ตอนที่ 46คำตอบที่ค้างคาปรากฏอยู่ในแววตาของเขา

[ทิวากร - ทีม]

ใครบางคนบอกว่าความรักเป็นได้มากกว่าการครอบครอง ทิวากรเคยได้ยินคำนี้มาตลอดตั้งแต่เริ่มมีความรักครั้งแรก และแน่นอนว่าคำนิยามเกี่ยวกับความรักในแบบฉบับของเขาก็คือ การได้ครอบครองและได้รับความรักตอบกลับเท่านั้น !

การมอบความรักแก่ใครสักคนมีหรือที่จะไม่อยากได้ความรักตอบกลับ มีด้วยหรือคนที่เสียสละทุ่มเทความรักแต่คนผู้นั้นรับได้ที่คนที่เราเฝ้าทะนุถนอมมาแสนนานกลับตกเป็นของคนอื่นไป

สำหรับทีม เขาคงยอมไม่ได้ และคงไม่มีวันยอมเรื่องแบบนั้น

“เมื่อวานพี่ไทม์เทผมไปแล้ว งั้นวันนี้เราไปเที่ยวกันนะครับ” ทีมเอ่ยเสียงอ่อน ลากเก้าอี้พร้อมกับแทรกตัวลงด้านข้างของไทม์

เมื่อเดือนก่อนทิวากรเปิด IG Story ของไทม์เหมือนทุก ๆ วัน ทว่าสิ่งที่แปลกจากปกตินั่นคือในนั้นมีคำคมหวานเลี่ยนที่ใครเห็นก็รู้ได้ทันทีว่าไทม์กำลังอินเลิฟ และอีกไม่กี่วันความสงสัยของเขาก็เริ่มกระจ่างทันทีที่ไทม์โพสต์ภาพร้านเครื่องดนตรีพร้อมกับแท็กหาหนุ่มน้อยคนหนึ่ง สิ่งนี้ทำให้ทิวากรรู้แจ้งกระจ่างแก่ใจ แท้ที่จริงแล้วคงมีแต่เขาที่รอไทม์เพียงลำพัง มีเพียงเขาที่เฝ้าคิดถึงจนแทบเป็นบ้า

“พี่คิดว่าทีมกลับบ้านไปแล้วซะอีก” ไทม์มองหน้าคนมาใหม่อย่างงง ๆ แต่เขาก็ยิ้มต้อนรับคนมาใหม่ด้วยสายตาอ่อนโยนเฉกเช่นที่มีมาตลอด

“อันที่จริงก็พักที่รีสอร์ตนี้เหมือนกันครับ แต่พอดีเมื่อคืนแวะไปทักทายเพื่อนเก่ามา ก็แหม... เห็นพี่ไทม์หน้าดูเครียด ๆ ทีมเลยไม่อยากกวน” ทิวากรพูดพร้อมกับเสยผมที่ปรกหน้าแก้เก้อ ก่อนจะเขย่าแขนออดอ้อนรองประธานหนุ่มอย่างสนิทสนม

รัตติกาลขมวดคิ้วอย่างลืมตัว เขาเม้มปากแน่นอย่างลำบากใจ ขณะเดียวกันเขาชำเลืองสายตาไปทางสายชลที่กำลังจ้องอย่างรอคำตอบ ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจปฏิเสธทีมด้วยน้ำเสียงยะเยือก

“โทษทีนะทีม วันนี้พี่ไม่ว่าง...”

“อะไรกันครับ ทีมก็เห็นอยู่ว่าพี่ไทม์น่ะ... ว่าง” ทีมเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง พร้อมกับเลื่อนใบหน้าหวานเข้าใกล้จนคนที่มองอยู่อย่างสายชลทำตัวไม่ถูก

ทีม หรือทิวากร ชายหนุ่มวัย 23 ปี นอกจากมีใบหน้าหล่อฉบับพิมพ์นิยม ตากลมโต ผิวเนียนอมชมพู จมูกโด่งได้รูป หน้าหวาน ขี้เล่น และมีสเน่ห์แล้ว หากมองเผิน ๆ ทีมราวกับหนุ่มเกาหลี จึงเป็นที่หมายปองของคนรอบข้างอยู่เสมอ รอยยิ้มของเขาสดใสราวกับแสงแรกของอรุณรุ่ง ดวงตาเปล่งประกายของทีมมักจะสะกดสายตาชายหนุ่มได้แทบทุกคนยกเว้น ‘ไทม์’ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานกี่ปี ลึก ๆ ภายในใจทีมรู้แก่ใจเสมอว่าความปรารถนาดีที่มีให้เขานั้นไม่เคยเกินกว่าความเป็น ‘พี่น้อง’ ถึงอย่างนั้นทีมก็ไม่อยากยอมแพ้ ขอเพียงไทม์เปิดใจและให้โอกาสแก่เขาบ้าง

เมื่อสัปดาห์ก่อนประจวบเหมาะกับพ่อให้กลับมาเรียนรู้งานธุรกิจของที่บ้าน ทีมจึงใช้โอกาสนี้ย้ายกลับมาเรียนต่อปี 4 ที่เมืองไทย แม้ลำแสงแห่งความหวังของทีมจะริบหรี่ทีมก็อยากสู้เพื่อผู้ชายคนเดียวที่แอบชอบมาตลอด เขาก็ไม่อยากปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป ทว่าสิ่งที่เขาคิดมาตลอดกลับไม่ง่ายอย่างที่คาดหวัง

“ทีม” ไทม์เรียกเขาเสียงแข็ง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันยุ่งจนคนที่ถูกเรียกรับรู้ได้ถึงความตึงเครียดที่จะตามมา

“โอเค ผมไม่เซ้าซี้พี่ไทม์ก็ได้ครับ แต่ที่ผมมาวันนี้ก็แค่อยากเคลียร์เรื่องของเรา” ทีมสลับกลับไปมองยังสายชล เขาแสดงให้เด็กหนุ่มเห็นว่าเขาต้องการความเป็นส่วนตัว ส่งให้ลูกเจ้าของรีสอร์ตอย่างสายชลต้องถอนหายใจยาว

เมื่อ 3 ปีก่อน

ความสัมพันธ์ก่อนหน้าที่ไทม์จะเดินทางกลับมาที่เมืองไทย ไม่ว่าสายตาที่ใครต่อใครมองก็รับรู้ว่าทั้งคู่กำลังคบกัน และผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่เคยขัดข้องแม้เขาทั้งสองจะเป็นผู้ชายเหมือนกัน ทีมรู้สึกโชคดีที่ทั้งครอบครัวเขาและไทม์ต่างก็มีความคิดแบบคนสมัยใหม่ จึงไม่ทักท้วงหากพวกเขาจะตกลงปลงใจกัน

ไทม์รู้ดีว่าตนเป็นพื้นที่ปลอดภัยเดียวของทีม การที่ทีมได้อยู่เคียงข้างไทม์แทบตลอดเวลาอาจเป็นเพราะทั้งสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของพวกเขาสนิทสนมกัน นั่นทำให้ไทม์ดูแลทีมอย่างดีมาโดยตลอด

เกือบ 10 ปีที่ผ่านมา ไทม์ทั้งดูแลเอาใจใส่ คอยไปรับ-ส่งทีมอยู่เสมอ บางครั้งที่ทีมไปเที่ยวกับเพื่อนก็ได้ไทม์นี่ละที่มาคอยพากลับบ้าน แต่สถานะที่ไม่มีชื่อเรียกของทั้งสองส่งให้ทีมรู้สึกอึดอัดใจ กระทั่งเมื่อ 3 ปีก่อน คืนวันก่อนที่ไทม์จะเดินทางกลับเมืองไทย ไทม์แวะมาที่คอนโดมิเนียมของทีมเพื่อนำของขวัญวันเกิดล่วงหน้ามาให้เด็กหนุ่มอย่างที่เคยทำมาตลอด

“เดี๋ยวพี่ต้องกลับไปช่วยพ่อบริหารธุรกิจก่อนนะทีม เราอยู่ที่นี่ก็ดูแลตัวเองดี ๆ นะ”

“พี่ไทม์ยังไม่ไปไม่ได้เหรอครับ”

“ไม่ไปไม่ได้หรอกครับ เด็กดี…” ไทม์ลูบเรือนผมทีมอย่างเอ็นดู

“แล้วทีมจะอยู่ยังไง ?”

“ทีมก็อยู่ที่นี่ ตั้งใจเรียน ยังไงก็อยู่กับกลุ่มแพรววาก็ได้” ไทม์ไม่พูดเปล่า เขายังคงใช้ฝ่ามืออบอุ่นตบบ่าทีมแผ่วเบาอย่างปลอบประโลม

“งั้นเดี๋ยวทีมสละสิทธิ์มหาวิทยาลัยที่นี่ แล้วกลับไปเรียนที่ไทยดีกว่า”

“ทำแบบนั้นได้ยังไงล่ะ”

“ได้สิครับ พี่ไทม์ก็รู้ว่าทีมยังอยู่ที่นี่ก็เพราะพี่”

“ไม่ครับ ทีมอยู่ที่นี่เพื่ออนาคตของทีมเอง”

“แต่…” นัยน์ตาคนเด็กกว่าร้อนผ่าว หยาดน้ำตาเม็ดโตเอ่อรื้น ส่งให้คนที่กำลังสั่งลานึกกังวลจนรู้สึกลำบากใจ

“ไม่มีแต่ครับ”

รัตติกาลโน้มหน้าผากของเขาไปอิงกับศีรษะทีม มือทั้งสองข้างโอบที่เอวอย่างหลวม ๆ การกระทำเพื่อเป็นการปลอบใจของคนโตกว่านั้น ส่งผลให้ทิวากรรวบรวมความกล้าเพื่อถามสิ่งที่เขาค้างคาใจตลอดมา

“แล้วเรื่องของเรา…”

“เรื่องของเราทำไมครับ”

“พี่ไทม์อย่าแกล้งไม่รู้ว่าทีมรู้สึกกับพี่ยังไง”

“แต่เรื่องระหว่างเรามันไม่มีอะไรเลยนะทีม”

“มันจะไม่มีอะไรได้ยังไง… ที่ผ่านมาทีมก็มีแต่พี่ไทม์มาตลอด”

ไทม์ผละอ้อมกอดออกในขณะที่ทีมพยายามรั้งไว้ด้วยวงแขนของเขา หัวใจสั่นระรัวกลัวเหลือเกินว่าไทม์จะทอดทิ้งไปจริง ๆ

“ทีมรักพี่ไทม์นะ”

ทีมใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองใบหน้าคมเข้ม ส่วนวงแขนอีกข้างโน้มกระชับคอแกร่งเข้ามา ทีมฉวยโอกาสใช้กลีบปากอ่อนนุ่มส่งผ่านความรู้สึกรักของเขาผ่านรอยจูบด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มีให้ไทม์มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทว่าไทม์กลับผละจูบหวานนั้นออกอย่างไร้เยื่อใย แล้วถอยหลังออกจากทีมตามสัญชาตญาณ

“ทำไมอะ ที่ผ่านมาเราใจตรงกันไม่ใช่เหรอ ?”

“พี่ไม่เคยคิดกับทีมเกินกว่าพี่น้องเลยนะ”

“หึ พี่น้องเหรอ พี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไง ไอ้ที่ทำดีกับผมตลอด พาผมไปไหนมาไหน อยู่กับผมตอนที่ผมไม่เหลือใคร วันปีใหม่ วันวาเลนไทน์ วันเกิดก็เป็นพี่ไทม์ไม่ใช่เหรอครับที่อยู่ฉลองกับผมทุก ๆ ปี พี่น้องที่ไหนเขาทำแบบนั้นกัน ไหนจะพูดกับที่บ้านให้ผมเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่นี่กับพี่อีก และจะทิ้งผมไปง่าย ๆ แบบนี้หรือครับ” ทีมพรั่งพรูความรู้สึกออกมาพร้อมน้ำตา

ทีมพอรับรู้ได้ว่าสิ่งที่เขาคิดเหมือนจะไม่ตรงกับที่ไทม์คิด แต่ถ้าไทม์ไม่รู้สึกอะไรกับตน แล้วที่ผ่านมามันคืออะไร หรือไทม์เพียงสับสนตั้งตัวไม่ทันเท่านั้น !?

“ทีม… ใจเย็นก่อนนะ พี่ขอโทษที่ผ่านมาทำให้ทีมเข้าใจผิด ส่วนเรื่องเรียนน่ะ พี่เห็นว่าทีมอยากเรียนต่อที่สิงคโปร์ สุดท้ายแล้วมันก็เพื่ออนาคตของทีมเองนะ”

“อนาคตที่ไม่มีพี่ไทม์น่ะเหรอ ไม่เอาหรอก”

“พี่ก็ไม่ได้ไปไหนยังอยู่ตรงนี้ ยังเป็นพี่ชายของทีมเสมอนะ”

“นี่พี่คิดว่าผมอยากได้พี่ชายนักเหรอ ไม่เอาเว้ย พี่มีเยอะแล้ว” ทีมพูดเสียงกระแทกก่อนหันหลังหนีพลางใช้หลังมือปาดน้ำตาอย่างส่ง ๆ ไทม์โผเข้ากอดทีมอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบใจน้อง ทว่าทีมกลับผลักอกแกร่งออกอย่างขุ่นเคือง

“งั้น… ถ้าอยากได้พี่ชายคนนี้กลับคืนเมื่อไหร่ ทีมมาหาพี่ได้เสมอนะ”

“ไม่เอาแบบนี้สิพี่ไทม์ อย่าไปเลยนะ”

ไทม์คลี่ยิ้มแล้วหันหลังเดินไปที่ประตู แน่นอนว่าที่เขามาวันนี้ตั้งใจมาบอกลาทีมพร้อมกับให้ของขวัญวันเกิดล่วงหน้า แต่ไทม์ไม่คิดว่าทีมจะเซอร์ไพรส์เขากลับจนส่งให้เขาต้องพูดทำร้ายจิตใจน้องไปเช่นนั้น

“พี่ให้โอกาสผมหน่อยไม่ได้หรือไง อย่าตัดโอกาสผมแบบนี้เลย”

รัตติกาลยืนตรงบานประตูใหญ่พลางหันกลับมาคลี่ยิ้มบาง ส่งสายตาอ่อนโยนอย่างที่เขามอบให้แก่น้องตลอดมา “งั้นเดี๋ยวกลับเมืองไทยเราค่อยมาคุยกันนะ อยู่ที่นี่ก็ตั้งใจเรียนล่ะ” ชายหนุ่มพูดประโยคเหล่านั้นทำให้ทีมยอมเรียนต่อที่สิงคโปร์ด้วยความหวังว่าสักวันจะกลับไปหาเขาอีกครั้ง

สายชลลอบมองพฤติกรรมของทีมกับไทม์ด้วยความสงสัย ถึงเด็กหนุ่มอยากอยู่ตรงนี้เพื่อสังเกตความสัมพันธ์ระหว่างไทม์กับโจทก์เก่าคนนี้ ทว่าลึก ๆ ภายในใจสายชลยังเชื่อถ้อยคำที่ครั้งหนึ่งไทม์เคยบอกเขาว่า เรื่องระหว่างไทม์กับทีมเป็นเพียงพี่น้องที่สนิทกันเท่านั้น

“เอ่องั้น... ชลขอตัวก่อนดีกว่านะครับ” สายชลเอ่ยน้ำเสียงอ่อน พยักพเยิดหน้าเพื่อเป็นนัยยะให้ไทม์ได้พูดคุยกับทีมอย่างที่ทีมต้องการ ก่อนจะลุกจากโต๊ะอาหาร โดยตั้งใจเดินไปยังชายหาดรับลมทะเลอย่างที่เด็กหนุ่มชอบ

“บายครับ... น้อง” ทีมกระแทกเสียงแข็งพร้อมแสยะยิ้มอย่างคนที่ได้รับชัยชนะ ทั้งที่ลึก ๆ ในใจทีมก็รู้ดีว่าเขาแพ้ตั้งแต่เริ่มแล้ว ทว่าทีมก็ยังไม่อยากที่จะรามือจนกว่าจะมีสัญญาณบางอย่างให้เขารับรู้ได้ว่าเขาหมดหวังแล้วจริง ๆ

เมื่อไทม์เห็นสายชลถอนหายใจยาวรีบลุกออกจากโต๊ะอาหารทั้งที่วันนี้พวกเขาสัญญาจะไปเที่ยวด้วยกัน ชายหนุ่มเผลอกระชากข้อมือสายชลอย่างไม่ทันได้ยั้งมือกระทั่งสายชลเสียหลักล้มลงไปตรงหน้าขา ด้วยสัญชาตญาณของเจ้าของตัก เขาใช้วงแขนอีกข้างโอบรั้งเอวบางนั้นอย่างเอาแต่ใจท่ามกลางสายตาที่ตกใจของทีม

“เดี๋ยวก่อน อยู่ด้วยกันตรงนี้แหละ” ไทม์กระตุกยิ้มร้าย เขาวางคางมนลงบนลาดไหล่ของสายชลอย่างฉวยโอกาส

“แต่...”

“ทีมมีอะไรจะเคลียร์กับพี่ก็พูดได้เลย” ไทม์ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า เขาไม่อยากพูดอ้อมค้อมจึงได้แสดงให้ทีมได้เห็นชัดเจนว่า ความสัมพันธ์ของเขากับสายชลมีอะไรมากกว่าคนรู้จัก ทั้งที่ภายในใจของไทม์ก็สับสน… แต่เขาก็เป็นแบบนี้ ไทม์เลือกแสดงออกตามความรู้สึกมากกว่า

“นั่งตักกันแบบนี้ อย่าบอกนะว่า…”

แม้ทีมจะเอ่ยด้วยเสียงใสแต่ในใจของเขากลับรู้สึกเจ็บแปลบปวดร้าว การแสดงออกของไทม์แสดงให้ทีมเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเด็กคนนี้เป็นมากกว่าน้องทั่วไป เมื่อคิดเช่นนั้นความเจ็บยิ่งเสียดแทงใจของทีมจนใบหน้าร้อนผ่าว

“เด็กคนนี้... แฟนพี่ไทม์เหรอครับ”

ไทม์กับสายชลหันหน้ามามองกันอย่างเลิ่กลั่ก

“มะ… ไม่ใช่นะครับ” สายชลรีบโพล่งออกมาก่อนที่คนอื่นจะเข้าใจผิด

ในขณะที่ไทม์พูดสวนขึ้นมาทันควัน “ตอนนี้ไม่ใช่ แต่อีกเดี๋ยว... ไม่แน่”

“โอ้โฮ... พี่ไทม์แสดงออกแบบนี้ ทีมทำตัวไม่ถูกเลยนะครับ” ทีมแสร้งยิ้มทั้งที่นัยน์ตาแดงก่ำ

“ทีม... มีเรื่องอะไรจะเคลียร์กับพี่ล่ะ คุยมาได้เลยนะ”

“เอ่อเรื่องนั้น... ผมว่าผมได้คำตอบแล้วละ”

“งั้นเหรอ ? ทีมโอเคใช่ไหม”

ทิวากรยิ้มเจื่อนสนิท หน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด “ถามว่าโอเคไหมเหรอ ? ก็ไม่โอเคหรอกฮะ คนโดนทิ้งอะเนอะ… มันจะโอเคได้ยังไงล่ะ”

คำพูดของไทม์เมื่อ 3 ปีก่อนวนเวียนกลับเข้ามาในห้วงความคิด ทีมยังไม่ทันได้รับโอกาสเลยด้วยซ้ำ แต่กลับโดนเด็กหน้าจืดคนนี้คว้าหัวใจของไทม์ไปครองเสียแล้ว เขามองหน้าไทม์สลับกับเด็กคนนั้น

เป็นแบบนี้แล้วเขาจะยังสู้ต่อไปดีไหม หรือถ้าไม่สู้ก็ยิ่งแพ้ ? แต่สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนเขาจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ

“เอ่อ... งั้นเราชวนคุณทีมไปเที่ยวด้วยกันดีไหมครับ” สายชลเสนอ

“ร้อนแบบนั้นทีมเขาไม่ชอบหรอก”

“ไปฮะ ทีมไป”

ทีมรีบพูดโพล่งตอบรับ แม้แสงแห่งความหวังจะน้อยนิด แต่เขาก็รู้ดีว่าไทม์คือคนที่เขาอยากได้รับโอกาสนั้น

“ดูทำหน้าเข้าสิ แล้วเรารู้เหรอว่าพี่กับน้องสายชลจะไปไหนกัน”

“ไม่รู้ครับ แต่ถ้ามีพี่ไทม์อยู่ด้วยไปไหนก็ได้”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ฮะ ทีมสัญญาจะไม่ทำให้พี่ไทม์ลำบากใจ” ทีมยกมือชูนิ้วก้อยขึ้นมาแทนคำสัญญา เขากำลังฝืนยิ้มทั้งที่ในหัวใจเศร้าเกินทานทน

ไทม์เห็นสีหน้าทีมก็เกิดความกังวลใจ เขารู้ดีว่าทีมรู้สึกกับตนมากกว่าพี่น้อง และนี่ก็เป็นเดทแรกของเขากับน้องสายชล แต่เจ้าเด็กคนนี้กลับชวนทีมไปด้วย ‘ช่างเป็นเด็กที่ไม่คิดอะไรจริง ๆ’

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับพี่ไทม์ ไปหลาย ๆ คนสนุกดีออก...” สายชลพูดเสริมด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ก่อนจะพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ‘หวังว่าแบบนั้นนะครับ’

“ไปด้วยกันนะคุณทีม” สายชลสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดก่อนหันไปยิ้มหวานให้กับทีมอย่างจริงใจ

“น้องชื่อสายชลใช่ไหม พี่ชื่อทีมนะ ไม่ต้องเรียกคุณหรอก เรียกพี่ก็พอแล้ว”

“ครับ”

สายชลหันไปสบตาไทม์ก่อนจะแอบหยิกเข้าที่พุงของเจ้าของตักอย่างไม่เบามือ “ว่าแต่ปล่อยผมลงได้แล้วครับ”

“จะดิ้นทำไมล่ะ ดิ้นเป็นสาวน้อยไปได้ เห็นตัวเล็กแค่นี้ หนักอย่างกับแบกหมูทั้งตัว แล้วหยิกมาได้… เจ็บชะมัด”

“พี่ไทม์ว่าชลอ้วนเหรอครับ”

“อะไรกัน... พี่ไม่ได้พูดสักคำว่าน้องสายชล... อ้วน” ไทม์แสยะยิ้มร้ายกาจ เขาตั้งใจพูดแกล้งสายชลโดยเน้นคำว่า ‘อ้วน’ พร้อมกับหัวเราะหึในลำคอ

“เนี่ย พี่หลอกด่าผม”

“พี่ไม่ได้ว่าสักหน่อย ถ้าด่าต้องแบบนี้”

ไทม์ขยับตัวสบตาสายชลอย่างนึกสนุก พลางดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้มก่อนจะเอ่ยแซวด้วยเสียงวางมาด “เด็กอะไรตัวก็เตี้ย แก้มก็ใหญ่ พุงก็พลุ้ย หน้าตาก็งั้น ๆ ไม่ได้เรื่อง”

“นะ… นี่ พี่ไทม์”

“แต่ที่เป็นแบบนี้ มันก็สมกับเป็นน้องดีนะ” ไทม์พูดเสียงอ่อนโยนพร้อมกับเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้สายชลอีกครั้ง

“เอ่อ ยังมีผมอยู่ตรงนี้อีกคนนะครับ” ทีมมองด้วยสายตาเอือมระอา

“งั้นเดี๋ยวให้น้องสายชลเล่าแพลนเที่ยววันนี้แล้วกันนะ”

“ได้เลยครับ” ทีมคลี่ยิ้มรับทั้งที่ในใจก็พอได้คำตอบของเรื่องนี้ดีแล้ว แต่อย่างน้อยวันนี้เขาก็ขอเก็บความทรงจำสุดท้ายก่อนที่จะมูฟออนก็แล้วกัน !!!

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ