ตอนที่ 7เธอมีอยู่จริงหรือเป็นเพียงฝัน !?

บรรยากาศโพล้เพล้ช่วงตะวันใกล้ตกดิน บวกกับอารมณ์ที่ขุ่นมัวชายร่างสูงก้าวขาฉับ ๆ เดินออกจากโรงแรมหรูก้าวลงทางต่างระดับที่ทอดยาวไปยังชายหาด ผืนทรายขาวละเอียดนุ่มราวปุยเมฆ สายลมปะทะกายแรงจนชายเสื้อปลิวสะบัดตามแรงลม เสียงเกลียวคลื่นที่สาดซัดเข้าชายฝั่งดังก้องอยู่รอบตัว

บางทีกลิ่นไอทะเลที่คุ้นเคยอาจทำให้หัวใจของเขาสงบลงบ้างก็เป็นได้ แต่แล้วคลื่นลูกเล็กก็ซัดเข้าฝั่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงจะดื้อดึงอย่างไรเขารู้อยู่เต็มหัวใจว่า เขาหลงรักคนตัวเล็กตั้งแต่แรกพบ อันที่จริงเขาก็ไม่ค่อยเชื่อเรื่องรักแรกพบหรือพรหมลิขิตอะไรนั่นหรอก แต่พอมาเจอสายชล เด็กน้อยหน้าตาใสซื่อผิดกับสายฟ้าคนที่หน้าเหมือนกันราวกับแกะสลัก แต่ทั้งแววตาท่าทางที่เขินอายเวลาเขาแกล้งแหย่ ยิ่งทำให้เขาเอ็นดูซ้ำแล้วซ้ำอีก อยากดูแลอยากทะนุถนอม น่ารักจนอยากจับกลืนกินไปทั้งตัว

แต่สายชลก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดในอก เขาเห็นภาพบาดตาที่ดรีมและสายชลดูสนิทสนมกันเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน แววตาที่จ้องมองกัน เสียงหัวเราะที่ดูสนิทกัน แล้วยังโอบกอดกันในห้องน้ำ ใช่แล้วเขาคิดมาก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้พูดหรือแสดงออกอะไรมาก แต่ในใจกลับรู้สึกผูกพันมากอย่างน่าแปลกประหลาด

“พี่ไทม์ครับ รอชลก่อนสิ” สายชลเดินตามหลังไทม์ด้วยลมหายใจกระหืดกระหอบ จนเผลอก้าวสะดุดขั้นบันไดล้ม

“โอ๊ย ขาชล”

ไทม์หยุดชะงัก รีบเดินกลับมาดูที่ข้อเท้าพลางขมวดคิ้วจนใบหน้าหล่อดูยุ่งเหยิง สายชลยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มสดใส เอามือลูบไปที่แก้มของไทม์อย่างแผ่วเบา

“ทำไมรีบเดินจังครับ ไหนบอกจะดูแลชลไง” สายชลลูบใบหน้าไทม์ด้วยท่าทางไร้เดียงสา

“นี่แกล้งกันเหรอ” ไทม์ขมวดคิ้วจ้องหน้าสายชลแบบคาดคั้นเอาคำตอบ ทว่าสายชลกลับทำหน้างอน ตอบกลับด้วยสายตาขี้เล่น

“ไม่ได้แกล้งสักหน่อย น้องล้มจริง ๆ นะ ก็รีบเดินตามพี่ไทม์ไง เลยไม่ทันดูว่าที่มันต่างระดับนี่” สายชลช้อนตามองอย่างออดอ้อน

“ถ้าไม่เป็นไรแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งที่ห้องนะครับ” ไทม์พยุงสายชลให้ลุกขึ้น แล้วดันหลังให้สายชลเดินกลับไปทางเดิม

“ไม่เอาอะ น้องอยากไปเดินเล่นชายหาด” สายชลพูดลอยหน้าลอยตาแล้วทำท่าทางเอาแต่ใจ ส่งสายตาออดอ้อนคนตรงหน้า

“น้า นะ พี่ไทม์ไหนว่าจะพาไปเดินด้วยกัน... อ๋อ หรือว่ากลัวสายตาใครต่อใครใช่ไหม โอเค เข้าใจแล้ว ผมกลับขึ้นห้องก็ได้” สายชลผลักชายร่างโปร่งให้ออกห่างจากตัวเองเบา ๆ

“ไม่ใช่แบบนั้นนะสายชล” ไทม์เน้นเสียงพลางมองสายชลด้วยสายตาที่สับสน

“แล้วแบบไหนครับ” สายชลจ้องเข้าไปยังนัยน์ตาด้วยความอยากรู้

“ก็พี่เข้าไปเจอ… เจอ ชลกำลังกอดกับดรีม”

สายชลขำพรวดจนน้ำตาคลอเบ้า แต่ก็ไม่ทำให้ชายร่างสูงตรงหน้าสบายใจขึ้นมาได้เลย ตรงกันข้ามกลับยิ่งเพิ่มความขุ่นเคืองที่เด็กน้อยมองความรู้สึกของเขาเป็นเรื่องน่าขบขันไปซะได้

“อย่าทำหน้าแบบนั้นสิพี่ไทม์ คือชลอะ มองพี่ดรีมเป็นพี่คนหนึ่งเท่านั้นเอง” สายชลหยุดขำแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“จริง ๆ นะครับ” เด็กน้อยพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สายตาจ้องมองไทม์ราวกับในหัวใจนั้นไม่มีใครนอกจากคนตรงหน้า ไทม์มองทีท่าของคนตัวเล็กก็อดนึกเอ็นดูไม่ได้ แค่เพียงคนตัวเล็กทำท่าทางจริงจังแคร์ความรู้สึกเขาขนาดนี้ พลันทำให้คนตัวโตอย่างเขาหายเคืองอย่างน่าประหลาด

“ไปกันพี่ไทม์ ตะวันจะตกดินแล้วครับ” สายชลเดินไปที่ชายหาดช้า ๆ เพราะยังรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าอยู่ ไทม์เข้าไปประคองอย่างอ่อนโยน ทั้งคู่นั่งเล่นอยู่ที่ริมชายหาดพูดคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ ค่อย ๆ เรียนรู้กันในหลาย ๆ เรื่อง

“ว่าแต่… คราวก่อนที่มาหัวหิน ทำไมพี่ไทม์ชวนน้องไปนั่งจักรยานเหรอ รู้ไหมว่าโคตรร้อนเลยแหละ” คนตัวเล็กพูดด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มสายตามองทอดไปยังคู่รักคู่หนึ่งที่จูงจักรยานเดินผ่านไป

“พี่ชอบโมเมนต์เวลาปั่นจักรยาน มันทำให้เราเห็นอะไรชัดเจนมากขึ้น จากเดิมที่คิดว่าที่บางที่อาจไม่น่าสนใจ แต่พอมองจากมุมนี้เหมือนทุกอย่างก็ช้าลง ได้เห็นอะไรชัดเจนขึ้น ทำอะไรได้ตรงกับใจมากขึ้น” ระหว่างที่สนทนากันอยู่นั้น ไทม์แอบส่งสายตาหวานซึ้ง แล้วพูดเชิงหยอดน้องตัวเล็กเป็นนัย ๆ

“อะไรกันหยอดคำหวานเหรอ” สายชลเบือนหน้าหนี พลางทอดสายตาไปยังผืนทะเลโดยไม่รู้ว่ามีคนตัวสูงแอบมองอยู่

“ก็จีบชลอยู่ไงครับ” ไทม์หยอดคำหวาน ก้มกระซิบที่ข้างหูอย่างแผ่วเบา

“คนบ้า” คนตัวเล็กเม้มปากด้วยความขวยเขิน แก้มระเรื่อตัดกับผิวเนียนละเอียดเมื่อกระทบสงแดด น่ารักจนไทม์ไม่อาจละสายตาไปได้

“แล้วชอบไหม” ไทม์เอียงหน้า หรี่ตามองคนตัวเล็กอย่างเจ้าเล่ห์

“ไม่รู้…” สายชลลุกขึ้นวิ่งหนี ทั้งสองคนเดินเล่นริมหาดกันจนตะวันลาลับขอบฟ้า

เสียงปรบมือและเสียงเฮจากรัตติกาล สายชล และทีมงานดังก้องไปทั้งบริเวณ

“เลิกกองครับ ขอบคุณน้องไทม์กับน้องสายชลมากนะครับ งานวันนี้ราบรื่นเสร็จเร็วกว่าที่คิดอีกนะครับ”

“ไทม์ก็ต้องขอบคุณพี่กรเหมือนกันครับ ที่ดูแลพวกผมดีมากเลย ถ้าเป็นฝีมือพี่กรงานต้องออกมาดีแน่นอนครับ”

“ขอบคุณพี่กรมากนะครับ ผมมือใหม่ทำให้พี่เหนื่อยไม่น้อยเลย” สายชลฝืนยิ้ม ทำสายตารู้สึกผิด

“ไม่หรอกครับน้องสายชล ว่าแต่ 2 วันมานี้ น้องสายชลสตรองขึ้นมากเลยนะ ถ่ายได้ตรงตามคอนเซ็ปท์ไม่มีหลุดเลย พี่กับพี่แพมมองไม่ผิดเลยจริง ๆ”

“งั้นพวกผมขอตัวไปพักก่อนนะครับ” สายชลลูบท้ายทอยแก้เขิน เผลอคิดถึงสาเหตุที่ทำให้เขากับไทม์สนิทกันอย่างรวดเร็ว ก็ทำให้ใบหน้าร้อนผ่าวเลือดฝาดแดงลามไปถึงใบหู ช่างน่าอายจริง ๆ

“อ้อ โอเคครับเชิญ ๆ” พี่กรพูดพลางโบกมือลาเพราะตนกับทีมงานก็เหนื่อยมาหลายวันแล้วเช่นกัน

“คืนนี้มีแฟชั่นโชว์ปิดจบงานปาร์ตี้นะ สบาย ๆ ไปพักผ่อนกันก่อนเถอะ”

“เป็นไงบ้างชล เหนื่อยไหม” ดรีมถามพร้อมกับยืนพัดให้เบา ๆ

“สนุกดีครับพี่ แต่ร้อนมากเลย ผมขอตัวกลับห้องก่อนนะพี่ดรีม”

“ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม”

“ไม่เป็นไรครับ พี่ก็พักผ่อนเถอะ”

“โอเค เดี๋ยวสักทุ่มนึงพี่ขึ้นไปเรียกนะ”

สายชลยิ้มหวานด้วยใบหน้าสดใส แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาเกือบ 5 โมงแล้ว ทว่าแสงแดดยังแผดเผาผิวเขาจนรู้สึกแสบแดง กลิ่นไอทะเลกับเกลียวคลื่นพานให้นึกถึงช่วงเวลาที่จากมา ไม่รู้ว่าพวกเพื่อน ๆ จะเป็นอย่างไรบ้าง คุณแม่จะไม่สบายใจหรือเปล่า นี่ก็ 3 เดือนกว่าแล้วที่เขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ พยายามหาทุกวิถีทางแล้ว แต่ก็กลับไปไม่ได้

‘หรือลองเดินลงน้ำไปไหม เผื่อว่าจะโผล่ขึ้นมาที่ทะเลหน้าบ้านเหมือนในหนังไง’ ระหว่างคิดขาเรียวเล็กก็ค่อย ๆ เดินลงทะเลไป คลื่นทะเลซัดครั้งแล้วครั้งเล่าจนคนตัวบางร่างโอนเอนไปตามกระแสคลื่น มวลน้ำอุ่นเริ่มเย็นเฉียบลงเรื่อย ๆ สายชลปล่อยตัวปล่อยใจไปกับกระแสน้ำที่ซัดปะทะร่าง ร่างเล็ก ดำดิ่งสู่ท้องทะเล

“เฮ้ย สายชล” รัตติกาลที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดรู้สึกท่าไม่ดี ถอดเสื้อวิ่งลงมายังทะเลตรงเข้ามางมหาร่างคนตัวเล็กด้วยท่าทางร้อนรน

“ไม่นะชล” คนร่างสูงดำน้ำลงไปอีกครั้ง แขนแกร่งคว้าคนตัวเล็กเข้ามาไว้ในอ้อมอก พลางลากขึ้นมายังชายหาด ผู้คนต่างแตกตื่นกันหมด บ้างก็ถ่ายคลิปวิดิโอเอาไว้

“ให้ตายสิ ถ่ายกันทำไมวะ” ไทม์สบถด้วยความฉุนเฉียว

ไทม์วางร่างสายชลแล้วผายปอด มือหนาประสานกันแน่นทิ้งตัวกดที่อกคนตัวเล็ก สลับกับประกบปากผายปอด

“แค่ก แค่ก” สายชลสำลักออกมา ดวงตาฉ่ำน้ำลืมขึ้นด้วยความมึนงง

“ไม่เป็นไรแล้วนะ เด็กน้อย” ไทม์โอบกอดสายชลด้วยความห่วงหา

“ชลไม่เป็นไรแล้ว พี่ไทม์รีบกลับไปเปลี่ยนชุดเถอะ เดี๋ยวจะไม่สบายนะครับ”

“จะให้พี่ไปได้ยังไง ก็…”

สายชลหันไปโอบเอวหนาของคนตรงหน้า แล้วเงยหน้ายิ้มอย่างคนรู้สึกผิด

“อยู่ได้แน่นะชล”

“แน่นอนครับ พี่ไทม์พักเถอะเดี๋ยวเรามีเดินแบบปิดงานกันอีกนะ”

“ถ้ามีอะไรบอกพี่ทันทีเลยนะ รู้ไหม” สายชลพยักหน้าแทนคำตอบรับ

‘เฮ้อ ผมคิดบ้าอะไรของผมกันเนี่ย เกือบได้ตายก่อนกลับไปช่วงเวลาเดิมซะละ ถึงชีวิตผู้ใหญ่ตอนนี้มันน่าสนุกก็จริง แต่ก็ต้องรับผิดชอบเยอะ ไหนจะต้องวางตัวและอะไรอีกหลายอย่าง เอาเข้าจริง ๆ เรียนก็สนุกไปอีกแบบเนอะ อยากเรียนมหาลัยจัง ไม่รู้เพื่อนเรียนกันไปถึงไหนแล้ว อุตส่าห์สอบติดมหาลัยในฝันได้ แต่ยังไม่ทันได้เรียน ก็ต้องทำงานเลยซะอย่างงั้น ไม่เจอกับตัวเองก็ไม่อยากเชื่อเลยนะเนี่ย’

กรุ๊งกริ๊ง สายชลนั่งมองกล่องดนตรีบรรเลงเสียงใสกังวานอีกครั้ง ราวกับเจ้าของร่างจะเสพติดการฟังเจ้ากล่องดนตรีนี้ซะแล้ว เขาเริ่มไขลานอีกสองครั้งก่อนจะผล็อยหลับไป

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“คุณชลคะ ป้าทำโจ๊กร้อน ๆ ไว้ให้นะคะ” เสียงป้านิดเรียกพร้อมกับเสียงชามกระทบกับโต๊ะไม้จนทำให้คนที่อยู่ในห้วงภวังค์ตื่นขึ้น

“ป้านิดเหรอครับ”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ