ตอนที่ 53 ให้ทุกนาทีเป็นช่วงเวลาที่งดงาม [สายชล]

เคยได้ยินหลายคนเปรียบชีวิตเหมือนการเดินทาง กว่าเราจะก้าวผ่านอุปสรรค์ไปถึงจุดหมายอาจรู้สึกเหนื่อยล้าในบางครั้ง ท้อใจไปหลายหน ทว่าทุกเรื่องราว ทุกเหตุการณ์หล่อหลอมกลายเป็นประสบการณ์ผลักให้เราเติบโตขึ้นอย่างมั่นคง

หลายครั้งที่ผมคิดว่าทำไมต้องเจอเหตุการณ์ที่มันสับสนวุ่นวายขนาดนี้ด้วย สิ่งที่ได้รู้มาจากห้วงเวลาอนาคตมันทำให้ผมหวาดกลัวมาตลอด ใครกันเล่าจะอยากมีจุดจบเช่นนั้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปทำให้ผมเข้าใจว่าการได้ใช้ชีวิตอยู่ยาวนานมันไม่สำคัญไปกว่าการที่ใช้ชีวิตทุกวันอย่างมีความหมาย ทำทุกวันให้มีคุณค่าและมีความสุข

“สายชลมาถึงนานหรือยัง ?” ศรุตเอ่ยถามด้วยท่าทางกระหืดกระหอบ เขานั่งลงข้าง ๆ สายชลแล้วหายใจแรงมองคนตรงหน้าสลับกับรอบห้องที่มีนักศึกษาอยู่เพียงไม่มีคนทั้งที่วันนี้เป็นคลาสรวม

“เรามาถึงสักพักแล้ว ว่าแต่รุตทำไมดูท่าทางเหนื่อยขนาดนั้นล่ะ” สายชลมองคนที่เพิ่งมาใหม่ด้วยรอยยิ้มอย่างเอ็นดู ศรุตเป็นเพื่อนร่วมรุ่นของเขา ทั้งสองคนสนิทกันไวด้วยความที่เป็นคนอัธยาศัยดีด้วยกันทั้งคู่ ทั้งยังเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เข้ามาเรียนในกรุงเทพฯ เหมือนกันอีก

“รีบวิ่งมาอะดิ ก็วิชานี้สาย 5 นาทีก็ล็อกประตูห้องเลย นี่ก็ใกล้จะสอบแล้วด้วย” ศรุตพูดเสียงเหนื่อย ๆ ขยี้ตาซ้ำ ๆ ไล่ความง่วงงุน ถึงเขาจะพักอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยแต่นั่นทำให้เขาชะล่าใจมาสายเป็นประจำ ต่างจากภาลันน์ที่อยู่ชานเมืองแต่กลับเข้าเรียนทันทุกวัน

“แต่วันนี้อาจารย์เลทชั่วโมงหนึ่งเลยนะ รุตไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลย” สายชลมองเพื่อนอย่างขบขัน แน่นอนว่าเพื่อนเขาคนนี้ไม่ได้อ่านไลน์จึงไม่ทราบว่าคลาสวันนี้เลื่อนเวลาไปบ่าย 2 โมงครึ่ง แต่นักศึกษาสามารถเข้ามานั่งรอเรียนที่ห้องเรียนได้ตามปกติ จึงทำให้นักศึกษาที่อยู่ในห้องดูน้อยผิดหูผิดตา

“อะ… อะไรนะ ทำไมสายชลไม่บอกเราเลยหล่ะ”

สายชลหัวเราะคิกคักอย่างรู้ทัน แต่เพราะเขาอยากแกล้งศรุตจึงไม่โทร.ไปบอกเรื่องที่อาจารย์เลื่อนเวลาเข้าสอน “รุตลองเปิดไลน์ดูก่อนค่อยมาบ่นเรา”

ศรุตรีบหยิบโทรศัทพ์ออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเปิดเข้าโปรแกรมไลน์ ก่อนจะยกยิ้มเจื่อนให้เพื่อนรักอย่างเขิน ๆ

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้นภาลันน์เดือนคณะนิเทศศาสตร์ก็เดินตรงมายังสายชลพร้อมกับออร่าความหล่อเปล่งประกาย มุมปากหยักยิ้มทักทายคนน่ารักที่จ้องเขาตาแป๋ว “สวัสดีสายชล ว่าไงไอ้รุต” คนมาใหม่เอ่ยทักสั้น ๆ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งที่ประจำข้างสายชล

“วันนี้ลันน์มาไวจังเลย”

“ก็เราเห็นสายชลบอกว่าออกมาแล้วก็เลยรีบมาอยู่เป็นเพื่อน” ภาลันน์เอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

“อะไรกันรู้หมดเลยเหรอว่าวันนี้อาจารย์เข้าเลท” ศรุตโวยวายด้วยใบหน้ามู่ทู่

แทนที่เพื่อนทั้งสองคนจะเห็นใจแต่ทั้งสายชลและภาลันน์รีบสวนตอบทันควัน

“ใช่/ใช่”

“ว่าแต่ไอ้ลันน์มึงบ้านอยู่ตั้งไกลแต่ทำไมมาเรียนเร็วทุกวันเลยวะ” ศรุตถามพร้อมกับเลื่อนมือไปหยิบน้ำชานมไข่มุกที่ภาลันน์กำลังวางไว้ที่โต๊ะด้านข้าง ทว่ามือเจ้าของไวกว่าภาลันน์รีบดึงแก้วน้ำชานมไข่มุกกลับ แกะพลาสติกออกจากหลอดแล้วเจาะแก้วน้ำเสียงดัง ก่อนจะส่งสายตาเย้ยหยันศรุตที่มองด้วยสายตาละห้อย

“เรื่องของกู... ว่าแต่มึงเถอะ หออยู่ใกล้มหาลัยแค่นี้ ทำไมไม่เคยมาเรียนทันเลย”

“อ้าว นี่เพื่อนนะ ถามดี ๆ ทำไมต้องต่อว่ากูด้วยล่ะ ใช่ซี้ กูไม่ใช่สายชลนี่” ศรุตตัดพ้อเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงที่ฟังแล้วรู้สึกกวนเบื้องล่างสุด ๆ เขารู้ดีว่าภาลันน์แอบชอบสายชลตั้งแต่ช่วงรับน้อง แต่สายชลเปิดตัวว่ามีแฟนแล้ว ภาลันน์จึงได้แต่เก็บความรู้สึกเอาไว้อยู่ในเฟรนด์โซนที่คอยดูแลสายชลเพียงเท่านั้น

“สายชลเราซื้อขนมเค้กมาฝาก เจ้านี้อร่อย” ภาลันน์ส่งถุงขนมให้คนที่นั่งข้าง ๆ ทุกครั้งที่คนตัวเล็กเจอของอร่อยถูกใจสายตามักจะเปล่งประกายระยับ สายชลระบายยิ้มเต็มใบหน้าด้วยความชอบใจ ภาลันน์รู้ว่าสายชลขี้เกรงใจแต่รอยยิ้มของสายชลทำให้หัวใจเขาพองโตจนอยากเห็นรอยยิ้มน่ารักนี้ทุกวัน

“ทีเป็นไอ้สายชลพูดเสียงอ่อนเชียวนะ” ศรุตมองตาขวางแซวด้วยท่าทางกวน ๆ

“อะอันนี้ของมึง เห็นว่าเล่นกล้ามอยู่” ภาลันน์ยื่นนมเวย์พร้อมดื่มกับอกไก่นึ่งกับผักส่งให้ศรุต เพราะแม่บ้านของภาลันน์ต้องเตรียมอาหารให้เขาทุกเช้า และเขารู้ดีว่าศรุตชอบออกกำลังกายที่สวนสาธารณะหลังเลิกเรียน ทั้งยังกินอาหารเหมือนตน ภาลันน์จึงเตรียมมาเผื่อเพื่อนคนนี้ตลอด

“คิดว่าสนใจแต่สายชล เขาก็เพื่อนเตงนะ” ศรุตรับกล่องอาหารพร้อมกับส่งสายตาหวานอย่างยียวนให้ภาลันน์

“ไอ้ห่า กูขนลุก”

“ขอบคุณมากเลย ประหยัดไปอีกมื้อ” ศรุตคลี่ยิ้มกว้างแล้วรับกล่องอกไก่มากอดเอาไว้ราวกับเป็นของรักของหวง ทำให้สายชลที่เห็นเช่นนั้นอดขำออกมาไม่ได้

“พรุ่งนี้สายชลไปยิมกับลันน์ไหม” ภาลันน์สะกิดสายชลอย่างเบามือพร้อมกับส่งสายตาหวานฉ่ำให้คนตรงหน้า

“ได้สิ พี่สายฟ้าเริ่มบ่นเราแล้ว” คนตัวเล็กพูดพร้อมกับจับพุงตัวเอง จากกล้ามเนื้อที่สู้อุตส่าห์ปั้นช่วงปิดเทอม กระทั่งตอนนี้เริ่มกลายเป็นไขมันแล้ว

“ว่าแต่ทำไมพี่แฝดของสายชลไม่เรียนที่เดียวกันซะเลยล่ะ เห็นว่าหวงน้องซะขนาดนี้” ศรุตถามขึ้นมาเพราะความสงสัย เพราะสายฟ้าดูแลน้องชายราวกับไข่ในหิน ทั้งมาส่งตั้งแต่เช้าทั้งที่ตัวเองเรียนอยู่มหาวิทยาลัยย่านบางเขน แต่พวกเขาเรียนแถวสามย่าน

“เรียนคนละที่กันแหละดีแล้ว” ภาลันน์บ่นพึมพำเบา ๆ เมื่อเขาคิดถึงพี่ชายของคนตรงหน้าก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“ทำไมชอบเถียงกันจังเลย ลันน์ออกมาอยู่เป็นเพื่อนเราไง ไหน ๆ พวกเราก็มากันครบแล้ว อย่างงั้นคุยกันเรื่องหัวข้องานกลุ่มที่จะทำส่งวันศุกร์หน้าเลยดีไหม” สายชลรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนทั้งสองคนจะเถียงกันอีก จริง ๆ กลุ่มเขามีด้วยกัน 4 คน เขา ภาลันน์ ศรุต และอธิป พวกเขาทั้ง 4 คนมีนิสัยที่แตกต่างกันอยู่มาก แต่ด้วยความแตกต่างนี่ละทำให้อยู่ด้วยกันแล้วลงตัวที่สุด

“ไม่ให้พักก่อนเหรอ” ศรุตร้องโอดโอยพลางฟุบลงไปกับโต๊ะเรียนราวกับตัวเองเป็นของเหลว

“เดี๋ยวอาจารย์มาจะได้ปรึกษาโปรเจ็กต์กลุ่มจะได้ไม่เสียเวลาไง” สายชลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้เพื่อนอีกสองคนต้องรีบหันมารวมตัวตั้งใจระดมสมอง

การเรียนที่มหาวิทยาลัยแตกต่างจากตอนที่สายชลเรียนมัธยมศึกษาตอนปลายค่อนข้างมาก ถึงดูเหมือนไม่เข้มงวดแต่กลับต้องมีความรับผิดชอบที่สูงมากขึ้นไปด้วย ถึงอย่างนั้นเขาก็สนุกที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ สนุกที่ได้เรียนในคณะที่ชอบ มีความสุขที่รายล้อมด้วยมิตรภาพดี ๆ

ความสุขมักผ่านไปเร็วเสมอ ตั้งแต่เปิดเรียนกระทั่งตอนนี้เข้าต้นเดือนสิงหาคมซึ่งเท่ากับว่าสายชลเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยนี้มา 2 เดือนกว่าแล้ว เขาใช้ชีวิตเต็มที่ในทุกวัน แม้รุจเจ้าของร้านกาลเวลาเคยอวยพรให้เขา ‘ขอให้โชคชะตาของพวกคุณเป็นดั้งเดิมแบบที่มันควรจะเป็น’ แต่เมื่อถึงตอนนี้หัวใจเขาก็เริ่มรู้สึกหวาดหวั่น อีกไม่กี่วันที่เหลือเส้นทางของสายชลจะจบลงแค่นี้ หรือจะมีโอกาสได้ไปต่อยังไม่รู้เลย

“เพิ่งสังเกตว่าแหวนมีหูแมวเล็ก ๆ ด้วย... น่ารักเหมาะกับสายชลเลย” อธิปหนุ่มน้อยหน้าหวานเอ่ยทักขณะที่ทุกคนเก็บชีทเรียนลงกระเป๋า ทำให้สายชลที่กำลังตกอยู่ในห้วงความคิดสะดุ้งตัวโยนด้วยความตกใจ

“อื้ม น่ารักเนอะ” สายชลตอบรับเพื่อนสั้น ๆ แล้วย้อนนึกถึงวันที่ไทม์สวมแหวนวงนี้ให้เมื่อ 2 เดือนก่อน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็เป็นแฟนกัน ถึงจะเป็นอย่างนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ยังต้องอยู่ในสายตาสายฟ้าที่สถาปนาตัวเองเป็นผู้ปกครองของสายชล แทนที่พี่ชายคนเดียวของเขาจะวางใจว่าเขาโตพอแล้ว แต่สายฟ้ากลับหวงแฝดน้องมากกว่าเดิม ยังดีที่ไทม์เข้าใจความเป็นห่วงของสายฟ้าทุกอย่างเลยไม่เป็นปัญหา

“ไหน ๆ วันนี้อาจารย์ก็ปล่อยไวแล้ว เราไปกินนมปั่นหน้าม.กันไหม” ภาลันน์เอ่ยชวนสายชลด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มจาง ๆ ก่อนจะหุบยิ้มฉับเมื่อข้อความแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของคนตัวเล็กปรากฏภาพของ ‘ไทม์’ ภาลันน์ทรุดตัวลงนั่งยังที่เดิมก่อนจะลอบมองใบหน้าน่ารักของสายชลที่กำลังพิมพ์ตอบข้อความด้วยสายตาพราวระยับ

“พี่ไทม์มารอเราหน้ามหาลัยแล้ว เจอกันอาทิตย์หน้านะ” สายชลยิ้มร่าด้วยความสดใส เขาโบกมือลาเพื่อนทั้งสามคนด้วยท่าทางกระตือรือร้นแล้วรีบออกจากห้องเรียนไป

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ