วันนี้ต่างจากทุกวัน เพราะสายฟ้าจำต้องมานอนค้างที่บ้านของราเชนทร์ ก็อยากรู้เหมือนกันว่าคนอย่างไอ้ดรีมไปติดใจอะไรมัน จะว่าแบบนั้นก็ไม่น่าจะถูกซะทีเดียว ดูเผิน ๆ ทั้งสองคนนี้ก็เหมือนคู่กัดกัน แต่ไม่รู้กัดกันอีท่าไหนไปได้กันซะเอง เอาเถอะโต ๆ กันแล้ว ถึงเขาไม่ชอบหน้าไอ้คุณไทม์ แต่เพื่อนของมันไม่ใช่คนไม่ดีอะไร
คืนนี้ผมพักกับน้องสายชล เด็กผู้ชายหน้าคล้ายผมที่กำลังนอนหลับอย่างน่าเอ็นดูอยู่ตรงหน้า แค่แวบแรกที่ผมเห็นหน้าน้องมัน ผมก็รู้สึกผูกพันอย่างหน้าแปลกประหลาด น้องมันน่าทะนุถนอมน่าปกป้อง ถึงแม้ว่าสายชลจะไม่ได้ดูบอบบางขนาดนั้น แต่ความรู้สึกภายในใจของเขากลับบอกว่าต้องดูแลและปกป้องสายชล
สายฟ้าสวมเสื้อยืดสีดำแขนสั้นอย่างลวก ๆ เดินมานั่งข้างคนตัวเล็กกว่า จ้องมองด้วยสายตาอ่อนโยน แล้วก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือหยาบกร้านยีหัวน้องตัวน้อยที่ทำหน้าเหมือนคนเบื่อโลกและเอาแต่ถอนหายใจอยู่ตรงหน้า
“ไม่สบายใจเรื่องอะไร ควายน้อยของพี่ฟ้า” สายฟ้าแกล้งถามด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าเป็นพ่อพระและใจดีอย่างที่สุด
สายชลก้มหน้าพร้อมกับเอาหัวมาพิงไหล่ของเขา “ผมไม่อยากกลับไป ผมไม่อยากตาย”
‘อ้าวฉิบหายแล้ว กูจะปลอบน้องมันยังไงเนี่ย’ จู่ ๆ ก็รู้สึกเป็นห่วงมันขึ้นมา สายฟ้ามองคนเด็กกว่าอย่างคิดไม่ตก ได้แต่ลูบหัวเบา ๆ อย่างที่คิดว่าอ่อนโยนที่สุด เผื่อกำลังใจจะแผ่ซ่านไปถึงคนตัวเล็กบ้าง
“ถ้าผมกลับไปเวลาของผม พี่ว่าผมจะแก้ไขเรื่องราวได้ไหม” สายชลพูดด้วยนัยน์ตาหดหู่
สายฟ้าลูบผมของคนตัวเล็กตรงหน้าอย่างเบามือถึงหน้าตาจะคล้ายผมมาก แต่สายชลน่าจะตัวเล็กกว่าผมเล็กน้อย ผมก็นุ่มนิ่มกว่า นิสัยอ่อนโยนเข้ากับคนได้ง่ายกว่า ที่สำคัญกินเก่งและยิ้มหวานมากด้วยผิดกับเขา
สายฟ้าเผลออมยิ้มกับเด็กผู้ชายตรงหน้าด้วยความเอ็นดู แก้มนุ่มนิ่มยังกับตูดเด็กทำให้เขารู้สึกหวงไอ้เด็กคนนี้มากกว่าไอ้ดรีมซะอีก ไม่ใช่เพราะอะไรหรอกนะ ทว่ากลับรู้สึกผูกพันกับมันมาก ไอ้นี่ก็เนื้อหอมซะจริง ๆ ทั้งไทม์ ทั้งซันพากันรุมจีบ น่ารำคาญชะมัด ส่วนเขาก็ได้แต่ก่นด่าอยู่ในใจ
คนตัวเล็กขยับตัวทำให้เขาหลุดจากความคิดฟุ้งซ่าน เห็นไอ้ดรีมบอกว่าวันนี้เรื่องที่ให้ราเชนทร์ไปสืบได้ข้อมูลมาแล้ว ทีนี้จะได้รู้สักทีว่าอะไรเป็นอะไร ขณะที่กำลังกินข้าวต้มด้วยความเบื่อ ๆ ทั้งที่ปกติเขาไม่ค่อยกินอาหารหนักแบบนี้ช่วงเช้าหรอก จะกินแค่กาแฟดำกับขนมปังสักแผ่นสองแผ่นเท่านั้น แต่พอเห็นหน้าไอ้ดรีมระริกระรี้แล้ว ขี้เกียจฟังมันบ่น หลายคนบอกว่าเขากับไอ้ดรีมเป็นคู่กิ๊กกัน ให้ตายเถอะฟ้าผ่าแน่ ๆ เขากับดรีมสนิทกันตั้งแต่เรียนอยู่ปี 1 เรียกว่าเพื่อนตายเลยก็ว่าได้
ซันพูดด้วยเสียงเอาอกเอาใจสายชล “บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวเราไปส่ง”
จู่ ๆ เด็กน้อยของเขา เอ่อ… ไอ้เด็กสายชลนั่นแหละก็ทำหน้าซึมอย่างกับจะร้องไห้เมื่อถูกแทงใจดำ ถามถึงบ้านเกิด ‘ไอ้ซัน กูอยากจะตบกะโหลกมึงสักทีสองที’
“เอ่อ…” สายชลทำหน้าเลิ่กลั่กเงยหน้าขึ้นมองผม
สายฟ้ารู้สึกเจ็บจี๊ดในใจ เขาสงสารไอ้เด็กนี่ด้วยใจจริง สิ่งที่สายชลเป็น มันทำให้เขาสะท้อนภาพของตัวเอง แม้โลกนี้จะมีผู้คนรายล้อมมากมาย ทว่าภายในใจกลับรู้สึกว่างเปล่าอย่างน่าประหลาด
“ไม่เป็นไรซันขอบคุณมาก เราแค่รู้สึกว่าข้าวมื้อนี้อร่อยมาก อบอุ่นมาก ๆ เราแทบไม่เคยสัมผัสบรรยากาศที่เหมือนครอบครัวแบบนี้เลย… ก็เท่านั้น”
เมื่อสายฟ้าฟังแล้วก็หวนนึกถึงภาพตัวเองในวัยเด็ก ครั้งนั้นเขากำลังเรียนอยู่ราว ๆ ประถมห้าเท่านั้น
“พ่อครับ ผมอยากรู้เรื่องของแม่บ้าง” เด็กน้อยถามด้วยใบหน้านิ่งดวงตาใสซื่อด้วยความอยากรู้เรื่องราวของผู้เป็นแม่
“แกอยู่กับพ่อ จะไปอยากรู้เรื่องแม่ทำไม หรือว่าพ่อเลี้ยงดูแกไม่ดี” คนเป็นพ่อตวาดพร้อมกับลุกหนีไปอย่างไม่สนใจเด็กชายตัวเล็ก ๆ อย่างเขา
หลังจากนั้นสายฟ้าก็ไม่เคยเอ่ยถามเรื่องผู้เป็นมารดาอีก แม้ในใจจะอยากรู้เพียงไร แต่ก็ทำได้เพียงข่มความคิดถึงให้ลึกอยู่ภายในใจ ก่อนหน้านี้ดรีมเล่าให้เขาฟังถึงเรื่องของสายชลว่าไอ้เด็กคนนี้มีหน้าตาเหมือนเขาราวกับกระจกเงา ทว่านิสัยใจคอกลับแตกต่างกันอยู่มาก เมื่อสายฟ้าได้ฟังเช่นนั้นเขาก็รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย พยายามสืบข้อมูลเด็กที่ชื่อสายชลอย่างไม่ได้จริงจังเท่าไรนัก กระทั่งเขาได้พบกับเจ้าของหน้าที่เหมือนกับเขาราวกับรูปสลัก ทุกครั้งที่เราสองคนอยู่ใกล้กันสายฟ้ารับรู้ได้ว่าความรู้สึกภายในใจเปลี่ยนไปอย่างน่าประหลาด เขารู้สึกเป็นห่วง ซ้ำยังรับรู้ได้ถึงกระแสผูกพันบางอย่างระหว่างเขาและสายชลถาโถมเข้ามา ราวกับว่าสายชลคือกุญแจที่ไขความลับที่สำคัญบางอย่าง
ราเชนทร์พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอย่างผู้ใหญ่ใจดี “น้องชลคิดว่าพวกเราคือครอบครัวก็ได้นะ” พลางหันหน้าไปมองทางดรีมและสายฟ้า
สายฟ้าสะดุ้งพร้อมกับตอบอย่างเลิ่กลั่ก “อื้ม ทำไมทุกคนมองกู… เอ้ย มองผมแบบนั้น”
“คือกูก็ไม่ได้ขัดขวางอะไรนี่ ก็เห็นด้วยไง จริง ๆ แล้วกูก็ไม่มีครอบครัวที่ไหน วัน ๆ ก็มีแต่พวกมึงเนี่ยแหละ” สายฟ้าพูดออกไปอย่างเขิน ๆ
เสียฟอร์มชะมัดเลย บ้าจริง แต่เอาเหอะถ้าการที่เขาเปิดใจรับไอ้พวกนี้ จะเป็นการทำให้ไอ้ชลมันมีความสุขยิ้มได้บ้าง ไม่ทำหน้าอมทุกข์แบบนี้ ผมก็โอเคนะ เอาจริง ๆ ผมจะไปแคร์มันทำไมมากมายขนาดนี้ ผมก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้หรอก
แล้วไอ้ไทม์มันมองผมด้วยสายตายิ้ม ๆ อะไรของมันวะ กูอะยอมเพราะน้องหรอกเว้ย ผมจึงมองหน้าไอ้ไทม์ด้วยสายตาของคนไม่ชอบขี้หน้ากัน ขมวดคิ้วเข้มไปที “ส่วนมึงอยู่ไกล ๆ จากกูก็ดี เหม็นขี้หน้า” สายฟ้ากระแทกเสียงใส่ไทม์
สายชลเอ่ยเสียงใสหยุดสงครามประสาทที่ผมกำลังส่งสายตากดดันไอ้ไทม์ จนผมอดอมยิ้มให้กับควายน้อยของผมไม่ได้
“พี่สายฟ้าน่ารักเห็นไหมล่ะ เราบอกซันแล้วว่าพี่ฟ้าอะไม่ดุหรอก” สายชลหันไปหาซันด้วยสีหน้าภูมิใจ
วูบหนึ่งสายฟ้ามองด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม ‘เด็กอะไรหน้าหล่อเหมือนเขายังไม่พอ คำพูดคำจาน่ารักอีก ‘แบบนี้พี่ฟ้าต้องเลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดีแล้วสิ’
เด็กน้อยยิ้มหวานจนตาเป็นสระอิ “อะนี่ ผมให้หมูสับพี่สายฟ้าเพิ่ม”
จู่ ๆ สายชลคนกินเก่งก็ตักหมูสับมาให้สายฟ้า
“ขอบใจ” สายฟ้ายิ้มรับแล้วปรายตาไปทางซันและไทม์ พร้อมตักหมูสับเข้าปากกินแล้วทำหน้าราวกับได้รับชัยชนะ ‘ก็ไม่อยากจะยอมรับหรอกว่า รู้สึกดีที่เหมือนชนะไอ้พี่ไทม์กับไอ้ซันมัน’
“เล่นเป็นเด็กไปได้” ดรีมบ่นสีหน้าเบื่อหน่ายพร้อมยกแก้วน้ำซดจนหมดแก้ว
ถึงดรีมจะบ่นรำคาญ ทว่าสายฟ้าก็ไม่เก็บเอามาใส่ใจ เพราะวันนี้เขามีภารกิจขัดขวางไอ้พี่ไทม์และแกล้งซัน ‘แบบนั้นสิสนุกกว่าเยอะ’
“อิจฉาเขาก็บอก เอาของผมนี่มีเยอะแยะ” ราเชนทร์ตักหมูสับชิ้นโตให้ดรีม ขณะที่คนได้รับบ่นเสียงงึมงำ แต่ก็ตักหมูสับชิ้นนั้นเข้าปากไปเคี้ยวแก้มป่อง
หลังจากความคึกคักบนโต๊ะอาหารจบลงด้วยชามข้าวต้มที่ว่างเปล่า ทุกคนก็แยกย้ายกันไปไปนั่งตากแอร์กันที่ห้องรับแขก จนกระทั่งราเชนทร์หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลส่งมาให้สายฟ้าในขณะที่เจ้าเด็กสายชลก็มองซองนั้นด้วยความสงสัยไม่ต่างกัน
สายฟ้าเปิดซองอย่างลุ้นจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น เป็นอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้จริง ๆ เขากับสายชลเป็นพี่น้องฝาแฝดกัน ถูกเปลี่ยนนามสกุลและปิดบังแก้ไขข้อมูลส่วนตัว อาจทำให้แม่ผมหาตัวเขาไม่เจอ นั่นก็เป็นนิสัยของพ่อที่มักชอบใช้เงินใช้อำนาจในทางที่ผิด จริง ๆ เขาไม่เคยเห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อทำนะ แต่จะทำยังไงได้ ต้องยอมรับในโชคชะตา แต่วันนี้ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว น้องชายฝาแฝดของผมมานั่งหน้าใสอยู่ตรงหน้าแล้ว
เอ๊ะ เอกสารการตายของชลก็เหมือนถูกแก้ไขเหมือนกัน นี่มันอะไรกันวะเนี่ย พ่อแม่กูเล่นอะไรกันอยู่รู้ไหมมันลำบากมาถึงลูก
ผมหันไปสบตากับสายชลทั้งสงสาร ทั้งอยากดูแลมันมากกว่านี้ อยากปกป้อง ชดเชยเวลาที่ผ่านมาทั้งหมด เพราะสายชลคือครอบครัวคนเดียวของผมในตอนนี้
“ว่ายังไงครับพี่สายฟ้า” สายชลเผลอเขย่าแขนคนโตกว่าอย่างลืมตัว
“คุณเชนแล้วมีเอกสารที่ไม่ถูกดัดแปลงไหมครับ หมายถึงเอกสารตัวจริงของผมและสายชล” สายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงอ่อน
“อยู่ชุดหลังสุดเลย มีรูปในซองด้วยนะครับ” เชนกล่าวเสียงเรียบพร้อมกับหันไปชวนคนอื่น ๆ ออกไปนั่งเล่นริมสระว่ายน้ำ
“ผมขออยู่ด้วยไม่ได้เหรอพี่ฟ้า” ซันยิ้มแห้ง ก่อนจะเจอสายตาพิฆาตจากคนหวงน้อง
“ไปก็ได้ครับ ไม่เห็นต้องดุเลย” ซันบ่นพึมพำ
“ผมขอดูด้วยสิครับ” สายชลพิงแขนหนาของคนโตกว่าที่กำลังนั่งอ่านสำเนาใบสูติบัตร
สายชลชี้ไปที่ใบแรก “ทิวกาล ธารกิติประยูร เกิดวันที่ 31 ธันวาคม 2548 เวลา 23.58 น. อันนี้ชื่อพี่สายฟ้านี่”
สายฟ้าพยักหน้าแทนคำตอบ พร้อมกับมองดูท่าทางของสายชล
คนตัวเล็กขมวดคิ้ว “เอ๊ะ ธารกิติประยูร แต่นี่มันนามสกุลผมนี่”
“นามสกุลของกูด้วยเหมือนกัน” สายฟ้าตอบด้วยเสียงนิ่ง
“ส่วนนี่ใบนี้ ทินาท ธารกิติประยูร เกิดวันที่ 1 มกราคม 2549 เวลา 00.01 น. “คนตัวเล็กหยิบใบที่มีชื่อตนมาถือไว้
“ทินาท ชื่อของชล”
สายฟ้ามองคนตรงหน้าด้วยสายตาเอ็นดู ตลกกับความเล่นใหญ่ของเด็กคนนี้ สายชลโผกอดพี่ชายของเขาแน่นอย่างไม่เขินอาย “พี่สายฟ้าเป็นพี่ชายของผมจริง ๆ ใช่ไหม”
ทั้งที่เราสองคนเพิ่งเคยพบกันทว่าเขากลับรู้สึกผูกพันกับสายชลเป็นพิเศษ ราวกับว่าจิตใจของเราสองคนเชื่อมโยงถึงกันได้ สายฟ้ามองเด็กผู้ชายในอ้อมกอดแล้วให้คำมั่นสัญญากับตัวเอง ‘ไม่ว่าจะยังไงผมต้องดูแลสายชลให้ดีที่สุด’
หากสายฟ้ารู้ความจริงก่อนหน้านี้ สายชลก็อาจไม่ต้องตาย เขาอดที่จะคิดว่าเป็นความผิดของตัวเองไม่ได้ เพราะอย่างนี้แล้วเขาจะปกป้องน้องชายคนเดียวด้วยชีวิต
“เดี๋ยวก่อนนะ สายชล” สายฟ้าทักท้วงเสียงเข้ม
“อ้าว ร้องไห้ทำไม เป็นอะไรไป”
“ฮื่อ ก็ดีใจ ผมคิดลึก ๆ ตั้งแต่มาที่นี่ครั้งก่อนแล้วว่าถ้าผมมีพี่ก็คงจะดี” สายชลเอ่ยน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งยังสะอื้นร้องไห้ราวกับตนเองเป็นเด็กตัวเล็ก
“สายชลไม่ต้องร้องนะ พี่อยู่นี่แล้วพี่จะดูแลชลเอง ต่อจากนี้”
‘หึไอ้พวกแมลงวันแมลงหวี่คิดจะจีบน้องกู ข้ามศพกูไปก่อนนะ’ สายฟ้าหันไปทางไอ้พี่ไทม์กับซันที่นั่งอยู่ด้านนอกซึ่งไม่ไกลกันนัก
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?