ภายในห้องนอนขนาดไม่ใหญ่นักเก้านั่งกอดหมอนใบใหญ่นุ่มอยู่บนเตียง รอบตัวมีแต่ความเงียบงันจนได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ สายชลที่นั่งอยู่มุมโต๊ะทำงาน หันไปประสานตาประหนึ่งให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
“ไปมึง… กูก็อยากเห็นร้านอะไรที่มึงเล่าเหมือนกัน” เก้าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ในเวลาเดียวกันนั้นเสียงเรียกเข้าจากคุณพ่อของเก้าก็ดังขึ้นมา ทำเอาเขาถึงกับมุ้ยด้วยความรู้สึกเซ็งนิด ๆ “แป๊บนะมึง”
“ครับพ่อ… อะไรนะ ได้ครับได้ เดี๋ยวเก้ารีบไป” เก้าพูดด้วยน้ำเสียงตกใจสุดขีด ที่ไรผมผุดเม็ดเหงื่อประปราย
“เก้าเป็นอะไรเหรอ” สายชลถามด้วยความสงสัยและเป็นห่วงเพื่อนที่ดูสีหน้าไม่ดี อีกทั้งนัยน์ตาคู่นั้นของเก้ายังแดงก่ำขึ้นมา
“เดี๋ยวกูต้องไปโรงพยาบาลนะ แม่กูถูกรถชน” เก้าพูดพร้อมกับรีบลุกไปที่ประตูก้าวขาฉับออกห้องไปอย่างรีบร้อน
“ให้ลุงขับรถไปส่งไหมเก้า” สายชลตะโกนตามหลังเก้าไปติด ๆ
“ไม่เป็นไร กูนั่งวินไป ถึงเร็วกว่า”
ปัง ! เสียงปิดประตูหน้าบ้านดังสะเทือนมาถึงคนที่อยู่ชั้น 2 สายชลเดินออกจากบ้านของเก้าอย่างใจลอย หยิบโทรศัพท์โทร.หาคุณลุงคนขับรถ แต่คิดอีกทีอยากไปเองมากกว่า พลางคิดเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่นานก็มาหยุดยืนรอรถสองแถวที่หน้าถนนใหญ่แล้ว เขาตั้งใจจะกลับไปยังร้านกาลเวลาอีกครั้ง เพื่อตามหาคำตอบที่สงสัย
สายชลนั่งรถสองแถวเพียงไม่นานนักก็มาถึงยังที่หมาย เด็กผู้ชายร่างบางผิวขาวแก้มแดงระเรื่อจากอากาศร้อนยามบ่าย หยุดยืนตรงหน้าร้านกระจกที่มองเห็นโคมไฟระยิบระยับกลางร้าน แหงนหน้ามองไปยังป้ายที่ระบุชื่อ ‘ร้านกาลเวลา’
สายชลสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด มือบางผลักประตูกระจกบานใส โดยมีความหวังอยู่เต็มหัวใจว่าจะได้พบกับคำตอบที่สงสัย เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่ เรื่องที่เขาข้ามผ่านเวลาไปยังอนาคตเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องทั้งหมดเป็นแค่ความฝันจากความเครียดเหมือนแบบที่เก้าบอกเขากัน
กระพรวนที่ห้อยระย้าที่จับของประตูกระทบบานกระจกส่งเสียงใสดังกังวาล บ่งบอกให้ผู้ที่อยู่ในร้านรับรู้ถึงการมาเยือนของคนที่เข้ามาใหม่
เสียงดนตรีบรรเลงเพลงคลอเบาสบายเข้ามากระทบโสตประสาทหู เป็นเสียงเปียโนคลอ เสียงสายลม เสียงสายน้ำ ฟังแล้วผ่อนคลายราวกับหลุดไปอีกโลกหนึ่งท่ามกลางธรรมชาติอันอิ่มเอมใจ กลิ่นหอมจาง ๆ เมื่อย่างก้าวเข้ามายังร้าน สายชลเชื่อว่าใครที่ได้เข้ามาต้องติดใจและจำกลิ่นนี้ได้อย่างแน่นอน เป็นกลิ่นที่หอมเหมือนดอกไม้เจือกลิ่นที่รู้สึกสะอาดสดชื่น เป็นกลิ่นหอมที่หาได้ยากชวนให้เคลิ้มฝัน แต่แฝงความลึกลับมีเสน่ห์ดั่งต้องมนตร์ ภายในร้านไม่ได้แตกต่างจากครั้งก่อนสักเท่าไรนัก เขาเดินตรงเข้ามาตามทางเดินมองหาคนที่ผมอยากเจอมากที่สุด…
“เอ่อ… สวัสดีครับ คุณรุจ” เด็กหนุ่มเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงอ่อนน้อม
เจ้าของร้านร่างสูงโปร่งที่กำลังทำความสะอาดชั้นหนังสือค่อย ๆ หันมาตามเสียงเรียก พร้อมกับสายตาอบอุ่น มือหนาดันประตูเล็กของเคาน์เตอร์ไม้เดินตรงมาหาสายชล
“สวัสดีครับ” เจ้าของร้านกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คือผมมีอะไรอยากจะถามคุณสักหน่อยครับ” สายชลพูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ได้สิ… ไปนั่งกับตรงนั้นดีกว่า เดี๋ยวเอาชากุหลาบมาให้ดื่ม”
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับ ผมมาไม่นานแค่อยากคุยด้วยนิดหน่อยครับ”
จิรัฐิติกาล หรือคุณรุจผู้เป็นเจ้าของแห่งร้านกาลเวลาเดินนำสายชลไปยังด้านในของร้านด้วยท่าทางสุขุม ไม่นานนักกลิ่นหอมอ่อน ๆ อันเป็นเอกลักษณ์ของชากุหลาบพลันฟุ้งกำจายไปทั่วทั้งร้าน กาน้ำชาขนาดพอเหมาะใบใสส่งให้เขาเห็นกลีบกุหลาบอยู่ในนั้น...
“ผมอยากรู้ว่าของสิ่งนี้ เกี่ยวข้องกับการที่ผมข้ามเวลาหรือเปล่าครับ” สายชลไม่รอช้าเขารีบหยิบกล่องดนตรีขึ้นมาจากกระเป๋าสะพาย พลางมองไปยังคุณรุจด้วยสายตาที่คาดคั้นเอาคำตอบ
“ก็ไม่เชิงครับ ผมอาจบอกอะไรคุณได้ไม่มากนัก” เสียงเรียบนิ่งทว่าเต็มไปด้วยความยะเยือกเอ่ย “ไม่ต้องกังวลนะครับ ทุกอย่างมันเป็นโชคชะตาของคุณ” คุณรุจพูดพลางยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบอย่างสบายใจ
“เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความฝัน... ใช่ไหมครับ ?” สายชลยังคงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น คนตรงหน้าพยักหน้าเบา ๆ แทนคำตอบ
“แล้วผมจะ… เอ่อ” พอสายชลเอ่ยมาถึงตรงนี้เขาก็ลังเลใจที่จะถามต่อ แต่แล้วชายหนุ่มลึกลับตรงหน้าก็พูดสวนขึ้นมาตรงกับที่เขาคิดในใจ
“จะกลับไปยังช่วงเวลานั้นได้อีกหรือเปล่า… ใช่ไหม !?” คุณรุจพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบเช่นเคย ครั้งนี้มุมปากยกยิ้มบางเบาทว่ารอยยิ้มนั้นกลับทำให้คนที่มองรู้สึกขนลุกชัน
“เมื่อหัวใจสองดวงเชื่อมถึงกัน มิติเวลาก็จะเปิด”
“คุณให้เปิดให้ปิดตามใจได้ไหม” สายชลกุลีกุจอถาม
จิรัฐิติกาลส่ายหน้าหวือแทนคำตอบ
“งั้น... ถ้าผมจะไป จะกลับมาเองตามใจได้ไหม”
เจ้าของร้านกาลเวลายังคงส่ายหน้าแทนคำตอบอีกเช่นเคย
“โอ๊ย ! แล้วผมต้องทำยังไงต่อ คนทางโน้นล่ะครับ เขาเป็นยังไงบ้าง” สายชลทำท่าทางกังวล แต่แล้วก็นิ่งไปครู่หนึ่งราวกับกำลังครุ่นคิดบางอย่าง การกระทำนั้นส่งให้เจ้าของร้านกาลเวลาชำเลืองมองสายชลด้วยความสงสัย
“เหมือนว่า... ห้วงเวลาที่ผมไปนั้น มีคนหน้าเหมือนผมอีกคน แต่... ผมไม่รู้จักเขานะ เขาคนนั้นมีหน้าตาเหมือน…”
เพล้ง ยังไม่ทันที่สายชลจะเอ่ยจบประโยคดี คนที่กำลังฟังอย่างรุจถึงกับเผลอปล่อยแก้วชาตกกระทบกับโต๊ะกระจกเสียงดังก้อง
“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าครับ” สายชลถามด้วยความสงสัย
จิรัฐิติกาลลุกพรวดมานั่งแนบชิดกับสายชล ทำให้คนตัวเล็กตกใจรีบกระเถิบหนีอย่างไม่ทันตั้งตัว “คนนั้นชื่อสายฟ้าใช่ไหม ใช่สายฟ้าหรือเปล่า” เจ้าของร้านกาลเวลาถือวิสาสะเขย่าแขนสายชล จนคนตัวเล็กหัวสั่นคลอน
“เดี๋ยวก่อนคุณ อย่าเขย่าผมได้ไหม เจ็บนะ” สายชลพูดขมวดคิ้วด้วยความหัวเสีย
“ผมขอโทษครับ ว่าแต่ใช่สายฟ้าไหม เขาสบายดีไหมเขาเป็นยังไงบ้าง” คุณรุจพูดด้วยสีหน้ามีความหวัง แววตาเป็นประกาย
“จริง ๆ ผมไม่เจอเขานะ แต่โผล่ไปอยู่ในห้องเขา เห็นคุณดรีมบอกว่าไม่รู้พี่สายฟ้าไปไหน ไม่มีใครติดต่อได้”
“จะต้องทำยังไงเราถึงจะได้เจอกัน สายฟ้า” เจ้าของร้านบ่นพึมพำ
“อะไรนะครับ” สายชลฟังไม่ถนัด
“ถ้าคุณเจอสายฟ้าผมฝากแหวนวงนี้ให้สายฟ้าหน่อยสิ” จิรัฐิติกาลปลดแหวนออกมาจากสร้อยคอ แล้วส่งมันให้กับสายชล
“คุณรุจ ผมไม่ใช่เด็กส่งของนะครับ” สายชลพูดพลางยิ้มแซว
“คือมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ผมออกจากร้านกาลเวลาไม่ได้ครับ” คุณรุจพูดด้วยสีหน้าแววตาเศร้าหมอง
“ว่าแต่คุณรุจเป็นใครครับ ทำไมของในร้านถึงข้ามเวลาได้” สายชลกวาดสายตามองไปรอบร้าน
“ไม่ใช่ของทุกชิ้นจะข้ามหรือย้อนเวลาได้หรอกนะ”
“อันที่จริงแล้ว… ร้านกาลเวลาไม่ได้ให้ใครเห็นง่าย ๆ นอกจากคนผู้นั้นจะมีชะตาที่ผูกกับสิ่งของในร้านนี้ หรือมีโชคชะตาที่ถูกกำหนดไว้แล้วแต่บิดเบี้ยว” คุณรุจพูดราบเรียบ สบตากับสายชลที่ทำหน้าเหมือนมีคำถามร้อยแปดพันเก้าถาโถม แล้วเขาก็อดยิ้มเอ็นดูเด็กน้อยผู้นี้ไม่ได้
“พูดง่าย ๆ ก็คือ ร้านกาลเวลาเป็นผู้เลือกลูกค้าเอง” คุณรุจพูดพลางเช็ดน้ำชาที่เปียกบนโต๊ะกระจก แล้วเดินไปหยิบของบางอย่างที่ด้านในเคาน์เตอร์
“อันนี้ผมให้ไว้สำหรับฉุกเฉิน” จิรัฐิติกาลหยิบสร้อยที่มีจี้เป็นนกหวีดเล็ก ๆ สีโรสโกลด์ แกะสลักด้านหลังเป็นคำว่า Time แล้วยื่นให้สายชล คนตัวเล็กยื่นมือรับแล้วทำหน้างุนงง
“เอาไว้ทำอะไรเหรอครับ เรียกนกเหรอ” สายชลทำท่าจะเป่า ทว่าคุณรุจรีบปรามเอาไว้
“อย่า เพิ่ง เป่า นะ” คุณรุจห้ามเสียงดัง สายชลถึงกับตกใจโยนสร้อยลงไปที่โต๊ะ
“อันนี้คือยังไงครับ ให้ผมทำไม” สายชลมองด้วยสีหน้ากล้า ๆ กลัว ๆ
“อันนี้คือนกหวีดห้วงมิติ เอาไว้ใช้เผื่อฉุกเฉินแต่สามารถใช้ได้แค่ 5 ครั้งเท่านั้น ใช้เมื่อจำเป็นนะ เอ่อ อันที่จริงแล้วใช้ได้แค่ 3 ครั้งแล้วละ มันถูกใช้ไป 2 ครั้งแล้ว” คุณรุจพูดแล้วทำสีหน้าแปลก ๆ มีเหงื่อบาง ๆ ผุดที่ไรผม
“ผมไม่เอาอะ เดี๋ยวผมไปโผล่ที่กำแพงเมืองจีนทำยังไง พูดภาษาจีนไม่เก่งด้วยกลัวอดตายก่อน” สายชลพูดทีเล่นทีจริง
“รับไว้เถอะน่า มันมีประโยชน์มากกว่าที่คุณคิด ถึงเวลาเดี๋ยวคุณก็จะรู้เอง จำเอาไว้ว่ายามใดที่รู้สึกคับขันจนหมดสิ้นหนทางทุกสิ่งอย่าง อยากกลับมาที่ร้านกาลเวลา หรือต้องการคามช่วยเหลือจากเรา จง-ใช้-มัน” จิรัฐิติกาลเอ่ยด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“ก็ได้ครับ ให้ผมจ่ายเป็นอะไรดีครับ”
“คุณแค่นำแหวนไปให้สายฟ้าก็พอ… เราขอโทษสำหรับทุกอย่าง และขอให้โชคชะตาของพวกคุณเป็นไปแบบที่มันควรจะเป็น” คุณรุจพูดด้วยท่าทางเคร่งขรึม ด้านสายชลพลิกนกหวีดดูไปมาด้วยทีท่าสับสน
“ผมคิดว่าคุณอยู่ในร้านนี้นานเกินไปแล้ว จะไม่ดีต่อตัวคุณเองนะครับ จิบน้ำชาก่อนกลับไหมครับ” คุณรุจรินน้ำชาแล้วส่งให้สายชล เด็กหนุ่มรับมาแล้วสูดกลิ่นหอมอ่อนของชากุหลาบช่างผ่อนคลาย รสชาติละมุนทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างน่าเหลือเชื่อ...
กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง
“มีลูกค้าเข้ามาใหม่แล้ว เราต้องไปก่อนนะครับ นั่งพักเสร็จแล้วอย่าลืมที่เราคุยกันไว้นะครับ” คุณรุจยิ้มด้วยสีหน้าอบอุ่น
“แล้วผมจะติดต่อคุณได้ยังไงครับ” สายชลรีบถาม
“ตอนนี้คุณได้เจอร้านนี้แล้ว เราต้องได้เจอกันอีกแน่” เจ้าของร้านขยิบตาให้ก่อนที่จะเดินจากไป
เจ้าของร้านกาลเวลาเดินไปประจำที่เคาน์เตอร์ด้านในสุดของร้าน แต่ที่แปลกไปกว่านั้นคือที่เขาบอกสายชลว่ามีลูกค้าเข้ามาใหม่ ทว่าเขาก็ไม่เห็นมีใครเข้ามาแม้แต่คนเดียว หรือมีผีกันนะ ว่าแล้วสายชลรีบเก็บของเข้ากระเป๋า นำแหวนที่คุณรุจฝากให้พี่สายฟ้าห้อยไว้รวมกับนกหวีด แล้วสวมไว้ที่คอ ถึงแม้เขาจะชอบแต่งตัวตามแฟชั่น ทว่าสร้อยเส้นนี้ก็สวยแปลก ดูแล้วไม่แย่ที่จะสวมใส่เอาไว้
เด็กหนุ่มเดินออกไปยังประตูเดิมที่เข้ามาพลางกวาดสายตามองนั่นดูนี่ตลอดทาง คิดในใจแทบไม่อยากเชื่อเพราะสิ่งเกิดขึ้นนี้มันดูเกินจริงกว่าจะเชื่อได้ เขาคิดว่าคงไม่เล่าให้ใครฟังแน่นอน หากพูดออกไปต้องถูกจับไปตรวจสุขภาพจิตแน่นอนเลย มือบางผลักประตูออกมาจากร้าน จู่ ๆ ฝนก็ตกทั้งที่ก่อนจะเข้าร้านแดดยังร้อนเปรี้ยงอยู่เลย สายชลรีบวิ่งเพื่อหาที่หลบฝน
พลั่ก โครม
“เป็นไรหรือเปล่าคุณ” ชายร่างสูงที่วิ่งสวนมากระแทกกับสายชลเข้าอย่างเต็มแรง ทำให้ร่างบางล้มหัวกระแทกเสาไฟข้างถนน
“โอ๊ยเจ็บจังเลย” สายชลเอามือกุมที่หัวพร้อมกับเลือดไหลลงมาตามซอกนิ้วมือ
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?