ตอนที่ 21แผนรับมือกับห้วงเวลาเดิม

[สายฟ้า]

ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปรวดเร็วราวเม็ดทรายที่ค่อย ๆ ไหลลงตามแรงโน้มถ่วงของนาฬิกาทราย ความกลัวที่ก่อเกิดขึ้นภายในใจสายฟ้าค่อย ๆ ถาโถม สายฟ้าพลางคิดถึงเรื่องราวของสายชลในขณะที่กำลังออกกำลังกายยามเช้า ถึงแม้ว่าตอนนี้ทุกอย่างจะดีหรือเรียกได้ว่าดีมากเลยทีเดียว แต่เวลามีความสุขมักเหมือนน้ำผึ้งผสมยาพิษหากเราไม่รับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น เขากลัวเหลือเกินว่าสายชลจะต้องเผชิญเรื่องราวที่ยากลำบากโดยลำพัง สายฟ้าครุ่นคิดอยู่นานในขณะที่เหงื่อค่อย ๆ ไหลลงมา ลมหายใจรัวถี่ด้วยความเหนื่อยจากการวิ่งบนลู่วิ่ง

หากสายชลต้องกลับไปยังห้วงเวลาของตัวเองอีกครั้ง จะทำอย่างไรให้เราได้เจอกัน และตัวเขาในอดีตจะยอมรับสายชลเหมือนเขาตอนนี้ไหม เพราะตัวเขาในห้วงเวลานั้นไม่ใช่คนประเภทที่จะยอมรับอะไรง่าย ๆ อย่างแน่นอน ขณะที่สายฟ้ากำลังใช้สมองคิดพลางออกกำลังกายอยู่นั้น น้องชายฝาแฝดก็ร้องโวยวายดังลั่นห้อง เสียงร้องไห้และกรีดร้องดังจนคนเป็นพี่ชายอย่างเขารีบผลีผลามออกจากลู่วิ่งแบบไม่คิดชีวิต

สายฟ้ามายังห้องนอนของน้องชาย มือหนาเปิดประตูอย่างร้อนใจก้าวขาฉับ ๆ พุ่งตัวไปยังคนที่นอนร้องโวยวายมือปัดป่ายสะเปะสะปะอยู่บนที่นอน

“ชล เป็นอะไร ? สายชล” สายฟ้าตะโกนพร้อมเขย่าน้องชายเบา ๆ แล้วเรียกซ้ำ ๆ จนกระทั่งสายชลตื่นรีบโผเข้ากอดเอวของคนผู้พี่ สายฟ้าลูบผมน้องชายเพื่อปลอบประโลม ไม่นานคนตัวเล็กที่หายใจหอบถี่ก็ค่อย ๆ หายใจเป็นจังหวะ ตัวสั่นระริกอย่างน่าสงสาร แล้วผละตัวออกพร้อมกับมองหน้าพี่ชายคล้ายอยากจะพูดอะไรบางอย่าง

“ไหนดูซิ เหงื่อแตกพลั่ก ร้องโวยวาย ควายน้อยของพี่ฟ้าเป็นอะไร” สายฟ้าพยายามพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ฝันร้ายฮะ” สายชลพูดพลางทำหน้าเศร้า แต่ครั้งนี้สายฟ้าสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของคนเด็กกว่า แม้จะเสียขวัญเพียงไรสายชลก็ไม่ขี้แยเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว สายฟ้ามองน้องชายด้วยแววตาอ่อนโยนอย่างที่ไม่ค่อยได้เปิดเผยให้ใครได้เห็นนัก พลางลูบผมอย่างเอ็นดู สายชลในตอนนี้โตขึ้นกว่าเดิมแล้วสินะ มือหนาค่อย ๆ ลูบไล้เส้นผมนิ่มอย่างทะนุถนอม น่าแปลกที่เขาแทบจะจำเรื่องราวความหลังของเขากับสายชลไม่ได้เลย มีเพียงความรู้สึกเลือนรางยามหลับตาลงสู่ห้วงนิทราเท่านั้น

ในยามที่หลับใหลราวกับว่าสายฟ้าได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ที่ที่มีเด็กตัวเล็กคอยเดินกอดแขนเขา และมีผู้ชายคนนั้นคนที่ดูดีนุ่มนวลชวนให้ลุ่มหลง หากเขาคนนั้นมีตัวตนจริง ๆ ก็ดีสินะ ช่วงหลังมานี้ไม่ค่อยฝันถึงเขาผู้นั้นเลย จู่ ๆ เสียงใสที่ตอนนี้มีความกังวลแฝงอยู่ในแววตา มือสั่นเทาเบา ๆ เอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ชลฝันเห็นตัวเองในชุดนักศึกษาถูกรถชนจมกองเลือดฮะ น่ากลัวมากเลย ไม่มีใครช่วยเลยมีแต่คนมุงดู” สายชลเล่าด้วยสายตาหวาดระแวงจนพี่ชายอย่างเขาเห็นแล้วก็อดเจ็บปวดหัวใจไม่ได้

หากตอนนั้นสายชลได้รู้จักเขาหรืออยู่กับเขาก็คงจะดีไม่น้อย สายฟ้าคิดแผนอยู่ในหัวพลางบอกให้สายชลรีบอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย เดี๋ยววันนี้เราจะไปรวมพลกัน ถึงแม้สายชลจะทำทีท่าเหมือนไม่เข้าใจแต่เขาก็ก้าวเท้าลงเตียงนอนไปอย่างว่าง่าย

สายฟ้าทอดสายตาไปยังโต๊ะทำงานของน้องชายฝาแฝด กรอบรูปสีขาวเรียบง่ายขนาด 8x12 นิ้ว ซึ่งวางอยู่ด้านในสุดของโต๊ะ เป็นภาพของเขากับชลที่ได้เจอกันครั้งแรกที่บ้านของราเชนทร์ ภาพหมู่ที่ทุกคนต่างยิ้มสนุกสนานให้กับกล้อง สายฟ้าหรี่ตาลงมองข้อความเล็ก ๆ ที่เขียนทับบนรูปภาพ

เพียงความทรงจำอันแสนวิเศษ สายฟ้ามองข้อความนั้นอยู่เนิ่นนานพลางคิด เพียงความทรงจำงั้นเหรอ มันจะต้องไม่เป็นแบบนั้น ครั้งนี้หากควายน้อยมันกลับไปห้วงเวลาเดิมของตัวเองจะต้องไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป สายฟ้าต่อสายโทรศัพท์หาเพื่อนรัก

“ดรีมมึงอยู่ไหน”

“มึงมีอะไรด่วน ทำไมทำเสียงแปลก ๆ”

“กูมีเรื่องสำคัญอยากปรึกษา” สายฟ้านิ่งไปสักพักจนปลายสายเร่งถามด้วยความร้อนใจ

“เรื่องสายชล มึงอยู่ไหนเดี๋ยวกูขับไปหา” สายฟ้าตอบน้ำเสียงสับสนและกังวล

“เอ่อ…” ดรีมลากเสียงยาวด้วยความเลิ่กลั่ก

‘คุณ เช้านี้อยากกินอะไรพิเศษไหม เดี๋ยวผมลงไปทำให้’

“สัตว์ดรีม…” เสียงสายฟ้าดังจนคนปลายสายถึงกับสะดุ้ง

“เออ ทำไมต้องเสียงดังกับกูด้วย กูก็ตัวแค่เนี้ย ใจมีแค่เนี้ยะ”

“สัตว์ อย่ามาดึงดราม่า” สายฟ้าบ่นพึมพำ พร้อมกับเสียงขำแก้เก้อเขินของคนปลายสาย

“บ้านราเชนทร์ใช่ไหม จะให้กูไปหาหรือมึงจะออกมา” สายฟ้าถามด้วยเสียงเรียบนิ่ง

“แป๊บนึงนะมึง” ดรีมกรอกเสียงลงสายไปยังเพื่อนรักพร้อมกับหันไปพูดกับคนข้างกายเบา ๆ

“ไอ้เชน อะไรของมึงเนีี่ย เห็นไหมว่ากูคุยโทรศัพท์อยู่” ดรีมตีหน้าขาของราเชนทร์พร้อมทำคิ้วขมวดดึงหน้ายักษ์ใส่

“คุณก็ให้พี่น้องฝาแฝดมาคุยที่บ้านผมก็ได้ บ้านผมก็ไม่มีใครอยู่แล้ว เดี๋ยวช่วงเย็นวันนี้พวกเรามาปาร์ตี้กันสักหน่อยไหม ไม่ได้รวมตัวกันนานแล้ว” ราเชนทร์พูดพลางนัวเนียแถว ๆ ต้นคอดรีม จมูกโด่งคลอเคลียอย่างหยอกล้อ

“เออ แบบนั้นก็ได้ แล้วอย่าเพิ่งบอกไอ้ไทม์นะ พวกกูขอคุยธุระกันก่อน”

ดรีมผลักราเชนทร์ออกอย่างเบามือ แต่ก็ยังไม่วายที่มือปลาหมึกอย่างเชนจะแกล้งหยอกล้อจนดรีมเผลอคำคิกคักเบา ๆ

“ฮัลโหล ไอ้ดรีม มึงลืมไปเปล่าว่ายังคุยกับกูอยู่ สัตว์” สายฟ้าพูดเชิงบ่นจนทำให้ดรีมรู้สึกหน้าร้อน มือหนาฟาดเข้ากลางหลังของราเชนทร์เพื่อระบายความเขิน

ไม่นานนักสายฟ้าและสายชลก็มาถึงยังบ้านของราเชนทร์ ตั้งแต่ที่มีสายชลโผล่เข้ามาในชีวิต ดูเหมือนว่านอกจากเขาจะติดต่อกับพวกไอ้ไทม์ ไอ้เชนบ่อยขึ้นแล้ว ก็ยังมีเพื่อนซี้ของเขานี่แหละ ปากบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนาไม่อยากเห็นหน้า ไม่รู้ว่าจู่ ๆ ทำไมกลายเป็นกิ๊กกันไปได้ จะเรียกกิ๊กก็ไม่น่าจะใช่ FWB อะไรนั่น สายฟ้าไม่ค่อยเชื่อเรื่องความสัมพันธ์แบบนี้สักเท่าไรนัก มันจะเป็นไปได้สักแค่ไหนกันเชียว แค่มีความสัมพันธ์ทางกายกัน แค่มีเซ็กส์กันแต่ห้ามมีความรู้สึกต่อกัน สำหรับคู่อื่นก็อาจเป็นไปได้ แต่สำหรับคู่ของไอ้ดรีมแล้ว... ต่อให้อมวัดมาพูดก็ไม่อยากเชื่อ ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะเสือกเรื่องของมัน แต่มันทั้งสองคนนี่ละที่ทำอะไรไม่ค่อยระวัง ตัวดรีมไม่เท่าไรแต่ไอ้คุณราเชนทร์ดูอยากเป็นมากกว่าแค่คู่ขาไอ้ดรีมเอาเสียมาก แต่เห็นแล้วก็ตลกดีที่คนเงียบวางมาดอย่างไอ้เชน เพื่อนเขาแจอย่างกับลูกหมาโกลด์เด้นท์ตัวใหญ่ ๆ ที่ใหญ่แค่ตัวแต่แฝงไปด้วยความมุ้งมิ้งเสียเต็มประดา สายฟ้าอดอมยิ้มให้กับความคิดตัวเองไม่ได้ ปกติเขาไม่ค่อยสนใจเรื่องส่วนตัวของคนรอบตัวสักเท่าไร สงสัยว่าจะอยู่ใกล้สายชลมากไป เพราะรายนั้นชอบเอาเรื่องซุบซิบมาเมาท์ให้ฟังอยู่บ่อย ๆ จนตัวเขาเผลอฟังไปด้วย คิดแล้วก็กระดากใจไม่น้อยมาบ้านเขายังเผลอนินทาเขาในใจเสียได้ สายฟ้าถอดหมวกกันน็อกใบเท่แล้วก้มส่องไปที่กระจกตรงแฮนด์รถ มือหนาค่อย ๆ สางจัดทรงผมเบา ๆ ในขณะที่สายชลก้าวขาสั้น ๆ ลงจากรถบิ๊กไบค์คันหรู

“โอ้โฮ พี่ธานินทร์สุดยอดไปเลย” สายชลพูดพร้อมกับเอามือมาลูบไล้ที่เบาะเบา ๆ แต่เหลือบไปเห็นสายตาที่จ้องเขม็งของพี่ชาย

“แทนที่จะชมว่าพี่ชายคนนี้สุดยอด แต่มึงกลับไปชมธานินทร์สุดยอด ควายน้อยนี่มันคือควายน้อยจริง ๆ” สายฟ้าบ่นเสียงฮึดฮัดเบา ๆ ถึงเขาจะชื่นชอบรถมากเพียงไร แต่ก็ชอบให้น้องชลชื่นชมเขาเพียงคนเดียว ใช่แล้วเขาหวงน้องแต่จะไม่บอกให้รู้หรอกว่าหวง และคงจะไม่มีใครรู้ด้วยเพราะเก็บอาการต่าง ๆ ได้อย่างดี ทำอย่างไรได้เกิดมาจวบจนอายุเกือบ 30 ก็เพิ่งจะมีน้องชายกับเขา อีกทั้งยังเป็นน้องชายที่ดูอ่อนโยนน่าทะนุถนอมอย่างสายชล น่าแปลกที่เป็นฝาแฝดกันแต่สายฟ้ากลับไม่มีความอ่อนหวานเลยสักนิด แม้บางครั้งจะอยากทำอะไรตามใจหรือยิ้มหวานแบบสายชลแต่ก็ติดที่เขาไม่เคยแสดงความรู้สึกออกไป พอคิดว่าต้องทำแบบนั้นมันก็รู้สึกแปลกประหลาด จึงคิดว่าอยู่เฉย ๆ แบบที่เป็นก็ดีอยู่แล้วไม่ได้รู้สึกแย่อะไร

สายฟ้ากับสายชลเดินมารอเจ้าของบ้านและเพื่อนตัวดีที่ห้องรับแขก แล้วคนที่ไม่อยากเจอก็เดินเข้ามา ไอ้ซันน้องชายของราเชนทร์ ไอ้ซันนี่มองจากศาลาแดงก็รู้ว่าชอบสายชล ซันเดินตรงเขามาไหว้เขาแบบเคารพนอบน้อมพร้อมกับถือขนมและน้ำหวานมาเอาใจสายชล ส่วนเจ้าน้องชายคนนี้ก็ยิ้มเกลื่อนกลาดไปทั่ว เขาจึงทำได้แค่ปลอบใจตัวเอง แต่ไม่ว่าซันจะเต๊าะจะหยอดแค่ไหน สายชลก็เริ่มโตแล้วและรับมือกับความหวานหว่านล้อมได้เป็นอย่างดี สายฟ้าที่ทำทีท่าไม่สนใจนั่งเล่น IG แต่ก็แอบฟังเด็ก ๆ จีบกันพลางแอบยิ้มมุมปากด้วยความสะใจ

“ชล เราทำคุกกี้เองเลยนะ รู้ว่าชลชอบคุกกี้ช็อคโกแลต”

“จริงเปล่า ซันอะขี้โม้”

“จริง ๆ เราทำเองจากใจเลยนะ”

“…” สายชลขำยกมือปิดปาก

ซันงุนงงว่าสายชลตลกอะไรนี่มันเป็นคุกกี้นะไม่ใช่กัญชาสักหน่อย แล้วสายชลก็ชี้ไปที่ถังขยะเล็ก ๆ ที่ริมทางเชื่อมห้องนั่งเล่น เป็นเศษซากกล่องคุกกี้ที่ซันสมอ้างว่าเป็นคนทำเองกับมือ น้องชายเจ้าของบ้านถึงกับเอามือลูบแก้มแก้เขิน ซันเงยหน้าเห็นรอยยิ้มร้าย ๆ ของสายฟ้าที่ยิ้มมุมปากราวกับสะใจที่ตนเองหน้าแตก

“เหอะ ๆ” ซันขำแห้ง ทำทีท่าจะออกไปจากห้องนั่งเล่น แต่สายชลก็รั้งไว้ด้วยเสียงอ่อนหวาน

“ไม่เป็นไร ๆ ซัน เราชอบ ถึงจะทำหรือไม่ทำเองก็อร่อยเหมือนกัน”

“ไงพวกมึงมานานยัง” ดรีมพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“ไงมึง หน้าใสมาเลยนะ”

“ใสพ่อง”

“…” สายฟ้ายิ้มแบบเจ้าเล่ห์พร้อมกับทำตากลอกไปมาชวนให้คนมองอยากจะถีบสักทีสองที

“สวัสดีครับคุณสายฟ้า น้องชล” ราเชนทร์เอ่ยทักอย่างสุภาพพร้อมทั้งค่อย ๆ รูดผ้าม่านด้านนอกออกรับแสงธรรมดาแต่ยังคงปิดม่านโปร่งด้านในกรองแสง ห้องรับแขกจึงมีแสงสาดเข้ามาอย่างนวลตา

“คุณพาเพื่อนของคุณไปคุยกันที่ห้องดนตรีไหม” เชนกล่าวพยักพเยิดหน้าคุยกับดรีม

“เออ พอดีมาคุยธุระ กูไม่ได้มาซ้อมดนตรี” สายฟ้าบ่นพึมพำกับเพื่อนซี้

“อ้อ ห้องดนตรีเป็นเหมือนห้องประชุมเล็ก ๆ น่ะ แต่ก็มีเครื่องดนตรีนิด ๆ หน่อย ๆ กูว่าห้องนั้นก็สะดวกดีเหมือนกันนะ” ดรีมรีบชิงพูด เพราะตนก็ชอบห้องนั้นอยู่ไม่น้อยแต่คิดแล้วก็อดหน้าแดงไม่ได้จนเกิดริ้วสีแดงที่แก้ม

“ทำไมพี่ดรีมหน้าแดงครับ ไม่สบายหรือเปล่า” สายชลเอ่ยทักดรีมด้วยความเป็นห่วง ทว่าดรีมทำท่าทางมีพิรุจจนสายฟ้าเริ่มรำคาญความพิรี้พิไร

“ไปกันดีกว่า จะได้รีบคุยรีบกลับ” สายฟ้าตัดบท

“อ้าวไม่ปาร์ตี้กันต่อเหรอ”

“ไม่รู้เดี๋ยวค่อยคิด”

“อะ แล้วแต่คุณเลยครับคุณสายฟ้า” ดรีมแกล้งพูดแขวะเพื่อนซี้พร้อมกับพากันเดินไปยังห้องซ้อมดนตรีส่วนตัวที่ด้านหน้าปีกขวาชั้น 2 ของตัวบ้าน

“สายชลกินขนมเสร็จค่อยตามขึ้นมาก็ได้นะ” สายฟ้าหันมาบอกคนตัวเล็กเพราะรู้ว่าน้องชายชอบกินขนมมากแค่ไหน และเห็นกำลังคุยกับซันอย่างสบายอารมณ์ จึงให้น้องคุยกับซันไปก่อนจะได้อารมณ์ดีก่อนที่จะมาคุยเรื่องเครียด ๆ กับพวกเขา

ดรีมเดินนำสายฟ้าขึ้นมายังห้องดนตรีด้านหน้าปีกขวาชั้น 2 ของตัวบ้าน ห้องนี้เป็นห้องที่สามารถมองออกไปยังนอกตัวบ้านได้เพราะกำแพงด้านนอกทั้งหมดเป็นกระจกเต็มบาน ตรงกับที่จอดรถและเห็นวิวสระว่ายน้ำหน้าบ้าน บรรยากาศภายในห้องซ้อมแตกต่างจากห้องทั่วไปมาก ๆ ห้องนี้มีเครื่องดนตรีไม่มาก มีชั้นหนังสือสีขาววางชิดริมกำแพง มีโต๊ะยาวที่คล้ายกับโต๊ะในห้องประชุม โซฟาเบดทรงใหญ่ที่สามารถดึงออกมาเป็นที่นอนได้ แล้วยังมีโปรเจคเตอร์ เรียกได้ว่าเป็นห้องสารพัดประโยชน์เลยก็ว่าได้

“ห้องอะไรวะเนี่ย ดีไซน์แปลกมาก จะห้องสมุดก็ไม่ได้ ห้องดนตรีก็ไม่เชิง เสือกมีโต๊ะยาวไว้นั่งประชุมอีก” สายฟ้าบ่นพึมพำ

“เออ ห้องทำงานกู”

“อะไรนะ” สายฟ้าถามด้วยเสียงตกใจ

“ก็แต่ก่อนก็มีแต่เครื่องดนตรีแหละ แต่แบบกูชอบหิ้วงานมาทำด้วยไง แล้วเอกสารมันเยอะกูก็ขอโต๊ะสักตัวมาวางตรงนี้แต่ไม่อยากซื้อใหม่ก็หาที่มีอยู่ ส่วนโซฟา เผื่อกูง่วง”

“กูว่าห้องเชือดมากกว่า”

“สัตว์”

“ก็ห้องห่าไรวะเอาของมาปนกันมั่ว”

“ก็วิวห้องนี้มันสวย”

“เอาเหอะเรื่องของมึง ทำไมไม่คบกันจริง ๆ จัง ๆ ไปเลยวะ”

“คือเอ่อ…” ดรีมทำสีหน้าอึดอัด

“เออ ๆ แล้วแต่มึงแล้วกัน แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น” สายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง

ดรีมที่ค่อย ๆ ลากเก้าอี้ทิ้งสะโพกลงนั่ง พร้อมกับจ้องมองเพื่อนด้วยสีหน้าที่ดูมีเรื่องในใจแต่ไม่พร้อมจะพูดในตอนนี้

“มึงยังมีกูอยู่ข้าง ๆ นะเว้ย” สายฟ้าพูดด้วยเสียงอ่อนลงและถอนหายใจอย่างอ่อนใจ ดรีมยิ้มมุมปากเล็กน้อยอย่างเข้าใจเพื่อนซี้ เขากับสายฟ้าสนิทกันตั้งแต่ตอนปี 1 เข้าเรียนที่เดียวกัน แต่สายฟ้ามักเป็นคนห้าว ๆ ไม่ค่อยพูด ส่วนเขาเป็นนักกีฬาฟุตบอลเข้ากับคนง่ายกว่า ถึงแม้ว่าสายฟ้าจะดูเหมือนไม่สนใจไม่แคร์ผู้คนแต่ก็รู้ดีว่าสายฟ้าให้ความสำคัญกับทุก ๆ ความสัมพันธ์เสมอ และสายฟ้าก็คงเป็นห่วงจิตใจเขาที่เอาตัวเองไปเกี่ยวพันกับเชน ไม่สิ ต้องเรียกว่าเอาตัวเองไปอยู่ในความสัมพันธ์ที่ยากจะอธิบาย แต่ในเมื่อเขาเลือกทางนี้แล้วถึงเขาจะเจ็บก็ไม่เป็นไร สนใจแค่วันนี้ตอนนี้เขายังโอเคยังมีความสุขดีก็คงเพียงพอ ความคิดของดรีมต้องชะงักเมื่อเพื่อนซี้ของเขาพูดประโยคที่คิดว่าชาตินี้ไม่น่าจะได้ยิน

“กูจะเลิกขับธานินทร์”

“มึงว่ายังไงนะ”

“กูจะซื้อรถยี่ห้อไหนดีวะ”

“เดี๋ยวนะ กูฟังไม่ผิดใช่ไหม” ดรีมก้มลงไปเขย่าคอเสื้อขอสายฟ้าจนคอเสื้อยับย่น คนถูกดึงรั้งคอมองเพื่อนซี้ตาขวางจนดรีมต้องปล่อยมือแล้วยิ้มแห้งแก้เก้อ

“มึงฟังไม่ผิดหรอก กูจะขับรถยนต์แล้ว น่าจะปลอดภัยกว่าจะได้พาชลไปไหนมาไหนได้โดยที่กูไม่ต้องกังวล” สายฟ้าตอบ ทำให้คนฟังอย่างดรีมถึงกับคลี่ยิ้มออกมาจนทำให้คนตรงหน้าอดเขินไม่ได้

“อะไรกัน ไอ้ห่าดรีม ทำไมมองกูแบบนี้”

“ก็ไม่อะไร แค่แปลกใจ แต่ก็ถือเป็นเรื่องดีแหละ รักน้องหลงน้องอะเนอะ ดูออก…” ดรีมแซวพร้อมกับลากเสียงยาว

ประตูเปิดบานไม้สีขาวถูกเปิดออก ซันและสายชลเดินมาที่หน้าประตูด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สายชลเดินเข้ามาด้วยท่าทีตื่นเต้น หันไปพูดคุยกับซัน ชวนกันเดินไปเล่นเปียโนไฟฟ้าที่อยู่ริมห้อง ดรีมและสายฟ้านั่งมองอยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยเรียกให้สายชลมาคุยธุระ ในขณะที่ซันตีเนียนนั่งอยู่บนตู้แอมป์จนสายฟ้าต้องไล่ตะเพิดออกไป สายชลยิ้มหัวเราะท่าทีของซันแต่ลึก ๆ ในใจของคนตัวเล็กรู้ว่าน่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากทีเดียว

สายฟ้าทอดสายตาไปยังท้องฟ้าปลอดโปร่งหมู่เมฆเกาะกุมกันดูอ่อนนุ่มราวขนมสายไหม ห้องนี้มองเห็นภายนอกได้อย่างถนัดตา ในขณะที่ภายนอกก็สามารถมองขึ้นมายังห้องนี้ได้เช่นกัน สายฟ้าจ้องมองน้องชายสลับกับเพื่อนซี้พลางถอนหายใจ เพราะตนไม่รู้จะเริ่มพูดอย่างไรให้คำพูดดูละมุนที่สุด เพราะคนหนึ่งก็อ่อนไหวง่าย ส่วนอีกคนก็คิดน้อยปากไวเสียเหลือเกิน

“ยังไงครับ คุณสายฟ้า มึงจะจ้องหน้าพวกกูอีกนานไหม” ดรีมทักท้วง

“กูรู้สึกกังวลเรื่องของสายชล”

“อ้าว ไอ้ชลมึงไปทำอะไรไม่ดีมา ฮึ” ดรีมหันไปทำเสียงแข็งแกล้งแหย่งน้องคนเล็ก

“ผมเหรอฮะ ผมทำตัวไม่น่ารักเหรอ เอ๊ะ ผมทำอะไรผิด” เสียงปนเศร้าของสายชลเอ่ยออกมาจนสายฟ้าอดเอ็นดูคนตัวเล็กไม่ได้ ยืนยกมือหนาลูบหัวน้องชายเบา ๆ

นั่นปะไร คนหนึ่งก็ปากเสีย อีกคนก็ใจน้อย

“ไม่ใช่แบบนั้น ควายน้อยของพี่”

สายฟ้าค่อย ๆ ตั้งสติแล้วพูดสิ่งที่ใจคิดออกมา “คืออย่างที่มึงรู้ ๆ กัน เรื่องอดีตของสายชล กูไม่อยากให้น้องต้องเผชิญโชคชะตาบัดซบนั่นคนเดียว กูคิดว่าถ้ามันรู้จักมึงกับกูก่อนหน้าที่จะถึงวันนั้น”

สายฟ้าทิ้งระยะห่างของคำพูด ครั้นนึกถึงภาพถ่ายของน้องชายฝาแฝดที่ร่างจมกองเลือดคว่ำหน้าที่พื้นคอนกรีต

“เราน่าจะพอช่วยหรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง คือการที่จู่ ๆ สายชลข้ามเวลามาตอนนี้ มึงทั้ง 2 คนไม่แปลกใจเหรอว่า ทำไมถึงมาได้ แล้วมีใครหน้าไหนวะ ที่รู้ว่าตัวเองต้องตายห่าแบบนั้นจะไม่อยากกลับไปแก้ไขอดีต และถ้าชลไม่ข้ามมาอนาคตกูก็คงไม่มีทางรู้แน่ ๆ ว่ากูมีน้องกับเขาด้วย”

“แล้วมึงมีแผนอะไรไหม” ดรีมถาม

“กูก็กะจะมาปรึกษาพวกมึงนี่แหละ” สายฟ้าตอบ

“ถ้าผมกลับไปห้วงเวลาเดิม ผมจะหาพวกพี่เจอได้ยังไงครับ แล้วถ้าเจอ... พวกพี่จะเชื่อผมเหมือนตอนนี้หรือเปล่า” สายชลพูดพร้อมทำสีหน้ากังวลใจ

“แล้วตอนแรกที่น้องชลมันมา ทำไมมึงถึงเชื่อวะไอ้ดรีม” สายฟ้าถามด้วยความแปลกใจ เพราะเขารู้จักเพื่อนเขาดีว่าถ้ามีคนมาบอกว่า เฮ้ย เราข้ามเวลามาจากอดีตนะ นอกจากไอ้ดรีมจะไม่เชื่อมันต้องทำสีหน้าดราม่าเกินจริงพร้อมกับลากคอไปเช็กประสาทแน่นอน

“ตอนแรกกูก็ไม่เชื่อหรอก จะลากคอไปโรงพยาบาลด้วยซ้ำ”

นั่นไงกูว่าแล้ว สายฟ้าคิดพลางเผลอยิ้มออกมาอย่างเป็นเรื่องขบขัน ครั้นนึกขึ้นได้ว่าต้องจริงจังกับเรื่องตรงหน้าก่อนจึงตั้งใจฟังเผื่อจะพอนึกวิธีที่ทำให้เขาในอดีต เข้าใจจนยอมรับในตัวของสายชลได้

“แต่พอดีมีงานเข้ามา กูเลยให้สายชลมันนอนพักไปก่อน แต่พออยู่กับมันไปสักพักกูก็เชื่อแบบสนิทใจว่ายังไงมันก็ไม่ใช่มึงแน่ ๆ ทั้งสีหน้า แววตา การพูด ทุก ๆ อย่างเลยนะเว้ยที่กูมั่นใจว่าไม่ใช่มึงแน่ ๆ แต่กูก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามึงหายไปไหน เพราะช่วงนั้นอย่างกับว่ามึงหายตัวไป ขนาดกูให้ไอ้สองใช้เส้นสายของพ่อมัน ยังหาร่องรอยมึงไม่เจอเลย” ดรีมพูดพลางมองสายฟ้าด้วยสีหน้าจับผิด

“เรื่องของกูเอาไว้ก่อน เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”

“จริงอะ” ดรีมมองด้วยสีหน้าไม่แน่ใจ

“เออ มึงนี่คะยั้นคะยอ เป็นเมียกูหรือไง” สายฟ้าขมวดคิ้วพร้อมกับจิกตาไปทางเพื่อนซี้ แต่ดรีมหน้านิ่งปนสีแดงเรื่อที่แก้ม อ้าวฉิบหายแล้ว นี่เขาทำเพื่อนโกรธอีกแล้วเหรอ สายฟ้าจึงแตะแขนดรีมเบา ๆ ทว่าโดนปัดออกสร้างความงุนงงให้กับเขาแต่เขาก็กลับเข้าเรื่องสำคัญของวันนี้ต่อ

“งั้นเอาแบบนี้ ชลมึงต้องไปหากูที่มหาวิทยาลัย G กูเรียนคณะนิเทศศาสตร์ เอกโฆษณาและประชาสัมพันธ์ ตึก A” สายฟ้าพูดจริงจังพร้อมทั้งหยิบเอกสารประกอบให้คนตัวเล็กเก็บข้อมูลรายละเอียดมากที่สุด ทั้งชื่อมหาวิทยาลัย คณะ คอนโดมิเนียมที่เขาพัก ร้านกาแฟที่ชอบไป ทะเบียนรถที่เขาขับ เบอร์โทร และอีเมล เรียกได้ว่าข้อมูลส่วนตัวแทบทุกอย่างให้กับน้องชายเพื่อยืนยันตัวเอง

“แต่กูว่าไม่พอหรอก” ดรีมเสริม

“ไอ้สัตว์นี่เยอะมากแล้วนะ ขนาดตัวกูตอนนั้นยังจำอะไรมากมายขนาดนี้ไม่ได้เลย”

“มึงจำตัวเองสมัยปี 1 ไม่ได้เหรอ ก็มึงเป็นคุณหนูประเภทเถื่อนและห้าวเป้ง มึงไม่เชื่ออะไรไร้สาระแบบนี้หรอก แล้วมึงจะยอมรับความจริงได้เหรอวะที่มึงมีน้องอีกคน” ดรีมพูดพลางเกาคางคิดภาพสมัยเมื่อสายฟ้ายังอยู่ปี 1 เขารู้สึกถูกชะตาสายฟ้าถึงแม้สายฟ้าจะดูนิ่ง ๆ ออกไปทางหยิ่ง แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขามีเรื่องกับรุ่นพี่ปี 3 เพราะรุ่นพี่พวกนั้นเข้าใจผิดว่าเขาไปเป็นกิ๊กกับแฟนสาว ความจริงแล้ววันนั้นเขาแค่เล่นบาสแล้วลูกบาสไปกระแทกมือของพี่สาวคนนั้น จึงรีบวิ่งไปขอโทษพร้อมกับเก็บชีทที่ตกกระจายก็เท่านั้นเอง แต่ไม่รู้ว่ารุ่นพี่ไปตีความอีท่าไหนมารุมกระทืบที่ห้องน้ำชายหลังเลิกซ้อมเชียร์ แล้วไอ้สายฟ้าก็พุ่งตัวเข้ามาช่วย จะเรียกช่วยก็ไม่เชิงเพราะเข้ามาก็โดนพวกพี่มันรุมกระทืบ หลังจากที่โดนตีนกันคนละหลายที จู่ ๆ ก็ต่างคนต่างมองหน้าที่ช้ำเลือดเสื้อผ้าที่เลอะรอยเท้าแล้วหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องรู้สึกเจ็บที่มุมปาก สายฟ้าจึงชวนไปกินเหล้าแก้เซ็งและได้รู้ว่าเป็นเพื่อนร่วมคณะ แม้จะไม่ค่อยได้เห็นหน้าสักเท่าไร

“มึงอมยิ้มคิดอะไรอยู่วะไอ้ดรีม”

“คิดถึงครั้งแรกที่เจอมึงไง”

“ยังไงฮะ เล่าให้ฟังหน่อยสิ” สายชลทำหน้าตาราวกับแมวที่กำลังได้ของเล่นถูกใจ หลังจากนั้นดรีมก็เล่าให้คนเด็กกว่าฟังจนสายฟ้าต้องบอกให้พอ

ทั้งสายฟ้าและดรีมเล่าเรื่องย้อนวันวานอีกเล็กน้อยก็ดึงกลับเข้าเรื่อง หากสายชลหายตัวไปครั้งนี้สายฟ้าคิดว่าน่าจะหายไปนานขึ้น เพราะจากที่ดูแล้วครั้งก่อนอยู่แค่ 3 เดือน กว่าจะกลับมาผ่านไปครึ่งปีและไม่รู้ว่าสายชลจะหายไปอีกเมื่อไหร่ เท่าที่ระดมความคิดกันก็ไม่มีแบบแผนเลยว่าสายชลจะไปเมื่อไหร่หรือจะมาตอนไหน

“แล้วถ้าเจอพี่ฟ้าในอดีตแล้วผมพาพี่ไปตรวจ DNA พี่สายฟ้าคนนั้นจะยอมแล้วจะเชื่อไหม” สายชลพูดขึ้นอย่างมีความหวัง

“ควายน้อยของพี่ ฉลาดมาก” สายฟ้าเอื้อมมือไปขยี้ผมน้องชายจนหัวโคลงไปมา

“พี่สายฟ้า พี่ดรีม” สายชลหันไปหาพี่ทั้ง 2 คนสลับไปมา

“ผมไม่อยากกลับไปเวลาเดิม ผมคิดถึงคนทางนี้ คิดถึงพี่ ผมอยู่ที่นั่นผมเหงามากเลยนะ แม่ไม่เคยมีเวลาให้ผมเลย ผมโตมากับป้านิดกับลุงสมปอง คนงานที่บ้านอะครับ เพื่อนที่พอสนิทก็ไม่ได้ต่อที่เดียวกันแล้วด้วย ถึงผมจะดูเหมือนไม่ขาดอะไร แต่ใจผมมันรู้มาตลอดมาเหงามากแค่ไหน” สายชลพูดด้วยสีหน้าขมขื่น

“มึงเล่าถึงแม่ให้ฟังหน่อยได้ไหม” สายฟ้าถาม

“คุณแม่เหรอฮะ แม่เป็นคนใจดี เสียงหวาน ตัวสูงประมาณผมนี่ละครับ ผมอยู่กับแม่แค่ 2 คน แม่เป็นผู้หญิงเก่งทั้งทำธุรกิจเครื่องสำอางส่งออก และดูแลรีสอร์ตที่อยู่ใกล้ ๆ บ้านที่หัวหิน แม่เหมือนคนที่ตามหาใครอยู่ตลอดเวลา อย่างตอนผมอยู่ ม.3 วันนั้นเราเข้ามาที่กรุงเทพฯ แม่มาติดต่องานและพาผมเดินห้างฯ ซื้อของโน่นนี่นิดหน่อย แต่เหมือนแม่พยายามมองหาเด็กรุ่นราวคราวเดียวกับผมตลอดเวลา ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไร ส่วนใหญ่แม่จะไปทำงานต่างประเทศเพราะมีหุ้นส่วนของบริษัทนำเข้าสินค้า แม่บอกว่าเขาชอบไปดีลสินค้าเอง แต่ผมคิดเอาเองว่าเหมือนแม่ไปตามหาใครมากกว่า พอนานวันเข้าผมก็ไม่ค่อยสนิทกับแม่ เติบโตมาด้วยตัวเอง” สายชลเล่าด้วยสีหน้าเจ็บปวดหัวใจ แล้วเอามือทาบไปที่อกราวกับเจ็บปวด สายฟ้ากับดรีมได้แต่ลูบหัวคนตัวเล็กเบา ๆ

แต่จู่ ๆ สายชลก็นิ่งไป เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคุณรุจ เจ้าของร้านกาลเวลา ฝากแหวนมาให้พี่สายฟ้านี่นา เขาเพิ่งนึกออกตอนที่มือเขาจับไปโดนแหวนที่ห้อยที่สายสร้อย แต่ยังไม่ทันได้หยิบออกมาให้สายฟ้าก็ถามเกี่ยวกับร้านกาลเวลาขึ้นมาพอดี

“แล้วชลเคยถามคนที่ให้กล่องดนตรีมาไหม ว่าทำไมชลถึงข้ามเวลาเวลามาได้”

เมื่อความจริงเริ่มปรากฏ

สายชลนิ่งอึ้งไปในทันทีเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าคุณรุจ เจ้าของร้านกาลเวลา ฝากแหวนมาให้พี่สายฟ้า เขาเพิ่งนึกออกตอนที่มือเขาจับไปโดนแหวนที่ห้อยที่สายสร้อย แต่ยังไม่ทันได้หยิบออกมาให้สายฟ้าก็ถามเกี่ยวกับร้านกาลเวลาขึ้นมาพอดี

“แล้วชลเคยถามคนที่ให้กล่องดนตรีมาไหม ว่าทำไมชลถึงข้ามเวลาเวลามาได้”

“ก็เคยถามครับ แต่ยิ่งถามก็ยิ่งงง” สายชลนึกถึงคำพูดของคุณรุจที่สายชลเคยถามว่า เขาสามารถเดินทางข้ามเวลาไปหรือกลับได้อย่างที่ใจนึกหรือไม่

จิรัฐิติกาลเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ช้อนตามองหน้าสายชลพลางอมยิ้ม สายชลก้มหน้าด้วยความสับสน

“จะกลับไปยังช่วงเวลานั้นได้อีกหรือเปล่า… ใช่ไหม !? เมื่อหัวใจ 2 ดวงเชื่อมถึงกัน มิติเวลาก็จะเปิด”

“แล้วถ้าอยากให้เปิดหรือปิดตามใจได้ไหม”

คุณรุจส่ายหน้าแทนคำตอบ

“งั้นถ้าผมจะไป จะมาเองตามใจได้ไหม”

คุณรุจส่ายหน้าแทนคำตอบอีกเช่นเคย

สายชลเล่ามาถึงตรงนี้ จู่ ๆ ดรีมก็แทรกความคิดเห็นมาว่า หากไม่สามารถเปิดปิดเองได้ งั้นอะไรหรือใครล่ะที่เป็นกุญแจของการข้ามห้วงเวลาในแต่ละครั้ง เมื่อหัวใจ 2 ดวงเชื่อมถึงกันเหรอ แล้วมันหมายถึงอะไรกัน

สายฟ้าพลางขบคิดแล้วทอดสายตามองน้องชาย หรือว่าจะเป็นไอ้คุณไทม์ เพราะนอกจากเขา ดรีม ก็ยังมีไทม์ที่สายชลสนิทด้วย อันที่จริงเขาก็พอดูออกว่าทั้ง 2 คนมีใจให้ ติดแค่ไม่ค่อยชอบหน้าไทม์ตั้งแต่สมัยที่เรียนปี 1 แล้ว หากเรื่องนี้จำเป็นต้องเกี่ยวกับมันจริง ๆ เขาก็คงรู้สึกแย่ไม่น้อย สายฟ้าพลันนิ่งคิดปล่อยใจให้เหม่อลอยจนสายชลเล่าถึงเจ้าของร้านเจ้าปัญหานั่น

“พี่สายฟ้า เจ้าของร้านเขารู้จักพี่ด้วยนะ” สายชลพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น พร้อมกับบรรจงถอดสร้อยคอแล้วหยิบโลหะทรงกลมสีเงินวาววับที่มีลวดลายวิจิตรที่แสนคุ้นเคยออกมายื่นให้เขา

ทันทีที่สายฟ้าเห็นแหวนวงนี้ ใบหน้ากลับรู้สึกร้อนฉ่าดวงตากลมโตร้อนผ่าวราวกับมีคลื่นน้ำพุร้อนตีขึ้นมาในอก สมองขาวโพลน เขาจำได้ไม่เคยลืม แหวนวงนี้เป็นวงที่คนในฝันเขาใส่ติดตัวอยู่ตลอด สายฟ้ามักจะชอบเผลอจ้องมองตั้งแต่เมื่อวัยเยาว์ แม้จะเป็นเพียงความฝันแต่มันช่างติดตรึงสลักฝังลึกอยู่ในใจ

สายฟ้าค่อย ๆ ลูบแหวนอย่างทะนุถนอม นัยน์ตาร้อนหยาดน้ำใสรื้นอยู่ที่ขอบตา เป็นความรู้สึกที่แสนคิดถึงสุดจะโหยหา เขาปล่อยให้อารมณ์ล่องลอยพลันคิดถึงกลิ่นหอมจาง ๆ ของดอกพลับพลึงเจือกลิ่นหอมหวาน กลิ่นที่น่าหลงใหลเคลิบเคลิ้มราวกับติดกับอยู่ในห้วงภวังค์ แสนจะลึกลับเกินคณานับ เกือบ 3 ปีแล้ว… ที่เขาไม่ได้ฝันถึงผู้ชายคนนั้นเลย คนที่เขาคิดมาตลอดว่าทุกอย่างมันเป็นแค่เพียงความฝัน แต่เขาก็ไม่อาจห้ามหัวใจได้ สายฟ้าพยายามตามหาแต่ไม่ว่าหาเท่าไรก็ไม่มีวี่แววว่าจะพบ แต่่ราวกับสวรรค์ฟังคำขอของเขาแล้วที่เวลานี้สายชลเอาแหวนประจำตัวผู้ชายในฝันคนนั้นมาให้

“เขาอยู่ที่ไหนชล” สายฟ้ากำแหวนไว้แน่นพร้อมกับเขย่าตัวน้องชายเบา ๆ จนคนตัวเล็กตกใจ พี่ชายเห็นดังนั้นจึงค่อย ๆ ปล่อยสายชลให้เป็นอิสระ แล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ พร้อมกับตั้งสติ

“เขาชื่อคุณรุจ เป็นเจ้าของร้านกาลเวลา เขาบอกชลว่า เขามีความจำเป็นบางอย่างที่ต้องอยู่ที่ร้านแห่งนั้นออกไปไหนไม่ได้ ผมก็ไม่ได้ถามต่อ”

“เราไปหาร้านนั้นกันเถอะ”

“แต่ปัญหามันอยู่ที่ตรงนี้แหละครับ บางครั้งผมก็หาร้านนี้เจอ บางครั้งก็หาไม่เจอ คุณรุจเคยบอกว่าร้านมันเลือกลูกค้า” สายชลพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“มีด้วยเหรอวะไอ้ชล ร้านที่เลือกลูกค้า ทำอย่างกับว่าร้านมีขาเดินหนีไปไหนมาไหนได้เองอย่างนั้น” ดรีมพูดพร้อมกับสีหน้านิ่งเฉยของพี่น้องฝาแฝดทำเอาดรีมเสียวสันหลังวาบ

“มึงรู้จักคุณรุจอะไรนั่นด้วยเหรอ” ดรีมหันไปซักไซ้ถามเอาความกับเพื่อนซี้ ทว่าสายฟ้าเพียงแค่พยักหน้านิ่งแทนคำตอบ แววตาดูสับสนจะดีใจก็ไม่ใช่ จะเศร้าก็ไม่เชิง ดรีมพลางนึกถึงเรื่องที่สายฟ้าเคยเล่าให้ตนฟังมาตลอดตั้งแต่รู้จักกัน ที่สายฟ้าไม่เคยคบใครเลยเพราะสายฟ้าหลงรักผู้ชายคนนึง เป็นผู้ชายที่สายฟ้าเจอในความฝันตั้งแต่จำความได้ และก็ฝันถึงมาตลอดความฝันก็ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน ดรีมได้แต่รับฟังเพราะเขาคิดเพียงว่า ฝันก็คือฝันจะเป็นความจริงได้อย่างไร เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวได้ดังนั้นก็อดจะขนลุกเกรียวเป็นครั้งที่ 2 ไม่ได้ เหงื่อกาฬผุดที่ไรผมบาง ๆ

“อย่าบอกนะว่า…”

“ใช่ดรีม มึงเข้าใจถูกแล้ว ผู้ชายคนที่กูตามหามาตลอดชีวิต” สายฟ้าพูดด้วยเสียงหนักแน่นราวกับจะตอกย้ำสิ่งที่ใจคิดมาตลอดว่า คุณคนนั้นคนที่เขาเฝ้ารอยามที่จะฝันถึงตลอดมามีตัวตนจริงไม่ใช่เพียงแค่ภาพมายา

“นี่มันอะไรกันครับ พี่ฟ้าเคยเจอกับคุณรุจใช่ไหม เพราะคุณรุจดูท่าทางคิดถึงพี่ฟ้ามากเลยนะครับ”

“ชลเจอร้านกาลเวลานั้นที่หัวหินใช่ไหม เดี๋ยวเราไปหัวหินกันเลยนะ” สายฟ้าพูดอย่างตื่นเต้น

“เดี๋ยว ๆ มึง ถ้าไปแล้วบังเอิญเจอเข้าจริง ๆ แล้วมึงทั้ง 2 คนหายไปไม่กลับมาเลยจะไม่ยุ่งเหรอ ใจเย็นก่อน ๆ” ดรีมรีบร้องห้ามพร้อมกับพยายามชวนสายฟ้าคุยกลับมาที่เรื่องของน้องคนเล็กว่าจะจัดการอย่างไรต่อ

“เออ พี่สายฟ้ารู้จักกับพี่ไทม์ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

“หึ ถามถึงมันทำไม”

สายชลนั่งนิ่งแต่สายฟ้ากลับอดคิดไม่ได้ว่าเรื่องราวทั้งหมดอาจเกี่ยวพันกับทุกคนก็เป็นได้จึงเล่าให้น้องชายฟัง

“รู้จักตั้งแต่ปี 1 แล้วแต่ไม่ค่อยชอบหน้ากัน ไทม์เป็นศิษย์เก่าอีกมหาวิทยาลัยหนึ่ง แต่ได้รับเชิญเป็นวิทยากรในมหาวิทยาลัยกู และตอนนั้นเกิดเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยก็เลยไม่ค่อยชอบหน้ากัน”

“งั้นแบบนี้ ถ้าผมกลับช่วงเวลาเดิมของผมไป ผมจะได้เจอพี่ไทม์ใช่ไหม”

จู่ ๆ เสียงกุกกักที่หน้าประตูก็ดังขึ้น ทั้ง 3 คนหันมองไปทางเดียวกัน

“อ้าวบอส สวัสดีฮะ ทำไมมาไวจัง แล้วทำไมไม่เข้าไปยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้” เสียงซันตะโกนดังจนคนที่อยู่ในห้องต่างรู้สึกตกใจ ไม่คิดว่าไทม์จะมายืนอยู่หน้าประตู สายฟ้าขยับตัวเก็บของไว้ในกระเป๋ากางเกงพร้อมกับเปิดลูกบิดประตู ยืนประจันหน้ากับไทม์

“มึงได้ยินที่พวกกูคุยกันหมดแล้วใช่ไหม”

รัตติกาลพยักหน้าแทนคำตอบ เพราะตอนนี้ในใจของไทม์ตีกันยุ่งเหยิง เรื่องที่เขาได้ยินแทบจะไม่น่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงได้ มันจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่คนคนหนึ่งจะข้ามเวลาไปมาได้ นี่มันเรื่องอะไรกันนะ หรือจะเป็นสาเหตุที่สายชลเป็นกังวลอยู่ตลอดเวลาว่าตัวเองจะหายไป รวมถึงสิ่งที่เขาค้างคาใจมาตลอดว่าสายชลหายไปไหน ทำไมติดต่อไม่ได้ทั้งให้คนออกสืบหาแต่เหมือนกับว่าไม่สายชลไม่เคยมีตัวตนอยู่เลย ตอนนี้เขาเหมือนมีพายุลูกใหญ่หมุนเวียนอยู่ที่กลางยอดอกหายใจไม่ทั่วท้อง แทบอยากจะล้มทั้งยืน ดูเหมือนว่าทุกคนจะรู้เรื่องกันหมดยกเว้นเขา นี่มันเรื่องอะไรกัน

สายฟ้าได้แต่ตบแขนเบา ๆ แล้วบอกให้ค่อย ๆ คุยกัน มีอะไรค้างคาใจหรือสงสัยก็ให้คุยกับสายชลไปเลย ส่วนดรีมก็ได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ ให้เขาพร้อมกับบอกว่า สายชลคงมีเหตุผลที่ไม่เล่าเรื่องนี้ให้ไทม์ฟัง

ไทม์ค่อย ๆ เดินตรงไปหาคนตัวเล็กที่ตอนนี้นั่งหน้าซึมก้มหน้างุดอยู่กับโต๊ะ สีหน้าซีดเผือดไร้เลือดฝาด ในห้องมีแต่ความเงียบจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ ราวกับว่าภายในห้องมีไอกดดันจาง ๆ อยู่รอบตัว

[สายชล]

รัตติกาลเดินตรงเข้ามาหาด้วยสายตาเลื่อนลอยจนคนตัวเล็กรู้สึกกลัว ความอึดอัดมันจุกอยู่ในอก สายชลไม่รู้ว่าไทม์ได้ยินเรื่องที่พวกเราคุยกันมากหรือน้อยแค่ไหน แต่ถ้าใครมาได้ยินนอกจากจะไม่เชื่อแล้ว ต้องคิดว่าพวกเราบ้าแน่ ๆ มีที่ไหนคนที่ย้อนเวลาได้ แต่เรื่องนี้มันไม่ใช่ฝันไง นี่ไงมันเกิดขึ้นแล้ว สายชลได้แต่ก้มหน้างุดคิดเพียงว่าความอบอุ่น ความรัก ทุก ๆ อย่างคงพังลงแล้วสินะ ทั้งหมดนี่ก็ไม่ต่างจากการโกหกเลย ยิ่งต่างคนต่างเงียบก็ยิ่งอึดอัด

จนกระทั่งฝ่ามืออบอุ่นค่อย ๆ ลูบที่กลางศีรษะเบา ๆ อย่างทะนุถนอม คนตัวเล็กถอนหายใจยาวรู้สึกโล่งและปลอดภัย ภายใต้มือหนาคู่นี้ สายชลค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมาเผชิญหน้ากับไทม์ แม้ในใจจะหวาดกลัวแค่ไหนก็ตามแต่เขารู้ว่า วันนี้ต้องมาถึงไม่ช้าก็เร็ว ทว่าไม่คิดว่าจะเร็วเช่นนี้

“มีอะไรอยากจะเล่าไหมครับ แมวน้อยของพี่” ไทม์พูดด้วยเสียงอ่อนแววตาอบอุ่นที่ปนสับสน

“ผมไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไง พี่ไทม์ได้ยินอะไรมาแล้วบ้าง”

“ไม่ตอบคำถามด้วยคำถามสิ”

“พี่ไทม์ดุผมเหรอ” สายชลทำหน้าหงอยราวกับแมวโดนดุตนหูตกหางลู่

“จริง ๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้ามเวลาเวลามาได้ยังไง ในห้วงเวลาเดิมของผม ผมเป็นแค่เด็กม.ปลายที่กำลังรอเข้ามหาวิทยาลัยอยู่เลยครับ แต่ในเมื่อต้องข้ามเวลามาแล้วก็ไม่อยากอยู่เฉย ๆ ขอโทษนะครับ”

“เรากังวลอะไร”

“ก็… ผมไม่เคยบอกพี่”

“แล้วทำไมไม่บอก”

“ก็ผมคิดว่า บอกไปแล้วพี่ไทม์จะเชื่อหรือเปล่า”

“แล้วเคยลองบอกหรือยัง” ไทม์ก้มหน้ามองคนตัวเล็กแบบสายตาคาดคั้น จนคนตัวเล็กเขยิบหนีพร้อมกับส่ายหน้าแทนคำตอบ

“แล้วถ้าผมบอกว่าที่พูดไปเป็นเรื่องจริงทั้งหมด พี่ไทม์จะเชื่อไหม”

“เชื่อ”

“เฮ้้ย ทำไมเชื่อง่ายจัง มันไม่น่าเชื่อเลยนะ ขนาดผมข้ามเวลามาเองผมยังแทบไม่เชื่อเลย”

“ถ้าเป็นน้องชล พี่พร้อมจะเชื่อทุกอย่างแหละครับ” ไทม์จ้องมองคนตัวเล็กพร้อมกับกุมมือแน่น

“แล้วมีเรื่องอะไรที่กังวลกันอีกถึงมาคุยกันจริงจังแบบนี้” ไทม์ถามต่อด้วยความอยากรู้

สายชลจึงค่อย ๆ เล่าเรื่องราวทั้งหมดตั้งแต่เขาบังเอิญเจอร้านกาลเวลาจนได้กล่องดนตรีแล้วได้เจอกับไทม์ในครั้งก่อน ในคืนวันที่จมน้ำครั้นเมื่อตื่นขึ้นมากลับพบว่ากลับมายังห้วงเวลาเดิม ด้วยความสงสัยของตัวเองจึงพยายามไปตามหาร้านกาลเวลานั่นอีกครั้งจนกระทั่งออกจากร้านแล้วชนเข้ากับซัน ถึงได้รู้ว่าตัวเองข้ามเวลามาอีกครั้งแล้ว แต่ไม่คิดว่าในห้วงเวลานี้มันล่วงเลยมาถึงครึ่งปีแล้ว

“น่าเหลือเชื่อจริง” ไทม์พูดพร้อมกับสีหน้าครุ่นคิด

สายชลเล่าต่อถึงเรื่องราวที่สายฟ้าสืบค้นมาว่าตัวเขาเองในห้วงเวลานั้นถูกรถชนเสียชีวิต โดยเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นอีกเกือบครึ่งปีหลังจากนี้ โดยหลังจากนั้นในห้วงเวลาเดิมที่จากมา เขาไม่รู้ว่าจะพอแก้ไขอะไรได้บ้างหรือไม่ พวกเขาจึงมาคุยกันว่าหากวันใดวันนึงสายชลต้องกลับไปยังห้วงเวลาที่จากมา ให้ไปตามหาสายฟ้ากับดรีม อย่างน้อย ๆ น่าจะมีหนทางแก้ไขและหลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว สายชลเล่าต่อด้วยความใจเย็นผิดกับไทม์ที่ตอนนี้ี่สีหน้าดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด

“น้องชล ตามหาพี่ด้วยได้ไหม พี่น่าจะช่วยอะไรชลได้” ไทม์พูดด้วยเสียงกระตือรือร้น

เมื่อสายชลได้ฟังสิ่งที่ไทม์พูดก็อดที่จะใจเต้นแรงไม่ได้ คิดว่าเขาก็คงเป็นห่วงเหมือนพี่ ๆ แหละมั้ง แต่ก็อดจะงงไม่ได้ว่าจะให้ไปตามหาทำไม ในเมื่อเราไม่ได้เป็นอะไรกัน ถึงแม้ว่าตอนนี้ทุกอย่างมันกำลังเป็นไปได้ดีก็ตาม แต่มันก็เท่านั้นไม่ใช่เหรอ

“เอ่อ... แล้วถ้าเกิดว่าเจอแล้วจะยังไงครับ ตอนนั้นพี่ไทม์ยังไม่รู้จักผมด้วยซ้ำ แล้วก็ไม่ได้เป็นพี่น้องกันกับพี่สายฟ้าด้วยนะ ให้ไปแนะนำตัวในฐานะอะไรกัน” สายชลพูดด้วยท่าทางใช้ความคิด

“ฐานะคนของใจพี่ไงครับ” ไทม์ก้มลงมากระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู

พี่ไทม์พูดประโยคหวานด้วยน้ำเสียงที่หวานอบอุ่น โอ๊ยใจเหลวไปหมดแล้ว ใครไหวไปก่อนเลย ผมไม่ไหวพลังทำลายล้างสูงมาก ใจผมมันก็มีแค่เนี้ย ถ้าพี่ไทม์หยอดผมบ่อย ๆ แบบนี้ใครมันจะไปทนไหวกันนะ หน้าผมต้องดูตลกมาแน่ ๆ เลยตอนนี้ พี่ไทม์มองแล้วอมยิ้ม ผมแกล้งลุกขึ้นไปยังโซฟา เพราะตอนนี้นั่งเก้าอี้แข็ง ๆ นานแล้ว เหมือนจะรู้สึกเมื่อยตัว ตอนผมเข้ามาเห็นโซฟาห้องนี้ค่อนข้างใหญ่ น่าจะหนานุ่มให้พอนั่งเอนหลังได้สักหน่อย พี่ไทม์ก็อดเดินตามมาไม่ได้ ผมก็แค่เพียงบอกว่าตรงนี้แดดส่องเข้ามามันร้อนนั่งด้านในห้องน่าจะสบายกว่า

“ว่าแต่ทำไมพี่ไทม์มาไวจังครับ”

“ก็เห็นเชนบอกเย็นนี้จะมีปาร์ตี้กัน ตอนพี่จอดรถมองขึ้นมาเห็นน้องชลพอดี พี่ก็รีบขึ้นมาเลยแต่ไม่รู้ว่าคุยเรื่องสำคัญกันอยู่ ถ้าพี่ไม่เผลอมาได้ยิน” ไทม์พูดด้วยเสียงแกมเง้างอนแล้วกระเถิบเข้าใกล้สายชลจนคนตัวเล็กขยับชิดพนักพิงด้านในสุด ไทม์ก้มลงมาประชิดปลายจมูกโด่ง ใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าว

“พี่ถามจริง ๆ เลยนะ น้องชลคิดจะบอกความจริงพี่ไหมครับ” ไทม์เค้นถามด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ เขาก้มลงมาประทับจูบที่ขมับอย่างอ่อนโยนพานให้หัวใจของคนตัวเล็กเต้นระรััว ใกล้เกินไปแล้ว ใกล้จนสายชลแทบอยากจะหยุดหายใจ ก่อนที่ฝ่ามือเล็กจะค่อย ๆ ผลักผู้ชายตรงหน้าออกอย่างเบามือ

“พี่ไทม์เล่นอะไรไม่รู้”

“ที่ผ่านมาพี่ไม่เคยล้อเล่นเลยนะ น้องชลจำวันนั้นได้ไหมหลังจากวันที่ชลเมาที่หัวหิน”

สายชลได้แต่คิดเรื่องน่าอายแม้จะไม่อยากพูดถึง แต่จู่ ๆ อีกฝ่ายพูดขึ้นมาแบบนี้ก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้ คนตัวเล็กกว่าคว้าหมอนอิงใบใหญ่ที่วางบนโซฟามาบังหน้า ราวกับจะให้หมอนอิงบดบังความอับอายในครั้งนี้

“ไม่เอาครับไม่ต้องเล่าแล้ว” สายชลพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้

“ขอโทษครับ พี่แค่อยากจะย้ำน้องชลว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่พี่ทำไปทั้งเขียนจดหมายฝากคุณดรีมระหว่างที่น้องชลไม่อยู่ หรือแม้แต่ที่น้องชลกลับมาคราวนี้ ที่พี่ดูแลคอยเฝ้ามอง รวมถึงให้มาทำงานที่เดียวกับพี่ ก็เพื่ออยากอยู่ใกล้ดูแลปกป้อง พี่อยากอยู่ในสายตาของน้องชล พี่จีบน้องชลอยู่นะ” ไทม์พูดด้วยหน้าเสียงจริงจัง มือหนาค่อย ๆ ดึงหมอนอิงออกจากมือ แล้วสบตากับสายชลด้วยแววตาที่อบอุ่นทว่าดูจริงจังราวกับจะยืนยันกับสายชลว่าเรื่องราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาจากใจของเขาจริง ๆ และเขาก็รู้สึกกับสายชลมากกว่าน้องคนหนึ่งจริง ๆ

“อะไรกันพี่ไทม์ บอกตรง ๆ แบบนี้เลยเหรอ”

“ก็พี่เห็นน้องชลทำตัวเฉยเมยกับทุกการกระทำของพี่ และยิ่งรู้เรื่องที่น้องชลมาจากอดีตแล้วไม่รู้ว่าจู่ ๆ จะหายไปวันไหน” ไทม์พูดด้วยเสียงแกมเศร้า พร้อมจับมือสายชลมากอบกุมที่หน้าอกด้านซ้ายของตน

“น้องชลจะให้พี่ทำยังไง หรือน้องชลไม่เคยรู้สึกอะไรกับพี่เลยเหรอครับ” ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงเศร้า สายตาคาดคั้นเอาคำตอบ สายชลจึงรีบสะบัดมืออก

“ไม่ใช่แบบนั้นครับ”

“แล้วมันเป็นแบบไหนกัน”

“ก็ผมก็แค่เด็กคนนึง ถึงอยู่ที่นี่ผมจะอยู่ในนามน้องพี่สายฟ้าอายุ 28 ปี แต่ความจริงผมก็แค่เด็กที่กำลังจะเข้ามหาลัยฯ คนนึง และผมก็ไม่มีอะไรที่เทียบเท่าพี่ไทม์ได้ ผมเป็นคนธรรมดา ที่สำคัญจะหายไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ พี่ไทม์อย่ามาจมอยู่กับคนที่ไม่มีอนาคตอะไรอย่างผมเลย” สายชลตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

สายชลทนกับความเว้าวอนของไทม์ไม่ไหวจึงบอกความจริงในหัวใจออกไป สายชลก็รู้สึกดีกับไทม์ไม่แตกต่างกัน แต่ด้วยความกังวลว่าตัวเองจะหายไป สายชลรู้อยู่เต็มหัวใจว่าชีวิตเขาที่อยู่ตอนนี้ราวกับความฝัน ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องมีวันที่ตื่น มีวันที่ต้องเผชิญกับความจริง เขาอาจเป็นคนเห็นแก่ตัวก็ได้หากเขากลับไปยังห้วงเวลาที่จากมาแล้วไม่ได้กลับมาที่นี่ตลอดเวลา ตัวเขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไป

“แมวโง่ ยิ่งแบบนี้ก็ต้องยิ่งไปหาพี่นะ หากวันนึงน้องชลกลับไปยังห้วงเวลาเดิม” ไทม์พูดพลางจับมือสายชลแบบเจ้าสาว

“ต้องมาหาพี่นะ พี่รู้ว่าพี่ในอดีตอาจจะไม่รู้จักน้องชล แต่พี่มั่นใจว่าไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งพี่ก็จะหลงรักแมวน้อยคนนี้ หนแล้วหนเล่า น้องชลเชื่อใจพี่ไหมครับ ?” ไทม์จ้องหน้าด้วยสายตาจริงจังแต่ยังมีความอบอุ่นในแววตา สายชลพยักหน้าแทนคำตอบ

“ถ้าอย่างนั้น สัญญากับพี่ได้ไหมว่าจะไปหาพี่ไม่ว่าจะยังไงก็จะไม่ทอดทิ้งพี่ในอดีต” ไทม์ยกนิ้วก้อยชูขึ้นมา

“อะไรกันครับ ใครจะทิ้งใครกัน พี่ไม่รู้จักผมด้วยซ้ำจะให้ผมไปเข้าหาพี่ก่อนเหรอครับ โห... ไม่เอาอะน่าอายที่สุด” สายชลพูดเสียงงอแงพร้อมกับเอามือทั้งสองปิดหน้าอย่างอับอาย

‘อะไรกันพี่ไทม์ต้องบ้าไปแล้วแน่ ๆ ให้ผมไปหาพี่ไทม์แล้วทำความรู้จักงี้เหรอ แบบนั้นไม่ต่างจากเดินเข้าไปเสนอหน้าจีบเขาเลยนะ ใครจะไปกล้ากัน’ สายชลตกอยู่ในห้วงความคิด

พี่ไทม์ยกนิ้วก้อยมาจ่อที่หน้าแล้วกระดิกนิ้วก้อยเล็ก ๆ เชิญชวนให้เกี่ยวก้อยสัญญา

“ไม่เอาอะพี่” สายชลงอแง

“ถ้าเราไม่สร้างอดีตร่วมกัน แล้วอนาคตจะมีกันได้ยังไงครับ” ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงหวาน สายตาหวานทำเอาใจคนฟังแทบแหลกเหลว สายชลเผลอยกนิ้วก้อยขึ้นมาเกี่ยว ราวกับถูกมนตร์สะกด ไทม์ดึงคนตัวเล็กเข้าไปกอดอย่างมันเขี้ยวพร้อมกับเขย่าไปมา

“พี่ไทม์เบา ๆ เจ็บนะครับ”

“น้องชลสัญญาแล้วนะ”

“อื้ม”

“แบบนี้ก็เท่ากับว่า…” ไทม์ลากเสียงยาวแบบคนเจ้าเล่ห์

ใบหน้าของพี่ไทม์คนอบอุ่นหายวับไปในทันที

“เท่ากับว่า น้องชลเป็นแฟนพี่แล้วใช่ไหมครับ” ไทม์พูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

แล้วจู่ ๆ ประตูก็เปิดออกเสียงโวยวายของสายฟ้าโหวกเหวกเข้ามา แล้วดึงตัวน้องชายออกไปต่อหน้าต่อตาพร้อมกับชี้หน้าไทม์คาดโทษ

“จีบกันพอรับได้โว้ย แต่เป็นแฟนกันกูไม่อนุมัติ” สายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว ทิ้งให้ไทม์ขำท่าทางของคนที่หวงน้องอยู่บนโซฟาเพียงลำพังก่อนที่ไทม์จะลุกตามทุกคนลงไปข้างล่าง หันไปเห็นโทรศัพท์และกระเป๋าของสายชลจึงเดินไปหยิบหวังว่าจะเอาลงไปให้ แต่กลับเห็นข้อความแจ้งเตือนบนหน้าจอ บาดใจจริง ๆ

แจ้งเตือนไลน์

ซัน สมาย : ดีใจจังชลมาบ้านวันนี้ ซันคิดถึงชลจะแย่ คุยเสร็จแล้วลงมาเล่นน้ำหน้าบ้านกันนะ

ซัน สมาย : สติกเกอร์ พระอาทิตย์ส่งจูบ รูปหัวใจวิ้ง ๆ

รัตติกาลกำโทรศัพท์แน่น “ไอ้ห่าซันเดี๋ยวเถอะมึง หนามยอกใจจริง ๆ ไอ้เด็กคนนี้” ไทม์บ่นพึมพำพร้อมกับตามลงไปด้านล่าง

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ