“กูดรีมไง เพื่อนที่หล่อที่สุด และก็เป็นเพื่อนสุดที่รักของมึงยังไงล่ะ” คนตรงหน้า กอดอกยืนเก๊กหน้า กระตุกยิ้มตาหยีอย่างภูมิใจในความหล่อของตัวเอง
“เรารู้จักกันจริงเหรอครับ”
คนตรงหน้าพุ่งมาหาสายชลพร้อมทำหน้าตกใจ “ปกติกูพูดแบบนี้ มึงต้องถีบกูละนะ แต่วันนี้มึงดูแปลกไป แค่ขับบิ๊กไบค์ชนป้ายรถเมล์วันก่อน มึงถึงกับความจำเสื่อมเลยเหรอกูกับไอ้สองบอกมึงตั้งหลายครั้งแล้วว่าเลิกซะทีเหอะบิ๊กไบค์มึงอะ จะตายห่าไปไม่รู้กี่หน” ดรีมร่ายยาวแล้วทิ้งสะโพกลงยังที่นอน มองคนป่วยด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายใจ “มึงมองหน้ากูให้ชัดนะ กูชื่อดรีม เป็นเพื่อนรักของมึงไง ไอ้สายฟ้า”
สายชลที่ฟังแล้วเหมือนสติหลุดลอย สมองขาวโพลน เขาไม่เข้าใจอะไรสักอย่างที่คนตรงหน้าพล่ามออกมา และเขาก็ขับรถไม่เป็นเสียด้วย เวลาจะไปไหนมาไหนยังต้องให้ลุงสมปองขับรถรับส่งอยู่เลย แล้วนี่มันอะไรกันเนี่ยหรือว่าเรากำลังฝันอยู่กันนะ !?
‘หมูกระทะเป็นเหตุสังเกตได้ แดกเยอะไปก็แบบนี้ ฝันเป็นตุเป็นตะ’ เขาเงื้อมือแล้วตบเข้าที่ใบหน้าตัวเองอย่างแรงฉาดใหญ่
เพียะ ! “โอ๊ะ... เจ็บ”
“มึงเป็นบ้าอะไร ตบหน้าตัวเองทำไม ปะ ไปโรงพยาบาล” คนตรงหน้าตื่นตระหนกกับสิ่งที่เขาทำพลันกระชากสายชลให้ลุกจากที่นอน
การกระทำของคนแปลกหน้ายิ่งทำให้สายชลขืนขดตัวในผ้ายิ่งกว่าเดิม ‘ไม่จริงใช่ไหม ไม่ใช่เรื่องจริงหรอก คงเป็นฝันซ้อนฝันแน่ ๆ ฝันแบบนี้ทีไรเหนื่อยทุกทีให้ตายสิ’
“ไปโรงพยาบาลกัน กูว่ามึงต้องเช็กระบบประสาทอีกรอบนะ ไอ้สายฟ้า”
สายชลสะบัดข้อมืออย่างแรง แล้วมองหน้าคนที่ดึงดันจะให้เขาไปโรงพยาบาลอย่างจริงจัง “ผมชื่อสายชล ไม่ใช่สายฟ้า คุณคงจำคนผิดแล้ว”
“ฉิบหายแล้ว ไปกันใหญ่ละมึง นอนพักซะนะ เดี๋ยวกูมา อย่าไปไหนนะอยู่ในห้องก่อน โอเค้” สิ้นเสียงแล้วดรีมก็รีบปิดประตูออกไป
‘นี่มันอะไรกันวะเนี่ย’ มือของสายชลสะเปะสะปะไปโดนกล่องดนตรี แต่เอ๊ะ !ทั้งที่จำได้ดีว่ากล่องดนตรีของเขาเป็นน้องกระต่ายสวมชุดเอี๊ยมอยู่ในสวนดอกไม้ ทว่าตอนนี้กลายเป็นน้องกระต่ายใส่ชุดทักซิโด้นั่งอยู่บนเก้าอี้ในสวน มีน้ำพุอยู่ด้านหลัง ไม่ว่าดูยังไงก็เป็นคนละชิ้นกัน ส่วนสร้อยข้อมือนี่เป็นอันเดียวกันแน่นอน นี่มันอะไรกัน ‘ตื่นสิวะไอ้ชล มันไม่ตลกแล้วนะ’ เขาพึมพำกับตัวเองพร้อมกับจ้องมองกล่องดนตรีที่อยู่ในมือ
เพียงไม่นานดรีมที่ออกไปก็กลับเข้ามาพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เขาดึงเก้าอี้สตูฯ ของโต๊ะเครื่องแป้งมานั่งตรงหน้าสายชล เป็นโอกาสให้สายชลพรั่งพรูความในใจว่าเขาไม่ใช่คนที่ชื่อสายฟ้า ทั้งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือห้องของใคร กระทั่งดรีมซักไซ้จนแน่ใจแล้วว่าคนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ไม่ใช่เพื่อนของเขาแล้วจริง ๆ
“เดี๋ยวนะ คือมึงจะบอกว่ามึงไม่ใช่สายฟ้า และก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย แต่มึงไม่รู้มาโผล่ที่นี่ได้ยังไง เรื่องประหลาดขนาดนี้จะให้กูเชื่อได้จริงเหรอวะ”
“ผมก็สับสน แต่ผมยืนยันว่าผมคือสายชล ไม่ใช่คนที่ชื่อสายฟ้าที่คุณรู้จัก”
“จริง ๆ ก็พอจะดูออกแต่ไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองว่าจะมีใครที่หน้าเหมือนกันขนาดนี้ ถ้าบอกว่าเป็นฝาแฝดกันกูนี่เชื่อเลยนะ” ดรีมเอ่ยเสียงประหลาดใจพร้อมกับจ้องหน้าสายชลใกล้ ๆ จนพอแยกความต่างระหว่างสายฟ้ากับเด็กที่อ้างว่าตนเองชื่อสายชลได้ เพราะสายชลจะไม่มีขี้แมลงวันเม็ดเล็ก ๆ ตรงโหนกแก้มด้านซ้าย
“ว่าแต่แกบอกว่าปิดเทอมใช่ไหม งั้นดีเลย” เมื่อดรีมคิดได้ว่าตารางงานที่สายฟ้าจำต้องออกอีเว้นท์ในอีกไม่กี่วันข้างหน้าอาจเกิดปัญหาหากเจ้าตัวไม่อยู่ การที่ไอ้น้องสายชลมาปรากฏตัวที่นี่ตอนนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดี “อย่างนั้นแล้ว ไอ้สายชลมึงอยู่ช่วยงานกูก่อนได้ไหม”
“ได้สิ ถ้าผมพอจะช่วยได้อะนะ คุณก็ดูใจดี... ไม่ได้ดูแย่อะไรขนาดนั้น”
“เออ ถือว่าเป็นคำชม” ดรีมมุ่ยหน้ากระตุกยิ้มอย่างเซ็ง ๆ แล้วเขาก็เริ่มอธิบายสิ่งที่ต้องการให้สายชลช่วยเหลือ นั่นคือการเป็นตัวแทนในการเดินแบบงานอีเว้นท์ที่หัวหิน เพราะตอนนี้เขายังตามหาตัวสายฟ้าไม่พบ ซึ่งสายชลมีรูปร่างหน้าตาที่ละม้ายคล้ายคลึงกับสายฟ้าราวกับถอดแบบกันมา นั่นจึงทำให้ดรีมคิดแผนการในครั้งนี้
“อะไรนะจะให้ผมถ่ายแบบอะนะ ไม่น่าไหวหรอกพี่”
ดรีมกัดกรามแน่นเอ่ยเสียงดุ “กูบอกว่าไม่ต้องเรียกพี่ไง เรารุ่นเดียวกัน อีกปีสองปีก็จะ 30 อยู่รอมร่อแล้ว กูไม่อยากแก่ไปมากกว่านี้”
เมื่อสายชลได้ฟังที่ดรีมเล่าว่าตอนนี้เขาอยู่ในร่างที่มีอายุ 27 ปีเท่ากับว่าเขาข้ามเวลามา 8 ปีเลยหรือนี่ !?
“ผมเป็นนายแบบแทนคุณสายฟ้าไม่ได้จริง ๆ นะ ดูหน้าท้องผมดิไม่มีซิกซ์แพ็กอะไรจะโชว์เลย” สายชลพูดพลางเปิดชายเสื้อขึ้นดูหน้าท้องแบนราบ หน้าตาเป็นกังวลจนดรีมอดขำปนสงสารไม่ได้
“เอาอย่างนี้แล้วกัน กูขอโทร.หาลูกค้าก่อน เผื่อปรับแก้คอนเซ็ปท์กัน”
ดรีมยิ้มให้ผมพร้อมกับกดโทรศัพท์รุ่นแปลกตา พูดคุยกับทางลูกค้าสักพักใหญ่กว่าจะได้ข้อสรุป “ได้ครับ โอเคครับ แล้วพบกันนะครับ”
“น่านะไอ้ชล ไปลองบรีฟงานกับพี่เขาหน่อยนะ บริษัทเรากำลังแย่ช่วงนี้เศรษฐกิจขาลง นี่ก็เป็นบริษัทที่พวกกู 3 คนหุ้นกันทำด้วย จริง ๆ ก็เกรงใจมึงนะ แต่ปากท้องก็สำคัญ มึงมาอยู่ในส่วนผู้ช่วยรับส่วนแบ่งเท่าพวกกูก็ได้ แต่ช่วยหน่อยเหอะ”
“ให้ผมช่วยยังไงล่ะครับ” อย่างไรเสียนี่ก็คือความฝัน ใครจะบ้าข้ามเวลาได้กันล่ะ !?
ดรีมกุลีกุจอเล่าแผนงานให้สายชลฟัง “ก่อนอื่นกูขอถ่ายโปรไฟล์มึงเพื่อทำคอมการ์ดสำหรับไปพบลูกค้าวันพรุ่งนี้ เดี๋ยวส่วนที่เหลือกูจัดการต่อเอง”
ดรีมและสายชลเข้ามายังร้านกาแฟแห่งหนึ่งแถวสยามสแควร์ ภายในร้านตกแต่งน่ารักสไตล์วัยรุ่น เด็กหนุ่มสาวมหา’ลัยต่างคุยกันเสียงคิกคักเสียงดัง ลึก ๆ สายชลก็อดที่จะคิดถึงบ้านไม่ได้ นับวันเริ่มรู้สึกว่ามันคือเรื่องจริงไม่ใช่เพียงฝันไป นี่เป็นตัวเขาก็จริงแต่ก็ไม่ใช่ตัวเองในปัจจุบันแต่เป็นตัวเองในอนาคตอีก 8 ปีข้างหน้า อันที่จริงสายชลเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาที่นี่ด้วยหนทางไหน แต่ในเมื่อทุกอย่างมันได้เกิดขึ้นแล้ว อีกทั้งก็ยังไม่รู้ว่าจะกลับไปห้วงเวลาที่จากมาได้ยังไง เขาคงต้องใช้ชีวิตในแต่ละวันให้มีความสุข สนุก และคุ้มค่าที่สุด ในเมื่อมีโอกาสได้ทำอะไรที่ไม่เคยทำแล้วนี่นา...
“สวัสดีครับ” สายชลและดรีมยกมือไหว้แล้วยิ้มให้กับคนตรงหน้า
“รอนานไหมจ๊ะ ยังไงน้องรอคุณไทม์ก่อนนะ ดื่มอะไรกันก่อนไหม” พี่แพมเอ่ย พร้อมกับวางสัมภาระต่าง ๆ ลงบนโต๊ะ
“สวัสดีครับ ขอโทษที่ให้รอนะครับ พอดีหาที่จอดรถยากมากเลย” ชายร่างสูงโปร่งหน้าตาคมเข้ม เดินตรงมายังโต๊ะที่ดรีมกับสายชลนั่งอยู่ ความหล่อออร่าของคนที่มาใหม่ส่งให้สาว ๆ ในร้านต่างมองเป็นสายตาเดียวกัน ทว่าเขากลับหุบยิ้มฉับพลันเมื่อสายตาสบประสานกับเด็กหนุ่มตัวเล็กหน้าตาจิ้มลิ้มที่นั่งหน้าซื่อ ๆ อยู่ตรงหน้า
“นี่คุณรัตติกาลเป็นนายแบบและสปอนเซอร์ใหญ่ของงานครั้งนี้จ้ะ” แพมเอ่ยแนะนำคนหล่อที่มาใหม่
“เรียกไทม์ก็ได้ครับ” รัตติกาลเอ่ยสั้นห้วน น้ำเสียงนุ่มทุ้มทำเอาสาว ๆ ในทีมแทบสะกดความเก้อเขินเอาไว้แทบไม่ไหว เว้นเสียแต่สายชลที่รู้สึกเสียวสันหลังวาบกับสายตาของคนแก่กว่าที่มองมายังตนเอง
“แพลนของเราคือถ่ายงานที่หัวหิน 3 คืน 2 วัน เซตซัมเมอร์ 5 เซต ชุดว่ายน้ำ 3 เซต และคืนที่ 2 เป็นส่วนของงานปาร์ตี้เปิดงานด้วยการเดินแบบด้วยชุดแบรนด์ของเราคอลแล็บกับจิวเวลรี่ซินเพอร์ติกแบรนด์ คืนนั้นเป็นปาร์ตี้เล็ก ๆ ให้กับผู้สนับสนุนและทีมงานของเราค่ะ” พี่แพมพูดพร้อมกับดรีมที่กางสตอรี่บอร์ดแผนงาน
สายชลเป็นเพียงคนเดียวที่ดูเลิ่กลั่ก เขาพยายามสะกดกลั้นความกังวลเอาไว้ ทว่าก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของผู้ชายที่ชื่อว่า ‘ไทม์’
“น้อง ๆ มีอะไรสงสัย หรือติดขัดตรงไหนไหมคะ”
“ผมตัวเล็กและก็ซิกซ์แพ็ก เอ่อ คือ...” สายตาของเขาเผลอไปมองคนตรงหน้าที่แต่งตัวล่อแหลม ช่วงอกเผยให้เห็นซิกซ์แพ็กแน่น รอยสักบาง ๆ ที่มองแล้วหนุ่มน้อยสาวใหญ่คงอดมองไม่ได้
“อ้าว ดรีมจ๋าดรีม น้องยังไม่ได้บอกเพื่อนเหรอว่าพี่โอเคกับคอนเซปต์ใหม่ที่เสนอมาแล้ว พี่ว่ามันโอเคดีนะ อ้าวงง งงอะไร คุณน้อง” พี่แพมพูดฉับ ๆ อย่างมืออาชีพ ทำเอาสายชลเกร็งสั่นไปทั้งตัว
“แบบนี้นะครับ ส่วนของคอนเซปต์ปรับเป็นแนวคู่จิ้นกำลังเทรนด์เลยครับ”
“อะไรกันที่เราตกลงกันแต่แรกมันไม่ใช่แบบนี้นะ ทั้งเปลี่ยนแนว เปลี่ยนธีม ไหนจะเปลี่ยนเอาน้องขี้ก้างนี่มาแทนอีก ถึงหน้าจะคล้ายกันก็เถอะ” รัตติกาลเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบทว่าสายตากลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ที่เขายอมตกลงมาถ่ายแบบครั้งนี้เพียงเพราะน้องสาวกับเพื่อนสนิทของน้องร้องขอ และที่สำคัญเขาไม่ชอบทำงานกับพวกไม่เป็นมืออาชีพ ที่นึกอยากจะเปลี่ยนอะไรก็ทำตามความพอใจของตัวเองโดยที่ไม่คิดจะถามเขาก่อนเลย
“คุณไทม์จ๋า ใจเย็นนะ ฟังพี่แพมก่อน ที่พี่นัดคุยงานกะทันหันก็เพราะจะบอกวันนี้ พี่เห็นว่าน้องสายชลถึงดูเผิน ๆ จะคล้ายสายฟ้าก็จริง แต่น้องมีความขี้อ้อน น่ารัก เอวบางร่างน้อย แล้วสมัยนี้คู่จิ้นมาแรง สาววายเยอะ ถ้าเป็นเราสองคนพี่ว่าปังแน่ ๆ”
“ก็ได้ครับ ผมเห็นแก่พี่แพม ถ้าพี่แพมมองว่าดี ผมก็ไม่ขัดครับ” ไทม์พูดแล้วกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ ยักคิ้วอย่างคนที่อยากจะแกล้ง ทั้งยังส่งสายตาพิฆาตที่น่าดึงดูดเป็นเชิงท้ารบ
หลังจากที่คุยงานเรียบร้อยดรีมก็พาสายชลไปซื้อของใช้ที่จำเป็นก่อนจะกลับคอนโดฯ “โอ๊ย หล่อเป็นบ้า คนอะไรไม่รู้ แต่ดูแล้วดุฉิบหายเลย เป็นคนหรือหมาบ้าวะ พี่ดรีมเห็นไหม ที่ไอ้พี่ไทม์มันมองน่ะเหมือนจะแดกหัวผมเลย เกลียดอะไรผมวะ”
ดรีมสตาร์ทรถคันหรูแล้วขับออกจากห้างสรรพสินค้ามุ่งหน้าไปที่บริษัท ดรีมสกาย แชร์ริ่ง
“เอ่อคือ อันที่จริงแล้ว ไอ้พี่ไทม์กับสายฟ้า มันไม่ค่อยถูกกันสักเท่าไรน่ะ”
“อะ อะไรนะพี่ดรีม โอ๊ย พี่เล่นอะไรของพี่เนี่ย แล้วผมจะรอดไหม ดูพี่เขาจ้องเล่นงานผมอยู่แน่เลยเนี่ย”
“ไหนว่าเรียนนิเทศศาสตร์มาไง มึงจะไปกลัวอะไรกับแค่ถ่ายแบบ เอาน่าแป๊บเดียวเอง” ดรีมเอ่ยด้วยท่าทางทีเล่นทีจริง
“บอกว่ากำลังจะเรียน ยังไม่ได้เริ่มเลย ก็แค่สอบติดยังไม่ได้เริ่มเรียนเลยด้วยซ้ำ พี่ดรีมมาถ่ายแทนผมไหมล่ะ “สายชลบ่นอุบ คนตัวเล็กมุ่ยหน้าแล้วถอนหายใจ
“ไม่อะ เดี๋ยวไอ้ไทม์สวบหัวเอา เถอะน่าถือว่าลองไง ชีวิตเราใช้ซะ เคยได้ยินไหม” ดรีมเอ่ยพลางหัวเราะ เอ็นดูเด็กน้อยที่ตอนนี้เหมือนทะเลาะกับตัวเอง ถึงฝ่ายนั้นจะดูขี้แกล้ง ชอบข่มขวัญหน่อยก็เถอะ แต่ดรีมรู้ว่าพี่ไทม์คนนี้นิสัยดี
...และแล้ววันที่สายชลกังวลก็มาถึง ขณะที่สายชลกำลังลากกระเป๋าเพื่อไปเก็บยังท้ายรถ เสียงนุ่มทุ้มที่คุ้นเคยก็เย้ยหยันทัก “ตัวก็เตี้ย เดินยังช้าอีก ขาสั้นแบบนี้ จะไหวเหรอวะ” รัตติกาลกล่าวทักทายพร้อมลากกระเป๋าไปใส่ท้ายรถของทีมงาน
สายชลเดินหน้าตาตื่นด้วยความตกใจ ไม่ใช่ว่าเขากลัวคนตรงหน้าเพียงแต่รู้สึกตื่นเต้นเท่านั้น ‘ถึงผมจะสั่นแต่ก็สั่นสู้อยู่แล้ว ที่ตกใจคือวันนี้พี่ไทม์หล่อมาก’
ไทม์ปล่อยผมพลิ้วไม่ได้เซตเรียบร้อยเหมือนครั้งก่อนที่เจอกัน เสื้อฮาวายสบาย ๆ ปลดกระดุมถึง 3 เม็ด อวดแผงกล้ามอกที่ใครเห็นก็แทบหัวใจจะวาย แต่สีหน้าที่สายชลแสดงออกไปก็ทำเพียงแค่นิ่งขรึมไม่ให้เขารู้ว่าเรากระโตกกระตาก ‘เท่นักเหรอ ขรึมนักเหรอ บรื๊อออออ’ สายชลสะบัดหน้าแรงไล่ความคิดฟุ้งซ่านแล้วขึ้นรถออกเดินทางไปยังหัวหิน
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?