ตอนที่ 37ความอบอุ่นที่ถูกแบ่งปัน

คนที่อยู่เบื้องหน้าสายชลเป็นคนที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้เจอที่นี่ ความรู้สึกทับซ้อนว้าวุ่นเกิดขึ้นในใจ แวบหนึ่งหน้าเจ้าชายปรากฏขึ้นมาทับซ้อนกับไทม์ ทั้งรอยยิ้มเสียงหัวเราะ และช่วงเวลาดี ๆ ผ่านตัวอักษรในจดหมายที่ทั้งสองเพียรเขียนหากันมาตลอดมันทำให้หัวใจของเขารู้สึกพองฟู

‘น้องอยากวิ่งเข้าไปกอดเจ้าชายเหลือเกิน แต่ตัวผมตอนนี้ไม่รู้ว่าจะเข้าไปหาพี่ไทม์ในมุมไหน แมวน้อยของเจ้าชาย หรือน้องชลที่พี่ไทม์ตามจีบ ไม่สิ นั่นมันคนละห้วงเวลานี่นะ ! ตอนนี้พี่ไทม์รู้จักผมว่าเป็นเด็กคลั่งรักคนหนึ่งที่ไปกอดเอวเขาที่สยาม’

‘พี่ไทม์ไม่มาหาผมที่หัวหินเกิน 10 ปีเห็นจะได้ การเจอพี่ไทม์ครั้งนี้ทำให้ความรู้สึกข้างในสับสน พี่ไทม์มาที่นี่ทำไมกันนะ ?’

‘ผมทำตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าจะเดินเข้าไปหรือจะวิ่งหนีไปตั้งหลัก แต่ไม่ได้สิ เราจะวิ่งหนีเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ ผมคิดไม่ตกว่าจะต้องทำตัวอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าพี่ไทม์ดี ? จะทำตัวเป็นสายชลเด็กผู้ชายที่พี่ไทม์เพิ่งรู้จักเมื่อหลายวันก่อน หรือจะบอกเขาไปเลยว่าผมนี่ละคือแมวน้อยของพี่เอง บ้าน่า จู่ ๆ ให้พูดไปแบบนั้นมันออกจะประหลาดไปสักหน่อย’

ไทม์ตะโกนเรียกโบกมือไปมาก่อนจะลุกยื่นเต็มความสูงแล้วเดินตรงมาทางสายชล ทำให้เด็กหนุ่มหลุดจากห้วงความคิด

“เจ้าเด็กแคระมายืนทำอะไรตรงนี้ พี่เรียกตั้งนานไม่เห็นหรือแกล้งไม่เห็นฮะ” ไทม์พูดด้วยหน้าตาบูดบึ้งน้ำเสียงเจือความเอาแต่ใจอยู่ในที

“เอ่อ… พี่ไทม์มาที่นี่ได้ยังไง” สายชลเอ่ยทักด้วยความสงสัย พร้อมกับเดินตามไทม์ไปนั่งที่โต๊ะประจำของทั้งคู่

“พี่ต้องถามเรามากกว่า ทำไมมาอยู่ที่นี่” ไทม์นั่งจ้องหน้าคนที่เพิ่งมาใหม่ด้วยสายตาที่คาดคั้นหาคำตอบ

‘อ้าว ก็ที่นี่บ้านของชล ถ้าน้องไม่อยู่แถวนี้จะให้น้องไปอยู่ที่ไหนกันล่ะพี่ไทม์ถามอะไรของเขานะ เอ๊ะ ลืมไปพี่ไทม์ไม่รู้นี่นาว่าเราอยู่ที่นี่’ สายชลทำได้เพียงพูดในใจเท่านั้น การแต่งตัวสบาย ๆ ด้วยเสื้อฮาวายกับกางเกงขาสามส่วน รองเท้าแตะ ทรงผมปล่อยพลิ้วแบบไม่เซตผม ทำให้ไทม์เวอร์ชันนี้กุมหัวใจดวงนี้ของสายชลได้ไม่น้อย บวกกับรอยยิ้มกวน ๆ สายตาที่ดูเหมือนหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลานั่น มันทำให้คนที่มองหลงใหลได้อย่างไม่รู้ตัว และสายชลก็เป็นอีกคนหนึ่งที่เผลอใจให้ไทม์ลุคนี้เสียด้วยสิ

“ฮะ ? ยังไงนะครับ ?” สายชลแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เพราะเด็กหนุ่มยังคิดไม่ทันว่าจะบอกกับไทม์อย่างไร หากเขาบอกว่าตัวเองอยู่ที่นี่ไทม์อาจซักไซ้จนเขาตั้งรับไม่ทัน

‘ผมยังไม่พร้อมจะบอกตอนนี้ อย่างน้อยก็ขอเวลาอีกสักหน่อยแล้วกัน’

“มาเที่ยวเหรอ แล้วพักที่ไหนล่ะ” ไทม์เอ่ยถามสายชล มือหนาเสยผมด้วยท่าทางสบาย ๆ

ไทม์ตอนนี้ราวกับมีออร่าพิเศษปกคลุมรอบตัว เป็นความน่ารักในอีกมุมหนึ่งทำให้สายชลอดคิดถึงไทม์ในช่วงเวลาต่าง ๆ ไม่ได้ ทั้งไทม์ตอนเป็นเด็กม.ต้น ไทม์ตอนเป็นผู้บริหารแมกาซีนที่อบอุ่น ไทม์มุมเล่นเปียโน และไทม์คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ ถึงเวอร์ชันนี้จะดูยียวนกวนใจไปสักหน่อย แต่ต้องยอมรับตามตรงเลยว่าไม่ว่าจะเป็นไทม์เวอร์ชันไหน ก็ทำให้เขาหลงรักซ้ำแล้วซ้ำอีกอยู่ดี

“เอ่อ ไม่ได้มาเที่ยวหรอกครับ ว่าแต่พี่ไทม์ไลน์บอกชลว่ามีธุระแล้วทำไมมาโผล่ที่นี่ได้ล่ะครับ” สายชลชิงถามแทนที่จะตอบ ดูเหมือนว่าทั้งเขาและไทม์ต่างก็มีเรื่องที่ต้องปิดบัง

“เอ่อ คือ…” ไทม์ทีท่าตะกุกตะกัก ดูขัดกับลุคเท่ ๆ ที่เขาวางไว้จนแทบไม่เหลือมาด

“ฮั่นแน่ หรือนัดใครไว้ที่นี่ครับ” สายชลพูดแซวด้วยท่าทางขี้เล่น

“จริง ๆ ก็ไม่ได้นัดหรอก แต่คิดว่าน่าจะได้เจอกัน…” ไทม์พูดพลางทอดสายตาไปยังชายหาด

“ใครเหรอครับ” สายชลรีบถามกลับขณะที่หัวใจเต้นดังโครมคราม

“เรื่องของผู้ใหญ่น่า”

“ชลโตแล้วนะครับ ปีนี้จะเข้ามหาลัยแล้วด้วย”

“อะไรกันจะเข้ามหาลัยแล้ว ทำไมยังตัวแคระอยู่เลย กินนมเยอะ ๆ เลยนะ เผื่อจะสูงขึ้นมาบ้าง แต่เอ๊ะ ดูท่าทางดื่มทั้งฟาร์มก็ไม่น่าจะสูงแล้วมั้ง” ไทม์พูดแซวสายชลด้วยความเอ็นดู

ไม่ว่าไทม์อยากจะพูดจากับสายชลดี ๆ ทีไร กลับต้องแกล้งน้องทุกครั้งไป หรืออาจจะเป็นเพราะสายชลดูน่าแกล้งกว่าเด็กผู้ชายทุกคนที่ไทม์เคยรู้จัก เวลาที่สายชลทำท่าหงุดหงิด ฟึดฟัดยู่จมูก หรือเวลาที่คนเด็กกว่าเถียงสู้ไทม์ไม่ได้ ไทม์มักจะชอบใจและรู้สึกดีอย่างน่าประหลาด จนบางครั้งตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าที่เขาสนใจเด็กคนนี้เป็นพิเศษเพราะความรู้สึกที่เห็นน้องพิเศษกว่าใคร หรือเพียงเพราะน้องสายชลมีอะไรหลายอย่างคล้ายแมวน้อย จนทำให้คนอย่างไทม์เผลอใจสั่นทุกครั้งแค่เพียงเห็นข้อความที่น้องตอบไลน์มา

“…” สายชลกอดอกทำหน้าง้ำหน้างอ ไม่ใช่สายชลไม่อยากจะเถียงแต่เด็กน้อยรู้ดี ไม่ว่าเขาจะเถียงไทม์อย่างไรก็ไม่เคยชนะ

หรือจริง ๆ แล้วสายชลตั้งใจยอมแพ้กันแน่ เพราะทุกครั้งที่ไทม์แกล้งเขา รอยยิ้มขี้เล่นและเสียงหัวเราะชอบใจที่เปล่งออกมา ทำให้เขาเผลอคิดเข้าข้างตัวเองว่า เขาเป็นคนพิเศษของไทม์ จะว่าไปแล้ว... ไทม์ก็น่าทุบจริง ๆ นะ ปากร้ายจังเลยชอบพูดให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจตลอด นี่มันสมัยไหนกันแล้วยังมาบุลลี่เรื่องความสูงกันอีก ถึงหล่อ น่ารักแค่ไหนก็ไม่ให้อภัยหรอกนะ

“คือพี่มีคนที่อยากเจอมากคนหนึ่ง แต่ไม่ได้เจอกันนานแล้วน่ะ” ไทม์พูดพลางสบตาเด็กหนุ่ม สายชลสะดุ้งเล็กน้อยราวกับคิดอะไรบางอย่างอยู่

ขณะที่ทั้งสองสบตากันอีกครั้ง ความรู้สึกหวั่นไหวแปลก ๆ เกิดขึ้นกับไทม์ ส่งผลให้ใบหน้าร้อนผ่าวลามไปที่ใบหู ราวกับมีไฟพวยพุ่งออกมา ทว่ากลับไม่ใช่ความโกรธเหมือนอย่างทุกครั้ง ความรู้สึกแปลกใหม่ที่ชายหนุ่มได้รับส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ไทม์ขยับตัวเล็กน้อยพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกวูบไหวเหล่านั้น พยายามที่จะซ่อนมันลึกเข้าไปสุดหัวใจ...

“เอาเถอะน่า เรื่องของพี่ช่างมันเถอะ สายชลยังไม่บอกพี่เลยมาที่นี่ได้ไง” คนแก่กว่าพยายามที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อหาทางรอดให้ตัวเองจากอาการใจเต้นผิดปกติ วันนี้สายชลน่ารักกว่าเมื่อครั้งที่เจอหน้าร้านขายเครื่องดนตรีที่สยาม แก้มอมชมพูระเรื่อ ผิวขาวอมเหลืองยามเมื่อต้องแสงแดดยามเย็นทำให้สายชลดูน่ารักเป็นพิเศษ ตากลมโตเป็นประกาย ขนตาเป็นแพทำให้น้องดูตาหวานราวกับตุ๊กตา จมูกนิดปากหน่อย…

ชายหนุ่มสะบัดหน้าแรง ๆ เรียกสติ ‘นี่เราเผลอมองเด็กมันขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไม่สิ เรามาเพื่อเจอกับแมวน้อย จะหวั่นไหวพร่ำเพรื่อแบบนี้ไม่ได้’ ไทม์พยายามย้ำเตือนวัตถุประสงค์ของการมารีสอร์ตม่านฟ้า ทะเลดาวในครั้งนี้

“ชลมาที่นี่กับพี่สายฟ้าครับ” เด็กหนุ่มฉีกยิ้มกว้างจนตาหยีเป็นสระอิ ไทม์เผลอเคลิ้มกับท่าทางน่ารักของสายชลไปวูบหนึ่งก่อนจะยิ้มรับด้วยท่าทางนิ่งขรึม

“น้องสายชลกินอะไรก่อนไหม เดี๋ยวพี่สั่งมาให้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมกินมาเรียบร้อยแล้ว” สายชลพูดพลางใช้มือบางลูบท้องป้อย ๆ

ท่ามกลางเสียงพูดคุย โดยเฉพาะเสียงหัวเราะของไทม์ที่ไม่ได้แสดงด้านนี้ให้ใครเห็นบ่อยนัก เพราะนอกจากไทม์จะเป็นคนวางมาดให้สมกับเป็นท่านรองประธานแล้ว ไทม์ไม่ค่อยสนิทกับใครมากเท่าไร รอยยิ้มที่ปรากฏให้เห็นตามสื่อต่าง ๆ นั้นล้วนแล้วแต่เป็นรอยยิ้มการค้า หาใช่การแสดงออกที่เผยให้เห็นถึงความรู้สึกแท้จริงอย่างตอนนี้ไม่ !

“สวัสดีครับพี่ไทม์” จู่ ๆ เสียงนุ่มหวานจากคนมาใหม่เอ่ยทักคนที่นั่งอยู่ก่อน ท่ามกลางความตะลึงงันของสายชล

เด็กหนุ่มหน้าตาดีร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียวได้รูป สวมแว่นกันแดดแบรนด์ดังเดินตรงเข้ามายังโต๊ะที่ไทม์และสายชลนั่งอยู่ ผิวขาวอมชมพูของคนที่มาใหม่ชวนให้ทุกสายตาของพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์หันมาเป็นทางเดียวกัน รอยยิ้มที่ดูบอบบางประกอบกับการแต่งกายที่ดูดีเกินกว่าจะมาเที่ยวทะเลนั้น ทำให้สายชลมองอย่างสงสัย

‘ใครกันนะ ดูดีชะมัดเลย ว่าแต่… ทำไมคุ้นกับเสียงนี้จังเลย’ สายชลแอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยความเงียบ คนมาใหม่เดินมาหยุดยืนตรงหัวโต๊ะก่อนจะวางถุงกระดาษแบรนด์ดังลงบนโต๊ะอย่างเบามือ

“ทีม อ้าวไม่ได้อยู่ที่อเมริกาหรอกเหรอ” ไทม์เอียงคอเล็กน้อย ไหวไหล่เบา ๆ อย่างผ่อนคลายพลางยกยิ้มมุมปากให้คนที่มาใหม่

“เซอร์ไพรส์” ทีมพูดด้วยเสียงร่าเริง ใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะลากเก้าอี้ด้านข้างไทม์มานั่ง ทั้งสองคนพูดคุยทักทายอย่างเป็นกันเอง

‘นะ… นี่มัน พี่ทีม… เซอร์ไพรส์จริง ๆ เซอร์ไพรส์ฉิบหาย… ให้ตายเหอะ !’

‘ผมจะทำยังไงดีนะ นั่งเป็นก้างขวางคอตัวโต ๆ หรือจะลุกไปจากตรงนี้เลย ไม่สิ หากเราลุกออกไปตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตอนที่เจอพี่ทีมกอดแขนพี่ไทม์ในลิฟต์ตอนอยู่ห้วงเวลาที่จากมาเลย ไม่ว่าจะยังไงก็ดีแล้วที่ได้เจอ สู้สิวะไอ้ชล ฮึบ !!!’

“อ้าว และนี่เด็กที่ไหนครับพี่ไทม์… ไม่ยักจะรู้ว่าพี่ไทม์รู้จักกับรุ่นน้องคนอื่นที่ไทยด้วย ?” ทีมขยับแว่นลงมาที่สันจมูกแล้วเหลือบตาพินิจพิจารณาสายชลตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะหันกลับไปทักทายพี่ไทม์ที่ไม่ได้เจอกันมานาน…

“พี่ไทม์ไหนว่ากลับมาไทยแป๊บเดียว เงียบไปเลยนะ ผมอยู่ที่โน่นเหงามากเลย…”

“ทีมกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วรู้ได้ไงว่าพี่มาที่นี่”

“ลองทายซิ” ทีมพูดเสียงหยอกเย้าเขย่าแขนไทม์เบา ๆ อย่างคนสนิทสนม

สายชลรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย และคิดได้ว่าไม่อยากทนเห็นภาพบาดใจอีก เด็กหนุ่มจึงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด มือบางเท้าโต๊ะพยุงตัวขยับลุกขึ้น แต่ไทม์คว้าข้อมือบางไว้ก่อนที่สายชลจะลุกหนีไป

“ไปไหนครับ… นั่งด้วยกันก่อนสิ”

“พี่ไทม์คงไม่เหงาแล้ว ชลจะไปเดินเล่นที่ชายหาด” สายชลแกะมือไทม์ออกก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากโต๊ะไป

สายชลพยายามแล้วที่จะไม่หนี แต่ถ้าจะโทษก็โทษหัวใจของเขาแล้วกันที่มันไม่เข้มแข็งพอที่จะเห็นไทม์แบ่งปันรอยยิ้มอ่อนโยนแบบนั้นให้ใคร…

“เดี๋ยวค่อยคุยกันนะทีม พี่ขอตัวก่อน” ไทม์หันมาบอกทีมก่อนจะลุกตามสายชลไป

“พะ… พี่ไทม์จะไปไหนอะ” ทีมเรียกตามหลังด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ