ตอนที่ 52ช่วยกันดูแลคนสำคัญ

[สายฟ้า]

เจ้าก้อนกลมปุกปุยตัวนุ่มนิ่มขนสีดำสนิทจ้องหน้ามนุษย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทางไม่ชอบใจนัก เจ้าจีโน่แมวพันธุ์เปอร์เซียสีดำสนิทส่งเสียงร้องขู่เบา ๆ อย่างไม่พอใจ เมื่อมันถูกสายฟ้ารบกวนการนั่งมองวิวเมืองกรุงจากหน้าต่างของคอนโดมิเนียม เวลาที่มันควรจะได้นอนเลียขนพักผ่อนตามประสาแมว...

“นี่ แกเป็นแค่แมวและก็มาอาศัยอยู่ที่ห้องกูด้วย ช่วยสนใจกันบ้างไม่ได้เหรอ หึ”

สายฟ้ายังคงหรี่ตามองเจ้าสัตว์หน้าขนสีดำขลับอย่างประหลาดใจ “หรืออยากเล่นไอ้นี่เหรอ” เขายังไม่ล้มเลิกความพยายาม สายฟ้าหันไปด้านข้างคอนโดมิเนียมแมว ก่อนจะหยิบไม้ตกแมวที่ด้านปลายเป็นขนไก่ย้อมสีห้อยระย้าผสมกับลูกปัดเม็ดใสสีสวย เขาเคยเห็นน้องชายฝาแฝดชอบใช้เวลาเล่นกับเจ้าลูกแมว ‘มันอาจจะชอบก็ได้’

แทนที่เจ้าจีโน่มันจะเล่นไม้ตกแมวอย่างที่ควรจะเป็น ทว่าเจ้าแมวจอมหยิ่งผยองกลับหันหลังให้กับเจ้าของห้องอย่างสายฟ้า “หน็อยแน่ ไอ้แมวผี เห็นว่าจากบ้านมาไกลหรอกนะ อุตส่าห์เล่นด้วยมึงเสือกหันตูดให้กูงั้นเหรอ หึ”

ยิ่งสายฟ้าไล่ต้อนเจ้าแมวจอมหยิ่งดูเหมือนมันยิ่งไม่อยากเล่นกับเขา “ยังอีก… จะหนีไปไหน”

เจ้าแมวดำหน้าเหวี่ยงวิ่งกระโจนหนีไปหาเจ้าของตัวจริงที่กำลังเดินมาด้วยท่าทางขบขัน สายชลที่อยู่ในชุดสบาย ๆ เสื้อยืดสีฟ้าอ่อนกับกางเกงขาสั้นสีเทา ผมที่เริ่มยาวจนปรกหน้าทำให้เขาดูน่ารักสมวัย

“พี่สายฟ้าทะเลาะกับจีโน่อีกแล้วเหรอครับ” เจ้าของแมวตัวจริงเอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม

“เปล่าสักหน่อย” สายฟ้าหรี่ตามองแมวดำด้วยสายตาคาดโทษก่อนจะทิ้งสะโพกลงยังโซฟาห้องรับแขก

“เป็นไงบ้างเรา… เปิดเทอมอาทิตย์แรก”

สายฟ้าเป็นห่วงน้องชายกลัวว่าจะซึมคิดถึงบ้าน แต่ที่ไหนได้เจ้าน้องชายตัวดีกลับดี๊ด๊าอยู่กับไทม์ ถ้าวันไหนไม่ได้นัดกินข้าวด้วยกันทั้งสองคนก็จะวิดีโอคอลจนหลับคาสายกันตลอด

“ดีเลยละ เข้ากับเพื่อน ๆ ได้บ้างแล้ว เดี๋ยวนี้มีรับน้องแต่ก็ไม่โหดเหมือนที่ออกข่าว” สายชลวางเจ้าจีโน่ลงแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่ม หยิบแก้วประจำตัวสีฟ้าครามเทน้ำส้มใส่แก้ว ส่วนอีกแก้วอีกใบสีน้ำตาลอมส้มสายชลรินลาเต้กลิ่นหอมละมุนที่ได้จากเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติแล้วยื่นให้กับสายฟ้า ถึงเด็กหนุ่มจะรู้ดีว่าพี่ชายฝาแฝดชอบอเมริกาโน่มากกว่า ทว่าเขาก็อยากให้คนตรงหน้าได้เปิดประสบการณ์ชิมกาแฟรสชาติใหม่ ๆ เสียบ้าง

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะครับ น้องรู้หรอกน่าว่าพี่ชอบอเมริกาโน่ แค่อยากทำลาเต้ให้พี่สายฟ้าลองชิมบ้างเท่านั้นเอง” สายชลพูดด้วยน้ำเสียงติดน้อยใจนิด ๆ ในขณะที่สายฟ้ายกกาแฟแก้วนั้นขึ้นมาจิบแล้วเอ่ยชมว่ากาแฟที่น้องชายชงให้ก็อร่อยใช้ได้

“คืนนี้กูต้องออกไปทำธุระกับไอ้ดรีม มึงอยู่ห้องคนเดียวได้หรือเปล่า”

“น้องไปด้วยได้ไหม”

“ไม่ได้” คนพี่รีบตอบสวนกลับทันควัน

สายชลรีบวางแก้วน้ำส้มลงกับโต๊ะแล้วกอดแขนพี่ชายราวกับเป็นแมวตัวโต ศีรษะกลมเอนพิงลาดไหล่ของพี่ชายไม่ต่างกับเด็กน้อยอ้อนผู้ใหญ่ทั้งที่ทั้งสองคนอายุไม่ห่างกัน สายฟ้าหลุบตาลงต่ำมองน้องชายด้วยสีหน้าดุ ๆ แต่แฝงด้วยความเป็นห่วง

“โธ่ ปฏิเสธซะไร้เยื่อใยเชียวนะ” ถึงสายชลจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเง้างอน แต่ลึก ๆ เขารู้ดีว่าคนตรงหน้าเป็นห่วงเขามากแค่ไหน

สายฟ้าปล่อยให้คนน้องนั่งเล่นกับแมวสลับกับดูทีวี แล้วตัวเองก็หายกลับเข้าไปแต่งตัว

“อ้าว ไหนพี่บอกว่าจะไปตอนค่ำ ๆ ตอนนี้เพิ่งจะบ่าย 3 โมงเองนะ” สายชลปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์เพื่อดูเวลา

“พอดีกูว่าจะแวะไปทำธุระก่อนน่ะ”

เมื่อน้องชายฝาแฝดได้ยินแบบนั้นเขาก็ตาลุกแพรวพราว

“มึงอยู่ห้องนี่ละ” สายฟ้าเอ่ยเสียงอ่อน พลางลูบศีรษะกลมอย่างเอ็นดู

“ก็เดาไว้อยู่แล้ว… ว่าคงไม่ยอมให้ไปด้วยหรอก ใช่ซี้… เรามัน” ยังไม่ทันที่สายชลจะได้ตัดพ้ออย่างที่ตั้งใจ คนพี่ที่เป็นห่วงกลัวเจ้าเด็กน้อยตัวโตจะเหงาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดบางอย่างด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม

“เดี๋ยวกูให้ไอ้พี่ไทม์มาอยู่เป็นเพื่อนนะ ถ้าอยากออกไปข้างนอกก็ให้เขาดูแลดี ๆ ดูแลตัวเองด้วย”

ทันทีที่พี่สายฟ้าพูดแบบนั้นสายชลก็ยิ้มเผล่ ส่งสายตาพราวระยับให้คนพี่ด้วยหัวใจพองโต แสดงอาการดีใจราวกับไม่เคยเง้างอนคนตรงหน้ามาก่อน

“นี่มึง… ให้มันน้อย ๆ หน่อย เก็บอาการหน่อยสิวะ” สายฟ้าเผลอกระตุกยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู ก่อนหน้านี้แค่เพียงเขาเห็นหน้าไทม์ก็รู้สึกว่าไม่ถูกชะตาอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทว่าช่วงหลังที่เห็นคนแก่กว่ามารับ-ส่งน้องชายบ่อยขึ้น ทั้งยังเจอไทม์ที่คณะบ่อยครั้ง จึงทำให้ต้องเจอหน้ากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“ว่าแต่… พี่สายฟ้ามีไลน์พี่ไทม์ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

สายฟ้าไม่ตอบน้องชาย เขาทำเพียงลูบศีรษะน้องชายอีกครั้ง ปรายตามองอย่างคาดโทษไปยังเจ้าแมวจีโน่ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องเพื่อเตรียมตัวไปจัดการเรื่องสำคัญคืนนี้ !

“จะไม่บอกน้องจริง ๆ เหรอว่าแอบไปคุยอะไรกันมา” สายชลตะโกนตามหลังพี่ชายพร้อมกับเอนตัวไปยังพนักพิงด้วยความสบายใจที่ตอนนี้สายฟ้ายอมรับความรักของเขากับไทม์อย่างไม่ขัดขวางแล้ว…

๐๐๐

3 วันก่อนที่มหาวิทยาลัย G

ดนัย ภาลันน์ และสายฟ้ากำลังนั่งรอเรียนวิชาต่อไปอีก 2 ชั่วโมงกว่า พวกเขาจึงนั่งเล่นอยู่ที่ใต้ถุนคณะนิเทศศาสตร์ เสียงจอแจของนักศึกษาเริ่มเบาบางลงกว่าช่วงเที่ยงเพราะหลายคนต่างก็เริ่มเข้าเรียนกันแล้ว แถวนี้จึงเริ่มพอมีที่ว่างสำหรับนักศึกษาปีหนึ่งอย่างพวกเขา

“สวัสดีครับ น้องสายฟ้า”

บรรยากาศอันแสนสงบถูกคนแปลกหน้าเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทัก รอยยิ้มที่น่ารำคาญบวกกับความหล่อคมคายที่ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่า ‘ไม่ถูกชะตา’ คนมาใหม่เอ่ยทักด้วยน้ำเสียงที่โคตรจะเป็นมิตร ทว่าสายฟ้ากลับเหลือบตาขึ้นมองอย่างเซ็ง ๆ แล้วขานรับอย่างหน่าย ๆ “อืม”

“พวกพี่ขอนั่งด้วยนะครับ” ไทม์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางสบตากับเพื่อน ๆ ของสายฟ้าทั้งสองคน

ดนัยที่รู้ดีว่าเพื่อนรักเกลียดผู้ชายคนนี้เข้ากระดูกดำ แต่น้องชายฝาแฝดกลับหลงรักเข้าเต็มหัวใจ เขาเป็นฝ่ายลุกขึ้นแล้วขยับไปนั่งฝั่งเดียวกับภาลันน์และสายฟ้าแทน

“พี่ไทม์สวัสดีครับ นั่งตรงนี้ก่อนก็ได้”

“ขอบคุณมากครับน้องดรีม” ไทม์กล่าวขอบคุณก่อนจะทิ้งตัวลงที่โต๊ะม้าหินพร้อมกับราเชนทร์ที่จ้องมองดนัยตาไม่กะพริบ นั่นยิ่งทำให้คนถูกมองรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างไม่เป็นตัวของตัวเอง

ทันทีที่คนมาใหม่ทั้งสองคนเข้ามาร่วมโต๊ะ บรรยากาศที่เงียบงันก่อนหน้าก็รู้สึกเงียบยะเยือกมากขึ้นไปกว่าเดิมอีกหลายเท่า

“รู้สึกอึดอัดแปลก ๆ มึงว่าไหม” ภาลันน์กระทุ้งศอกเข้าสีข้างของดรีม เพื่อนคนนี้เพียงสัปดาห์เดียว แต่เขาก็พอรู้ดีว่าดนัยไม่ใช่คนเงียบขรึมเฉกเช่นที่เป็นอยู่ตอนนี้

“ก็ต้องอึดอัดอยู่แล้วเปล่าวะ มีคนแก่ ๆ มานั่งร่วมโต๊ะ” ดรีมโพล่งขึ้นมาทำลายความเงียบ แทนที่ไทม์จะเป็นคนเอ่ยตอบและพูดคุยกับดรีมเหมือนทุกครั้ง ทว่าครั้งนี้กลับเป็นคนที่อยู่ด้านข้างไทม์แทน

“พวกพี่ไม่ได้แก่ แต่น้องน่ะ เด็ก-น้อย” ราเชนทร์กระแทกเสียงคำว่า ‘เด็กน้อย’ พร้อมแสยะยิ้มหยัน แสดงสีหน้ายียวนกวนบาทา เขามองเหยียดดรีมด้วยหางตาราวกับตอกย้ำคำว่า ‘เด็ก-น้อย’ อยู่อย่างนั้น

“นี่… มาขอนั่งด้วยยังปากดีอีกนะ” ดรีมกัดฟันกรอด เอ่ยด้วยเสียงลอดไรฟัน ทว่าสายตากลับเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธที่เขาตั้งใจให้คนตรงหน้ารู้ว่า ‘เขาเกลียดคนตรงหน้าเหลือทน’

“หึ เคยชิมแล้วเหรอถึงรู้ว่า ปาก-ดี” ราเชนทร์สวนกลับทันควัน เขาหรี่ตาลงพร้อมไล้สายตาไปที่ริมฝีปากของดรีม คนที่ถูกมองเริ่มขมวดคิ้วยุ่ง ถอนหายใจแรงด้วยความไม่พอใจ ดรีมสบตาคนตรงหน้าด้วยสายตากรุ่นโกรธ

“ไอ้สายฟ้า เดี๋ยวกูเอาชีทเรียนไปถ่ายเอกสารก่อนนะ” ดรีมพยายามสะกดกลั้นอารมณ์โกรธที่กรุ่นอยู่ภายใน ถ้าเป็นเวลาปกติเจอไอ้แก่ขี้เก๊กนี้ข้างนอก เขาคงกระชากคอตั๊นหน้าสักหมัดสองหมัด แต่นี่ยังอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยเขาจึงไม่อยากมีเรื่องตั้งแต่เปิดเทอม

สายฟ้าที่เห็นอาการเดือดดาลของคู่หูก็รู้ได้ทันทีว่าไอ้ดรีมของขึ้นแล้ว แม้เขาจะอยากเดินหนีพวกไทม์ไปไกล ๆ ทว่าเลขานุการหลี่ส่งเอกสารและข้อความมาว่าช่วงนี้ธุรกิจของพ่อที่เขาดูแลอยู่เกิดปัญหา พบการทุจริตอีกทั้งยังต้องเช็กรายงานอีกหลายต่อหลายอย่าง ถึงสายฟ้าจะอายุเพียง 19 ปี แต่เขากลับต้องรับผิดชอบงานมากมายที่พ่อบังเกิดเกล้าทิ้งเอาไว้ให้ เพราะช่วงนี้คุณพ่อต้องบินไปต่างประเทศเพื่อเจรจาธุรกิจบ่อย ๆ ภาระหลายอย่างจึงตกมาที่ทายาทเพียงคนเดียวอย่างสายฟ้า

สายฟ้าสะกิดเพื่อนซี้ก่อนจะหลุบสายตาไปยังโทรศัพท์มือถือของเพื่อนแล้วข้อความของสายฟ้าก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ

Saifah : เช็กผับ Star X ให้กูที รายละเอียดในอีเมล

ดรีมกวาดสายตาอ่านข้อความด้วยความรวดเร็ว เขาพยักหน้ารับเล็กน้อยเพื่อตอบรับเพื่อนซี้พ่วงตำแหน่งเจ้านายเป็นอันว่ารู้กัน

“ไอ้ฟ้าเดี๋ยวกูแวะไปหาพี่กูก่อนนะ” ภาลันน์เอ่ยด้วยสายตาเป็นกังวล

“มีอะไรหรือเปล่า ให้กูไปด้วยไหม” สายฟ้าที่รู้ดีว่าภาลันน์มีลูกพี่ลูกน้องเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเดียวกันจึงไม่แปลกใจ แต่สายตาของภาลันน์ดูแปลกไปจนทำให้เขาเป็นห่วง

“เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง ถ้าถึงชั่วโมงเรียนพวกมึงเข้าคลาสกันก่อนเลยนะ ไม่ต้องรอกู” ภาลันน์พูดพร้อมกับเก็บหนังสือการ์ตูนเข้ากระเป๋าด้วยความรีบเร่ง

“อื้ม ถ้าให้ช่วยอะไรมึงไลน์มาบอกด้วยแล้วกัน” สายฟ้าเอ่ยน้ำเสียงจริงจังพร้อมกับตบไหล่เพื่อนปุ ๆ

หลังจากที่ทุกคนออกจากโต๊ะม้าหินไปก็เหลือเพียงสายฟ้ากับไทม์เพียงสองคน ความเงียบงันก็เข้าครอบงำอีกระลอก

“มาทำไมบ่อย ๆ งานการไม่มีทำหรือไง” สายฟ้าเอ่ยถามเสียงเรียบ ทั้งที่สายตายังคงอยู่ที่หน้าจอแมคบุ๊ค สีหน้าเรียบเฉย แต่หัวคิ้วกลับขมวดเข้าหากันจนดูเหมือนเจ้าตัวกำลังเครียดกับบางอย่างตรงหน้า

“พอดีว่าช่วงนี้พี่มีจ๊อบเสริม… ที่นี่”

“ขยันจังเนอะ” สายฟ้าเปิดเทอมก่อนน้องชาย 1 สัปดาห์ แต่เห็นไทม์แวะเวียนมาคณะเขาอาทิตย์ละ 2-3 วัน ถือว่าบ่อยมากทีเดียว

“อื้ม ต้องทำงานเก็บเงินไว้เยอะ ๆ เผื่อจะไปขอน้องสายชลไงล่ะครับ” ไทม์พูดด้วยสีหน้ายียวนกวนอารมณ์คนตรงหน้า และดูเหมือนว่าการกระทำดังกล่าวจะได้ผลเสียด้วย

“คิดเองเออเองตลอด” สายฟ้าบ่นพึมพำพร้อมกับพับจอแมคบุ๊คลงด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความไม่พอใจ หัวคิ้วขมวดเข้าหากันแล้วมองคนแก่กว่าที่ดูท่าทางภูมิฐานตรงหน้าด้วยสายตาขุ่นเคือง “พี่บอกว่าจะขอสายชล… ได้ถามพี่ชายมันหรือยัง”

ไทม์แสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ จ้องตากับคนตรงหน้าที่ละม้ายคนรักอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ทว่าทั้งนิสัยและบุคลิกแตกต่างจากคนน้องอย่างสิ้นเชิง “ก็นี่ไงครับ กำลังขออยู่”

“ไม่ได้… ผมไม่อนุญาต”

“หึ ไม่อนุญาตในฐานะพี่ชายงั้นเหรอ”

“อื้ม ในฐานะผู้ปกครอง” ที่สายฟ้าเอ่ยออกไปเช่นนั้นเพราะเขาคิดอย่างนั้นจริง ๆ แม้เขากับน้องชายฝาแฝดจะหน้าตาเหมือนกันก็จริง แต่เขากับสายชลก็เปรียบเหมือนแม่เหล็กขั้วตรงข้ามกัน ทั้งสองคนแตกต่างกันเหลือเกิน เขาทั้งเป็นห่วง ทั้งหวงน้องชาย นั่นเพราะสายฟ้ารู้แก่ใจดีว่าน้องชายของเขารักผู้ชายตรงหน้ามากมายแค่ไหน ซ้ำทั้งสองคนยังมีชะตาบางอย่างร่วมกันอย่างที่ไม่สามารถเลี่ยงได้ หากไม่มีเรื่องชะตากรรมที่สายชลอาจต้องถึงฆาต มีหรือที่คนเป็นพี่อย่างเขาจะยอมให้น้องควายน้อยต้องเป็นของใคร ‘ถึงยังไงน้องชายคนเดียวเขาเลี้ยงได้’

“แต่พี่จริงจังนะ” ไทม์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาเต็มไปด้วยความจริงใจ

“งั้นก็ดูแลน้องชายผมให้ดี ห้ามทำอะไรเกินเลย… เข้าใจไหม !” สายฟ้าประกาศกร้าวเสียงแข็ง

“นี่พี่ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม” ไทม์กะพริบตาปริบ ๆ ตบหน้าตัวเองเบา ๆ อย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง

“ให้ผมช่วยตบไหม จะได้รู้ว่านี่ไม่ได้ฝันไป” ท่าทางเหล่านั้นส่งให้คนที่ขี้รำคาญอย่างสายฟ้าอยากช่วยตบให้ตาสว่าง จะได้รู้ว่าสิ่งที่ตนพูดไปนั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง ‘ใครมันจะเอาเรื่องความเป็นความตายน้องชายมาพูดเล่น ๆ กัน’

“น้องสายฟ้านี่ก็มีอารมณ์ขันเหมือนกันนะ” ไทม์หัวเราะในลำคอเจื่อน ๆ ก่อนจะหุบยิ้มฉับเมื่อเห็นว่าคนตรงหน้าดูจริงจังผิดปกติ

“ผมพูดจริง… ไม่ตลกนะ”

“โอเค… โอเคครับ”

สายฟ้ายื่นโทรศัพท์ให้ไทม์ “ขอไลน์พี่หน่อยสิ”

ไทม์ขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจแต่เขาก็เพิ่มเพื่อนลงโทรศัพท์ให้อย่างไม่อิดออด ซ้ำยังรู้สึกดีที่พี่ชายของคนที่เขารักยอมเปิดใจให้ตน

“ไม่ต้องทำหน้าดีใจไปหน่อยเลย ผมเอาไว้ตามตัวพี่เผื่อพาน้องผมไปโดยที่ไม่ขออนุญาต”

“ได้เลยครับคุณพี่ชาย” ไทม์ประชดยิ้มร่า แต่เขาต้องรีบหุบยิ้มฉับอีกครั้ง เมื่อรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่แผ่กระจายออกมา

“ไอ้พี่ไทม์…” สายฟ้าเอ่ยเรียกคนตรงหน้าด้วยท่าทางน่าสะพรึงชนิดที่เจ้าของชื่อรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

“ครับ ไม่สบายใจตรงไหนบอกพี่มาได้เลย” ไทม์เอ่ยด้วยความกระตือรือร้น

“พี่สัญญากับผมได้ไหมว่าจะดูแลสายชลอย่างดี”

“เรื่องนั้นน้องสายฟ้าไม่ต้องห่วง พี่จะดูแลน้องสายชลเท่าชีวิตของพี่”

“ให้มันจริงเถอะ” สายฟ้าพูดพลางมุ่ยหน้าอย่างไม่ชอบใจ แต่ให้ทำอย่างไรได้ก็เจ้าน้องชายคลั่งรักเขาเสียขนาดนั้น

“พี่เห็นเราสองคนมาตั้งแต่ตัวเล็กนิดเดียว พี่ไม่โกหกหรอก พี่สัญญา”

๐๐๐

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ