ตอนที่ 15สายสัมพันธ์เชื่อมใจ

ภาพนักศึกษามหาวิทยาลัยถูกรถชนเลือดสีแดงฉานที่กระจายอยู่กลางถนน เสื้อนักศึกษาสีขาวที่แปดเปื้อนไปด้วยเลือดสด ๆ ใช่แล้ว ภาพของผมที่ประสบอุบัติเหตุในห้วงเวลาที่ผมจากมา ทว่าเหตุการณ์ที่พี่สายฟ้าบอกไป มันก็อีกราว 6 เดือนเห็นจะได้ ถ้าผมรู้แบบนี้แล้วเลี่ยงไม่ไปที่นั่นวันนั้น ผมยังจะตายอยู่อีกไหม ?

ผมรู้สึกเหมือนสติสายตาพร่า เหงื่อบางผุดตามกรอบหน้าผมรู้สึกแทบจะแน่นิ่ง จนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นดัง ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ ตุ้บ เกิดคำถามมากมายขึ้นในใจ นี่ผมต้องตายจริง ๆ ใช่ไหม ไม่ได้ ผมจะตายไม่ได้ ถ้าผมตายแล้วคุณแม่จะเป็นยังไง ใครจะดูแลจีโน่แมวสุดที่รักของผมกัน ผมหลับตาคิดสับสนว้าวุ่นใจแล้วเอื้อมไปหยิบกล่องดนตรีของผม มือบางพลางไขลานฟังเสียงใสกังวาน นั่งมองกระต่ายน้อยใส่เอี๊ยมเพลิน ๆ แปลกดีนะ รอบนี้กล่องดนตรีของผมที่เป็นของผมจริง ๆ ติดมือมาด้วย

“ทำไมตื่นเช้าล่ะ” สายฟ้าเช็ดผมพลางปรายตาถามคนเด็กกว่าที่นอนเล่นบนที่นอนขนาดควีนฟุต

“ไม่ค่อยสบายใจอะพี่สายฟ้า”

“หึ…”

สายฟ้าสวมเสื้อยืดสีดำแขนสั้นอย่างลวก ๆ แล้วเดินมานั่งข้างคนตัวเล็กกว่า แล้วจ้องมองด้วยสายตาอ่อนโยน

“ไม่สบายใจเรื่องอะไร ควายน้อยของพี่ฟ้า” คนหน้าตาเหมือนกันราวกับแกะ เอื้อมมือหนามาลูบหัว ถึงแม้ว่าจะค่อนข้างหนักมือคล้ายจะแกล้ง แต่กลับแสดงออกอย่างอ่อนโยน

“ผมไม่อยากกลับไป ผมไม่อยากตาย”

สายฟ้ามองคนเด็กกว่าอย่างคิดไม่ตก

“ถ้าผมกลับไปเวลาของผม พี่ว่าผมจะแก้ไขเรื่องราวได้ไหม” สายฟ้าพูดด้วยนัยน์ตาหดหู่

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“เข้ามาเลย ไม่ได้ล็อค”

“ไงมึง เมื่อคืนเป็นไง” สายฟ้ายักไหล่ทักดรีมด้วยสายตายียวน

“ก็ไม่ไง” ดรีมลูบท้ายทอยแสร้งทำสีหน้าปกติ

“กูมีเรื่องสำคัญของมึงกับน้องชลจะบอก เดี๋ยวลงไปคุยพร้อมกันข้างล่างนะ”

“คุยตอนนี้เลยไม่ได้หรือไง”

“รายละเอียดอยู่กับเชนมัน เอาเป็นว่า...”

ดรีมมองไปที่สายชลที่เกาหัวยุ่งเหยิง

“ชลไปอาบน้ำแต่งตัว แล้วลงไปกินข้าวเช้าด้วยกันนะ เดี๋ยวพี่กับไอ้ฟ้ารอข้างล่าง”

“โอเคครับ”

ขณะที่สายชลอาบน้ำอยู่นั้นก็เผลอใจลอยนึกถึงเรื่องที่พี่ดรีมเพิ่งพูดไปเมื่อตะกี้

เรื่องของเขากับพี่สายฟ้ามันจะเป็นเรื่องอะไรนะ มีอะไรที่แย่ไปกว่าการเห็นภาพตัวเองโดนรถชนปางตายอีกเหรอ สายชลจิตใจบอบช้ำมากจนรู้สึกแทบจะไม่มีแรงฟังอะไรทั้งนั้น เขาปล่อยให้ละอองน้ำค่อย ๆ สาดมายังแผ่นอก หน้าท้อง และไหลลงพื้นอยู่เนิ่นนาน ถ้าทุกอย่างไม่ใช่เรื่องจริงและเป็นแค่ความฝันก็คงจะดีสินะ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก น้องชล

ผมสะดุ้งตัวโยน หลุดออกจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงพี่ไทม์ผมรีบหยิบผ้าขนหนูสีขาวมาพันรอบสะโพกอย่างรีบร้อน

เวรแล้วลืมเอาเสื้อเข้ามา…

ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมา ประชันหน้ากับพี่ไทม์เข้าอย่างจัง

“เอ่อ พี่ไทม์อรุณสวัสดิ์ครับ”

ร่างใหญ่ยืนจ้องมองผมด้วยสายตาหวาน ร่างกายถูกปกคลุมไปด้วยหยดน้ำใส ๆ ปอยผมเปียกส่งผลให้หยดน้ำไหลลงตามกรอบหน้า ร่างท่อนบนของผมเปลือยเปล่า เผยให้เห็นผิวขาวอมเหลืองถึงจะไม่ได้ร่างบางมากนัก แต่ผมก็ตัวเล็กกว่าพี่ไทม์อย่างเห็นได้ชัด ส่วนสูงผมแค่เพียง 165 เซนติเมตรเท่านั้น เมื่อเทียบกับพี่ไทม์น่าจะสัก 185 เซนติเมตรเห็นจะได้

รัตติกาลยกแขนหนายันกำแพงประชิดตัวเข้าสายชล จนเขาเผลอเบือนหน้าหนีด้วยความอาย ผิวขาวเปียกด้วยละอองน้ำและกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากครีมอาบน้ำ ส่งให้สายชลในเวลานี้ดูเย้ายวนกว่ายามปกติ

คนร่างสูงโปร่งก้มหน้าลงมาเกือบจะถึงใบหู ผมเผลอหลับตาด้วยความเคอะเขิน ความร้อนระอุขึ้นมายังแก้มลามไปที่ใบหู ถึงแม้ว่าเพิ่งจะอาบน้ำมาใหม่ ๆ และภายในห้องก็เปิดแอร์เย็นฉ่ำ แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วร่าง

“หอมจังเลยครับ น้องชล” ไทม์กระซิบข้างหูด้วยเสียงหวานที่แผ่วเบา แฝงไปด้วยความเสน่หา ยิ่งทำให้คนเพิ่งออกจากห้องน้ำรู้สึกตื่นเต้น หน้าร้อนฉ่าเมื่อได้สติว่า ท่อนบนของตนนั้นเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กพันหลวม ๆ ที่รอบเอวเท่านั้น

“เอ่อ พี่ไทม์ปล่อยก่อนครับ”

คนแก่กว่าแก้มกระชับอ้อมแขนแน่นกว่าเดิม

“ผมใส่เสื้อก่อนนะครับ”

“ไม่ใส่แบบนี้ก็น่ารักไปอีกแบบนะครับ”

“พี่ไทม์ พูดจาทะลึ่ง” สายชลทุบเบา ๆ ที่อกแกร่งของไทม์ จังหวะที่คนเด็กกว่าเผลอ ไทม์ก็คว้ามือขาวมาจุมพิตเบา ๆ

สายชลเงยหน้าช้อนสายตาไปยังชายตรงหน้า หน้าของเขาทั้งสองใกล้กันจนรู้สึกได้ถึงสัมผัสอุ่น ๆ จากลมหายใจ

“มัดจำไว้ก่อนนะครับคนดี”

สายชลรู้สึกเขินจนหน้าร้อนผ่าว จังหวะที่พี่ไทม์เผลอจึงรีบมุดใต้ท้องแขนไปคว้าเสื้อยืดมาสวมใส่

“พี่ไทม์อะ ถ้าผมเป็นหวัดจะทำไง หนาวนะครับ”

รัตติกาลเดินเข้ามาใกล้แล้วดึงคนตัวเล็กมากอด พลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางพาดตรงโซฟาข้างเตียง ค่อย ๆ เช็ดผมให้อย่างเบามือ

“ถ้าหนูไม่สบาย พี่ก็จะอยู่ข้าง ๆ ดูแลหนูไงครับ”

คนตัวเล็กกว่าพูดพลางมองหน้าพร้อมกับหัวเราะแก้เขิน “พี่ไทม์เรียกผมว่าหนูเหรอ ฟังแล้วมันจั๊กจี้ยังไงไม่รู้ฮะ”

ไทม์หยุดเช็ดผมคนตัวเล็ก แล้วเลื่อนมือหนาข้างหนึ่งมาประคองแก้มนิ่มอย่างเบามือ “ก็เรียกหนู เหมาะแล้วนะ” เขาสบตาสายชลแล้วยิ้มบาง ๆ อย่างทะนุถนอม

“เหมือนพ่อเรียกลูก ยังไงยังงั้นเลย” สายชลหลุบตาต่ำขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วบ่นพึมพำเบา ๆ ด้วยระยะที่ใกล้กันมากคนร่างสูงก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมกับเลื่อนจมูกลงมาถูไถกับปลายจมูกคนเด็กกว่า

“เหมือนพ่อเหรอ อื้ม ๆ แดดดี้… ก็ดีนะ” รัตติกาลพึมพำเบา ๆ ด้วยใบหน้าพึงพอใจ พร้อมกับถูจมูกกับคนตัวเล็กอีกสองครั้ง

“เป็นแดดดี้ แก่นะพี่ไทม์… น่าภูมิใจยังไง”

ไทม์ยิ้มอย่างเอ็นดูแล้วก้มกระซิบที่ใบหูขาวของเด็กน้อย “ก็แดดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อยังไงล่ะ เหมือนกับพี่ไทม์ที่ไม่ได้อยากเป็นแค่พี่ไง… หนูชล” ไทม์ลากเสียงยาวแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

ร่างกายของผมนิ่งอึ้งราวกับถูกน้ำแข็งพันปีแช่แข็ง อยากจะตบกะโหลกตัวเองแรง ๆ อันที่จริงแล้วผมไม่ควรไปต่อความยาวสาวความยืดกับพี่ไทม์ โดนตกอีกจนได้แทบจะแหลกละลายอยู่แล้ว คนอะไรพลังทำลายล้างสูงชะมัด

“พี่ไม่กวนน้องชลแล้ว รีบแต่งตัวรีบลงมานะครับ”

ผมพยักหน้ารัว ๆ แทนคำตอบ

ไทม์เปิดประตูอีกครั้ง “แล้วอีกอย่าง…”

“…อะไรครับ”

“พี่ชอบนะ ที่ชลแทนตัวเองว่าน้อง” ภาพคืนวันที่ผมเมาเหล้าปั่น ออดอ้อนพี่ไทม์ไหลเวียนเข้ามาจนทำให้ผมหน้าแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศ

“พี่ไปละนะ…” ไทม์หัวเราะอย่างชอบใจแล้วปิดประตูอย่างเบามือ

โอ๊ย อยากจะบ้าตายทำไมถึงคิดถึงแต่เรื่องคืนวันนั้นนะ พี่ไทม์บอกว่าเราหายไปตั้งครึ่งปีแล้ว จริง ๆ พี่เขาน่าจะลืมได้แล้วมั้ง แย่แล้ว ๆ จะเข้าหน้าพี่เขาติดไหม

จะว่าไปแล้วเรื่องระหว่างเราที่เกิดขึ้น นอกจากจะไม่ใช่แค่ฝันไปแล้วความสัมพันธ์ของผมกับพี่ไทม์จะไปถึงจุดไหนนะ ถึงผมจะเริ่มรู้สึกหวั่นไหวให้พี่เขาแล้ว แต่มาครั้งนี้เหมือนการกระทำพี่ไทม์ดูแปลกออกไป รุก รุกหนักมาก

ใจจริงผมอยากจะถามเรื่องคืนนั้นว่า เราสองคนเกินเลยไหม เพราะดูจากสภาพของผมตอนที่ตื่นนอนแล้วผมยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเราไปถึงขั้นไหนกัน ทำไมผมถึงดื่มจนขาดสติขนาดนั้นนะไม่น่าเลยจริง ๆ ผมเก็บความสงสัยไว้ในใจต่อไปแล้วรีบแต่งตัวให้เรียบร้อย

ห้องอาหารถูกตกแต่งด้วยไม้ประดับสีเขียว โทนสีเข้มอ่อนของใบไม้ตัดกับสีขาวล้วนทำให้ดูสดชื่น โดยรวมเป็นสไตล์มินิมอลค่อนข้างจะเข้ากับสไตล์คุณราเชนทร์ไม่น้อย ข้าวต้มหมูสับส่งกลิ่นหอมยั่วจมูกคนมาใหม่จนสายชลเผลอเอามือลูบท้องด้วยความหิว

“รอนานไหมครับพี่ ๆ”

“สายชลมานั่งนี่เลย นั่งข้างเรานะ” ซันรีบทักสายชล พร้อมกับเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง

“ขอโทษที่ลงมาช้าครับ”

“ไม่เป็นไรหรอก นี่ข้าวต้มก็เพิ่งทำเสร็จ” เชนพูดพร้อมกับตักข้าวต้มใส่ชามก้นลึกสีครีม

“โหน่ากินมากเลยครับ”

“วันนี้ลาภปากได้กินฝีมือพี่เชน” ซันเสริม

“ไม่ขนาดนั้นมั้ง” เชนพูดพลางตักข้าวต้มบริการแขกที่มาเยือนบ้านตน

“คุณเชนครับ ทำไมของพี่ดรีมไม่มีผักกับกระเทียมเจียวอะครับ” สายชลมองด้วยใบหน้าครุ่นคิด

“ผมใส่ให้ไหม หอมนะ” สายชลเอื้อมมือจะตักผักโรย

“เอ่อไม่เป็นไร ๆ” ดรีมพูดเสียงเบาเสยผมแก้เขิน

“ดรีมเขาไม่ชอบใส่ผักโรยกับกระเทียมครับ” ราเชนทร์พูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าดรีม แต่กลับถูกมองค้อนกลับมา

“โธ่ ควายน้อยเอ๊ยไปจี้ใจดำไอ้ดรีมมันอีก” สายฟ้าบ่นเบา ๆ พร้อมใบหน้ายิ้มบาง ๆ คนเด็กกว่าได้แต่ลูบท้ายทอยแก้เก้ออย่างมึนงง

“ชามนี้ของชล พี่เอาหมูสับให้เยอะสุดเลยนะ” ราเชนทร์เลื่อนชามมาให้สายชล เด็กน้อยได้ข้าวต้มแล้วก็รีบก้มสูดกลิ่นด้วยสีหน้าตื่นเต้น

“โหพี่เชน ทีของผมแทบจะเป็นวิญญาณหมูอยู่แล้ว”

“ชล… อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมทำหน้าฟินขนาดนั้น” ซันมองหน้าสายชลกินข้าวอย่างมีความสุข เคี้ยวแก้มป่องแบบนั้นมองยังไงก็หนีไม่พ้นคำว่าน่ารัก น่ารักจนอยากจะคีบแล้วกลืนลงท้องไปเลย จู่ ๆ สายชลก็นิ่ง แล้วเหมือนมีน้ำตาคลอปริ่มอยู่ที่ตากลมโตแต่ไม่ทันที่ใครจะเห็น คนตัวเล็กก็ยิ้มแล้วถอนหายใจ “พอดีคิดถึงบ้าน”

“บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวเราไปส่ง” ซันรีบตอบราวกับอยากเอาใจคนข้าง ๆ

“เอ่อ…” สายชลทำหน้าเลิ่กลั่กเงยหน้าขึ้นมองพี่ดรีมและพี่สายฟ้า

“ไม่เป็นไรซันขอบคุณมาก เราแค่รู้สึกว่าข้าวมื้อนี้อร่อยมาก อบอุ่นมาก ๆ เราแทบไม่เคยสัมผัสบรรยากาศที่เหมือนครอบครัวแบบนี้เลย… ก็เท่านั้น”

“น้องชลคิดว่าพวกเราคือครอบครัวก็ได้นะ” ราเชนทร์หันหน้าไปมองทางดรีม และสายฟ้า

“อื้ม ทำไมทุกคนมองกู… เอ้ย มองผมแบบนั้น” สายฟ้าเงยหน้าอย่างอีหลักอีเหลื่อ

“ก็ไม่ได้ขัดอะไร เห็นด้วยไง กูก็ไม่มีใคร วัน ๆ ก็มีแต่พวกมึงเนี่ยแหละ” สายฟ้าพูดอย่างตะกุกตะกักผิดวิสัย แล้วหันไปทางไทม์ที่ส่งยิ้มมาให้

“ส่วนมึงอยู่ไกล ๆ จากกูก็ดี เหม็นขี้หน้า”

“พี่สายฟ้าน่ารักเห็นไหมล่ะ เราบอกซันแล้วว่าพี่ฟ้าอะไม่ดุหรอก” สายชลหันไปหาซันด้วยสีหน้าภูมิใจ

“อะนี่ ผมให้หมูสับพี่สายฟ้าเพิ่ม 1 ก้อน”

“ขอบใจ” สายฟ้ายิ้มรับแล้วเหลือบสายตาไปทางซันและไทม์ พร้อมตักหมูสับเข้าปากกินแล้วทำหน้าราวกับได้รับชัยชนะ

“เล่นกันอย่างกับเด็ก ๆ” ดรีมบ่นขัดบรรยากาศที่กำลังครึกครื้น

“อิจฉาเขาก็บอก เอาของผมนี่มีเยอะแยะ” เชนตักหมูสับให้ดรีม แต่กลับโดนคนปากร้ายด่ากลับมา

“ตักมาทำไม มึงอิ่มแล้วก็บอกมาตรง ๆ เหอะ” ดรีมบ่นเชนเสียงงึมงำแต่ก็ตักหมูเข้าปากไป เชนแล้วยิ้มเอ็นดูผู้ร้ายปากแข็ง

หลังจากที่ทุกคนกินอาหารเสร็จแล้วก็นั่งล้อมวงเตรียมคุยเรื่องสำคัญกัน

“อะคุกกี้ช็อคโกแลตชิพ น้องชลน่าจะชอบ” ไทม์ยื่นให้สายชลอย่างออกหน้าออกตา

“กูก็อยากกินนะ” สายฟ้าหันไปทางคนเด็กกว่าด้วยสีหน้าอ้อนแฝงความเจ้าเล่ห์

“เอาสิครับพี่ฟ้า กินด้วยกันเนอะ” สายชลหยิบคุกกี้ยื่นใส่มือสายฟ้า แต่สายฟ้ากลับอ้าปากให้คนเด็กกว่าป้อน

“ที่ผมเรียกทุกคนมาวันนี้คือจะบอกเรื่องที่ผมให้คนสืบข้อมูลมาครับ” ราเชนทร์พูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม พร้อมกับยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลให้กับสายฟ้าและสายชล

สายฟ้ารับซองเอกสารมาเปิดอ่านแล้วนั่งนิ่ง พร้อมกับหันมองหน้าสายชลด้วยใบหน้าที่สับสน สายตาที่อบอุ่นแฝงไปด้วยความตื้นตันโหยหาและพร้อมปกป้อง จนสายชลขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ