรณธิการถึงกับงุนงงที่เจ้านายเกิดความกระตือรือร้นแต่เช้า
“ในเล่มเดือนธันวาคมนี้… ผมอยากให้ปกเราเป็นธีมสดใสคัลเลอร์ฟูลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ แต่คนที่ลงถ่ายอาจจะเยอะสักหน่อย เพื่อเป็นสีสันความสนุกครื้นเครง” ไทม์พูดยาวโดยที่ทุกคนฟัง พร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
ในขณะที่สายชลเป็นคนเดียวที่รู้สึกสนุก มองเจ้าของบริษัทพูดด้วยความปลาบปลื้ม เขาไม่เคยเห็นพี่ไทม์ในมุมการทำงานมาก่อนเลย ในเวลาปกติก็ดูมีเสน่ห์มากแล้ว ยามนี้มีเสน่ห์มากกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งน้ำเสียงที่สุขุมแต่ดูหนักแน่น แววตาที่มั่นคงมุ่งมั่นแต่มีความอ่อนโยนและเจ้าเล่ห์นิด ๆ เห็นแล้วสายชลได้แต่เผลอใจเต้นแรงจนลืมฟังที่ทุกคนคุยกัน
“น้องสายชลคิดว่ายังไงครับ” ไทม์ถามสายชลด้วยน้ำเสียงละมุน
ตายห่าแล้ว มัวแต่มองผู้ชาย เหม่อจนไม่รู้เรื่อง ตายแน่ ๆ ไอ้ชล ฉิบหายแล้ว พี่สายฟ้า ใช่แล้ว สายชลหันไปส่งสายตาให้สายฟ้าเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่พี่ชายของเขากลับมองด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
“เอ่อ ยังไงนะครับ” สายชลพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
คุณเจน ฝ่ายครีเอทีฟเห็นสายชลทำหน้าซีดเลยยกมือขอพูดสรุปในเรื่องที่คุยกันเพื่อให้พนักงานใหม่ค่อย ๆ คิดและเสนอข้อคิดเห็น
“คือหน้าปกเดือนธันวาคม เราจะให้คุณไทม์ คุณสายฟ้า คุณสายชล คุณดรีม และคุณราเชนทร์ ถ่ายด้วยกันทั้งหมด เพื่อเป็นความสนุกสนานและเพิ่มสีสัน ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ค่ะ แต่ติดตรงที่ไม่รู้จะสนุกสนานหรือจะเครียด” เจน สาวครีเอทีฟพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
“คุณเจน” ไทม์เรียกสาวครีเอทีฟด้วยน้ำเสียงดุ
“ขา… บอส ก็มันจริงนี่ค่ะ บอสคิดยังไงเอาทุกคนมาถ่ายด้วยกันเนี่ย”
“ไม่ดีตรงไหนครับ”
“ดีมันก็ดีอยู่นะคะ แต่…”
“แต่ อะไรครับ”
“มันจะสนุกได้จริง ๆ เหรอคะ จะไม่ทะเลาะกันจนทีมงานปวดหัวใช่ไหม”
“คุณเห็นพวกผมเป็นเด็กเล็ก ๆ กันเหรอครับ” เสียงเชนดังขึ้นมาร่วมวงสนทนา
“ไง คุณประธาน” ไทม์ทักเพื่อนคนสนิท
“แหมจะให้กูถ่ายอะไร มึงถามกูก่อนไหมไอ้คุณไทม์”
“ไม่ถาม เพราะมึงต้องถ่ายแน่นอน”
“สายชลคิดว่ายังไงครับ” ไทม์ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีกครั้ง
ทุกคนหันมามองสายชลเป็นตาเดียวกัน บรรยากาศราวกับมีไอกดดันอย่างมหาศาลแล่นเข้ามาบีบที่กลางอก เด็กน้อยใช้ความคิดอย่างหนักพี่สายฟ้ากับพี่ไทม์ไม่ค่อยจะถูกกัน พี่ดรีมกับคุณเชนก็ชอบทะเลาะกัน ส่วนผม เอ๊ะ ว่ายังไงนะ ทำไมผมต้องถ่ายด้วย “เอ่อคือ…”
“ผมขอใช้ตัวช่วยได้ไหมครับ” สายชลพูดพลางทำใบหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม รอยยิ้มสดใสผุดขึ้นเมื่อเขาคิดแผนบางอย่างออก
“ตัวช่วยอะไรคะน้องสายชล” พี่มลพูดพลางขมวดคิ้ว ทุกคนต่างมองหน้าพนักงานใหม่ด้วยความสงสัยไม่ต่างกัน
“สักครู่นะครับ” สายชลหยิบโทรศัพท์เครื่องบางกดโทร.หาคุณดนัย เพราะทางเดียวที่พี่สายฟ้าจะยอมคือต้องชวนพี่ดรีมมาโน้มน้าวใจ เท่าที่เขารู้จักพี่ดรีมมา อีกฝ่ายมีนิสัยที่ค่อนข้างออกไปทางขี้งก ด้วยความที่เป็นฝ่ายหาเงินเข้าบริษัทจึงมักจะมีการต่อรองเรื่องรายรับที่เรียกได้ว่าไม่เป็นสองรองใคร ถึงพี่สายฟ้าจะไม่ยอมถ่ายแต่ถ้าเป็นพี่ดรีมที่เชี่ยวชาญการใช้วาทศิลป์พูดจาหว่านล้อมแล้ว ทุกอย่างก็น่าจะราบรื่นโดยง่าย
ไม่ถึง 2 นาที คุณดนัยก็เดินถือแก้วกาแฟและนมปั่นเข้ามาด้วยใบหน้าไม่ทุกข์ไม่ร้อน เดินตรงมายังกลางกองบก.
“สวัสดีครับทุกคน โอ้โฮ วันนี้มีปาร์ตี้อะไรกันครับเนี่ย…” ดรีมเดินเข้ามาทำให้บรรยากาศที่กดดันดูสดใสมากขึ้น
“อ้าวนี่ไอ้ตัวเล็ก นมปั่นของโปรดมึง” ดรีมวางนมปั่นบนโต๊ะอย่างใจเย็น จนเขานึกได้ว่ายังไม่ได้ทักทายทุกคนจึงยืนวางมาดด้วยท่าที่คิดว่าหล่อที่สุด ไหล่ยกหลังตรงเต็มความสูงราว 180 เซนติเมตร พร้อมกับยิ้มเล็กน้อย แววตาคมเข้ม คิ้วเรียงได้รูป ใบหน้ายาวทรงผมนำสมัยสีบรอนซ์เงิน เรียกคะแนนจากสาว ๆ ทีมโฆษณาจนคุณราเชนทร์แอบอมยิ้มในท่าทีวางมาดของคุณดนัย
“จะยืนหล่ออีกนานไหมคุณดนัย” คุณเชนเอ่ยทัก
“ก็หล่ออีกนานเลยแหละ จริงไหมครับ” ดรีมหันไปสบตากับน้องกราฟิกเด็กเนิร์ด จนหนุ่มน้อยเสียอาการก้มหน้าทำตัวยุ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขินอาย
“มีอะไรให้กระผมช่วยครับ สองแฝด” ดรีมยืนพิงกำแพงหันมายังที่ประชุม
จากนั้นสายชลเล่าถึงรายละเอียดคร่าว ๆ ในการถ่ายงานนิตยสารที่จะได้ลงในเดือนธันวาคม ทั้งเรื่องคนที่จะถ่ายและธีมงาน ดรีมฟังอย่างตั้งใจและแสดงสีหน้าเห็นด้วยในทุกข้อที่คุณไทม์เสนอไอเดียมา
“แล้วปัญหาคือ…”
“พี่สายฟ้าไม่ยอมถ่ายครับ”
คุณดนัยเดินตรงไปประชิดตัวกับสายฟ้า ด้วยสายตานิ่งราวกับกำลังจะล่าเสือในถ้ำ พร้อมกับก้มลงจ้องหน้าเพื่อนสนิทราวกับจะสะกดจิต
“มึงรู้ใช่ไหมบริษัทเรากำลังขาขึ้น”
“อื้ม”
“มึงรู้ใช่ไหมว่ามึงเป็นหุ้นใหญ่ของบริษัท”
“อื้ม”
“และมึงรู้ไหมว่าปุญะคีตะ เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทเรา”
“…” สายฟ้าเม้มปากแน่นแล้วพยักหน้าแทนคำตอบ
“โอเค มึงเข้าใจแล้วเนอะเพื่อนรัก อะต่อไป” ดรีมมองเพื่อนรักด้วยสีหน้าอย่างคนที่ได้รับชัยชนะแล้วหันมามองทางสายชลด้วยสีหน้าเดียวกับที่มองสายฟ้า
“น้องชล…” ดรีมเรียกคนตัวเล็กด้วยเสียงหวานแต่แฝงไปด้วยความยะเยือก จนสายชลสะดุ้งตัวโยน
“น้องชลไม่กล้าถ่ายใช่ไหม”
“ครับ”
“แต่น้องชลเคยถ่ายงานกับพี่ไทม์แล้วนี่ พี่ไทม์ใจดีไหม (?)”
สายชลเอี้ยวตัวไปหาพี่ไทม์พร้อมกับสีหน้ากังวลไม่มั่นใจ มือหนาค่อย ๆ เลื่อนมือมายังใต้โต๊ะ จับมือสายชลเบา ๆ แต่ทว่าหนักแน่น ราวกับบอกคนเด็กกว่าว่า หากมีมือนี้ปกป้องเขาอยู่ จะไม่มีใครหรืออะไรมาทำร้ายสายชลได้ สายชลสบตากับพี่ไทม์แล้วสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด แล้วหันหน้าไปหาพี่ดรีมด้วยสีหน้ามั่นใจมากขึ้น เม้มปากแทบจะเป็นเส้นตรงพร้อมพยักหน้าแทนคำตอบ
“เดี๋ยวนะคุณพิระมลครับ ทำไมผมถึงต้องถ่ายด้วยครับ” ดรีมเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงสัย เพราะปกติเขาไม่ค่อยรับงานเบื้องหน้าถือแม้จะออกงานบ้าง แต่คนที่ออกกล้องส่วนใหญ่เป็นสายฟ้ามากกว่า ถึงแม้ว่าตัวเขาจะมั่นใจในหน้าตาแต่เขาก็ไม่ชอบงานเบื้องหน้า ดนัยชอบที่จะลุยงานเบื้องหลังมากกว่า
“แหม ทีคนอื่น บ่นฉอด ๆ ๆ ๆ ทีตัวเองก็ไม่อยากเหมือนกันนั่นแหละ” สายฟ้าบ่นกับน้องชาย ทั้งคู่ซุบซิบกันเสียงดังพยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้ากันได้ดี เรียกรอยยิ้มจากที่ประชุมอย่างมาก
“ก็คุณดรีมหล่อไงคะ” คุณพิระมลพูดประจบด้วยสีหน้ามีเลศนัย พร้อมกับยิ้มหวานที่มุมปาก
“เหตุผลดี ฮ่ะฮ่า” ดรีมที่ยิ้มอย่างภูมิใจจนทุกคนต่างเผลอเปล่งเสียงหัวเราะออกมาจนบรรยากาศดูเป็นปกติ
“งั้นนัดคิวเลยไหมคะ” คุณน้ำใสรีบหยิบเอกสารมาให้ทุกคน
“เดี๋ยวก่อนสิครับ” คุณดนัยยกยิ้มที่มุมปากด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“คุณไทม์ครับ ทางบริษัทผมถ่ายกันตั้ง 3 คน แล้วตอนนี้ สายฟ้ากับสายชลก็เป็นฝาแฝดกันด้วย ค่าตัวปกติไม่ได้นะครับ”
สายฟ้ากับสายชลมองหน้ากันแล้วถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ดรีมต่อรองกับทีมงานอยู่สักพักจนได้ข้อตกลงที่น่าพึงพอใจ เรียกได้ว่าได้เยอะจนมองเห็นกำไรอยู่ลิบ ๆ คุณดนัยต่อรองเรื่องค่าตัวและในส่วนการออกกองให้ทางบริษัทเขาเป็นผู้ดำเนินการ ส่วนอื่นเป็นการจัดการของทางทีมกองบก.
เรียกได้ว่านอกจากจะได้รายได้เป็นค่าตัวแล้ว ยังได้งานออกกองเข้าบริษัทอีก เรื่องวางแผนหาเงินเข้าบริษัทไม่มีใครคิดไวเท่าดรีม เขายิ้มให้กับชัยชนะของตัวเองในวันนี้
“คุณหนิงเดี๋ยวสรุปรายงานครั้งนี้ให้ผมด้วยนะครับ”
“ค่ะ คุณไทม์”
“คุณเจน เดี๋ยวเตรียมแพลนในการตลาดและติดต่อหารายใหญ่ลงโฆษณานะครับ”
“ค่ะ บอส”
“ส่วนคุณพิระมลก็แจกแจงงานรายละเอียดของเดือนพฤศจิกาและเดือนธันวาคมให้ทุก ๆ คน แล้วมาสรุปส่งผมนะครับ”
“ได้เลยค่ะ คุณไทม์”
“เอ่อ แล้วน้องสายชลให้ช่วยในงานด้านไหนเป็นพิเศษคะ”
“ก็ให้ช่วยคุณพิระมลละครับ”
“อะ เอ่อ ได้ค่ะ”
รัตติกาลหันมายิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับสายชล ก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วก้าวขาฉับ ๆ เดินไปยังห้องทำงานที่อยู่ไม่ไกล ห้องพี่ไทม์เป็นห้องขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก ผนังทั้ง 3 ด้านเป็นกระจก โดยปกติคุณไทม์จะดึงมู่ลี่ลงบังสายตาอยู่ตลอดเวลา แต่วันนี้เจ้าของบริษัทเปิดม่านโล่งทำให้ทุกคนได้เห็นความหล่อเหลาในมาดเจ้าของบริษัท
“น้องชลจ๊ะ มาหาพี่หน่อยจ้ะ” พี่มลเรียกเสียงสดใสเพราะเพิ่งได้รับข่าวดี ปกเดือนธันวาคมต้องเป็นเล่มที่คนรอสั่งซื้อมากแน่ ๆ ทำยอดได้เยอะก่อนสิ้นปี โบนัสตอนตรุษจีนจะไปไหนเสีย เธอคิดแล้วก็ยิ้มให้กับพนักงานใหม่ เพราะสายชลแท้ ๆ ทำให้งานทุกอย่างราบรื่น
“เดี๋ยวน้องสายชลเขียนสรุปหน้าที่ที่ทุกคนได้รับตามที่บรีฟกันไปเมื่อกี๊นะคะ ถ้าสงสัยตรงไหนถามพี่ได้ตลอดเลยนะ” พี่มลพูดด้วยสีหน้าอย่างคนเป็นมิตรพร้อมกับยื่นเอกสารตัวอย่างการสรุปงานให้สายชล
“เหนื่อยหน่อยนะ วันแรกก็หนักแล้ว เราชื่อพีท เป็นนักเขียนคอลัมน์การตลาดและทั่วไปจ้า” ชายหนุ่มหน้านิ่ง ยิ้มพร้อมกับขยับแว่น
สายชลทำงานที่กองบรรณธิการเข้าวันที่ 5 แล้ว การทำงานหลัก ๆ ของเขาก็ไม่มีอะไรมาก คุณพิระมลให้ศึกษาประเภทของนิตยสารทั้งหมด ดูคอลัมน์ต่าง ๆ ทั้งจากของนิตยสารบริษัทและของคู่แข่ง รวมถึงตลาดโดยรวมว่าแนวไหนเจาะกลุ่มตลาดของวัยรุ่นวัยทำงานได้บ้าง สายชลรู้สึกว่าจริง ๆ การทำงานใน 1 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ไม่ค่อยต่างจากการรวบรวมทำรายงานส่งอาจารย์ ที่ใช้การรวบรวม แยกแยะประเภท วิเคราะห์ รวมถึงการสรุปผลส่งอาจารย์ ไม่สิ ส่งให้หัวหน้าบก. จะว่าสนุกก็สนุก แต่ออกไปทางเบื่อมากกว่าเพราะสายชลอยากเขียนอยากถ่ายรูปอยากทำอะไร ๆ มากกว่านี้ หลังจากวันที่เขาสรุปรายงานส่งให้พี่มลในวาระการประชุมด่วนวันนั้น พี่มลก็ยุ่ง ๆ แต่กับการปิดเล่มและไปติดต่องานข้างนอกด้วยตัวเองพร้อมกับทีมโฆษณา AE กลุ่มสาวสุดแซ่บ
ยังโชคดีอีกเรื่องที่สายชลมีเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันอย่างพีท อันที่จริงแล้วจะเรียกเพื่อนก็ไม่เต็มปาก เพราะพีทอายุ 29 ส่วนเขาแค่ 19 แต่นั่นมันเป็นอายุของช่วงเวลาเดิม ตอนนี้คือ ทินาท เศวตฐิวัตร อายุ 28 ปี พี่สายฟ้าใช้เส้นสายปลอมแปลงเอกสารของผมทั้งเรื่องนามสกุล ทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน รวมถึงใบเกรด ความจริงที่แสนเจ็บปวดหัวใจไม่ว่าจะยุคสมัยนี้หรือสมัยไหน เพียงแค่คุณมีเงินสักนิด มีเส้นสายอีกสักหน่อย เรื่องที่ไม่น่าทำได้ก็สามารถเป็นไปได้อย่างแนบเนียน น่าสงสารจริง ๆ สงสารประเทศเหรอ ไม่ใช่หรอกนะ สงสารตัวเขาเองเนี่ยแหละครับ
เด็กหนุ่มเรียนจบแค่ม.6 แต่ตอนนี้มีวุฒิถึงปริญญาตรี โธ่ ไอ้สายชลเอ๋ยจะเอาความรู้ที่ไหนใช้เนี่ย เอาน่า สู้อุตส่าห์มีโอกาสได้ทำงานบริษัทในฝันแล้ว
“ชลนั่งเหม่ออะไร” พีทเรียกพร้อมยื่นคิทแคทมาให้สายชล
“เปล่าอะ แค่เบื่อนิดหน่อย”
“วันนี้ชลลองเขียนบทความแนวที่ชอบ สัก 1 บทความนะ ความยาวก็ประมาณ 500 คำ – 800 คำ แล้วเดี๋ยวเราช่วยดูให้ก่อนแล้วค่อยส่งเมลให้พี่มล”
พีทพูดด้วยความกระฉับกระเฉงมือพลางหยิบบทความตัวอย่างในแต่ละแนวออกเป็นหลาย ๆ แฟ้ม ในขณะที่สายชลทำหน้างุนงง มือบางหยิบแฟ้มขนาดใหญ่เปิดออกดู แต่ละแฟ้มเป็นหมวดหมู่ที่ต่างกัน บทความไลฟ์สไตล์ บทความท่องเที่ยว บทความการตลาดหุ้น บทความสุขภาพ บทความจิตวิทยา บทความรีวิวลูกค้า
“อื้อหือ เยอะจัง”
“จริง ๆ มีอีกนะ แต่แนวพวกนี้เราคัดมาให้แล้ว” พีทบอกพร้อมกับรอยยิ้มหวานจนตาเป็นสระอิ
“งงใช่ไหม ก็พี่มลสั่งงานไว้ ชลลองเปิดเมลดูนะเราเห็นแต่เมื่อคืนแล้วพี่มลเขาสำเนาเมลถึงเรา เราเป็นบัดดี้ชลนะ เราจะค่อยดูแลจนผ่านโปรฯ เลย”
สายชลเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์พร้อมกับรีบเช็กกล่องข้อความเข้า เป็นอย่างที่พีทบอกจริง ๆ ด้วย เขายิ้มด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดก็จะได้ลองเขียนแบบจริง ๆ จัง ๆ แล้ว เด็กหนุ่มรีบแอบไลน์ไปหาพี่สายฟ้าบอกข่าวดีที่พี่มลมอบหมายงานให้ ในขณะที่สายชลดีใจที่ได้เริ่มทดลองเขียนงาน กลับกันทางสายฟ้าและดรีมที่ทราบเรื่องก็อดเป็นห่วงน้องไม่ได้
“ไอ้ฟ้า มึงว่าน้องชายมึงจะโป๊ะไหมวะ”
“กูก็ไม่รู้เหมือนกันดรีม”
“ไอ้ฟ้ากูว่านะ พวกเราต้องจัดคอร์สติวเข้มให้น้องมึงหน่อยแล้ว”
“คอร์สอะไรวะ”
“ก็หลักสูตรย่อยความรู้วิชาหลัก ๆ ที่มันจะเอาไว้ทำงานไงล่ะ”
“แบบนั้นก็ได้เหรอไอ้ดรีม”
“ไอ้สองไง มันรับจ๊อบเป็นวิทยากรมหาวิทยาลัยอยู่บ่อย ๆ เราก็แค่ให้มันมาช่วยสอนเทคนิคเคล็ดลับทั้งหมดให้ไอ้ชล เรื่องไหนที่ไม่จำเป็นก็ยังไม่ต้องเรียน เอาให้ตอนนี้มันรอดให้ได้ก่อน”
“มึงนี่ฉลาดเหมือนกันนะเนี่ย”
“แน่อยู่แล้ว นี่ใคร นี่คุณดนัยนะครับ ทั้งหล่อ ทั้งแมน และฉลาด”
“แมน มึงยังแมนใช่ไหม” สายฟ้าเลิกคิ้วพร้อมกันมองดรีมด้วยสายตาแซว
“แมนสิวะ ไอ้สัตว์ฟ้า มึงจะแซวอะไรกู”
“มึงอย่าร้อนตัว” สายฟ้าหัวเราะแบบยียวน
ขณะนั้น สองเปิดประตูเดินตรงเข้ามายังห้องทำงานของดรีม ชายร่างสูงโปร่งราว 183 เซนติเมตร ร่างสมส่วนใบหน้าทรงยาว พวงแก้มสีชมพูระเรื่อ จมูกโด่งเป็นสัน ดวงตาคมเข้มแววตาดูอ่อนโยนอบอุ่น สวมเสื้อเชิ้ตคอจีนสีเทาอ่อนลายริ้วยาว กางเกงยีนสีขาวพร้อมกับรองเท้าหนังวาววับ โบกมือทักทายเพื่อน ๆ พร้อมกับเสยผม ราวกับมีแสงออร่าเปล่งปลั่ง
“หัวเราะอะไรกันดังไปถึงนอกห้องเลยนะ”
“ตายยากจริงนะมึง พวกกูกำลังนินทาอยู่เลย”
“นินทา ?” สองทำหน้างงพร้อมกับลากเก้าอี้มานั่งร่วมวงจิบกาแฟยามบ่ายด้วย
ภายในห้องประชุมเล็กของบริษัท ดรีมสตรอม แชร์ริ่ง โดยปกติห้องประชุมเล็กมีไว้สำหรับเพื่อนสนิททั้งสามคนมาพูดคุยแชร์เรื่องงาน รวมถึงวางแผนงานต่าง ๆ แต่ในยามที่ว่างห้องนี้ก็เป็นที่รวมตัวนั่งสนทนาเรื่องราวทั่วไป ดั่งเช่นวันนี้
“สอง ปกติมึงเป็นวิทยากรสอนอะไรบ้างวะ”
“เราเหรอ… ก็แนะแนวการทำงานจริงทั่วไป เดี๋ยวก่อนนะ รู้จักกันมาตั้งหลายปี เราไม่เห็นสายฟ้าจะอยากสนใจงานเสริมเราเลย งานเรามันกระทบกับบริษัทเหรอ” สองซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนอีกคนครุ่นคิด
“เฮ้ย คือไม่ใช่แบบนั้นโว้ยไอ้สอง คือแบบนี้ สายฟ้ามันจะให้มึงไปติวพิเศษน้องชายมันสักหน่อย”
“น้องเรียนปีไหนล่ะ แล้วเขาเรียนจบอะไรมา”
“เอ่อคือ…” สายฟ้าทำหน้าเป็นกังวล เพราะเขารู้ว่าสองเป็นคนเคร่งครัด ไม่ชอบอะไรที่ไม่ถูกต้อง ถ้ารู้ว่าเขาปลอมแปลงเอกสารให้สายชล นอกจากสองจะไม่ร่วมด้วยแล้ว ตัวเขาเองยังจะโดนบ่นอีกยาวแน่ ๆ
สองนับว่าเป็นมันสมองของบริษัท ถึงแม้สองจะไม่ค่อยเข้าบริษัทหรือไม่ลุยหน้างานเองเหมือนเขาและดรีม แต่ต้องยอมรับว่าบริษัทขาดสองไปจะต้องเคว้งคว้างแน่ ๆ
“ก็คือน้องสายฟ้ามันทำงานนิตยสารบริษัทไอ้ไทม์ กูอยากให้มึงในฐานะพี่สอนน้องมันเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ที่มันอาจต้องเจอ เรื่องพื้นฐานที่ต้องเรียนรู้ ทุก ๆ เสาร์มึงยังว่างอยู่ใช่ไหม”
“รวบรัดเลยนะ เราสอนให้ก็ได้เห็นว่าเป็นน้องสายฟ้านะ ว่าแต่สายฟ้ามีน้องตั้งแต่เมื่อไหร่ งั้นเดี๋ยวเรียนทุกวันเสาร์วันละ 3 ชม. เก็บเงินกับสายฟ้าใช่ไหม” สองพูดพลางหัวเราะด้วยท่าทางสบาย ๆ
“ใกล้เที่ยงแล้วไปกินก๋วยเตี๋ยวกันไหมชล” พีทกระซิบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น
สายชลยังไม่ทันเอ่ยตอบ ก็ต้องหันไปยังเจ้าของเสียงทุ้มนุ่มที่คุ้นเคย วันนี้พี่ไทม์แต่งตัวแปลกไปจากทุกวันใส่เสื้อยืดคอกลมสีครีมของบริษัท สวมทับด้วยสูทแฟชั่นสีน้ำเงินเข้ม กางเกงยีนขายาวพอดีตัว ทำให้วันนี้พี่ไทม์ดูสบาย ๆ ไม่เคร่งขรึมอย่างทุกวัน แต่ไม่ว่าจะแต่งชุดไหน ๆ ในสายตาของสายชล ไม่สิ ในสายตาคนในกองบก. ก็มองว่าบอสคนนี้หล่ออยู่ดี เด็กหนุ่มขบคิดพลางอมยิ้มด้วยสีหน้าเขินอาย
บอสใหญ่ของพวกเราเดินเข้าไปคุยกับพี่มลสักพักแล้วทั้งคู่ก็หันมามองที่สายชล ทำให้เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ เอ๊ะ หรือว่าทำอะไรผิดหรือเปล่า จู่ ๆ พี่ไทม์ก็เดินตรงเข้ามาหาก่อนจะเอ่ยชวนไปกินอาหารกลางวัน แล้วเจ้านายบอกให้เขาเก็บของพร้อมกระเป๋าด้วย ซึ่งร่างเล็กก็ไม่เข้าใจแต่ก็ทำตามอย่างไม่ได้ขัดข้อง
พีทมองสายชลด้วยสายตางุนงงมาก เขาเองก็อยากบอกพีทเหมือนกันนะว่าไม่ใช่แต่เพื่อนเขาคนเดียวที่ไม่เข้าใจ เด็กหนุ่มก็งงเหมือนกัน จะให้เขาออกไปตอนนี้ทั้งที่ยังไม่พักเนี่ยนะ ทั้งกองบรรณาธิการต่างก็มองสายชลพร้อมกับซุบซิบ บ้างก็แอบเอามือถือขึ้นมาถ่ายรูป เมื่อวันก่อนพีทบอกเขาว่าในบริษัทมีกลุ่มลับไว้นินทาเจ้านายบ้าง เมาท์กันบ้าง แต่มีกลุ่มโอเพ่นแชทคู่จิ้น ซันชล เมื่อได้ฟังที่พีทเล่าก็ถึงกับงงเลยทีเดียว เด็กหนุ่มเข้าใจนะว่าที่นี่บริษัทสื่อ แต่ไม่คิดว่าพวกเขาจะมีจินตนาการล้ำเลิศถึงขนาดนี้ แต่เขาไม่ใส่ใจอะไร เพราะซันก็ถือเป็นเพื่อนที่นิสัยดีและก็น่ารักมากอีกคนเลย
สายชลเดินตามรัตติกาลไปยังรถคันหรูที่จอดหน้าบริษัท ซึ่งที่จอดรถก็จะแบ่งไปตามตำแหน่งและความอาวุโส เจ้าของและฝ่ายบริหารจะจอดด้านหน้าบริษัทได้ หรือหากร้อนเกินไปก็จะมีที่จอดด้านหลังที่ตรงกับลิฟต์ทางเข้า เรียกได้ว่าง่ายสะดวกสบาย แต่ถ้าเป็นพนักงานทั่วไป อาจจะต้องวนรถกันสักหน่อยเพราะที่จอดรถหายากพอ ๆ กับข้าวแกงที่จานละ 30 บาท มีน้อย แต่ยังพอมีนะ
“พี่ไทม์จะพาผมไปไหนน่ะเหรอครับ”
“จะพาไปกินข้าวที่สยามครับ”
“ทำไมไปกินไกลจัง”
“ก็อยากเอาใจเด็กน้อย”
“เด็กที่ไหนหรือครับ”
รัตติกาลไม่เอ่ยตอบเพียงแต่หันไปยังคนตัวเล็กตรงหน้าด้วยสายตาอบอุ่น เขาหันข้างเข้ามาประชิดตัวของสายชล มือหนาผ่านหน้าเอื้อมไปหยิบเข็มขัดนิรภัยแล้วค่อย ๆ ดึงคาดหน้าอกให้เด็กหนุ่มอย่างเชื่องช้า แม้เพียงไม่นานแต่ทำให้สายชลหัวใจเต้นแรงราวกับมีจังหวะเพลง EDM ดังลั่นอยู่ในอก ใบหน้าเขาทั้งสองใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงไออุ่น ๆ ที่ชวนจั๊กจี้อยู่ที่ข้างใบหู ยิ่งคนตัวเล็กเขินเท่าไรหัวใจที่เต้นรัวจนเจ้าตัวหายใจไม่เป็นจังหวะ
เฮ้อ…
สายชลเผลอถอนหายใจแรงเมื่อพี่ไทม์ผละตัวออกพร้อมกับจับพวงมาลัยรถก่อนจะไปยังร้านอาหาร ขณะที่มือบางเผลอจับกุมอยู่ที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง โดยที่ทุกการกระทำอยู่ในสายตาของไทม์ทั้งสิ้น ชายหนุ่มเหลือบมองคนตัวเล็กด้วยสีหน้าเอ็นดูจนเผลอยิ้มออกมา
“ไม่ค่อยเห็นพี่ไทม์ยิ้มเลย”
“หึ พี่เหรอ”
“ใช่ครับ…”
“พี่อยู่กับน้องชลพี่ก็ยิ้มแบบนี้ตลอดเลยนะครับ” ขณะที่รถติดไฟแดงพอดี ไทม์หันมาส่งยิ้มหวานปนอบอุ่นที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา
สายชลมองพี่ไทม์ด้วยความเขิน ใบหน้าขึ้นเลือดฝาดสีชมพูระเรื่อ รอยยิ้มพิฆาตของพี่ไทม์มองกี่ครั้งก็ใจละลายทุกทีสินะ เขาคิดในใจ บรรยากาศในรถเงียบเชียบ จนได้ยินเสียงลมเป่าจากแอร์ภายในรถ
“ไฟเขียวแล้วครับ หน้าผมมีอะไรติดอะ พี่ไทม์ถึงจ้องอยู่ได้” สายชลพูดพึมพำด้วยท่าทางเขินอาย
“มีสิ ติดอยู่กลางหน้าเลยนะ”
“ไหนครับ มีอะไรติดอยู่” สายชลขยับตัวไปยังกระจกเพื่อส่องว่ามีอะไรติดอยู่กันแน่ แต่ดูอย่างไร จ้องเท่าไรก็ไม่เจออะไรสักอย่างที่ติดหน้าอย่างที่พี่ไทม์พูดเลยแม้แต่น้อย
“พี่ไทม์แกล้งผมหรือเปล่า ไม่เห็นมีอะไรติดหน้าน้องเลย”
“…”
รัตติกาลยิ้มหน้ากรุ้มกริ่มแทนคำตอบ จนสายชลเริ่มทำเสียงงอแงมือบางเขย่าเบา ๆ ที่หน้าขาของคนที่กำลังขับรถอยู่
“พี่ไทม์แกล้งน้องจริง ๆ ด้วย เนี่ย… ยิ้มไม่หยุดเลย”
“ก็มีติดที่หน้าจริง ๆ นะ”
“ไม่มีนะ”
ไทม์เลี้ยวแวะเติมน้ำมันที่ปั๊ม ขณะที่รอคิวก็หันมาสบตาสายชลแล้วพูดอย่างจริงจัง ยื่นมือประคองแก้มพร้อมกับใช้นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มนิ่มเบา ๆ
“มีสิ… มีความน่ารักติดอยู่ที่แก้มนิ่ม ๆ นี้ไงครับ”
สายชลหน้าแดงระเรื่อขึ้นกว่าเดิม จึงแกล้งทำตาดุพี่ไทม์พร้อมกับตีหลังมือคนฉวยโอกาสไปทีหนึ่งเบา ๆ
“ขออนุญาตเปิดเพลงได้ไหมครับ” เสียงนุ่มพูดแก้เขิน ไม่งั้นบรรยากาศมันจะแปลกพิลึกไปกว่านี้
พี่ไทม์นี่แปลกมากเลยนะ เขาทำงานที่นี่เข้าวันนี้วันที่ 5 แล้ว ในแต่ละวันนอกจากจะเห็นพี่เขาผ่านห้องกระจก และนอกจากสวัสดีกันตอนเช้ากับตอนเย็น สายชลกับไทม์ก็เรียกได้ว่าต่างคนต่างทำงาน มีแต่ซันกับพีทเท่านั้นที่พอที่จะพูดคุยหรือเป็นเพื่อนเขา
“อ๋อ ได้สิ… เปิดเอาเองเลย เชื่อมบลูทูธก็ได้นะครับ”
แต่พี่เขาก็ดูปกตินี่เนาะ ก็เป็นถึงเจ้าของบริษัทจะให้เขามาสนิทกับพนักงานใหม่ก็อาจจะดูไม่เหมาะใช่ไหม ? เฮ้อ นี่สายชล แกต้องการให้พี่ไทม์ทำยังไง แค่เขาให้มาทำงานที่นี่ก็ถือว่าโอเคมากแล้ว เพื่อนร่วมงานก็ดี ที่สำคัญเงินดีมากด้วย
“ฟังวิทยุดีกว่าครับ” สายชลยิ้ม มือกดเปิดวิทยุคลายบรรยากาศให้ไม่ให้เขินจนร้อนระอุไปมากกว่านี้ แต่เขารู้สึกว่ากำลังคิดไปเองหรือไม่ เพราะเพลงที่กำลังเปิดอยู่ช่างตรงกับสิ่งที่เขาคิด
ฉันไม่รู้ และยังคงไม่แน่ใจ รักไม่รัก ใจจริงเธอต้องการแบบไหน
มันยังคงไม่ชัดเจน…
เธอกับฉัน เราเป็นอะไร ช่วยบอกฉันที อยากรู้สายตาที่เธอมีให้กัน
มันหมายความว่าอะไร
เป็นแค่เพียงอารมณ์อ่อนไหวที่คงหายไป หรือซ่อนความรักที่มีเอาไว้
เธอคิดยังไงกับฉัน ช่วยบอกฉันที…
(เพลง หมายความว่าอะไร ศิลปิน MEAN)
ทั้งคู่เผลอหันมาสบตากันด้วยความนิ่งเงียบ ภายใต้เสียงเพลงที่คลอเบา ๆ สายตาที่บ่งบอกถึงความสับสนและความสงสัยในแววตา
หลังจากที่ไทม์พาคนเด็กกว่ากินอาหารกลางวันเรียบร้อยแล้ว ท่าทางของสายชลดูกระวนกระวายใจจนชายหนุ่มสงสัย จึงทราบว่าเจ้าตัวกลัวที่จะกลับเข้างานช่วงบ่ายไม่ทัน แต่ไทม์ก็บอกให้สายชลหายกังวลว่าวันนี้เราจะออกมาทำงานข้างนอกด้วยกัน เพราะฉะนั้นให้เขาหายกังวลแล้วสนุกให้เต็มที่
“เดี๋ยวก่อนนะฮะ นี่จะพาน้องมาเที่ยวเหรอ” ไทม์ไม่ตอบแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มกลับมาแทน
“เนี่ยพี่ไทม์ ยิ้มแปลก ๆ แบบนี้อีกแล้ว”
“แปลกยังไงครับ”
“ชลก็ไม่รู้ แต่เหมือนมีอะไรที่พี่ไทม์คิดอยู่แน่ ๆ ถึงยิ้มประหลาดแบบนั้น”
“อ้าวไม่แทนตัวเองว่าน้องแล้วเหรอครับ”
“… เอ่อ พี่ไทม์กำลังแซวชลอยู่ใช่ไหม”
“ไม่ได้แซวนะครับ เวลาน้องชลแทนตัวเองว่าน้อง พี่ชอบมากเลยนะ…” ไทม์ทำสายตาหวานราวกับจะกลืนกินคนตรงหน้าเสียตรงนี้
ด้านสายชลก็อดนึกถึงเมื่อครั้งก่อนที่ตนเองใช้เสียงอ่อนหวานแทนตัวเองว่าน้อง ครั้งนั้นตนเป็นคนอ้อนขอพี่ไทม์เข้าห้อง แล้วก็ ฮึ่ย ไม่อยากคิดต่อแล้ว
“พี่ไทม์บ้า”
“เรียกแทนแบบนั้นเถอะ น่ารักดี จริง ๆ นะครับ” ไทม์จ้องมองคนเด็กกว่าด้วยสีหน้าและน้ำเสียงที่จริงจัง ราวกับให้คนตรงหน้ารับรู้ได้ถึงความจริงใจในคำพูด จนสายชลค่อย ๆ คลี่ยิ้มออกมาซึ่งนั่นก็ทำให้ไทม์สบายใจมากขึ้น
“แล้ววันนี้ บอสจะให้น้องช่วยงานอะไรฮะ”
“แหมเดี๋ยวนี้หัดแซวนะ เรียกพี่ไทม์เหมือนเดิมสิ”
“ครับ” สายชลยิ้มกว้างจนแก้มยุ้ย คนร่างสูงหยิกแก้มเบา ๆ ด้วยความมันเขี้ยว
เสียงแจ้งเตือนจากโปรแกรมไลน์ดังขึ้น ทำให้สายชลต้องหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็ก
ภัทรวัฒน์ : ชลเที่ยวอยู่สยามเหรอ ซื้อหนมฝากด้วยสิ อิอิ
Saichon : พีทรู้ได้ไง
ภัทรวัฒน์ : กำลังส่งภาพ (ภาพที่ไทม์กำลังหยิกแก้มสายชล)
ภัทรวัฒน์ : เราแคปมาจากกลุ่มลับ กลุ่มใหม่
Saichon: อะไรนะ กลุ่มอะไรกันอีก
ภัทรวัฒน์ : กลุ่มชิป คุณไทม์xน้องชล กลุ่มนี้ฮอตกว่ากลุ่มเก่าอีกนะ
หลังจากนั้น พีทก็แคปเจอร์กลุ่มลับมีทั้งโมเมนต์หวาน ๆ น่ารักเพียบ โอ๊ย นี่มันแทบจะไม่ใช่ที่ทำงานแล้ว นี่มันแทบจะเป็นแหล่งรวมซาแซงแล้ว น่ากลัวชะมัด ในขณะที่เขาคิดว่าน่ากลัวแต่สีหน้าของสายชลกลับแสดงออกสวนทางกัน
“นั่งยิ้มคนเดียวคุยกับหนุ่มไหนน้า…”
“อ๋อ คุยกับพีทครับ พีทส่งภาพหมากับแมวให้ดู น้องเห็นว่าน่ารักดี”
“ไม่มีอะไรน่ารักกว่าน้องชลอีกแล้วละ”
“โอ๊ย มุก 5 บาท 10 บาทก็เล่นนะ” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำด้วยท่าทีเขินอาย
“พี่ไทม์ยังไม่บอกเลยจะพาผมไปไหนเอ่ย”
“เดี๋ยวเราไปสตูดิโอเพื่อนพี่กัน เดี๋ยวรายละเอียดพี่จะค่อย ๆ เล่าให้ฟังระหว่างขับรถไปนะ ไม่ไกลหรอกแถว ๆ นี้”
ไทม์พาสายชลขึ้นรถคันหรู การจราจรค่อนข้างติดขัดถึงแม้จะเป็นวันธรรมดาแต่ตอนนี้เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่งแล้ว และยังเป็นวันศุกร์อีกด้วย แต่การที่รถติดทั้ง 2 คนไม่เพียงแต่จะคุยกันอย่างเพลิดเพลินแล้ว บรรยากาศโดยรอบดูผ่อนคลายมีความสุขราวกับทั้งคู่แผ่ไอความรักโอบรอบตัวซึ่งกันและกัน เขาบอกเรื่องสตูดิโอที่กำลังจะไปกันวันนี้ เป็นสตูดิโอของเพื่อนคนหนึ่งในสมัยเรียน ตอนนี้เขาอยากจะโปรโมทเพลงของนักร้องคนหนึ่งในสังกัด แต่วันนี้เขาคงไม่ได้สัมภาษณ์นักร้องคนนั้นเพียงแต่ว่าพาสายชลมาเพื่อทำคอลัมน์เล็ก ๆ เกี่ยวกับสตูดิโอใหม่นี้
แต่นั่นไม่ใช่จุดประสงค์หลักของรัตติกาล เมื่อครั้งที่สายชลหายไปในคราวก่อนเขาใช้เวลาว่าง ๆ เพื่อแต่งเพลงให้กับสายชล ใช่แล้ว เขากำลังพาคนที่เขาอยากแต่งเพลงให้มาฟังด้วยตัวเอง แต่เจ้าตัวใช้เรื่องงานมาอ้าง เพราะเห็นว่าสายชลต้องมีเขียนคอลัมน์ส่งคุณพิระมล และเขาก็อยากให้เด็กหนุ่มมีผลงานที่ดีกว่าเข้าตากว่าใคร ๆ จึงพามาด้วยเผื่อคนเด็กกว่าจะได้บทสัมภาษณ์สั้น ๆ สักเรื่อง ไทม์ยิ้มมุมปากให้กับความคิดอันซับซ้อนของตัวเอง นอกจากจะได้ใช้เวลากับคนตัวเล็ก โดยที่ไม่เสียงานแล้วยังพาสายชลมาเปิดหูเปิดตาด้วย
เพียงไม่ถึง 20 นาทีทั้ง 2 คนก็มาถึงหน้าบ้านหลังหนึ่ง ที่ดูจากภายนอกเป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ในโครงการบ้านในตัวเมืองซึ่งราคาไม่น่าต่ำกว่า 25 ล้านอย่างแน่นอน รั้วบ้านสูงตระหง่านเป็นไม้ระแนงสีขาวนวล ตรงรั้วปลูกต้นโมกข์เรียงรายเป็นรั้วดอกสีขาวแซมใบไม้สีเขียวสด และกลิ่นหอมเย็นอ่อน ๆ ทำให้รู้สึกสดชื่น ตัวบ้านเน้นสีขาวทรงทันสมัยประดับด้วยกระจกบานใหญ่ ๆ หลายบาน ดูปลอดโปร่ง เข้ามาภายในบ้านไม่ต่างจากโฮมออฟฟิศทั่วไปแต่การตกแต่งเน้นกระจก และมีต้นไม้ประดับไปทั่วบริเวณดูสดชื่นสบายตา ส่วนห้องซ้อมรวมถึงห้องบันทึกเสียงจะอยู่ในส่วนชั้น 2 ทั้งหมด
ไทม์พาสายชลมาเจอคุณบทกวี ที่เป็นเพื่อนสมัยเรียนและเป็นเจ้าของสตูดิโอ ทั้ง 2 คนต่างทักทายตามประสาเพื่อนเก่า จากสายตาที่เขามองแล้ว ดูเหมือนทั้ง 2 คนจะสนิทกันประมาณหนึ่งเลย เด็กหนุ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูกได้แต่พยายามทำตัวให้เล็กที่สุด นิ่งที่สุด เพราะไม่รู้ว่าจะต้องหาอะไรสัมภาษณ์ตอนนี้และเผลอกดดันตัวเองด้วย ตอนแรกคิดเอาไว้ว่าจะทำบทความรีวิวขนมที่เที่ยว ให้พี่สายฟ้าพาไปพรุ่งนี้ แต่จู่ ๆ พี่ไทม์เอ่ยปากว่าให้มาทำคอลัมน์สัมภาษณ์เจ้าของสตูดิโอ แล้วเขาจะเอาอะไรไปสัมภาษณ์ แล้วมันจะต้องทำอย่างไร สายชลรู้ดีว่ากำลังกดดันตัวเองมากจนเกินไป ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนจะอ้วกเพราะความเครียดไปหมด สายชลขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์โทร.หาพี่ชายสุดที่รักด้วยความเร็วแสง
“พี่สายฟ้า ช่วยด้วยครับ” สายชลกรอกเสียงลงปลายสายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ชลมึงอยู่ไหน มึงเป็นอะไร ใครทำอะไรมึง ทำไมเสียงสั่นขนาดนี้”
หนักกว่าสายชลก็พี่สุดที่รักของเขาเนี่ยแหละนะ
“ใจเย็นก่อนพี่สายฟ้า”
โธ่ แทนที่จะให้พี่ฟ้าปลอบต้องมาปลอบพี่สายฟ้า นี่มันอะไรกันครับเนี่ย...
“มีปัญหาอะไร ให้รับกลับไหม”
“ก็จะเรียกว่าปัญหาก็ได้ครับ”
พี่สายฟ้าเงียบอย่างตั้งใจฟังแต่ปลายสายกลับเหมือนมีเสียงพี่ดรีมและใครอีกคนพูดคุยกันด้วยเสียงที่ลุ้นไม่ต่างกันว่าสายชลเจอกันปัญหาอะไร
“ชลนี่กูดรีมนะ”
“พี่ ๆ ครับ ผมต้องสัมภาษณ์เจ้าของสตูดิโอ ทำไงดีไม่รู้จะเอาอะไรไปถามเขา”
เสียงแปลกที่ไม่คุ้นเคยถามแทรกเข้ามา “แล้วไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนเหรอว่า สตูดิโอนี้เป็นของใคร และเป็นมายังไง”
“เอ่อคือ ผมไม่ทันได้หาเลยพี่ จู่ ๆ พี่ไทม์ก็พาผมมาแล้วบอกว่าเก็บสัมภาษณ์เพื่อนเขาไปส่งหัวหน้าแล้วกัน ง่าย ๆ จะได้ไม่ต้องคิดมาก”
“ไอ้ไทม์ มึงแกล้งน้องกู”
“ใจเย็นก่อนพี่สายฟ้า…”
เสียงแปลกหูพูดอย่างใจเย็น “เอาแบบนี้หัวหน้าให้เขียนยาวแค่ไหน แล้วสตูดิโอชื่ออะไร ลองส่งข้อมูลมาให้พี่ดูคราว ๆ ก่อนเดี๋ยวพี่ช่วยคิดแล้วจะส่งหัวข้อควรจะสัมภาษณ์ให้”
“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณจริง ๆ ครับ”
“แต่คราวต่อไปพี่ไม่ช่วยแล้วนะ เราต้องมาติวเข้มกับพี่ อะไรกันทำงานที่นิตยสารอันดับต้น ๆ แต่กลับไม่รู้เรื่องง่าย ๆ พื้นฐานแบบนี้” เสียงกึ่งดุของสองทำให้คนตัวเล็กกลัวจนเสียงสั่น
“ครับ”
“เอาน่า เดี๋ยวมึงก็ส่งเข้าไลน์กูนะชล ตอนนี้เลยนะ”
หลังจากนั้น สายชลก็รีบส่งรายละเอียดคร่าว ๆ ไปให้พี่สายฟ้าและผองเพื่อน เพียงไม่ถึง 5 นาที พี่สายฟ้าก็ตอบกลับมา เป็นสคริปท์สั้น ๆ อ่านแล้วเข้าใจง่าย รวมถึงคำถามเจ้าของประมาณ 3 - 4 คำถาม เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอสำหรับบทความสั้น ๆ นี้แล้ว
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างดี จนคุณบทกวีเอ่ยปากชมว่าสายชลทำการบ้านมาดี คำถามน่าสนใจและเป็นการดึงจุดเด่นของสตูดิโอออกมาได้อย่างดี และคุณกวียังพูดทิ้งท้ายว่าอยากอ่านบทสัมภาษณ์ของเจ้าตัวจะแย่แล้ว ครูพี่สองบอกว่าให้ถ่ายรูปคุณบทกวีเก็บมาด้วยเผื่อจะมีประโยชน์ เขาจึงหามุมที่ดูดีที่สุดนั่นก็คือมุมห้องบันทึกเสียง กับมุมเปียโน งานของสายชลในวันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่นโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
“งานชลเสร็จแล้วทีนี้ก็ว่างแล้วเนาะ”
“…” เขาพยักหน้าแทนคำตอบ
“คุณเจ้าของสตูดิโอครับผมขอเหมาสตูฯ รอบบ่ายนะครับ”
“ไทม์มึงจะขอเหมาอะไรกัน ระดับวีไอพีแล้ววันนี้ยกให้เลย”
“ได้ เดี๋ยวเดือนนี้ให้ลงนิตยสารฟรีสักคอลัมน์ สองคอลัมน์เลยดีไหม”
“ดีมากเพื่อน ยังไงฝากน้องมีนานักร้องใหม่ด้วยนะเขียนปั้นให้หน่อย”
“ได้สิ เดี๋ยวให้ลูกน้องมาสัมภาษณ์คราวหน้านะ”
“ให้สายชลมาก็ได้”
“ไม่ได้”
“อ้าวทำไม”
“เอาน่า เดี๋ยวให้แจนมากับฟ้าใส”
“ยังไงกูจะออกไปทำธุระข้างนอกนะ จะบอกลูกน้องไว้ให้ว่าเหมาสตูฯ วันนี้ก็ซ้อมดนตรีกันตามสบายนะ ถ้าจะให้ลูกน้องมาช่วยอะไรตรงไหนโทร. หรือลงไปเรียกได้เลยนะ”
“ขอบคุณมาก”
สายชลพนมมือไหว้คุณบทกวีหลังจากนั้นก็เหลือแค่พวกเขา 2 คน เด็กหนุ่มรู้สึกเหนื่อยแทบแย่ เป็นผู้ใหญ่นี่มันเหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย แต่ก็ได้รสชาติใหม่ ๆ ของชีวิต
“ที่นี่เหมือนบ้านเลยนะครับ”
“ใช่ เขาปรับบ้านเก่าของแม่ รีโนเวททำเป็นสตูดิโอและเป็นโฮมออฟฟิศด้านล่าง”
“แล้วพี่ไทม์จะเหมาทำไมครับ จะทำเพลงเหรอ”
“ก็อยากอยู่กับน้องชล 2 คน”
“พี่ไทม์พูดอะไรไม่รู้” สายชลเขินหันไปทางเปียโนแล้วมองด้วยสายตาราวกับคิดอะไรบางอย่าง
“คิดอะไรอยู่เหรอน้องชล”
“น้องคิดถึงตอนเด็ก ๆ ที่หัดเรียนเปียโน เหมือนจำได้ลาง ๆ ว่าไปเล่นกับใครคนหนึ่ง”
“ใครเหรอครับ ใช่สายฟ้าไหม”
สายชลทำหน้าครุ่นคิดพร้อมกับส่ายหน้าแทนคำตอบ สายตาที่ดูเลื่อนลอยแฝงไปด้วยความเศร้าลึก ๆ ที่ปิดไม่มิด ไทม์ไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่เขาทำได้ตอนนี้คือจะไม่ยอมปล่อยให้สายชลหลุดมือไปอีกครั้ง ถึงช่วงนั้นเขาไม่ทราบว่าคนตัวเล็กหายไปไหน แต่ดูเหมือนสายชลจะอึดอัดใจที่ต้องตอบ และไทม์จะไม่คาดคั้นเอาคำตอบอีก ในเมื่อตอนนี้สายชลอยู่ตรงหน้าแล้ว เขาจะทำทุกวันให้ดีที่สุด
“น้องชลเล่นเครื่องดนตรีในนี้ได้ทั้งหมดเลยนะ”
“งั้นน้องขอไปเล่นเปียโนแป๊บหนึ่งนะครับ”
รัตติกาลนั่งมองสายชลเล่นเปียโนพลางแอบเอามือถือขึ้นมาถ่ายภาพไว้ เวลาเด็กหนุ่มตั้งใจทำอะไรสักอย่าง คนตัวเล็กดูมีเสน่ห์ขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว สักพักร่างสูงเองก็เดินไปหยิบกีตาร์โปร่งสีน้ำตาลอ่อนค่อย ๆ วางมือหนาไปบนสายทั้งหกเส้น เกาคอร์ดเบา ๆ พร้อมกับฮัมเพลงที่เนื้อหาไม่คุ้นหูด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
ฉันแค่เพียงกลัวจะเสียเธอไป
ขอเวลาอีกครั้งได้ไหม จะไม่พลาดเหมือนที่แล้วมา
อยากจะขอวิงวอนโชคชะตา หากปาฏิหาริย์ยังพอมีอยู่จริง
ช่วยส่งเธอกลับมายังตรงนี้ที่เดิมของหัวใจได้ไหม... ฮื้อ ฮือ...
อยากเพียงย้อนเวลาคืนกลับไป... ขอใช้ทุกวินาทีเพื่ออยู่กับเธอ
แค่ให้เธอนั้นได้รับรู้ความในใจ
อยากจะข้ามเวลากลับไป... อยากข้ามพ้นผ่านเวลาที่ไม่มีเธอ
เพียงโชคชะตาหมุนผ่านให้พบเจอ กับเธออีกสักครั้ง…
“เพลงอะไรครับพี่ไทม์” สายชลนั่งฟังแทบทุกตัวโน้ต ทุกห้วงทำนอง ทุก ๆ คำที่เอื้อนเอ่ย ราวกับว่าเพลงนี้พี่ไทม์แต่งให้ใครบางคน คนที่ชายหนุ่มรู้สึกคิดถึงมากจนกลั่นกรองเป็นบทเพลง
“ยังไม่มีชื่อเพลงเลยครับ น้องชลว่าชื่อเพลงอะไรดี” ไทม์เอ่ยถามพลางส่งกระดาษที่จดเนื้อเพลงให้สายชล คนตัวเล็กอ่านแล้วก็ขมวดคิ้วแน่น
“ทำไมขมวดคิ้วแบบนั้นล่ะ”
“นี่มันเพลงรักหรือเพลงอกหักครับ” ไทม์ลูบท้ายทอยแก้เขิน
“พี่คิดว่าเพลงรักนะ”
“ทำไมผมอ่านแล้วมันดูเศร้า มากกว่าเพลงรักครับ”
“ก็คงเพราะแต่งด้วยความคิดถึงคนคนนั้นมาก และไม่รู้ว่าจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ หากได้พบกันก็อยากใช้ทุกวินาทีไปกับเขา”
“ข้ามเวลารัก” สายชลพูดลอย ๆ ขึ้นมาขณะที่สายตายังคงจดจ้องที่กระดาษด้วยสายที่เดาได้ยากไม่รู้ว่าคนตัวเล็กคิดอะไรอยู่
“ครับ ?” ไทม์ทำเสียงสูงอย่างสงสัย
“ชื่อเพลง ‘ข้ามเวลารัก’ ไหมครับ”
“ก็ดีนะ ทำไมน้องชลคิดว่าเป็นชื่อนี้ครับ”
“ตรงท่อนนี้ผมสะท้อนใจมาก มันบีบหัวใจผมมาก”
อยากจะข้ามเวลากลับไป อยากข้ามพ้นผ่านเวลาที่ไม่มีเธอ เพียงโชคชะตาหมุนผ่านให้พบเจอ กับเธออีกสักครั้ง…
“เพลงรักของพี่ไทม์ ไม่มีคำว่ารักเลยนะครับ เป็นเพลงรักที่แปลกจัง”
“นั่นสิ… พี่คงคิดลึกมากเกินกว่าคำว่ารักแล้ว”
“ถ้ารักแล้วไม่บอกเขา แล้วเขาจะรู้ว่าพี่ไทม์รักเขาเหรอครับ”
“นั่นสิ… รักนะครับ” ไทม์พึมพำเบา ๆ
“อะไรนะครับพี่ไทม์”
“ข้ามเวลารัก ชื่อนี้เหมาะกับเพลงของพี่มากเลยครับ พี่ก็อยากให้ข้ามทุกอย่างเพื่อให้มารักกัน ราวกับพี่รอคอยเขามาทั้งชีวิต เหมือนเป็นเศษส่วนหนึ่งที่ขาดหาย ทำให้ชีวิตที่มีเขามันเติมเต็มกว่าจะรู้หัวใจตัวเองพี่ก็คิดว่าเกือบจะสายไป”
“อันนี้พี่อินเพลงใช่ไหม”
รัตติกาลลูบท้ายทอยแก้เขิน
“เอ่อ ใช่ครับ เพลงก็เพลงครับ”
“พี่ไทม์เล่นเพลงข้ามเวลารัก ให้ฟังอีกครั้งได้ไหมครับ”
ไทม์ยิ้มอย่างอบอุ่นแทนคำตอบพร้อมกับหยิบกีตาร์ค่อย ๆ บรรเลงเพลง ร่างสูงค่อย ๆ ร้องในแต่ละท่อน เปล่งเสียงในทุกท้วงทำนองอย่างอบอุ่นลึกซึ้งในความหมายของบทเพลง พร้อมกับส่งสายตาไปยังสายชล ราวกับตอกย้ำการกระทำทั้งหมดให้ชัดเจน ถ่ายทอดความรู้สึกทั้งหมดที่มีผ่านเนื้อหาภายในเพลง
รัตติกาลยิ้มให้กับบทเพลงของเขาที่ตอนนี้ทั้งโชคชะตา และปาฏิหาริย์ได้นำหัวใจของเขากลับมายังที่เดิมแล้ว และบทเพลงก็สมบูรณ์แล้ว เพราะมีอีกคนมาเติมเต็มในส่วนที่ขาด เพลงนี้มีชื่อแล้ว ชื่อที่แต่งโดยคนที่เขาคิดถึงที่สุด
เพลง ข้ามเวลารัก
ผู้แต่ง รัตติกาล
(แต่งให้เธอคนหนึ่งที่ตอนนี้ไม่รู้อยู่ที่ไหน)
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?