ช่วงแห่งความสุขไม่ต่างอะไรกับเวลาในขวดแก้ว เม็ดทรายแต่ละเม็ดค่อย ๆ ไหลลงมาตามแรงโน้มถ่วง ไม่มีใครทัดทานสิ่งเหล่านั้นได้ ขณะที่เรารู้กันดีว่า ทุกอรุณรุ่งดวงอาทิตย์จะขึ้นในทิศตะวันออก ท้ายที่สุดก็ลาลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตก มันเป็นเช่นนั้นเสมอ…
เฉกเช่นเดียวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่สายชลพบเจอมา ถึงมันจะดูน่าแปลก เหลือเชื่อเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้ อย่างการได้รู้จักกับร้านกาลเวลา ที่เป็นตัวการสำคัญให้เขาได้ข้ามเวลาไปยังห้วงอนาคต กระทั่งรู้ความจริงว่าตัวเองมีชะตากรรมต้องตาย แน่นอนว่าทุกเรื่องราวเหล่านั้นเป็นบทเรียนชีวิตที่ถักทอร้อยเรียงเป็นตะกอนความทรงจำ ทว่าในตอนนี้จะให้เขามานั่งจมอยู่กับความลับจักรวาลเพื่อบั่นทอนความสุขในใจไปทำไมกันล่ะ
“คืนนี้สนุกมากเลย เราแยกกันตรงนี้นะครับ” สายชลเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
‘ถึงผมยังไม่อยากจากพี่ไทม์ไปแต่นี่มันก็เกือบ 5 ทุ่มแล้ว ถ้าไม่ติดว่าเมื่อครู่พี่ซูซี่โทร.มาแจ้งข่าวเรื่องพี่สายฟ้า ผมก็คงย้อนรำลึกความหลังของเรา ไม่สิ ความหลังของผมคนเดียว ในเมื่อพี่ไทม์เพิ่งเคยเดินตลาดโต้รุ่งกับผมครั้งแรกนี่เนอะ’
“น้องชลมานั่งชิงช้าริมหาดตรงโน้นก่อนไหม แล้วค่อยกลับเข้าห้องพัก”
ท่าทางสบาย ๆ บวกกับสายตาเจ้าชู้เว้าวอนเผื่อว่าเด็กน้อยตรงหน้าจะใจอ่อน ทว่าเสน่ห์ที่ไทม์มั่นใจว่าแบกมาเต็มกระเป๋าก็ไม่อาจมัดสายชลให้คล้อยตามคำหวานเหมือนคนอื่น ๆ ได้
“ไม่เป็นไรครับ นี่ก็ดึกมากแล้วผมว่าเรากลับไปพักกันดีกว่า”
“งั้นให้พี่เดินไปส่งหน้าห้องแล้วกัน”
“แถวนี้ถิ่นผม พี่ไทม์กลับเข้าห้องไปพักเถอะครับ แค่นี้น้องไปเองได้ สบาย ๆ”
“ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอกน่า ยังไงคืนนี้เราก็พักใกล้กัน เราน่ะเที่ยวกับพี่มาทั้งวันแล้ว พี่จะปล่อยให้กลับคนเดียวได้ยังไงล่ะ” เขาพยายามตื๊อและดูเหมือนหงุดหงิดตัวเองไปในเวลาเดียวกัน
ไทม์พูดพลางยักไหล่อย่างกวน ๆ ก่อนจะถือวิสาสะจูงมือสายชลอย่างที่คนน้องไม่ทันได้ตั้งตัว ทว่าคนน้องก็ยอมให้เขาจับจูงไปยังชายหาดส่วนตัวแต่โดยดี สถานที่แสนคุ้นเคยอบอวลไปด้วยละอองความทรงจำระหว่างทั้งสองคน
“เมื่อกี้พี่ซูซี่โทร.มาบอกว่าตอนนี้พี่สายฟ้ารออยู่ในห้องแล้ว”
“งั้นดีเลย น้องสายชลจะได้เลิกกังวลเนอะ” เขาพูดเสียงอ่อนอย่างเสียดายโอกาส
“พี่ไทม์จะพักที่หัวหินกี่วัน แล้วไม่ทำงานเหรอครับ”
“วันพรุ่งนี้บ่าย ๆ ก็คงกลับแล้วละ”
พี่ไทม์ตอบเสียงราบเรียบ ในขณะที่สายชลแสดงสีหน้าเศร้าอย่างไม่เก็บอาการ
‘ผมรู้ดีว่าพี่ไทม์ในตอนนี้เพิ่งเข้ารับตำแหน่งรองประธานบริษัทได้ไม่นาน พี่ไทม์ก็ต้องทำงานหนักเป็นธรรมดา แต่ผมก็อยากใช้เวลากับเขาอีกสักหน่อย ถึงรู้ว่าเดี๋ยวเขาต้องเข้ามาดีลงานที่มหาวิทยาลัยของผมตอนเปิดเทอม แต่ก็ไม่มีอะไรที่จะรับประกันว่าเราจะยังสนิทกันเหมือนตอนนี้นี่นา’
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ” ไทม์หยุดเดินกะทันหันจนสายชลแปลกใจขมวดคิ้วแน่น
“หน้าผมหรือครับ ยังไง… ก็ปกตินะ”
‘ผมไม่พูดเปล่า มือข้างที่ว่างยังยกขึ้นมาลูบคลำบนใบหน้า แต่เอ๊ะ ก็ไม่มีอะไรติดนี่นา นอกจากความน่ารักของผมนั่นละ เดี๋ยวก่อนนะ นี่ผมติดอาการหลงตัวเองของพี่ไทม์มาซะแล้วเหรอเนี่ย’
“ปกติอะไรกันล่ะ ก็เราน่ะทำหน้าเหมือนแมวหงอย ยังไม่รู้ตัวอีก” เขาเลื่อนมือขึ้นมาลูบศีรษะสายชลอย่างนึกเอ็นดู
“ก็ผมรู้สึกหงอยจริง ๆ นี่นา” สายชลบ่นพึมพำ
‘พี่ไทม์เลื่อนมือจากหัวของผมลงมาหยิกแก้ม ทำให้ผมกับเขาสบตากันอย่างจัง วันนี้หัวใจของผมทำงานหนักเกินไปซะแล้ว’
“เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีก เชื่อใจพี่นะ”
‘ผมพยักหน้ารับยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ในเวลาเดียวกันเสียงที่คุ้นเคยก็ได้ทำลายบรรยากาศที่โคตรโรแมนติกของผมให้หยุดลงเพียงเท่านี้ พี่สายฟ้าตะโกนเรียกชื่อผมเสียงดังลั่นชายหาด ทำหน้าดุไม่ต่างจากครูฝ่ายปกครองที่กำลังเจอนักเรียนจะปีนรั้วโดดเรียนอย่างไรอย่างนั้น’
สายฟ้าแผดเสียงดุ สีหน้าไม่พอใจ เดินรี่ปรี่ตรงเข้ามาแทรกตรงกลางระหว่างไทม์กับน้องชายฝาแฝด “ไอ้สายชล มึงไปไหนมา นี่มันกี่โมงแล้ว เดี๋ยวนี้… ดื้อเหรอ”
“สวัสดีครับ” ไทม์แสยะยิ้มร้ายเอ่ยทักทายด้วยเสียงยียวน ทั้งที่รู้ว่าสายฟ้าหวงน้องชายยิ่งกว่าไข่ในหิน แต่เขากลับชอบแกล้งให้แฝดผู้พี่คลั่ง เป็นแบบนี้เสมอซึ่งตัวเขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้
“อื้ม” สายฟ้าพยักหน้าขานรับสั้น ๆ ดึงสายชลให้ออกห่างจากไทม์ ทว่าหางตากลับเห็นมือที่ทั้งสองยังกุมกันแน่น ไม่เกรงใจเขาเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำเจ้าแฝดน้องตัวดียังยิ้มร่าหน้าบาน ทำเหมือนไม่ทุกข์ไม่ร้อนที่เห็นพี่ชายหัวร้อนยิ่งกว่าลาวาที่รอการปะทุ
“พี่สายฟ้าหายไปไหนมา น้องหาซะทั่วเลย”
“ว่าแต่คนอื่นเขาดื้อ ตัวเองไม่ดื้อเลยมั้ง” ไทม์กระตุกยิ้มอย่างคนยียวน กลอกตามองบน ตั้งใจกวนประสาทพี่ชายฝาแฝดเหมือนอย่างที่ชอบทำ ยิ่งไทม์รู้ว่าสายฟ้าไม่พอใจที่เขายังจับมือสายชล แทนที่เขาจะปล่อยมือนั้นออก ทว่าไทม์กลับกระชับอุ้งมือให้แน่นขึ้นไปอีกระดับ
“เรื่องของผม คุณไม่เกี่ยว” สายฟ้าขบกรามแน่นอย่างเหลืออด
‘ไม่ว่าเจอกี่ครั้งก็ไม่เคยชอบหน้าไอ้นี่เลยให้ตายเถอะ ทำไมไอ้ชลต้องไปชอบคนกวนตีนแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้’ สายฟ้าพยายามสะกดกลั้นความรู้สึกไว้ในใจ จะให้เขาทำอย่างไรได้ ก็เจ้าน้องตัวดียิ้มให้เขาเสียขนาดนั้น ตอนเจอเขาสายตาก็เป็นประกายเสียขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นน้องชายแท้ ๆ เขาคงถีบหน้าคว่ำไปแล้ว
“และถ้า… ผมอยากเกี่ยวล่ะ” ไทม์พึมพำ ไหวไหล่อย่างยียวนกวนบาทา
“กวนตีนว่ะ” สายฟ้าบ่นอุบ
“ทั้งสองคนเถียงกันแบบนี้ทุกทีเลย ไม่เหนื่อยหรือไงครับ” สายชลบ่นเสียงอ่อน ก่อนจะใช้มือข้างที่ว่างกอดแขนสายฟ้าไว้แน่น ในขณะที่สายฟ้าดึงมือน้องชายให้หลุดจากพันธนาการของผู้ใหญ่เจ้าเล่ห์
“เรากลับห้องกันเถอะ” สายฟ้าจูงมือน้องชายฝาแฝดไป วูบหนึ่งเขาหันกลับมายิ้มหยันให้ไทม์ ที่สุดท้ายสายชลก็เชื่อฟังตนมากกว่า แต่ดูเหมือนไทม์จะไม่สะทกสะท้าน ทั้งยังสาวเท้าเดินตามด้วยท่าทางที่โคตรชิล กระทั่งเดินตีคู่กับสายชลมาอย่างไม่สนพี่ชายหน้ายักษ์
“ตามพวกเรามาทำไม ไอ้ชลมีผมแล้ว คุณไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเดินไปส่งหรอก” สายฟ้าเอ่ยด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด
“เอ่อ พอดีผมพักบังกะโลหลังนี้ครับ ทางผ่านน่ะ”รัตติกาลดุนลิ้นที่ข้างกระพุ้งแก้ม กระตุกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขาชี้ไปยังห้องพักตรงหน้าสายฟ้าพอดิบพอดี
“ฝันดีนะครับ น้องสายชล”
“พี่ไทม์ก็เหมือนกันนะครับ ฝันดีครับ”
เมื่อสายฟ้ารู้สึกว่าตนหวงน้องจนทำเรื่องขายหน้า ส่งผลให้เขาโวยวายอย่างคนหัวเสียเพื่อกลบเกลื่อนความอายนั้น
“ไปได้แล้ว ร่ำลากันอยู่ได้”
“ครับ” สายชลหัวเราะจนไหล่สั่น แต่เมื่อเห็นหน้าดุราวกับยักษ์ปักหลั่นทำให้เด็กน้อยต้องรีบหุบยิ้มฉับ เหลือเพียงหน้าเจื่อนสนิท
“เดี๋ยวพี่ไลน์หานะ” ครั้งนี้สายชลไม่กล้าเอ่ยตอบ ทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อย ส่งสายตาหวาน คลี่ยิ้มรับอย่างรู้ใจกัน สองพี่น้องเดินกลับมายังที่พักของตนซึ่งอยู่ห่างจากห้องพักของไทม์ประมาณ 100 เมตรเท่านั้น
“พี่สายฟ้า หายไปไหนมาครับ” สายชลกอดแขนพี่ชายแน่น ศีรษะกลมอิงไหล่แกร่งอ้อนพี่ชายราวกับตัวเองเป็นเด็กน้อย
“เรื่องนั้น เอ่อ…”
“แล้วพี่ได้ไปเจอคุณรุจมาหรือเปล่า” สายชลรีบถามในสิ่งที่เขาสงสัย
“ทำไมมึงรู้…” สายฟ้าแสดงสีหน้าประหลาดใจ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่สายชลเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ก็คลายความสงสัยลงโดยทันที
“ชลก็แค่เดา” สายชลยื่นหน้าเข้าใกล้อย่างคนอยากรู้อยากเห็น
“ยังไงบ้างครับ เล่าให้ผมฟังบ้างสิ น้า… นะ”
สายฟ้าแสดงสีหน้าลำบากใจ อึดอัดอย่างเห็นได้ชัด “คือกู…”
“พี่สายฟ้าไม่รู้จะเริ่มเล่ายังไงใช่ไหม งั้นแบบนี้ พี่ย้อนเวลา หรือข้ามเวลาล่ะครับ”
“ไม่ใช่ทั้งสองอย่าง” สายฟ้าเอ่ยด้วยสายตาวูบไหว น้ำเสียงเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
“อ้าว แล้วมันยังไง”
“คือ… กูก็อยู่ที่นี่มาตลอด แต่ทั้งรอบตัว ทั้งเวลาของเรามันบิดเบือนแตกต่างกันจนกูก็สับสนว่าเรื่องจริงหรือแค่ฝันไป เหมือนกับว่าเส้นเวลามันทับซ้อนกันอยู่” สายฟ้าเล่าอย่างสับสน หัวคิ้วพันกันยุ่ง นัยน์ตาดูครุ่นคิดทว่าเลื่อนลอย เขาถอนหายใจยาว ปรากฏหยาดเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดพรายทั่วไรผมและกรอบหน้า
“นี่พี่สายฟ้ากำลังจะบอกว่าพี่หลุดเข้าไปในเอกภพคู่ขนานงั้นเหรอ แบบ Multiverse อย่างนั้นใช่ไหมครับ”
“คือกูก็ยังไม่แน่ใจสิ่งที่กูเห็น สิ่งที่ได้สัมผัสว่ามันคืออะไรนะ แต่กูมั่นใจว่าที่เห็นเป็นเรื่องจริง” สายฟ้ายืนยันอย่างหนักแน่น เมื่อเขาคิดถึงสิ่งที่เขาได้สัมผัสมาก่อนหน้านี้
“พี่สายฟ้าไม่ได้ข้ามเวลาไปอนาคตแบบผมเหรอครับ”
“ไม่นะ ที่ที่กูไปรอบตัวไม่ได้เป็นแบบนี้ ทั้งการแต่งตัว คำพูด สภาพแวดล้อมมันแตกต่างกันอยู่”
“พี่สายฟ้าเจอคุณรุจใช่ไหม เขาพูดอะไรถึงผมบ้างไหม”
“เอ่อ เรื่องนั้นก็มีนะ” เขาทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะทิ้งตัวลงบนโซฟาภายในห้องพัก แล้วยกเบียร์กระป๋องขึ้นมาดื่มอย่างใช้ความคิด พยายามข่มความกังวลเอาไว้ให้ลึกสุดใจเพื่อไม่ให้สายชลจับสังเกตได้ ทว่าสายฟ้ากลับลืมไปว่า สายสัมผัสฝาแฝดระหว่างพวกเขาทรงพลังกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก
แล้วสายชลก็รู้สึกกระวนกระวายใจจนทรุดนั่งลงกับเตียงนอน มือข้างหนึ่งกุมแน่นตรงอกด้านซ้าย นัยน์ตามีหยาดน้ำใสรื้นเต็มดวงตาร้อนผ่าว เมื่อกะพริบตาหยดน้ำตามากมายพรั่งพรูออกมาจนเจ้าตัวก็สับสนว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขา
สายฟ้าวางกระป๋องเบียร์ลงบนโต๊ะ ก่อนจะลุกขึ้นมาเต็มความสูงแล้วสวมกอดน้องฝาแฝดด้วยความรู้สึกสะเทือนใจ
เป็นเขาเองที่อ่อนแอเหลือเกินจนแทบสะกดกลั้นความรู้สึกนั้นต่อไปไม่ไหว
เป็นเขาเองที่ได้เข้าใจความรู้สึกของตัวเองแล้วว่า ไม่อยากสูญเสียน้องชายที่เป็นเหมือนครอบครัวคนเดียวไป และก็เป็นเขาเองที่ไม่สามารถข่มความรู้สึกสงสารน้องชายฝาแฝดให้ลึกสุดใจอย่างที่ตัวเองต้องการได้ หัวใจของสายฟ้าแทบแตกเป็นเสี่ยงเมื่อเขารู้ว่าแท้จริงแล้ว ชะตากรรมที่วุ่นวายของน้องชาย มันเกิดขึ้นก็เพราะพวกเขาเอง
“คุณรุจบอกกับกูว่า เวลาของมึงน่ะเหลือน้อยลงทุกทีแล้วนะ”
“เวลาของผม…”
‘เมื่อพี่สายฟ้าเอ่ยถึงเวลาที่เหลืออันน้อยนิดของผม ทำให้ผมฉุกคิดว่าแท้จริงแล้ว ผมไม่ได้กลัวการตายเหมือนกับครั้งแรกที่รู้ ผมตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ทุกเวลาให้มีค่าที่สุด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะถอดใจหรอกนะ ในเมื่อเรื่องที่เป็นไปแทบไม่ได้อย่างการที่ผมได้ข้ามเวลาไปรู้ความลับจักรวาลอย่างวันตายของตัวเองได้ มันก็น่าจะมีทางที่พอจะแก้ไขได้ แล้วทำไมผมถึงร้องไห้เหมือนหมาขนาดนี้ล่ะ ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย… แต่ก็ช่างมันเถอะ ผมยกหลังมือขึ้นมาปาดคราบน้ำตาเกรอะกรังบนหน้า สูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเพื่อสงบสติที่ฟุ้งซ่าน ก่อนจะกระชับอ้อมกอดพี่ชายสุดที่รักให้แน่นขึ้น’
“ใช่ อีก 4 เดือนกว่า มึงคิดว่าจะเปลี่ยนโชคชะตาได้ไหม”
“ผมก็ยังไม่รู้เลย เท่าที่ผมจำได้เจอคุณรุจครั้งล่าสุดน่ะ เขาบอกผมว่า ถ้าหัวใจสองดวงเชื่อมถึงกันมิติเวลาก็จะเปิด แบบนี้แล้วพี่สายฟ้าคิดว่าผมจะพอแก้ชะตากรรมได้ไหมล่ะ” สายชลตอบด้วยท่าทางสบาย ๆ ในขณะที่คนฟังคิ้วขมวด ถอนหายใจถี่จนสายชลคิดว่าต้องพาพี่ชายไปตรวจร่างกายเสียแล้ว เผื่อจะเป็นโรคหอบหืด
“ต้องได้สิวะ มีกูอยู่ด้วยทั้งคน”
“ผมจะใช้เวลาให้คุ้มค่า แต่ถ้าสุดท้ายผมต้องจากโลกนี้ไปจริง ๆ พี่อย่าโทษใครนะ” สายชลพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจัง
“เราต้องมีทางออก คุณรุจบอกพี่ว่าเราจะแก้ไขมันได้”
“ถ้าคุณรุจบอกมาแบบนั้น คงได้ล่ะครับ” สายชลเอนหลังลงเตียงหนานุ่ม ยังไม่ลืมที่จะดึงพี่สายฟ้าให้ลงมานอนคุยกันอย่างที่ชอบทำ “แล้วระหว่างพี่สายฟ้ากับคุณรุจ…”
เมื่อสายฟ้าถูกไล่ต้อนถาม ส่งให้คนหน้าเข้มเผยรอยยิ้มขึ้นมาวูบหนึ่งเมื่อเขาคิดถึงใบหน้าหล่อละมุนที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นของเจ้าของร้านกาลเวลา “กูเหนื่อยแล้ว เดี๋ยวมึงไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน” สายฟ้าพูดพร้อมกับเดินไปหยิบผ้าขนหนู แล้วโยนไปคลุมหน้าน้องชายที่หวังจะล้วงความลับ ความสัมพันธ์ระหว่างตนกับชายลึกลับผู้นั้น
“อย่าเพิ่งไล่ผมสิ บอกผมมาเถอะ ชลจะปิดปากเงียบกริบไม่บอกใครเลย”
“ไอ้เด็กนี่ ไปเลยตัวเหม็นเหมือนหมาเน่า”
“ชลเหม็นจริง ๆ เหรอครับ พี่ช่วยพิสูจน์กลิ่นหน่อยเซ่” สายชลเดินประชิดตัวสายฟ้า ก่อนจะยกรักแร้จ่อหน้าพี่ชายฝาแฝดอย่างที่คนถูกกระทำไม่ทันได้ตั้งตัว สายฟ้าถึงกับรีบผลักดันหลังให้คนเต่าเหม็นเข้าห้องน้ำไป
“มึงนี่ น่าเกลียดว่ะ เข้าไปเลยนะ”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?