สายชลรีบตื่นตั้งแต่ยังไม่ 7 โมงเช้า เด็กหนุ่มรีบอาบน้ำแต่งตัวด้วยความหวัง เพราะวันนี้เขากับสายฟ้าจะพากันไปตรวจ DNA และสายฟ้ายังบอกกับน้องชายคนใหม่ป้ายแดงอีกว่า วันนี้จะพาไปเดินเล่นที่สยามต่อด้วยกินขนมจนกว่าจะอิ่ม สายฟ้ายังเป็นพี่ชายสายเปย์เหมือนเดิมจริง ๆ แต่สายฟ้าบอกเขาว่านอกจากแมลงสาบแล้วก็มีขนมหวานนี่ละที่เกลียดที่สุด ทว่าสายชลไม่กลัวสัตว์ตัวเล็กกระจ้อยร่อยอีกทั้งยังชื่นชอบขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจ นอกจากหน้าตาที่ดูคล้ายกันแล้ว พวกเขาก็แทบจะไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลยจริง ๆ …
พูดถึงสิ่งที่สายชลกลัวที่สุดน่ะเหรอ ก็คงเป็นกลัวการอยู่คนเดียวและตายไปโดยยังไม่ทันได้ใช้ชีวิตน่ะสิ อุตส่าห์สอบติดมหาวิทยาลัยในฝันทั้งที จะมาด่วนตายไปก่อนที่จะได้เห็นอนาคตอย่างนั้นหรือ ? เขาไม่เอาด้วยหรอก !!!
“ไอ้ตัวเล็ก ทำไมตื่นเช้าจัง” ดรีมขยี้หูขยี้ตาพูดอย่างงัวเงีย
“ก็ตื่นเต้นอะ ผมนอนไม่หลับเลยลุกมาอาบน้ำ เป็นไงชลหล่อยังฮะ” สายชลหมุนซ้ายหมุนขวาแล้วฉีกยิ้มกว้างสดใสไม่ต่างจากท้องฟ้าในเช้าวันนี้
“ตื่นเต้นอะไรล่ะ”
“ไม่รู้สิ ถ้าไม่นับตอนนั้นที่ผมอยู่และทำงานกับพวกพี่ นี่เป็นครั้งแรกที่ผมจะได้เที่ยวกรุงเทพฯ แบบไม่ต้องคอยเดินตามแม่”
“งั้นอยากไปที่ไหนเป็นพิเศษไหม ?” ดรีมถามขณะที่ขยับตัวลุกจากที่นอน พลางจัดหมอนและผ้าห่มให้เข้าที่เข้าทาง
ถึงดรีมจะดูหล่อเท่ มาดแมน แต่ในสายตาสายชลแล้ว ดรีมก็ยังคงเหมือนพี่เลี้ยงเด็ก นี่ขนาดหนุ่มรุ่นพี่เพิ่งรู้จักเขาในห้วงเวลานี้ ยังคอยดูแลเขาอย่างกับเด็ก ๆ
“ที่ที่อยากไปน่ะเหรอ ?” สายชลเงียบแล้วนึก อันที่จริงเด็กน้อยไม่ได้มีที่ไหนที่อยากไปเป็นพิเศษ แต่มีคนที่อยากเจอเป็นพิเศษ ใช่แล้ว… เขาคนนั้นก็คือ ไทม์ ถึงแม้คราวนั้นจะจากกันไม่ค่อยดี แม้ไทม์จะทำให้เขาเจ็บปวดใจเพียงใด แต่เด็กหนุ่มก็ไม่อาจปฏิเสธความรู้สึกที่มันตะโกนอยู่ภายในใจได้...
สายชลคิดถึงไทม์เหลือเกิน ตอนนี้ไทม์คงได้จดหมายตัดพ้อของเขาแล้ว สายชลรู้สึกผิดที่ไม่ฟังความจริงจากปากไทม์ก่อน เมื่อมีเวลาจึงค่อย ๆ ทบทวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น มีแต่เขาที่ทึกทักไปเองทุกอย่าง และหนีออกมาทั้งที่ยังไม่รู้ว่าสิ่งที่ไทม์พูดมันจริงหรือไม่จริง ถึงสายชลคิดได้ตอนนี้ก็เหมือนจะสายไปเสียแล้ว เขาไม่รู้เลยว่าจะข้ามเวลาไปหาไทม์ได้อีกไหม ตอนนี้ก็ได้แต่ภาวนาให้ได้พบกับไทม์อีกครั้ง แม้จะเป็นห้วงเวลาปัจจุบันที่ไทม์ไม่รู้จักเขาเลยก็ตาม สายชลสัญญากับตัวเองว่า จะไม่พลาดปล่อยหัวใจของเขาให้หลุดมือเป็นครั้งที่สองอย่างแน่นอน
“เป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ ๆ ทำไมนิ่งไป ?”
“อะ อ้อ ไม่เป็นไรฮะ แค่…”
“หรือว่าคิดถึงบ้าน เล่าเรื่องที่บ้านให้กูฟังหน่อยดิ”
“ได้สิพี่ดรีม” สายชลฉีกยิ้มพร้อมกับลากเก้าอี้หน้าโต๊ะกระจกมานั่ง
“เอาจริง ๆ มึงเลิกเรียกพี่ได้ไหม เราก็รุ่นเดียวกันหรือเปล่าวะ”
“ไม่ได้หรอก พี่ดรีมก็คือพี่ดรีม ให้เรียกดรีมเฉย ๆ บรึ๊ย~ ไม่ได้ ผมเรียกแบบนั้นไม่ได้จริง ๆ” สายชลทำหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด
“โอ๊ย ดูทำท่าเข้า ตลกจริง ๆ มึงนี่นะ นอกจากหน้าเหมือนไอ้สายฟ้าแล้ว นอกนั้นไม่มีอะไรอย่างอื่นที่เหมือนกับมันเลย แล้วแต่มึงแล้วกันอยากเรียกอะไรก็เรียก” ดรีมมองสายชลอย่างเอ็นดู แม้ว่าทั้งสองคนนั้นจะหน้าตาเหมือนกันราวกับถอดกันมา แต่ทั้งแววตา ส่วนสูง และนิสัยส่วนตัวของทั้งคู่แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ดรีมอดกังวลเรื่องที่สายชลมาตามหาพี่ชายไม่ได้ หากเรื่องนี้พ่อของสายฟ้ารู้เข้า ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างไรต่อไป
ดรีมตั้งใจจะปรึกษาสายฟ้าเรื่องจ้างทีมนักสืบเอกชนเพื่อตรวจสอบความสัมพันธ์ของสายฟ้ากับสายชลว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร และทำไมทั้งสองคนถึงต้องถูกจับแยกจากกัน ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยของสายชลเอง จากภายนอกแล้วถึงสายชลจะดูเป็นเด็กหนุ่มร่างกายแข็งแรง แต่ก็ยังแกร่งไม่พอเมื่อเทียบกับสายฟ้า รายนั้นไม่ต้องพูดถึง หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเขาเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว แต่กับสายชลนี่สิ ดรีมไม่แน่ใจเลยจริง ๆ ดูเหมือนว่าสายชลจะไม่รู้ว่าครอบครัวของพี่ชายไม่ต่างจากมาเฟียเลย
สายชลเล่าเรื่องที่บ้านให้ดรีมฟังว่า เขาเกิดและโตที่หัวหิน แต่ช่วงวัยเด็กเกิดอุบัติเหตุต้องนอนโรงพยาบาลนานหลายเดือน ซึ่งหลังจากนั้นก็จำเรื่องราวอะไรไม่ได้เลย วัยเด็กของสายชลจึงเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป
ดรีมนึกหน้าเจ้าฝาแฝดทั้งสองคนสลับกันไปมา ‘ถ้าเปรียบเทียบสองคนนี้แล้ว สายฟ้าใช้ชีวิตแบบผาดโผนมากกว่า ทำอะไรรวดเร็ว นิ่งเงียบแต่ไม่ใช่ไม่ใส่ใจ ส่วนสายชลนี่สิ… ดูคุยด้วยง่าย ใจเย็น ร่าเริง แต่ท่าจะดื้อดึงดันน่าดู แววตาของเด็กคนนี้มีความดันทุรังสูง ไอ้ดรีมเอ๊ย… สงสัยเดี๋ยวต้องเจอเรื่องยากเข้าให้แล้วมั้ง’
“ผมก็อยากรู้นะครับว่า เรื่องราวก่อนหน้าที่จะเกิดอุบัติเหตุมันเป็นยังไง แต่ก็นะผมจำอะไรไม่ได้จริง ๆ” สายชลพูดด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“เฮ้ยมึง อย่าคิดมากไปเลย ปล่อยให้เป็นเรื่องของอดีตดีกว่า เอาเรื่องวันนี้เถอะ คิดหรือยังจะกินอะไรดี เด็กอะไรกินเก่งชะมัดเลย ออกพุงออกแก้มไม่หล่อนะเว้ย”
“พี่ดรีมผอมแบบนี้มาตลอดเลยเหรอ”
“เพราะกูชอบออกกำลังกายด้วยมั้ง ไว้เราไปออกกำลังกายด้วยกันสิ เพิ่มความฟิต” ดรีมพูดพลางเบ่งกล้ามแขนโชว์
“ไม่เอาอะพี่ดรีม เหนื่อย”
“เดี๋ยวพาไปกินขนมหลังออกกำลังกายเสร็จ” ดรีมพยายามพูดหลอกล่อให้สายชลไปออกกำลังกายกับตน เพราะถ้าคิดจะอยู่ใกล้พวกเขาแล้วละก็ การเตรียมร่างกายให้แข็งแรงไว้หน่อยน่าจะดีกว่า เพราะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าอันตรายจะเกิดขึ้นตอนไหน แม้สายฟ้าจะบอกพ่อแล้วว่าจะขอไม่ยุ่งกับธุรกิจพ่อเต็มตัว แต่ดรีมก็อดเป็นห่วงความปลอดภัยของทั้งสองคนไม่ได้
“งั้นโอเค ตกลง” สายชลยิ้มจนตาเป็นสระอิ เด็กหนุ่มมาพร้อมกับความสดใสราวกับสายลมเอื่อย ๆ ริมทะเล ทว่าเพียงไม่นานก็มีฝนฟ้าคะนองพร้อมกับคลื่นลมแรง
สายฟ้าเปิดประตูเข้ามาโวยวายทั้งคู่ “คุยอะไรกันเสียงดังแต่เช้าวะ”
สายชลลุกขึ้นโผตัวเข้าหาพี่ชายทำท่าจะกอดแต่ถูกสายฟ้าดุเสียงดังก่อน
“เดี๋ยวหยุดเลย มึงจะทำอะไร” สายฟ้าจ้องเด็กน้อยตาเขม็ง
“ก็ไม่อะไร ดีใจไงที่พี่ฟ้าตื่นเช้า” สายชลพูดน้ำเสียงสดใส
ดรีมได้แต่มองความแปรปรวนของบรรยากาศเช้านี้ เพียงแค่สายชลทำท่าทางน่ารักแบบนั้น จากพายุที่จะก่อตัวเป็นเฮอริเคนกลับสงบลงเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น ‘เด็กคนนี้น่าสนใจจริง ๆ ที่ทำให้สายฟ้าเปลี่ยนไปขนาดนี้ มันจะมีด้วยหรือวะ ใครสักคนที่ทำให้คนที่ดุดันคนหนึ่งกลายเป็นคนเป็นอ่อนโยน ทำไมคนอื่นอ่อนโยนแล้วดูอบอุ่น แต่ไอ้ฟ้าทำแล้วดูน่าขนลุกเสียวสันหลังฉิบหาย บึ๋ย… หนีพวกมันดีกว่าไม่งั้นกูคงเป็นประสาทตายก่อน’
“พวกมึงเสียงดังกูนอนไม่ได้ ไหน ๆ ก็ตื่นกันแล้วไปหาอะไรแดกที่สามย่านกันไหม” สายฟ้าพูดแบบไม่ใส่ใจ แต่นัยน์ตาแอบเหลือบมองไปทางสายชล
“เอาสิมึง กูอยากกินโจ๊กร้านนั้นที่ลูกสาวป้าสวย ๆ” ดรีมรีบลุกขึ้นพุ่งพรวดไปหยิบผ้าเช็ดตัว
“รอกูอาบน้ำแป๊บหนึ่ง 5 นาที”
สายฟ้ามองน้องชายฝาแฝดด้วยความไม่คุ้นเคย เพราะตลอดชีวิตเขาที่ผ่านมานอกจากเพื่อนสนิทอย่างดรีมและรุจแล้ว เขาไม่เคยแสดงมุมอ่อนโยนให้ใครเห็นเลย แต่กับสายชลที่ทั้งคู่เพิ่งเจอกันเพียงไม่นาน แต่ความรู้สึกที่สายฟ้ามีต่อน้องมันเป็นความรู้สึกที่ผูกพันเกินจะเอ่ย อยากปกป้องดูแล ‘ก็ดูมันสิ ใสซื่อแบบนี้ถ้าคู่แข่งทางธุรกิจพ่อกูรู้ว่ามีคนหน้าเหมือนกูขนาดนี้ ไอ้ควายน้อยมันต้องถูกเล่นงานแน่ ๆ เห็นไอ้ดรีมชวนไปออกกำลังกาย สงสัยไอ้ดรีมก็คงคิดเหมือนกู เรื่องนั้นช่างมันก่อนดีกว่า…’
“พี่สายฟ้าอาบน้ำแล้วหรือครับ ใช้น้ำหอมอะไรน่ะ หอมจัง” สายชลใช้จมูกดมฟุดฟิด ๆ จนสายฟ้าแทบจะกลั้นขำไม่อยู่ แต่ถ้าเผลอหัวเราะออกมาตอนนี้มีหวังดรีมออกมามองด้วยสายตาขี้เสือกอีกแน่ ๆ
“ก็น้ำหอมทั่วไป” สายฟ้าตอบ
“ผมขอใช้บ้างสิพี่ฟ้า นะ ๆ” สายชลอ้อนพี่ชายฝาแฝด พลางใช้หัวถูไถไปที่ต้นแขนแกร่งอย่างออดอ้อน
“พอ ๆ มึงไม่ต้องมาทำอ้อนกับกูขนาดนี้ หน้าเหมือนกันก็จะแย่แล้วยังจะใช้กลิ่นเหมือนกูอีกหรือไง ?” สายฟ้าพูดเสียงดัง เขาไม่รู้ว่าตัวเองหงุดหงิดอะไร ถึงพูดเสียงดังและคำพูดแบบนั้นออกไป ความจริงเขาไม่ได้รำคาญคนที่หน้าเหมือนเขาหรอก เพียงแต่สายฟ้ายังไม่คุ้นเคยกับน้อง และไม่รู้ว่าการที่มีใครอีกคนที่เขาจะสามารถเรียกว่าครอบครัวได้จะต้องทำตัวแบบไหน ถึงเขาจะรู้จักสายชลได้ไม่นาน แต่เขาเชื่อเสียงจากข้างในใจว่าเด็กคนนี้คือบางสิ่งที่หายไปของชีวิต และต่อจากนี้เขาจะปกป้องน้องด้วยชีวิต
สายฟ้ารู้สึกกลัวตัวเอง เขาไม่เข้าใจว่าพ่อแม่ทำกับพวกเขาแบบนี้ทำไม และเขาก็คิดว่าสายชลคงรู้สึกไม่ต่างกัน ถึงไม่มีผล DNA แต่ด้วยทุกสิ่งที่สายชลเล่ามา เขาจึงเชื่ออย่างสนิทใจ แต่การที่มีเอกสารเก็บเอาไว้ก็น่าจะดีกว่าเป็นไหน ๆ วันนี้ถือว่าเป็นวันเลี้ยงต้อนรับน้องชายที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา สายฟ้าเป็นคนไว้ใจใครยาก แต่หากเชื่อใจแล้วก็จะมองเป็นเหมือนคนหนึ่งในครอบครัว
“ทำไมทำหน้าเศร้า” สายฟ้าตกใจสีหน้าที่เด็กหนุ่มแสดงออก
“ก็พี่สายฟ้าบอกว่าแค่หน้าเหมือนก็จะแย่แล้ว ไม่อยากกลิ่นเหมือน” สายชลก้มหน้างุดบอกเล่าความรู้สึกให้พี่ชาย
สายฟ้าถอนหายใจก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อไล่ความประหม่านี้
“โธ่ ควายน้อยเอ๊ย กูก็ไม่เคยมีน้อง ไม่สิ ไม่ค่อยได้ดูแลใคร กูทำตัวไม่ค่อยถูก มึงก็อย่าถือสากูเลย”
“ชลมาหาพี่ ทำให้พี่ลำบากใจใช่ไหม”
“อื้ม ลำบากใจ” สายฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงห่วงใย เขาไม่รู้ว่าการมาครั้งนี้จะทำให้สายชลพ้นจากอันตราย หรือเป็นอันตรายกว่าเก่า
“งั้นเดี๋ยววันนี้ทำธุระเสร็จแล้วพี่สายฟ้าไปส่งผมที่ขนส่งหน่อยสิ ผมจะกลับบ้าน” สายชลพูดด้วยเสียงสิ้นหวัง แม้อยากจะรอดพ้นจากการตายแค่ไหน แต่ถ้าทำให้พี่สายฟ้า พี่ชายที่เขารักมากที่สุดลำบากใจ เขาก็ขอกลับบ้านไปเสียตอนนี้ดีกว่า
“บ้านเหรอ หัวหินใช่ไหม กูไปด้วยสิ” สายฟ้าพูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น
สายชลขมวดคิ้วแน่นสงสัย “พี่ฟ้าไม่รำคาญชลแล้วหรือครับ”
พี่ชายแฝดเขกหัวจนคนโดนกระทำร้องโอดโอย “เนี่ย ไม่ว่าตอนไหนพี่ฟ้าก็เขกหัวผม”
“มึงมันเพ้อเจ้อคิดไปเองไงล่ะ กูบอกเหรอว่ารำคาญ ? มโนเก่งเหมือนไอ้ดรีมเลย”
“ไอ้สัตว์ นินทาอะไรกูได้ยินนะเว้ย” ดรีมตะโกนออกมาจากห้องน้ำ เขาเดินออกมาด้วยตัวเปียก ๆ มัดกล้ามเรียงตัวสวยจนสายชลมองตาไม่กะพริบ
“ไอ้ดรีม มึงจะเดินแก้ผ้าแบบนี้ไม่ได้”
“กูไม่ได้แก้ผ้า นี่ไงมีผ้า แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว… ฮ่า” ดรีมกระชากผ้าโยนใส่สองฝาแฝด สายฟ้าโวยวายเสียงดังลั่นก่อนจะดึงสายชลออกไปจากห้อง
“กูขอยืมเสื้อมึงหน่อยนะ” ดรีมตะโกนตามหลังเพื่อนซี้
สายฟ้าขับรถพาดรีมและสายชลไปกินโจ๊กที่สามย่าน ก่อนจะไปตรวจ DNA ที่และแล็บเอกชนแห่งหนึ่งไม่ไกลจากแถวนั้น การตรวจ DNA ใช้เวลาเพียงไม่นานแต่ต้องรอผลประมาณ 7-14 วัน ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะดรีมได้ประสานงานกับทางแล็บให้เร่งผลการตรวจให้เร็วที่สุด ก็อย่างว่า… ประเทศนี้แค่มีเงินมากหน่อยบวกกับมีเส้นสายบ้าง อะไรที่ทำไม่ได้หรือต้องรอนานก็กลับกลายเป็นรวดเร็วเสมอ จนเดี๋ยวนี้อำนาจเงินใหญ่กว่าความดีแล้ว เพราะคนที่ทำดีท้อ คนทำชั่วเลยมีมากขึ้น
หลายครั้งที่สายฟ้าก็ไม่ต่างจากคนไม่ดีเหล่านั้น แต่เขาก็ยังยึดหลักของเขาเสมอ การกระทำของเขาถึงจะดูแหกกฎผิดหลักไปบ้าง แต่อะไรที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเขาจะไม่ทำเด็ดขาด และเขาเชื่อว่าเงินและอำนาจที่มีหากใช้ให้มันถูกมันอาจจะเกิดประโยชน์อีกมากมายได้
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ยังไงเดี๋ยวผลออกแล้วจะโทร.แจ้งอีกครั้งนะคะ” เจ้าหน้าที่บอกเสียงหวาน
“เราไปกินขนมอะไรกันดี” สายชลพูดเสียงร่าเริง
“อะไรกันควายน้อย มึงหิวอีกแล้วเหรอ ?” สายฟ้าถามพลางหัวเราะอย่างเอ็นดู
“ตัวก็เล็กนิดเดียวทำไมถึงหิวบ่อยจังวะ งั้นไปที่สยามซอย 4 แล้วกัน” ดรีมเอ่ยปากบอก เพราะเรียกว่าดรีมเป็นเจ้าถิ่นแถวนั้นเลยก็ว่าได้ นอกจากจะชอบไปซื้อเสื้อผ้าที่สยามแล้ว เขายังชอบนัดเดทกับสาว ๆ ที่สยามอีกด้วย เพราะสยามมีร้านน่ารัก ๆ ให้สาว ๆ ได้เช็กอินถ่ายรูป นั่นยิ่งทำให้พวกเธอประทับใจมากขึ้น ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนตร์ก็ต้องได้ด้วยคอร์สเรียนถ่ายภาพสวย ๆ
ไม่รู้ว่าเพราะความบังเอิญ โชคชะตา หรือว่าฟ้าดลใจ สายชลสะดุดตาเข้ากับคาเฟ่ร้านหนึ่ง ถ้ามองจากภายนอกก็ไม่ต่างอะไรกับร้านกาแฟที่มีวัยรุ่นนั่งเซลฟีกันทั่วไป ทว่าร้านนี้เป็นร้านเดียวกันกับที่สายชลได้พบกับไทม์ครั้งแรก
ความคิดถึงคืบคลานเข้ามาในใจเด็กหนุ่มอีกครั้ง สายชลเผลอคิดถึงสีหน้า แววตาไทม์ในครั้งแรกที่เจอ ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่ดูดีราวกับมีออร่าเปล่งประกายออกมาให้เขาหลงตั้งแต่แรกพบ
“ยืนเหม่ออะไร ไอ้ตัวเล็ก” ดรีมร้องทักด้วยความสงสัย
“เอ่อ คิดอะไรเพลิน ๆ น่ะครับ” สายชลคลี่ยิ้มแววตาเหงา
“เอ๊ะ ร้านนี้เปิดใหม่นี่ คราวก่อนมายังตกแต่งไม่เสร็จเลย งั้นวันนี้เราลองร้านใหม่กันไหม จะได้ชิมด้วยว่าอร่อยหรือเปล่า เวลาพาสาว ๆ มาจะได้ประทับใจ” ดรีมเอ่ยเสริม
สายฟ้าเริ่มเบื่อกับเด็กน้อยสองคนที่ยืนทะเลาะกันหน้าร้าน เขารีบผลักประตูเข้าไปยังโต๊ะด้านในสุดของร้านทันที เด็กสาวที่นั่งอยู่ก่อนหลายคนแอบซุบซิบและมองมายังโต๊ะของพวกเขาจนทำให้สายฟ้าที่รักความเป็นส่วนตัวอึดอัด และตามที่เขาคาดการณ์ เด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งสูดลมหายใจเรียกความกล้า ก่อนเดินตรงเข้ามายังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่
“สวัสดีค่ะ พี่ชื่ออะไรคะ” เด็กสาวยิ้มหวานให้กับสายชล แล้วส่งสายตาหยาดเยิ้มมาที่สายฟ้า
“เดี๋ยวกูเอง ๆ สวัสดีครับ พี่ชื่อดรีม ส่วนไอ้สองคนนี้สายชลกับสายฟ้า” ดรีมพูดด้วยน้ำเสียงติดเท่
สายฟ้าแทบจะไม่ปรายตามองเด็กสาวแม้แต่น้อย เขาขมวดคิ้วแน่น “พวกมึงอยากกินอะไรก็รีบสั่งจะได้รีบไป”
“คนนี้พี่สายฟ้าเหรอคะ” เด็กสาวพยายามชวนสายฟ้าคุยอีกครั้ง ขณะที่สายฟ้าได้แต่ถอนหายใจยาวอย่างหงุดหงิด
“สายชล กูขอเดินไปร้านหนังสือก่อนนะ มึงจะกินอะไรก็สั่งเลย เดี๋ยวดรีมจัดการต่อเอง” สายฟ้าพูดจบแล้วคว้ากระเป๋าคาดอกเดินออกจากร้าน ทิ้งให้สายชลกับเด็กสาวยิ้มเจื่อน ๆ ใส่กัน
“เอ่อ ขอโทษแทนพี่สายฟ้าด้วยนะครับ” สายชลลูบท้ายทอยแก้เก้อ
“น้อง ๆ มากัน 3 คนเหรอครับ จะสั่งอะไรเพิ่มสั่งได้เลยนะ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง”
“เอ่อ ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ วัลย์เกรงใจ” เด็กสาวรู้สึกเสียหน้าที่ผู้ชายที่เธอหมายปองเดินหนีไปอย่างไร้เยื่อใย
“งั้นเดี๋ยวพี่เดินไปส่งที่โต๊ะนะ ไอ้ชลเดี๋ยวกูมานะ” ดรีมทำปากขมุบขมิบบอกสายชล ด้านเด็กหนุ่มก็ได้แต่มองดรีมจีบสาวอย่างออกรส
ขณะที่สายชลกำลังเลือกเมนูอยู่นั้น เขามองออกไปยังฝั่งตรงข้ามร้านซึ่งเป็นร้านขายเครื่องดนตรี หัวใจที่เหี่ยวเฉาของเขาพลันเต้นแรงแทบจะหลุดออกมานอกอก สมองพร่าเบลออื้ออึง
“พี่ไทม์” สายชลหลุดอุทานชื่อคนที่เขาคิดถึงสุดหัวใจออกมา ร่างกายไวกว่าสมองเขาลุกพรวดจะตรงออกไปนอกร้าน และไม่ลืมที่จะบอกดรีมก่อนออกไปด้วยความเคยชิน เพราะครั้งก่อนเขาเผลอไปโดยไม่บอกจนโดนดรีมบ่นอยู่เกือบชั่วโมง
“พี่ดรีม ชลไปร้านเครื่องดนตรีฝั่งโน้นนะ พี่กินไปก่อนเลย” สายชลพูดจบก็พรวดพราดออกจากร้านไป
แม้สายชลจะเห็นเพียงด้านข้างแต่ก็จำได้ว่านั่นคือไทม์ ต้องใช่ไทม์แน่ ๆ เขายืนดูกีตาร์บริเวณหน้าร้านด้านนอก ความรู้สึกที่สายชลมีตอนนี้มันสับสนวุ่นวายเกินกว่าเด็กคนหนึ่งจะรับไหว เด็กหนุ่มก้าวเท้าฉับไวไปยังร้านขายเครื่องดนตรีขนาดสองคูหาที่มีเครื่องดนตรีครบครันโดยเฉพาะเครื่องสายอย่างกีตาร์ หัวใจของเขากระตุกไหวอย่างแรงยามที่เดินเข้าใกล้ไทม์แทบจะประชิดตัว กลิ่นหอมอ่อน ๆ โชยแผ่วตามสายลมที่โอบล้อมรอบกายราวกับกอดประโลมใจให้มีความหวัง สายชลยังคงหยุดยืนมองแผ่นหลังกว้างราวกับไม่เชื่อสายตาตัวเอง กลัวว่านี่จะเป็นเพียงภาพลวงหลอกตาจากความรู้สึกคิดถึงในก้นเบื้องหัวใจ และอีกฝ่ายอาจจะหายวับไปทันทีเมื่อเขาแตะต้อง
รัตติกาลสวมเสื้อแขนยาวสีเทาอ่อนมีฮู้ด กางเกงยีนสีเข้มเข้าคู่กับรองเท้าผ้าใบแบรนด์ดัง การแต่งกายที่ดูแปลกตาแต่ยังคงทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงอย่างทุกทีที่พบ ไทม์ยังคงยืนเลือกกีตาร์อยู่ตรงนั้น เขาใช้มือหนาไล้สัมผัสตามสายลวดอย่างหลงใหล รอยยิ้มบางเบาที่ปรากฏให้เห็นเพียงเลือนรางยิ่งทำให้สายชลละทิ้งความรู้สึกทุกอย่าง ความคิดถึงเอ่อล้นจนเด็กหนุ่มเผลอโผเข้าไปกอดเอวไทม์จากด้านหลัง โชคดีที่ภายในร้านมีแค่เขาสองคน
“พี่ไทม์ น้องดีใจจังที่เจอพี่…” สายชลกระชับอ้อมกอด ใบหน้าซบลงแผ่นหลังกว้าง ไม่คิดว่าจะได้มาพบไออุ่นที่ตามหาโดยบังเอิญที่นี่ ใจเขาหวั่นไหวทั้งตื่นเต้นจนลืมคิดไปว่าไทม์อาจจะตกใจได้ที่ใครก็ไม่รู้มากอดรัดเขาแบบนั้น
ชายหนุ่มตกใจกับท่าทีที่เด็กหนุ่มแสดงออก “เดี๋ยวเจ้าเด็กแคระ นี่เรารู้จักกันด้วยหรือ ?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วคมเข้มจนยุ่ง เอ่ยทักด้วยความสงสัย ไม่ว่าไทม์จะคิดอย่างไรเขาก็มั่นใจว่าไม่รู้จักเด็กน้อยคนนี้อย่างแน่นอน แต่การกระทำที่เจ้าเด็กนี่ทำกับเขา มันทำให้หัวใจของเขารู้สึกวูบไหวแปลก ๆ
สายชลระลึกได้ว่า… ในห้วงเวลานี้ไทม์ยังไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ คนเด็กกว่าได้ทำเรื่องน่าอายลงไปเสียแล้ว ‘ถ้าวิ่งหนีตอนนี้เลยจะยังทันไหมนะ’ แต่ก่อนที่จะคิดเรื่องวิ่งหนีสายชลคงต้องปล่อยมือจากไทม์ก่อน ทว่าสายชลไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดี
‘พี่ไทม์จะหาว่าผมเป็นไอ้โรคจิตหรือเปล่านะ ?’
“เอ่อ ตอนนี้เรายังไม่รู้จักกันหรอกครับ” สายชลเอ่ยด้วยสีหน้าประหม่า ใบหน้าขึ้นริ้วแดงระเรื่อ แม้เขาจะเป็นเด็กหนุ่มที่อัธยาศัยดีเพียงใด แต่เมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ก็ทำให้เขารู้สึกไปไม่เป็นเหมือนกัน
“เดี๋ยวก่อนนะ แล้วพูดอย่างกับว่าอีกสักพักเราจะรู้จักกันแล้ว ?” ไทม์เลิกคิ้วถาม
“เอ่อ จะว่าแบบนั้นก็ได้ ผมชื่อสายชลนะครับ” สายชลบอกอย่างเคอะเขิน
“ส่วนพี่…”
“พี่คือพี่ไทม์ รัตติกาล” สายชลชิงตอบก่อน ยิ่งทำให้เจ้าของชื่อรู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่สายชลคิดดีแล้วที่พูดแบบนั้นออกไป
“นี่คิดจะจีบเหรอ” ไทม์มองสายชลด้วยสายตาของคนเป็นต่อ เขาดุนลิ้นที่ข้างแก้มอย่างยียวน ก่อนจะกอดอกด้วยท่าทางมั่นใจว่าตัวเองดูดีประหนึ่งดาราซีรีส์ชื่อดัง
“เอ่อ…” สายชลตกใจนิดหน่อยกับท่าทีของไทม์ เขาไม่คิดว่าพี่ไทม์ในเวลานี้จะเป็นผู้ชายที่เอ่อ… ค่อนข้างดูหลงตัวเองอยู่ไม่น้อย แต่จากครั้งนั้นที่เคยคุยกับไทม์เอาไว้เรื่องแผนการรับมือหากเขาต้องกลับมายังห้วงเวลาเดิมที่จากมา ไทม์กำชับว่า…
“น้องชลไม่ว่าช่วงนั้นพี่จะเป็นยังไง น้องชลอย่าเพิ่งถอดใจจากพี่ได้ไหม” ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังพลางกุมมือสายชลเข้ามาไว้แนบอก
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?