ตอนที่ 13บาร์บีคิวร้อนซ่อนเรา !?

[สายชล]

ภายในโคเวิร์กกิ้งสเปซที่มีนักศึกษาและหนุ่มสาววัยทำงานประปรายบรรยากาศเย็นฉ่ำด้วยเครื่องปรับอากาศ เสียงเพลงคลอทำให้ทุกอย่างดูลงตัวไม่ต่างจากหนังฉากรักน้ำเน่า เสียงหัวใจเต้นดังตึกตักที่ตอนนี้สายชลเองก็แยกไม่ออกเหมือนกันว่า เป็นเสียงหัวใจของเขาเองหรือเป็นเสียงหัวใจของพี่ไทม์ ผู้ชายใบหน้าคมเข้มดวงตาสีเทาอมน้ำเงินตรงหน้า ยามที่ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันเผยให้เห็นแววตาที่แสนอบอุ่น ลมหายใจร้อน ๆ ทำให้สายชลตื่นเต้นจนแทบอยากจะล่องลอยออกไปกับปุยเมฆ

อันที่จริงแล้วสายชลก็ไม่รู้จะตอบพี่ไทม์ยังไง จึงเลือกที่จะจูบปิดปาก เพื่อบ่ายเบี่ยงคำถามจากพี่ไทม์ จะให้เขาบอกว่า ‘ผมไม่ได้หายไปไหนนานนะ ผมก็แค่วาร์ปกลับไปเวลาเดิม แล้วตอนนี้ผมก็ข้ามเวลากลับมาแล้ว’ …แบบนี้เหรอ ? เขาคิดว่าพี่ไทม์ต้องพาเขาไปโรงพยาบาลเพื่อเช็กประสาทแทนที่จะพาไปปาร์ตี้บาร์บิคิวเย็นนี้แน่ ๆ

“เอ่อ เค้กไหมครับ ร้านนี้อร่อยจริงด้วย” สายชลผลักพี่ไทม์ออกอย่างเบามือแล้วพูดสวนขึ้นมาอย่างเขินอาย

“น้องชลกินเลยครับ พี่นั่งมองน้องกินก็อิ่มแล้ว”

“จะอิ่มได้ไงครับ”

“ก็อิ่มใจ… ยังไงล่ะ” ไทม์พูดเสียงหวานพร้อมกับสบตาคนเด็กกว่าจนสายชลเขินทำตัวเลิ่กลั่ก

“ผมว่าเราไปเล่นเกมเพลย์ไหม ตอนเดินเข้ามาเห็นอยู่ด้านใน”

“เอ่อ แต่พี่เล่นไม่ค่อยเก่งนะ”

“มาเหอะน่า เดี๋ยวน้องสอนเอง”

กว่าชั่วโมงที่คนทั้งสองใช้เวลาด้วยกันด้วยความคิดถึง ราวกับว่าได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง จนเข็มนาฬิกาบอกเวลา 17.15 น.

“น้องชล พี่ว่าเรากลับกันดีกว่า”

“ว้า ต้องไปแล้วเหรอครับ”

“เดี๋ยวค่อยมาเที่ยวกันใหม่นะเด็กดี” ไทม์พูดด้วยความเอ็นดู มือหนาลูบผมคนตัวเล็กอย่างทะนุถนอม สายชลหันมายิ้มหวานพร้อมกับเดินไปหยิบกระเป๋า

เนื่องจากเป็นเวลาเลิกงาน ช่วงเย็นการจราจรค่อนข้างแออัด จุดหมายอยู่ห่างออกไปเกือบ 2 ชั่วโมง ในที่สุดก็มาถึงแถวย่านบางนา บ้านของราเชนทร์เพื่อนคนสนิท และยังพ่วงตำแหน่งมือขวาของไทม์

“ไงมึง มาซะมืดเลยนะ” เชนตะโกนทักอย่างไม่ใส่ใจนักขณะกำลังพลิกบาร์บิคิวสีสวย กลิ่นหอมน่ากิน

“ชลนั่งแถว ๆ ริมสระก็ได้นะ เดี๋ยวพี่ช่วยไอ้ถึกนี่ก่อน” พี่ดรีมพูดพลางสาละวนอยู่กับกล่องบาร์บิคิวและกุ้งเผา

ผมเดินไปที่ริมสระน้ำขนาดใหญ่ที่จัดไว้ไม่ต่างจากโรงแรม บรรยากาศช่วยให้ผ่อนคลายเอามาก ๆ ผมพับขากางเกงหย่อนขาเรียวลงสระอย่างช้า ๆ น้ำที่เย็นเฉียบพาลให้ผมสะดุ้งจนคนที่มาด้วยกันแอบถ่ายรูปตอนผมเผลอ ต้องเป็นภาพที่น่าเกลียดแน่ ๆ เพราะผมทำหน้าเหยเก ให้ทำไงได้ล่ะก็น้ำมันเย็นนี่นา

“พี่ไทม์ไหนดูซิถ่ายอะไร”

“ถ่ายแมวกลัวน้ำไงครับ”

“อะไรกัน ใครว่าผมกลัวน้ำ”

“พี่ไม่ได้ว่าชล พี่บอกแมวนะ”

“งื้อ แต่นี่มันรูปผมนะ”

“อยู่ในเครื่องพี่ ไม่รู้แหละพี่ไม่ลบ” ไทม์พูดด้วยเสียงหยอกเย้า

สายชลเอื้อมมือบางอย่างถือวิสาสะหยิบโทรศัพท์ของไทม์ จนเสียหลักประชิดตัวเข้ากับไทม์ ทั้งคู่สบตาหวานซึ้งเหมือนกับว่าโลกทั้งใบมีแค่เราสองคน

“กลิ่นบาร์บิคิวใช่ไหม หอมจังเลย” ซันตะโกนเสียงดังจนทำให้คู่ที่กำลังจ้องตากัน ผละออกจากกันโดยฉับพลันจนคนตัวเล็กเสียหลักอีกครั้ง

ตู้มมม !!!!!

“เฮ้ย ชล สายชลนี่นา” ซันร้องเอะอะลั่นบ้านเมื่อเห็นสายชลตกน้ำต่อหน้าต่อตา

ทั้งไทม์และซันต่างก็กระโจนลงน้ำเพื่อช่วยสายชล

“อ้าวอยากเล่นน้ำก็ไม่บอก” เชนตะโกนแซวทั้งสามคนที่อยู่กลางสระ

“ไม่เปลี่ยนชุดกันก่อนเลยเหรอ” ดรีมเสริมพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคัก สร้างความอับอายให้แก่ผู้อยู่ในสระเป็นอย่างมาก

“เอ่อ ทั้งสองคนกระโดดลงมาทำไมครับเนี่ย” สายชลพูดด้วยรอยยิ้ม

ขณะที่สายชลเอามือเสยผมเปียกอย่างทำตัวไม่ถูก เผยให้เห็นอีกมุมหนึ่งของคนตัวเล็กที่ปกติดูน่ารัก แต่วันนี้แลดูเย้ายวนไม่น้อย จนทำให้ไทม์ที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว

“ซันลงมาช่วยชลอะ”

“ขอบคุณนะซัน ไม่เป็นไรหรอกเราโอเค ว่าแต่ซันเหอะมาทำอะไรที่นี่เหรอ ?”

“อ๋อ…” ซันเอามือลูบท้ายทอยแก้เขิน

“ซันเป็นน้องชายเชนน่ะ” ไทม์พูดสวนขึ้นมาด้วยเสียงนิ่งขรึม มองซันด้วยสายตาไม่เป็นมิตร

“เออใช่ ซันเคยบอกเราแล้วนี่เนอะเราก็ลืมไปเลย” สายชลยิ้มอย่างใสซื่อ

“ไหน ๆ ก็เปียกแล้วเล่นน้ำกันไหม” สายชลพูดแล้วพลางถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกเผยให้เห็นผิวขาวเนียน แม้จะมีเสื้อกล้ามสีขาวอยู่แต่ทว่ากลับยิ่งทำให้คนตัวเล็กดูเร่าร้อนกว่าไฟบาร์บิคิวซะอีก

“จะถอดทำไมสายชล” ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงเข้มราวกับผู้ปกครองดุเด็กน้อย

“อ้าวพี่ไทม์ ดุชลทำไม ชลเขาก็แค่ถอดเสื้อนอกไม่โป๊สักหน่อย” ซันโพล่งขึ้นมาด้วยความอยากปกป้องสายชล

“อื้มใช่ ๆ” สายชลพยักหน้าเห็นด้วยกับซัน พร้อมกับเล่นสงครามน้ำใส่กันทำให้ละอองน้ำกระจายไปทั่ว

“พี่ไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” ไทม์พูดโดยที่ไม่รอฟังสายชลเรียกเดินหน้าตึงไปยังเพื่อนสนิทที่กำลังย่างบาร์บิคิว

“เชน กูยืมชุดหน่อยนะ”

“เออ เลือกเอาอยู่ในตู้เสื้อผ้า” เชนพูดพลางทำสีหน้างงกับอารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ ของเพื่อนซี้

“ทั้งที่สายชลก็อยู่ตรงนี้แล้ว มันเป็นบ้าอะไรวะ” เชนพูดพร้อมกับหันหน้าไปทางดรีม

“กูก็อยู่กับมึง กูจะไปรู้ไหม” ดรีมพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“หงุดหงิดอะไรเบบี๋ ให้พี่ช่วยไหมครับ” เชนก้มไปกระซิบข้างหูดรีม แกล้งพ่นลมหายใจร้อนใส่คนหน้าหวาน

“เบบี๋พ่อง กูลงไปเล่นน้ำกับน้อง ๆ ดีกว่า” ดรีมถอดเสื้อฮาวายตัวโคร่งเผยให้เห็นผิวเนียนสีน้ำผึ้ง ลอนกล้ามบาง ๆ ทำให้ดูเซ็กซี่ แม้ว่าดรีมจะมีโครงหน้าหวาน แต่ขัดกับบุคลิกห้าวโผงผาง

“หนาวชะมัดเลยเนอะพี่ดรีม” สายชลขึ้นมานั่งเล่นข้างริมสระหลังจากเล่นน้ำจนเหนื่อยอ่อน พี่ดรีมก็ยกบาร์บิคิวมาให้คนเด็กกว่า เพื่อที่จะนั่งกินด้วยกัน

“หนาวเหรอชล เดี๋ยวซันไปเอาผ้าขนหนูมาให้นะ”

“เอ่อ… ไม่เป็นไรหรอกซัน” สายชลตะโกนตามหลังซันที่เดินกึ่งวิ่งเข้าบ้านไป

“ไอ้นี่ ลุกลี้ลุกลนชะมัด” ดรีมพูดลอย ๆ

“นั่งด้วยนะ” ราเชนทร์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ก็บ้านมึงไหม จะนั่งตรงไหนก็ได้” ดรีมตอบด้วยน้ำเสียงยียวน พร้อมกับกระชากแขนเจ้าของบ้านที่กำลังจะนั่งลงข้างสระ ให้ลงไปรับความชุ่มฉ่ำในสระว่ายน้ำ

ตู้มมมมม !

“จะลงไปนั่งกลางน้ำแบบนี้ก็ได้” ดรีมพูดพลางขำด้วยความสนุก แต่ไม่ทันระวังเจ้าตัวก็โดนเจ้าของบ้านดึงขาลงไปในสระน้ำด้วย

สายชลที่นั่งมองก็เผลออมยิ้มที่พี่ทั้งสองคนทำตัวเป็นเด็ก มือพลางหยิบบาร์บิคิวแล้วมองท้องฟ้า เอ๊ะ วันนี้ท้องฟ้าโปร่งมีดาวด้วยแฮะ ถึงแสงในเมืองจะมากจนกลบแสงดวงดาวจากบนท้องฟ้า แต่ก็พอให้เห็นแสงอ่อน ๆ จู่ ๆ ก็นึกถึงทะเลแฮะ อย่างว่าแหละ เรามันลูกทะเลจะสุข จะเหงา หรือเศร้าก็คิดถึงทะเล

ระหว่างที่สายชลกำลังนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ ไทม์เดินมาด้านหลังพร้อมผ้าขนหนูผืนใหญ่หนานุ่มที่ถูกกางออกแล้วค่อย ๆ คลุมให้ความอบอุ่นแก่คนตัวเล็ก

“สายชล… ซันเอาผ้าขนหนูมาให้แล้ว”

“เอ่อ คือเราเพิ่งได้ผ้าจากพี่ไทม์เองอะ”

“อ้าวเหรอ” ซันทำหน้าหงอย

“เอามาปิดขาก็ได้ซัน เราใส่ขาสั้นอากาศมันเย็น” สายชลยื่นมือรับผ้าขนหนูจากซัน ส่งผลให้ซันยิ้มหน้าระรื่น

“โห น่ากินจังเลย ซันกินด้วยสิ”

“เอาสิ”

“ทำไมไม่ไปเอาใหม่เอง โน่น ตรงนั้น” ไทม์พูดด้วยความหงุดหงิด

“ชิ พี่ไทม์ขี้งก ของตัวก็ไม่ใช่ไปเอาใหม่ก็ได้” ซันพูดแล้วเดินไปที่เตาย่างบาร์บิคิว

“พี่ไทม์ทำไมถึงหงุดหงิดล่ะครับ”

“ก็เปล่านะ ไม่ได้เป็นอะไร”

“หึ ไม่จริงอะ พี่ดูหงุดหงิดตั้งแต่เข้ามาแล้วนะ”

“ไม่รู้สิ ชลอะคิดมาก”

“ชอบหมูหรือไก่ครับ” สายชลหยิบบาร์บิคิวขึ้นมาทั้งสองมือ โดยมือขวาเป็นไก่ ส่วนมือซ้ายเป็นหมูแล้วยิ้มอย่างน่าเอ็นดู

“ชอบหนูครับ” ไทม์พูดพลางชี้ไปที่เจ้าของบาร์บิคิวทั้งสองไม้

“ชล… เอาน้ำโค้กไหม” ซันตะโกนเรียกเสียงดังจนสายชลหันไปทำหน้าดุใส่

“ซันไม่ต้องตะโกนก็ได้ อยู่กันแค่นี้เอง” สายชลมองด้วยใบหน้าบึ้งตึง

“จ้า จ้า ซันจะเป็นเด็กเรียบร้อยแล้ว จริง ๆ นะ”

“อย่างซันอะทำไม่ได้หรอก อย่างกับลิง” เชนตะโกนแซวคนน้อง

“ว่าไงครับพี่ไทม์เอาไม้ไหนดี ไก่หรือหมู” สายชลพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ไม้ไหนก็ได้ครับ ถ้าน้องชลป้อนก็อร่อยอยู่แล้ว”

“เอาแบบนั้นเหรอครับ” คนตัวเล็กถามด้วยความเขิน

“แบบนั้นแหละครับ” ไทม์ก้มลงไปงับบาร์บิคิวในมือคนน้อง แล้วช้อนตามองคนตัวเล็ก มือหนาปัดผมที่ปรกหน้าของสายชลออก

“ปกติปาร์ตี้กันบ่อยไหมครับ” สายชลเอ่ยขึ้นกลางวงสนทนา ทั้งเชน ดรีม ไทม์ และซันต่างก็มองหน้ากันไปมา

“เออ จะพูดไงดี นี่ครั้งแรก”

“ปกติพี่ ๆ เขาไม่ค่อยมีทติ้งกันหรอกชล พอดีว่าเกรงใจคุณสายฟ้าน่ะ” ซันเสริม

“อ้าวเหรอเห็นสนิทกัน” ชลพูดพลางเกาหัวแกรกด้วยความสงสัย

“ว่าไปว่ามาแล้ว… ชลหน้าคล้ายคุณสายฟ้ามากเลยนะ รู้ตัวไหม ?”

“…” สายชลยิ้มพลางยกน้ำส้มดื่มแก้เขิน

ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์แผดร้องจนเจ้าของเครื่องต้องรีบกดรับ

“เออเนี่ย ว่าแล้วไอ้สายฟ้าโทร.มาพอดีเลย” ดรีมพูดพลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะหันมาทางทุกคนแล้วทำมือบอกใบ้ให้คุยเสียงเบา ๆ กันสักหน่อย

“ว่าไงมึง”

[อยู่ไหนเนี่ย]

“ไง ไปทำงานต่างจังหวัดแค่วันสองวัน คิดถึงกูละไง ?”

[สัตว์ อย่ามากวนตีน กูถามว่าอยู่ไหน] สายฟ้าขึ้นเสียงกรอกลงโทรศัพท์

“กูไม่ใช่เมียมึงจะโทร.มาเช็กทำไมวะ”

[แดกเหล้ากัน เซ็ง ๆ]

“อ้าว ละงาน…”

[เลิกกองตั้งแต่บ่าย 2 แล้ว เนี่ยกูอยู่สุวรรณภูมิ]

“งั้นเดี๋ยวกูออกไปหา จะแดกที่ไหนล่ะ”

เสียงหัวเราะคิกคักแทรกเข้าไปยังโสตประสาทหูของสายฟ้า

[อยู่กับคุณราเชนทร์เหรอ] สายฟ้าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า

“อะ เออ”

[ส่งโลฯ มาสิ]

“มึงจะมาเหรอ แต่ว่ามีเอ่อ…”

[ทำไม กูจะไปตี้ด้วยไม่ได้เหรอ พูดมากวะมึงเนี่ย ส่งโลเคชั่นมา แค่นี้ล่ะ เจอกัน บาย]

ตู๊ดดดด…ตู๊ด

ดรีมยืนนิ่งอึ้งสักพักจนทุกคนมองด้วยสายตาเป็นห่วง ไม่ทันได้ทำตัวดราม่าอย่างพระเอกเอ็มวี...

ติ๊ง ติ๊ง เสียงแจ้งเตือนไลน์ดังขึ้น

ThundeR : Location ?

ดรีม ดนัย : Hold on a sec.

“เอ่อ ทุกคนครับ” ดรีมพูดขึ้นในขณะที่ทุกคนหันหน้ามามองด้วยความแปลกใจในท่าทีเลิ่กลั่กของคนตรงหน้า

“เป็นอะไรหรือเปล่า” เชนเอ่ยถาม

“คือ สายฟ้าขอมาด้วยได้เปล่า” ดรีมพูดพลางปาดเหงื่อที่ผุดบาง ๆ ที่ไรผม

“ทำไมจะไม่ได้ มาสิคนกันเองทั้งนั้น ใช่ไหมไทม์” เชนเลิกคิ้ว หันไปทางไทม์ที่กำลังพยักหน้าเห็นด้วย ส่งผลให้ดรีมพ่นลมออกจากปากด้วยความสบายใจ

“ถ้าเพื่อนเรามาแล้ว ทุกคนจะไม่อึดอัดใช่ไหม” ดรีมพูดด้วยน้ำเสียงกังวล

“พวกเราอะไม่มีปัญหาหรอกพี่ดรีม ถ้าคุณสายฟ้าเขาโอเคที่จะมา ผมว่ามันก็เป็นเรื่องที่ดีนะครับ จะได้สนิท ๆ กันไง” ซันกล่าวเสริม

“แหม ซันนี่อัธยาศัยดีนะ สมกับตำแหน่งสื่อสารองค์กรจริง ๆ” สายชลยิ้มแซวซัน โดยไม่ทันเห็นสายตาที่ไม่พอใจของไทม์ ผิดกับเชนและดรีมที่เห็นคนปากแข็งมองคนด้วยเล็กด้วยอาการควันออกหู พานให้ดรีมรู้สึกเริ่มปวดหัวตุ้บ ๆ

“มึงว่าวันนี้จะมีมาม่าไหมวะ” ดรีมกระทุ้งศอกชวนเชนคุย

“มาม่าอยู่ในครัว ยังไม่อิ่มเหรอ” เชนพูดเสียงนิ่งตั้งใจจะกวนประสาทดรีมให้ไม่เครียดจนเกินกว่าเรื่องไป

“ไอ้สัตว์นี่” ดรีมสบถ

“เออ ก็แค่กวนเฉย ๆ เวลาคุณดรีมหงุดหงิดเซ็กซี่เป็นบ้า”

“ไอ้ห่านี่ ไป ๆ มา ๆ วกเข้าเรื่องใต้สะดือตลอดเลยนะมึง”

“แล้วชอบไหมล่ะ…” เชนพูดหยอดพร้อมกับส่งสายตาหวานเยิ้ม

“ไอ้คนหลงตัวเอง” ดรีมพูดทิ้งท้ายแล้วเบี่ยงตัวไปหาสายชล

ไม่นานนัก เสียงบิ๊กไบก์ก็มาจ่อหน้าประตูหรู พร้อมกับชายหนุ่มหน้าหวานแต่ดูสุขุม เซ็ตผมเปิดหน้าใส่เสื้อหนังสีดำเป็นมันวาว ค่อย ๆ ถอดเสื้อคลุมออกพาดไว้ที่แขนแกร่ง ผิวขาวอมเหลืองสวมเสื้อแขนกุดลายเสือดูดุดัน เผยให้เห็นแขนล่ำที่มีกล้ามเนื้อแน่นได้รูป แสงจากโคมไฟริมสระน้ำสะท้อนหมุดสีเงินวับที่ตอกเต็มเสื้อสีดำ ทำให้คนมาใหม่เป็นจุดสนใจ ถึงแม้ใบหน้าจะคล้ายกับสายชลมาก แต่ทว่าทั้งบุคลิก ส่วนสูง และที่สำคัญสายตาไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย

“ไงมึง วันนี้มาช้านะ” ดรีมทักคนมาใหม่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“รถติดฉิบหาย ถนนทำไม่เสร็จสักที กะจะรอลูกกูบวชก่อนมั้งถึงจะทำเสร็จ”

“ลูกมึง ? หาเมียได้แล้วเหรอไง” ดรีมแซว

“ไอ้สัตว์นี่ กวนตีนกูนะ” สายฟ้าขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ยกเท้าขึ้นทำท่าจะไล่ถีบดรีม

“สวัสดีครับคุณสายฟ้า มานั่งด้วยกันสิ” ราเชนทร์เอ่ยทักคนมาใหม่ด้วยใบหน้ายิ้มอย่างเป็นมิตร

“เอ่อ สวัสดีครับทุกคน ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” สายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงขรึม ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วก้มหัวเป็นการทักทาย

รัตติกาลที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ราเชนทร์ โดยมีสายชลนั่งเยื้องถัดไป ทำทีท่าจะลุกขยับเพื่อที่จะให้คนมาใหม่ได้มีที่นั่ง

“ไม่เป็นไร นั่งไปเถอะเดี๋ยวกูนั่งตรงโน้นก็ได้” สายฟ้าชี้ไปข้าง ๆ สายชลที่กำลังหันหลังไปหยิบผลไม้ แล้วพูดกับไทม์ด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง ต่างกับทุกครั้งที่แทบจะเรียกได้ว่าฟาดงวงฟาดงาทุกครั้งที่เจอกัน

“ไม่ทราบว่าเจ้าของบ้านพอจะมีแอลกอฮอล์มากระแทกปากสักหน่อยไหมครับ” สายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงอย่างสบาย ๆ

“เตรียมไว้ให้แล้วละ ตอนแรกมีแต่เด็ก ๆ เลยกะจะไม่ดื่ม ดีเลยที่คุณสายฟ้ามาอยากดื่มเหมือนกันครับ” ราเชนทร์พูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ ต้อนรับในฐานะเจ้าบ้านที่ดี

“เอ่อ เรียกสายฟ้าเฉย ๆ ก็ได้ครับ ไม่ต้องคุณหรอก จริง ๆ เราก็คนกันเองบริษัทผมได้งานใหญ่ ๆ จากคุณเชนตั้งหลายงาน” สายฟ้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

“ผมแค่หุ่นเชิดน่ะ คนนั้นโน่น... คนอนุมัติ” เชนพยักพเยิดไปทางไทม์ที่นั่งตรงข้ามสายฟ้า

“เอาเป็นว่าแก้วนี้สำหรับคำขอบคุณนะครับ” สายฟ้ากล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“เอ้า ชนสิครับรออะไรกัน” ซันเสริมด้วยน้ำเสียงร่าเริง

หมดแก้ว หมดแก้ว…

แกร๊ง เสียงแก้วใบใสกระทบกัน ชายหนุ่มทั้ง 6 คน ต่างยิ้มให้กันจนกระทั่งแก้วของสายฟ้ากระทบกับสายชล

“เอ่อ ขอโทษครับ” สายชลพูดพลางเอาทิชชู่เช็ดที่แขนของสายฟ้า

สายฟ้ามองหน้าคนตัวเล็กตรงหน้าราวกับเวลาหยุดหมุนไป

“เหมือน เหมือนมาก” สายฟ้ารำพึงรำพัน

“…” สายชลเสยผมแก้เขิน

“เออ เจอกันสักทีเนอะมึงสองคนเนี่ย” ดรีมพูดขึ้น ทำให้สายฟ้าหลุดออกจากภวังค์

“น้องสายชลใช่ไหม พี่สายฟ้านะครับ ได้ยินเรื่องของสายชลจากดรีมแล้ว พี่อยากคุยกับน้องเยอะแยะเลย” สายฟ้าพูดพลางขมวดคิ้วมองสายชล

“ผมก็มีเรื่องจะคุยกับพี่สายฟ้าเยอะเหมือนกัน” สายชลพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง

“งั้นวันนี้นอนบ้านผมกันทั้งหมดนี่ละเนอะ บ้านตั้งใหญ่ผมอยู่กับซันแค่ 2 คนเอง” ราเชนทร์พูดแทรกขึ้น

“โอเคไหมชล นอนบ้านเรานะ มาบ่อย ๆ ก็ได้นะ บ้านพี่ของซันพร้อมต้อนรับชลเสมอ” ซันพูดด้วยใบหน้าระรื่น

“ให้มันน้อย ๆ หน่อย” ราเชนทร์ดุคนน้อง

“น้องชลปากเลอะเทอะจังเลย พี่เช็ดให้นะ” ไทม์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

“ครับ” เด็กหนุ่มยิ้มหวานยื่นหน้าไปให้คนตรงหน้า

จู่ ๆ สายฟ้าก็ดึงสายชลมาทางตน แล้วหันไปทำหน้าดุใส่รัตติกาล

“ไม่ต้อง เดี๋ยวกูเช็ดให้สายชลเอง” สายฟ้าพูดด้วยเสียงเกรี้ยวกราด

“ไหน… เออ เลอะจริง ๆ ด้วย มึงนี่นะกินเป็นเด็ก ๆ เลย” สายฟ้าเช็ดอย่างเบามือด้วยความเอ็นดู

“จะว่าไปแล้วสายฟ้ากับชลดูสนิทกันดีเนอะ บอกว่าเป็นฝาแฝดก็เชื่อนะครับเนี่ย” ซันพูดด้วยน้ำเสียงแฝงด้วยความสงสัย

คนที่ถูกกล่าวถึงต่างก็มองหน้ากันพลางขมวดคิ้วแน่น สายตาที่สอดประสานสบกัน ภายในใจต่างก็รู้สึกได้ว่ามีกระแสความผูกพันอย่างที่ไม่อาจเอ่ยเป็นคำพูดออกมาได้ รู้สึกเหมือนเคยเจอกัน แต่ความเป็นจริงแล้วเท่าที่ความทรงจำทั้งหมดนึกเท่าไรต่างคนก็ได้คำตอบที่เศร้าลึก ๆ ว่า พวกเขาไม่เคยเจอกัน

เรื่องระหว่างพวกเขาสองคนมีอะไรบางอย่างที่ยังไม่รู้อยู่กันแน่ หรือช่วงเวลาในวัยเด็กทั้งหมดที่เขาจำแทบไม่ได้ เลือนรางราวกับความฝันมันจะมีอะไรซ่อนเร้นอยู่กันแน่

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ