ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า บรรยากาศเริ่มเย็นลง สายลมสบายชวนให้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าเป็นปลิดทิ้ง เสียงคลื่นกระทบหาดทราย ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีทะมึน มวลเมฆยามไร้แสงอาทิตย์ช่างดูเหงาเหลือเกิน เหงาเหมือนกับเขาตอนนี้เลย...
“ไงเด็กแคระ มายืนทำ MV อะไรคนเดียวตรงนี้” ไทม์พูดเสียงเรียบ เดินมาหยุดยืนข้างสายชล ทอดสายตามองไปยังผืนทะเลตรงหน้าที่แม้จะเริ่มไร้แสงจากดวงอาทิตย์ แต่ก็ยังคงสะท้อนกับท้องฟ้าสีม่วงคราม
“มองทะเลแล้วทำไมชอบทำสีหน้าแบบนั้น”
“ไม่รู้สิ คิดถึงเรื่องหลาย ๆ เรื่องมั้ง”
ทั้งสองคนปล่อยให้ความเงียบงันเข้าครอบงำอยู่เนิ่นนาน มีเพียงเสียงคลื่นกระทบหาดที่เข้ามาในโสตประสาท การถ่ายแบบวันนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น หัวใจของทั้งสองคนที่อยู่ริมชายหาดนี้เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง แรงดึงดูดมหาศาลทำให้หัวใจของทั้งคู่รู้สึกเติมเต็มซึ่งกันและกันเสมือนรอคอยกันมาเนิ่นนาน
“ไปเที่ยวถนนคนเดินกัน”
“ผมว่าไม่ดีกว่าครับ คุณไทม์ไปเถอะ”
“เคยบอกแล้วใช่ไหม” คนตัวสูงไม่พูดเปล่าพร้อมกับจับข้อมือบางรั้งเข้ามาใกล้ อย่างไม่ทันให้อีกฝ่ายตั้งตัว
“คุณไทม์ปล่อย เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี” สายชลที่ถูกคนแก่กว่ารวบเอาไว้ในอ้อมแขนพยายามดิ้นก่อนจะผละอกแกร่งของรัตติกาลออก
“ดูไม่ดียังไง ธีมคู่จิ้นไม่ใช่เหรอ ไม่มีใครว่าอะไรหรอก”
“คู่จิ้นอะไรกัน เลิกกองแล้วนะครับ”
“ก็นี่อยู่ในสโคปงานยังไงล่ะ คุณดรีมไม่ได้บอกเหรอ” รัตติกาลจ้องมองด้วยสายตาเรียบนิ่งราวกับจับผิดจนคนถูกจ้องทำอะไรไม่ถูก แต่สายชลก็ไม่วายมองค้อนคนร่างสูงแบบไม่เต็มใจนัก เมื่อคล้อยหลังคนตัวเล็กแล้ว ไทม์ก็เผลออมยิ้มออกมาด้วยท่าทางสบาย ๆ
“คุณไทม์พอแล้ว จะดึงจะลากผมไปถึงไหน”
“ก็จะดึงจะลากจนกว่าคุณจะเรียกผมว่าพี่ไทม์เหมือนคราวก่อนนั่นแหละ” เขาทำเสียงอ่อนลง แต่ยังจับมือบางไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย ก่อนจะลากไปหยุดยังริมฟุตพาท ชะเง้อเหมือนรอคอยอะไรบางอย่าง เลื่อนมือหนามาประสานมือกับสายชล ทำเอาคนเด็กกว่าถึงกับสะดุ้ง
“คุณไทม์จับมือผมทำไมครับ” สายชลสะบัดมืออย่างแรง
“คุณไม่เห็นต้องสะบัดขนาดนั้นเลย หรือเขิน ?” รัตติกาลก้มสบตาเด็กน้อย ก่อนจะหัวเราะอย่างล้อเลียน
“คุณ... ไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ”
“ไปกัน รถสองแถวมาแล้ว” รัตติกาลจูงสายชลไปขึ้นรถเพื่อนั่งไปยังถนนคนเดินที่มีร้านขายของมากมาย ย่านถนนคนเดินหัวหิน นอกจากจะมีของกินน่าอร่อยแล้ว ยังมีของแฮนด์เมดที่น่ารักหลายร้าน ทำให้สายชลตื่นตาตื่นใจราวกับเด็ก ๆ
“คุณเนี่ย ตื่นเต้นเหมือนเด็ก 18 - 19 ไม่มีผิด” ไทม์แซวเด็กน้อยที่ตอนนี้เหมือนจะไม่สนใจใครแล้ว ทั้งที่ตอนแรกทำทีท่าเหมือนไม่อยากมา
สายชลเดินดูหลายร้านโดยเฉพาะงาน DIY แต่ในใจลึก ๆ ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมพี่ไทม์ถึงทำตัวกลับไปกลับมา ทั้งที่ตอนแรกยังทำตัวขรึมดูเหมือนไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ ทั้งยังดุเขาต่อหน้าพี่ทีมงาน ไม่มีรอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมือนตอนเจอกันที่หัวหินครั้งก่อน แต่อยู่จู่ ๆ ก็มาทำตัวน่ารัก อ่อนโยน เขาต้องการอะไรของเขากันแน่นะ
“พันช์ปั่นเพิ่มช็อตครับ” สายชลมองเหยือกน้ำสีสวยตาเป็นประกาย เดินมาเหนื่อย ๆ เจอน้ำปั่นเหยือกใหญ่ ๆ แบบนี้ มีเยลลี่อ้วนกลมรสเปรี้ยวเป็นท็อปปิง ต้องฟินมากแน่ ๆ เดินมาเป็นชั่วโมงแล้วแวะพักสักครู่ก็น่าจะดีไม่น้อย เหยือกน้ำพันช์สีส้มอ่อน ท็อปปิงด้วยเยลลี่และพีชสด หนุ่มน้อยใจเต้นรัวด้วยความไม่เคยเจอน้ำปั่นที่เยอะอลังการขนาดนี้มาก่อน
“เดี๋ยว ดื่มด้วยเหรอ พรุ่งนี้ถ่ายงานเช้านะคุณ”
สายชลไม่ฟังเสียงชายร่างสูงตรงหน้า รีบหยิบหลอดปักในเหยือกแล้วดูดน้ำขึ้นมาอย่างชื่นใจ “ฮ้า สดชื่น แต่ขมไปหน่อยแปลกเนอะ อ้าวคุณไม่กินด้วยกันเหรอ แล้วไอ้แก้วจิ๋วนี่เขาเอามาให้ทำไม”
“นี่ไม่รู้จริงหรือแกล้ง...” ไทม์บรรจงตักพันช์ปั่นเพิ่มช็อตสีสวยลงในแก้วทั้งสองใบแล้วค่อยจิบ พลางมองคนตรงหน้าที่ทำตัวเหมือนเด็กน้อย
“นี่คุณ... ผมว่าพอดีกว่า เหยือกที่ 3 แล้วนะ แถมยังเพิ่มเหล้าช็อตอีก”
“เหล้าอะไรกันคุณ เพิ่มช็อตน้ำเชื่อมไม่ใช่เหรอจะได้หวาน ๆ ว่าแต่น้ำปั่นที่นี่อร่อยดีจัง ไม่เห็นเหมือนร้านป้าหน้าโรงเรียนเลย พี่ไทม์รู้ไหมว่าหลังเลิกเรียนชลชอบแวะกินน้ำปั่นก่อนกลับบ้านทุกวันเลยน้า” สายชลเริ่มพูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ก็ยังเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ด้วยใบหน้าสดใส ไทม์นั่งฟังแล้วเผลอยิ้มตามอยู่หลายครั้ง นึกเอ็นดูเด็กหนุ่มวัยยี่สิบปลาย ๆ ที่อยู่ตรงหน้ากำลังหัวเราะร่าเริงราวกับเด็กน้อยไม่มีผิด
“น้องสายชล พี่ว่าพอก่อนดีกว่า เรากลับกันนะ” รัตติกาลเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนจะหันไปเรียกพนักงานเก็บเงิน พร้อมกับหยิบข้าวของที่ซื้อมาเมื่อสักครู่มาถือไว้
“ยังไม่กลับ พี่ไปก่อนเลย พี่ไม่รู้เหรอที่นี่อะ ถิ่นผม” สายชลไม่พูดเปล่าเขายังกอดแขนไทม์ไว้แน่น
“น้องสายชล ! กลับ…”
สิ้นเสียงเหมือนมีพลังงานบางอย่างทำให้สายชลถึงกับชะงัก ค่อย ๆ พยุงตัวลุกอย่างลำบาก
“เมามากแล้ว ค่อย ๆ เดิน”
“น้ำปั่นใส่อะไรเนี่ย ชลตาลายไปหมดแล้ว”
“ก็บอกว่าใส่ โอ๊ย ซื่อบื้อหรือเซ่อ ที่กินไปนั่นน่ะ เหล้าปั่น เหล้าปั่นที่เพิ่มช็อตด้วย ถ้ารู้ว่ากินไม่ไหว ทำไมดื่มเยอะขนาดนี้”
“อะไรนะ เหล้าเหรอ ไม่ ผมไม่กินเหล้าสักหน่อย”
“ก็ที่ปักหลอดดูดเมื่อกี้นั่นแหละ เหล้าปั่น” คนแก่กว่าพูดอย่างเหนื่อยใจ สายตาที่จับจ้องเต็มไปด้วยความเอ็นดู
“ก็เห็นอยู่ว่าน้ำพันช์ปั่น” สายชลเถียงด้วยสีหน้าจริงจังมองดูแล้วตลกพิลึก คล้าย กับตอนที่ถามคนดื่มเหล้าว่าวันนี้เมาหรือเปล่า แล้วตอบว่าไม่เมานั่นแหละ
“อะ น้ำปั่นก็น้ำปั่น พี่ไม่เถียงกับเราแล้ว” ชายร่างสูงมองด้วยความเอือมระอาปนเอ็นดู พร้อมกับเก็บของเตรียมพาสายชลกลับ ถ้าใครมาเห็นว่าพากันเมาแบบนี้ คนตัวเล็กจะดูไม่ดี ตอนแรกไทม์กะว่าจะแค่พามาเดินเล่นเพราะเห็นคนตัวเล็กดูเศร้า เขาชอบให้ยิ้มและร่าเริงมากกว่ามีสีหน้าอมทุกข์แบบนั้น ระหว่างทางสายชลก็งอแงจนมาถึงที่พัก ดูจากสภาพน่าจะคออ่อนหรือไม่ก็อาจจะไม่เคยดื่มเลยมากกว่า นึกแล้วก็น่ารักดีเหมือนกัน ไม่สิ แมวน้อยตรงหน้าตอนนี้น่าฟัดมากกว่า สายตาหวานเยิ้ม คำพูดออดอ้อนที่เรียกพี่ไทม์ด้วยน้ำเสียงหวานหูชวนให้ไทม์อดที่จะเคลิ้มตามไม่ได้
“เดี๋ยวสิครับพี่ไทม์ พี่จะไปไหน อยู่กับผมก่อน ผมเหงา” คนตัวเล็กเอาใบหน้าถูไถต้นแขนหนาของไทม์ราวกับแมวตัวน้อย สายตาออดอ้อนมีความเหงาที่ซ่อนอย่างไรก็ไม่มิด ไทม์ได้แต่บอกตัวเองว่าต้องรีบกลับห้องก่อนที่จะเผลอกลืนกินแมวน้อยตัวนี้ทั้งตัว
“จะตี 1 แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้ถ่ายงานเช้า ชลเองก็รีบนอนนะครับ” รัตติกาลเอ่ยน้ำเสียงแข็งแล้วรีบเดินกลับห้องพัก เกรงว่าทีมงานจะมาเห็นเข้า ยังดีหน่อยที่มีเพียง เขา ราเชนทร์ สายชล และดรีมเท่านั้นที่ได้พักชั้นนี้ ถือได้ว่าเป็นส่วนตัวมากทีเดียว
“งื้อ ไม่เอาอะ งั้นไปด้วย” คนตัวเล็กพรวดพราดเข้ามาที่ห้องของไทม์แล้วกอดแขนเอาไว้เหมือนเด็ก ๆ
“จะไปไหนอ่า พี่ไทม์ไปไหนชลก็จะไปด้วย” สายชลทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ คอตกพูดพึมพำ ‘แมวน้อยเมาแล้วพูดมากแฮะ’ ในที่สุดไทม์เลยจำเป็นต้องให้เข้ามาในห้องและพาไปนั่งพัก ก่อนที่คนตัวเล็กจะโวยวายไปมากกว่านี้
“พี่ไทม์เป็นคนเดียวที่ผมอยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุดเลยรู้ไหม ผมเคว้งคว้างมากเลย” คนตัวเล็กพูดไปพลางเอาหน้าคลอเคลียไหล่หนา
“ทำไมพี่ทำเหมือนไม่เห็นผมอยู่ในสายตาเลย เย็นชามาก พี่รู้ไหมว่าผมทำตัวไม่ถูกเลย เดี๋ยวพี่ก็ดีกับผม เดี๋ยวก็ค่อนแคะ ดุว่าผม แล้วพี่ก็ยัง…”
รัตติกาลประคองหน้าสายชลแล้วดึงเข้ามาจูบ ค่อย ๆ เล็มริมฝีปากทีละนิด ราวกับกำลังชิมไวน์ที่บ่มมาหลายปี ลิ้นอุ่นค่อย ๆ ฉกชิมความหวานจากคนตัวเล็ก
“อุ๊บ” สายชลสะดุ้งแล้วผลักไทม์ออกสุดแรง มองหน้าคนตัวหนาด้วยสายตาน้อยเนื้อต่ำใจ
“พี่จะทำอะไรอีก ทั้งที่เป็นคนขโมยจูบแรกของผมไปแท้ ๆ แต่พี่ก็ทำเย็นชากับผมอะ แต่ก็ไม่แปลกหรอกพี่เป็นผู้ใหญ่ เป็นคนมีหน้ามีตา ส่วนผมเป็นแค่เด็กโนเนมคนนึงที่…”
“อือ อึก...” ไทม์ดึงสายชลเข้ามาจูบอย่างหนักหน่วง มือหนาจับสายชลเชิดหน้า มืออีกข้างลูบไล้ไปที่สะโพกคลึงเคล้นอย่างเร้าร้อน ลมหายใจร้อนที่แทบทำให้คนตัวเล็กหลอมละลาย สายตาคมเข้มมองแมวน้อยอย่างหลงใหล สายชลพยายามผลักหน้าไทม์ออก แต่ในที่สุดก็หยุดนิ่งแล้วคล้อยตาม มือหนาค่อย ๆ ลูบไล้ที่ตุ่มไตคนตัวเล็กครางเสียงหวานออกมา ร่างกายอ่อนระทวยกับสัมผัสแปลกใหม่
รัตติกาลอุ้มแมวน้อยของเขาไปที่เตียง ก่อนที่จะเผลอจับกินจริง ๆ ถึงเขาจะอดทนได้แต่ถ้าเห็นแมวน้อยครางเสียงหวานแบบนี้ต้องอดใจไม่ไหวแน่ ๆ
“พี่ไทม์ทำแบบนี้อีกแล้ว ไม่สนใจชลเหรอ ทำให้ตื่นเต้นแล้วจะทิ้งชลไปไหน” เด็กน้อยไม่พูดเปล่าแต่กระชากคนตัวโตกว่าลงไปทั้งตัวจนตัวไทม์คร่อมสายชลอยู่ ก่อนที่สายชลจะโอบแขนบางรอบคอไทม์แล้วออกแรงดึงคอลงไปจูบ ถึงจะเป็นจูบแบบเด็ก ๆ เมื่อเวลาผ่านไปก็เข้ากันได้มากขึ้น มือบางลูบปัดป่ายสะเปะสะปะ จนไทม์เผลอครางในลำคออย่างพึงพอใจ
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?