‘หาดทรายขาวกระทบคลื่นแสงยามเย็นตกกระทบผิวน้ำ ระยิบพร่างพราวเป็นภาพที่ผมชอบมากเป็นพิเศษ ถึงผมจะเห็นภาพนี้จนแสนจะชินตาแต่มันกลับถูกใจผมจนอดคิดไม่ได้ว่า หากไปเรียนมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ คงคิดถึงกลิ่นไอทะเลมากแน่ ๆ รู้อย่างนี้สอบมหาวิทยาลัยในตัวเมืองดีกว่า’
สายชลเดินรับลมสูดกลิ่นธรรมชาติที่ชื่นชอบ ก้มหยิบรองเท้าแตะหิ้วพลางเดินไปเรื่อย ๆ เวลาเท้าสัมผัสทรายทำให้รู้สึกดีทุกครั้ง ภาพจำเมื่อครั้งห้วงเวลาก่อน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สายชลพบกับไทม์โดยบังเอิญ ทั้งสองได้พูดคุยกัน ขี่จักรยานเล่นด้วยกัน เปิดใจซึ่งกัน แม้ว่าวันนั้นไทม์จะยังกวนประสาทสายชล หาเรื่องแกล้งจนเด็กหนุ่มน้อยใจอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายพวกเขาก็รู้ใจกัน
‘ผมรู้สึกสับสนทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิต แม้จะเป็นระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่เดือนในโลกปัจจุบันของผม แต่ห้วงเวลาที่ข้ามไปนั้นกลับนานจนใจผูกพันกับทุกคนไปแล้ว’
‘เอ๊ะ จะว่าไปแล้ว ผมเจอกับพี่ไทม์ตอนแรก ๆ เราก็ไม่ถูกกัน และพี่ไทม์ก็ชอบแกล้งผมเหมือนตอนนี้เลย อันที่จริงแล้วผมไม่เคยโกรธพี่ไทม์เลยไม่ว่าจะเรื่องอะไร หากแต่มีความน้อยใจก็เท่านั้น’
“เจ้ากระต่ายแคระ ตัวเล็กขาก็สั้น แต่ทำไมเดินเร็วชะมัด กระโดดหนีมาหรือไงฮะ” เสียงตะโกนโหวกเหวก พลางเดินกึ่งวิ่งกระหืดกระหอบมาด้วยท่าทางน่าตลก ทำเอาสายชลมองแล้วขำพรวดออกมาอย่างขบขัน
“ขำอะไรเนี่ย พี่เหนื่อยอยู่นะ” ไทม์พูดพลางหอบแฮก
“อ้าว ใครให้วิ่งตามชลมาล่ะครับ” สายชลขำคนแก่กว่าอย่างไม่เก็บอาการ
“ก็…”
สายชลเลิกคิ้วแทนคำถาม “เดี๋ยวก่อนนะครับพี่ไทม์ เมื่อกี้พี่เรียกผมว่าอะไรนะ ?”
“ฮ่า ๆ กระต่ายแคระไง พี่เห็นเราตัวเล็ก ๆ ผิวขาว ๆ เวลางอนชอบทำจมูกฟุดฟิดเหมือนกระต่าย” ไทม์พูดพลางสบตาเด็กหนุ่ม คิดถึงเวลาสายชลชอบทำจมูกยู่เวลาหงุดหงิด
สายชลฟังคำพูดไทม์แล้วราวกับวิญญาณของเขาถูกกระชากออกจากร่าง ความคิดถึงผสานกับภาพความทรงจำเก่า ๆ ที่อยู่ในห้วงความคิดเมื่อครู่
ครั้งนี้ไทม์เรียกขานสายชลว่าเป็นกระต่ายแคระ คำค่อนแคะเช่นนั้นไม่ได้ทำให้สายชลรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเฉกเช่นครั้งแรกที่เคยได้ยิน แต่กลับกลายเป็นเหมือนเหตุการณ์เดจาวูที่ฉายภาพความทรงจำเดิมนั้นวนซ้ำให้กระจ่างชัดฝังแน่นในใจ…
เมื่อครั้งที่อยู่ในห้วงอนาคต และได้พบกันก่อนงานถ่ายแบบไทม์ก็เคยเรียกสายชลว่าเจ้ากระต่ายแคระ เขารู้สึกแย่มาก และไม่เข้าใจว่าทำไมคนหล่อ ๆ แบบนี้ถึงบุลลี่คนได้เก่งจัง กลับกันครั้งนี้ความรู้สึกเขาสับสนซับซ้อน ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว หายใจไม่โล่งเหมือนที่เคย ทั้งที่อากาศก็แสนจะปลอดโปร่ง หยาดน้ำใสเอ่อรื้นดวงตากลมโตก่อนจะหยดเผาะลงแก้มเนียนด้วยความว้าวุ่นใจ
“สายชล เป็นอะไร ระ… ร้องไห้ทำไม เอ่อ พะ… พี่ขอโทษ” ไทม์ตกใจกับท่าทางของสายชล ชายหนุ่มไม่คิดว่าการที่เรียกน้องด้วยความเอ็นดูนั้นจะทำให้สายชลเสียใจจนร้องไห้ ไทม์เองก็อดจะรู้สึกแย่ที่เรียกน้องมันไปแบบนั้น
“ผมไม่เป็นไรครับ” สายชลสูดลมหายใจเต็มปอดก่อนจะยิ้มกว้างเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึก
“พี่ไม่ได้ตั้งใจ แต่น้องสายชลเหมือนกระต่ายแคระจริง ๆ นะ”
“พี่ไทม์นี่มันยุคไหนแล้วครับ ยังมาบุลลี่ผมอยู่อีก” สายชลแซวอย่างขบขัน
‘ไม่ว่าจะกี่ครั้งพี่ไทม์ก็ยังคงเป็นพี่ไทม์สินะ เปลี่ยนไม่ได้จริง ๆ เลย กวนตีนยังไงก็ยังคงกวนตีนแบบนั้น ผมแค่คิดในใจคงไม่มีใครได้ยินหรอกเนอะ !!!’
ไทม์ประคองหน้าของเด็กน้อยตรงหน้า เชยคางพลางสบตา มืออีกข้างยกขึ้นมาเกลี่ยแก้มใสเบา ๆ ก่อนจะซับน้ำตาที่ซึมอยู่หางตา
คนแก่กว่าเชยคางน้องขึ้นมาสบตาราวกับจะยืนยันความบริสุทธิ์ใจ “พี่ไม่ได้มองว่าเป็นการบุลลี่นะครับ”
“แล้วมองยังไงฮะ” สายชลขมวดคิ้วแกล้งถาม
‘อันที่จริงที่ผมน้ำตาคลอเพราะซึ้งต่างหากล่ะ ไม่ได้เสียใจสักหน่อย แต่ให้เขาคิดไปแบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะ อยากมั่นหน้ามั่นใจดีนัก แกล้งซะให้เข็ด’
“น่ารัก” ไทม์เอ่ยเสียงเบา แต่ก็ไม่เบาเกินกว่าที่คนตรงหน้าได้ยิน
“ว่ายังไงนะครับ” เด็กน้อยแกล้งถามทั้งที่พวงแก้มเริ่มแดงปลั่ง
“พี่ว่า… เราไปนั่งชิงช้าตรงโน้นกันดีกว่า” ไทม์เดินหนี แต่มือหนาถือวิสาสะจูงสายชลให้ไปที่ชิงช้าตรงต้นไม้ใหญ่ริมชายหาด ขณะที่สายชลเดินตามไทม์อย่างว่าง่าย
“เดี๋ยวก่อนสิครับพี่ไทม์ อย่าหนีผมสิ ยังได้ยินไม่ชัดเลย” สายชลพูดแหย่
สายชลกระตุกแขนไทม์ตื๊อถาม ขณะที่ไทม์รู้สึกหน้าร้อนผ่าวเมื่อสายตาทั้งคู่ประสานกัน
ไทม์พูดตัดบทสนทนาเพราะตัวเขารู้ดีว่าไม่อาจทนสายตาของคนน่ารักได้นานนัก “นั่งสิ เดี๋ยวพี่ไกวให้”
สายชลขึ้นนั่งชิงช้าโดยมีไทม์คอยแกว่งไกวให้ ความสุขค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นทีละนิด ทั้งสองคนพูดคุยหยอกล้อกัน เสียงหัวเราะคิกคักผสานเสียงเกลียวคลื่น ลมทะเลพัดโชยเอื่อยทำให้วันนี้กลายเป็นอีกวันที่พิเศษ กระทั่งแสงจากดวงอาทิตย์สาดส่องเข้ามาที่สายชล จู่ ๆ ภาพจำบางอย่างฉายชัดทับซ้อนขึ้นมาในห้วงความคิด
เป็นภาพชายหาดหัวหินแห่งนี้ กับเด็กผู้ชายสองคนกำลังวิ่งเล่นหยอกล้อสนุกสนาน เด็กชายคนที่โตกว่าวิ่งนำหน้าไปก่อน จนคนที่เด็กกว่าวิ่งตามไม่ทัน เด็กน้อยงอแงทำหน้าบึ้งตึง เนื่องจากตัวเล็กวิ่งตามไม่ทัน คนน้องจึงใช้ลูกอ้อนทำให้พี่สนใจ…
เสียงเด็กน้อยดังในห้วงความคิด “เจ้าชายฮะ รอน้องก่อนสิ” เด็กน้อยหยุดวิ่งเอาเสียดื้อ ๆ ใบหน้าง้ำงอ ส่งเสียงฮึดฮัดเอาแต่ใจ
“แมวน้อยเร็วสิครับ ตามพี่มา” เด็กชายคนโตกว่าเอ่ยพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ก่อนจะหยุดยืนรอให้เด็กน้อยวิ่งตามมา
“เจ้าชายวิ่งเร็วจัง…” เด็กน้อยยังคงงอแงไม่ไหวติง ตั้งใจจะให้เขาเดินมารับ
“งั้น… ใครไปถึงชิงช้าก่อนจะได้กินขนมจนหมดเลย” เด็กชายโตกว่าเอ่ยบอก
เด็กน้อยได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งมุ่งเป้าไปที่ชิงช้าที่ผูกเอาไว้ใต้ต้นไม้ใหญ่ริมชายหาด “เอาสิครับ น้องไม่อ่อนให้เจ้าชายหรอก”
จู่ ๆ เสียงเด็กชายอีกคนรูปร่างหน้าตาเหมือนกันราวแกะสลัก ก็ตะโกนเรียกด้วยเสียงนิ่ง ๆ “ทำอะไรอยู่น่ะ พ่อมาแล้วกลับเข้าบ้านเถอะ”
เด็กน้อยหันไปตามต้นเสียงที่เรียก ปรากฏภาพของแฝดผู้พี่กำลังเดินตรงเข้ามาหาตน
‘เอ๊ะนั่น เรานี่นา ผมพยายามเพ่งมองเด็กชายอีกคนที่เข้ามาทัก หน้าเหมือนผมเลย ไม่สิ นั่นไม่ใช่ผม นั่นเป็นพี่สายฟ้าต่างหาก’ ขณะนี้ราวกับสายชลทะเลาะกับตัวเองในห้วงความคิด
เด็กน้อยพลาดเสียหลักสะดุดหลุมเล็ก ๆ ที่ใครบางคนขุดเอาไว้แล้วไม่ยอมกลบให้เหมือนเดิม
“โอ๊ย…”
เด็กชายล้มลงไปนั่งกับพื้นพลางจับข้อเท้า ใบหน้าบูดบึ้งด้วยความเจ็บ
“แมวน้อยเป็นอะไรหรือเปล่า ?” เด็กชายรีบวิ่งมาประคองคนล้ม
“ไม่เป็นไรครับ น้องแค่สะดุด ไม่รู้ใครขุดทรายไว้เป็นหลุมเลย” เด็กน้อยยิ้มกว้างกลบเกลื่อนความเจ็บ เขาไม่อยากให้พี่ทั้งสองคนของเขาเป็นห่วงไปมากกว่านี้ เพราะเขาไม่ทันระวังเองจึงทำให้ข้อเท้าเจ็บ
“เดี๋ยวผมดูน้องเอง พี่ไม่ต้องยุ่ง” แฝดคนพี่พูดเสียงแข็งใบหน้าจริงจังพลางประคองน้องให้ลุกขึ้น
“พี่พาพวกเราไปส่งที่รีสอร์ตนะ” เด็กชายพูดเพราะเห็นเด็กแฝดทั้งสองคนพยุงกันอย่างทุลักทุเล
“ไม่ต้อง น้องของผม ดูแลเองได้ ชิ” แฝดพี่ประกาศกร้าวเสียงดัง
“งั้นพรุ่งนี้เจ้าชายมาหาแมวน้อยใหม่นะ” เด็กชายพูดพลางลูบหัวแฝดน้องด้วยความเอ็นดู ขณะที่แฝดผู้พี่รีบพาน้องออกไปให้ไกลจากเด็กชาย
เย็นวันนี้ลมพัดแรงก็จริงแต่ไอแดดก็ระอุมากเช่นกัน สายชลอยู่กลางแจ้งตั้งแต่บ่ายเป็นเวลานาน บวกกับเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง ขณะที่ไทม์ยังคงไกวชิงช้าให้สายชลอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ทว่าเสียงเจื้อยแจ้วของสายชลก็เงียบหายไป
“น้องชล เป็นไรหรือเปล่า” ไทม์ถามด้วยความกังวล
“ปวดหัว… ชลปวดหัวจังเลย” สายชลพูดพลางใช้สองมือกุมที่ศีรษะกลม
‘จู่ ๆ ผมได้เห็นภาพความทรงจำของตัวเองในวัยเด็กที่เคยเล่นชิงช้ากับพี่ไทม์ราวกับเรื่องราวเหล่านั้นได้หมุนย้อนมาให้ผมเห็นอีกครั้ง แต่ที่แปลกกว่าทุกครั้ง ผมเห็นภาพพี่สายฟ้าตอนเด็ก ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกหลังจากประสบอุบัติเหตุทำให้ความจำในวัยเด็กทั้งหมดของผมเลือนหายไป’
สายชลพยายามเค้นความทรงจำ พยายามทำสมาธิเผื่อจะคิดอะไรเพิ่มเติมได้บ้าง แต่ยิ่งนึกก็ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มปวดหัวราวกับหัวจะแตกระเบิดเป็นเสี่ยง
“พี่ว่าเดี๋ยวเราพักกันก่อนดีกว่าเนอะ” ไทม์พูดพลางประคองสายชลไปนั่งที่เก้าอี้ชายหาด
‘หัวใจของผมอุ่นวาบและดีใจมากในคราวเดียวกัน เป็นครั้งแรกที่ผมนึกเรื่องราวในอดีตออก เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นทั้งพี่ไทม์และพี่สายฟ้าในวัยเด็ก ไม่ว่านานแค่ไหนทั้งพี่ไทม์และพี่สายฟ้าก็ยังดูแลผมดีเสมอ ถึงบางครั้งจะมากเกินไปก็เถอะนะ แต่นั่นเป็นสิ่งที่ยืนยันว่า ผมไม่ได้อยู่คนเดียวในโลกใบกว้างนี้ แต่ผมก็ยังไม่อยากตายเร็วขนาดนั้น อีกไม่กี่เดือนแล้วสิ ผมอดที่จะกังวลเรื่องนี้ไม่ได้จริง ๆ นะ ! นี่ผมจะหนีโชคชะตาที่ต้องตายได้ไหมเนี่ย อย่าเพิ่งได้ไหมยังไม่อยากตายตอนนี้ ขออยู่ไปนาน ๆ ไม่ได้เลยเหรอ ?’
๐๐๐
รัตติกาลโอบพยุงสายชลไปยังรีสอร์ตม่านฟ้า ทะเลดาว ก่อนจะเดินไปที่เคาน์เตอร์หน้าล็อบบี้เพื่อขอแอมโมเนียและอุปกรณ์ปฐมพยาบาล
“สวัสดีค่ะ คุณลูกค้าอันนี้แอมโมเนีย ยาดม ยาลม และก็ยาหม่องค่ะ ไม่ทราบว่ามีใครเป็นอะไรหรือคะ เดี๋ยวซูซี่ช่วยดีไหมคะ” พนักงานต้อนรับคนสวยหยิบของที่แขกต้องการพร้อมกับแสดงความช่วยเหลือ
“ทางนี้รบกวนด้วยครับ” ไทม์เอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
“ว้ายตายแล้ว น้องชลเป็นอะไรคะ นี่พวกแกมานี่หน่อยน้อยชลไม่สบาย โทร.เรียกรถพยาบาลซิ” ซูซี่หวีดร้องตะโกน
สายชลรีบคว้าข้อมือซูซี่ก่อนจะยิ้มเจื่อนด้วยใบหน้าไร้สีเลือดฝาด “พี่ซูซี่ผมไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกปวดหัวเฉย ๆ เดี๋ยวผมพักหน่อยก็น่าจะดีขึ้นแล้ว”
ประจวบเหมาะกับสายฟ้าเดินออกมา ได้ยินเสียงเอะอะดังไปถึงด้านในห้องสปา ทันทีที่สายฟ้าเห็นน้องชายกำลังดมบางอย่างด้วยใบหน้าซีดเซียว แฝดพี่จึงรีบพุ่งตัวไปหาน้องชายอย่างเป็นกังวล
“ไอ้ชล มึงเป็นอะไร ไอ้นี่มันทำอะไรมึง” สายฟ้าถามพลางทำตาขวางใส่ไทม์
“อะไรกันคุณ นี่ผมเป็นคนพาน้องมาพักแท้ ๆ คุณไม่ชอบอะไรผมนักหนาเนี่ย” ไทม์พูดอย่างคนที่ไม่ถือสาเอาความ เพียงแค่อยากปั่นประสาทแฝดพี่สักเล็กน้อย เพราะเขาเห็นสีหน้าของสายฟ้าแล้วรู้สึกชอบใจ แต่เขาลืมคิดไปว่านี่มันไม่ใช่เวลาที่จะมากวนประสาท สายชลสำคัญกว่าจึงก้มลงไปสนใจคนน้อง มือหนาลูบเรือนผมอย่างอ่อนโยน
“ก็ถ้าน้องกูไม่ออกไปกับมึง… ก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก” สายฟ้าพูดเสียงแข็ง
“อย่าเพิ่งเถียงกันได้ไหมฮะ” สายชลรีบห้ามก่อนทั้งคู่จะเถียงกันไปมากกว่านี้
สายฟ้าเลิกสนใจคนแก่กว่าที่เอาแต่กวนประสาทเขา ก่อนจะประคองน้องชายมาไว้กับตนเองเพื่อให้สายชลพิงไหล่ของตนแทนไทม์
“บ้านมึงอยู่ตรงไหน ไกลไหมเดี๋ยวกูพาไปส่ง” สายฟ้าถามเสียงอ่อน
“พี่น้องกันจริง ๆ หรือเปล่าวะ ถามทางกลับบ้านด้วย อัลไซเมอร์หรือไง”
“เสือก !!!” สายฟ้าด่าไทม์กลับอย่างทันควัน
“ไม่เอาสิพี่สายฟ้า พี่ไทม์ก็อีกคน” สายชลขมวดคิ้วแน่น
‘ผมจะไม่ปวดหัวเพราะจำภาพอดีตได้หรอก แต่ผมจะปวดหัวเพราะพี่ทั้งสองคนเถียงกันเนี่ยละ ไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ถูกกัน ชาตินี้ยังจะหวังให้คนทั้งสองญาติดีกันได้ไหมนะ’ สายชลคิดพลางยกยาดมขึ้นมาสูดอย่างเหนื่อยใจ
“หรือมึงจะนอนกับกูที่นี่ล่ะ… อ้าว ไม่ต้องคิดนานกูว่าพักกับกูที่นี่ละ”
“เผด็จการเหมือนผู้ใหญ่ในประเทศบางคนเลยว่ะ” ไทม์เอ่ยแซว
ไทม์ชอบเวลาเห็นแฝดผู้พี่ทำสีหน้าหงุดหงิด มันทำให้ไทม์รู้สึกสนุกเหมือนเวลาที่เขาแกล้งแฝดคนพี่ของแมวน้อยเลยไม่มีผิดเพี้ยน ‘ว่าแต่สองคนนี้จะรู้จักเด็กแฝดคนที่เราตามหาไหมนะ ?’
“มองหน้าทำไม แล้วไม่ทำงานหรือไง โดดงานมาทำห่าอะไรแถวนี้” สายฟ้าเปลี่ยนเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจเมื่อรู้ว่าตัวเองไม่ได้ถือไพ่เหนือกว่า
“ไม่บอก” ไทม์ทำสีหน้ายียวนกวนประสาท
“เราไปพักกันดีกว่า ปล่อยคนแก่ประสาทกลับนี่ไว้ตรงนี้ละ” สายฟ้าพูดลอย ๆ พลางหยิบกุญแจห้องที่ 1 ออกมา
“พักบ้านหลังที่ 1 เหรอน้องชล” ไทม์เอ่ยถามสายชลด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม
“ใช่ครับ” สายชลยิ้มแผ่วเบา
“พี่พักห้องหลังที่ 3 ค่ำ ๆ ออกมาเดินเล่นชายหาดกันไหม” ไทม์เอ่ยชวนอย่างไม่เกรงสายตาที่ราวกับเสือพร้อมขย้ำของสายฟ้าแต่อย่างใด
“พี่ไทม์วันนี้ขอบคุณมากนะครับ ผมขอตัวไปพักก่อนนะครับ” สายชลกล่าวขอบคุณพลางค้อมศีรษะให้ไทม์
“ขาดเหลืออะไรบอกพี่นะ เดี๋ยวพี่ซื้อแล้วแวะเอาไปให้” ไทม์พูดพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างอบอุ่น
สายชลยกยิ้มขำเบา ๆ พลางคิดว่าตัวเองเขาเองที่เป็นเจ้าถิ่นจะให้คนที่ไม่รู้ทางมาดูแลก็ออกจะแปลก ๆ อยู่ และเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากอย่างที่ทุกคนกังวล เพียงแค่มึนหัวเท่านั้น
สายฟ้าพาน้องชายฝาแฝดมายังห้องหมายเลข 1 ก่อนจะนอนคุยกันตามประสาพี่น้องที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกัน
“พี่ฟ้านอนเป็นเพื่อนชลก่อนสิ” สายชลร้องอ้อน
“อื้ม”
“พี่ฟ้าไม่ถามเหรอว่าทำไมจู่ ๆ ชลปวดหัว”
สายฟ้าส่ายหน้าแทนคำตอบ
“แต่ชลอยากเล่า” สายชลขยับเปลี่ยนท่ามานอนตะแคงหาพี่ชายก่อนจะสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด
“ว่ามาสิ…” สายฟ้าตะแคงตัวหันหาน้องชายฝาแฝด ตั้งใจฟังสิ่งที่สายชลจะเล่า
“ตอนที่ชลนั่งชิงช้าที่ริมหาดน่ะ ชลเห็นภาพพวกเราตอนยังเด็กด้วยนะ มีชล พี่สายฟ้า และก็เจ้าชาย เอ่อ… พี่ไทม์น่ะ เราเล่นด้วยกันตั้งแต่เด็ก พี่สายฟ้ากับพี่ไทม์ก็ชอบแกล้งกันเถียงกันแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วเนอะ” สายชลเล่าด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“กูก็คิดว่ามีเรื่องอะไรน่าสนใจกว่านี้ โธ่ มีแต่เรื่องไอ้ไทม์” สายฟ้าบ่นอุบ แสดงสีหน้าผิดหวัง
“แต่ที่ชลเห็นน่ะ พี่สายฟ้าดูแลชลดีมากเลยนะ พี่ฟ้าเป็นพี่ชายที่ดีและเท่ที่สุดตั้งแต่ชลเคยเจอมาเลยละ” สายชลพูดพลางขยับซบบ่าของพี่ชาย ขณะที่สายฟ้าใช้ฝ่ามือหนาค่อย ๆ ลูบศีรษะกลมอย่างเอ็นดู
แม้สายฟ้าจะจำเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจ คือสายสัมพันธ์ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าทั้งใจและจิตวิญญาณของพวกเขาผูกพันกัน
ทั้งสองนอนคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวในช่วงชีวิตที่ผ่านมาของกันและกัน ทั้งเรื่องกล่องดนตรีของสายชลที่เพิ่งได้มาเมื่อเดือนก่อน และเรื่องอดีตว่าพี่สายฟ้าโตมาแบบไหน คุณพ่อเป็นคนอย่างไร ? แม้สายฟ้าจะไม่ได้เล่าส่วนของธุรกิจที่บ้านแต่ก็เล่าความทรงจำที่ดีอันน้อยนิดที่เขามีร่วมกับพ่อ กระทั่งฝาแฝดทั้งคู่ผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนล้า…
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?