ตอนที่ 40 เปิดผนึกผสานรอยร้าว

“น้องชลรอพี่นานไหม” ไทม์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม มือหนาเอื้อมลูบเรือนผมนุ่มของสายชลอย่างทะนุถนอม

“ไม่นานเลยครับ” สายชลคลี่ยิ้มเต็มดวงหน้า

“งั้นปะ เราไปกันดีกว่า”

“ดะ… เดี๋ยวก่อนครับพี่ไทม์ เราจะไปไหนกัน” สายชลขมวดคิ้วยุ่ง เอียงคอเล็กน้อยเชิงตั้งคำถามกับท่านประธาน

รัตติกาลคนที่อยู่ตรงหน้าสายชลตอนนี้ดูภูมิฐานมากกว่าครั้งไหนที่สายชลเคยเห็นมา ทั้งใบหน้าที่หล่อยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม แม้ความสูงยังคงเดิมแต่หุ่นหนั่นแน่นกว่าครั้งก่อนที่เขาเจอ บวกกับตำแหน่งท่านประธานทำให้ไทม์ในตอนนี้ดูเป็นหนุ่มใหญ่ที่แสนจะฮอตและน่ามอง

‘ผมเริ่มเชื่อเสียงลือเสียงเล่าอ้างแล้วสิ… ที่เขาว่ากันว่า เราสามารถตกหลุมรักคนเดิมได้หลายหนนั้น เป็นไปได้จริง ๆ’

ไทม์ยังคงซุกซน มือหนาหยิกแก้มสายชลอย่างมันเขี้ยว “พี่ก็จะพาน้องชลไปหาขนมอร่อย ๆ กินไงครับ”

“เราจะไม่รอพี่ดรีมก่อนเหรอครับ ตอนมาก็มาด้วยกันนะ”

สายชลชำเลืองสายตาไปรอบ ๆ เขานั่งรอไทม์อยู่สักพักใหญ่แล้ว จะว่าไปก็ไม่เห็นวี่แววของดรีม ‘พี่ดรีมนะพี่ดรีม เอาผมมาทิ้งแล้วหายไปไหนอีกแล้ว ไหนว่าคิดถึงผม เฮ้อ’

รัตติกาลมองสายชลที่กำลังนั่งขมวดคิ้วแน่นราวกับคิดบางอย่าง ซึ่งเขาเดาใจสายชลเรื่องที่กำลังว้าวุ่นใจจนทำให้คิ้วพันกันยุ่งขนาดนี้ ก็คงหนีไม่พ้นสงสัยว่าดรีมหายไปไหนอย่างแน่นอน

ไทม์กระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “คุณดรีมน่ะเหรอ เขาออกไปกับไอ้เชนนานแล้วละ ดรีมฝากให้พี่ดูแลน้องสายชล ไม่ต้องห่วงนะครับพี่จะดูแลอย่างดีเลย” ไทม์ทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ใส่

“พี่ไทม์ดูแปลกไปนะครับ” สายชลช้อนตามองคนแก่กว่าที่กำลังก้มทำท่าจะหอมที่กลางกระหม่อมเขา

คนแก่กว่าแสร้งไม่ฟังคำทัดทานของสายชล เขายังคงก้มประชิดตัวเด็กหนุ่มอย่างไม่ลดละ ขณะที่สายชลใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขินอายระคนตื่นเต้น

“แปลกยังไงครับ” ไทม์กระซิบเสียงแหบพร่า พร้อมกับพรูลมหายใจร้อนกระทบข้างหูสายชล นั่นยิ่งทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ก็… ดูถึงเนื้อถึงตัวยังไงชอบกล” สายชลพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก

รัตติกาลยกยิ้มมุมปากข้างหนึ่งพร้อมแววตาเจ้าเล่ เขากระชับกอดสายชลให้แน่นยิ่งขึ้น ก่อนจะฝังจมูกที่ข้างแก้มจนเกิดเสียงฟอด

“ไหนว่าจะพาไปกินอะไรที่ไหนครับ” สายชลเขินจนเกินกว่าจะตอบโต้อะไรคนเจ้าเล่ห์ เขาจึงผละออกจากอกแกร่งก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าและโทรศัพท์เพื่อเตรียมตัวออกไปหาของกินตามที่ไทม์บอก

“หลังออฟฟิศนี่เองไม่ไกลหรอกครับ”

“ชลก็คิดว่าพี่ไทม์จะพาชลไปเที่ยวไหนไกล ๆ” เด็กหนุ่มมุ่ยหน้ายุ่ง

“น้องชลอยากไปเที่ยวไหนล่ะ พี่พาไปได้ทุกทีเลย” ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงอยากเอาใจ

“ไม่ได้อยากไปไหนหรอกครับ แค่ได้อยู่กับพี่ไทม์ก็ดีที่สุดแล้ว” สายชลพูดในสิ่งที่ใจนึกคิด ขณะที่แววตาสะกดกลั้นความเศร้าไว้ภายใน

เด็กหนุ่มได้เรียนรู้การให้คุณค่ากับเวลาทุกนาทีในขณะที่ยังมีกัน อยากจะพูดหรืออยากทำอะไรก็ไม่ควรจะเก็บเอาไว้ วันนี้โชคดีมากแค่ไหนแล้วที่ได้มีโอกาสกลับมายังห้วงเวลาที่มีไทม์คนนี้ เพราะฉะนั้นเขาก็จะใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่า ด้วยสายชลก็ยังไม่อาจรู้ได้ว่าเขาจะต้องกลับไปยังห้วงเวลาที่จากมาเมื่อไร

“งั้นเราไปกันดีกว่า” ไทม์เอ่ยชวนพลางกุมมือสายชล เด็กหนุ่มพยายามจะแกะมือออกเพราะเกรงใจพนักงานที่บริษัทจะมองไทม์ไม่ดี แต่ความดื้อดึงของไทม์มีมากกว่า ไทม์ไม่เพียงแค่จับมือสายชลเท่านั้น แต่ยังใช้ท่อนแขนแกร่งโอบกระชับเอวบางเข้ามากอดไว้แน่นโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบตัวที่มองมา

๐๐๐

ไม่นานนักไทม์กับสายชลก็มาถึงยังร้านคาเฟ่เล็ก ๆ ด้านหลังออฟฟิศที่บรรยากาศดี โดยแบ่งเป็นโซนด้านนอกร้าน โซนในร้าน และโซนชั้นลอย สายชลเลือกที่นั่งบนชั้นลอยเนื่องจากผู้คนไม่แออัด และมีความเป็นส่วนตัวสูง

“พี่ไทม์ ทำไมจ้องหน้าผมขนาดนั้นครับ”

“ก็พี่ดีใจที่ได้เจอน้องชลอีก พี่คิดถึงเรามากเลยรู้ไหม”

“ครับ ผมก็คิดถึงพี่ไทม์เหมือนกัน”

“เรื่องตอนนั้น น้องชลให้พี่ได้อธิบายหน่อยได้ไหม”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ ผมวู่วามเองด้วย”

“ถึงน้องชลจะไม่ถือสาแล้ว แต่ให้พี่ได้อธิบายสักหน่อยเถอะนะ”

สายชลพยักหน้าเป็นเชิงตกลง

“เรื่องระหว่างพี่กับทีม เราไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันเลยนะ จริงอยู่ช่วงที่พี่เรียนอยู่อเมริกาเราเคยคุยกัน แต่ทีมก็เลือกที่จะคบคนอื่น พี่ก็บินกลับไทยมาทำงาน เขาก็มีชีวิตของเขา ซึ่งเราไม่ได้ข้องเกี่ยวกันอีก จนกระทั่งวันนั้นทีมมาช่วยงานให้กับทีมของแพรววา แล้วเขาเจอพี่ในลิฟต์ พอลิฟต์เปิดก็เจอกับน้องชลจนเข้าใจผิดนั่นละครับ”

สายชลอมยิ้มตั้งใจฟังที่ไทม์เล่าอย่างตั้งใจ หากเป็นตัวเขาแต่ก่อนอาจมองว่าการที่ต้องมานั่งฟังใครสักคนอธิบายเรื่องที่มันผ่านมาแล้วนั้นเป็นการแก้ตัวที่ดูเสียเวลา แต่สายชลได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ จนทำให้เขามองเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็ก ๆ เรื่องหนึ่ง หากวันนั้นเขาใจเย็นฟังไทม์สักนิด เขาคงไม่ต้องเสียเวลาจนเกือบจะเสียไทม์ไป

“ผมก็ขอโทษพี่ไทม์ที่ไม่ฟังที่พี่ไทม์พูดเลย”

“ไม่ฟังพี่พูดก็ยังพอเข้าใจได้ แต่จดหมายที่น้องชลทิ้งไว้ให้พี่นี่สิ พี่อ่านแล้วใจแทบจะขาดรู้ไหม” ไทม์หยิบจดหมายฉบับหนึ่ง ซองสีครีมอ่อนทรงคุ้นตายื่นให้สายชลด้วยใบหน้าเศร้าหมอง

สายชลรับจดหมายฉบับนั้นด้วยมือสั่นเทา เขาคลี่จดหมายออกด้วยหัวใจปวดร้าว สายชลยังคงจำความรู้สึกยามที่จรดปากกาเขียนถ้อยคำทุกอย่างได้ดี เด็กหนุ่มทั้งเจ็บปวด เสียความรู้สึก มีคำถามเกิดขึ้นในใจมากมาย วันนั้นแทนที่จะเป็นวันสารภาพรัก กลับกลายเป็นส่งจดหมายสะบั้นความสัมพันธ์ระหว่างเขาและไทม์

เด็กหนุ่มคลี่จดหมายออกก่อนจะอ่านจดหมายที่ตัวเองเขียนอีกครั้ง

ถึง เจ้าชายของผม

สายชลดีใจที่เจ้าชายกับพี่ไทม์คือคนเดียวกัน พี่ไทม์คือคนเดียวที่ชลรู้สึกดี ผมจะขอเก็บเจ้าชายไว้ในความทรงจำตลอดไป

เราไม่ควรพบกัน ในวันก่อนความผูกพันบั่นทอน ใจอ่อนไหว

โลกส่วนตัวคุ้มกาย เริ่มหายไปและหัวใจวันนี้ มีแผลเป็น

หัวใจนี้มีสิทธิ์ ตั้งคำถามความรักเพียงชั่วยาม ไม่เคยเห็น

หนึ่งคืนแรก แล้วแยกกันมันเลือดเย็นรักล้อเล่นหลอกลวง แล้วเลิกรา

รักหมดใจ ในนาม ความรู้สึกรักคงลึกเกินไป ไม่ค้นหา

ใจหมดรัก รีรอ ก็เพื่อลาถึงใกล้ตา แต่ไกลตัว ไกลหัวใจ

จาก แมวน้อยของเจ้าชาย

สายชลเปิดอ่านข้อความที่ตัวเองเขียนพร้อมกับสะอื้นเบา ๆ “พี่ไทม์… ชลขอโทษ”

รัตติกาลดึงสายชลเข้ามาปลอบก่อนจะลูบหัวอย่างที่เขาชอบทำ “ไม่เอาแล้วนะครับ ต่อไปถ้าแมวน้อยอยากเขียนจดหมายหาได้นะ แต่พี่จะรับแต่จดหมายรักเท่านั้น”

รัตติกาลไม่อยากให้บรรยากาศที่ดี ๆ ต้องมาเสียไปเพราะการรื้อฟื้นเรื่องเก่า สำหรับสายชลอาจจะผ่านเหตุการณ์เหล่านั้นไปได้เพียงไม่นาน แต่สำหรับไทม์แล้วกว่าที่จะพยายามทำใจให้คิดว่าเสียสายชลไปตลอดกาลนั้นเป็นเรื่องยากพอ ๆ กับการเฝ้ารออย่างมีความหวังว่าในวันหนึ่งน้องจะกลับมาอยู่ในอ้อมกอดเขาดังเดิมอีกครั้ง

“ไหนแมวดื้อของพี่ลองบอกพี่ใหม่อีกครั้งซิว่ารู้สึกยังไงกับพี่กันแน่”

สายชลใบหน้าแดงจัด ส่ายหน้าหวือเม้มปากแน่น ‘ถึงผมจะรู้ดีว่าการได้โอกาสกลับมาอีกครั้งเป็นโอกาสที่หาได้ยาก แต่จู่ ๆ พี่ไทม์จะใช้โอกาสนี้ล้วงความในใจผม ไม่มีทางหรอกนะ อย่างน้อย ๆ เราเข้าใจกันมันก็ดีที่สุดแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องจากพี่ไทม์ไปอีกในวันไหน ถ้าคำว่ารักของผมเป็นตัวการที่ผูกมัดพี่ไทม์เอาไว้ สู้ผมเก็บคำนั้นเอาไว้ในใจของผมดีกว่า’

“น้องชล คิดอะไรอยู่ครับพี่เรียกตั้งนาน”

“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ”

“คิดถึงพี่อยู่หรือเปล่า”

“อะไรกันพี่ไทม์ ก็อยู่กันตรงหน้าแบบนี้จะหยอดอะไรผมขนาดนั้น”

“ต้องรีบทำคะแนนก่อนให้คนแถวนี้ใจอ่อน พี่บอกไว้ก่อนเลยนะ คราวนี้พี่จะไม่ยอมเสียน้องชลไปอีกแล้ว”

“ระหว่างที่น้องชลไม่อยู่พี่แต่งเพลงไว้ให้ด้วยนะ พี่หวังว่าวันนึงน้องจะกลับมา”

“จริงหรือครับ คิดถึงเมื่อก่อนนะครับ ที่เรารวมตัวกันที่บ้านคุณราเชนทร์”

“นั่นสิ พวกพี่ก็ไม่ได้ไปที่นั่นนานแล้วนะ ต่างคนต่างงานยุ่งกัน งั้นเดี๋ยวคืนวันศุกร์นี้จัดทริปไปเที่ยวกันไหมครับ ไปกันหลาย ๆ คนสนุกดี”

“น้องชลมีที่ไหนอยากไปเป็นพิเศษไหมครับ”

สายชลยิ้มบางพร้อมกับส่ายหน้าเบา ๆ “ไม่มีครับ พี่ไทม์จัดทริปได้เลย ผมไปที่ไหนก็ได้ พี่ดรีมไปด้วยใช่ไหม”

“น้องชลยังไม่อัปเดตเรื่องคุณดรีมใช่ไหม เดี๋ยวก็รู้”

“รู้อะไรหรือครับ”

“ไม่มีอะไรหรอก กินขนมกันดีกว่า”

“เดี๋ยววันนี้ไปพักที่คอนโดฯ พี่ไหม” ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า สายตาพราวระยับราวกับสะกดให้คนฟังเคลิบเคลิ้มและโอนอ่อนตามคำขอของตน

“พะ… พี่ไทม์ น้องก็ต้องนอนที่คอนโดฯ พี่สายฟ้าสิครับ” สายชลพูดด้วยใบหน้าร้อนผ่าวหัวใจเต้นรัวแรง

“แบบนั้นก็ได้ครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งนะครับ”

๐๐๐

ภายในรถยนต์หรูรัตติกาลพูดคุยถามไถ่เด็กหนุ่มด้วยความคิดถึง หัวใจที่แห้งผากดุจทะเลทราย ยามนี้กลับได้น้ำทิพย์หล่อเลี้ยงชโลมใจให้หัวใจที่เดียวดายกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้ง ดอกไม้ในซอกหลืบของหัวใจค่อย ๆ ผลิบานอย่างช้า ๆ

“พี่ไทม์ไม่ต้องขึ้นไปส่งผมก็ได้ครับ”

“ให้พี่ขึ้นไปส่งเถอะครับ” ไทม์ส่งสายตาหวานก่อนจะโน้มหน้าเข้าใกล้พวงแก้มนวล ลมหายใจร้อนกระทบผิวส่งผลให้หัวใจของสายชลทำงานหนักกว่าทุกครั้ง

‘แค่พี่ไทม์ใจของผมก็แทบจะรับไม่ไหว ผมยังต้องมาเจอพี่ไทม์เวอร์ชันอัปเลเวลแบบนี้ ใจของผมมันก็มีแค่นี้จะรับได้สักเท่าไรกันล่ะ โอ๊ย หัวใจ !’

รัตติกาลใช้หัวแม่มือเกลี่ยแก้มนุ่มก่อนจะฝากรอยรักที่ข้างแก้มอย่างนึกเอ็นดู

“เดี๋ยวพี่ขึ้นไปส่งนะครับ”

สายชลพยักหน้ารับพลางใช้ฝ่ามือของตัวเองกุมแก้มทั้งสองข้าง ‘พี่ไทม์ทำผมหน้าร้อนไปหมดแล้ว’

ไม่นานนักสายชลก็ถึงหน้าห้องของสายฟ้า เด็กหนุ่มเปิดกระเป๋าค้นหาคีย์การ์ดเข้าห้อง แต่หาเท่าไรก็ไม่พบ จึงกดโทรศัพท์หาดรีมหวังว่าพี่ชายจะเปิดประตูห้องให้ จนแล้วจนรอดดรีมก็ไม่รับสายเด็กหนุ่มเลย

“พี่ไทม์ครับ” สายชลหน้าหงอยช้อนตามองไทม์ สายตาอ้อนราวกับลูกแมวอยากได้ของเล่น ทำให้หัวใจแกร่งของชายหนุ่มกระตุกวูบ

“ครับ” ไทม์ลูบหัวสายชลด้วยความชินมือ เส้นผมของน้องชลยังคงนุ่มน่าสัมผัสเหมือนเช่นเคย ถึงเขาอยากจะสัมผัสมากกว่าเส้นผมนุ่มแต่เขาก็จะต้องอดทนเก็บความรักที่แสนคับอกเอาไว้ก่อน

“พี่ว่าวันนี้น้องชลไปนอนคอนโดฯ พี่ก่อนเถอะครับ”

“น้องก็ว่าอย่างนั้นละ รบกวนพี่ไทม์หน่อยนะครับ” สายชลพูดพลางใช้ศีรษะซบลงบนแขนแกร่งของไทม์

“ไม่รบกวนเลยครับ สำหรับน้องชลพี่เต็มใจเสมอ” ไทม์เอ่ยด้วยเสียงนุ่มทุ้ม แต่ภายในใจเขาตื่นเต้นลิงโลด ไทม์อยากกอดน้องตัวเล็กให้หายคิดถึง 7 ปีที่รอคอยช่างแสนยาวนานนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว ไทม์ดีใจที่ตัวเขาไม่เคยหมดความหวังที่จะรอสายชล เพราะเขาเชื่ออย่างสุดหัวใจว่าวันใดวันหนึ่งสายชลต้องกลับมา…

‘คืนนี้พี่จะฟัดให้หายคิดถึงเลย’ ไทม์คิดแล้วเผลอยกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา

“พี่ไทม์คิดอะไรอยู่ครับ ทำไมยิ้มน่ากลัวแบบนั้น”

“ไม่มีอะไรหรอกครับ เดี๋ยวเราแวะห้างสรรพสินค้าก่อนแป๊บหนึ่งนะครับ”

“พี่ไทม์จะซื้ออะไรหรือครับ”

“แวะซื้อกับข้าวกับขนมให้น้องชลไงล่ะ ห้องคนโสดไม่ค่อยมีของกินหรอกเผื่อน้องหิวดึก ๆ”

“นี่พี่ไทม์หาว่าน้องตะกละเหรอครับ” สายชลกอดอกมุ่ยหน้าหนีไปทางหน้าต่าง

“พี่ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่มีของกินดีกว่าไม่มีนี่ครับ”

“อื้ม ก็จริงนะฮะ” สายชลคลี่ยิ้มหวานอีกครั้ง

‘ถึงผมจะรู้ว่าความสุขตอนนี้ไม่ต่างจากภาพฝันที่ไม่นานผมต้องลืมตาตื่น แต่อย่างน้อยขอให้ผมได้ฝันต่อไปอีกสักหน่อย เก็บเกี่ยวความทรงจำให้มากที่สุด ไม่ว่าพี่ไทม์จะเป็นพี่ไทม์เวอร์ชันไหน ผมก็ยังคงรักแต่พี่ไทม์คนเดียว เป็นความจริงข้อเดียวที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้’

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ