ตอนที่ 64 กาลเวลาพิเศษความลับ ความเชื่อใจ ความผูกพัน

[ดรีม]

บรรยากาศในห้องดูอึมครึมทั้งสายฟ้า สายชล รวมถึงดรีมต่างก็มองหน้ากันไปมา มีเพียงสายฟ้าที่ดูท่าทีจะนิ่งกว่าคนอื่น ๆ จู่ ๆ สายชลก็พรูลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้น

“นี่พี่ ๆ จะไม่เชื่อผมจริง ๆ เหรอครับ” สายชลพูดด้วยสีหน้าแววตาเศร้าราวกับแมวอ้วนหูลู่ หางตก

เด็กหนุ่มลอบสบตาดรีมเพราะชลรู้ว่าถึงดรีมจะดูเฉย ๆ แต่ที่จริงแล้ว พี่ดรีมของเขาเป็นคนไม่คิดอะไรมากใจดี และที่สำคัญใจอ่อนเอามาก ๆ สายชลจึงเลือกสบตาพี่ดรีมเป็นเชิงออดอ้อน ซึ่งอย่างที่เด็กน้อยคิดไว้มันได้ผลทุกครั้งไป

“เฮ้ย… มึงไอ้เด็กน้อย มึงอย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้นสิวะ ใจกูก็มีแค่นี้”

ดรีมเสียงอ่อนลงให้สายชลพร้อมกับหยิบช็อกโกแลตอัลมอนด์ในกระเป๋ากางเกงส่งให้กับเด็กน้อย เพราะเขาไม่รู้สึกทำตัวไม่ถูกและไม่ชินกับสายตาที่ทำเหมือนจะร้องไห้แบบนั้น

“พี่ดรีมพกขนมติดตัวไปตลอดเวลาเลยเหรอ พี่พกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”

“แดก ๆ ไปเหอะมาเสือกถามกูทำไมหรือไม่เอา งั้นเอาคืนมา”

“ไม่ต้องบอกหรอกจริง ๆ ชลรู้อยู่แล้วละ แกล้งเล่นไปแบบนั้น”

“มึงรู้อะไร เรื่องขนมไม่มีใครรู้นอกจากกูและกูก็คงไม่คิดจะบอกใครด้วยละ…มั้ง ?”

“ไหนเจ้าควายน้อยแสนรู้ มึงเล่าความลับไอ้ดรีมมั่งสิ” สายฟ้าพูดพลางเดินมาขยี้หัวสายชลที่กำลังแกะช็อกโกแลตพร้อมกับเก็บเศษซากของกินที่เด็กน้อยแกะกินไว้เต็มโต๊ะ สายฟ้าไม่ใช่คนเรียบร้อยหากแต่เขาไม่ชอบเห็นอะไรที่รกหูรกตาก็เท่านั้น

“นั่นไง ทำไมเรียกควายน้อยอีกแล้วคิดว่ากลับมาเวลาเดิมละจะไม่ต้องโดนเรียกแบบนี้”

“ทำไม เรียกควายน้อยแล้วมันยังไง”

“มันดูโง่ ๆ ยังไงก็ไม่รู้อะพี่สายฟ้า”

สายฟ้ามองหน้าเด็กน้อยแสยะยิ้มพร้อมเลิกคิ้วอย่างเจ้าเล่ห์ “กูว่าฉายานี้เหมาะกับมึงที่สุด ไม่รู้ละกูจะเรียกมึงว่า ควายน้อย ใครจะทำไม หรือมึงมีปัญหา” เจ้าของห้องเค้นเสียงดังใส่ผู้มาเยือน

“โห… ใครจะกล้าไปมีปัญหากับพี่กันล่ะ ถ้ามีปัญหาละคืนนี้ผมจะไปนอนที่ไหน พี่ไม่สงสารน้องเหรอ”

“ไม่อะ…” สายฟ้าพูดด้วยเสียงเรียบเฉยแต่แอบเผยรอยยิ้มเบาบาง รอยยิ้มที่ตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงรู้สึกดีเมื่อได้หยอกเย้ากับเด็กคนนี้

“งั้นมึงสองคนคุยกันไปก่อนนะ เดี๋ยวกู…”

ดรีมย่อง ๆ เดินไปทางประตูหวังจะชิ่งหนีแฝดนรกคู่นี้ คนหนึ่งก็ปากหมาด่าเก่ง ส่วนอีกคนดูแบ๊ว ๆ แต่อดที่จะคล้อยตามไม่ได้ต้องใจอ่อนทุกที

‘แฝดนรก แฝดนรกชัด ๆ’ ดรีมบ่นพึมพำ

“มึงบ่นอะไรสัตว์ดรีม”

“อ๋อเปล่าจ้ะ กูแค่บอกว่า เออ… ห้องมึงรก รกจริง ๆ กูกลับก่อนดีกว่า”

ดรีมพูดจาติด ๆ ขัด ๆ ยิ้มแห้งเมื่อรู้ตัวว่าเพื่อนสนิทรู้ทันว่าตนเองจะหนีกลับ

“กูยังไม่ได้ฟังเรื่องความลับขนมของมึงเลย ทีเรื่องตุ๊กตาน้อง ๆ กูเนี่ย มึงล้อจังเลยนะ จะล้อยันลูกบวชเลยไหม ?”

“จริง ๆ แล้วพี่ดรีมก็แค่ติดอยู่ในห้องเก็บของทั้งคืนเรียกก็ไม่มีใครช่วย หิวก็หิว โชคดีที่ได้ขนมช็อกโกแลตอันนี้ที่วันนั้นติดตัวไปตั้ง 3 แท่ง หลังจากนั้นพี่ดรีมก็เลยชอบพกขนมติดตัวไปด้วยตลอด และชลก็ชอบแอบซิ่วขนมพี่ดรีมกินตลอดเลยด้วย” สายชลพูดพลางเอามือตบ ๆ ที่กระเป๋ากางเกงยีนของพี่ดรีมเพื่อหาว่าพอมีขนมอีกไหม

“มึงนี่มันตัวกินขนมหวานจริง ๆ กูไม่มีแล้ว หมดแล้วโว้ย” ดรีมบ่นสายชลแต่ก็หยิบสปาเกตตี้ให้เด็กน้อย

“ไม่เอาอะพี่ดรีม อิ่มของคาวแล้วละ แต่ถ้าเป็นของหวานนะถึงไหนถึงกัน” สายชลพูดขณะที่เคี้ยวขนมแก้มตุ้ย ๆ เขาสังเกตเห็นสายฟ้าลอบมองเพื่อนซี้อย่างที่มองจากหัวหินก็รู้ว่าพี่ชายฝาแฝดต้องรู้สึกกังวลอยู่อย่างแน่นอน

“หยุดจ้องกูได้แล้วไอ้ฟ้า”

“เปล่านี่”

“สายตามึงมันฟ้อง มึงข้องใจอะไรกู”

“กูไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เป็นปมในใจของมึง”

“เฮ้ย จริง ๆ ก็ไม่ถึงกับเป็นปมในใจหรอก แค่กูรู้สึกว่าพกไอ้พวกขนมนั้นไว้กูอุ่นใจกว่ามาก และเรื่องน้องชายที่งอกมาจากไหนของมึงนี่ จะเอายังไงวะ” ดรีมทำสีหน้าไม่ถูกพยายามพูดเบี่ยงประเด็น

“หรือมึงเชื่อเรื่องที่ไอ้ควายน้อยบอกงั้นเหรอ” สายฟ้าเลิกคิ้วอย่างสงสัย ซึ่งถ้าดรีมเพียงแค่ฟังแล้วเชื่อนั่นก็ผิดวิสัยเจ้าตัวไม่น้อย ถึงดรีมจะเป็นคนง่าย ๆ ก็จริงแต่เรื่องแบบนี้ถ้าไม่มีเหตุผลส่วนตัวแบบเขา จะให้เชื่อเลยในทันทีที่ฟังก็น่าทำใจเชื่อได้ยากอยู่

“จริง ๆ เรื่องที่มันบอกว่ารู้จักพวกเราจากการที่มันวาร์ปไปอนาคตมา มันก็ออกจะเกินจริงอยู่นะ อืม เชื่อได้ยาก แต่ไม่รู้สิ” ดรีมหันไปสบตาสายชลอย่างครุ่นคิดก่อนที่จะคลี่ยิ้มอย่างอบอุ่น ซึ่งเป็นรอยยิ้มเดียวกันกับที่สายชลได้รับเมื่อครั้นอยู่ห้วงเวลานั้น

แม้ตัวดรีมจะรู้สึกสงสัยตัวเองไม่น้อย ถ้าการที่สายชลมันไปอนาคตได้ แล้วรู้จักกันผมจริง ๆ นั่นก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากแล้ว แต่เพราะอะไรทำไมผมถึงยอมเล่าเหตุผลที่ตัวเองต้องพกขนมติดตัวไปทุกที่เพื่อแค่รู้สึกอุ่นใจ

ลึก ๆ แล้วดรีมรู้ว่าหากใครที่รู้เรื่องนี้เข้า นอกจากจะไม่มีวันเข้าใจเขาแล้ว ยังมองเขาเป็นเด็กน้อยที่ไม่ยอมโตอีกต่างหาก แต่นั่นยิ่งทำให้ดรีมเชื่อสายชลอย่างสนิทใจเลย เพราะแม้แต่แม่บังเกิดเกล้าของเขาเองยังไม่เคยรู้เลยว่าการที่ดรีมชอบแอบพกขนมหวานติดตัวไว้ตลอดมีสาเหตุมาจากอะไรกัน ?

วันนั้นลูกติดไอ้พ่อเลี้ยงชั่วมันขังผมไว้ในห้องเก็บของ ทั้งที่ตอนนั้นผมยังเป็นเพียงเด็กน้อยอายุไม่ถึง 6 ขวบเท่านั้น ผมทั้งหวาดกลัว ภายในห้องเก็บของเก่า ๆ นั่นมืดและแคบ กลิ่นอับที่ชวนให้คลื่นไส้บรรยากาศก็น่ากลัวเกินกว่าเด็กน้อยคนหนึ่งจะรับไหว

นั่นคงเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดที่ดรีมเคยเจอ เขาพยายามตะโกนเรียกจนแทบสิ้นสติ ดรีมร้องไห้จนแทบไม่มีน้ำตาจะไหลออกมา กว่าแม่จะกลับมาก็เที่ยง ๆ ของอีกวัน กระทั่งแม่ของเด็กน้อยเปิดประตูห้องเก็บของเข้ามาเพื่อหยิบหม้อตุ๋นที่สำหรับเตรียมทำอาหารที่โรงงานเหมาให้ทำแจกพนักงานช่วงก่อนปิดวันสงกรานต์

แม่ตกใจที่เห็นลูกชายตัวน้อยของเธอนอนหลับอยู่ซอกด้านหนึ่งของห้อง เนื้อตัวมอมแมมรอบ ๆ ปากเลอะเทอะไปด้วยคราบช็อกโกแลต ดรีมกอดแม่แน่น ใจอยากจะร้องไห้เพื่อให้แม่ปลอบประโลม อยากจะฟ้องว่าใครที่เป็นคนทำให้เขาเจอเหตุการณ์แบบนั้น ทว่าเมื่อเด็กน้อยเห็นสายตาและอ้อมกอดที่อบอุ่นของแม่ ความหวาดหวั่นในใจก็หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น คงเหลือไว้แต่เพียงบาดแผลในใจที่ดรีมไม่เคยปริปากบอกใคร…

หลังจากนั้นเพียงไม่นาน ทั้งแม่และดรีมก็ย้ายเข้ามาตั้งตัวที่ตัวเมืองนนทบุรี แม่ตัดขาดและเลิกกับพ่อเลี้ยง จึงดูแลเขามาเพียงลำพังด้วยความเหนื่อยยาก ดรีมจึงเป็นคนที่ต้องทั้งทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย กระทั่งมารู้จักกับสายฟ้าช่วงเข้ามัธยมปลาย เขาก็มีชีวิตที่ดีขึ้น พ่อสายฟ้ามีธุรกิจมากหลายแขนง และจะเรียกว่าสายฟ้าเป็นคนรับช่วงต่อก็พูดได้ไม่เต็มปากนัก แต่ก็นั่นละครับทำให้ผมได้เป็นผู้ช่วยของมัน เรียกผมว่ามือขวาของไอ้สายฟ้าเลยก็ว่าได้

แม้ผมจะไม่ได้มีอำนาจมากเท่าลูกมาเฟียอย่างไอ้สายฟ้า แต่ผมก็เป็นคนสนิทที่สุดเพียงคนเดียวที่มันไว้ใจให้ทำอะไร ๆ หลายอย่าง แต่ผมกับสายฟ้ามีความคิดตรงกันที่ว่า… เราไม่ชอบงานเทา ๆ พวกนี้เลย เราจึงตัดสินใจเลือกเรียนนิเทศศาสตร์ ทั้งพ่อของมันและแม่ของผมต่างก็ไม่มีใครว่าอะไร

แม่ผมสอนกรอกหูผมไว้เสมอว่า ‘ผมต้องเป็นคู่หูที่ดีของสายฟ้าและช่วยพ่อสายฟ้าทำงานอย่างเต็มที่ เพราะพวกเราลืมตาอ้าปากได้ก็เพราะครอบครัวเศวตฐิวัตร’

ผมเคยเล่าให้ไอ้สายฟ้าฟังด้วยท่าทางที่โคตรจริงจัง แต่มันกลับขำผมจนไหล่สั่น น้ำตาเล็ด

“นี่ไอ้ดรีม มึงอะเพื่อนสนิทกู เรื่องแค่นี้ไม่ถือเป็นบุญคุณหรอก มึงช่วยกูทำงาน ช่วยพ่อกูทำงาน มึงก็ได้เงินไม่เห็นแปลกอะไรเลย”

“แต่ที่มึงให้นี่มันเยอะไปสำหรับเด็กม.ปลายแบบกูไหม ?”

“ละที่มึงเห็นกูต้องทำห่าอะไรตั้งเยอะแยะ มึงคิดว่ามันมากไปสำหรับเด็กม. ปลายหรือเปล่าล่ะ”

“เออมันก็จริงว่ะ” ดรีมมองหน้าเพื่อนซี้ด้วยความซาบซึ้งที่ทำให้เขาสองแม่ลูก มีกินมีใช้ลืมตาอ้าปากได้ แม้ในช่วงแรกแม่ของดรีมจะสงสัยว่าพวกเขาทำอะไร ทำงานที่ไม่ดีผิดกฎหมายหรือเปล่า แต่ด้วยความที่สายฟ้ามันมีความเป็นผู้ใหญ่เกินตัว มันมาคุยกับแม่ผมถึงร้านก๋วยเตี๋ยวหน้าโรงงานจนแม่ผมคล้อยตามและใจอ่อน

“มึงไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย แล้วกูก็มีลูกน้องเยอะแล้วด้วย หมายถึงลูกน้องพ่ออะ เพราะฉะนั้นมึงช่วยทำตัวให้เหมือนเพื่อนกูหน่อยได้ไหมวะ ส่วนงานก็คืองานมึงไม่ต้องนอบน้อมกูขนาดนั้นก็ได้”

“มึงจะเอาแบบนั้นเหรอสายฟ้า”

“ก็แบบนั้นสิวะ” สายฟ้ายิ้มมุมปากให้เพื่อนซี้พร้อมยักคิ้วที่ขนาดดรีมเป็นผู้ชายแท้ ๆ ยังรู้สึกว่าแม่งทำไมหล่อจังวะ

“เออ พ่อกูบอกว่าจะเปิดร้านอาหารกึ่งบาร์ตรงที่ใกล้ ๆ ร้านที่แม่มึงเช่าขาย กูคิดว่า… จะให้แม่มึงมาดูแลร้านนั้น เป็นหัวหน้าห้องครัว แม่มึงจะโอเคหรือเปล่าวะ”

“เฮ้ย เรื่องใหญ่แบบนี้มึงคุยกับแม่กูเลยไหม”

“ไม่อะ มึงลองคุยก่อน พ่อกูให้กูช่วยจัดการไกล่เกลี่ยให้เนี่ย ไอ้สัตว์ไว้ใจกูเกินไปเปล่าวะ มึงว่าไหมกูแค่อายุ 18 เอง ให้กูทำสารพัด”

“อายุน้อยร้อยล้านเหรอวะ ฮ่า...”

“คงงั้น ไม่รู้ละ ยังไงมึงลองคุยกับแม่มึงก่อนนะ อะนี่เอกสาร กูให้พี่เลขาฯ ของพ่อร่างสัญญาคร่าว ๆ ให้แล้ว เงินเดือน ค่าคอมฯ ส่วนแบ่งบริหารร้าน และอื่น ๆ พวกมึงแม่ลูกก็ลองอ่านดูนะ แม่มึงจะได้ไม่ต้องทำงานหนักอีก ทำที่ร้านพ่อกูก็แค่ดูแลให้ทุกอย่างเรียบร้อย และไม่ต้องห่วงกูจ้างผู้ช่วยมาดูอีก กะละ 2 คน แม่มึงดูช่วงเที่ยงถึงหัวค่ำ จะได้ไม่เหนื่อยมากเกินไป ไอ้สัตว์พูดเยอะเหนื่อยละ เย็นนี้ไปหาอะไรแดกกัน”

“สะ สายฟ้า กูรักมึง” ดรีมโผตัวเข้าหาสายฟ้าก่อนที่จะกอดคอแน่น หอมแก้มซ้าย สลับขวาเสียงดังฟอด

“สัตว์ ดรีม พอแล้ว กูขนลุก… ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้”

“ขอบคุณ ขอบคุณมากจริง ๆ แบบนี้คนอื่นจะหาว่ากูเกาะมึงหรือเปล่าวะ”

“ช่างหัวแม่งดิ บ้านกูรวย… ละมึงสองแม่ลูกก็ทำงานแลกเงินไม่ได้มาขอเงินฟรี ๆ ใครด่าอะไรบอกกูจะสั่งคนไปกระทืบแม่ง !!!”

“ไอ้ฟ้า พอแล้วมึงอย่าโหด กูกลัว”

“โทษทีลืมตัว” สายฟ้ายิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะเรียนคาบสุดท้าย และแน่นอนจิตใจสายฟ้าลอยไปถึงที่แฮงเอาท์สำหรับคืนนี้แล้ว ส่วนเลคเชอร์ก็ยังคงเป็นหน้าที่ของเพื่อนซี้อย่างดรีม

“กูไม่เข้าใจมึงเลยจริง ๆ เรียนก็ไม่ตั้งใจเท่าไร ทำไมได้เกรดดีจังวะ กูถามจริง มึงเอาเงินซื้อเกรดเปล่าวะ” ดรีมกระซิบพึมพำ

“เรื่อง ของ กู” สายฟ้าพูดแบบไม่มีเสียงพร้อมกับหันหน้าหนีออกหน้าต่าง ปล่อยใจล่องลอยคิดถึงชายคนนั้น คนในฝันที่แทนตัวเองว่า ‘คุณรุจ’

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ