หน้าจอเครื่องติดตามสัญญาณชีพปรากฏเส้นกราฟที่กระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอ ส่งให้ผู้ที่นั่งเฝ้าอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยโล่งใจได้ว่าร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงเบื้องหน้ายังมีลมหายใจ แต่แล้วเตียงผู้ป่วยก็สั่นไหวพร้อมกับลมหายใจที่หอบถี่กระชั้น
“พี่สายฟ้า” เสียงแหบพร่าสั่นเครื่องของสายชลเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก นัยน์ตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาคลอรื้น เขาพยายามกะพริบตาอันหนักอึ้ง ยกหลังมือข้างที่ว่างขึ้นมาขยี้ตาเพื่อปรับแสง
ดาริการีบตรงเข้าไปหาลูกชายด้วยความตื้นตัน คว้าปุ่มฉุกเฉินที่ห้อยบนหัวเตียงแล้วกดเรียกพยาบาลให้เข้ามาตรวจร่างกาย “ไม่เป็นไรแล้วนะลูก เด็กน้อยของแม่ฟื้นแล้ว”
ไม่นานนักพยาบาลตามมาด้วยแพทย์ประจำตัวผู้ป่วยได้ตรวจเช็กสภาพร่างกายของสายชล ซึ่งนอกจากร่างกายที่อ่อนเพลีย บาดแผลเล็กน้อยบนศีรษะก็ยังไม่พบความผิดปกติใด ดาริการีบกอดลูกชายคนเล็กไว้แน่นหยาดน้ำตาอุ่นอาบสองแก้ม
ในเวลาเดียวกันนั้นไทม์เดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกทานตะวันสีเหลือสดใส สายชลสบตาคนที่เข้ามาใหม่ด้วยรอยยิ้มบาง
“พี่สายฟ้าหล่ะครับ”
“แม่โทร.ไปบอกแล้วอีกเดี๋ยวก็คงมา” ดาริกาลูบเรือนผมนุ่มของสายชลก่อนจะโน้มใบหน้าลงจุมพิตอบอุ่นแผ่วเบา
“ไทม์มาอยู่เป็นเพื่อนชลแล้วนะลูก เดี๋ยวแม่ขอลงไปซื้อกาแฟอีกสักแก้วนะ” เธอเอ่ยพร้อมกับหันไปสบตาคนที่มาใหม่ “ไทม์ แม่ฝากดูแลน้องหน่อยนะ”
“หนูหลับไปหลายวันเลย รู้ไหมพี่ใจคอไม่ดีเลย” ไทม์ดึงมือของสายชลเอามากุมไว้แน่นกดจูบอ่อนโยนหลังมือนุ่มที่เย็นเฉียบ ขณะที่สายชลช้อนสายตามองคนรักด้วยความรู้สึกมากมายถาโถมเข้ามาในคราวเดียว “ขอให้คนเก่งของพี่หายไว ๆ นะครับ”
“ขอบคุณนะครับ” หยาดน้ำตาอุ่นคลอหน่วยตา พร้อมกับเสียงประตูห้องถูกเปิด เสียงฝีเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งตรงเข้ามายังคนป่วยที่อยู่บนเตียง
เมื่อรัตติกาลเห็นว่าสายฟ้าเข้ามา เขาพยักหน้าทักทายเพียงง่าย ๆ ก่อนจะเดินกลับไปนั่งรอยังโซฟาภายในห้อง สายฟ้าพุ่งตัวเข้าไปกอดน้องชายฝาแฝดด้วยความเป็นห่วง สายชลเสตาไปทางไทม์ ซึ่งสายฟ้าก็เข้าใจได้ในทันที
“เออ...รบกวนลงไปซื้อน้ำส้มคั้นให้หน่อยได้ไหม”
ไทม์พยักหน้ารับพลางส่งยิ้มอบอุ่นให้คนที่นอนอยู่บนเตียงแล้วภายในห้องก็กลับมาสู่ความเงียบสงัดอีกครั้ง
“พี่สายฟ้า” แฝดคนน้องขานชื่อพี่ชายด้วยน้ำเสียงสั่นเทา สายฟ้าลูบที่ศีรษะน้องชายอย่างเป็นห่วง ก่อนที่เขาจะทิ้งตัวลงยังเก้าอี้ด้านข้างเตียงผู้ป่วย
“พี่เห็นเหมือนที่น้องเห็นหรือเปล่า”
“เรื่องของคุณรุจ และร้านกาลเวลานั่นใช่ไหม?”
“อื้ม” สายชลพยักหน้ารับทั้งหยาดน้ำตาเอ่อ แววตาเต็มไปด้วยความสับสนชนิดที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้โดยง่าย
“มึงเห็นอะไรบ้าง” สายฟ้าโผล่งออกมา พลางกุมมือน้องชายเอาไว้แน่นราวกับให้กำลังใจ
“น้องเห็นคุณรุจอยู่ในชุดแปลก ๆ กำลังทะเลาะกับคนที่เขาเรียกว่า ‘ท่านพ่อ’ หลังจากนั้นเขาต้องนำเลือดของคนทั้ง 5 มาทำพิธีปลุกลูกแก้วสัจธรรม”
พอพูดมาถึงตรงนี้น้ำอุ่น ๆ ก็ไหลอาบสองแก้มร่วงเผ๊าะลงหมอนสีขาวกระจายวงกว้างเป็นดวง “แล้วครอบครัวเราก็คือคนที่ถูกเลือก ไม่สิ เป็นผู้รับกรรมมากกว่า” สายตาที่เต็มไปด้วยความสับสน
“มึงเห็นอะไรมากกว่านั้นอีกไหม”
“ผมเห็นว่าพ่อเคยเข้าไปร้านกาลเวลา เลยทำให้เรื่องนั้นทั้งหมดเกิดขึ้น” สายชลเอ่ยพลางจับที่หน้าอกด้านซ้ายของตัวเองที่ในเวลานี้จะไม่รู้สึกถึงบาดแผลเมื่อครั้งวัยเยาว์ครั้นโดนกริชปักลงไป
“แล้วมึงเห็นเหตุการณ์ต่อจากตรงนั้นไหม”
“ไม่ครับ หลังจากนั้นน้องก็ฟื้นกลับมาในห้องนี้เลย ว่าแต่มันเกิดอะไรขึ้น ทำหน้าแบบนี้พี่รู้ใช่ไหม ว่าทั้งหมดนี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
สายฟ้าถอดถอนหายใจยาวก่อนจะค่อย ๆ เริ่มเล่มเรื่องราวทั้งหมดให้น้องชายฝาแฝดได้ฟัง “หลังจากนั้นคุณรุจกลับมายังเมืองรังสิมันตุ์ตรา เพื่อนำลูกแก้วสัจธรรมเข้าพิธีหลอมรวมโลหิตเข้าด้วยกันที่แท่นบูชา สุชัจจ์ชนที่ทราบว่าคนรักของเขาทำแบบนั้นก็ผิดหวังและรับการกระทำไม่ได้ ทั้งสองคนเกิดการทะเลาะกันอย่างรุนแรง สุดท้ายสุชัจจ์ชนคว้ากริชที่อยู่แทนบูชาแล้วนำมาปักลงกลางอก ด้วยอานุภาพของกริชนั้นทำให้คนธรรมดาอย่างสุชัจจ์ชนดวงวิญญาณแตกร้าว ญามานที่เข้ามาพอดีจึงได้ใช้น้ำยาอมฤตรสที่เหลือเพียงไม่กี่หยดช่วยชีวิต แต่ไม่ทันกาลเขาทำได้เพียงรักษาแก่นวิญญาณที่แยกออกเป็นสองส่วนเอาไว้รอวันเวลาที่ได้กลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง”
“สองส่วนเหรอครับ”
เวลาเดียวกันนั้นเองทั้งสองรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจพร้อมกัน สายฟ้าโผเข้าไปประคองน้องชายให้ลุกขึ้นมานั่ง ทั้งสองนัยน์ตาแดงก่ำ ความรู้สึกส่งต่อถึงกัน ทั้งความเจ็บปวด ผิดหวัง หวั่นไหว และความสับสน
“ครั้งหนึ่งเราเคยเป็นจิตดวงเดียวกัน”
“พี่สายฟ้า...” สายชลมองหน้าพี่ชายอย่างไม่อยากเชื่อหูตัวเอง
“ราวหนึ่งร้อยปีหลังจากที่เกิดเรื่อง ดวงจิตที่แตกเป็นสองของสุชัจจ์ชนได้ถือกำเนิดเป็นเราทั้งสองคน”
“เดี๋ยวก่อนนะพี่สายฟ้า ผมงงไปหมดแล้ว” สายชลขมวดคิ้วแน่นมือข้างหนึ่งกุมศีรษะบริเวณที่มีบาดแผล พร้อมกับรู้สึกกล้ำกลืนในใจ “อย่าบอกนะว่า...แทนที่คุณรุจจะทำเพื่อให้ได้ครองรักสุชัจจ์ชน แต่คุณรุจกลับเป็นคนที่ทำร้ายคนรักของตัวเองทางอ้อม เพราะพ่อของเราได้ทำพันธะเลือดกับคุณรุจไว้” สายชลเอ่ยด้วยท่าทางราวกับคนที่กำลังใช้ความคิด พินิจอย่างหนัก “สุชัจจ์ชนคือเราสองคนอย่างนั้นเหรอพี่สายฟ้า”
“อื้ม มึงเข้าใจถูกแล้ว” สายฟ้าดึงน้องชายเข้ามากอดปลอบขวัญ
“พี่สายฟ้ายังโกรธคุณรุจอยู่ไหม?”
คนถูกถามนิ่งเงียบ มีเพียงฝ่ามืออบอุ่นที่ลูบหลังปลอบใจน้องเท่านั้น เพราะเขาสัมผัสได้ถึงความไม่มั่นคงทางความรู้สึก และความเศร้าที่ฝังลึกในใจ
“มึงหล่ะ รู้แบบนี้แล้ว เกลียดคุณรุจไหม”
สายชลส่ายหน้าหวือ “ไม่เลยครับ น้องคิดว่าทุกอย่างที่คุณรุจทำลงไปเพราะเพื่อต้องการอยู่กับคนรัก”
“ถึงจะเอาเปรียบและทำร้ายคนอื่นอย่างนั้นน่ะเหรอ”
“แต่พ่อของเราเป็นคนยินยอมเองนะพี่”
“อย่างนั้น มึงโกรธพ่อไหม”
สายชลยังคงส่ายหน้าปฏิเสธอีกครั้ง “น้องเข้าใจว่าพ่อทำเพื่อครอบครัว”
“พ่อทำเพราะเห็นแก่ตัวเองมากกว่า” สายฟ้าแย้งด้วยสีหน้าเจ็บปวด เมื่อเขาทราบถึงเบื้องลึกความจริงที่ทำให้ครอบครัวของเราแยกกันอยู่คนละทิศทาง
“พี่สายฟ้าฟังน้องนะ” สายชลผละอ้อมกอดอุ่นของพี่ชายพร้อมสบตาคนตรงหน้าอย่างจริงจัง “ทุกคนก็ล้วนแต่ทำเพื่อตัวเองด้วยกันทั้งนั้น ความจริงข้อนี้เราเลี่ยงไม่ได้หรอก แต่น้องอยากให้พี่สายฟ้าดูเหตุผลมากกว่าว่าแท้จริงแล้วที่พ่อต้องทำแบบนั้นเพราะอะไร เพราะพ่อต้องการปกป้องพวกเราให้ได้อยู่ดีมีสุขมากกว่า”
“แล้วตอนนี้ล่ะ อยู่ดีมีสุขแบบที่มึงบอกไหมล่ะ”
“ยังไงน้องก็ยังเชื่อว่า พ่อมีเหตุผลที่ต้องทิ้งน้องกับแม่ไป”
“มึงเชื่อใจคนที่ไม่เคยเลี้ยงมึงมาได้ยังไง”
“น้องไม่ได้เชื่อใจพ่อนะ” สายชลจับหน้าอกด้านซ้ายทั้งที่ยังจ้องตาสายฟ้าไม่วางตา
“แต่ความรู้สึกของเราที่มันเชื่อมถึงกันต่างหาก น้องรับรู้ได้ว่าที่ผ่านมาพี่สายฟ้าเข้าใจพ่อและไม่เคยโกรธท่านเลย”
“กูไม่...”
“น้องเข้าใจ น้องไม่โทษคุณรุจ ไม่โทษพ่อ หรือโทษใครหรอก บางทีนะทุกอย่างมันเป็นแบบนี้ก็มีข้อดีนะ”
“มึงบ้าหรือเปล่าดียังไง?”
“ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นั้น เราสองคนก็ไม่มีโอกาสได้เกิดมาเป็นฝาแฝดกันไงล่ะ”
“ไม่ต้องทำเป็นซึ้ง กูไม่ได้รักมึงขนาดนั้น”
“เหรอ...” สายชลเอ่ยน้ำเสียงยียวนแกมหยอกล้อพี่ชาย
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลยนะ ว่าแต่เรื่องที่เกิดขึ้นมึงโอเคจริง ๆ เหรอวะ”
“เกิดขึ้นในอดีตต่างหากหล่ะ”
“เออ เหมือน ๆ กันแหละ”
“พี่สายฟ้าเคยได้ยินไหมว่า สิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้วล้วนดีเสมอ”
“โอ้โห...นอนหลับไปอาทิตย์เดียวตื่นมาเป็นนักปราชญ์เลยหรือวะ”
“นักปราชญ์อะไรจะหล่อขนาดนี้” สายชลเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้าง แม้สิ่งที่เขากับพี่ชายได้เห็นมาจะทำให้รู้สึกตกใจ แต่สิ่งเหล่านั้นที่ผ่านมาก็เป็นเพียงอดีต การที่เขาได้เดินทางข้ามเวลาไปอนาคตหลายต่อหลายครั้ง ทั้งยังย้อนเวลากลับมายังห้วงเวลาปัจจุบันมันทำให้เขาตกตะกอนความคิดได้หลายอย่างเลยทีเดียว แต่สิ่งหนึ่งที่สายชลเข้าใจดีเลยนั่นคือการที่ไม่ยึดติดกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว ทำในแต่ละวันให้มีคุณค่า ตักตวงช่วงเวลาที่มีความสุข และโฟกัสอยู่กับปัจจุบันที่ทำ ‘หรือเพราะแบบนี้เขาถึงข้ามเวลาไปอนาคตได้?’ เด็กหนุ่มพลางคิดในใจ
“น้ำส้มคั้นสด ๆ มาแล้วครับ” เสียงนุ่มทุ้มที่สดใสของไทม์ทักขึ้นทำลายความสงบอีกครั้ง ก่อนจะยื่นถุงน้ำส้มคั้นให้สายฟ้า สายตายียวนที่หมายมาดจะไล่ให้คนที่นั่งเกะกะอยู่ข้างเตียงลุกขึ้น เพื่อที่ไทม์จะได้เข้าไปนั่งแทนที่
สายฟ้าเงยหน้ามองแฟนของน้องชายอย่างเหนื่อยใจ คว้าถุงน้ำส้มคั้นขวดหนึ่งเก็บเข้าตู้เย็นเล็ก ๆ ภายในห้องพัก ส่วนอีกขวดเปิดแล้วกระดกดื่มด้วยท่าทางกวน ๆ
“คิดถึงหนูจังเลยครับ”
“น้องก็คิดถึงพี่ไทม์เหมือนกัน”
“โอ๊ย กูออกไปก็ได้ แหม...อะไรจะรักกันปานจะกลืนกินอย่างนั้น” สายฟ้าหรี่ตามองสายชลด้วยสีหน้าเหม็นเบื่อ แล้วยักไหล่ให้ไทม์ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพักทิ้งให้ทั้งคู่คุยกันให้หายคิดถึง
๐๐๐
หลังจากออกโรงพยาบาลทั้งสายฟ้า และสายชลต่างจัดการเรื่องสอบย้อนหลังเป็นที่เรียบร้อย ส่วนทิวัตถ์ผู้เป็นพ่อยังคงต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเนื่องจากอุบัติเหตุในครั้งนั้นทำให้อาการป่วยที่เรื้อรังอยู่เดิมกำเริบขึ้น ทั้งภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว ส่งผลให้ทิวัตถ์อัมพาตชั่วขณะในส่วนขาทั้งสองข้าง จำเป็นต้องได้รับการกายภาพบำบัดต่อเนื่องที่โรงพยาบาล
ดาริกาย้ายมาอยู่ที่คอนโดฯ ของสายฟ้าชั่วคราวโดยพักอยู่ห้องติดกันที่ยังว่าง เพราะเธอรู้ว่าลูกทั้งสองต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ด้วยความเป็นแม่ก็อดไม่ได้ที่จะแวะเวียนมาดูแลเด็กทั้งสองคนอยู่เป็นระยะ
“คุณแม่ไม่กลับรีสอร์ตเหรอครับ”
“อะไรกันเจ้าเด็กคนนี้ แม่อยู่ด้วยไม่กี่วันจะไล่แม่กลับบ้านแล้วหรือจ๊ะ” ดาริกาที่กำลังยืนเคี่ยวซุปมันฝรั่งหันมาระบายรอยยิ้มกว้างให้ลูกคนเล็ก ขณะที่ลูกคนโตเดินเข้าไปหยิบชามเซรามิกสีดำสนิทเพื่อเตรียมให้มารดา
“น้องมันไม่ได้คิดแบบนั้นหรอกครับ”
ดาริกามองสายฟ้าที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ทว่าสายตามีความจริงใจซ่อนอยู่ในนั้น
“สายฟ้ายังออกรับแทนน้องเสมอเลยนะลูก”
“คุณแม่ครับ ผมคุยกับพี่สายฟ้าแล้วว่าปิดเทอมนี้เราจะกลับหัวหิน”
“แบบนี้เอง...” เมื่อดาริกาเห็นว่าเจ้าเด็กแฝดของเธอจะกลับบ้านของเรา หัวใจของผู้เป็นแม่ก็ตื่นเต้น เกือบเดือนแล้วที่เธอทิ้งรีสอร์ตมาอยู่กับลูก ๆ ที่กรุงเทพฯ
สายชลเดินเข้ามากอดคุณแม่จากทางด้านหลังก่อนจะหอมแก้มดังฟอด “ก็นี่ไงครับชลถึงถามว่า คุณแม่จะกลับวันไหนผมสองคนจะได้เตรียมเก็บกระเป๋า”
“อย่างนั้นเป็นวันพฤหัสฯ นี้ก็แล้วกัน วันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ แขกน่าจะเข้าพักเยอะ ช่วงนี้ไฮซีซั่นด้วยแม่ก็ชักเป็นห่วงรีสอร์ตแล้วเหมือนกัน”
“อย่างนั้นเดี๋ยวคืนนี้ผมกลับดึกหน่อยนะครับ” สายฟ้าเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับใบหน้าที่ดูเคร่งเครียด
“พี่สายฟ้าจะไปไหนฮะ”
“ว่าจะแวะไปเยี่ยมพ่อก่อน และจะไปเคลียร์งานที่บริษัท กับธุรกิจในย่านที่ดูแล ไหนจะต้องแจกแจงงานให้แต่ละฝ่ายด้วย”
ดาริกาลอบมองลูกชายคนโตด้วยสายตาเป็นห่วง ฝ่ามือบางดึงสายฟ้าเข้ามากอดแม้เขาจะไม่ขัดขืนอ้อมแขนอบอุ่น ทว่าแบบนี้มันไม่คุ้นเคยเลยจริง ๆ
“เหนื่อยไหมลูก”
“ไม่ครับ ชินแล้ว”
“พ่อของลูกเขา...”
“หมอบอกว่าตอนนี้พ่อเป็นอัมพาตชั่วขณะ ถ้ากายภาพบำบัดตามโปรแกรม ทานยาพักผ่อนให้พอเดี๋ยวก็คงหายครับ” สายฟ้าเอ่ยตอบดาริกาด้วยสีหน้าเรียบสนิท
“แม่หมายถึง พ่อ... ดูแลสายฟ้าดีใช่ไหม?”
คำพูดของมารดาเสียดแทงหัวใจที่แข็งราวเหล็กกล้าของเขาเข้าอย่างจัง “ก็...”
“ผมขอตัวไปอาบน้ำเตรียมเอกสารก่อนนะ” สายฟ้าอึดอัดใจจึงเลือกจะไม่ตอบ
“พี่สายฟ้า น้องขอไปเยี่ยมพ่อด้วยได้ไหม”
“ได้ แต่กูให้มึงไปที่ทำงานกับกูไม่ได้ มันอันตราย” สายฟ้าเอ่ยเสียงดุพร้อมกับหันไปทางคุณแม่ที่แสดงสีหน้าอีหลักอีเหลื่อ
“ก็คิดอยู่แล้วว่าพี่ไม่ให้น้องไปต่อแน่เลย” สายชลมุ้ยหน้าอย่างเซ็ง ๆ แล้วหันไปอ้อนคุณแม่ “คุณแม่ไปด้วยกันไหมครับ”
“แม่ว่าจะเป็นไปเคลียร์เอกสารร้านสปาสาขาสีลมสักหน่อย เพราะเดี๋ยวต้องกลับบ้านแล้ว”
“ถ้าอย่างงั้นชลขอไปกับพี่ไทม์นะครับ”
ดาริการะบายยิ้มอ่อนโยนพลางพยักหน้ารับ ทว่าพี่ชายฝาแฝดกลับแสดงสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์ พลางแกล้งหยุมหัวน้องชายเบา ๆ ก่อนจะเดินหายไปยังห้องนอน
“คุณแม่...ดูพี่สายฟ้าสิ ชอบแกล้งน้อง”
“เราก็รีบไปเตรียมตัวสิจะไปเยี่ยมพ่อ แล้วไปเที่ยวกับแฟนต่อไม่ไช่เหรอจ๊ะ”
“ถ้าอย่างนั้นชลไปเตรียมตัวก่อนนะครับ” สายชลโผเข้าไปหอมแก้มคุณแม่อีกครั้งก่อนจะวิ่งราวกับเด็ก ๆ กลับห้องนอนของตัวเอง
สายชลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดโปรแกรมแชทพิมพ์หาพี่ไทม์ด้วยความตื่นเต้น
Saichon : วันนี้พี่ไทม์ว่างไหมน้า...
Rittikan : ถ้าเป็นหนูพี่ว่างได้เสมอครับ
Saichon : วันนี้น้องจะแวะไปเยี่ยมพ่อที่รพ.
Rittikan : งั้นคืนนี้เราไปดินเนอร์กันดีไหม?
Saichon : เดี๋ยวน้องถึงรพ.แล้วไลน์หานะครับ
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?