ตอนที่ 20คำว่าหายไป พูดเบา ๆ ก็เจ็บหัวใจ

ระหว่างทางกลับบ้านรัตติกาลกับสายชลพูดคุยกันตลอดทาง รอยยิ้มและความสุขแทบเอ่อล้นทะลัก บรรยากาศมืดสลัวสลับกับแสงพร่างพราวจากไฟตกแต่งข้างทาง ทำให้ดูสดใสมีชีวิตชีวา มวลบรรยากาศอบอวลด้วยความสุขที่แสนอิ่มเอมหัวใจ ทำให้หัวใจที่เกือบจะแห้งแล้งของไทม์กลับมาชุ่มฉ่ำดั่งน้ำค้างแรกหลังจากฤดูแล้ง

“วันพรุ่งนี้ไปถ่ายรูปกับต้นคริสต์มาสกันไหมน้องชล”

“ไปครับ เอ่อ” สายชลชะงักเมื่อคิดได้ว่าควรจะต้องขอสายฟ้าก่อน

“ทำไม ไม่อยากไปเหรอ”

“น้องเกรงใจพี่สายฟ้าครับ ต้องบอกผู้ปกครองก่อนนะ”

รัตติกาลเผลอหลุดหัวเราะออกมาด้วยสีหน้าเอ็นดูคนเด็กกว่า พร้อมกับเอามือลูบหัวสายชลเบา ๆ อย่างทะนุถนอม

“ยังไงไลน์บอกพี่นะครับ”

“ครับ” ดวงหน้าเรียวเผยรอยยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ พี่ไทม์นอกจากเข้าใจอะไรง่ายแล้วยังใจดีอีก ไม่เหมือนพี่สายฟ้าเลยรายนั้นใจร้าย ไม่ฟังอะไรทั้งนั้น คิดแล้วท้อใจ อุตส่าห์ข้ามเวลามาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังมีผู้ปกครองอีก และผู้ปกครองคนนี้ดุมากเสียด้วย แม่จ๋า อยากร้องไห้จังเลย

เมื่อนึกถึงแม่แล้ว สายชลก็อดคิดถึงบ้านไม่ได้นะ ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรแล้วบ้าง เขาหายมานานเท่าไรแล้วก็ไม่รู้ แต่เท่าที่สายชลสังเกตทุกครั้งที่มายังห้วงเวลานี้ แม้จะอยู่ที่นี่นานมากแค่ไหนแต่ในทางกลับกันเวลาในปัจจุบันผ่านไปเพียงไม่นานเท่านั้น แทบจะไม่มีใครสงสัยเรื่องที่เขาหายตัวไปเลยด้วยซ้ำ

สายชลนึกถึงการเดินทางข้ามเวลาของตัวเองก็รู้สึกท้อแท้ใจ ตอนนี้ทุกอย่างของเด็กหนุ่มเพิ่งจะเริ่มต้นที่นี่ ทั้งชีวิตและทุก ๆ อย่างกำลังเริ่มต้นและไปได้ด้วยดี เขายังไม่อยากกลับไปในช่วงเวลาเดิมเลย ในทุก ๆ เช้าที่ลืมตาตื่นขึ้นมาก็ต้องมานั่งกังวลตลอด ว่าเช้านี้เจ้าตัวจะตื่นมาอยู่ที่โลกไหน แปลกดีนะที่เขามีโอกาสได้เดินทางข้ามผ่านกาลเวลา แต่ความลำบากใจของสายชลคือข้ามเวลาแล้วมารู้ว่าตัวเองต้องตายนี่สิ เขาจะทำอย่างไรดี ยังไม่อยากตายนะ อยู่ที่นี่ไปตลอดเลยได้ไหมนะ

“น้องชลนั่งเหม่ออะไรอยู่ครับ”

“คิดอะไรเพลิน ๆ ครับ”

“พี่ไทม์…” สายชลเรียกคนพี่ด้วยน้ำเสียงหวาน

“ครับน้องชล”

“ถ้าวันหนึ่ง จู่ ๆ น้องหายไป…” สายชลพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า

เอี๊ยด… ไทม์หักรถจอดข้างทางทันทีพร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน ทำให้คนน้องตกใจกับอากัปกิริยาของคนขับรถ

รัตติกาลหันมามองสายชลด้วยสายตาที่แทบคาดเดาไม่ถูก สับสน เศร้า เป็นห่วง คิดถึง และโหยหา ทุกความรู้สึกปะปนกันไปจนแทบแยกไม่ออก ใบหน้าไทม์ร้อนผ่าวราวกับมีไฟสุมอยู่ในอก คำพูดมากมายที่อยากจะพรั่งพรูออกมา แต่มันคงอัดแน่นในใจมากเกินไป จนทำให้เขาพูดไม่ออก ทำได้เพียงแต่ดึงมือบางของสายชลมากุมไว้แน่นเท่านั้น มือหนากอบกุมมือบีบแน่นขึ้นราวกับจะบอกเจ้าของมือไม่ให้จากไปไหน แววตาที่มองคนเด็กกว่า พยายามถ่ายทอดความรู้สึกส่งผ่านไปทางแววตา

สายชลสบตาไทม์กลับด้วยสีหน้าครุ่นคิด แววตาสับสนน้ำตารื้นมาที่ขอบตา พร้อมกับจ้องมองไทม์ด้วยสีหน้าคาดคั้นอยากได้คำตอบ

“ถ้าน้องหาย…”

อุ๊บ…

ริมฝีปากหนาของไทม์ค่อย ๆ ประทับลงที่กลีบปากอ่อนนุ่มอย่างแผ่วเบา มือหนาประคองไปที่พวงแก้มนิ่ม ลมหายใจอุ่นรินรดที่ปลายจมูก คลอเคลียพวงแก้มใส ลมหายใจทั้งคู่สอดประสานเป็นห้วงทำนองเดียวกัน สายชลค่อย ๆ เปิดปากรับรสแปลกใหม่ที่คนตรงหน้ามอบให้ รอยจุมพิตที่แสนหวาน ในขณะที่หยาดน้ำตาของคนตัวเล็กค่อย ๆ ไหลริน ทั้งความสุขความเศร้ามันถาโถมเข้ามากัดกินหัวใจเขาทั้งสองคนจนใจแทบจะแหลกออกเป็นเสี่ยง ‘หายไป’ คำคำนี้ที่ไทม์ฟังแล้วสติแทบขาดผึง

ไทม์ผละริมฝีปากออกพร้อมกับ จุมพิตไปที่หางตาราวกับซับหยาดน้ำตาให้เหือดแห้งไป “ไม่หายไปอีกได้ไหม…”

“น้องก็ไม่อยากไป…” สายชลก้มหน้าพูดพร้อมกับกุมมือไทม์เอาไว้ หยดน้ำตาอุ่น ๆ เปียกเปื้อนที่หลังมือหนาของไทม์

“สัญญาได้ไหมว่าจะไม่หายไป”

สายชลเม้มปากแน่น เขารู้อยู่เต็มหัวใจว่าถึงแม้สัญญาเขาก็ไม่อาจจะทำได้ ลำพังตัวเขาเองยังต้องผวาทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาเลยว่าวันนี้อยู่ที่ไหน แปลกดีนะเมื่อก่อนไม่อยากมา แต่ดูสิตอนนี้ไม่อยากกลับ แต่เขาก็รู้อยู่ว่าถึงอย่างไรไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องจากห้วงเวลาที่มีความสุขแบบนี้ไป ความสุขหอมหวานชั่วคราวไม่ต่างจากยาพิษเลย เหมือนฆ่าเราให้ตายอย่างช้า ๆ ถึงสายชลรู้ดีแก่ใจว่าจะยังชอบพี่ไทม์ไม่ได้ แม้จะฝืนใจขนาดไหนแต่ใจเจ้ากรรมกลับไม่เชื่อฟังเจ้าของเลย

หากวันหนึ่งเขาหายไป แล้วพี่ไทม์จะทำยังไง ข้อนี้สายชลลำบากใจ ครุ่นคิดตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าตัวเขาเองจะไม่รู้ว่าเพลงที่พี่ไทม์แต่งหมายถึงใคร ไหนจะจดหมายที่ฝากพี่ดรีมเก็บไว้ให้ในช่วงที่เขาหายตัวไปนั่นอีก สายชลกำมือขึ้นมาแล้วทุบที่อกตัวเองเบา ๆ เจ็บปวดในอกเหลือคณานับ น้ำตาอุ่นของเขาไหลรินอาบสองแก้ม

“น้องชลร้องไห้ทำไม เมื่อกี๊... พี่ขอโทษ”

“กลับบ้านกันเถอะ วันนี้ชลเหนื่อยมากเลย” สายชลหันมายิ้มอยากเหนื่อยล้าให้พี่ไทม์ หลังมือที่ปาดน้ำตาพร้อมถอนหายใจเบา ๆ

“ครับ คนเก่งของพี่ไทม์ไม่งอแงนะ” ไทม์ลูบผมคนตัวเล็กอย่างอ่อนโยน พร้อมกับก้มลงจุมพิตไรผมอย่างแผ่วเบา สายชลเงยหน้ามองช้อนสายตา แล้วจ้องมองเข้าไปในดวงตาคู่สวยนั่น

“อบอุ่น”

“เมื่อไหร่ที่น้องชลรู้สึกไม่ปลอดภัย ไม่สบายใจ หรืออะไรก็ตาม ชลรู้ไว้นะพี่จะคอยปกป้องดูแลไม่ห่างแบบนี้ตลอดไป”

“ตลอดไปเหรอครับ”

“…” ไทม์พยักหน้าอย่างหนักแน่นแทนคำตอบ

“น่ากลัวนะครับคำว่าตลอดไป”

“ไม่ว่าน้องชลจะคิดยังไง พี่ยังยืนยันว่าพี่จะอยู่ตรงนี้เสมอ” ไทม์กุมมือสายชลอย่างอ่อนโยนมาวางไว้ยังหน้าอกข้างซ้ายของตัวเอง ราวกับอยากให้คนเด็กกว่าเชื่อมั่นในตัวเขาและฟังเสียงหัวใจของตน ว่าใจดวงนี้เรียกร้องหาแต่คนตรงหน้าเพียงไร

เพียงความทรงจำอันแสนหวาน หลังจากที่พี่ไทม์มาส่งสายชลที่หน้าคอนโดฯ คนตัวเล็กดูเวลาตอนนี้ 3 ทุ่มกว่าแล้ว พี่สายฟ้าดุแน่ ๆ เลย ถึงจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ผู้ปกครองก็ชอบทำเหมือนเราเป็นเด็ก ๆ เฮ้อ สายชลแตะคีย์การ์ดเข้ามายังห้องของสายฟ้าพร้อมกับวางกระเป๋าที่เคาน์เตอร์ครัว ร่างบางก้าวขาไปตามแนวกระเบื้องหินอ่อนสีขาววาววับ ตรงไปยังตู้เย็นสีเทา ก่อนจะหยิบกระป๋องน้ำอัดลมสีดำขึ้นมาดื่มอย่างสดชื่น พลางยิ้มคนเดียวอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ทันเห็นสายฟ้าที่ยืนมองด้วยสายตาเป็นห่วงอยู่ตรงตู้โชว์ทางเชื่อมระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัว

“พี่สายฟ้า ชลตกใจหมดเลย”

“ทำไมกลับดึกจังเกือบ 3 ทุ่มแล้วนะ” สายฟ้าพูดด้วยเสียงเรียบนิ่งจนสายชลเดาทีท่าไม่ถูก ไม่กล้าที่จะพูดจาทีเล่นทีจริงเหมือนทุกครั้ง

“วันนี้ไปสตูดิโอมาไงครับ แล้วก็เล่นเปียโนเรื่อยเปื่อยอีกแป๊บนึง” สายชลเดินมาหาพี่ชายด้วยสายตาขี้อ้อน

“พี่สายฟ้า หิวอะ มีอะไรให้กินไหม”

“อะไรกัน ไปกับไอ้ไทม์มันไม่หาอะไรให้กินเลยหรือไง”

“ก็ไม่กล้ากินก่อนกลับ กลัวจะกลับค่ำกว่านี้” สายชลเอามือบางลูบท้องพร้อมกับทำหน้าอ้อนพี่ชายฝาแฝด

“ก็เลยหิวแบบนี้ไงครับ”

สายฟ้ามองด้วยสายตาคาดโทษพลางมุ่ยหน้า ลูบหัวคนเด็กกว่าเบา ๆ แล้วเดินตรงเข้าครัว มือหนาเปิดตู้หยิบเส้นสปาเกตตีแท่งยาวมากำมือหนึ่ง แล้วนำหม้อใส่น้ำพร้อมกับตั้งไฟ เปิดตู้เย็นหยิบซอสคาโบนาราแบบกระป๋องสำเร็จรูป เทใส่กระทะขนาดพอดีมืออุ่นจนเดือดได้ที่ หั่นเบคอน และตอกไข่ลงไป เขาค่อย ๆ เทซอสอย่างบรรจงลงบนเส้นสปาเกตตีที่จัดใส่จานไว้ก่อนหน้าแล้ว สีขาวนวลคาโบนาร่าเบคอนกลิ่นหอมเย้ายวนที่ชวนให้หิวในยามดึก

“โอ้โฮ พี่ฟ้าน่ากินมาก” สายชลเดินไปช่วยคนพี่ยกจานมาวางยังโต๊ะกินข้าวขนาดไม่ใหญ่นัก บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ครัว

“ถ้าใครได้พี่เป็นผัว สบายไปทั้งชาติ ทั้งหล่อ ทั้งทำกับข้าวเก่ง”

“ควายน้อยของพี่ ใครสอนให้พูดจาไม่น่ารักแบบนี้ ไอ้ดรีมใช่ไหม ต้องมันแน่ ๆ” สายฟ้าทำหน้าตาดุพลางเอาส้อมชี้หน้าคนน้องอย่างไม่ชอบใจ คนน้องทำปากคว่ำหน้าเง้างอนอย่างไม่เก็บอาการเนื่องจากโดนพี่ชายดุ

“ไม่รู้แหละ ก็จริงนี่ พี่ของชลน่ารักที่สุด หวงนะ ไม่ให้ใครหรอก” สายชลยิ้มหวานพร้อมใช้ส้อมม้วนเส้นสปาเกตตีคาโบนาร่าม้วนเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ ทั้งสองพูดคุยหยอกล้อพลางกินสปาเกตตีไปด้วย

สายชลสงสัยว่าทำไมพี่ชายถึงกินรอบค่ำทั้งที่โดยปกติไม่เคยเห็นแตะของพวกนี้เลย ยามปกติสายฟ้ามักออกกำลังกายฟิตหุ่นก่อนนอน แต่วันนี้สายฟ้าอยากเอาใจน้องอยากกินข้าวพร้อมกับคนเด็กกว่า เพราะตั้งแต่น้องขอไปทำงานที่บริษัทของไทม์ เขาก็ไม่ค่อยได้คุยกับสายชลมากเท่าไร เพราะต่างคนก็ต่างทำงานของตน

“พี่สายฟ้าครับ” เมื่อสายชลกินเรียบร้อยก็รวบช้อนส้อมพร้อมลุกขึ้นรวบจานของพี่ชายเตรียมเดินไปเก็บ

“วันพรุ่งนี้ ผมขอไปเที่ยวกับพี่ไทม์ ได้ไหมครับ”

“อะไรกันเจอกันทุกวันไม่พอหรือไง”

“ก็…” สายชลทำหน้างอนพร้อมกับก้มหน้าใช้ความคิดว่าจะอ้อนพี่ชายอย่างไรดี

“พี่จะนัดให้ชลติวพิเศษกับไอ้สอง” สายฟ้าตอบกลับด้วยเสียงครุ่นคิด

“ใครกันครับพี่สอง”

“เพื่อนซี้กูกับดรีม หุ้นส่วนบริษัท และมันก็เก่งเป็นวิทยากรมหาลัยฯ ด้วย”

“โห พี่สองคนนี้คงจะเก่งจริง ๆ นะครับ พี่ฟ้าพูดด้วยท่าทางยกย่องเขาต่างกับเวลาพูดถึงพี่ดรีม พูดถึงพี่ดรีมทีไร ฮ่าาาา…”

“อะไร ขำอะไร เอาเถอะ ๆ แล้วจะไปไหนกัน”

“จะไปถ่ายรูปต้นคริสต์มาสเล่นกันครับ”

“โธ่ ไอ้ไทม์หน่อมแน้มชะมัด”

“แสดงว่าอนุญาตแล้วใช่ไหมครับ”

“อะไร พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลย”

“แล้วนัดของเพื่อนพี่ล่ะ เสียหมาเลยนะ พี่นัดมันไว้แล้ว”

“พี่ฟ้านัดเพื่อนพี่ไว้กี่โมงเหรอครับ”

“ก็ช่วงสาย ๆ เรียนเสาร์ละ 3 ชั่วโมง”

“งั้นผมขอไปกับพี่ไทม์ช่วงบ่าย กลับค่ำ ๆ นะครับ”

“เดี๋ยวนี้ต่อรองเก่งนะเรา”

“แบบนั้นก็ได้ ยังไงก็ไลน์หาพี่บ้างนะ เป็นห่วง”

“ครับ พี่สายฟ้าใจดีที่สุดเลย” สายชลล้างจานเรียบร้อยมือที่ยังไม่ทันเช็ดให้แห้งก็เอื้อมมาจับแก้มของสายฟ้า ทำให้สายฟ้าเปียกเลอะเทอะ ทั้งสองวิ่งเล่นกันไปมาในห้องราวกับเด็ก ๆ

เช้าวันเสาร์ที่แสนสดชื่น สายชลทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง คอนโดมิเนียมชั้น 23 เรียกได้ว่าเป็นชั้นที่อยู่เกือบบนสุด ท้องฟ้าปลอดโปร่งมีหมู่มวลเมฆดูนุ่มนิ่มเหมือนขนมสายไหมลอยเด่นอยู่บนท้องฟ้า บรรยากาศตึกน้อยใหญ่เรียงรายช่างแตกต่างจากวิวริมทะเลบ้านเขาเป็นไหน ๆ สายชลสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป ก้าวเท้ายาวไปยังห้องน้ำส่วนตัวอย่างรีบเร่ง พร้อมกับหยุดยืนอยู่หน้าตู้เสื้อผ้า

วันนี้จะใส่ชุดไหนดีนะ สายชลเลือกชุดอยู่สักพัก ในที่สุดก็เลือกเสื้อยืดคอกลมสบาย ๆ สีเหลืองอ่อน ๆ พร้อมเสื้อตัวใหญ่สีขาวคลุมพร้อมพับแขนเสื้อหลวม ๆ กางเกงเป็นยีนสีขาวแต่งขาดแบบแฟชั่นนิยม อวดเนื้อขาวพร้อมกับถุงเท้าสีเทาอ่อนและรองเท้าผ้าใบไนท์กี้คู่ใจ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก พี่สายฟ้าเดินหน้าเจื่อนเข้ามา บอกว่าเช้านี้พี่สองอาจไม่ว่าง ทำให้เขาแต่งตัวเก้อจนได้ แต่นั่นไม่ได้ทำให้สายชลรู้สึกแย่หรอกวันดี ๆ แบบนี้ ถ้าหงุดหงิดไปละก็ น่าเสียดายแย่เลย พี่สายฟ้าได้ยินดังนั้นเลยสบายใจ ขออาสาพาเขาไปกินข้าวเช้าและขนมอร่อย ๆ แถวสามย่าน มีเหรอที่ผมจะปฏิเสธ พี่ชายคนนี้รู้ใจผมเสมอ

ระหว่างที่รอพี่ชายคนดีของผมอาบน้ำแต่งตัว ผมก็หยิบโทรศัพท์เครื่องใหม่ที่พี่สายฟ้าถอยให้ แทนเครื่องเก่าของพี่ดรีม เปิดโปรแกรมแชททักอรุณสวัสดิ์พี่ไทม์ ผมกดส่งสติกเกอร์มอร์นิ่งยังไม่ทันถึง 3 นาที พี่ไทม์ตอบกลับมาไวมากทั้ง ๆ ที่เช้าขนาดนี้ ราวกับนั่งรอไลน์เขาอย่างไรอย่างนั้น ผมได้แต่อมยิ้มกับสติกเกอร์ที่พี่ไทม์ส่งมาให้เหมือนกับเด็กน้อยได้ของถูกใจ

[รัตติกาล - ไทม์]

ติ๊ง ติ๊ง เสียงเตือนจากโปรแกรมแชท ทำให้รัตติกาลหลุดจากภวังค์ น้องชลส่งสติกเกอร์ทักหาเขาตั้งแต่ 7.30 น. เช้านี้ทำให้ตื่นเต้นหัวใจแทบจะระเบิดออกมา ไม่ปกตินักที่คนเด็กกว่าจะทักไลน์หาเขาก่อน ไทม์ใช้เวลาเลือกสติกเกอร์ตอบกลับอยู่นาน ปกติผมไม่ค่อยจะมีสติกเกอร์ที่น่ารักเหมือนคนอื่นเท่าไร เพราะไม่ค่อยได้แชทคุยเล่นกับใคร เวลาคุยงานก็พิมพ์ปกติ แต่กับสายชลผมอยากพิเศษกว่าคนอื่น

RrrrrRrrrrr โทร.ออก ราเชนทร์

“ไงมึง…” เสียงราเชนทร์ที่ออกจะหงุดหงิดที่มีสายเรียกเข้าแต่เช้ากรอกเสียงห้วนทักทายคนปลายสาย

“โหลดสติกเกอร์ไลน์ยังไง เติมเหรียญอะไร ทำไม่เป็น”

[นี่มึงโทร.มาเพราะเรื่องแค่นี้งั้นเหรอ] ราเชนทร์เค้นเสียงดังขึ้นด้วยความหัวเสีย

‘ไอ้เชนมึงเสียงดังอะไร กูจะนอน กว่าจะได้นอน มึงแม่ง !’

“นั่นเสียงคุณดรีมเหรอ”

[อย่าเสือกไอ้คุณไทม์... ไหนมึงจะเอาสติกเกอร์อะไร ส่งไลน์มา เดี๋ยวกูส่งของขวัญไปให้ รอโหลด]

“เค ๆ ขอบคุณมาก”

[ที่หลังเรื่องด่วนค่อยโทร.มาเวลานี้นะ]

“นี่ก็ด่วนนะ” ไทม์พึมพำ

ตรู๊ด ตรู๊ด ตรู๊ด

ไม่นานราเชนทร์ส่งสติกเกอร์ชุดที่เขาต้องการมาให้ เป็นสติกเกอร์รูปแมวตัวอ้วนกลมน่ารัก เขาเลือกที่เป็นตัวทำตาโตส่งสายตาหวานออดอ้อน แล้วส่งอีกตัวที่เป็นแมวน้อยกำลังส่งหัวใจ ถึงแม้ว่าไทม์จะเคอะเขินที่ส่งสติกเกอร์ราวกับเด็ก ๆ แต่เขาก็อยากจะทำทุกอย่างที่คิดว่าแสดงถึงความรู้สึกของเขา

สายชลไลน์หาผมบอกว่าเช้านี้จะไปกินอาหารเช้ากับขนมแถว ๆ สามย่านกับสายฟ้า ไม่นานน้องชลก็ส่งรูปโจ๊กหมูใส่ไข่มายั่วผมพร้อมกับรอยยิ้มหวาน ๆ ผมเผลอมองแล้วยิ้มตามกับรอยยิ้มของน้องชล ไม่รู้ตั้งแต่ตอนไหนที่ผมรู้สึกแบบนี้ รู้สึกอยากจะเห็นรอยยิ้มแบบนี้ตลอดไป อาจจะตั้งแต่ตอนไปเที่ยวที่หัวหินกันครั้งแรก หรือไม่ก็ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอกันเลยก็เป็นได้ ถึงแม้ว่าสายชลจะหน้าตาคล้ายสายฟ้า แต่สำหรับผมก็เพียงแค่คล้ายแทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลยก็ว่าได้ แววตาน้องชลอ่อนโยนปนขี้เล่น แววตาเหมือนยิ้มสดใสอยู่ตลอดเวลา แก้มที่นุ่มนิ่มเนื้อแก้มยุ้ย ๆ รวมถึงส่วนสูงที่ดูจะตัวเล็กกว่าสายฟ้าเล็กน้อย ถึงในคราแรกผมจะชอบแกล้งน้องชลนั่นก็เพราะว่า ผมไม่รู้จะเข้าหาน้องยังไงดี ไม่ว่าความรู้สึกเขาจะเริ่มตั้งแต่ตอนไหน แต่ตอนนี้วินาทีนี้ความในใจผมช่างเอ่อล้น อยากจะให้ทุกคืนวันของผมเจอหน้าน้องทุก ๆ วัน

รัตติกาลรู้ว่าเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองเลย แต่เขาก็จำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่าเป็นตัวของตัวเองมันต้องเป็นแบบไหน ในเมื่อคิดถึงคนตัวเล็กตลอดเวลา ตอนนี้เขากลับมาตรงนี้แล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยให้น้องจากไปไหนอีกแล้ว ถึงจะเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่ความรู้สึกเขามันพรั่งพรูเอ่อล้น เขานัดสายชลที่หน้าศูนย์หนังสือจุฬาฯ ตอนบ่ายโมง แต่ด้วยความตื่นเต้นของไทม์จึงออกมารอคนเด็กกว่าตั้งแต่ตั้งตอนเที่ยงกว่า ๆ เขาเข้าไปเดินดูหนังสือระหว่างรอเวลานัด ใช้เวลาอยู่ในมุมโปรดพร้อมกับคิดถึงสายชล ไทม์ทอดอารมณ์ไปกับเสียงเพลงบรรเลงที่คลออยู่ในร้านหนังสือ ยามที่เขาเหนื่อย เครียด หรือว่าง ๆ ไทม์มักจะมาที่ร้านหนังสือ เพราะคนไม่ค่อยพลุกพล่าน อีกทั้งเขารู้สึกดีทุกครั้งมองหนังสือมากมายที่รายเรียงอย่างเป็นระเบียบบนชั้นหนังสือ กลิ่นหนังสือใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านหนังสือ นั่นทำให้จิตใจของผมสงบรู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก เขาไล่สายตาไปตามชั้นหนังสือหมวดถ่ายภาพและตกแต่งภาพ จู่ ๆ ก็มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งสูงประมาณไหล่ไทม์ ชนกระแทกมือที่ถือหนังสือของเขาจนหนังสือในมือตกลงบนพื้น

“โอ๊ะ ขอโทษครับ” ชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน รีบก้มลงเก็บหนังสือ มือบางเรียวยื่นหนังสือส่งคืนให้ไทม์ สายตาคู่คมมองหน้าไทม์ขมวดคิ้วแล้วคลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ

“พี่ไทม์จริง ๆ ด้วย” ชายหนุ่มพูดพลางเขย่าแขนไทม์เบา ๆ ด้วยความตื่นเต้น ในขณะที่ไทม์ทำสีหน้าเรียบเฉยพร้อมกับค่อย ๆ แกะมือออกอย่างเบามือ

“พี่ไทม์ยังชอบมาร้านหนังสืออยู่จริง ๆ ด้วย ผมมาที่นี่หลายครั้งแล้ว หวังลึก ๆ ว่าจะเจอพี่ไทม์สักวัน ดีใจจังที่วันนี้เจอจนได้”

“ครับ” ไทม์ยิ้มบาง ๆ พร้อมกับเก็บหนังสือเล่มนั้นเข้ายังชั้นที่เดิม หมุนตัวแล้วรีบก้าวฉับออกไปตามชั้นหนังสือ พร้อมกับดูนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เกือบจะบ่ายโมงแล้ว เขากำลังจะไปยืนรอสายชลที่ชั้นหนังสือนิตยสารที่อยู่ด้านหน้าร้าน ซึ่งสามารถมองออกไปยังด้านนอกได้ แต่ก็ยังถูกคนแปลกหน้าเดินตามอย่างไม่ลดละ

“พี่ไทม์รีบไปไหนฮะ ยังไม่ทันคุยกันเลย วันนี้ว่างไหมไปกินข้าวกันไหมครับ”

“พี่ไทม์ หยุดก่อนสิครับ”

คนร่างสูงโปร่งถอนหายใจยาวแล้วหยุดกะทันหัน คนตัวเล็กไม่ทันระวังชนแทกหลังไทม์เข้าอย่างแรง เขาเอามือลูบหน้าผากตัวเองเบา ๆ พร้อมกับลูบจัดทรงผมให้เข้าที่

“จู่ ๆ ก็หยุด ทีมเจ็บนะพี่ไทม์ เนี่ยชนเข้าอย่างจังเลย ว่าแต่พี่ไทม์ยังใช้น้ำหอมกลิ่นเดิมเลยนะครับ” เด็กหนุ่มยิ้มด้วยรอยยิ้มแฝงความนัยบางอย่าง

“ทีม หยุดตามพี่เถอะ” ไทม์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

“หยุดตามก็ได้ พี่ไทม์ปลดบล็อกไลน์ทีมก่อนสิ”

“พี่ไม่ได้บล็อก”

“ไม่จริงอะ ก็พี่ไทม์ไม่เคยตอบเลย” ทีมล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมกับส่งสติกเกอร์ไลน์หาคนตรงหน้า

ติ๊ง ติ้ง… ไทม์ยืนนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แม้แต่กระทั่งเปิดโทรศัพท์ขึ้นมา

“ที่ผ่านมาพี่รู้ แต่พี่ไทม์ไม่สนใจทีมเหรอ ไหนพี่ไทม์เคยบอกรู้สึกดีไง”

“ทีมเรื่องมันผ่านมานานมากแล้ว”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ ทีมเป็นคนเลือกจะไปเองไม่ใช่เหรอ พี่กับทีมก็ยังไม่เคยเป็นอะไรกันด้วย”

“เอ่อคือ…” ทีมก้มหน้าพร้อมกับจับข้อมือไทม์เขย่าเบา ในขณะที่ไทม์หันออกไปทางบานกระจกหน้าร้านหนังสือ สายชลมายืนรออยู่แล้ว และกำลังมองเข้ามาในร้าน ไทม์หันไปบอกลาทีมแล้วหมุนตัวก้าวขาฉับ ๆ ออกไปหาสายชล ท่ามกลางสายตาของทีมที่มองอย่างไม่ลดละความพยายาม

ทีมกดโทรศัพท์โทร.ออกหาน้องสาวไทม์ “แพรววาเหรอ ว่างไหมมากินข้าวกัน”

รัตติกาลเดินออกมาหาสายชลด้วยใบหน้าประดับรอยยิ้มอ่อนโยน

“ทำไมมาไวจัง นี่ยังไม่บ่ายเลย” สายชลมายืนรอพี่ไทม์ประจวบเหมาะพอดีที่เห็นไทม์เดินมาชั้นหนังสือตรงด้านหน้า ตอนแรกผมจะเข้าไปหาพี่ไทม์ในร้านแต่เห็นพี่ไทม์คุยกับใครสักคน คนนั้นหน้าหวานน่ารักมาก ๆ เลย ดูเหมือนเขาจะสนิทกัน คนคนนั้นจับมือพี่ไทม์ หัวใจของผมรู้สึกหน่วงแปลก ๆ ผมก็ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกันทำไมรู้สึกแย่ขนาดนี้

“น้องชล ทำไมเงียบ โกรธอะไรพี่หรือเปล่าครับ”

โกรธเหรอ เรามีสิทธ์อะไรไปโกรธเขากันล่ะ งั้นทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรแล้วกัน ไม่อยากทำให้บรรยากาศเสีย

“เปล่าครับ ๆ คิดอะไรเพลิน ๆ ว่าแต่พี่ไทม์มาไวกว่าน้องอีกนะ เห็นเดินอยู่ในร้านหนังสือ”

“อ๋อครับ ตอนแรกกะว่าจะชวนน้องชลดูหนังสือเกี่ยวกับการเขียน เผื่อจะเป็นประโยชน์กับงานครับ”

“งั้นเข้าไปดูกันไหมครับ” สายชลก้าวขาพลางจะเข้าร้านหนังสือ แต่พี่ไทม์ดึงมือไว้ พร้อมกับชวนไปร้านชานมไข่มุก

“เอาสิครับ อากาศร้อนมากเลย ไปร้านแมวพ่นไฟนะครับ”

“ร้านอะไรนะน้องชล แมวพ่นไฟ” ไทม์พูดพร้อมทำหน้างงจนคิ้วขมวด ก่อนจะขำพรวดออกมาอย่างตลกขบขัน

“เอ่อ ร้านเสือพ่นไฟหรือเปล่าน้องชล”

“อ้าว เสือเหรอฮะ ผมก็คิดว่าเป็นแมว” สายชลยิ้มพร้อมเอามือเสยผมแก้เขิน

“น้องชลเสยผมแบบนี้คล้ายกับสายฟ้าเลยนะ” ไทม์หัวเราะอย่างอ่อนโยน พลางเอามือหนามาขยี้ผมของคนเด็กกว่าอย่างเอ็นดู ทั้งสองคนพูดคุยพลางหัวเราะคิกคักแล้วเดินไปยังร้านชานมไข่มุก

อีกด้านหนึ่งทีมยืนมองไทม์และเด็กรุ่นราวใกล้กันผ่านบานกระจกใส่ด้วยหัวใจที่สับสน ทีมเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกับแพรววาเรียนคอร์สพิเศษด้วยกันตอนซัมเมอร์ที่สิงคโปร์ จึงทำให้เขารู้จักกับพี่ไทม์ ซึ่งเรียกได้ว่าช่วงนั้นทั้งเขาและพี่ไทม์คุยกันบ่อยมาก ทั้งเขา พี่ไทม์ และแพรววาไปไหนด้วยกันบ่อยราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน ด้วยความที่ช่วงนั้นเขายังเด็กจึงมีรุ่นพี่ที่เรียนด้วยกันตามจีบและขอเป็นแฟน ทำให้ทีมค่อย ๆ ออกห่างจากพี่ไทม์ ทั้งที่พี่ไทม์เป็นห่วงและเคยเตือนหลายครั้งว่าอาจถูกหลอก แต่เป็นทีมเองที่ดื้อดึงพร้อมกับตะโกนใส่หน้าพี่ไทม์ว่าให้เลิกยุ่งวุ่นวายกับเขาสักที หลังจากนั้นพี่ไทม์ก็หายไปแม้ว่าเขาจะโทร.หา ไลน์หา อีเมลหาพี่ไทม์ก็ไม่เคยตอบเขาอีกเลย และก็เป็นจริงตามที่พี่ไทม์คาดการณ์ไว้ เขาถูกไอ้พวกนั้นหลอกไม่พอ มันยังขู่แบล็กเมลผมอีก กว่าผมจะผ่านเรื่องราวน่าอัปยศอดสู่นั่นมาได้ก็แทบแย่ คิดถึงพี่ไทม์เหลือเกิน ไอ้คนนั้นที่ยิ้มหวาน ๆ มันเป็นใครกันนะ คอยดูนะเราจะแย่งพี่ไทม์คืนมาให้ได้

๐๐๐

สยามแสควร์วันนี้ดูคึกคักต่างจากวันธรรมดาเพราะมีเด็กวัยรุ่น วัยทำงานเดินเที่ยวเล่นกันอย่างคับคั่ง เอ๊ะ ดูเหมือนจะมีจัดงานอีเว้นท์ด้วยมีหนุ่มสาวถือป้ายไฟกรี๊ดกับเสียงดัง

“อยากดูเหรอ ไปไหม”

“ไม่ดีกว่าครับ ไม่รู้จัก”

รัตติกาลหันไปประคองแก้มคนตัวเล็กให้หันมาทางตนพร้อมทำหน้าตาน่ารัก

“งั้นน้องชล มองแค่พี่คนเดียวนะ”

“เอ่อ พี่ไทม์เล่นอะไรเนี่ย” ผมรู้สึกหน้าร้อนผ่าวเมื่อพี่ไทม์ทำสายตาแบบนั้น สายตาคู่นั้นที่จ้องมองมาที่ผม แล้วน้ำเสียงนุ่ม ๆ ให้มองแค่พี่คนเดียว โอ๊ย นั่นทำเอาใจผมเหลวไปหมดแล้ว

“พี่ไทม์ ผมอยากได้ปากกาสี ๆ ไปซื้อที่ไหนดีครับ”

“เดี๋ยวพี่พาไปร้านนี้นะ น่าจะมีปากกากับกระดาษน่ารักให้ชลเลือกเยอะเลย”

“เอ่อ ผมไม่ใช่คนมุ้งมิ้งอะไรนะครับ แค่อยากได้ปากกาสี ๆ ไว้โน้ตอะไร ๆ หน่อย”

สายชลพลางคิดถึงผู้ชายหน้าหวานคนที่แอบเห็นจับมือพี่ไทม์เมื่อสักครู่ คนคนนั้นน่ารักดูอ่อนหวานแบบที่ใครเห็นแล้วน่าจะหลงรักไม่ยากเลย ต่างกับเขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่นอกจากมีพี่หล่อแล้วก็ไม่มีอะไรเด่นเลย

“ครับ เดี๋ยวพี่พาไปนะ”

แล้วแบบนี้พี่ไทม์จะเบื่อหรืออายที่เดินกับเราหรือเปล่านะ ผมได้แต่คิดแล้วก็กังวล เพราะพี่ไทม์เป็นที่รู้จักในแวดวงไฮโซและนักธุรกิจ ส่วนผมเป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง

แชะ แชะ เสียงลั่นชัตเตอร์จากกล้อง DHLR หรูที่ราคาเหยียดแสน

“พี่ไทม์ถ่ายอะไรครับ”

“ก็ถ่ายคนยืนเหม่อไงครับ วันนี้พี่เห็นน้องชลเหม่อหลายครั้งแล้ว” ไทม์พูดพลางพรีวิวภาพที่ถ่ายมาเช็กดู แล้วยิ้มให้กับรูปภาพที่ตนเพิ่งถ่ายไป

“ไหนน้องขอดูหน่อย พี่ไทม์อมยิ้มอะไรอะ” คนตัวเล็กเขย่งปลายเท้า ชะเง้อมองไปที่จอแสดงผลของกล้องถ่ายภาพ

“หูย น่าเกลียดมากเลยพี่ไทม์ ลบเถอะหน้าอย่างเหวอ”

“ไม่ลบอะ แบบนี้ธรรมชาติมาก”

ผมพยายามสบตาพี่ไทม์พร้อมกับทำตาปริบ ๆ เหมือนลูกแมวขอขนมแมวเลีย แต่จู่ ๆ พี่ไทม์ก็ยกกล้องขึ้นมาถ่ายภาพผมอีกครั้ง แชะ แชะ

“พี่ไทม์อะ ผมให้ลบพี่ไทม์ก็ถ่ายหน้าน่าเกลียดผมเพิ่มอีก”

“แค่เป็นน้องชล จะทำหน้ายังไงก็น่ารัก” พี่ไทม์พูดพร้อมขยี้หัวของผมเบา ๆ วันนี้หัวใจผมทำงานหนักมากหัวใจไม่รักดี เต้น ตึก ๆ ตัก ๆ ตลอดเวลาเลย เราเดินเล่นกันเรื่อย ๆ ละแวกนี้มีร้านและห้างฯ เยอะทำให้กิจกรรมของเราในวันนี้ไม่ได้มีอะไรตายตัว อยากเดินที่ไหนก็ไป พอเหนื่อยก็แวะหาน้ำหาขนมกินจนกระทั่งเกือบ 5 โมง ท้องของผมก็ตะโกนร้องเรียกอาหารอีกแล้ว ผมเผลอเอามือลูบท้องพลางมุ่ยหน้า

“กินอะไรกันดีครับ”

แล้วเสียงสวรรค์ก็ถามว่าอยากกินอะไร นาทีนี้อะไรก็ได้ ฮ่า หิวมากเลย

“กินอะไรก็ได้ครับ”

ไทม์ก็หยุดเดินหมุนจ้องหน้าผม พร้อมทั้งก้มมากระซิบที่ข้างหู “งั้นกินพี่ไหม”

ใกล้เสียจนสายชลสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นที่กระทบหู จนทำให้ใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ คล้ายจะเป็นลม

“เอ่อ…”

‘อากาศมันร้อนหรือว่าอะไรกัน โอ๊ยยย พี่ไทม์โว้ยเผลอทีไรแบบนี้ตลอด ใจเหลวไปหมดแล้วนะ’ สายชลใบหน้าแดงเรื่อ

“พี่แซวเล่นน่ะ ทำไมทำหน้าแปลกประหลาดขนาดนั้น”

เดี๋ยวนะผมทำหน้าอะไรออกไป

“ไปกินสเต๊กร้านนั่นไหม เคยอ่านรีวิวเห็นน้อง ๆ บอกว่าอร่อยนะ”

“เอาสิครับ อยากกินเบคอนกับน้ำโซดามะนาวเย็น ๆ” สายชลพูดพลางทำหน้ากระปรี้กระเปร่าสดชื่น

ไทม์พาสายชลเข้าไปนั่งยังร้านสเต๊กเปิดใหม่ที่ร้านดูเป็นสไตล์สตรีท วัยรุ่นชอบมาเช็คอินร้านนี้เพราะนอกจากร่ำลือกันว่ารสชาติถูกปากถูกใจผู้ที่แวะเวียนมา ภายในร้านยังตกแต่งด้วยกราฟิตี้สีสันสดใส สายชลที่ไม่ค่อยสนใจบรรยากาศ แต่มองเบคอนที่มีมันแทรกกรอบกำลังดีพันกับอกไก่ย่างหนังเกรียมนิด ๆ ดูเข้ากันดีกับผักสลัดและมันบดรูปทรงกลมราดน้ำเกรวี่ดูน่ากิน คนตัวเล็กยกมือถือขึ้นมาเซลฟี่หน้าตนคู่กับจานสเต๊กพร้อมกับกดอัพสตอรี่ ไทม์มองการกระทำของสายชลพร้อมกับอมยิ้มอย่างมีความสุข ช่วงเวลาที่ดูเรียบง่ายแต่เป็นเวลาที่แสนพิเศษสำหรับเขาเหลือเกิน ในหัวใจเขาทั้งคู่ราวกับลูกโป่งที่กำลังโดนสูบลม หัวใจพองฟูอย่างช้า ๆ ช่วงเวลาที่แสนอิ่มท้องและอิ่มเอมหัวใจ

ดวงตะวันลาลับขอบฟ้าแสงไฟเรืองรองที่ต่างประดับประดาตกแต่งทั่วทุกมุมถนน ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงวันคริสต์มาส แต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเช่นนี้ทั้งห้างสรรพสินค้าและร้านอาหารต่างก็ทยอยกันตกแต่งร้านให้สวยงาม ประดับประดาด้วยไฟดวงเล็กหลากหลายสีสัน เมื่อทอดสายตาจากสะพานกลางสี่แยกราชประสงค์เช่นนี้ ลมเย็น ๆ ปะทะเข้ากับผิวกาย ท่ามกลางแสงไฟหลากสีและเคียงข้างกับคนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเช่นนี้ ยิ่งทำให้ค่ำคืนนี้ช่างงดงามและมีความสุขมากกว่าค่ำคืนไหน ๆ

สายชลเอาหลังพิงราวกั้นสะพานลอยพร้อมกับหลับตาลงอย่างช้า ๆ ปล่อยให้สมองได้หยุดคิดหัวใจได้หยุดพัก แล้วลืมตาขึ้นมามองทัศนียภาพตรงหน้า พี่ไทม์ยกกล้องถ่ายภาพแสงสีค่อย ๆ หมุนตัวมาหาผมอย่างช้า ๆ ผมยิ้มน้อย ๆ ให้กับกล้องแม้แสงแฟลชจะทำให้ผมปวดตาแต่ลึก ๆ ผมก็หวังว่าคนคนนี้คงจะไม่ทำให้ผมปวดใจ ผมติดอยู่ในอนาคตที่มีทั้งพี่ที่แสนดี เพื่อนของพี่ที่ตามใจ รวมถึงพี่ไทม์คนที่อยู่ตรงหน้า คนที่ทำให้หัวใจของผมทำงานหนัก

วันนี้เป็นค่ำคืนที่มีความสุขมาก พี่ไทม์จอดรถไว้ที่สยามวันนี้เราเดินมาเยอะแล้วจึงเรียกรถตุ๊ก ๆ เพื่อกลับไปยังหน้าห้างสยามพารากอน ระหว่างทางที่เดินกลับรถ มือหนาของพี่ไทม์ก็เลื่อนมากอบกุมมือของผม ผมสะดุ้งพร้อมกับหยุดมือพี่ไทม์ แต่คนตรงหน้าได้แต่มองผมแล้วยิ้มอ่อนหวานอย่างที่เคยเป็น ผมจึงไม่ได้ทักท้วง เราทั้งสองคนจูงมือกันจนกระทั่งถึงรถคันหรู

เมื่อผมขึ้นรถแล้วรีบดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเอง ในหัวพลางคิดถึงครั้งก่อนที่พี่ไทม์เอาหน้ามาใกล้แล้วจูบกันในรถ ผมสะบัดหัวเบา ๆ ไล่ความคิดน่าอายให้ออกจากหัวไป พร้อมกับเอามือมาขยี้หน้าเบา ๆ

“ทำไมทำหน้าเขินแบบนั้นน้องชล คิดอะไรอยู่ครับ”

“เปล่าครับ ไม่ได้คิดอะไร แค่อยู่ข้างนอกร้อน เอ่อ หน้าผมปรับไม่ทัน รถพี่ไทม์เย็น”

“แน่ใจนะครับ ว่าไม่คิดอะไร” พี่ไทม์ก้มหน้ามาใกล้เขามาก จนหัวใจแทบจะหยุดเต้น

“คะ ครับ ไม่ได้คิดอะไร”

“พี่นึกว่าจะคิดถึงพี่บ้าง ว้า น่าน้อยใจจัง” พี่ไทม์ทำเสียงสองแสร้งน้อยใจ จนสายชลมองแล้วอดขำกับท่าทางเด็ก ๆ ของพี่ไทม์ไม่ได้

“พี่ไทม์เล่นอะไรครับ พี่ไทม์อะโตแล้วนะ”

“ไม่เอาครับ พี่ไม่อยากโต”

“โตไม่โตมันห้ามกันได้ซะที่ไหน” ผมพูดแล้วพลางขำกับคำพูดพี่ไทม์ที่ดูติดตลก

“ใช่ ๆ จะโตห้ามกันไม่ได้ เหมือนกับความคิดถึงของพี่ไงครับ ไม่เคยจะห้ามได้เลยสักครั้ง”

“…” โอ๊ยหัวใจของผมเต้นแรงราวกับทำนอง EDM หน้าร้อนผ่าวแต่มือกลับเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง จู่ ๆ พี่ไทม์ก็เลื่อนมือมาจับมือผม

“ทำไมมือเย็นจัง หรือว่าหนาวจริง ๆ เดี๋ยวพี่ปรับแอร์ให้นะครับ” ระหว่างทางขับรถกลับบ้าน ไทม์กุมมือน้องชลแทบตลอดเวลาแล้วทำตัวปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งสองคนพูดคุยกันไปตลอดทาง ระหว่างทางกลับบ้านสายชลไลน์หาพี่ชายฝาแฝดกำลังจะถึงคอนโดมิเนียมแล้ว ซื้อขนมกับของมาเยอะแยะเลยด้วย

จนกระทั่งถึงคอนโดมิเนียมของสายฟ้า ไทม์กำลังจะวนไปจอดที่ลานจอดรถแต่คนเด็กกว่าเอ่ยทักให้จอดหน้าคอนโดมิเนียมก็ได้ ตนจะได้เข้าลิฟต์ง่าย ๆ ไทม์กำลังก้มลงหอมหัวของสายชลแต่จู่ ๆ ก็เหมือนมีหมียักษ์ตัวใหญ่ทุบกระจกรถเสียงดังปัง

“มึง ไอ้ไทม์เปิดรถ ๆ ๆ” เสียงฟ้าทุบกระจกพร้อมตะโกนอย่างหัวเสีย

ไทม์อมยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ในขณะที่สายชลหน้าซีดเผือดด้วยความกลัวพี่ชายจะชกหน้าพี่ไทม์จนหน้าหล่อต้องตาบวมปูดไปซะก่อน ไทม์กดปลดล็อครถในขณะที่สายฟ้าเปิดประตูรถหรูอย่างรีบร้อน

“ชล ไอ้ไทม์ทำไรมึง”

“พี่สายฟ้าใจเย็น พี่ลงมาทำไรหน้าคอนโดฯ ฮะ”

“ยังไม่ตอบกู มันทำไรมึง”

“ก็แค่เห็นน้องผมยุ่ง เลยจัดทรงให้เฉย ๆ คุณสายฟ้าคิดมากไปไหมครับ” ไทม์พูดอย่างลอยหน้าลอยตา ทำให้สายฟ้าอารมณ์โมโหพุ่งสูงขึ้น

“ชล ว่ายังไง” สายฟ้าถาม

“วันนี้พี่ไทม์ดูแลผมดีมากครับ” สายชลตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มพร้อมทั้งหันไปหยิบขนมและของฝากพี่ชาย

“นี่ไงครับมีขนมมาฝากพี่ฟ้าด้วยนะ”

“กูไม่กินขนม”

“น้องชลตั้งใจเลือกมาให้คุณเลยนะ แหมพูดแบบนี้น้องชายคุณเสียใจแย่เลยนะ”

“อย่าเสือกไอ้ไทม์” สายฟ้ามองหน้าเจ้าของรถด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร แต่แท้จริงแล้วทั้งสองคนต่างรู้ดีว่าต่างคนแค่ชอบแกล้งยียวนกันเท่านั้น ไม่มีประเด็นที่ทำให้เกลียดกันจนแตกหัก

ก่อนออกรถไปสายชลโบกมือพร้อมกับยิ้มหวานให้ไทม์ รวมถึงสายฟ้าที่โบกมือเช่นกันแต่รายนั้นโบกแกมไล่มากกว่า สายชลหันไปกอดแขนพี่ชายที่ช่วยถือของพร้อมกับเดินพูดเสียงสดใสเล่าถึงการไปเที่ยววันนี้ ถึงแม้สายฟ้าจะไม่ค่อยชอบไทม์แต่เมื่อเขาดูแลสายชลได้ดีและไม่ทำให้สายชลเสียใจ เขาก็จะไม่ห้ามอะไรในเมื่อเขารู้ดีว่าสายชลต้องลำบากใจและเจอเรื่องราวที่ยากลำบากอะไรมา ดังนั้นอะไรที่ทำให้น้องชายพอจะมีความสุขหรือสร้างความทรงจำดี ๆ ในช่วงนี้ได้ เขาก็ไม่อยากจะขัด

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ