“ไอ้ชล มาเร็ว ๆ สิ เป็นคนบอกว่าอยากมากินเองแต่กลับช้ากว่าคนอื่นเลยนะ” ดรีมเรียกน้องเล็กของกลุ่มให้เข้ามานั่งเพราะทุกคนปิ้งหมูทานกันไปบ้างแล้ว
“มากับเขาด้วยเหรอ” ไทม์ทักเพื่อนซี้อย่างราเชนทร์ อย่างที่รู้กันดีว่าร้อยวันพันกว่าชาติเพื่อนเขาคนนี้ไม่คิดจะออกไปไหน ยิ่งขับรถไกลมาถึงหัวหินด้วยแล้ว...
“เอาเอกสารมาให้มึงเซ็นไง”
“เดี๋ยวค่อยกับไปเซ็นก็ได้มั้ง” สายตาของไทม์จ้องมองราเชนทร์สลับกับดรีมไปมาราวกับจ้องจับผิด คนที่ถูกเพ่งเล็งกระตุกยิ้มร้ายก่อนจะใช้ท่อนแขนแกร่งคว้าคอของดรีมที่กำลังกินหมูติดมันอย่างตั้งใจ “อย่างที่คิดนั่นล่ะ”
“เห้ย ไม่เห็นหรือไงกินอยู่นะเว้ย” ดรีมบ่นทีเล่นทีจริง “อ้าวยืนกันอยู่ทำไมล่ะ แดกสิครับ แดก!”
สายชลมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจ ทำให้ย้อนคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา ครั้งนั้นเขาก็มากินหมูกระทะที่นี่กับเก้าและเพื่อนในห้อง แต่แล้วก็ได้ไปรู้จักร้านกาลเวลาที่ทำให้ชีวิตวุ่นวายสับสนเช่นนี้ ‘แต่ผมถือคติที่ว่า อะไรที่มันเกิดขึ้นแล้วย่อมเป็นสิ่งที่ดีเสมอ’
“เอ้านี่ นั่งตาลอยอยู่ได้” สายฟ้าคีบเบคอนของโปรดน้องชายใส่ลงจานที่ว่างก่อนจะยิ้มแยกเขี้ยวให้สายชลรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
“พี่สายฟ้า นั่นยิ้มหรือแยกเขี้ยว”
“เรื่องของกู”
“ว่าแต่วันนี้แม่เข้ากรุงเทพฯ ใช่ไหมพี่สายฟ้า”
“อื้ม เห็นว่าจะแวะไปคุยงาน แต่กูว่าตั้งใจไปหาพ่อมากกว่า”
“พ่อแม่คืนดีกันแล้วเหรอ?”
“เฮ้อ ถ้าให้คืนดีเลยจริง ๆ เห็นจะยาก แต่กูเชื่อว่าลึก ๆ ทั้งสองคนเขายังรักกัน”
“ผู้เชี่ยวชาญด้านความรักเหรอมึงน่ะ” ดรีมเอ่ยแซวพลางลุกขึ้นหยิบแก้วสายฟ้าเพื่อนำไปเติมน้ำแข็ง
“กูน่ะเหรอเชี่ยวชาญเรื่องความรัก ถ้าเป็นเรื่องการรอค่อยว่ากันไปอย่าง”
“พี่สายฟ้า...” แฝดคนน้องเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“กูโอเค”
“เอ้ากินเข้าไปจะได้ไม่เศร้า นี่ถึงกับยอมมือเลอะแกะกุ้งให้เลยนะ”
เมื่อสายฟ้าเห็นกุ้งตัวโตในจานของตนถึงกับถอดถอนหายใจยาว เขายกมือขึ้นเรียกพนักงานที่อยู่แถวนั้นก่อนจะของชุดจานใบใหม่
“ไม่กินก็บอกดี ๆ สิ” ไทม์ตัดพ้อราวกับเด็ก ๆ ทว่าสายชลกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู “พี่สายฟ้าแพ้กุ้งน่ะ”
“อ้าวเหรอ โทษที พี่ไม่รู้” ไทม์เอ่ยด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด แต่แล้วก็หรี่ตาลงราวกับคนที่มีแผนการในใจ “ถ้ารู้ว่าแพ้กุ้งพี่จะได้แอบป้อนเข้าปาก”
“ไอ้พี่ไทม์ มึงมันคนเลือดเย็น”
“ถึงเลือดจะเย็น แต่เอ็นพี่อุ่นนะครับ”
ถ้อยคำที่คนรักเอ่ยออกมาทำเอาสายชลหน้าแดงก่ำ “พูดจาทะลึงชะมัด”
ดรีมที่รับอาสาแกะกุ้งให้ราเชนทร์เพราะแพ้การเดิมพันจำต้องกลายเป็นทาสคอยรับใช้ 3 วันเต็มถามด้วยท่าทางกวน ๆ “ไม่ชอบเลยใช่ไหม”
“ไม่ชอบซะที่ไหนกันล่ะ” สายชลตอบกลับอย่างไม่มีใครยอมใคร
“เฮ้อ” สายฟ้าที่มองน้องชายก็ทำได้แต่ถอดถอนหายใจเบา ๆ
บรรยากาศวันนี้เต็มไปด้วยความสนุกชื่นมื่น ถึงสายฟ้าจะดูซึมจากเดิมลงไปบ้าง ทว่าเขาก็ยังต้องใช้ชีวิตต่อในแบบของตัวเอง คืนนี้ทุกคนพักที่รีสอร์ต ม่านฟ้าทะเลดาว สายชลซึ่งเป็นเจ้าถิ่นเอ่ยชวนทุกคนนั่งดูดาวริมหาดยามค่ำคืน เบียร์เย็นฉ่ำถูกนำมาแจกจ่ายให้ทุกคนพร้อมกับพูดคุยหยอกเย้าเคล้าเสียงเกลียวคลื่น
“หนูดื่มได้เหรอ พี่ว่า...”
“ยังมีอีกหลายอย่างที่พี่ไทม์ไม่รู้” สายชลหยอกเย้าคนรักด้วยท่าทางมีเล่ห์นัย เสียงพูดคุยหยอกเย้าไม่ขาดห้วง ความสุขจากคนสนิทที่อยู่ตรงหน้าส่งให้สายชลรับรู้ได้ในทันที คำว่า ‘ครอบครัว’ อาจไม่จำกัดอยู่แค่พ่อ แม่ พี่ น้อง หากแต่เป็นใครก็ตามที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นใจยามอยู่ด้วย โอบกอดเราในยามเศร้า เป็นที่พิงพักยามสิ้นหวัง ชุบชูใจในวันที่แตกสลาย ทั้งยังเป็นคนแรกที่ร่วมยินดี และมีความสุขไปกับเรา
...สำหรับเหตุการณ์ทั้งหมดที่ได้เกิดขึ้นกับสายชล ถือเป็นการเดินทางแสนพิเศษ ทำให้เขาได้เรียนรู้ในการใช้ชีวิตในอีกแบบที่ไม่เคยได้ลองทำ ทั้งยังสอนให้มีสติ เห็นคุณค่ากับปัจจุบัน โดยเฉพาะคนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้เป็นเหมือนจิ๊กซอว์ชิ้นหนึ่งเข้ามาเติมเต็ม ไม่ว่าจะเป็นพี่ไทม์คนนี้ หรือพี่ไทม์คนที่เคยใช้ชีวิตด้วยกันช่วงเวลาหนึ่งในห้วงอนาคต
‘ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ชายที่เขารัก’
สายชลตัดสินใจไม่เล่าเรื่องราวที่ผ่าน เลือกเดินหน้าต่อกับชีวิตครั้งใหม่ใบแบบที่เขาได้เลือกเอง พร้อมเดินจับมือผู้ชายคนที่อยู่ตรงหน้า คนนี้ไปด้วยกัน
ตลอดจนวันสุดท้ายจะมาถึง...
จบบริบูรณ์
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?