‘สุดท้ายแล้ววันนี้แทนที่จะเป็นเดทสองต่อสองกับพี่ไทม์ กลับกลายเป็นการเดทของเราสามคน ผม คุณทีม และพี่ไทม์ นึก ๆ ดูแล้วมันก็น่าขันเสียจริง ๆ ทั้งที่ตอนแรกผมกังวลเรื่องคุณทีมว่าเขาจะแบ่งปันความรู้สึกดี ๆ ของพี่ไทม์ไป แต่ผมกลับรู้สึกผ่านแววตาของคุณทีมราวกับผมเป็นคนที่มาแย่งความรักจากพี่ไทม์ไปเสียมากกว่า แต่ถ้าจะให้ผมปล่อยพี่ไทม์ไปด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกแตกสลายเช่นนั้นผมคงทำไม่ได้ เพราะผมรู้ดีกว่าใคร การรอคอยด้วยความรู้สึกที่โหยหามันเป็นเช่นไร’
การที่สายชลได้ไปเที่ยวกับทีมในครั้งนี้ทำให้เขามั่นใจเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างไทม์กับทีม มันไม่มีอะไรเฉกเช่นที่ไทม์เคยบอกเมื่อครั้งที่สายชลอยู่ห้วงเวลานั้น
ถึงเรื่องของทีมจะไม่มีอะไรในกอไผ่ ทว่าสายชลก็ยังรู้สึกสบายใจได้ไม่เต็มที่ด้วยสาเหตุที่เขายังไม่สามารถติดต่อสายฟ้าได้เลย กระทั่งตอนนี้เวลาเกือบจะ 5 โมงเย็น ก็ยังไร้วี่แววการติดต่อกลับจากสายฟ้า เด็กหนุ่มพยายามโทร.เช็กกับทางรีสอร์ตรวมไปถึงติดต่อกับดรีม ท้ายที่สุดก็ยังไม่ได้ข่าวสายฟ้าอยู่ดี
‘ทั้งที่พี่สายฟ้าอยู่กับผมในห้องแท้ ๆ แต่พี่สายฟ้าหายไปไหนกัน ทำไมถึงไม่มีใครพบพี่สายฟ้าเลยสักคน... จะเป็นไปได้ไหมที่พี่สายฟ้าก็ข้ามเวลาได้เหมือนกับผม’
เมื่อสายชลตั้งข้อสันนิษฐานได้เช่นนั้นก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นถี่ระรัว ทั้งตื่นเต้นและกังวลในคราวเดียวกัน
‘ถ้าเป็นอย่างนั้น ทำไมพี่สายฟ้าไม่เคยเผยพิรุธให้ผมเห็นเลยล่ะ หรือผมจะคิดมากไปเองอย่างนั้นหรือ ?’
“น้องสายชลเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ไม่สนุกเหรอ ?” ไทม์เอ่ยถามเสียงเรียบทว่าแววตาเต็มไปด้วยความห่วงใยชนิดที่ว่าเจ้าตัวยังไม่คาดคิด ขณะที่ชายหนุ่มเดินเข้ามาประชิดตัวสายชล พร้อมกับดึงกระเป๋าเป้ใบโปรดของคนเด็กกว่ามาถือโดยไม่สนสายตาของทีมที่กำลังจับจ้องอยู่
“ก็ไม่เชิงครับ” สายชลยิ้มบางเอ่ยตอบอย่างขอไปที ในขณะที่ยังพยายามคิดถึงเรื่องที่สายฟ้าขาดการติดต่อ
“อึดอัดเพราะเรามาด้วยใช่ไหมล่ะ” ทีมพูดด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ สายตาเลื่อนลอย ลอบถอนหายใจอย่างคนปลงไม่ตก
สายชลรีบโบกมือเชิงปฏิเสธเป็นพัลวัน “ไม่ใช่... ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ”
“แต่ถึงจะอึดอัด…” ทีมกระตุกยิ้มอย่างคนขี้แกล้ง “แล้วไงใครแคร์”
“นี่ทีม… ไม่น่ารักเลยนะ” ไทม์ส่งสายตาห้ามปรามพร้อมกับขมวดคิ้วเข้มจนคนถูกดุยู่ปากด้วยความไม่พอใจ
“ถ้าทีมทำตัวน่ารัก… แล้วพี่ไทม์จะกลับมารักผมไหมล่ะครับ”
คนถูกดุไม่เกรงกลัวสายตาของไทม์ กลับกันทิวากรยังหรี่ตาคู่คมสวยพร้อมกับแยกเขี้ยวใส่ ตอกกลับด้วยน้ำเสียงประชดประชัน ทั้งที่เขารู้ว่าคนตรงหน้าไม่ชอบแต่เขากลับทำมันเพื่อเป็นการตอกกลับอย่างอดไม่ได้ !
“เฮ้อ…” ไทม์ถอนหายใจก่อนจะเดินไปม้านั่งริมทางเดินแล้วหย่อนสะโพกลงอย่างเอือมระอา เขารู้ดีว่าหากทีมตั้งใจจะดื้อแล้วละก็... อะไรก็หยุดเด็กเอาแต่ใจอย่างทีมไม่อยู่
ทีมเริ่มกระสับกระส่าย แทนที่ไทม์จะกล่าวโทษเขาเหมือนที่ผ่านมา ครั้งนี้ไทม์กลับใช้หางตามองเขาพร้อมกับถอนหายใจ ส่งให้ความหวั่นกลัวว่าไทม์จะโกรธตนเข้าให้ถาโถมเข้ามาในจิตใจ
“แหม ทีมแกล้งแค่นี้ทำหน้าเครียดไปได้” ทิวากรรีบสาวเท้าเดินมานั่งลงข้างไทม์ ทิ้งให้สายชลยืนสังเกตสถานการณ์แสนอึมครึมเงียบ ๆ
เมื่อสายชลเห็นทั้งไทม์และทีมนั่งหันหลังเงียบใส่กัน เขาจึงนั่งลงยังม้านั่งใกล้ ๆ กันก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับดรีม
จู่ ๆ ทีมก็หันมาพูดกับสายชลด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร ที่คนฟังยังแทบจะไม่เชื่อหูของตัวเอง “แล้วไม่สบายใจเป็นอะไร เราพอช่วยอะไรได้ไหม ?”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ” สายชลพูดเสียงอ่อน ส่ายหน้าพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง
“ไม่ไว้ใจเราใช่ไหมล่ะ ก็พอเข้าใจได้”
สายชลเอียงคอเล็กน้อยอย่างแมวกำลังสงสัย ก่อนจะอมยิ้มบางจนเกือบจะหลุดขำ “จริง ๆ แล้ว... คุณทีมก็น่ารักเหมือนกันนะครับ”
วูบหนึ่งทีมยิ้มคว่ำปากก่อนจะหุบยิ้มฉับอย่างคนที่พยายามรักษาภาพพจน์ ทว่าแก้มสีแดงระเรื่อก็ยังคงเก็บงำอาการเขินไว้ได้ นานจนทีมก็เกือบจะนึกไม่ออกแล้วที่ไม่เคยมีใครชมเขาซึ่งหน้าเช่นนี้
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่ยังไง... ก็ขอบคุณนะ น้องก็... น่ารักเหมือนกัน”
ขณะที่ทีมและสายชลกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ไทม์ก็หันมาสบตาสายชลพลางส่งรอยยิ้มหวานด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจ ทำให้สายชลทำหน้าไม่ถูก จึงรีบหันกลับไปคุยกับทีมอีกครั้งเพื่อหลีกหนีจากสายตาเจ้าชู้ที่กำลังมีผลให้หัวใจของเขาเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ
“คือ... ผมยังติดต่อพี่สายฟ้าไม่ได้เลยน่ะสิ”
“สายฟ้า ?” ทีมถามพร้อมเลิกคิ้ว
“อื้ม พี่สายฟ้าเป็นพี่ชายฝาแฝดของผมน่ะ”
“หึ มีเจ้าหน้าเต้าหู้... 2 คนเลยเหรอ” ทีมบ่นพึมพำพลางหรี่ตามองสายชลด้วยสายตาพินิจพิจารณา
“นี่คุณทีม ไม่ได้กำลังบุลลี่ผมอยู่ใช่ไหม”
“โทษที ๆ ปากเสียไปหน่อย งั้นเรารีบกลับไปที่รีสอร์ตดีไหม ? เผื่อว่าเขาจะรออยู่ที่นั่นแล้ว”
“ผมโทร.ไปเช็กแล้ว… พี่สายฟ้ายังไม่กลับมาเลย เอ๊ะ หรือว่า…”
“หรือว่าอะไร” ทีมรีบถามด้วยเสียงตื่นเต้น
“ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“ไม่มีอะไร แล้วจะทำเสียงตื่นเต้นทำไม” ทีมบ่นอุบแต่ก็เลื่อนฝ่ามือบางแตะที่ต้นแขนสายชลเบา ๆ เป็นเชิงปลอบใจ “เราเชื่อว่าเดี๋ยวพี่น้องก็ติดต่อมา อย่ากังวลไปเลยเนอะ”
ทิวากรหันกลับไปหาไทม์ที่สายตายังขุ่นเคืองอยู่ พลางเลื่อนมือตนไปจับมือของชายหนุ่มมากุมไว้หลวม ๆ ด้วยความรู้สึกยากที่จะอธิบาย
“พี่ไทม์วันนี้สนุกมากเลย เดี๋ยวทีมขอตัวก่อนนะ ยังไงถ้ามีโอกาส... พวกเราไปเที่ยวกันอีกนะ”
ทีมพูดพร้อมกับหันไปยิ้มอย่างเป็นมิตรให้กับสายชลอีกครั้ง ทว่าสายชลกลับรู้สึกว่าแววตาของทีมนั้นไม่ได้ยินดีแม้แต่น้อย สายตานั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย แต่สิ่งหนึ่งที่เด็กหนุ่มรับรู้ได้อย่างแน่ชัดคือ ต่อจากนี้ทีมจะไม่ใช่คนที่สายชลมองว่าเป็นศัตรูหัวใจอีกต่อไป หากแต่เป็นรุ่นพี่ที่ดีมากอีกคนหนึ่ง
“จะรีบไปไหนล่ะครับ ยังไม่ได้ไปเดินตลาดตอนเย็นด้วยกันเลย” สายชลเอ่ยเสียงอ่อนพร้อมกับรั้งแขนของทีมไว้อย่างลืมตัว
ทีมคลี่ยิ้มอ้าแขนรับมิตรภาพนี้ไว้ด้วยความเต็มใจ ถึงทีมจะรู้สึกดีกับไทม์มากเพียงใด แต่การที่เขาเป็นก้างตัวโตที่ขวางการเดทของทั้งสองคนในครั้งนี้ก็ทำให้เขาได้รู้แล้วว่า สายชลไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย น้องจิตใจดีเกินกว่าจะเป็นศัตรูกับเขาด้วยซ้ำ กลับกัน สายชลนี่ละ ที่ดีพอจะอยู่เคียงข้างไทม์ ไม่ใช่ทีมนึกยอมแพ้เพราะตัวเขาไม่ดีพอ แต่เพราะการกระทำทุกอย่างในวันนี้ทำให้ทีมรู้แจ้งอย่างแจ่มชัดแล้วว่า ความรักที่ไทม์มอบให้แก่ตนนั้นมีเพียงความเป็นพี่น้องเท่านั้น อย่างน้อยไทม์ก็ยังให้ความสำคัญแก่เขา ถึงจะไม่ใช่อย่างที่ทีมหวัง… แต่ถ้าเป็น ‘สายชล’ ทีมก็พร้อมจะหลีกทาง
“ขอบคุณมากสำหรับวันนี้ แล้วเจอกันที่กรุงเทพฯ นะ” ทีมขยิบตาให้สายชลก่อนจะหันไปถือวิสาสะโอบกอดไทม์เป็นการบอกลาและเป็นนัยแห่งการยอมแพ้ หลังจากนี้เขาจะเป็นน้องที่ดี ‘ถ้าเขาทำได้ละนะ’
ทีมวางคางมนลงบนลาดไหล่ของไทม์พลางกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู “ผมรู้แล้วว่าทำไมพี่ถึงชอบน้องคนนี้ ยังไงทีมเอาใจช่วยพี่ไทม์นะครับ”
“เอ่อ…” ไทม์ทำหน้าอึดอัดเพราะที่ผ่านมาแม้เขาจะบอกทีมหลายต่อหลายครั้ง ว่าความสนใจที่เขามีให้กับทีมนั้นไม่เคยเกินเลยกว่าความเป็นพี่น้อง แต่ทีมก็ไม่เคยมีทีท่าจะสนใจ ทว่าครั้งนี้ทั้งการกระทำรวมไปถึงสายตาของเด็กหนุ่มบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า ‘ทีมไม่โอเค’ ส่งผลให้ไทม์อดเป็นห่วงสุขภาพจิตใจของทีมไม่ได้
“ผมโอเค…” ทีมยกโทรศัพท์ขึ้นมาแกว่งเบา ๆ กลางอากาศ
“พอดีมีนัดแล้วน่ะ ไม่อยากกวนเวลาเดทของพี่ไทม์แล้ว วันนี้... แกล้งพี่มาทั้งวันแต่พี่ก็ไม่หวั่นไหวเลย เท่านี้ผมก็รู้แล้วว่าเรื่องของเรามันคงไม่มีหวัง แต่ขอบอกไว้อย่าง พี่ไทม์อย่าการ์ดตกนะ ไม่อย่างนั้น... ผมรุกแน่นอน”
รัตติกาลรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่แท้จริงของทีม เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่กลายเป็นทีมที่ผละอ้อมกอดที่แสนโหยหานั้นออกเสียเอง พร้อมกับรอยยิ้มปริ่มน้ำตาหันหลังจากไป...
“เอ่อ... พี่ไทม์โอเคไหม จะไม่ตามคุณทีมไปหรือครับ”
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องพี่กับทีมเรา...” ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวล เขาก็ไม่รู้จะเริ่มเล่าความสัมพันธ์ระหว่างตนกับทีมให้เด็กน้อยเข้าใจได้อย่างไร
“ไม่ต้องพูดหรอกครับ เรื่องคุณทีม... ผมไม่ได้คิดมากอะไร”
คำตอบของสายชลทำให้ความอึดอัดใจของไทม์ที่สุมอกราวกับภูเขาหิมาลัยทลายเป็นเสี่ยงทิ้งไว้เพียงความโล่งใจ นั่นเพราะน้องสายชลเอ่ยด้วยเสียงใจเย็นว่า ‘น้องไม่คิดมากเรื่องทีม’
“น้องสายชลหมายถึงยังไง” ทั้งที่เขาได้ยินอย่างชัดเจนแล้วแต่เขาก็อดที่จะถามย้ำเพื่อความมั่นใจไม่ได้
“แค่น้องมีพี่ไทม์อยู่ด้วยแบบนี้... ก็อุ่นใจแล้ว” สายชลเอ่ยเสียงหวาน คลี่ยิ้มเต็มดวงหน้าจนตาแทบเป็นสระอิ การแสดงออกเพียงเล็กน้อยของคนเด็กกว่ากลับทำให้หัวใจของรองประธานหนุ่มสั่นสะท้านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“บอกชอบพี่ทางอ้อมหรือเปล่าครับ” เขาแสร้งพูดแก้เขินทั้งที่ในใจอยากจะตะโกนให้ดังก้องว่า ‘น้องสายชลช่างน่ารักเหลือเกิน’
“อื้ม...” สายชลอมยิ้มด้วยสายตามีเลศนัย “อันนี้ก็แล้วแต่พี่ไทม์จะตีความนะครับ”
“ถ้าพี่คิดเข้าข้างตัวเองว่าน้องสายชลชอบพี่ล่ะครับ” เขาพูดพร้อมกับลุกไปยังม้านั่งตัวเดียวกันกับคนเด็กกว่า วงแขนแกร่งฉวยโอบกระชับเข้าที่เอวของสายชล ทว่าเด็กน้อยแกะมือปลาหมึกของเขาได้ทันท่วงที ก่อนจะเป่าลมเข้าที่หูของไทม์เพื่อเป็นการเอาคืน สายชลจำได้ดีว่า ‘หูของพี่ไทม์ไวต่อการสัมผัส’ เพราะฉะนั้นส่วนนี้จึงเป็นจุดอ่อนของไทม์ที่สายชลชอบเอาไว้เล่นงานคนแก่กว่าให้วาบหวิวใจ
หลังจากสายชลเป่าลมเบา ๆ ที่จุดอ่อนไหวของไทม์ เด็กน้อยก็ฉวยโอกาสวิ่งหนีคนแก่กว่าไปยังทางเดินริมสวนสาธารณะ โดยที่สายชลไม่ลืมที่จะตะโกนเอ่ยแซวไทม์ด้วยเสียงหัวเราะชอบใจ “ปกติพี่ไทม์ก็ชอบเข้าข้างตัวเองอยู่แล้วนี่ครับ”
“ดะ... เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าเด็กแสบ นี่หลอกด่าพี่อยู่หรือเปล่าเนี่ย” ไทม์หน้าแดงก่ำ ความหวั่นไหวเพียงเสี้ยววินาทีกลับทำให้ชายหนุ่มรู้สึกวูบไหวอย่างน่าประหลาด
“ใครจะไปกล้าหลอกด่าพี่ไทม์ล่ะครับ ไม่มี้ ไม่มี”
รัตติกาลหัวเราะร่าพร้อมกับวิ่งตามคนเด็กกว่าไปติด ๆ นานจนจำแทบไม่ได้แล้วว่าเขาหัวเราะอย่างเต็มหัวใจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ “เดี๋ยวเถอะนะ... กลับมาให้พี่ตีก้นซะดี ๆ”
“แน่จริงก็วิ่งตามมาสิครับ” สายชลตะโกนหยอกเย้าด้วยท่าทางสบาย ๆ ทันทีที่เด็กน้อยไม่ทันระวังไทม์ก็เข้ามาประชิดตัวพร้อมกับรวบเอวบางเข้ามาไว้แนบอกอย่างเอ็นดู สองสายตาสบประสานกัน ความคุ้นเคยที่แสนโหยหากรุ่นอยู่ในหัวใจ ท้ายที่สุดสายชลก็ยังไม่กล้าพูดออกไปว่าไทม์คือชายคนเดียวที่เขารัก และเขาก็เป็นคนเดียวกันกับที่ไทม์ตามหา
“งั้นเรากลับรีสอร์ตกันดีไหม ?” ไทม์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบ
“พี่ไทม์อยากไปเดินตลาดก่อนไม่ใช่เหรอครับ”
“ไม่เป็นไร เรากลับไปพักกันก่อนเผื่อพี่ชายของน้องสายชลจะรออยู่ที่นั่น พวกเราค่อยไปด้วยกันสามคนก็ได้” ไทม์เอ่ยทั้งที่วงแขนแกร่งยังคงโอบเอวบางโดยไม่คิดที่จะผละออกโดยง่าย
“ว่าแต่พี่ไทม์กับพี่สายฟ้าเหมือนไม่ค่อยถูกกันไม่ใช่เหรอครับ แล้วจะไปเดินตลาดด้วยกันจะดีหรือครับ ?”
ไทม์สบตาเด็กน้อยด้วยสีหน้ายิ้มกรุ้มกริ่ม แววตาเต็มไปด้วยความนึกสนุกอย่างปิดไม่มิด “อันที่จริง พี่ไม่ได้รู้สึกไม่ชอบพี่ชายของน้องสายชลเลยนะ เพียงแต่...”
“แต่อะไรครับ”
“พี่ฝาแฝดของเราน่ะ นิสัยเหมือนเด็กคนหนึ่งที่พี่เคยรู้จัก แค่มองแล้วน่าแกล้ง... ก็เท่านั้น” เขาพูดด้วยหน้าทะเล้น
“โตแต่ตัวจริง ๆ ขี้แกล้งชะมัด” สายชลบ่นพึมพำ
“เดี๋ยวนี้เจ้าเด็กแคระเริ่มมีปากมีเสียงกับพี่แล้วเหรอไง ฮึ... ”
“เปล่าซะหน่อย...” สายชลตอบอย่างลอยหน้าลอยตา พร้อมกับเดินตรงไปยังรถหรูของไทม์เพื่อกลับรีสอร์ต ม่านฟ้า ทะเลดาวด้วยกัน
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?