ตอนที่ 23ความทับซ้อนของความรู้สึก

แสงแดดยามเช้ารับอรุณรุ่งวันใหม่ สายชลรีบลุกจากที่นอน อาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงาน จะว่าไปแล้วการทำงานก็แตกต่างจากเรียนอยู่มากทีเดียวเลยนะ ตอนเรียนไม่ว่าจะเบื่อจะขี้เกียจแค่ไหน แค่ลากสังขารไปนั่งแหมะในห้องเรียนก็ถือว่ารอดพ้นไปได้อีกวัน แต่เป็นผู้ใหญ่จะทำแบบนั้นก็ไม่ได้ เอาร่างไปทำงานอย่างเดียวไม่ได้ด้วยสิ เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วพรูลมหายใจออกยาว ๆ เผื่อว่าจะสดชื่นขึ้นได้บ้าง ไม่ใช่อะไรหรอกนะ

เขาต้องการปลุกสมองให้ไปพร้อมกับร่างกายด้วย ลำพังแค่ความรู้สู้คนอื่นที่เป็นผู้ใหญ่กว่าไม่ได้ก็แทบจะแย่แล้ว สายชลยิ้มให้กับตัวเองแล้วนึกถึงเรื่องของพี่ไทม์ เจ้าชายของน้อง คิดถึงพี่ไทม์แล้วรู้สึกสดชื้นกระชุ่มกระชวยหัวใจ

สายชลเอาแต่นึกถึงน้ำเสียงหวานปนลมหายใจร้อน ๆ ของพี่ไทม์ “น้องชล…ลืมคืนนั้นของเราแล้วจริง ๆ หรือครับ”

‘ใครมันจะไปลืมได้ลง นั่นเป็นครั้งแรกของเขาเลยนะ ติดที่ภาพตัดไปเสียก่อนจำอะไรก็ไม่ได้ รสจูบที่ดูดดื่มเสียงลามกวันนั้น ไม่มีทางที่จะลืมได้ลง’

ไม่เพียงแต่พี่ไทม์ที่ตกหลุมรักสายชล แต่คนน้องเองก็รู้สึกไม่แตกต่างกัน คิดได้ดังนั้นสายชลก็ดึงหมอนใบใหญ่มากอดกลิ้งไปกับที่นอน วันนี้สินะ วันที่เขาจะตอบรับรักของไทม์ ช่างมันเถอะเนาะ อะไรจะเกิดก็ค่อยว่ากัน สายชลจะเก็บเกี่ยวความรู้สึกดี ๆ ตอนนี้ไว้ให้เยอะที่สุดเลย หากต้องกลับไปยังห้วงเวลาที่จากมา เขาจะได้ไม่เสียใจภายหลัง

วันนี้สายชลตั้งใจจะไปสารภาพรักกับพี่ไทม์ ในเมื่อผู้ชายคนนี้คือเจ้าชายของเขา เป็นคนที่หลงรักมาตลอด ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอดทนรอต่อไป และทั้ง 2 คนก็เคยมีสัมพันธ์เกินเลยกันแล้วด้วยถึงจะจำไม่ค่อยได้ก็ตาม วันนี้สายชลอาบน้ำนานกว่าทุกวัน เพราะเผลอคิดเรื่องคืนวันนั้นที่หัวหิน

เด็กหนุ่มพิถีพิถันค่อย ๆ เลือกชุดที่จะใส่พร้อมกับยืนมองตัวเองในกระจก เผลอคิดถึงตัวเองหากเขาได้ใส่ชุดนักศึกษาจะเป็นยังไงนะ แล้วเพื่อนวัยนั้นจะเป็นแบบไหน มหาวิทยาลัยสนุกไหมนะ สายชลครุ่นคิดพลางถอนหายใจออกมาเบา ๆ อย่างไรเสียไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องกลับไปอยู่ดี กลับไปในที่ที่เป็นของเด็กหนุ่ม เพราะอย่างนั้นเริ่มวันใหม่ลุยให้เต็มที่เก็บเกี่ยวความสุขและความสนุกตรงนี้ดีกว่า

สายฟ้าเปิดประตูเข้ามาอย่างเบามือ เห็นสายชลมองตัวเองหน้ากระจกด้วยท่าทางที่บางครั้งทำหน้าเบื่อหน่าย แล้วก็เปลี่ยนมาทำหน้าเศร้า ตอนนี้ทำหน้าสดชื่นขึ้นมาอย่างกับซ้อมเล่นละคร พี่ชายฝาแฝดนึกสงสัยจึงเอ่ยทักถามคนตัวเล็กด้วยความขบขัน

“มึงซ้อมละครเหรอ เดี๋ยวก็เศร้า เดี๋ยวก็ยิ้ม”

“ไม่ใช่สักหน่อยพี่สายฟ้า ผมกำลังเรียกพลังอยู่”

“เรียกพลัง !?” สายฟ้าขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ก็ผมแค่คิดว่าจริง ๆ แล้วเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้สนุกแบบที่คาดหวังไว้เลย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

“งั้นมึงไม่ต้องทำงานที่นั่นแล้ว มาทำที่บริษัทกูไหม เอางี้ดีกว่ามึงอยากเรียนอะไรก็เรียนได้เลยนะ กูเลี้ยงมึงเอง น้องคนเดียวสบายมาก”

“พี่สายฟ้าก็เกินไป ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แค่เหนื่อยอะ เวลาพี่มลสั่งงานนะเหมือนจะง่าย คนอื่นก็เข้าใจแต่ผมรับงานมาแทบจะไม่เข้าใจอะไรเลย บางคนก็นินทาว่าถ้าไม่ใช่เส้นพี่ไทม์ก็คงไม่ได้มาทำที่นี่หรอก”

“งั้นเย็นนี้วิดีโอคอลเรียนกับไอ้สองเลยนะ ไม่ได้การแล้ว จัดคอร์สด่วนเลย น้องกูใครจะมาหยามไม่ได้ อดทนไว้นะควายน้อย มึงทำได้ มึงเป็นทุกอย่างในสิ่งที่มึงอยากเป็นได้เพียงแต่ต้องอดทนสักหน่อย”

สายชลเดินเข้ามากอด ซบหน้าไปที่อกอุ่นของพี่ชาย ความรู้สึกที่ไม่ถูกทิ้งให้เผชิญปัญหาเพียงลำพัง ความรู้สึกที่มีคนปกป้อง มือคู่นี้ที่คอยดูแลเขายามที่อยู่ห้วงเวลานี้มันดีจริง ๆ

หลังจากอ้อนพี่ชายเรียบร้อยสายฟ้าจึงพาน้องชายไปส่งที่ทำงาน และระหว่างทางรถติดดังเช่นทุกวัน

“สี่แยกนรกนี่ติดทุกวัน ทุกเวลาจริง ๆ เลย ร้อนไหมมึงทนหน่อยนะ”

“ไม่เป็นไรครับพี่ จริง ๆ ผมนั่งรถไฟฟ้ามาเองได้นะ”

“ทำไม มึงเบื่อกูละไง” สายฟ้าทำเสียงจิ๊จ๊ะ ส่ายหัวไม่พอใจน้องชาย

“ไม่ใช่นะ พี่สายฟ้าชอบหาเรื่องน้องอะ”

“หรือมันไม่จริง” สายฟ้าหันมาหาน้องชายพร้อมกับเปิดหน้ากากหมวกกันน็อกออกทำให้เห็นดวงตาคู่สวย

“ไม่จริงครับ ชลอยากให้พี่ฟ้าพักผ่อนเยอะ ๆ เนี่ยต้องตื่นมาส่งผมทุกวันเหนื่อยแย่เลย”

“อีกวัน 2 วันนี้จะได้จะได้รถที่จองไว้แล้ว นี่ให้เซลล์ลัดคิวให้เลยนะ”

“รถอะไรครับ” สายชลถามด้วยความสงสัย เพราะเขารู้ว่าพี่ชายฝาแฝดของเขารักการขี่มอเตอร์ไซค์เป็นชีวิตจิตใจมาก

“เถอะน่าเดี๋ยวก็รู้ ควายน้อยของพี่ฟ้าจะได้ไม่ต้องนั่งร้อนแก้มแดงแบบนี้ไง”

สายชลส่งหมวกกันน็อกคืนให้พี่ชาย พร้อมกับยิ้มหวานโบกมือลาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

“ชลวันนี้มาสายน้า…” ซันทักทายเสียงใส

“หวัดดีซัน สวัสดีครับคุณเชน” สายชลเอ่ยทัก

“เรียกพี่เชนก็ได้ ไม่ต้องเรียกคุณหรอก”

“มันติดปากแล้วละครับ”

“เอาน่า เรียกซันบ้างสิชล”

“ซัน ?” สายชลพูดพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัย

“ซันให้เราเรียกทำไม”

“ไม่เอาไม่เรียกซัน เรียกที่รักหน่อยสิ” ซันทำตาหวานใส่สายชล ประจวบเหมาะกับคนตัวเล็กสะบัดหน้าหนีไปอย่างเอือมระอา

“ซัน ทำตัวประสาทแต่เช้าเลย ไม่คุยด้วยแล้วเดี๋ยวสแกนนิ้วสาย” สายชลก้าวขาฉับเข้าไปยังประตูบานกระจก ทิ้งให้ซ้นถูกราเชนทร์หัวเราะเยาะอยู่หน้าบริษัท

สายชลเดินตรงไปยังโต๊ะทำงานวางกระเป๋าพร้อมทั้งเปิดหน้าจอ ในขณะที่พีทหันมาทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มดั่งเช่นทุกวัน

“ชล รู้หรือยังว่าสตูดิโอมีพนักงานใหม่ด้วยนะ”

“ก็แค่พนักงานใหม่เอง ทำไมเหรอพีท มีอะไรแปลกใหม่ ?”

พีทกระซิบสายชลเบา ๆ “ก็เขาว่ากันว่าคนที่มาใหม่เป็นกิ๊กเก่าสมัยบอสกลับจากต่างประเทศใหม่ ๆ น่ะสิ แต่ไม่รู้นะว่าความสัมพันธ์แค่ไหนกัน เราเห็นชลสนิทกับบอส ชลพอจะรู้เรื่องคนนี้ไหม เห็นว่าชื่อ คุณทีม”

คำพูดของพีทราวกับฝ่ามือใหญ่ ๆ ตบหน้าเขาดังฉาด สายชลรู้สึกสมองมึนเบลอ ทั้ง ๆ ที่วันนี้เด็กหนุ่มตื่นเต้นจะมาสารภาพรักกับพี่ไทม์แท้ ก่อนที่เจ้าตัวจะนึกถึงเมื่อคราวไปเที่ยวสยามแล้วเจอชายหนุ่มหน้าตาดี พี่ไทม์คุยด้วยกันอย่างสนิทสนมที่ศูนย์หนังสือ หรือว่าจะเป็นผู้ชายคนนั้น แล้วเขาล่ะ เขาเป็นอะไรสำหรับพี่ไทม์กัน

“พีทเดี๋ยวเราขอลงไปซื้อโกโก้ร้อนก่อนนะ” สายชลพูดพลางยันตัวลุกขึ้น เขาจะต้องทำใจให้สบายเข้าไว้ จะมาเชื่อข่าวซุบซิบแล้วมากระวนกระวายใจแบบนี้คงไม่ดีแน่ ๆ คงต้องค่อย ๆ ลองตะล่อมถามพี่ไทม์ก็ได้ แต่ก่อนอื่นต้องเติมความหวานให้ร่างกายสักหน่อย โกโก้ร้อน ฉันเลือกนาย !!!

“โอเค เราฝากซื้อชาเขียวเย็นหน่อยสิ” พีทยิ้มหวานพร้อมส่งแบงค์สีแดงใส่มือเพื่อนสนิท

สายชลเดินตรงไปยังหน้าลิฟต์และพยายามอารมณ์ดี เพราะเขาจะไม่เชื่ออะไรจนกว่าจะเห็นกับตาหรือถามพี่ไทม์เอง เด็กหนุ่มสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกสติและความสดใสให้กลับมาอีกครั้ง พอดีกับประตูลิฟต์กำลังเปิดออก สายตาสายชลปะทะเข้ากับพนักงานใหม่พอดิบพอดี ทำไมถึงรู้น่ะหรือว่าคนนี้คือพนักงานใหม่ เพราะผู้ชายใบหน้าหล่อผิวเนียนละเอียดของคนตรงหน้าคือคนเดียวกับที่เขาเห็นที่ศูนย์หนังสือ ที่น่าสะเทือนใจมากที่สุดก็เพราะผู้ชายคนนั้นกำลังยืนกอดแขนพี่ไทม์อยู่ด้วย

สายชลรู้สึกหน้าชาราวกับโดนลากไปกระทืบกลางสี่แยกอโศก มันชัดเจนแล้วสินะสิ่งที่เขาเห็นกับข่าวซุบซิบในบริษัทนั่น เท้าเล็ก ๆ ก้าวออกไปอย่างไวกว่าความคิด เด็กหนุ่มรีบวิ่งลงบันไดหนีไฟด้านข้างลิฟต์ สมองมึนเบลอกว่าในคราวแรกที่รู้เรื่องจากพีท ในใจสับสนว้าวุ่นจนแทบจะระเบิด 2 ขาวิ่งลงบันไดราวกับตัวลอยได้ ขาก้าวออกไปเองในขณะที่หัวสมองไม่ได้สั่งการแม้แต่น้อย ลมหายใจหอบถี่ใบหน้าร้อนผ่าวราวกับแดดจ้าตอนเที่ยงตรง

ในเสี้ยววินาทีนั้น จู่ ๆ มือหนาของใครบางคนฉุดสายชลดึงเข้าไปในอ้อมกอด เขาแทบจะหมดแรงตัวอ่อนยวบหายใจหอบถี่ นัยน์ตามีน้ำใส ๆ ไหลออกมาพรั่งพรูอย่างที่เจ้าตัวเองก็หยุดยั้งมันไม่ได้

“ไม่เป็นไรชล เราอยู่ตรงนี้ไม่เป็นไรแล้ว”

มือหนาค่อย ๆ ลูบกลุ่มผมนุ่มของคนขี้แยอย่างแผ่วเบา พร้อมกับอ้อมกอดอบอุ่นที่คนถูกสัมผัสยังรับรู้ได้ถึงความห่วงใย

๐๐๐

“ทีมปล่อยแขนพี่ก่อนสิ เดี๋ยวใครมาเห็นจะดูไม่ดี”

“ทำไมอะพี่ไทม์ พี่กลัวใครมาเห็น ในลิฟต์ก็มีเราอยู่กันแค่ 2 คน ทีมคิดถึงพี่จัง ตั้งแต่วันนั้นทีมไลน์หาพี่ไทม์ก็ไม่ตอบ ทำไมอ่านแล้วไม่ตอบผมสักหน่อยล่ะครับ” ทีมพูดเสียงกระเง้ากระงอด มือเกาะแขนไทม์ราวกับปลาหมึก ในขณะที่ไทม์พยายามแกะมือบางออกอย่างหงุดหงิดใจ

ติ๊ง~ [ลิฟต์กำลังเปิด]

ทีมพยายามกอดแขนไทม์ โคลงศีรษะถูไถที่แขนแน่น ก่อนจะเหลือบตามองคนที่ยืนหน้าซีดเผือดหน้าทางเข้าลิฟต์ ไทม์พยายามแกะมือปลาหมึกนั่นออก แต่ถูกทีมรั้งไว้ด้วยมือบางแต่แน่นยิ่งกว่ากาว ไทม์หันไปดุทีมจนเจ้าตัวหน้าหงอย พร้อมกับรีบสาวเท้าตามสายชลไป

รัตติกาลเปิดประตูทางหนีไฟวิ่งตามคนตัวเล็กลงไป เขาได้ยินเสียงฝีเท้าถี่ ๆ วิ่งลง แต่จู่ ๆ ก็เงียบไป หรืออาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับสายชล ชายหนุ่มคิดได้ดังนั้นจึงรีบวิ่งลงไปอย่างเร็ว แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเขาเห็นสายชลกำลังกอดอยู่กับซัน เขาสมองมึนเบลอในภาพตรงหน้าที่เห็น ทำไมคนตัวเล็กถึงอยู่ในอ้อมกอดของซันได้ หรือเขาพลาดอะไรไป เพราะซันเป็นสาเหตุที่ทำให้สายชลไม่รับรักเขาหรือเปล่า มือและขาเขาไวกว่าสมองและหัวใจสั่งการ ด้วยความหึงทำงานนำสติ เขากระชากสายชลออกจากอ้อมกอดของซัน ก่อนจะมองคนฉวยโอกาสด้วยสายตาคาดโทษ

ไทม์เผลอบีบข้อมือบางด้วยความโมโห เด็กน้อยร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ สายชลสะบัดแขนอย่างแรงและผลักคนร่างสูงโปร่งให้ออกห่าง พร้อมกับวิ่งกลับไปซบอกไอ้ซัน ไทม์มองด้วยสายตาที่สับสน

“นี่มันอะไรกันน้องชล ชลกับไอ้ซัน”

“ผมต่างหากที่ต้องถามพี่ไทม์ พี่ไทม์กับคนในลิฟต์นั่นมันยังไง”

“จริง ๆ พี่ไทม์ก็มีทีมอยู่แล้ว จะมาตอแยชลอีกทำไม”

“มึงไม่ต้องมายุ่ง เรื่องนี้ซันผมรักชล รักตั้งแต่แรกพบ รักตั้งแต่เราชนกันวันนั้นที่ริมถนนแล้ว ผมรู้ว่าชลไม่ได้ชอบผมเหมือนที่ผมชอบ แล้วทำไมอะ ซันจะปกป้องดูแลและคอยเป็นห่วงชลไม่ได้หรือครับ ในเมื่อพี่ทำให้สายชลต้องจิตใจบอบช้ำ ถ้าพี่ไม่สนใจชลแล้ว ผมจะดูแลชลเอง ไม่ว่าจะในฐานะอะไรก็ได้ผมรับได้ทั้งหมด” ซันพูดรัว ๆ พร้อมสบตาสายชลด้วยความมั่นใจ แววตาจริงจังราวกับจะตอกย้ำว่าสิ่งที่เขาพูดไปซึ่งออกมาจากหัวใจจริง ๆ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมองเขาในฐานะอะไร ซันก็พร้อมที่จะอยู่เคียงข้างคอยมอบรอยยิ้มเสียงหัวเราะให้กับสายชลเสมอ

ทันทีที่ซันประกาศออกไป รัตติกาลรู้สึกหน้าชาที่ไม่สามารถทำได้ดีไปกว่าการยืนมอง

“น้องชลก็รู้ว่าพี่รู้สึกกับชลยังไง เวลาที่ผ่านมาพี่มั่นใจว่าพี่แสดงออกชัดเจนว่าชอบชลมากนะ”

“แล้วที่เห็นในลิฟต์คืออะไร นั่นไม่ใช่แฟนเก่าพี่ไทม์หรือครับ” สายชลถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ไม่ใช่ เราบังเอิญเจอกันเมื่อเช้า จริงอยู่ที่พี่เคยรู้จักกับทีม แต่เรื่องมันก็นานมาแล้ว”

“วันนั้นพี่เจอกับเขาที่ศูนย์หนังสือผมจำได้”

คำพูดของสายชลราวกับมีสายฟ้าฟาดมากลางอกรัตติกาล เขาคิดว่าสายชลไม่ทันเห็นตอนที่เขาคุยกับทีม เพราะวันนั้นสายชลก็ดูปกติ ไม่ได้ระแวงแคลงใจ

“เราไปกันเถอะชล วันนี้โดดงานไหม เดี๋ยวเราพาเที่ยว” ซันพูดพร้อมกับดึงแขนสายชลออกประตูทางออก

“ไม่อนุมัติ” ไทม์พูดตามหลังด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“ถ้าไม่อนุมัติ งั้นผมขอลาออกครับ เดี๋ยวเอกสารจะส่งตามให้นะ” สายชลพูดแล้วก้าวขาออกประตูไปทิ้งให้ไทม์ยืนนิ่งอึ้งด้วยความสับสน เขาไม่รู้ว่าจะอธิบายให้คนตัวเล็กฟังอย่างไร ไม่ใช่สายชลคนเดียวที่เจ็บปวดใจ ชายหนุ่มก็รู้สึกแย่ไม่น้อยไปกว่ากันที่เห็นน้ำตาของคนที่เขารัก

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ