ตอนที่ 50เพียงช่วงเวลากาแฟยังอุ่น

“ลูก ๆ อยู่กันพร้อมหน้าแค่ไม่กี่วันเอง จะไปกันแล้วหรือจ๊ะ” ดาริกาผู้เป็นแม่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าเจือความกังวล ก่อนจะยืนส่งลูกชายฝาแฝดทั้งสองคนเข้ากรุงเทพฯ

“สายฟ้า ฝากดูแลน้องด้วยนะ สายชลเป็นเด็กดีแม่เชื่อว่าน้องจะไม่ทำความลำบากใจให้ลูกแน่นอน” แม่สบตาสายชลก่อนจะเม้มริมฝีปากที่ฉาบด้วยลิปสติกสีชมพูระเรื่อ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยมีเวลาดูแลลูกคนเล็กเท่าที่ควร แต่การที่ต้องจากกันไปไกลเช่นนี้ก็ทำให้คนเป็นแม่อย่างดาริกาอดใจหายไม่ได้ โชคยังดีที่การไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยของสายชลมีสายฟ้าคอยดูแล

ดาริกายืนมองลูกชายทั้งสองคนที่อยู่พร้อมหน้ากันในเวลานี้ เป็นภาพที่เธออยากให้เกิดขึ้นมาตลอด แต่เวลาแสนสุขกลับสั้นราวกับเปลวไฟจากก้านไม้ขีด สายฟ้ากลับมาให้เธอพบหน้าเพียงแค่ไม่กี่วัน ได้โอบกอดให้ชื่นหัวใจเพียงไม่กี่อึดใจ อย่างน้อยเธอก็ตามหาลูกจนพบเสียที ต้องเรียกว่าลูกมาหาเธอเองเสียมากกว่า ทว่าความรู้สึกผิดก็ยังคอยกัดกินในใจ จะบอกว่ามีความสุขก็เอ่ยออกมาได้อย่างไม่เต็มปากนัก

สายฟ้ายืนนิ่งสบตาผู้เป็นแม่แล้วรับปากจะดูแลสายชลด้วยท่าทางและน้ำเสียงจริงจัง ท่าทางและสายตาของสายฟ้ายิ่งดาริกามองยิ่งทำให้เธอนึกถึงใครบางคนที่เธอไม่อยากนึกถึง แม้ว่าสายฟ้ากับสายชลจะเป็นฝาแฝดกันหน้าตาคล้ายกันก็ตาม แต่สิ่งหนึ่งที่แตกต่างนั่นก็คือสายตา

“ผมไม่ดื้อหรอกครับ คุณแม่ไม่ต้องกังวลน้า...” สายชลเอ่ยเสียงใสเมื่อเห็นว่าตอนนี้คุณแม่ไฟเขียว ยอมให้เขาขนของหอบสัมภาระเพื่อย้ายไปอยู่กับสายฟ้า เพื่อเตรียมหาหอพักที่ใกล้มหาวิทยาลัยขอ งมากที่สุด

‘พี่สายฟ้ายืนยันกับคุณแม่ว่าเราทั้งสองคนจะพักหอเดียวกัน แต่เท่าที่รู้มามหาวิทยาลัยพี่กับผมอยู่ห่างกันคนละที่เลย ถึงจะเป็นห่วงพี่สายฟ้าแต่ผมน่ะเด็กดีนะ พี่ว่ายังไงผมก็ว่าตามนั้นละ’

สายชลโผเข้าไปกอดเอวแม่ เขาอดที่จะรู้สึกใจหายไม่ได้ ตั้งแต่เล็กจนโตก็อยู่ที่นี่มาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ต้องจากบ้านไปอยู่ที่อื่น แต่ชีวิตก็เป็นเช่นนี้ละนะ การเปลี่ยนแปลงกล้าที่จะก้าวออกจากคอมฟอร์ทโซนช่วงแรก ๆ ก็อาจเป็นเรื่องยากต้องทำใจ ปรับตัว แต่หากมองดี ๆ นี่เป็นโอกาสทำให้เขาได้เติบโต ได้เรียนรู้การอยู่กับตัวเอง ตามหาความชอบ ความฝัน แรงบันดาลใจ และเลือกทางเดินของตัวเอง

“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะดูแลน้องเอง” สายฟ้าเอ่ยย้ำอีกครั้ง

“พี่สายฟ้ามานี่มา” สายชลที่กำลังกอดแม่ไม่ยอมปล่อยราวกับตนเป็นเด็กน้อยวัย 3 ขวบที่กำลังจะเข้าอนุบาล ทว่าพี่ชายฝาแฝดส่ายหน้าหวือเมื่อเดาได้ว่าแฝดคนน้องต้องการให้เขาทำอะไร

“มาเร็ว มากอดกันกลม ๆ เลยนะ กอดแบบแฟมิลี่ไง”

สายฟ้าสบตาน้องชายสลับกับผู้เป็นแม่แล้วถอนหายใจยาว เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายสัมพันธ์ฝาแฝดของเขาสองคน หรือเป็นความต้องการ ‘แม่’ ลึก ๆ ภายในใจของเขากันแน่ที่ร่ำร้องหา สายฟ้าไม่ถนัดแสดงออกทางความรู้สึก ถึงเขาจะทำหน้านิ่งราวกับไม่ทุกข์ไม่ร้อน แต่แท้จริงแล้ว เขาก็ไม่ต่างจากผู้ชายทั่วไป มีความรู้สึกอ่อนไหวเช่นกัน ทว่าการเลี้ยงดูของผู้เป็นพ่อที่สั่งสอนมานั้น บ่มเพาะให้เขาเป็นคนวางเฉยต่อความรู้สึกที่เข้ามารบกวน จึงทำให้สายฟ้าดูเหมือนคนที่ไม่สนโลก ต่างกับสายชล รายนั้นสนใจทุกคนรอบตัวจนสายฟ้ามองแล้วเหนื่อยใจแทน

“ก็ได้” สายฟ้าตอบรับสั้น ๆ แล้วก้าวเท้าเข้ามาประชิดทั้งสองคน วงแขนใหญ่อ้าออกทั้งสองข้างอย่างเก้ ๆ กัง ๆ รวบผู้เป็นแม่และสายชลเข้าไว้ด้วยกัน ความรู้สึกแปลกประหลาดที่สายฟ้าไม่เคยรู้สึกก็แล่นเข้ามา สุขใจ อบอุ่น ปลอดภัย และมีความสุข อ้อมกอดของแม่ อ้อมกอดของครอบครัวมันเป็นแบบนี้เองสินะ

“มันดีใช่ไหมล่ะ” สายชลกระซิบแผ่วเบาพอที่สายฟ้าจะได้ยิน

“หึ”

“ก็กอดไง มันดีใช่ไหม ?”

“อื้อ”

แม้พี่สายฟ้าจะตอบสั้นห้วน แต่สายชลมองออกว่าพี่ชายเขารู้สึกดีมากแค่ไหนที่พวกเขารวมตัวกันพร้อมหน้าเช่นนี้ เพราะลึก ๆ ภายในใจสายชลเองก็อยากเจอพ่อเช่นกัน

๐๐๐

การกลับมาบ้านที่หัวหินของสายชลในครั้งนี้เหมือนการปลดล็อกจิตใจโดยเฉพาะเรื่องของแม่ เขาต้องยอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่าที่ผ่านมาอดที่จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ แม้จะพยายามทำความเข้าใจมากสักแค่ไหนแต่ก็ยังอยากให้ผู้เป็นแม่สนใจอยู่ดี กระทั่งได้มารู้ความจริงเกือบทั้งหมด สายชลก็มองมุมกลับ แม่คงปวดใจกับเรื่องเขาและพี่สายฟ้าอยู่ไม่น้อย การที่สายชลละทิ้งความรู้สึกอ้างว้างในจิตใจ ก้าวข้ามผ่านความกลัวพร้อมเปิดใจรับสิ่งใหม่ ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นได้นั้นถือเป็นก้าวแรกที่ดี เหตุการณ์ก่อนหน้าที่เขาได้มีโอกาสข้ามเวลาไปยังห้วงอนาคตส่งผลให้สายชลได้ประสบการณ์ต่าง ๆ เรียนรู้ที่จะรัก เข้าใจโลกมากขึ้นแม้จะไม่ลึกซึ้ง ทว่าสิ่งเหล่านั้นที่เขาพบเจอก็หล่อหลอมกลายเป็นตัวเขาในอีกเวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม

สายชลเดินตามสายฟ้าก้าวขึ้นรถมุ่งหน้าไปยังกรุงเทพฯ ความรู้สึกไม่เคว้งคว้างอีกต่อไป เขารู้ดีว่าไม่ว่าต่อจากนี้ชีวิตของเขาจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม จะมีพี่ชายฝาแฝดของเขาคนนี้ที่คอยสนับสนุนเขาจนนาทีสุดท้าย

“เจ้าเด็กดื้อนั่งเหม่อคิดอะไรอยู่”

“ผมเหรอ”

“ควายตรงโน้นมั้ง” สายฟ้าเสียงนิ่งเรียบ ทว่าแววตาฉายชัดไปด้วยความหยอกเย้า

“โธ่ พี่สายฟ้าละก็ พูดกับน้องดี ๆ บ้างไม่ได้เลยเหรอ”

“พูดดีจริง ๆ มันก็ได้แหละ แต่ที่กูกวนตีนแล้วมึงบ่นใส่กูแบบนี้ มันดูน่ารักดี” สายฟ้าพูดพลางไหวไหล่ยียวน

“ชลน่ารักใช่ไหมล่ะ... น่ารักแล้วรักน้องไหม” สายชลกระเซ้าพี่ชายก่อนจะเอาหัวถูไถราวกับแมวตัวน้อย

“วุ้ย ถามอะไรเยอะแยะ ขับรถอยู่นะ กูเสียสมาธิ”

“อ้าว ยังไม่ตอบคำถามของน้องเลย”

“ไม่รักหรอกมั้ง ปวดตูดยอมขับรถให้มึงนั่งเป็นคุณชายสบายแบบนี้ ไม่น่าถาม”

นาน ๆ ครั้งที่จะได้ยินคนหน้าขรึมบ่นอุบ คำตอบของพี่ชายฝาแฝดทำให้สายชลยิ้มกริ่ม หัวใจพองโต ถึงสายฟ้าจะไม่บอกรักเขาอย่างตรงไปตรงมา แต่เขาก็รู้ดีว่าที่สายฟ้าจะสื่อนั้นหมายถึงอะไร แน่นอนว่าไม่มีใครหรอกที่ไม่ชอบให้มีแต่คนรัก เขาก็เช่นกัน

“พี่สายฟ้าสอนชลขับรถหน่อยสิ”

“จะหัดขับไปไหน”

“แค่อยากขับรถเป็นบ้างเฉย ๆ ผมจะได้พาพี่สายฟ้าไปเที่ยวบ้าง”

สายฟ้าหันขวับทันทีด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก หัวคิ้วขมวดพันกันจนยุ่งเหยิง “ไม่ต้องเลย ถ้ามึงอยากไปไหนก็บอกกู เดี๋ยว-พา-ไป-เอง”

สายชลรู้ดีว่าครั้งนี้พี่ชายจริงจัง สังเกตได้จากน้ำเสียงเน้นหนักสีหน้าบึ้งตึง ถึงทั้งสองคนจะเป็นฝาแฝดกันแต่เขามั่นใจเลยว่า สายฟ้าน่ะดูโหดกว่าร้อยเท่า ‘คนอะไรทำตัวน่ากลัวยังกับมาเฟีย เออ... จะว่าไปพี่สายฟ้ามันก็ไม่ต่างกับมาเฟียเลยนะ ด้วยธุรกิจที่พี่เขาดูแลอยู่’

“มันก็ไม่เหมือนกันนี่นา เป็นคนนั่งกับเป็นคนขับ” สายชลรู้ดีว่าพี่ชายไม่พูดเล่นทว่าด้วยนิสัยชอบพูดงึมงำของเด็กน้อย เขาก็ยังอดพึมพำไม่ได้ ก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าคู่ใจแล้วเปิดนำเสบียงที่พกมากินระหว่างทาง สายฟ้าชำเลืองมองน้องด้วยหางตาอย่างเอ็นดู

“ไม่ทำหกเลอะหรอกน่า กินไหม... อ้อ ลืมไปไม่ชอบกินขนม งั้นส่วนของพี่สายฟ้า ชลเหมาเลยนะ”

สายฟ้าไม่เอ่ยตอบ ทว่าเขากลับคลี่รอยยิ้มอบอุ่นให้สายชลแล้วขับรถมุ่งตรงไปยังที่พัก หลังจากนั้นบทสนทนาระหว่างสองพี่น้องก็ขาดห้วงไป หลงเหลือแต่เพียงเสียงเพลงฮิตตามยุคสมัยที่เปิดคลอเพื่อไม่ให้บรรยากาศในรถเงียบงัน ระหว่างที่สายชลกำลังชมวิวระหว่างทางเพื่อซึมซับความสุขอยู่นั้น เด็กน้อยก็นึกได้ว่า แท้จริงแล้วสายฟ้าเป็นคนที่ค่อนข้างรักความสันโดษ การที่เขาไปอยู่ที่คอนโดมิเนียมเดียวกับสายฟ้าจะเป็นการทำให้พี่ชายอึดอัดหรือไม่ !? เมื่อคิดได้เช่นนั้น สายชลจึงเอ่ยปากถามออกไป ทว่าคำตอบที่ได้กลับมานั้น ยิ่งทำให้สายชลรู้สึกตื้นตันจนยากจะอธิบาย

“การที่กูรู้ว่าโลกนี้ยังมีมึงอยู่ ถือเป็นของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตกูเลยรู้ไหม ถึงเราจะเพิ่งเจอหน้ากัน ถึงจะเพิ่งทำความรู้จักกัน แต่อยากให้มึงรู้ไว้นะสายชล มึงคือครึ่งหนึ่งของตัวกู มึงคือคนที่กูจะดูแลปกป้องด้วยชีวิต การที่มีมึงเข้ามามันเป็นเรื่องที่...”

สายฟ้าเว้นวรรคเอาเสียดื้อ ๆ เมื่อรู้สึกตัวว่าพูดเยอะเกินไปแล้ว ‘หรือกูจะติดนิสัยพูดมากจากเจ้าเด็กนี่กันวะ ?’

“ที่... ที่อะไรครับ” สายชลเร่งเร้าด้วยน้ำตาคลอเบ้าเสียงสั่นเครือด้วยความตื้นตันใจอย่างไม่คิดจะเก็บอาการ ทำให้พี่ชายฝาแฝดนึกสนุกอยากแกล้งน้องขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“การที่มีมึงเข้ามาในชีวิต… กูรู้ได้ทันทีเลยว่า ต้องเป็นเรื่องที่วุ่นวายฉิบหายเลยล่ะ” สายฟ้าเน้นเสียงพลางส่ายศีรษะไปมาอย่างหน่ายใจ

“พี่สายฟ้า เอาอีกแล้วนะ ช็อตฟีลกันอีกแล้ว”

ถึงสายฟ้าจะพูดไปเช่นนั้นแต่สายชลกลับรับรู้ได้ด้วยหัวใจว่า พี่ชายคนนี้จะปกป้องเขาเฉกเช่นที่พูดจริง ๆ ติดแค่สายฟ้าน่ะกวนประสาท ใครจะไปรู้ว่าสายฟ้าตอนวัยรุ่นจะกวนเบื้องล่างได้ขนาดนี้

‘แต่ถ้ามองย้อนกลับไปแล้ว ทั้งพี่ไทม์ พี่สายฟ้า รวมถึงคนรอบตัวของผมต่างก็มีลักษณะนิสัยที่เปลี่ยนแปลงไปเยอะจนผิดตา นี่ใช่ไหมที่เขาเรียกว่า เวลาเปลี่ยนแปลงคนเราก็จะแปรเปลี่ยนไปตามประสบการณ์และสิ่งที่หล่อหลอม ผมโชคดีจริง ๆ ที่ได้เห็นพัฒนาการของคนรอบตัว’ สายชลมองหน้าพี่ชายพลางคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมาเหล่านั้น แม้ห้วงเวลาปัจจุบันจะเป็นเพียงไม่กี่วัน แต่ระยะเวลาที่สายชลได้เผชิญมานั้นกลับนานเป็นเท่าทวีคูณ

แต่แล้วจู่ ๆ สายฟ้าก็โพล่งออกมาราวกับคิดบางอย่างได้ “จะว่าไปแล้ว… ตั้งแต่มึงเข้ามา ชีวิตกูเปลี่ยนไปเยอะเลย”

“แล้วมันเปลี่ยนในทางที่ดีหรือแย่กันล่ะ”

“ไอ้ชล มึงจำไว้นะ ทุกการเปลี่ยนแปลงมันก็มีทั้งเรื่องดีเรื่องร้าย ทุก ๆ อย่างที่เราได้รับมากูคิดว่ามันมีราคาที่ต้องจ่ายเสมอ มึงไม่จำเป็นต้องกังวลเลยว่าการที่มีมึงเข้ามาในชีวิตจะทำให้กูลำบาก”

สายชลยิ้มหวานกะพริบตาปริบด้วยความซึ้งใจ

“เพราะกูรู้ว่า กูลำบากแน่ ๆ” แล้วเสือยิ้มยากอย่างสายฟ้าก็หัวเราะร่าให้กับท่าทางฟึดฟัดของน้องชาย

“อ้าว… พี่สายฟ้า เกือบจะดีแล้วเชียว”

สายฟ้าขำร่วนก่อนจะหันขวับไปทางหน้าจอโทรศัพท์ของสายชล เสียงแจ้งเตือนปรากฏภาพสติกเกอร์รูปหน้าเจ้าของข้อความ แน่นอนจะเป็นใครไม่ได้นอกจากเจ้าตัวปัญหา ‘ไอ้พี่ไทม์’ พี่ชายฝาแฝดขมวดคิ้วพลางกำพวงมาลัยแน่นอย่างหัวเสีย ในขณะที่น้องชายสุดหวงกลับก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับข้อความที่ไอ้พี่ไทม์ส่งมาเสียยืดยาวยิ่งกว่าเรียงความ

‘ถ้าพิมพ์ส่งมายืดยาวซะขนาดนั้น ทำไมไม่โทรมาเลยล่ะวะ’ สายฟ้าขบกรามแน่นพลางนึกอยู่ในใจ ราวกับกระแสจิตกระแสใจของเขาทรงพลังเหลือล้น ความนึกคิดนั้นได้ส่งไปถึงไทม์ ในเวลาเดียวกันนั้นไทม์ก็วิดีโอคอลมาหาน้องสุดหวงของเขาได้พอเหมาะ ราวกับผู้กำกับปล่อยคิวนักแสดงอย่างไรอย่างนั้น

สายชลหันสบตาพี่ชายครู่หนึ่งก่อนจะเม้มปากแน่นด้วยความเกรงใจ เมื่อสายฟ้าเห็นแววตาเว้าวอนของเจ้าเด็กดื้อ งูจงอางหวงไข่อย่างเขาจึงทำได้แค่เพียงถอนหายใจยาว แล้วพยักพเยิดหน้าเป็นเชิงอนุญาต แม้เขาจะไม่ชอบใจที่มีผู้ชายคนอื่นมายุ่งกับน้องน้อยก็ตาม แต่จะให้ทำอย่างไรได้อีกล่ะ ‘ในเมื่อคนของเรา หัวใจหนีตามไปอยู่กับเขาตั้งแต่แรกแล้วนี่นา !’

สายชลยิ้มร่าหน้าบานอย่างไม่คิดเก็บอาการ มือข้างหนึ่งจัดระเบียบผมเพ้าที่เกือบรุงรังให้เข้าที่อย่างคนประหม่า

“น่ารักแล้ว...” สายฟ้าเอ่ยแซวน้องชาย เมื่อเห็นท่าทางไม่มั่นใจก็อดอมยิ้มเอ็นดูไม่ได้ ถ้าเป็นเขาน่ะเหรอคงไม่มีทางจะเสียอาการแบบสายชลเป็นแน่

สายชลกดรับสายเรียกเข้าซึ่งเป็นวิดีโอคอล เขาส่งยิ้มบางให้กับคนปลายสาย ทว่าภาพที่ปรากฏต่อสายตา คือไทม์ในลุคของผู้บริหารหนุ่มมาดเข้ม ดูน่าเกรงขาม นั่งอยู่ในห้องทำงานสุดหรู ทว่าท่านรองประธานกลับทำหน้าตาบ้องแบ๊วไม่ต่างจากเด็กน้อย กะพริบตาถี่ ๆ อย่างลูกหมากำลังอ้อนเจ้าของไม่มีผิด

“น้องทำอะไรอยู่ครับ” ไทม์เอ่ยทักด้วยเสียงหวาน

“กำลังนั่งรถกลับกรุงเทพฯ ครับ”

“เหนื่อยไหม”

“ไม่เหนื่อยเลย”

จังหวะนั้นสายฟ้าพูดแทรกเข้ามาในโทรศัพท์ “แหม จะไปเหนื่อยได้ยังไง นั่งกินมาตลอดทาง”

สายชลมองแรงยู่จมูกรั้นใส่พี่ชาย แต่มีหรือที่คนอย่างสายฟ้าจะกลัว เขากลับผิวปากอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“น้องสายชลพักแถวไหน พอดีคืนนี้พี่มีปาร์ตี้เล็ก ๆ อยากให้เรามาด้วย ไปกับพี่นะครับ”

สายชลหันไปสบตากับพี่ชายอย่างกังวลใจ ในขณะที่พี่สายฟ้ายังคงทำสีหน้าเรียบเฉย ทำให้สายชลลำบากใจ เขาไม่สามารถเดาใจพี่ชายคนนี้ได้เลย แต่สิ่งหนึ่งที่สายชลสัมผัสได้คือสายใยระหว่างเขากับพี่ชายฝาแฝด ความรู้สึกหงุดหงิดและอึดอัดมันเอ่อล้นยากจะอธิบาย เสี้ยวนาทีนั้น สายชลจึงตัดสินใจเลือกอยู่กับสายฟ้าดีกว่า ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากไปกับไทม์ แต่สายฟ้าก็สำคัญต่อเขาไม่ต่างกัน

“พี่ไทม์… ผมว่าไม่ไปดีกว่าครับ”

“อ้าว ทำไมล่ะ เกรงใจพี่ชายเหรอ” ไทม์เอ่ยอย่างคนรู้ทัน เพราะเขารู้ดีว่าสายฟ้าหวงน้องชายยิ่งกว่างูจงอางหวงไข่ เขาจึงตั้งใจชวนทั้งสองคนไปด้วยแต่แรกแล้ว

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ”

“น้องสายฟ้า เย็นนี้พวกเราไปปาร์ตี้กับพี่ด้วยกัน” ไทม์พูดหว่านล้อมสายฟ้าแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล

“พวกเรางั้นเหรอ ?” สายฟ้าเอ่ยเสียงแข็งกระด้าง

“ใช่ครับ เป็นปาร์ตี้เล็ก ๆ ที่มีแต่เพื่อนกับคนสนิทเท่านั้นเอง พวกเราไปด้วยกันนะ เดี๋ยวพี่ไปรับ”

“ไม่ดีกว่า ผมคิดว่าเราไม่น่าจะสนิทกันขนาดนั้น” สายฟ้าปฏิเสธคนแก่กว่าเสียงแข็ง

“แหม พูดไร้เยื่อใยอีกแล้ว” ยิ่งสายฟ้าขุ่นเคืองเท่าไร แทนที่ไทม์จะรู้สึกผิด ทว่าท่านรองประธานกลับยิ่งชอบใจ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงชอบแกล้งเด็กคนนี้เป็นพิเศษ อาจเพราะความขึงขังและท่าทางที่โตกว่าอายุ มันทำให้เขาอดที่จะกวนประสาทสายฟ้าไม่ได้

ในเวลาเดียวกัน สายชลได้ฟังไทม์คุยกับพี่ชายของตน เขาก็พอรู้คำตอบ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เลือกที่จะอยู่กับสายฟ้าแต่แรกอยู่แล้ว ทว่าเด็กน้อยก็ไม่อาจจะปัดป้องความรู้สึกหงอยเศร้าที่ก่อเกิดในใจออกไปได้โดยง่าย สายฟ้าลอบมองหน้าน้องชายพร้อมกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่สื่อถึงกัน

“งานเลี้ยงที่ไหนล่ะ เดี๋ยวผมจะไปส่งน้องของผมเอง”

“ให้ผมไปรับก็ได้นะ” ไทม์ยื่นข้อเสนอ

“พูดมากเดี๋ยวผมเปลี่ยนใจนะ”

“งั้นเดี๋ยวพี่ส่งโลเคชั่นให้ในไลน์น้องชลนะครับ”

“ทำไมพี่ไทม์ถึงนัดน้องกะทันหันล่ะ” สายชลอดที่จะสงสัยไม่ได้ ปกติไทม์น่าจะเป็นคนซีเรียสกับการนัดหมายและตารางเวลามาก เอ๊ะ หรือห้วงเวลานี้มันจะมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกับที่เขาเคยรับรู้มากันนะ ‘ชักสนุกแล้วสิ’

“เดี๋ยวพี่บอกตอนมาเจอกันนะครับ”

“ทำไมดูมีลับลมคมในจังเลย”

“งั้นเดี๋ยวน้องสายฟ้ามาเจอพี่ที่ดิไอคอนสยาม ตอน 1 ทุ่มครึ่งนะครับ”

“อื้ม… ได้”

ไทม์ยังคงแหย่คนพี่ไม่เลิก “จะไม่เข้างานด้วยกันจริง ๆ หรือครับ”

“อย่ามาเซ้าซี้น่า”

“โอเค ๆ แหม ยังหัวร้อนเหมือนเดิมเลยนะ” ไทม์เอ่ยด้วยสีหน้าและน้ำเสียงยียวน พลางดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้มอย่างคนกวนประสาท ทำให้สายฟ้าขมวดคิ้วยุ่งเหยิงอารมณ์เสีย

“น้องสายชลครับ เดี๋ยวคืนนี้เราพบกันนะครับ”

“โอเคครับ” แมวน้อยยิ้มรับด้วยเสียงสดใสก่อนจะกดวางไปด้วยหัวใจพองโต

หลังจากที่สายชลกดวางสายไทม์ไปแล้วนานหลายนาที ก็ยังคงปรากฏรอยยิ้มหวานเคลือบฉาบอยู่บนใบหน้า ความรู้สึกดีระคนตื่นเต้นยังคงติดตรึงอยู่เช่นนั้นอีกครู่ใหญ่ กระทั่งสายฟ้าถึงกับต้องเอ่ยปากแซว เพราะสายสัมพันธ์ที่เชื่อมใจของพวกเขานั้น มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด ไม่ใช่ว่าสายฟ้าจะไม่ยินดีกับน้องที่หัวใจพองโตอย่างคนมีความรัก เพียงแต่…

“ยิ้มหน้าบานไปถึงกรุงเทพฯ แล้วมั้ง”

สายชลยู่จมูกรั้น ทุบหน้าขาพี่ชายไปทีโทษฐานแซวคนกำลังคลั่งรัก

“พี่สายฟ้าก็แซวน้องอยู่เรื่อยเลย” แต่แซวแค่นี้ไม่ทำให้ใจพองโตของเขาเหี่ยวลงได้อย่างง่าย ๆ หรอกนะ ‘ผมจะได้เจอพี่ไทม์อีกแล้ว ตื่นเต้นจังเลย’

“ทำไมยังไม่บอกมันไปสักทีว่าเราเป็นคนเดียวกันกับเด็กน้อยที่มันตามหา” สายฟ้าเอ่ยถามสิ่งที่เขาสงสัย

“ยังไม่มีโอกาสเหมาะ ๆ น่ะ”

“พอมันมาจีบมึงแบบนี้ ทำให้กูรู้สึกว่ามันโลเลน่ะ”

“ยังไงฮะ”

“คนในวัยเด็กไอ้พี่ไทม์มันก็ยังรักฝังใจ แต่เสือกมีหน้ามาจีบมึงอีก รักซ้อนเหรอ มันได้หรือวะ ไม่รู้ละ กูไม่ชอบขี้หน้ามัน” สายฟ้าโวยวายอย่างคนหัวเสีย

“แหม พี่สายฟ้าละก็ ไม่ว่าจะเป็นน้องแมวน้อยในวัยเด็ก หรือจะเป็นผมในตอนนี้ มันก็คนเดียวกันไหมล่ะ” สายชลพูดด้วยท่าทางสบาย ๆ ไม่ทุกข์ร้อน

“ถึงจะแบบนั้นก็เถอะ”

“เอาน่า... ชีวิตคนเรามันสั้นนักนะ อย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแค่นั้นเลย ขอแค่เรารู้ว่าใจเรามีใคร และเขาก็พอจะมีใจให้เราบ้าง ก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องคิดมากไปหรอกฮะ สุดท้ายปลายทางมันก็เหมือนกัน”

สายฟ้าลอบมองเด็กน้อยอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง สายชลในมุมมองของเขายังคงเป็นน้องน้อยในความทรงจำ ทว่าเด็กผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ กลับมีชุดความคิดที่ลึกซึ้งกว่าเขานัก ‘มันก็จริงของสายชลที่ว่า ชีวิตคนเรามันก็แค่นี้จะไปคิดอะไรให้มันวุ่นวาย’

“ยังไม่ทันไร สอนกูซะแล้วเหรอเจ้าควายน้อย” ถึงสายฟ้าจะโพล่งออกไปเช่นนั้นแต่เขาก็ภูมิใจในตัวของสายชลอยู่ไม่น้อย

“ควายอีกแล้ว ก็ได้ผมยอมเป็นน้องควายน้อยก็ได้ ชิล ๆ”

๐๐๐

กรุงเทพฯ ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่การจราจรติดขัดเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก แต่ด้วยความที่วันนี้เป็นวันธรรมดาทำให้ท้องถนนไม่วุ่นวายมากนัก สายฟ้าขับรถไปยังคอนโดมิเนียมแห่งใหม่ที่ดรีมเพื่อนรักคนสนิทดำเนินการซื้อห้องที่ต้องการเอาไว้รอล่วงหน้าก่อนที่พวกเขาจะมาถึงแล้ว

“พี่สายฟ้าครับ นี่มันไม่ใช่ทางกลับห้องพี่นี่” ถึงสายชลจะไม่สันทัดถนนหนทางในกรุงเทพฯ ดีนัก แต่เขาก็จำได้ว่าเส้นทางนี้ไม่ใช่ทางไปที่พักของสายฟ้า

“อื้ม”

“แล้วพี่จะไปไหน ?”

“ไปคอนโดฯ ของเราไง” สายฟ้าพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ทว่านัยน์ตากลับมีความภูมิใจอยู่ในนั้น

“คอนโดฯ ของเราเหรอครับ หมายถึงยังไงอะ”

“พี่ว่าที่เก่ามันเดินทางไม่ค่อยสะดวกน่ะ รถก็ติด ถ้าเปิดเทอมมึงจะเดินทางไปเรียนไม่สะดวก”

“แล้ว...” สายชลขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่เข้าใจ

“กูก็เลยซื้อห้องใหม่ ถึงไกลกว่าที่เก่าหน่อยแต่ทั้งกูและมึงเดินทางสะดวกมาก ห้องก็ใหญ่กำลังดี”

“ดะ… เดี๋ยวนะครับ ซื้อเลยเหรอ”

“อะแน่นอน” สายฟ้าไหวไหล่แล้วหันมาแสยะยิ้มให้น้องชาย

“แล้วอายุอย่างพวกเราซื้ออะไรแบบนั้นได้ด้วยเหรอ”

“เรื่องนั้นมันไม่ใช่ปัญหาหรอก อย่ากังวลไปเลย น้องคนเดียวพี่ฟ้าคนนี้เลี้ยงได้สบายมาก”

“ใครมันจะน่ารักเกินกว่าพี่ชายผมไม่มีอีกแล้ว” สายชลพูดพลางซบลงที่ท่อนแขนแกร่งของสายฟ้า

‘น้องชายน่ารักแบบนี้ไง กูถึงหวงจนเส้นเลือดในสมองแทบจะแตก ไม่อยากให้มันโตเลย ไม่อยากให้มันมีแฟนเลยจริง ๆ’ สายฟ้าตกอยู่ในภวังค์ห้วงความคิด กระทั่งเสียงแตรรถจากคันหลังส่งสัญญาณเตือนให้สายฟ้ารีบเหยียบคันเร่งไปก่อนที่จะไฟแดงอีกหน

คอนโดมิเนียมที่ใหม่อยู่ไม่ห่างจาก BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ซึ่งการเดินทางแม้จะวุ่นวายอยู่บ้าง แต่ถือเป็นจุดที่สะดวกต่อการพักอาศัยระหว่างเรียนมหาวิทยาลัยของเขาทั้งคู่ตลอด 4 ปี

สายชลติดโควตาที่มหาวิทยาลัย H ซึ่งอยู่แถวปทุมวัน ไม่ไกลจากที่พักมากนัก หากวันไหนที่สายชลมีเรียนสายหรือกลับจากมหาวิทยาลัยไวน้องจะได้กลับห้องมาพัก หรือติวหนังสือได้อย่างสะดวก ส่วนสายฟ้าสอบตรงติดที่มหาวิทยาลัย G ซึ่งอยู่ไกลถึงย่านบางเขน ทว่าความเป็นห่วงน้องชายที่จากบ้านเกิดมาไกล ทำให้สายฟ้าเลือกพักอยู่กับน้อง แม้เขาจะต้องฝ่ารถติดเป็นชั่วโมงก็ตามที

ไม่นานนักทั้งสองก็มาถึงยัง แกรนด์บูลชิคต้า คอนโดมิเนียมสุดหรูที่มีบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัยเข้าพักกันเสียส่วนใหญ่ ส่วนราคาห้องพักน่ะเหรอ สิบสามล้านกว่ายังไม่รวมค่าตกแต่ง แต่กระนั้นสายฟ้ามองยาวไปถึงอนาคต หากเรียนจบแล้วน้องชายยังอยากพักที่นี่เขาก็จะยกให้เป็นของขวัญ แต่ถ้าหากอยากย้ายไปพักที่อื่น คอนโดมิเนียมแห่งนี้ถือว่าทำเลดีมาก ห้องหัวมุมเป็นที่ต้องการของตลาด แน่นอนว่าราคาที่ได้นั้นก็โหดไม่ต่างกัน อีกทั้งยังเป็นใจกลางเมือง มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัยชั้นนำ รวมไปถึงบริษัทต่าง ๆ ที่รายล้อม สามารถปล่อยให้เช่าหรือขายทอดตลาดได้อย่างไม่ขาดทุนแน่นอน

“เราพักที่นี่จริง ๆ เหรอพี่”

“ทำไม… ที่นี่ไม่ดีเหรอ แต่ก็นะ คอนโดฯ นี้เล็กกว่าที่เดิมจริง ๆ แหละ”

“ไม่ใช่ ๆ แบบนั้น ที่นี่มันหรูเกินไปต่างหากล่ะ”

“งั้นก็เป็นเด็กดีล่ะ” สายฟ้าไม่พูดต่อให้มากความ เขาคลี่ยิ้มบางให้น้องฝาแฝด ลูบหัวน้องน้อยอย่างเอ็นดูก่อนจะถือสัมภาระเดินนำหน้าไปยังลิฟต์โดยสารสุดทางเดินของลานจอดรถ

“รอผมด้วยสิฮะ”

“เอามาแค่ของที่จำเป็นก็พอ เดี๋ยวค่อยลงมาเอาอีกรอบก็ได้”

ห้องพักใหม่ของพวกเขาอยู่ชั้นสามสิบเก้า ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของคอนโดมิเนียมแห่งนี้ โดยจะมีห้องนอนหลักจำนวน 3 ห้อง แต่ละห้องจะมีห้องน้ำอยู่ภายในตัว และที่สายฟ้ามั่นใจว่าเขาทั้งคู่น่าจะชอบมาก เขายังให้ดรีมจัดห้องเล็กเป็นห้องส่วนตัวสำหรับดูหนัง แน่นอนว่าเขาเตรียมป๊อปคอร์นเอาไว้รอเจ้าดื้อของเขาทุกรสชาติ สายฟ้าหวังว่าการทำให้น้องชายมีความสุขจะพอชดเชยในสิ่งที่สายชลต้องเผชิญได้ไม่มากก็น้อย

“โอ้โฮ... พี่สายฟ้าห้องเราอยู่ชั้นบนสุดเลยเหรอครับ ดูนั่นสิ เห็นวิวตรงนั้นไหม ที่เราผ่านตรงนั้นมาเมื่อกี้นี่ฮะ ตึกใหญ่ตรงนั้นพอมองจากห้องของเราเหลือแค่นี้เอง” สายชลพูดพร้อมทำมือวัดขนาด ในขณะที่สายฟ้าหย่อนสะโพกลงกับโซฟาเบด เขาไม่ได้ขับรถทางไกลเช่นนี้นานแล้ว บวกกับเมื่อคืนได้พลังของกล่องดนตรีใช้ชีวิตในอีกห้วงมิติเวลาหนึ่ง ส่งผลให้สายฟ้ารู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ สายชลยังคงตื่นตาตื่นใจกับห้องใหม่ที่ทั้งกว้างและมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน กระทั่งเดินตรงมาถึงบาร์เคาน์เตอร์ครัว

“เสียงดังโวยวายเหมือนเดิมเลยนะ”

“พี่ดรีม...” สายชลยิ้มร่าแล้วพุ่งตัวไปกระโดดกอดดรีมจนคนถูกกอดฟัดพยายามที่จะแกะมือปลาหมึกนั้นออก แต่ไม่เป็นผล สายชลกลับยิ่งกอดดรีมแน่นขึ้นไปอีก

“เดี๋ยวก่อน... ใจเย็นกระโดดมากอดแบบนี้ขนลุกไปหมดแล้ว” ถึงดรีมจะโวยวายออกมาแบบนั้น แต่ลึก ๆ ภายในใจเขากลับรู้สึกดีไม่น้อย สายชลมีนิสัยแตกต่างจากเพื่อนซี้เขามาก เรียกได้ว่าต่างกันคนละขั้วก็ว่าได้

“ทำไมอะ ชลตัวเหม็นเหรอ”

“ให้เวลากูหน่อยได้ไหม ก็มึงทั้งสองคนหน้าเหมือนกันจนแยกไม่ค่อยออก”

สายฟ้าเดินเข้ามาขนาบข้างน้องชาย แสยะยิ้มให้เพื่อนซี้ แต่ดรีมกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มของสายฟ้าคลับคล้ายคลับคลาสิงห์ที่กำลังแยกเขี้ยวเสียมากกว่าจะเรียกมันว่ารอยยิ้ม

“ลองมองดี ๆ สิ ต่างกันไหม”

ดรีมพยายามเพ่งสายตาไปยังฝาแฝด เมื่อเขาพินิจพิจารณาดี ๆ เขาสังเกตเห็นว่าสายชลจะค่อนข้างตัวเล็ก ผิวสีเข้มกว่าสายฟ้า นัยน์ตาทั้งสองคนแม้จะสีเดียวกันก็จริง แต่ความอ่อนโยนในแววตาต่างกันนัก โดยเฉพาะที่โหนกแก้มบริเวณหางตาของสายฟ้ามีขี้แมลงวันเม็ดเล็ก ๆ ส่วนสายชลใบหน้าเกลี้ยงเกลา ริมฝีปากอมชมพูอย่างเห็นได้ชัด

“อื้ม ไม่เหมือนกันจริง ๆ”

ในขณะที่ทั้งดรีมและสายฟ้ายังคงเถียงกันเรื่องหน้าเหมือนหน้าไม่เหมือน สายชลทำจมูกฟุดฟิดเดินตรงเข้าไปยังเคาน์เตอร์บาร์ก่อนจะเดินกลับมาด้วยรอยยิ้มหวาน แซลมอนสเต๊กพร้อมกับสลัดทูน่าและน้ำส้มคั้นของโปรด ยิ่งเห็นก็ยิ่งเป็นการปลุกเร้าน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของสายชลได้อย่างดี

“พี่ดรีมทำเองเหรอ น่ากินมาก”

“ไม่ได้ทำ กูแค่เอามาอุ่นแล้วใส่จาน”

“ดีเลย งั้นเรามากินข้าวกันดีกว่า หิว ๆ”

ทันทีที่สายชลบ่นหิว ๆ แล้วใช้ฝ่ามือลูบท้อง สายฟ้าก็หันขวับแล้วมองน้องชายอย่างไม่อยากเชื่อสายตา ‘มาอยู่ด้วยกันต้องให้ไอ้ดรีมพาเข้าฟิตเนสเพิ่มความแข็งแรง ฟิตหุ่น เรียนศิลปะป้องกันตัวซะแล้ว เอาแต่กินแบบนี้เกิดฉุกเฉินขึ้นมาจะวิ่งหนีทันไหมเนี่ย’ สายฟ้าไม่ได้มีปัญหาเรื่องการกินเยอะเกินพอดีของน้องชาย ทว่าเขากลับเป็นกังวลหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมา เกรงว่าน้องน้อยจะเป็นอันตรายเสียมากกว่า

“เอาสิ ทั้งสองคนไปล้างหน้า ล้างมือแล้วนั่งรอที่โต๊ะอาหารได้เลยเดี๋ยวยกไปให้”

“ไม่เป็นไรมึง เดี๋ยวกูช่วย” สายฟ้าพูดพลางยกจานเต็มทั้งสองมือ

“พอ… วางเลยมึง สภาพ โอ้โฮ โทรมมาก ถ้าบอกว่าไปออกรบมากูก็เชื่อนะ ไปนั่งรอกับน้องของมึงตรงโน้นเลย คนอะไรซนเหมือนลิงเลย”

“เอาน่า”

“กูก็ไม่ได้อะไรหรอก สายชลมันก็น่ารักดี”

“ชมกูเหรอ” สายฟ้าพูดพลางแสยะยิ้มรับ ‘ถ้าบอกว่าไอ้สายชลน่ารัก เขาก็ต้องน่ารักสิ ก็เราเป็นฝาแฝดกันนี่นา’

“โถ… คนอย่างมึงน่ะเหรอไอ้สายฟ้า น่ารัก ใครเขาบอกมึงแบบนั้นกันฮะ” ดรีมเน้นเสียงอย่างดูแคลน

“มีละกัน”

“กูว่าคนที่ชมมึงคนนั้นมันต้องทั้งโง่ทั้งตาบอดแน่ ๆ” เขายังคงดูแคลนอย่างไม่ลดละก่อนจะหัวเราะร่าอย่างขบขัน

“พูดมากฉิบหาย กูไม่ช่วยแล้ว ยกมาเองเลยแล้วกัน”

๐๐๐

“พี่สายฟ้าว่าน้องแต่งตัวโอเคแล้วหรือยัง”

สายฟ้าปรายตามองท่าทางน่าเอ็นดูแฝงด้วยความประหม่าแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ ในขณะที่สายชลยังคงง่วนอยู่กับการจัดแต่งชุดของตัวเอง ถึงเขาจะเคยแต่งตัวแบบนี้ตอนที่ข้ามเวลาไปอนาคต แต่ตอนนี้เขายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่กำลังจะเข้ามหาวิทยาลัยเท่านั้น ไม่แปลกที่สายชลจะรู้สึกไม่มั่นใจไปบ้าง

“น้องรู้สึกว่าสูทของพี่ตัวนี้ใหญ่กว่าไซซ์ผมน่ะสิ”

“เราก็ใส่ไซซ์เดียวกันนี่” สายฟ้าปรายตามองด้วยท่าทางนิ่งขรึม

“ชลว่า... พี่สายฟ้าตัวใหญ่กว่า กล้ามก็แน่นกว่าผม” เด็กน้อยพูดพลางใช้ศีรษะถูไถออดอ้อนพี่ชายราวกับตัวเองเป็นลูกแมว ในเวลาเดียวกันกลุ่มก้อนขนปุยที่แสดงสีหน้าเหวี่ยงเมื่อถูกจับเข้ากรงขนาดไม่ใหญ่นัก เริ่มร้องโวยวายด้วยท่าทางไม่พอใจ

“จีโน่ พี่ไปแป๊บเดียวจริง ๆ วันนี้อยู่กับพี่สายฟ้าไปก่อนนะ ห้ามดื้อ” สายชลชะโงกหน้ายิ้มร่าให้กับเจ้าจีโน่ แมวสีดำขนปุยแสนรัก ทว่าเจ้าจีโน่กลับออกอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด มันหันหน้าหนีเจ้าของเอาเสียดื้อ ๆ

“เอามันมาด้วยทำไมก็ไม่รู้” สายฟ้าพูดพลางมองไปยังเจ้าแมวสีดำหน้าเหวี่ยง

“ชลต้องมาอยู่ที่นี่ตั้งนาน แล้วใครจะดูแลจีโน่ล่ะ”

“แต่นี่มึงก็ทิ้งให้กูดูแลมันตั้งแต่มากรุงเทพฯ วันแรกเลยปะ” สายฟ้ามุ่ยหน้าด้วยท่าทางหงุดหงิด ถ้าไม่ติดว่าดรีมมีธุระต้องไปเดินเรื่องให้เขา สายฟ้าก็ตั้งใจจะฝากเจ้าหน้าขนให้เพื่อนรักดูแล แต่ตอนนี้ไม่มีใครว่างเลยสักคน ภาระนี้ก็เลยต้องตกอยู่กับเขาด้วยความจำใจ

“เอาน่า จีโน่เป็นแมวน่ารัก เดี๋ยวพี่สายฟ้าก็รักน้องเหมือนที่ชลรัก”

“ไม่มีวันนั้นหรอก”

สายชลคลี่ยิ้มให้กับความดื้อรั้นของพี่ชาย สีหน้าของสายฟ้าตอนนี้ไม่ต่างจากเจ้าจีโน่เลย หากเจ้าจีโน่พูดได้มันก็คงตอบว่า ‘จีโน่ก็ไม่อยากอยู่กับพี่ฟ้าเหมือนกัน’

“จะว่าไปแล้ว...” แล้วจู่ ๆ สายฟ้าก็พึมพำออกมาพร้อมกับสีหน้าขึงขังจริงจัง

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“มี”

สายฟ้าตอบสั้นห้วน ทำให้เด็กน้อยหยุดการกระทำทุกอย่างลงแล้วหันไปตั้งใจฟังคำที่พี่ชายจะเอ่ยต่อจากนี้

“หลังจากนี้ต่อไป กูจะให้ไอ้ดรีมมาจัดตารางการออกกำลังกายของมึง”

“โธ่ อะไรกัน”

ถ้าเรื่องกินสายชลถนัดและแน่นอนว่าคนชอบกินอย่างเขาเกลียดการออกกำลังกายที่สุด ‘แค่คิดว่าต้องออกกำลังกายก็เหนื่อยแล้ว ไม่ว่าจะตอนนี้หรือข้ามเวลาไปห้วงอนาคตพี่สายฟ้าก็ยังจะให้ผมออกกำลังกายให้ได้สินะ เฮ้อ...’

“ทุกวัน” สายฟ้าประกาศกร้าวเสียงแข็ง

“ไม่เอา เหนื่อยนะ เอาไว้ค่อยออกกำลังกายไม่ได้เหรอ”

“ไม่ได้ กูก็ไม่ได้บอกให้มึงต้องทำวันนี้ เดี๋ยวนี้ซะหน่อย”

“งั้นเปิดเทอมค่อยออกแล้วกันเนอะ”

“ไม่ได้”

“งั้นเดือนหน้า”

“วันจันทร์นี้”

“โธ่... พี่สายฟ้าอะไรกัน นี่เท่ากับว่าผมมีเวลาแค่ 3 วันเท่านั้นเองเหรอ ไม่เอาอะ” สายชลงอแง

“เอาน่า กูทำทั้งหมดนี่เพื่อมึงนะ”

“ไม่”

สายชลขมวดคิ้ว ขบกรามแน่น

“นี่...”

“อย่าเพิ่งโมโหสิ... ชลรู้ว่าพี่สายฟ้าเป็นห่วงน้องมากใช่ไหม”

“ถ้ารู้ก็ดีแล้ว แบบนี้แล้วก็อย่าดื้อกับพี่อีก”

“เมื่อกี้แทนตัวเองว่าอะไรนะ” สายฟ้าเงียบหัวคิ้วเริ่มขมวดพันกันยุ่ง สายตาทอดมองน้องชายด้วยท่าทีระแวดระวัง

“งั้นบอกก่อนสิว่า เป็นห่วงชลมาก รักน้องชายคนนี้มากด้วย”

“ไม่อะ”

“ทำไมอะ บอกหน่อยน่า”

“เล่นอะไรเป็นเด็ก ๆ ไปได้”

จู่ ๆ สายชลก็นิ่งไป เมื่อเขาย้อนนึกถึงเรื่องราววัยเยาว์ที่ไม่หลงเหลือความทรงจำร่วมกันกับสายฟ้าแม้แต่น้อย ทำให้ความรู้สึกในหัวใจของเด็กน้อยเจ็บแปล๊บอย่างน่าประหลาด ทว่าสายชลพยายามสะกดกลั้นความเศร้าหมองนี้เอาไว้ ความสุขอยู่ตรงหน้าเขาไม่ควรเก็บเรื่องราวครั้งเก่าก่อนมาใส่ใจให้มัวหมอง สายชลฝืนคลี่ยิ้มด้วยน้ำตา แต่การกระทำทั้งหมดไม่สามารถปกปิดสายตาของพี่ชายได้เลย รวมถึงความเจ็บซ่านปวดร้าวเสียดแทงใจเมื่อครู่ที่สายฟ้าได้รับทำให้ทั้งสองคนสบตากันอย่างรู้ความนัย

“กูไม่รู้ว่ามึงคิดอะไรอยู่ ไอ้เด็กดื้อตั้งใจฟังให้ดี กูไม่ชอบพูดอะไรแบบนี้บ่อย ๆ”

สายฟ้าเปิดไฟเลี้ยวก่อนจะนำรถยนต์ถอยเข้ายังช่องว่างในลานจอดรถ จากนั้นหันไปสบตากับสายชลน้องชายฝาแฝดของเขาที่เจ้าตัวเพิ่งรับรู้การมีตัวตนอยู่

“มึงเป็นคนที่กูห่วงที่สุด กูรักมึงนะไอ้ควายน้อย อย่าทำให้กูเป็นกังวล เข้าใจ๊” สายฟ้าพูดพร้อมกับอาการร้อนผ่าวทั่วทั้งใบหน้า ในขณะที่สายชลโผเข้ากอดพี่ชายอย่างไม่สนใจว่าตอนนี้จะกลัวเสื้อยับหรือผมยุ่งแต่อย่างใด

“แล้วไอ้พี่ไทม์ของมึงจะรอตรงไหน”

“ไลน์มาบอกว่าให้รออยู่ที่รถเดี๋ยวลงมารับฮะ พี่สายฟ้าไม่ไปด้วยกันจริง ๆ เหรอ”

“แหม ชวนกูไปแต่ทิ้งก้อนภาระหน้าขนไว้เอาไว้ให้กูเนี่ยนะ”

“อย่าไปว่าน้องจีโน่แบบนั้นสิ น้องจะเสียใจนะ”

“มึงไปเถอะ เดี๋ยวกูพาแมวใส่กระเป๋าเดินเล่นแถวนี้รอนั่นละ”

สายชลสบตาพี่ชาย เขามีความรู้สึกมากมายปะปนกัน ทั้งดีใจที่พี่เข้าใจอีกใจก็เป็นกังวล แม้เขาจะไม่รู้ว่าความรู้สึกกังวลนี้มาจากไหนก็ตาม ‘เอ๊ะ หรือพี่สายฟ้ากำลังไม่สบายใจอยู่งั้นเหรอ ?’

“พี่สายฟ้า ไม่สบายใจอะไรคุยกับน้องได้นะ”

“แหม มึงนี่แสนรู้จริง ๆ กูไม่เป็นอะไรหรอก เที่ยวให้สนุกไม่ต้องกังวล ถ้าจะกลับแล้วก็โทร.มา”

“ครับ…” สายชลยังคลอเคลียแขนแกร่งพี่ชายราวกับตัวเองเป็นพี่ชายจีโน่

เวลาเดียวกันนั้นไทม์ก็เดินมาเคาะกระจกฝั่งคนขับ ยิ่งทำให้สายฟ้าหงุดหงิดใจ เพราะการกระทำของไทม์ สายฟ้ามองจากนอกโลกยังรู้เลยว่าไอ้พี่นี่มันกวนตีน เขาลดกระจกลงก่อนจะออกคำสั่งให้ดูแลสายชลให้ดี ไม่ให้น้องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด คนแก่กว่ารับปากด้วยสีหน้าจริงจังทำให้เขาเบาใจลงไปได้มาก

“น้องไปงานเลี้ยงก่อนนะพี่สายฟ้า แล้วน้องจะโทร.หา” สายชลพูดพร้อมกับออกจากรถเดินตรงเข้าไปยังลิฟต์ชั้นลานจอดรถ

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ