หลังจากที่ทั้ง 3 คนดื่มกาแฟและกินขนมกันราว ๆ 40 นาที คนรออย่างสายฟ้าเริ่มมีท่าทีเบื่อหน่ายพลางนึกจะพาน้องชายไปที่ไหนต่อดี
“พี่สายฟ้าอยากไปไหนต่อไหมครับ”
“จริง ๆ ก็ไม่มีนะ ชลอยากไปไหนไหม”
สายชลส่ายหน้าแทนคำตอบ ไทม์ที่เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะสบตากับเด็กหนุ่มแล้วยิ้มอย่างละมุน
“เราไปดูหนังกันไหม”
สายฟ้ารีบพูดแทรก “กูไปด้วย”
“ดีครับ ไปด้วยกันทั้งหมดนี่เลย”
สายชลยิ้มด้วยความสดใส พร้อมกับรีบตักขนมสตรอว์เบอร์รี่ชีสเค้กตรงหน้าเข้าปาก
“พี่มีเรื่องอยากจะรบกวนน้องชล… และสายฟ้าด้วย”
สายฟ้าเลิกคิ้วอย่างสงสัยก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นแล้วหันไปทางคนด้านข้าง
“คืออยากจะทาบทามสายชล ไปทำงานด้วยกันที่นิตยสารครับ”
“ได้ยังไง กูก็มีบริษัทถึงจะไม่ใหญ่โต ให้ชลทำที่นี่ก็ได้ ยังไงกูก็เลี้ยงชลได้สบาย ๆ”
“คือผมเคยได้ยินสายชลบอกว่าอยากเป็นนักเขียนคอลัมน์ พอดีทางบริษัทเรากำลังจะเปิดนิตยสารใหม่ อยากให้สายชลไปอยู่ทีมกองบรรณาธิการ” ไทม์พูดด้วยสีหน้าจริงจังพลางสบตาไปยังสายชลประหนึ่งส่งความในใจอยากให้คนตัวเล็กไปอยู่ข้าง ๆ กายเขาร่วมงานกับเขาจริง ๆ
“ว้าว จริงเหรอครับ” สายชลจดจ้องไปที่ไทม์ราวกับต้องมนตร์สะกด เหมือนทั้งร้านมีแค่เพียงเขากับชายตรงหน้า
“จริงที่สุดครับ” ไทม์ยิ้มเล็กน้อยด้วยแววตาที่อบอุ่น
“เขียนคอลัมน์เหรอ อยู่ที่บริษัทกูก็ได้ ส่งงานในเมลเอาไง” สายฟ้ามุ่ยหน้าพร้อมกับโพล่งขึ้นมา ทำให้สองคนที่กำลังส่งสายตาหวานเยิ้มใส่กันต้องสะดุ้งเบา ๆ
“ผมอยากให้สายชลเรียนรู้งานกองบรรณาธิการด้วย”
สายชลเม้มปากแน่นพร้อมกับพยักหน้าหงึก ๆ เพื่อสื่อให้พี่ชายรับรู้ สายฟ้ามองไปยังน้องชายฝาแฝดและเขารู้ได้อย่างแน่ชัดเลยว่าสายชลอยากที่จะไปเรียนรู้งานที่กองบรรณาธิการนั่นจริง ๆ
สายฟ้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจนคิ้วหน้าขมวดแน่น พร้อมกับจ้องมองสายชลและไทม์ที่ตอนนี้กำลังจีบกันโดยไม่เกรงใจพี่ชายขี้หวงคนนี้เลย เมื่อเป็นความฝันและความต้องการของน้องชายแล้ว ตัวเขาก็คงเป็นผู้สนับสนุนและดูแลอยู่ห่าง ๆ
“งั้นเดี๋ยวพวกเราให้คำตอบแล้วกัน” สายฟ้าตอบด้วยน้ำเสียงยียวน
รัตติกาลได้ยินดังนั้นก็อดที่จะคาดหวังกับคำตอบไม่ได้ เพราะสายฟ้าไม่ได้ปฏิเสธเสียทีเดียว ถือว่าการที่เขาออกมาชวนสายชลในครั้งนี้ไม่เสียเปล่า โดยปกติด้วยวัยของไทม์ไม่ค่อยจะมานั่งร้านขนมสีหวานแหววย่านวัยรุ่นคับแน่นขนาดนี้ เพราะตัวเขาเองรู้สึกเขินเวลาเจอเด็กวัยรุ่นใส ๆ
เมื่อเช้าไทม์แชทคุยกับสายชลจึงรู้ว่าวันนี้จะมาเที่ยวสยามสแควร์กับสายฟ้า เขาจึงหาข้ออ้างในการเจอพลันมองไปยังโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอน นาฬิกาจีสปอต์สีดำสนิทเข็มสีทองวาววับวางอยู่ทำให้นึกได้ว่าควรจะไปเปลี่ยนสายได้แล้ว และวันนี้เขาเลือกที่จะแต่งตัวให้กระชากวัยที่สุดโดยเลือกเสื้อยืดคอกลมสีครีมแขนยาว แต่งชายแขนด้วยสีฟ้าอ่อน พร้อมกับกางเกงยีนสีอ่อนเข้ากับเสื้อทรงโอเวอร์ไซซ์ ทรงผมที่ปล่อยพลิ้วดูสบายตา ทำให้ไทม์ในลุคนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่นมากกว่าทุกครั้ง
ไทม์หันไปสบตาสายชล “พี่หวังว่าจะได้ข่าวดีนะครับ” เขาหยิบทิชชูตรงหน้าแล้วบรรจงเช็ดที่มุมปากของคนเด็กกว่า สายชลสบตากับร่างสูงด้วยท่าทีเขินอาย ก่อนจะคว้ากระดาษมาซับต่อเองชวนให้คนที่เห็นท่าทางน่ารักแบบนี้ยิ้มตามอย่างน่าเอ็นดู ทุกการกระทำผ่านสายตาสายฟ้าซึ่งกำลังทำหน้าไม่สบอารมณ์นัก
“เมื่อก่อน วันหยุดแบบนี้พี่สายฟ้าทำอะไรเหรอครับ” สายชลกล่าวถามพี่ชายเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดจนเกินไป
“แน่ะ ๆ อย่าบอกว่านอนอยู่บ้านนะ” สายฟ้าเสยผมแก้เขินแล้วยิ้มเบา ๆ ที่คนเด็กกว่าท้วงแบบรู้ทัน
“ส่วนใหญ่ก็อยู่บ้านก็เล่นเกมบ้าง แกะเพลงบ้าง เย็น ๆ ก็ไปห้องซ้อมดนตรี นาน ๆ ทีกูก็ไปเล่นที่ผับกับวงเพื่อน ๆ”
“พี่สายฟ้าเป็นนักดนตรีด้วยเหรอครับ เท่จังเลย” สายชลจ้องมองพี่ชายด้วยสายตาภูมิใจ แววตาระยิบระยับไปด้วยความตื่นเต้นราวกับเจอศิลปินที่ชื่นชอบ
“ผมชอบผู้ชายที่เล่นดนตรีครับ ดูมีเสน่ห์มาก” สายชลยังคงจ้องมองสายฟ้าอย่างชื่นชอบ
“น้องชลเล่นดนตรีเป็นไหมครับ” ไทม์หันมาถามคนตัวเล็กด้วยสายตาเอ็นดู
สายชลเขินอายพลางอมยิ้มเล็กน้อย “ก็พอเป็นฮะ แต่ไม่เก่งเท่าไร”
“ที่บริษัทพี่มีห้องสำหรับซ้อมดนตรีก่อนอัดเดโมด้วยนะ ว่าง ๆ คุณกับน้องชลก็มาใช้ห้องสิครับ”
“ไปได้เหรอครับ” สายชลทำหน้าตื่นเต้นราวกับลูกหมาน้อยที่กำลังหูตั้งหางกระดิกไปมาด้วยความดีใจ
“มาได้สิ พนักงานทุกคนมีสิทธิ์อยู่แล้ว โดยเฉพาะน้องชลเป็นกรณีพิเศษเลยนะ”
“พิเศษยังไงครับ” สายชลทำสีหน้าสงสัยเผลอขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว
“ก็น้องชลเป็นคนสำคัญของเจ้าของบริษัทไงล่ะ”
“เดี๋ยวก่อนนะ กูยังไม่ได้ตกลงให้ชลไปทำงานด้วยเลย จะเป็นพนักงานได้ยังไง”
รัตติกาลขำเล็กน้อยพลางมองหน้าสายฟ้าด้วยแววตาเจ้าเล่ห์แทนคำตอบ
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็มาหยุดยืนที่หน้าโรงภาพยนตร์ ทั้งไทม์และสายฟ้าต่างก็มองหน้ากัน ดูจากท่าทางแล้วก็รู้ว่าแทบจะไม่มาเหยียบที่โรงหนังสักเท่าไร จึงปล่อยให้สายชลยืนดูตัวอย่างหนังพลางเลือกหนังที่อยากดู ส่วนชายหนุ่มทั้ง 2 คนก็คอยบริการอยู่ใกล้ ๆ
สายชลเลือกหนังการ์ตูนอะนิเมชั่นของค่ายดังเรื่องหนึ่ง เพราะช่วงนี้ตรงกับช่วงปิดเทอมจึงค่อนข้างมีแต่หนังแนวครอบครัว รวมถึงหนังอะนิเมชั่นเยอะกว่าช่วงปกติ
“จะดูการ์ตูนจริง ๆ เหรอ” สายฟ้ามองตั๋วหนังพร้อมกับเดาอารมณ์และสีหน้าของสายชลไม่ออกเลยจริง ๆ
“ใช่ครับ ผมเคยคิดมานานแล้วว่าถ้ามีพี่น้องมาดูการ์ตูนด้วยกันคงจะมีความสุขดี”
สายฟ้าส่งยิ้มให้น้องชายพลางพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในจุดประสงค์ของสายชล
“และวันนี้ก็มีพี่ตั้ง 2 คน ไม่เหงาแล้ว” สายฟ้าปรายตาและส่งยิ้มร้ายกาจไปหาไทม์ที่กำลังยืนเหวอให้กับคำพูดของสายชลที่เอ่ยบอกว่าเขาเป็นพี่ด้วยอีกคน
สายชลยิ้มหวาน มือบางควงแขนชายหนุ่มทั้ง 2 คนเดินผ่านหน้าทางเข้าโดยไม่มีใครอิดออดเลยแม้แต่น้อย ก่อนจะเข้าไปนั่งรอหนังฉายที่โซนหน้าโรงภาพยนตร์
ทั้ง 3 คนเข้ามายังด้านหน้าของโรงหนัง ในช่วงวันหยุดค่อนข้างมีผู้คนมากกว่าวันปกติสักหน่อย คนเดินผ่านไปผ่านมาก็ต่างหยุดมองพวกเขา บ้างก็แอบยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพ ถึงแม้สายชลจะสงสัยว่าทำไมทั้งวัยรุ่นหรือบางคนดูจะอายุมากกว่าเขา ยกกล้องมือถือขึ้นมาถ่ายพวกเขา แต่ยังไม่ทันที่คนเด็กสุดจะเอ่ยถามออกไป ไฟแอลอีดีหน้าโรงหนังก็ขึ้นชื่อเรื่องอะนิเมชั่น ประตูโรงถูกเปิดออก ผู้คนจำนวนหนึ่งที่อยู่หน้าโรงหนังต่างค่อย ๆ ทยอยกันเข้าไป ทั้ง 3 คนจึงพากันเข้าไปในโรงหนังเช่นกัน
“ไทม์ มึงมานั่งตรงนี้มา เดี๋ยวกูนั่งตรงกลางเอง” สายฟ้าพูดพร้อมกับชี้บอกไทม์ด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง
“แต่…” ไทม์มองไปทางสายชลแล้วถอนหายใจ
“เร็วสินั่งลงได้แล้ว ตัวก็สูงยืนบังคนอื่นหมดแล้ว”
รัตติกาลจำใจนั่งข้างสายฟ้าพลางเหลือบตามองคนเด็กกว่าอย่างน่าเสียดาย
สายฟ้ากระซิบเบา ๆ “อ้าว มองอะไรจะกินป๊อบคอร์นเหรอ เอาไป” สายฟ้าพูดพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากอย่างคนเจ้าเล่ห์ เดิมทีเขาจะพาน้องชายมาเที่ยวอยู่แล้ว แต่มีก้างขวางคอมาขัด ตอนนี้ปล่อยให้ไทม์นั่งข้างเขาดีที่สุดแล้ว สายฟ้าคิดพลางหัวเราะอย่างไม่มีเสียง
“ยิ้มอะไรอะพี่ฟ้า” สายชลกระซิบพี่ชายพลางป้อนขนมเข้าปาก หากแต่เรียกว่ายัดขนมจะถูกต้องกว่า
“เดี๋ยวมานะ…” ไทม์สะกิดบอกสายฟ้า
“แค่นี้ก็อดทนไม่ไหวซะแล้ว ไก่อ่อนเอ๊ย” สายฟ้าพึมพำพร้อมกับนั่งดูหนังอย่างสบายใจ
“อ้าวพี่ไทม์นั่งสิครับ” สายชลทำหน้างงแล้วหันไปยิ้มหวานเช่นทุกที
“นี่มึง…” สายฟ้าส่งเสียงดังจนไทม์ยกมือหนาขึ้นมาบอกให้สายฟ้าเบาเสียง
“ชู่… เบาหน่อยสิคุณสายฟ้า” ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงกึ่งกระซิบพร้อมยกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยอย่างผู้ชนะ
“มึงกลับมานั่งนี่” สายฟ้าชี้ที่นั่งว่างเปล่าด้านข้างของตน
“ผมแค่นั่งที่ของผม…” ไทม์พลางส่งตั๋วที่เพิ่งซื้อใหม่เพื่อจะนั่งข้าง ๆ สายชลให้กับสายฟ้าดูเป็นหลักฐานยืนยัน
“ขอโทษนะคะ ช่วยเบาเสียงหน่อยได้ไหม” หญิงสาวด้านบนก้มลงมาพูดพวกเรา ทำให้สายฟ้าต้องจำยอมให้ไทม์คนเจ้าเล่ห์นั่งข้างน้องชายไปโดยไม่เต็มใจนัก
อุณหภูมิภายในโรงหนังเริ่มเย็นลงเรื่อย ๆ ขณะที่สายชลนั่งดูอะนิเมชั่นอยู่พร้อมกับกินป๊อบคอร์นและคอยป้อนพี่ชายของเขาไปด้วย สายชลกำลังจะเอื้อมมือไปหยิบน้ำตรงกลางระหว่างเก้าอี้ ทันใดนั้น สายชลก็สะดุ้งตัวโยน เพราะมือบางของเขาจับเข้ากับมือของไทม์อย่างจัง หากภายในโรงหนังไม่มืดชายหนุ่มข้างกายอาจจะสังเกตเห็นแก้มที่ขึ้นเลือดฝาดตอนนี้ก็ได้ สายชลรีบปล่อยมือออกจากแก้วน้ำ แต่ไม่ทันได้ชักมือกลับมือหนาของคนด้านข้าง ก็คว้ามือเล็กไปกอบกุมไว้ ไออุ่นที่แผ่ซ่านจากฝ่ามือทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกดีขึ้นก็จริง แต่น่าแปลก… พี่ไทม์จับที่มือ แต่ทำไมหน้าของเขาถึงได้ร้อนขนาดนี้ ตอนนี้สายชลแทบจะดูการ์ตูนไม่รู้เรื่องแล้ว หัวใจดวงน้อย ๆ รัวเสียงดังราวกับมีกลองตีจนสนั่นหวั่นไหวอยู่ด้านใน
ดวงตากลมโตเหลือบมองร่างสูงแต่อีกฝ่ายกลับทำตัวเหมือนปกติทุกอย่าง หรือมีแต่เขาที่ตื่นเต้นไปคนเดียว การ์ตูนดำเนินมาจวบจนใกล้จบเรื่องพี่ไทม์ก็ยังกุมมืออยู่อย่างนั้น สายชลดึงมือกลับมาเบา ๆ และแอบลอบมองคนข้างกายเป็นระยะ คนร่างสูงโปร่งหันมามองเขาอย่างช้า ๆ แล้วค่อย ๆ ยกหลังมือไปคลอเคลียแก้มของตนเองอย่างอ่อนโยน
มือหนาประคองมือของสายชลไว้ที่ข้างแก้ม ทำให้คนเด็กกว่ายิ่งรู้สึกตื่นเต้นจนรู้กระอักกระอ่วนกับบรรยากาศแบบนี้ จะวิ่งหนีก็ทำไม่ได้ หรือเขาควรนั่งนิ่ง ๆ ต่อ แม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกเคอะเขินจนแทบจะต้านทานไม่ไหวอีกต่อไป สายชลออกแรงดึงมือกลับมาแสร้งทำเป็นหยิบป๊อบคอร์นป้อนให้พี่ไทม์แล้วมองไปยังจอภาพยนตร์ตรงหน้า หัวใจที่เต้นแทบไม่เป็นจังหวะจนเด็กหนุ่มเผลอคิดถึงเรื่องวันนั้นที่หัวหินไม่ได้
ใบหน้าของทั้ง 2 คนใกล้ชิดกัน กลีบปากนุ่มจรดประกบกันอย่างอ่อนโยนราวกับหัวใจเราเชื่อมโยงกัน ไม่นะ สายชลสะบัดหน้าอย่างแรงเพื่อเรียกสติตัวเอง ไอ้สายชลนี่มึงกำลังคิดเรื่องบ้าอะไรอยู่นะ เผลอคิดถึงเรื่องเหตุการณ์วันนั้นที่หัวหินอีกแล้ว เด็กหนุ่มได้แต่คิดอยู่ในใจถึงแม้จะรู้สึกหวั่นไหวกับไทม์อยู่บ้าง แต่สายชลรู้สึกว่าตัวเขาเองไม่คู่ควรกับคนแบบพี่ไทม์เลยแม้แต่น้อย แล้วไหนจะเรื่องที่เขาไม่ใช่คนของช่วงเวลานี้ เรื่องนี้เจ้าตัวเองก็ไม่รู้จะบอกกับอีกฝ่ายอย่างไรดี
ตอนนี้ดูเหมือนว่าพี่สายฟ้า พี่ดรีม รวมถึงคุณราเชนทร์ก็น่าจะพอรู้เรื่องราวของเขาแล้ว ถึงแม้ว่าจะดูไม่น่าเชื่อมากแค่ไหนก็ตาม แต่เอกสารต่าง ๆ ที่พี่สายฟ้าเอามาให้ในวันนั้นมันก็เห็น ๆ กันอยู่แล้วว่าความจริงในช่วงเวลานี้สายชลต้องตายลงไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ความเป็นจริงที่แสนจะเจ็บปวดหัวใจ พอจะมีทางไหมที่ทำให้เขาไม่ต้องเสียทุกอย่างไปรวมถึงชีวิตของตัวเองด้วย
เมื่อสายชลคิดเรื่องนี้ทีไรจิตใจก็รู้สึกเศร้าทุกที แปลกเหมือนกันนะ ทั้งที่เขาไม่ได้เป็นคนอ่อนแอขนาดนี้ แต่ทำไมมาอยู่กับพวกพี่สายฟ้ากลับกลายเป็นคนเจ้าน้ำตาขนาดนี้ เด็กหนุ่มใช้หลังมือเช็ดน้ำตาพลางถอนหายใจยาว ไม่ได้ จะเป็นแบบนี้ไม่ได้เขาต้องเข้มแข็งสิ จะมัวอ่อนแออยู่ทำไม ตอนนี้ไม่ได้สู้คนเดียวเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้วพี่สายฟ้าบอกว่าจะช่วยกันหาทางออกช่วยกันคิด
สายชลสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับปาดน้ำตาอย่างหนักแน่นราวกับจะบอกตัวเองว่าเขาจะไม่อ่อนไหวเรื่องนี้อีกต่อไป ต้องสู้เพื่อมีชีวิต สู้เพื่อพี่สายฟ้าและครอบครัว
หลังจากดูหนังจบต่างแยกย้ายกัน แต่สายชลยังอ้อนพี่ชายให้พาเดินศูนย์หนังสือ รวมถึงพากินชานมไข่มุกเจ้าอร่อย เด็กหนุ่มตื่นเต้นกับชานมไข่มุกในยุคนี้มาก เพราะที่ที่เขาอยู่ถึงมันจะอร่อยก็จริงแต่เป็นรสชาติธรรมดา ไม่มีไข่มุกหลากหลาย ไม่มีพ่นไฟแบบทุกวันนี้
“อาบน้ำแล้วมาหาพี่ที่ห้องหน่อยนะชล” สายฟ้าพูดเสียงเรียบแล้วเดินไปยังเครื่องซักผ้าก้ม ๆ เงย ๆ เหมือนกำลังจะเตรียมซักผ้า
สายชลขบคิดเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดวันนี้ ทุกอย่างราวกับความฝัน เขาทั้งมีความสุข สนุก และอบอุ่น ทุก ๆ ครั้งที่ได้อยู่ใกล้กับพี่ไทม์และสายฟ้า สายชลมักจะทำตัวออดอ้อนและเขาก็มีความสุขมาก ที่ผู้ชายทั้ง 2 คนตามใจเขา ชีวิตตอนนี้เรียกได้ว่าเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไป อยากอยู่ที่นี่ตลอดไปจังเลย ใครบ้างล่ะ อยากกลับไปตาย เขารู้ดีถึงแม้ว่าจะอยากอยู่ที่นี่มากมายเท่าไร แต่ที่นี่ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เขาควรจะอยู่ ไม่ต่างกับที่… ถึงแม้สายชลอยากจะกลับบ้านหรือช่วงเวลาเดิมมากมายเพียงใด เด็กหนุ่มก็ยังกลับไม่ได้อยู่ดี
แม้ว่าสายชลจะข้ามและย้อนเวลามาที่นี่ครั้งที่ 2 แล้ว แต่ตัวเขาก็ยังเดาไม่ถูกว่าเพราะอะไรถึงมีโอกาสในช่องว่างของกาลเวลามายังที่นี่ พอ ๆ กับที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าอะไรจะทำให้เขากลับไปได้ แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจคือ เขาต้องตายกลางเดือนสิงหาคม อีกเกือบ 6 เดือน สายชลรู้อนาคตแล้วและมั่นใจว่าเขาจะเปลี่ยนอนาคตของตัวเอง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะต้องเปลี่ยนอย่างไร
สายชลหยิบผ้าเช็ดตัวขนนุ่มสีขาวมาพันรอบเอวหลวม ๆ ใส่ชุดสบาย ๆ ที่พี่สายฟ้าเตรียมใส่ตู้ไว้ให้ 2-3 ชุด แล้วรีบตรงไปยังห้องของพี่ชาย พลางนึกเรื่องที่แฝดพี่จะคุยด้วย เพราะดูจากสีหน้าเหมือนจะเป็นเรื่องจริงจัง ใช่เรื่องที่อยากให้เขาเลิกติดต่อพี่ไทม์ไหมนะ สายชลแอบหวั่นใจ
“อาบน้ำนานจัง”
สายชลยิ้มหน้าเจื่อนพลางเช็ดผมแล้วดึงเก้าอี้โต๊ะทำงานพี่ชายมานั่ง
“ถ้าน้องชลพร้อมวันไหน ไปเริ่มงานที่บริษัทปุญคีตะฯ ได้เลยนะ”
สายชลที่กำลังเช็ดผมชะงัก พร้อมเอามือบางขยี้ตาตัวเองรัว ๆ ด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
“หรือว่าไม่ไป”
“ไป ไปครับ”
“อื้ม ถ้าติดเรื่องอะไรถามกูได้นะ ถึงจะไม่ได้เรียนเอกวารสาร แต่ก็เรียนนิเทศศาสตร์มา เดี๋ยวกูจะแวะไปหาบ่อย ๆ แล้วจะให้ดรีมฝากไอ้เชนมันคอยดูแลอีกทีด้วย”
หมับ…
สายชลพุ่งตัวเข้ามากอดพี่ชายแทนคำพูด เพราะเขารู้ว่าพี่ชายไม่ชอบเจ้าของบริษัทมากแค่ไหน แต่ก็ยังยอมให้ตนไปทำงานกับพี่ไทม์ ถึงแม้จะเป็นห่วงมากก็ตาม แต่คนเด็กกว่าเข้าใจทุกการกระทำของสายฟ้าอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“ทำงานที่นั่น อย่ามัวแต่กินขนมนะ”
“ครับ”
“ตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้ให้มาก เผื่อกลับไปแล้วจะได้เอาไปใช้ได้”
สายชลก้มหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่จางหายไป
“เป็นอะไร สายชล”
“ไม่อยากกลับไป ที่นั่นไม่มีพี่ฟ้า”
“โธ่ ควายน้อยของพี่ จะยากอะไรก็ไปตามหาพี่สิ”
“แบบนั้นได้เหรอ”
“เดี๋ยวเรื่องนี้เราค่อยมาคุยกันอีกทีแล้วกัน ขอคิดวิธีก่อนพี่จะไม่ยอมให้ชลผ่านเรื่องลำบากคนเดียวหรอก”
สายฟ้ามองหน้าน้องแฝดด้วยสีหน้าจริงจัง แววตาเปล่งประกายความมุ่งมั่น เขาพร้อมที่จะดูแลปกป้องครอบครัวคนเดียวของเขา เช้าวันแรกของการทำงานสายชลตื่นเต้นมากกว่าวันปฐมนิเทศเปิดเทอมตอนม.6 เสียอีก เขานอนแทบไม่หลับตื่นมาเลือกเสื้อผ้าตั้งแต่ ตี 5.30 วันนี้พี่ดรีม พี่สายฟ้า รวมทีมกันไปส่ง ทั้งที่บอกแล้วว่าไม่ต้องไปก็ได้ แต่พี่ทั้ง 2 คนนั่งยันนอนยันจะไปให้ได้ แต่เจ้าตัวไม่อยากถูกมองว่าเป็นเด็กเส้น เพราะกลัวจะทำงานร่วมกับคนอื่นยาก แต่ก็ต้องยอมรับจุดนี้ว่าเขาเป็นเด็กเส้นจริง ๆ
รัตติกาลเป็นคนพาสายชลไปที่กองบรรณาธิการด้วยตัวเอง ถึงแม้จะเป็นนิตยสารที่จะเปิดตัวใหม่ แต่ก็ไม่ได้แยกสัดส่วนยังคงนั่งรวมกับพี่ ๆ ทุกคน เด็กหนุ่มเพิ่งจะรู้ตอนเดินไปยังแผนกว่าพี่ไทม์ส่วนใหญ่จะทำงานในส่วนนิตยสารมากกว่าส่วนอื่น ๆ ในบริษัท และแน่นอนทำเลที่ตั้งโต๊ะทำงานของสายชลอยู่ในสายตาของพี่ไทม์ เรียกได้ว่าถ้าเปิดม่านห้องกรรมการผู้จัดการ เหลือบตาขึ้นมาก็เจอที่นั่งเขาเลย
“สายชล” ซันตะโกนเรียกเสียงดังมาก่อนที่ตัวจะถึง พร้อมกับช่อดอกสแตติชสีม่วงแซมสีขาว ช่อกลมน่ารัก ห่อด้วยกระดาษสีน้ำตาลมีริบบิ้นสีขาว ยื่นมาให้สายชลท่ามกลางความตกตะลึงจากสายตาคนทั้งแผนก
“เอ่อ นี่อะไรกันซัน” สายชลยืนยิ้มแห้งมองช่อดอกไม้ขนาดเล็กน่ารัก
“ก็แสดงความยินดีที่ชลมาทำงานกับเราไง” ท่ามกลางสายตาและแสงแฟลชจากเหล่าชิปเปอร์ในบริษัท
กลุ่มลับบริษัท
ชั้นก็แค่คนนึง : ข่าวด่วนพวกแก
เรื่องเผือกขอให้บอก: เรื่องอะไรเหรอ ถ้าไม่ปังชั้นจะพังโต๊ะแก
ชั้นก็แค่คนนึง : ส่งรูปภาพ (คุณราชันย์มอบดอกไม้ให้พนักงานใหม่)
คนตัวเล็กในมุมมืด: น้องเขาน่ารักมากแก เวลายิ้มทีโลกสดใสมาก เห็นว่าชื่อ สายชล น้องแฝดของคุณสายฟ้า
เรื่องวายขอให้บอก : แชร์ลิงก์สแควร์…
เรื่องวายขอให้บอก : พวกหล่อนไปเมาท์กรุ๊ปใหม่กัน วายสักนิดกับชิปเปอร์ #ชลซัน
ป้าสมร : เด็กพวกนี้ไร้สาระ
กลุ่มไลน์สแคร์ วายสักนิดกับชิปเปอร์ #ชลซัน
ป้าสมรเข้าร่วม…
เรื่องวายขอให้บอก : อ้าวป้าไหนว่าไร้สาระ
ป้าสมร : ตายแล้วลืมเปลี่ยนชื่อ
เรื่องวายขอให้บอก : ไม่ทันแล้วป้า
ป้าสมร : สาระป้ามีเยอะแล้ว น้องซันของป้าน่ารักมาก
ป้าสมร : กำลังส่งรูปภาพ (รอยยิ้มของซันที่มองสายชล)
Fcเด็กใหม่: พนักงานใหม่ชื่อสายชล น่ารักมากงื้ออออ
คุณซันออกตัวแรงมาก
คุณไทม์คือเดอะเบสต์ : กำลังส่งภาพ (ภาพไทม์เช็ดปากให้สายชลที่ร้านขนม
ในสยามฯ)
ซันของเจ๊ : นี่หล่อนอ่านชื่อกลุ่มไม่ออกเหรอจ๊ะ #ชลซัน
คุณไทม์ของเจ๊ : อ่านออกค่ะ แต่อยากบอกว่าคู่นี้เรียลกว่า ชลซันอะไรกัน
หักไม้พายทิ้งไปได้เลย
คุณหนิงเลขาคุณไทม์ : ทำงานไหมคะ อิอิ
เรื่องวายขอให้บอก : เอ่อคุณหนิง ทำค่ะ รักงานที่สุดใน 3 โลก
คุณหนิงเลขาคุณไทม์ : กำลังส่งวิดิโอ
(สายชลรับดอกไม้ซัน ยกมือลูบท้ายทอยเขิน
แล้วจู่ ๆ คุณราเชนทร์ก็ลากคอน้องชายกลับแผนกไป)
ชิปทุกคู่ดีทุกคน : อยากชิปคุณเชนบ้างจัง หล่อเท่ กร้าวใจ
๐๐๐๐๐๐
๐๐๐
๐
คุณหนิงนั่งอมยิ้มอยู่ที่โต๊ะทำงาน โดยไม่ทันได้สังเกตเจ้านายเดินมาหยุดยืนจ้องหน้าพร้อมกับทำหน้าเคร่งขรึม
“คุณหนิงครับ ผมฝากดูน้องสายชลด้วยนะครับ” คุณหนิงที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถือสะดุ้งตัวโยน พร้อมกับเหงื่อเม็ดบาง ๆ ผุดที่ไรผม
“ได้เลยค่ะ คุณไทม์” คุณหนิงหันไปยิ้มให้กับพนักงานใหม่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“น้องชลเดี๋ยวยังไง คุยกับพี่หนิงได้เลยนะครับ” ไทม์หันมาพูดกับสายชลด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับมือหนาลูบผมคนตัวเล็กกว่าเบา ๆ อย่างทะนุถนอม
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?